ควรย้ายทุกสายการบินไปไว้ที่สุวรรณภูมิเลย แล้วให้ดอนเมืองพักผ่อนเสียที (18 คน)
	เหลือ Low Cost ไว้ที่ดอนเมืองเพื่อไม่ให้สุวรรณภูมิแน่นเกินไป (22 คน)
	อื่นๆ (3 คน)
	จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 43 คน

	41.86%
	51.16%
	6.98%

เนื่องด้วยกระทู้ E4230393
[นี่เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล และข้อคิดเห็นส่วนตัว]



สนามบินสุวรรณภูมิ

เป็นทั้งสนามบินระหว่างประเทศ และในประเทศ โดยใช้อาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินเดียวกัน แต่มีการแยกผู้โดยสารออกจากกัน
ในเฟสแรก มีหลุมจอดทั้งสิ้น 119 หลุม เป็นหลุมจอดประชิดอาคาร [Contact gate] 51 หลุม และ หลุมจอดระยะไกล [Bus gate] 69 หลุม รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน มีรันเวย์ 2 เส้น ได้แก่ รันเวย์ฝั่งตะวันตกยาว 3700 เมตร และรันเวย์ฝั่งตะวันออกยาว 4000 เมตร มีหอควบคุมการบินที่สูงที่สุดในโลกสูง 132.2 เมตร ...


อาคารผู้โดยสาร

มีทั้งสิ้น 7 ชั้น ได้แก่
ชั้น 1 : ผู้โดยสารที่เดินทางเป็นคณะ
ชั้น 2 : ผู้โดยสารขาเข้า
ชั้น 3 : สำนักงานของสายการบินต่างๆ และทางเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารกับอาคารจอดรถ
ชั้น 4 : ผู้โดยสารขาออก
ชั้น 5 : สำนักงานของสายการบินต่างๆ
ชั้น 6 : ร้านอาหาร
ชั้น 7 : จุดชมอากาศยาน

อาคารผู้โดยสาร [ขาออก]
มีเคาเตอร์เช็คอินทั้งสิ้น 11 แถวคู่ ก็คือ 22 ด้าน โดยเรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษตั้งแต่ A - V ด้านนึงมีเคาเตอร์เช็คอินประมาณ 16 เคาเตอร์
เป็นเค้าเตอร์ในประเทศ 2 แถวคู่ หรือ 4 ด้าน ได้แก่ แถว A, B, C และ D ส่วนระหว่างประเทศ 9 แถวคู่ หรือ 18 ด้าน ได้แก่ แถว E - V

อาคารผู้โดยสาร [ขาเข้า]
มีสายพานรับกระเป๋าทั้งสิ้น 24 สายพาน โดยแยกเป็นของในประเทศ 5 สายพาน ได้แก่ สายพานที่ 1 - 5 และระหว่างประเทศ 19 สายพาน ได้แก่ สายพานที่ 6 - 24 โดยแยกสายพานที่ 24 ไว้เฉพาะกระเป๋าที่เกินขนาดของทุกเที่ยวบิน

สำหรับจุดตรวจหนังสือเดินทางตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดทั้งฝั่งขาออก และขาเข้า


อาคารเทียบเครื่องบิน

มีทั้งสิ้น 4 ชั้น ได้แก่
ชั้น 1 : ส่วนทำงานของเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน
ชั้น 2 : ทางเดินผู้โดยสารขาเข้า และพื้นที่รอบอร์ดดิ้งของเกทต่างๆของผู้โดยสารขาออก
ชั้น 3 : ทางเดินของผู้โดยสารขาออก ห้องรับรองของแต่ละสายการบิน และร้าน Duty Free
ชั้น 4 : ทางเดินของผู้โดยสารขาออก ทางเชื่อมต่ออาคารผู้โดยสาร กับ อาคารเทียบเครื่องบิน และร้าน Duty Free

มีทั้งสิ้น 7 โซน ได้แก่ โซน A, B, C, D, E, F และ G
โดยโซน A และ B เป็นของเที่ยวบินในประเทศ ซึ่งมีทั้งสิ้น 12 หลุดจอดประชิดอาคาร และหลุมจอดระยะไกลอีกจำนวนหนึ่ง [ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด] ได้แก่ โซน A มี 6 หลุดจอดประชิดอาคาร และโซน B มี 6 หลุดจอดประชิดอาคาร
ส่วนโซน C, D, E, F และ G เป็นของเที่ยวบินระหว่างประเทศ โดยมีทั้งสิ้น 39 หลุมจอดประชิดอาคาร และหลุมจอดระยะไกลอีกจำนวนหนึ่ง [ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด] ได้แก่ โซน C มี 10 หลุดจอดประชิดอาคาร, โซน D มี 8 หลุดจอดประชิดอาคาร, โซน E มี 10 หลุดจอดประชิดอาคาร, โซน F มี 6 หลุดจอดประชิดอาคาร และโซน G มี 5 หลุดจอดประชิดอาคาร [และห้องรับรองพิเศษ [VIP] ]


ส่วนกำหนดการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิที่แน่นอนนั้นตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดออกมา


สนามบินดอนเมือง

ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะดำเนินการยังไงต่อไป



สำหรับผมแล้ว ผมว่าควรเปิดใช้ทั้ง 2 สนามบิน
โดยสนามบินสุวรรณภูมิใช้สำหรับสายการบินปกติทั้งระหว่างประเทศและในประเทศ
ส่วนสนามบินดอนเมืองนั้นใช้สำหรับสายการบิน Low cost, เครื่องบินส่วนตัว, เครื่องบินบุคคลสำคัญในกรณีเกี่ยวกับกองทัพอากาศ และกองทัพอากาศ หรือสายการบินปกติขนาดเล็กที่มีความประสงค์ต้องการอยู่ที่ดอนเมือง
เหตุที่คิดเช่นนี้เพราะว่า หากย้ายไปที่สุวรรณภูมิหมดก็เท่ากับไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย เพราะว่าการสร้างสุวรรณภูมินั้นสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านการบินในภูมิภาคนี้ ปัจจุบันดอนเมืองรอบรับผู้โดยสารได้ปีละ 36 - 38 ล้านคน แต่จำนวนจริงแล้วตอนนี้แทบทะลุ 40 ล้านคนต่อปีแล้ว หากย้ายไปสุวรรณภูมิหมดก็จะสามารถรองรับได้อีกไม่กี่ปี [คงได้สัก 2 - 3 ปีมั้ง] และเฟส 2 ของสุวรรณภูมิยังไม่รู้เลยว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากนำสายการบิน Low cost ซึ่งตอนนี้เป็นปัจจัยหลักของการขยายตัวทางด้านการบินในภูมิภาคนี้อยู่ ให้ใช้สนามบินดอนเมืองก็จะเป็นการลดความเสี่ยงของการขยายตัวเกินขีดรองรับของสนามบินสุวรรณภูมิได้ และยังเป็นผลดีต่อสายการบิน Low cost อีกต่างหาก ปัจจุบันปัญหาใหญ่ของสายการบิน Low cost คือ การดีเลย์ของเที่ยวบินต่างๆ ซึ่งเหตุที่ทำให้เกิดการดีเลย์ของไฟลท์ต่างๆนั้นก็เกิดจากการแออัดของสนามบินหลักอย่างดอนเมือง ถ้าหากย้ายไปที่สุวรรณภูมิหมด ปัญหานี้ก็จะไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร แต่ถ้าหากคงเหลือสายการบิน Low cost ไว้ที่ดอนเมืองปัญหานี้แทบจะหมดไป
สำหรับโครงสร้างที่ดอนเมืองในความคิดผมแล้ว อาคารผู้โดยสาร 1 ให้เปลี่ยนมาเป็นอาคารในประเทศสำหรับ Low cost และอาคารผู้โดยสาร 2 ให้คงเดินแต่ใช้สำหรับ Low cost ส่วนอาคารในประเทศหลังเดิมให้ปรับปรุงมาเป็นลานจอดและซ่อมบำรุงของเครื่องบินส่วนตัว หรือสายการบินปกติขนาดเล็กที่มีความต้องการอยู่ที่ดอนเมือง เพื่อไม่ไปรบกวนการจราจรของสายการบินขนาดใหญ่ที่สุวรรณภูมิ
สำหรับการเชื่อมโยงสนามบินทั้ง 2 แห่ง ปัจจุบันได้มีโครงการแอร์พอร์ตลิงค์เชื่อมโยงสนามบินสุวรรณภูมิกับมักกะสันซึ่งกำลังพัฒนาให้เป็นจุดเช็คอินกลางใจเมือง ซึ่งตรงมักกะสันได้ใช้ฐานบางอย่างของโครงการโฮปเวย์เก่าที่ล่มไป โดยโครงการโฮปเวย์นั้นมีแผนยาวไปถึงดอนเมืองอยู่แล้ว ถ้าหากใช้ฐานโครงการเก่าของโฮปเวย์ก็จะสามารถทำการเชื่อมดอนเมืองและสุวรรณภูมิเข้าด้วยกันได้ โดยมีจุดศูนย์อยู่ที่มักกะสันหรือในอนาคตคือ Downtown Check-in นั้นเอง แค่นี้การเดินทางระหว่าง 2 สนามบิน และจากกลางใจเมืองไปยังสนามบินทั้ง 2 แห่งก็ไม่ใช้เรื่องยากอีกต่อไป แต่ด้วยอายุของโครงสร้างเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้วนั้น จึงจำเป็นต้องทำการรื้อถอนและสร้างใหม่ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินทุนมหาศาลและเวลาที่ยาวนาน แต่ก็คุมที่จะลงทุนเพื่อให้กรุงเทพเป็นจุดศูนย์การของการบินในภูมิภาคนี้



แล้วคุณคิดว่าอย่างไร...

แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 49 00:04:42