June 06 และแล้วก็หมดฤดูกาล audit สำหรับปีนี้แล้ว รีบ Take annual leave เป็นเวลา 2 อาทิตย์ก่อนที่จะไม่ได้ลีฟอีกแล้ว พร้อมกันนั้นก็รีบจองตั๋วรถไฟ ขบวนกรุงเทพ บัตเตอร์เวิร์ธ แต่ผมไม่ได้ไปจนสุดปลายทางเมืองบัตเตอร์เวิร์ธ ประเทศมาเลเซีย หรอกนะ เพราะจุดหมายการผจญภัยแบบ Backpack คนเดียวทริปนี้ก็คือ เมืองหาดใหญ่ จังหวัด สงขลา ตีตั๋วรถไฟได้ตู้นอนชั้นล่าง (เพื่อนบอกมาว่าจะนอนให้สบายต้องชั้นล่างเท่านั้น ถ้าเป็นชั้นบนจะไม่ได้นอนดูดาว) อ่ะนะ ..ตื่นเต้นเล็กน้อยกับการเดินทางเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางโดยรถไฟแบบตู้นอน อาจเป็นเพราะผมมีเวลาเหลือเยอะด้วยครั้งนี้ เลยไม่ได้ตีตั๋วเครื่องบิน ราคาตู้นอนชั้นสอง ไปหาดใหญ่ก็ประมาณ 900 กว่าบาท
วันที่ 9 มิ.ย. 2549 เวลา 14.45 ณ สถานีรถไฟชุมทางสามเสน Auditor หนุ่มหน้าตาดี มีสกุลรุนชาติคนเดิม พร้อมแล้วคับ กับการเดินทางอีกครั้งนึงของชีวิต ... ณ สถานีรถไฟสามเสน ก็เสร่อแดกอีกแล้วเรา วันนี้วันเฉลิมครองราชย์ 60 ปีชาวบ้านชาวช่องเขาใส่เสื้อเหลืองกันทั้งประเทศ แต่ Backpacker หนุ่มหน้าตาดีคนนี้น่าละอายสิ้นดี ใส่ซะสีชมพูแปร๋น ทำเอาเสีย self เล็กน้อย ทำไงได้ก็คนไม่มีอ่ะ ไม่มีเวลาไปหาซื้อด้วย (อย่าด่ากันนะคับ ยังไงก็แก้ตัวไม่ขึ้นใช่ไหม) รถไฟขบวนที่ 35 ตู้ที่ 4 ที่นั่งที่ 22 ของเราก้อสะดวกสบายมาก ที่นั่งก็กว้างขวางเท่ากับที่นั่งสองคนในชั้นสามประมาณนั้น รถไฟค่อย ๆ เคลื่อนออกจากกรุงเทพฯ บรรยากาศความพลุกพล่านของเมืองหลวงก็ค่อย ๆ จางลง ๆ แต่กลับถูกแทนที่ด้วยทุ่งนา และภาพวิถีชีวิตแบบชนบทที่แสนจะคลาสสิค ช่างเหมาะเจาะกับการเดินทางด้วยเจ้าหนอนเหล็กยักษ์นี่เหลือเกิน ขบวนรถด่วนที่นั่งนี่ก็จอดน้อยสถานีชุมทางมาก ส่วนมากที่จอดจะเป็นชุมทางใหญ่ ๆ ข้อเสียของการนั่งรถไฟชั้นสองก็คือไม่ค่อยมีของกินขึ้นมาขายเหมือนชั้นสามเลย ที่รถจอดสถานีไหนแค่กวักมือเรียกแม่ค้าข้าง ๆ สถานีเท่านั้น บริการแบบ delivery อย่างทันด่วนก็จะมาถึงตัวในไม่ช้า มีให้เลือกสรรนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว ขนมหม้อแกง ลูกอม ยาดม ยาลม ยาหม่อง ฯลฯ ตอนนี้ก็เย็นแล้วพระอาทิตย์เริ่มทอแสงเป็นประกายวาววับ ฉาดแสงสีแดงอมส้มตัดกับท้องฟ้าสีคราม บรรยากาศมันช่างรู้สึกเหงา ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ชุมทางนครปฐม ป้ายสัญลักษณ์บ่งบอกสถานี "แล้วนี่เราก็มาไกลถึงนครปฐมแล้วสิ" ภาพเบื้องหน้าก็คือ พระปฐมเจดีย์ เป็นการตอกย้ำป้ายสถานีที่ได้เห็นเมื่อสักครู่ว่านี่คือนครปฐมของจริง ไม่ได้โกหก... ว่าแล้วก็หิวซะแล้ว ตู้เสบียงของขบวนนี้ก็เป็นที่ฝากท้องของผมในวันนี้ เมนูอาหารก็เหมือนร้านทั่ว ๆ ไป ไม่ได้มีอะไรดูแปลก แหวกแนวเป็นพิเศษ นึกเล่น ๆ ฝ่ายการตลาดของการรถไฟฯ น่าจะมีการรวมเมนูจานเด็ดของแต่ละชุมทางที่ขบวนรถนั้นวิ่งผ่านนะ เพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยวและเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับบริการบนรถไฟ (ไอเดียบรรเจิดจริงๆ กรู) สุดท้ายก็สั่งรายการอาหารที่แสนจะหรูซะ
ต้นกล้า : พี่ ๆ เอาข้าวผัดหมู ไข่ดาว กับต้มยำกุ้งคับ
พนักงาน : รับน้ำอะไรดีคับ
ต้นกล้า : พี่มี Heineken ขวดเล็ก หรือกระป๋อง ป่าวคับ
พนักงาน : ไม่มีคับ มีแต่ขวดใหญ่
ต้นกล้า : ขวดใหญ่กินคนเดียวไม่หมดอะพี่ กระป๋องก็ไม่มีเหรอคับ งั้นเอาน้ำเปล่าแล้วกัน
พนักงานก็เอาน้ำเปล่า 1 ขวดพร้อมแก้วเปล่ามาเสริฟ
ต้นกล้า : พี่โทษที เปลี่ยนเป็นเป็ปซี่ กระป๋องแล้วกันคับ
ต้นกล้า : พี่ ๆๆๆ เป็ปซี่ไม่เอาแล้ว เปลี่ยนเป็น Heineken ขวดใหญ่คับ
สั่งซะตั้งแต่ทีแรกก็สิ้นเรื่อง เพราะสุดท้าย Heineken ขวดใหญ่นั้นก็ถูกซดซะหมดเกลี้ยงภายในไม่กี่อึดใจ อย่างกับโดนพวกอดอยากแอลกอฮอล์มาเป็นเวลานาน แต่อารมณ์ตอนแรกอยากเป็นเด็กดีอะคับ อารมณ์แบบสร้างภาพนิดนึง เดี๋ยวเขาก็รู้กันหมดทั้งตู้เสบียงว่าไอ้นี่อะ ขี้เอา เฮ้ออย ขี้เหล้า เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าการจิบเบียร์บนรถไฟที่วิ่งเอื่อย ๆ มีแต่ภาพทุ่งนาป่าเขา สายฝนโปรยปรายเล็กน้อย เติมเต็มบรรยากาศด้วยเพลงคลาสสิคเก่า ๆ ที่เปิดบนตู้เสบียง มันชิวเจง ๆๆๆ อารมณ์เปลี่ยวแบบนี้ถ้ามีคนรู้ใจมาด้วยก็คงดีสินะ คิดแล้วก็ฟุ้งซ่านอีก อิอิ
แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 49 20:10:24