CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เจรจาสิทธิการบินไทย-อินเดียฉลุย นกแอร์ ประเดิมสยายปีกบังกะลอร์

    ขอ.ปลื้มเจรจาสิทธิการบินไทยและอินเดียฉลุย ขยายความถี่เพิ่มได้อีก 89% ใน 9 เมืองหลักของอินเดีย จาก9.8 พันที่นั่งต่อสัปดาห์เป็น 1.8 หมื่นที่นั่งต่อสัปดาห์ ทั้งยังไฟเขียวเปิดจุดบินเสรีให้ทำการบินโดยไม่จำกัดจำนวนในอีก 18 เมือง ล่าสุดนกแอร์ กลายเป็นเสือปีนไว้ คว้าสิทธิการบินได้สำเร็จ ประกาศเปิดบินสู่บังกะลอร์ ดีเดย์ตุลาคมนี้


    นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ หรือ ขอ.เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าเมื่อไม่นานมานี้ทางกระทรวงคมนาคม ได้บรรลุข้อตกลงในดำเนินการเจรจาว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างผู้แทนไทย-อินเดีย (สิทธิการบินระหว่างประเทศไทยและอินเดีย)โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวง (นายมหิดล จันทรางกูร) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และปลัดกระทรวงการบินพลเรือนอินเดีย (Mr.Ajay Prasad) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนอินเดีย ซึ่งได้ข้อตกลงร่วมกันใน 4 ประเด็น เพื่อส่งเสริมให้มีการขยายเที่ยวบินและจุดบินระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้น


    โดยประเด็นแรก เป็นเรื่องการปรับปรุงความถี่ของเที่ยวบิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงเพิ่มความจุในเส้นทางบินของฝ่ายไทยระหว่างจุดต่างๆในไทยไปยัง 9 เมืองหลักในอินเดีย ได้แก่ กัลกัตตา, เดลี, มุมไบ, เจนไน, บังกาลอร์, กูวาฮาติ, คยา, วรราณาสี, ไฮเดอราบัด และในเส้นทางบินของฝ่ายอินเดียระหว่างจุดต่างๆในอินเดีย มายังกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต จากเดิมกำหนดไว้ 9,895 ที่นั่งต่อสัปดาห์ ปรับปรุงเพิ่มเป็น 18,671 ที่นั่งต่อสัปดาห์ โดยได้กำหนดให้การเพิ่มความจุดังกล่าวแบ่งเป็นช่วงระยะเวลาตั้งแต่กำหนดการบินประจำฤดูร้อน 2549 จนถึงฤดูการบินประจำฤดูหนาว 2552 ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มความจุขึ้นอีกประมาณร้อยละ 89


    ประเด็นที่สอง เป็นการเปิดจุดบินเสรี โดยฝ่ายอินเดียได้ตกลงเปิดจุดบินอื่นๆในอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวจำนวน 18 จุด อันได้แก่ Patna ,Lucknow, Guwahati, Gaya, Varanasi, Bhubaneshwar ,Khajuraho, Aurangabad, Goa, Jaipur, Port-Blair, Cochin, Thiruvananthapuram, Calicut, Amritsar, Vishakapatnam ,Ahmedabad และ Tiruchi ให้สายการบินของประเทศไทยสามารถทำการบินไปได้โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยวบิน โดยฝ่ายไทยได้ตกลงให้สายการบินของอินเดียสามารถทำการบินจาก 18 จุดดังกล่าวมายังจุดต่างๆ ในประเทศได้โดยไม่จำกัดเที่ยวบินเช่นกัน


    ประเด็นที่สาม เป็นข้อบทว่าด้วยการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน(โค๊ดแชร์)ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยการทำการบิน โดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันระหว่างสายการบินคู่ภาคี และสายการบินภาคีเดียวกันไว้ในความตกลงฯ เพื่อให้สายการบินของทั้งสองฝ่ายสามารถขยายความร่วมมือในด้านการเครือข่ายการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น


    ส่วนประเด็นสุดท้ายเป็นเรื่องของความตกลงทางพาณิชย์ระหว่างสายการบิน ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงให้มีการยุติการใช้ความตกลงทางพาณิชย์ระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด และ สายการบินแอร์อินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีผลในการลดภาระค่าใช้จ่ายของบริษัท การบินไทย จำกัด ที่จะต้องให้ผลตอบแทนชดเชยให้กับแอร์อินเดียในการทำการบินไปยังเจนไน บังกาลอร์ และมุมไบ


    ทั้งนี้การที่ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกเรื่องสิทธิการบินดังกล่าวได้สำเร็จ หลังมีการเจรจามานาน จะทำให้ทั้ง 2 ประเทศ มีการให้บริการเที่ยวบินระหว่างกันเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเปิดจุดบินใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการขยายตัวของธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวของไทยและอินเดีย โดยในขณะนี้มีสายการบินต่างๆของคนไทย ทำเรื่องมายังขอ.เพื่อนำเปิดทำการบินตามสิทธิที่มีการเจรจาเพิ่มนี้ ซึ่งขอ.ได้อนุมัติไปแล้วสายการบิน ที่จะพิจารณาให้สิทธิในการบินโดยอิงว่าสายการบินใดทำเรื่องขอเปิดบินเข้ามาก่อน ก็จะให้สิทธิสายการบินนั้นก่อน เนื่องจากเส้นทางบินอินเดีย เป็นจุดที่มีโอกาสในการดำเนินธุรกิจที่ดี เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการมาก นายชัยศักดิ์ กล่าวในที่สุด


    ด้านนายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ทางนกแอร์ ได้รับอนุมัติจากขอ.ในการเปิดจุดบินเข้าสู่อินเดียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากรัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศได้เจรจาสิทธิการบินเพิ่มเติมได้สำเร็จ ซึ่งอินเดียจะเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศ เส้นทางแรกของนกแอร์ และเป็นสายการบินต้นทุนต่ำสายแรกของเอเชียที่เปิดบินเข้าอินเดียด้วย โดยสายการบินจะเปิดทำการบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-บังกะลอร์ ในเดือนตุลาคมนี้ จำนวน 1 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เป็นเครื่องบินลำที่ 4 ที่เช่ามาจากการบินไทย


    ทั้งในปีหน้า ยังมีแผนจะเปิดจุดเข้าอีกหลายเมืองในอินเดีย ได้แก่ เมืองไฮเดอร์ราบัดในปีหน้า และเมืองเชนไน ในปีถัดไปด้วย เนื่องจากในขณะนี้สายการบินกำลังอยู่ระหว่างทำแผนการเช่าเครื่องบิน ขนาด 160 ที่นั่งเพิ่มอีก ซึ่งจะเป็นการเช่าจากบริษัทเช่าเครื่องบินโดยตรง ไม่ได้เช่ามาจากการบินไทย เพราะการบินไทยมีเครื่องบินจำกัดและต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจ


    "การที่นกแอร์ ตัดสินใจเปิดเที่ยวบินเข้าสู่อินเดีย เพราะตลาดอินเดีย เป็นตลาดที่ทำราคาต่ำได้ และลูกค้าที่ใช้บริการสายการบิน ก็จะเป็นคนละตลาดกับลูกค้าของการบินไทย ประกอบกับในขณะนี้การขยายตัวของธุรกิจสายการบินต้นทุนต่ำในอินเดียมีการขยายตัวสูงมาก เพราะประชากรในอินเดียมีสูงถึง 350 ล้านคน จึงเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ทำให้ปัจจุบันมีสายการบินต้นทุนต่ำที่เปิดทำการบินในประเทศอินเดียแล้วหลายสาย อาทิ Spice Jet , คิงฟิชเชอร์,แอร์เดกคัน,โก แอร์ เป็นต้น "


    นายพาที ยังกล่าวต่อว่า สำหรับการเตรียมตัวของนกแอร์ ในการเปิดจุดบินเข้าอินเดียนั้น ในขณะนี้สายการบิน กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับแอร์เดกคัน ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ในการทำแผนการร่วมมือในการดำเนินธุรกิจในลักษณะการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เช่น การพัฒนาการซื้อตั๋วเครื่องบินของทั้งสองสายการบินผ่านเว็บไซด์ของทั้ง 2 สายการบิน เป็นต้น ซึ่งก็จะการขยายตลาดร่วมกัน เพราะนกแอร์ จะเปิดจุดบินจากกรุงเทพฯเข้าสู่อินเดีย และแอร์เดกคัน ก็เป็นบินเส้นทางบินในประเทศอินเดียอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเดินทางเพิ่มขึ้น  

    ฐานเศรษฐกิจ
    http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=M2821052&issue=

    จากคุณ : Jelio - [ 17 เม.ย. 49 22:23:20 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป