ความคิดเห็นที่ 1 คุณหมอผอม ห้ามพลาด การไปเดินเล่น ในสวนพฤกษศาสตร์ประจำเมีอง “Royal Botanic Gardens” เด็ดขาด เลย นะคะ Siamese Girl ขอร้อง ไม่งั้นคุณหมอ จะเสียใจค่ะ ไปขี่จักรยานเล่น ขี่จากในเมีองไป ที่ St.Kilda ด้วย ไปเดินเล่นที่ Queen Victoria Market ค่ะ ที่นั่นไม่มีอะไร น่าซี้อ แต่ควรจะไปเอาบรรยากาศค่ะ เพราะมันเป็นตลาดใหญ่ ที่มีของขายหลากหลาย ทั้งของกิน ของใช้ ไปนั่งรถราง “Tram” ไปหาอาหาร Greek รับประทาน เพราะที่ Melbourne มีชุมชนชาวกรีก ที่อาศัยอยู่ นอกปท. Greece ที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ เสียดายนะคะ ที่คุณหมอผอม มีเวลาไม่กี่วัน ไม่งั้นก็ ต้องห้ามพลาด เส้นทางสาย The Great Ocean Road นะคะ แล้วก็วกกลับเข้ามาเที่ยวทางแถบ เทีอกเขา The Grampians คุณหมอผอม ต้องซี้อ Day Tour ไป Ballarat หรีอไป Phillip Island ไปดูนก Penguin เขาเดิน Parade กันนะคะ ไป Melbourne ก็ต้องไป “Crown Entertainment Complex” ริมฝั่ง Yarra River ด้วยนะคะ ชั้นล่างเขามี Food Court มีอาหารขายเพียบเลย นอกนั้นก็มีร้านรวงต่างๆ และ มี..... Crown Casino ที่ พวกแมลงเม่า ชอบบินไปเข้ากองไฟ กันค่ะ รอท่านถัดไป มาช่วยออกความเห็นด้วยนะคะ เพราะ สาวสยาม ไป Melbourne มาครั้งหลังสุด ก็ 4 ปีกว่าๆ หย่อน 5 ปี ไปไม่เท่าไหร่ นะคะ Weblink นี้ เป็นข้อมูลท่องเที่ยว Melbourne ของ Lonely Planet นะคะ http://www.lonelyplanet.com/worldguide/destinations/pacific/australia/melbourne ส่วน Weblink เป็นพยากรณ์อากาศ Melbourne ของ สำนักข่าว BBC ค่ะ http://www.bbc.co.uk/weather/5day.shtml?world=0094 เที่ยวให้หนุกหนาน เลยนะคะ คุณหมอ FYI & best wishes จากคุณ : Siamese Girl - [ วันเข้าพรรษา 03:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 The Great Ocean Road 1 วัน Phillip Island 1วัน ครับ ไปซื้อทัวร์ Day Trip ที่นั่นเลยครับ มีหลายแบบ 60-150 เหรียญแล้วแต่ 2-5 ดาวครับ ไปที่ Touirst Info หรือ Visitor Centre แถว Federal Square มีรายละเอียดราคาทัวร์และที่พักพร้อมจองครับ ผมเข้าใจว่าอีก 2 วันที่เหลือน่าจะเป็นวันไปและกลับ ไปถึงกลางคืนดึกวันกลับคง 4-5 โมงเย็น หรือไม่ก็ถึงเช้ากลับก็รอบดึก (ถ้าจำไม่ผิด) เผื่อเที่ยวในเมืองครึ่งวัน ซื้อทัวร์คงราว 50 เหรียญ หรือไม่ก็หาข้อมูลจาก internet หรือตามทีคุณ Siamese Girl แนะนก็ได้ครับ ไปถึง St Kilda ขี่จักรยานคงเหนื่อย ถ้าพักในเมืองนั่ง tramp แบบฟรี เที่ยวสวน Botanic บ้านกัปตันคุ๊ก ผมว่านั่ง tramp ลงเป็นจุดๆ ก็หมดเวลาไปหลายแล้วครับ Queen Victoria Market นั่งรถรางแบบเสียเงินไปถึงครับ แต่เหมาะกับการซื้อของฝากสำหรับหลายๆ คน เช่นตุ๊กตาหรือพวลกุญแจตัวเล็กรูป จิงโจ้ หมีโคล่า อื่นๆ อีกเพียบ ราคาต่อรองได้ ขอให้สนุกนะครับ อย่าลืมกิน shark burger ระหว่างทางไป great ocean road หรือกิน fish and chip ระหว่างทางไปเกาะฟิลิปครับ จากคุณ : jimmypratya (jimmypratya) - [ วันเข้าพรรษา 09:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยกับคุณ Siamese Girl ครับว่าเวลา 4 วันในเมลเบิร์นน่ะ น้อยจริงๆครับ เมื่อเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ทั้งในตัวเมือง Melbourne และรอบๆ ผมขอเอารายละเอียดของท่านอื่นๆมารวบรวมจัดเป็นทริป 4 วันดูนะครับ วันแรก Melbourne Preview Melbourne เป็นเมืองที่มีความสวยงามและมีความหลากหลายทั้งทางด้านศิลปะ และภูมิทัศน์มากๆ ดังนั้นการจะเที่ยวชมเมืองให้ทั่วอย่างละเอียดภายในวันเดียวจึงเป็นไปไม่ได้เลยครับ ผมจึงขอแนะนำเดย์ทัวร์ที่เขียนขึ้นมาเองเพื่อนำชมเมืองเมลเบิร์นแบบ overview โดยอ้างอิงจากเส้นทางของ City Circle Tram ที่เป็นรถรางที่วิ่งรอบๆเมืองเป็นบริการฟรีจาก Council of Melbourne ครับ คุณหมอผอม สามารถขึ้นๆลงๆ กี่รอบก้อได้ครับ ความถี่ของเจ้า City Circle Tram ก็ประมาณ 10 นาทีต่อคันครับ   ดูจากแผนที่ของโรงแรมที่นี่แล้ว http://www.themiami.com.au/images/miami_map.pdf จะเห็นสถานที่ตั้งของโรงแรมที่อยู่ด้านเหนือของ Central Business District (CBD) (CBD หมายถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใน Grid ที่ถูกกำหนดไว้โดยนายช่างคนที่วางผังเมืองเมลเบิร์นตั้งแต่ราวปี 1800 โน่นครับ เมื่อดูจากแผนที่แล้วจะเห็นว่า Grid ของเมืองคืออาณาเขตพื้นที่ภายในถนน 4 เส้น คือ Spencer Street / Flinder Street / La Trobe Street และ Spring Street ) คุณหมอผอมจะเห็นเส้นประสีเหลืองนะครับ เส้นประจะเป็นเส้นทางการให้บริการของ city circle tram ครับ จากหน้าโรงแรมเราคงจะต้องออกแรงเดินกันหน่อยนะครับ ก้อไกลโขอยู่ครับแต่ไม่น่าจะเกิน 1 กิโลแม้ว (อิอิ ล้อเล่นครับ) กิโลเมตรครับ เดินเพลินๆ ชมบ้านชมเมืองลงมาตาม Spencer Street ครับ จนมาถึงแยก Spencer Street ตัดกับ La Trobe Street  จากตรงจุดนี้ คุณหมอสามารถเลือกขึ้นแทรมได้ 2 ทิศทางครับ ทางแรกจะไปทางซ้ายทาง Telstra Dome หรือจะเป็นทางขวาที่เป็นทิศทางเข้าเมืองก้อได้ ผมเลือกให้ไปทางซ้ายครับไปเที่ยว Telstra Dome ก่อนครับ รู้สึกว่าป้ายแทรมตรงนี้จะอยู่บนถนน La Trobe นะครับ คุณหมอต้องข้ามถนน La Trobe มาครึ่งนึง แล้วก้อข้ามรางแทรมก่อนครับ ป้ายแทรมจะอยู่กลางถนนพอดีครับ จุดแรกเลยก็จะเป็น Telstra Dome เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่มากๆ ครับ โดยมี บริษัท Telstra ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลียเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนในการสร้าง หลักๆแล้วจะใช้เป็นที่จัดการแข่งขัน Footy หรือ Australian Rules Football ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติออสเตรเลียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเมลเบิร์นเนี่ยนจะรักกีฬาประเภทนี้มากๆครับนัยว่าเป็นที่ให้กำเนิดกีฬา Footty ครับ สำหรับเจ้า Telstra Dome นี่สามารถเข้าชมภายในได้ครับจะมีไกด์นำชมเป็นรอบๆเฉพาะวันที่ไม่มีการแข่งขันนะครับ คลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ครับ http://www.telstradome.com.au/page/default.asp?site=1&page=TOUR_Main จุดที่2 เลยจาก Telstra Dome มา 1 Stop (1ป้าย) ก็จะถึงบริเวณที่เรียกว่า Dockland นะครับ เดิมบริเวณนี้เป็นอู่เรือ และท่าเรือขนส่งสินค้า ต่อมาก็กลายเป็นแหล่งเสื่อมโทรมรกร้าง จนสภาเมืองเห็นว่าเมืองเมลเบิร์นมีความจำเป็นที่จะต้องขยายเมืองออกไปอีกจึงได้มีการพัฒนาพื้นที่ในส่วนนี้ขึ้นเป็นแหล่งที่พักอาศัยชั้นดี และอาคารสำนักงานเพื่อเป็นการกระจายคนออกมาจาก CBD บริเวณที่เป็นอาคารโกดังสินค้าก็ถูกปรับปรุงให้ใช้เป็น function room เมื่อเดินไปทางขวาก็จะเป็นส่วนของเมืองใหม่หรือที่เรียกว่า New Quey ถ้าเป็นวันอาทิตย์หรือวันหยุดเทศกาลบริเวณนี้จะมีชีวิตชีวามากครับ จะมีเมลเบิร์นเนี่ยนมาเดินเล่นริมทะเลกันเต็มไปหมด นอกจากนั้นบริเวณ New Quey นี้ยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารมากมายหลากหลายอีกด้วย ผมได้ไปชิมร้าอาหารโมรอคกันมาครับ อร่อยมากๆทีเดียว เมื่อเดินย้อนกลับมาและเดินเลียบไปตามริมฝั่งจะพบกับผลงานศิลปะที่จัดแสดงไว้หลายชิ้นทีเดียว เค้าว่ากันว่าเมลเบิร์นนี่เป็นเมืองแห่งศิลปะครับ เพราะฉะนั้นไม่ว่าอยู่ที่จุดไหนๆของเมืองให้ลองสังเกตุดีๆอาจจะเห็นงานศิลปะซ่อนอยู่ได้ครับ เมื่อเดินมาจนสุดตรงหน้า อาคารสำนักงานใหญ่ของ National Bank นะครับก็ข้ามถนนมารอขึ้นแทรมอีกด้านนึงครับ จำไว้ว่าไปทางซ้ายตลอดครับ อิอิ แทรมจะวิ่งผ่านส่วนที่เคยเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่ามาก่อนที่เรียกว่า Wetland ซึ่งตอนนี้กำลังพัฒนาให้มาเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ครับ จากนั้นแทรมก้อจะวิ่งผ่านบริเวณที่เป็นอาคารคลังสินค้าเก่าครับ ในสมัยก่อนสินค้าทุกอย่างที่มาถึงเมลเบิร์นทั้งทางบกและทางน้ำจะต้องมาพักที่อาคารพักสินค้านี้ก่อนทั้งนั้นครับ อ้อ คุณหมอลงจากแทรมไปเดินชมได้นะครับ เด๋วค่อยกลับมาขึ้นแทรมใหม่อีกได้ครับ จุดที่ 3 อาคาร World Trade Centre / Police Museum / Polly Woodside Melboure Maritime Museum จากป้ายหยุดรถตรงนี้เราสามารถเที่ยวชมได้ทั้ง 3 แห่งครับ แห่งแรกคือ อาคาร World Trade Centre จะเป็นอาคารสำนักงานทำการของ World Trade Organization สำนักงานสาขาเมลเบิร์น เมื่อเดินข้ามสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ Yarra ไปอีกด้านจะเป็นอาคารจัดแสดงสินค้าขนาดใหญ่ ว่ากันว่าเป็นอาคารโครงสร้างเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ทีเดียวครับ จากนั้นเราเดินต่อไปที่จุดที่สองได้คือ Polly Woodside Melboure Maritime Museum ที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาในการเดินเรือของเมลเบิร์นและของออสเตรเลีย จุดเด่นของ Polly Woodside Melboure Maritime Museum ก็คือ Tall Ship จำลองที่ลอยลำอยู่ในน้ำหน้า พิพิธภัณฑ์นี่ละครับ จากคุณ : ทนายอ้วน สาวก AF3 (ทนายอ้วน) - [ วันเข้าพรรษา 11:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จุดที่ 4 Melbourne Aquarium / The Observation Deck ; Melbourne from the top view จุดที่ 4 นี้คุณหมอต้องมาลงหน้าร้าน 7/11 ครับ แล้วเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง แล้วก็ลอดใต้สะพานทางรถไฟก็จะมาถึง Melbourne Aquarium ครับ ค่าเข้าชม 23 เหรียญครับ แต่ถ้าคุณหมอหยิบ guide book ที่แจกฟรีที่สนามบินมาก็สามารถนำบัตรส่วนลดที่อยู่ด้านหลังปกมาใช้ได้ครับ เลยมาหน่อยตรงแยกถนน King Street เดินขึ้นไปประมาณ 1 block จะเจอ อาคารเลขที่ 512 Collins Street บนชั้น 55 จะเป็นที่ตั้งของ Melbourne Observation Deck ด้านบนจะเป็นกระจกใสโดยรอบทำให้สามารถมองเห็นทิทัศน์ของเมลเบิร์นได้ไกลมากๆครับ จุดที่ 5 Immigration Museum Immigration Museum ตั้งอยู่บนถนน Flinder Street ระหว่าง William Street และ Market Street ครับ รู้สึกว่าจะเลยไปอีกประมาณ 2 ป้ายนะครับ ที่นี่จะเป็นที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมืองเมลเบิร์นและการอพยพเข้ามาอาศัยในเมลเบิร์นของผู้คนหลากหลายสัญชาติ ผมคงต้องเล่าให้คุณหมอฟังย่อๆก่อนนะครับว่าเมืองเมลเบิร์นจะมีลักษณะที่เรียกว่า Culture Pot คือเป็นที่รวมของผู้คนหลากหลายสัญชาติที่อพยพเข้ามาหลายช่วงเวลาตั้งแต่สมัยการแสวงอาณานิคมที่จะมีชาวอังกฤษที่มาแสวงหาที่ทำกินใหม่ๆ ต่อมาก็เป็นยุคตื่นทองที่มีทั้งชาวยุโรปและเอเซียโดยเฉพาะชาวจีนเดินทางเข้ามาแสวงโชคกันเป็นจำนวนมาก ต่อมาก็จะเป็นการอพยพเข้ามาในสมัยสงครามโลก และสุดท้ายก็เป็นการโยกย้ายสัญชาติแบบสมัยใหม่เช่นการแต่งงาน การมาศีกษาต่อ และรวมไปถึงการย้ายถิ่นฐานตามญาติที่ได้อพยพมาก่อนแล้ว รายละเอียดเหล่านี้ชมได้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ ค่าเข้าชม 6 เหรียญครับ ไม่แน่ใจว่าใช้บัครลดได้หรือเปล่านะครับลองถามเจ้าหน้าที่ดูครับ จุดที่ 6 Flinder Street Station ระหว่างทางมาจุดที่ 5 จะผ่านโรงแรม Duxton ครับเป็นโรงแรมเก่าแก่แห่งแรกๆของเมลเบิร์นเชียวนะครับ Flinder Street Station ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนที่เคยมาเมลเบิร์นจำได้มากที่สุดครับ เนื่องจากว่าไม่ว่าคุณหมอจะไปไหนมาไหนก็จะต้องผ่านเจ้าสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารสีเหลืองสด ตัดกับสีโดมทองแดงที่กลายเป็นสนิมสีเขียวหม่น Flinder Street Station เป็นสถานีรถไฟที่มีขนาดใหญ่มากๆเป็นรองก็แต่เจ้า Spencer Street Station หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่ซะเก๋ไก๋ว่า Southern Cross Station แต่จะทำหน้าที่แตกต่างกันเล็กน้อยครับ ในขณะที่ Southern Cross Station จะเป็นสถานีที่เป็นศูนย์กลางของรถไฟที่เดินทางออกไปทั่วรัฐวิคทอเรีย Flinder Street Station จะเป็นศูนย์กลางของการเดินทางโดยรถไฟทั่วเมลเบิร์นและปริมณทล หรือที่เค้าเรียกกันว่า Suburb ครับ ฝั่งตรงกันข้ามกับ Flinder Street Station จะเป็นลานกว้างๆ คือ Federation Square ครับ เป็นสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นลานกว้างใจกลางเมือง เพื่อใช้เป็นที่รวมตัวกันของชาวเมืองเวลามีงานสำคัญๆ เจ้า Federation Square นี่ก็ถูกพัฒนามาจากพื้นที่รกร้างว่างเปล่าเหมือนกันครับ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2002 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 100 ปีของการรวมตัวของรัฐต่างๆเป็นประเทศออสเตรเลียครับ บริเวณ Federation Square จะมีสถานที่น่าสนใจอยู่หลายที่นะครับ เช่น Melbourne’s Visitor Centre ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน เป็นแหล่งรวมรวมข้อมูลท่องเที่ยวขนาดใหญ่เกี่ยวกับเมลเบิร์นเองและรัฐวิคทอเรียด้วยครับ Ian Potter Centre: National Gallery of Australia และ Australian Centre of the Moving Image ก็เป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้สำหรับคนรักศิลปะทั้งในแนว Classic และ Contemporary เลยครับ ฝั่งตรงกันข้ามกับ Federation Square คือ มหาวิหาร St. Paul ที่มีขนาดใหญ่มากๆ สร้างขึ้นระหว่างปี 1880 –1891 ครับ เลยจาก มหาวิหาร St. Paul ไปหน่อยก็จะเป็น โรงละคร Forum ครับ ผมว่าการตกแต่งด้านหน้าดูสวยดีนะครับ ถ้าคุณหมอเดินย้อนขึ้นไปตามถนน Swanton ก็จะไปถึง Melbourne Town Hall ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1870 เปิดให้เข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าเข้าชมเป็นรอบๆครับ (11.00 และ 13.00 จ-ศ ) แต่ต้องจองล่วงหน้านะครับ ถ้าเดินเลยไปอีกหน่อยก็จะถึงแหล่งช้อปปิ้งของเมลเบิร์นละครับ Bourke Street Mall ที่ตั้งอยู่บนถนน Bourke ระหว่างถนน Swanston และ Elizabeth ครับ จุดที่ 7 Eastern Hill สำหรับจุดที่ 6 นี้จะเป็นส่วนของสถานที่ราชการ มีสถานที่สำคัญๆ หลายแห่งทีเดียวครับ ที่แรกเลยก็คือ  Gold Treasury Museum ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นสถานที่ที่เก็บรักษาทองคำอันเป็นแหล่งทุนของรัฐ ตอนนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับรางวัลเยี่ยมยอดในการจัดแสดงด้วยนะครับ ด้านหลัง Old Treasury Building จะเป็นสวนมีชื่อว่า Treasury Garden และติดๆกันก็จะเป็นสวนสาธารณะสวยที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่งของเมลเบิร์นคือ Fitzroy Garden ครับ เดินข้ามถนน Mcarthur มาก็จะเป็นอาคารที่มีความสำคัญมากๆทีเดียวครับ The Parliament อาคารรัฐสภาแห่งรัฐวิคทอเรีย ตั้งอยู่บนถนน Spring Street ตัวอาคารสร้างขึ้นแบบสถาปัตยกรรมแบบโรมัน สมัยคอรินเธียน (สังเกตุได้จากเสาโรมันที่ตั้งเรียงอยู่ด้านหน้า) เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1856 ครับ สำหรับที่ Parliament House นี้จะมีไกด์พาชมโดยไม่เสียค่าเข้าชมเป็นรอบๆ ละ ประมาณ 30 นาที ( 10.00/11.00/12.00/14.00/15.00/15.45) ถ้าเจอคุณลุงไกด์คุยเก่งๆ ก็อาจจะถึงชั่วโมงนึงได้ครับ สิ่งที่น่าสนใจภายใน Parliament House  ก็มี Victoria Hall ที่มีรูปสลักหินอ่อนของพระนางเจ้าวิคทอเรียทรงพระภูษาในชุดออกศึกครับ / House of Representive / House of Common และ ห้องสมุดครับ ฝั่งตรงกันข้ามกับ Parliament House จะมีโรงแรมเก่าแก่ตั้งอยู่แห่งหนึ่งครับ ชื่อ โรงแรม Winsor การตกแต่งภายในยังเป็นแบบอังกฤษสมัยวิคทอเรียนแบบแท้ๆอยู่และที่นี่ตอนบ่ายๆจะมีการเสริฟ์ afternoon tea แบบดั้งเดิมอีกด้วยครับ อีกด้านของ Parliament House จะเป็นสวนขนาดเล็กชื่อว่า Parliament Garden ฝั่งตรงกันข้ามก็จะเป็นโรงละครอีกแห่งชื่อว่า Princes Theater ครับ ถ้าเดินทะลุ Parliament Garden จะเห็นยอดแหลมๆ 2 อันของมหาวิหาร St. Pattrick ที่เป็นศิลปะแบบ โกธิค สร้างขึ้นในปี 1863 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 13:12:09 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 13:11:00 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 13:08:33 จากคุณ : ทนายอ้วน สาวก AF3 (ทนายอ้วน) - [ วันเข้าพรรษา 12:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จุดที่ 8 Carlton Garden / The Royal Exhibition Building / Melbourne Museum Carlton Garden / The Royal Exhibition Building จะตั้งอยู่บนถนน Victoria Street ส่วนของ Carlton Garden เองจะเป็นสวนขนาดใหญ่ และมีทะเลสาปขนาดเล็กๆ 2 แห่ง เป็นสถานที่จัดงาน Melbourne’s Internation Flower Show ในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกๆปี ส่วนตัวอาคาร Royal Exhibition Building เป็นอาคารสมัยศตวรรษที่ 19 ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกครับ เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้โถง 2 ชั้น มียอดโดม ศิลปะแบบวิคทอเรียนแท้ๆ สร้างขึ้นในปี 1880 เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่จัดงาน Internation Expo ในปีนั้นเอง ต่อมาในปี 1901 ได้ใช้เป็นสถานที่จัดประชุมรัฐสภาออสเตรเลีย และได้ใช้เป็นสถานที่ประชุมรัฐสภารัฐวิคทอเรียมาตลอด 27 ปี ในระหว่างที่มีการสร้าง The Parliament House ในปี 2004 ได้รับการประกาศจากองค์การ UNESCO ให้เป็นมรดกโลกด้วยครับ ถ้าคุณหมอสนใจเข้าชมก็ได้นะครับ ถ้าเค้าไม่มีการจัดงานใดๆ ติดต่อซื้อบัตรได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ของ Melbourne Museum ได้ครับ และตัว Melbourne Museum เอง ก็เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปร่างแปลกตาผิดไปจากภาพของอาคารโบราณแบบพิพิธภัณฑ์ทั่วๆไป ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นอาคารแบบ low rise ทรงทันสมัยสีสันฉูดฉาด แต่ไม่น่าเชื่อว่าด้านในจะมีพื้นที่ใช้สอบถึง 5-6 ชั้น การจัดแสดงด้านในแบ่งออกเป็นหลายห้องทั้งการแสดงทางด้านมานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์ สังคม ศิลปะแบบสมัยใหม่และของชนเผ่าอะบอริจิน ค่าเข้าชม 6 เหรียญครับ จุดที่ 9 แหล่งช้อปปิ้ง จากนั้นเราก้อเดินทางต่อตามถนน La Trobe Street ชึ่งเป็นขอบ Grid ด้านเหนือของ CBD ครับ ตลอดถนนเส้นนี้คุณหมอสามารถแวะช้อปปิ้งได้หลายที่เลยนะครับ จุดแรกบริเวณถนน Swanston ครับ ตรงนี้มีห้างใหญ่ 2 ห้าง คือ Melbourne Central และ QV Building ครับ หากเดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอกับทางเข้า China Town แหล่งอาหารจีน ก็เป็นอันว่าผมพาคุณหมอเที่ยวชมเมลเบิร์นโดยรอบแบบคร่าวๆ เรียบร้อยแล้วนะครับ ผมว่าแค่นี้ก้อหมดวันแล้วละครับ อิอิอิ พรุ่งนี้ผมจะพาไปเที่ยวนอกเมืองนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 13:12:54 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 13:10:30 จากคุณ : ทนายอ้วน สาวก AF3 (ทนายอ้วน) - [ วันเข้าพรรษา 13:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อิ อิ แอบไปดูใน Blog มา คุณ ทนายอ้วน เป็นอดีตเด็ก MEL นี่เอง ใช่แล้วค่ะ อย่างที่คุณ jimmypratya ว่ามา Fish & Chips แถวๆนั้นอร่อยค่ะ มี Fish'n'Chips อยู่ร้านนึง ชี่อ "Salty Dog" อยู่ที่ The Great Ocean Rd. ร้านนี้ดัง และ อร่อยมาก เล่าแล้ว ก็น้ำลายไหล อยู่หน้า Laptop นี่แหละ (แหะ แหะ แต่ลีมไปแล้ว ว่าร้านอยู่ พิกัดไหน เพราะ ของเรา ขับรถ รอนแรม กันสองคน ตา-ยาย อยู่ ที่ถนนนั้น 3 วันกว่าๆ ก่อนที่จะ เลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปทาง The Grampians) FYI จากคุณ : Siamese Girl - [ วันเข้าพรรษา 13:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับวันที่ 2 และ 3 ผมแนะนำให้ลองออกไปเที่ยวรอบนอกของเมืองดูนะครับโดยซื้อเดย์ทัวร์ไปได้สบายมากครับ คุณหมอต้องไปซื้อที่แหล่งขายเดย์ทัวร์ที่อยู่ที่ชั้น1 ของตึกไนกี้ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน Swanston ตัดกับ Bourke Street ครับ มองหาร้าน Starbuck บูธเดย์ทัวร์จะอยู่ด้านหลังครับ ที่นี่จะมีให้เลือกหลายบริษัทครับราคาจะตกอยู่ที่ประมาณ 100-120 เหรียญ / 1 ทัวร์ครับ ขึ้นอยู่กับความใกล้ไกล และกิจกรรมที่จะไปทำ แต่ถ้าคุณหมอจะซื้อ 2 ทัวร์เค้าจะมีส่วนลดให้นะครับให้ลองเปรียบเทียบดูว่าราคาของใครตรงกับใจคุณหมอมากที่สุดครับ ทัวร์ที่ผมแนะนำก็มี 1 Great Ocean Road เป็นเส้นทางโรแมนติกที่ Lonely Planet โหวดให้เป็น 1 ในเส้นทางที่สวยที่สุดในโลกรองลงมาจากเส้นทาง East Coast ของอเมริกาเลยนะครับ ตามเส้นทางนี้จะวิ่งลัดเลาะผ่านไปตามหน้าผาสูงชันและทะเลสวยๆ เป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร แล้วจะตัดเข้าสู่ป่าเฟิร์นและต้นสน ก่อนที่จะออกมาวิ่งเลียบชายฝังอีกครั้งเพื่อไปชมสิ่งมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ เสาหินที่ถูกน้ำและลมกัดเซาะเป็นรูปร่างๆต่างๆ Twelve Apostals / Loc Arch Gorge / London Bridge ใช้เวลาทั้งวันเลยครับ เริ่มออกเดินทาง 8.00 - 20.30 ได้ครับ 2. ทัวร์ชม เพนกวิน / สิงโตทะเล / โคอาล่า และสัตว์พื้นเมือง ถ้าคุณหมอสนใจชีวิตสัตว์ หรือมีเด็กๆไปด้วยน่าจะเลือกทัวร์นี้นะครับ ถึงแม้ว่าจะออกเดินทางตอนบ่ายแล้วแต่ว่าใช้เวลาถึงดึกมากๆเลยครับ ทัวร์นี้จะพาไปชม Seal Rock ซึ่งเป็นโขดหินกลางทะเลที่เป็นที่อยู่อาศัยของแมวน้ำและสิงโตทะเลนับร้อย จากนั้นจะพาไปชมสวนสัตว์บนเกาะฟิลิป และชมพาเหรดนกเพนกวินกลับจากหาอาหารในตอนพระอาทิตย์ตกดิน 3. นั่งรถจักรไอน้ำชมป่าเฟิร์นพันปี / ชิมไวน์รสเลิศ ถ้าคุณหมอไม่อยากกลับดึกมากก้อเปลี่ยนใจไปทัวร์นี้ดีกว่าครับ ทัวร์นี้เป็นเดย์ทัวร์ที่ออกจากเมืองตอนเช้ากลับถึงเมืองค่ำๆ สถานที่แรกเลยก็จะพาคุณหมอไปนั่งรถจักรไอน้ำที่มีชื่อเสียงมากๆบน Mt. Daengdenong ชื่อ Puffing Billy วิ่งผ่านป่า fern tree ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้โบราณสมัยไดโนเสาร์ที่ขึ้นงอกงามสูงท่วมหัวบน Mt. Daengdenong จากนั้นจะพาไปทานอาหารกลางวันพร้อมกับจิบไวน์รสเลิศจากโรงบ่มไวน์บริเวณ Yarra Valley ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีของรัฐวิคทอเรียครับ 4. ย้อนอดีตสู่สมัยตื่นทอง หากคุณหมอสนใจในประวัติศาสตร์ยุคตื่นทองของเมลเบิร์นที่เป็นจุดที่ทำให้เมลเบิร์นได้กลายเป็นศูนย์กลางของรัฐวิคทอเรียผมขอแนะนำทัวร์ไปเที่ยว living museum แห่งเดียวในรัฐวิคทอเรีย Soveriegn Hill ที่นี่เป็นสถานที่จริงที่เป็นเหมืองทองเก่า เค้ายังรักษาสภาพเดิมของเหมืองทองและสภาพการดำเนินชีวิตไว้ นอกจากนั้นเพื่อให้นักท่องเที่ยว "อิน" กับสภาพแวดล้อมเค้ายังจัดให้มีชาวเมืองแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบโบราณดำเนินชีวิตแบบเดิม อยู่ด้วยเรียกว่าจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศได้เต็มที่เลยครับ นอกจาก 4 ทัวร์ที่ผมแนะนำไปแล้ว ยังมีทัวร์รายการอื่นอีกมากมายที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไป อยากให้คุณหมอได้ลองไปคุยรายละเอียดดูให้ถูกใจเลยครับ สำหรับทุกบริษัทจะเดินทางด้วยรถโค้ชขนาดใหญ่พร้อมคนขับรถฝีมือดีที่เป็นไกด์ทัวร์ด้วยไปในตัวมีรายละเอียดอัดแน่นเลยครับ สิ่งที่สำคัญอย่างเดียวกับการเที่ยวทัวร์กับฝรั่งคือการตรงต่อเวลาครับ ขอให้รักษาเวลาให้มากๆ ทางที่ดีควรมาถึงจุดนัดพบที่ด่างๆก่อนเวลานิดหน่อยจะดีมากๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน สาวก AF3 (ทนายอ้วน) - [ วันเข้าพรรษา 14:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วันที่ 4 สำหรับวันสุดท้ายในเมลเบิร์นผมขอแนนำวันสบายๆกับการเดินเที่ยวชมสวนสาธารณะสวยๆ เมลเบิร์นนีมีชื่อเล่นอีกชื่อหนึ่งนะครับ บางคนก้อเรียก Garden State ครับ ก็ด้วยความที่เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียวมากมายนี่ละครับ สวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงของเมลเบิร์นมีหลายแห่งนอกจาก Fitzroy Garden และ Carlton Garden ที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมี Royal Botanic Garden สวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่มากๆที่เป็นสวนหลักของเมลเบิร์นเลย การเดินทางไป Royal Botanic Garden ก้อไม่ยากครับ มาขึ้นแทรมหน้า Flinder Street Station สาย 8 ที่วิ่งอยู่บนถนน Swanston นั่นแหละครับ แทรมจะวิ่งมาเรื่อยๆมาถึงหน้า Royal Botanic Garden พอดีครับ บริเวณนั้นจะชื่อถนน Part Street ครับ พอลงจากแทรมก้อจะเห็นทางเข้าสวนเลยครับ Royal Botanic Garden ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1852 ออกแบบโดยนักพฤษศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมากๆ William Guilfoyle ซึ่งได้เป็นผู้อำนวยการสวนตั้งแต่ปี 1873-1909 เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ไม้แปลกๆ ทั้งที่เป็นพันธุ์ไม้ท้องถิ่น และต่างถิ้นไว้เป็นร้อยๆชนิด สวนแบ่งออกเป็นหลายๆบริเวณ เพื่อภูมิทัศน์ที่แตกต่างกันออกไป สวนสวยอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่กลาง CBD เลยครับชื่อ Flagstaff Garden เป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของเมลเบิร์นครับ หรือคุณหมอจะนั่งแทรมสาย 16 จากหน้า Flinder Street Station เพื่อไปเที่ยว St. Kilda beach แหล่งพักผ่อนหย่อนใจของเหล่าไฮโซของเมลเบิร์นก้อได้นะครับ จากนั้นก้อมาเก็บตกเล็กๆน้อยๆในเมืองซื้อของฝากที่ยังไม่ครบแล้วมืดๆก้อไปทานอาหารอิตาเลี่ยนแท้ๆเป็นมื้อเย็นที่แถวๆ Lygon Street แหล่งชุมชนชาวอิตาเลียน แล้วก้อไปเดินเล่นที่ The Crown Entertainment Complex ก็ได้ครับผม หวังว่าโปรแกรมทัวร์ 4 วันคร่าวๆคงถูกใจคุณหมอนะครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน สาวก AF3 (ทนายอ้วน) - [ วันเข้าพรรษา 14:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอขอบคุณมากๆเลยครับ สงสัยจะได้เที่ยวเต็มที่แน่ ถ้ายังไงจะเอารูปมาฝากนะครับ จากคุณ : หมอผอม - [ วันเข้าพรรษา 19:29:43 A:58.147.110.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าอ่านจากกระทู้ข้างบน ไม่อยากให้คาดหวังมากครับ ผมเอง ไปเองมาสองสามหน เช่ารถขับเอาครับ แทบจะไปมาเกือบทุกจุดด้วยตัวเอง อยากแนะว่า 1 เหมืองทอง ถ้าเคยไปแถว รัฐอื่นของออส แล้ว หรือไปทางอัฟริกราใต้ มาแล้ว ไม่ต้องไปครับ แพง และ มันสร้างเอา ไม่น่าเสียเวลาครับ 2 รถไฟ โบราณ เป้นอะไรที่น่าเบื่อ และเสียเวลามากครับ วิวไม่ได้สวยอย่างที่เขาพรรณาไว้ครับ พวกไร่องุ่นก็คล้ายทางเขาใหญ่เรา อันนี้ถ้าเคยไปทำนองนี้แล้วอย่าไปครับ แต่ถ้าไม่เคย อาจดูตื่นเต้นนิด ๆ เท่านั้น 3 เกรทโอเชี่ยนโรด ถ้าไม่ได้ขับไปเองเสียดายแย่ครับ มันเป็นอะไรที่ต้องขับไปเอง เพราะตามเส้นทางสามารถแวะตรงไหนก็ได้ นานเท่าไรก็ได้ ตรง สิบสองหินประหลาด ถ้าไปกับโลโคลทัวร์ เขาจะไม่ให้เราเดินลงไปตรงหาดข้างล่างครับ แต่ถ้าเราไปเอง เราสามารถลงบันไดลงไปที่หาดทรายข้างล่าง เดินไปจะถึงริมหินประหลาดได้เลย ตรงนั้น ลมแรง และจะเห็นซากนกเพนกวิน มาตายแยะเลย  ตรงลอนดอนบริดจ์ก็เช่นกัน ถ้าไปทัวร์ เขาจะแค่แวะให้ถ่ายรูปไกล ๆ ไม่สามารถ เดินลงไปจน ชิดเห็นหลืบถ้ำ สีฟ้าตัดเขียวตรงคอลอนดอนบริจด์ครับ   เส้นทางเกรทโอเชี่ยนโรด ระหว่างทางจะเลียบมหาสมุทร บ้าง โค้งไปมาบ้าง ผ่านป่าเขา เข้าไปในทรีทอปบ้าง สวยงามมากครับ ถ้าไปกับทัวร์ รู้สึกเขาจะไม่วิ่งเลียบให้ เขาจะไป"ฮเวย์แล้วตัดตรงไปตรงหินสิบสองก้อนเลยครับ 3 เกาะฟิลิปเช่นกัน  ถ้าเคยไปดูเพนกวินที่อื่น จะรู้ว่าเพนกิวนที่นี่เล็กจริง ๆ คือ เล็กสุดในโลกเลยก็ว่าได้ และดูยาก ต้องไปนั่งรถเพนวินเดินขึ้นจากหาด ราว ทุ่มกว่าสองทุ่ม แต่ภาพที่เดินขึ้นมาก็น่ารักดี ได้บรรยากาศดี มันต้วมเตี้ยมมีชีวิตชีวาดี  แต่ถ้าเทียบกับที่ดูที่อัฟิริกาใต้ คนละเรื่องกันเลย  เช่นเดียวกับ ซีลรอค  ถ้าดูที่อัฟริกาใต้ จะเห็น ง่าย และตัวใหญ่ มีเต็มไปหมด ที่เมลเบินนี่ตัวเล็ก มีน้อยกว่าแยะ   ที่เกาะฟิลิปนี่ ไม่อยากให้พลาดเด็ดขาด คือ การเข้าดู บิ้กฟาวเวอร์ฟาร์ม  เป็นอะไรที่สุดในโลกแล้ว คือเป็นฟาร์มดอกไม้ ที่ดอกทิวลิปดอกใหญ่เท่าขัน  ดอกกุหลาบใหญ่ ราว กะละมัง ไม่รู้เวอร์ไปไหม เขาเพาะโดยเฉพาะ ให้ดอกไม้ยักษ์มาก ๆ แล้วส่งขายทั่วโลก ฟาร์มนี้อยู่ตรงเลยสะพานข้ามมาเกาะนิดเดียวครับ การจะดูต้องนัดไว้ เขาจะมีไกด์พา เพราะเขากลัวเราโดนดอกไม้เขา อีกจุดนึง คือ การป้อนอาหารนกพิลิเกน เขาจะป้อนสด ๆ ตรงริมหาด ตรงคอสะพานที่จะข้ามไปเกาะ ครับ รู้สึกทุกสิบโมง นกพิลิเกนจะมาเต็มหาดเลย แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่นำเนื้ออะไรไม่รู้ มา แล้วก็จะป้อนสด ๆ ให้ดูต่อหน้าคนมุงครับ ได้บรรยากาศดีครับ 4 จริง ๆ แล้ว โบตานิคการ์เดน ผมว่าเสียเวลาครับ แต่ไปหน่อยก็ดี ไม่มีอะไรเลย เหมือนเดินสวนลุมเรา 5 สวนสัตว์ บ่มี๊ไก๊ครับ แพงด้วย 6 อควาเรี่ยม มารีนไทม์  ผมว่า พารากอนเราดีกว่าแยะ บัตรก็ยอดโหดเลย   7 ส่วนในเมือง ก็ดูเมืองนะครับ มีตึกแปลก ๆ ตรงริมน้ำ หลายตึก  ตรง ย่านชีอปก็มีศาลากลาง แบบฝรั่ง ๆ มีโบสถ์แบบ ฝรั่ง ๆ อะไรทำนองนี้แหละครับ ถ้าเคยไปทางยุโรปคงเทียบไม่ได้ ผมออกความเห็นตามประสบการณ์ของผม อาจมีบางคนไม่เห็นด้วย แต่จากที่ไปมาแยะ ออสเตรเลีย แทบจะไปขับรถมาทุกรัฐแล้ว หลาย ๆ ครั้ง จึงให้ความเห็นตามที่เห็นไป หากใครจะด่าว่า อะไร เชิญครับ เพราะนี่คือเรื่องจริง ๆ ที่ผมไปมา จ่ายเงินซื้อรายการต่าง ๆ มาจริง ๆ ผมจึงกล้าสรุปให้ครับ เมลเบินเป็นเมืองเงียบสงบครับ ห้าโมง ผีหลอกแล้ว  เรื่องบันเทิง แค่สี่ทุ่มคือวันศุกร์ พวกผับอะไรก็คนโหรงเหรงแล้ว พวกดนตรีก็ยังสู้กลางคืนบ้านเราไม่ได้เล่ย แต่ที่น่าไปคือ ธรรมชาติเขาครับ เกรทโอเชี่ยนโรด สุดยอด  เกาะฟิลิป สุดยอด ที่เหลือแล้วแต่ความเห็นของแต่ละคนครัรบ จากคุณ : ร่าเริง (ร่าเริง) - [ 13 ก.ค. 49 19:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับเรื่องซื้อทัวร์นะคะ พอดีเพิ่งกลับมาจากเมลเบิร์นค่ะ เราซื้อ day tour 2 ทัวร์ค่ะแล้วเค้าจะแถม City tour ครึ่งวันให้ค่ะ ทัวร์ที่เราซื้อก็มี Great Ocean Road, Penguin parade แล้วก็อีกอันเพื่อนอนุเคราะห์ให้ก็คือทัวร์เหมืองทองค่ะ จากคุณ : Alexi - [ 25 ก.ค. 49 00:40:56 ]