เนื่องจากระยะนี้มีคนถามเรื่องสุขภาพและการบินมามากครับ ผมจึงคิดว่า น่าจะรวบรวมและสรุปเรื่องที่ผู้โดยสารควรรู้ มาบอกกัน จะได้เป็นประโยชน์กับผู้โดยสารครับ บางคำอาจไม่ตรงตามตำรานัก แต่เพื่อความเข้าใจง่าย เลยต้องดัดแปลงเป็นภาษาที่คนอ่านแล้วไม่ต้องแปลครับ แต่บางคำขอทับศัพท์นะครับ
จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผลที่ความสูง ความกดดันต่ำและอากาศเบาบางจะส่งผลต่อร่างกายของมนุษย์ครับ
ผลของความสูงต่อมนุษย์
เมื่อความสูงเปลี่ยน จะมีผลต่อมนุษย์5ข้อครับ
1. การกดดันของอากาศที่เราหายใจ จะน้อยกว่าที่เราหายใจที่พื้น
2. เมื่อความกดอากาศลดลง O2ก็จะเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลงด้วย อาจเข้าสู่ภาวะ ขาดO2ได้(Hypoxia)
3. ความกดดันรอบตัวจะน้อยกว่าที่ระดับพื้นล่าง
4. ต้องออกแรงพูดมากกว่าเดิมจึงจะได้ยินเท่าเดิม
5. ไอ หรือสำลักเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากหลอดลมได้ยากขึ้น
ผลทางสรีรวิทยาเมื่อทำการบิน
ที่ความสูงมากๆ ความกดดันจะลดดังที่กล่าวไว้นะครับ จะมีผลคือ
ก๊าซที่อยู่ในร่างการจะมีการขยายตัว นั่นหมายความว่า ก๊าซในกระเพาะจะขยายตัวด้วย หากดื่มน้ำอัดลมก็อาจจะมีอาการท้องอืดได้ ส่งผลให้ท่านอาจเรอ หรือตดแตกครับ
การป้องกัน
ระหว่างบินขึ้นไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่ง
ก่อนบินควรหลีกเลี่ยงน้ำอัดลม
หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให่เกิดก๊าซเช่น หัวหอม กะหล่ำปลี แอ๊ปเปิ้ล ถั่ว แตงกว่า แตงโม
หูชั้นกลาง
การเปลี่ยนแปลงปริมาตรก๊าซในหูชั้นกลาง ก่อปัญหาในการบินมากที่สุด โดยเฉพาะตอนลดระดับ ทำให้เกิดการไม่เท่ากัน ระหว่างความดันหูชั้นกลางกับหูชั้นนอก เกิดอาการเจ็บปวด
ในหูของเรา จะมีท่อเล็กๆที่เรียกว่า Eustachain tubeติดต่อกับส่วนคอ ซึ่งท่อนี้ จะคอบระบายอากาศในช่องหูให้เท่ากับภายนอก แต่ว่า มันเป็นการระบายด้านเดียว คือระบายจากหูชั้นกลาง ออกไปภายนอก ระบายเข้าไปไม่ได้
ดังนั้นเมื่อบินไต่ระดับ ก๊าซในหูจะพองตัวออก เราจะรู้สึกตึงๆ แต่ไม่นานก๊าซก็จะถูกระบายออก
แต่ในการลดระดับ ความดันในหูจะน้อยกว่าภายนอกทันที ทำให้แก้วหูถูกดันเข้าภายใน ถ้าปล่อยไว้นานเข้า Eustachain tube อาจจะปิดตัวเองเลย จะปวดมาก อาจถึงแก้วหูทะลุได้
ดังนั้นเมื่อเริ่มเกิดอาการ เราบรรเทาด้วยการ กลืน หาว เกร็งกล้ามเนื้อคอ ซึ่งจะช่วยเปิดช่องระบายได้
ถ้าไม่สำเร็จให้ทำการ Valsava คือการหายใจเข้าลึกๆ ปิดปาก ปิดจมูก แล้วเป่าลมออกแรงๆสั้นๆ
การเป็นหวัดจะมีผลให้ Eustachain tube บวม และท่อตีบ ทำให้ระบายอากาศได้ลำบาก จึงไม่ควรบินขณะเป็นหวัด
และขณะเป็นหวัด อาจมีการบวมของโพรงไซนัสได้ ซึ่งเมื่อความกดดันเปลี่ยน อาจจะเกิดการปวดรอบๆกระบอกตา หรือrefer pain มาเป็นปวดฟันบนทั้งแถบได้
ผลต่อปอด
หากเกิดการแตกของห้องโดยสาร จะมีการเสียความดันอากาศอย่างรวดเร็ว และผู้โดยสารจะตกใจ และเกิดการกลั้นหายใจ ซึ่งเป็นวิธีที่อันตรายครับ เพราะอาจจะทำให้ปอดแตกได้ จึงต้องหายใจออกเพื่อระบายความดันในปอดออกไปป้องกันปอดแหกครับ อิอิ แล้วค่อยคว้า mask มาใส่เพื่อหายใจต่อไป
Decompression sickness(อาการที่เกิดจากก๊าซเป็นฟองในร่างกาย
ซึ่งจะเกี่ยวกับไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่
ปัจจับที่เกี่ยวข้อง
1.อัตราการไต่ ความสุงและระยะเวลาที่อยู่ในที่สูง -ถ้าใต่เร็ว สูงมาก อยู่นาน จะส่งให้เกิดอาการได้มาก
2.การออกกำลัง - ไม่ควรออกกำลังขณะทำการบินเพราะจะทำให้เกิดอาการได้มากขึ้น
3.อายุและความอ้วน - คนอายุมากและคนอ้วน จะเกิดได้ง่ายกว่าคนผอมและหนุ่ม
4.ความทนทานของแต่ละบุคคล
5.การดำน้ำก่อนการบิน - ผู้ที่ดำน้ำลึกเกิน 30ฟุต ต้องงดบินหลังดำน้ำ 24ชั่วโมง ไม่งั้นเลือดจะเป็นฟองครับ
การขาดอ๊อกซิเจน(Hypoxia)
เกิดจากการที่บินสูงแล้วอกกาศจะน้อย หรือเมื่อเครื่องบินมีการรั่วของลำตัวเครื่องบิน
อาการที่เกิดจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน และแต่ละวันก็จะไม่เหมือนกันด้วย อาการมีดังนี้ครับ
เหมือนหนามตำ เขียวคล้ำ ชาๆ คลื่นไส้(ไม่บ่อย) วิงเวียน กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสาน ปวดศรีษะ(ไม่บ่อย) มีความสุขเคลิบเคลิ้ม หนาวๆร้อนๆ ความคิดสับสน การมองเห็นแย่ลง หายใจถี่ลึก รู้สึกหายใจไม่อิ่ม รู้สึกสบายล่องลอย
ระยะเวลาที่เราจะมีสติได้เมื่อขาดอ๊อกซเจนที่ความสูงต่างๆ
18,000ft : 20-30 นาที
22,000ft : 10 นาที
25,000ft : 3-5 นาที
28,000ft : 2-3 นาที
30,000ft : 1-2 นาที
35,000ft : 0.5-1 นาที
40,000ft : 15-20วินาที
43,000ft : 9-12 วินาที
หากเกิดอาการแบบนี้ต้องระวังตัว และรีบแจ้งโดยด่วนครับ
นึกออกแค่นี้ เด๋วนึกออกเพิ่มเติมจะมาใหม่ครับ
ลป. ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือสรีรวิทยาการบิน ของสถาบันเวชศาสตร์การบินครับ ขอบคุณที่สอนผมครับ
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 49 21:31:57
จากคุณ :
ฮันนิบาลที่รัก 
- [
วันอาสาฬหบูชา 21:17:40
]
ผลของการบิน ที่มีต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์
