PANTIP.COM : E4602704 $$$$ เชียงตุง-เมืองลา-เชียงราย $$$$$$ [หัวใจเดินทาง]

ความคิดเห็นที่ 1

โปรแกรม เชียงตุง-เมืองลา-เชียงราย
วันศุกร์ – ออกเดินทาง
16.00-18.00 น.-ขึ้นรถปรับอากาศ ป.1,V.I.P. แล้วแต่จะจองได้ เป้าหมาย สถานีขนส่ง อ.แม่สาย
วันเสาร์ – เดินทางเข้าสู่เชียงตุง
8.00 น.-ถึงสถานีขนส่ง นั่งรถสองแถวไปยังด่านแม่สายใกล้นิดเดียว ค่ารถคนละ 8 บาท พอถึงด่านอันดับแรกที่ต้องทำคือบัตรผ่านแดน ใช้บัตรประชาชน พร้อมเงิน 30 บาท เสร็จเรียบร้อยเดินข้ามไปฝั่งพม่า ไกด์จะมารอรับพาไปทำบัตรผ่านแดนพม่า ใช้รูปถ่าย 1-2 นิ้ว 3 รูป (รูปต้องเหมือนกันทั้ง 3 รูป) พร้อมเงินประมาณ 300-500 บาท อันนี้ไม่แน่ใจไปสองครั้งไม่เท่ากัน เจ้าหน้าที่พม่าจะยึดบัตรประชาชนไว้ มารับบัตรคืนตอนวันกลับ ขั้นตอนการทำบัตรผ่านแดนทั้งสองฝั่ง ถ้าดวงเฮงไม่น่าใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที
9.00 น.-ออกเดินทาง นั่งรถแท็กซี่คันเล็กๆ น่ารัก นั่งได้ 4 คน รวมคนขับด้วยเป็น 5 แนะนำว่า นั่ง 3 คนจะสบายกว่า รถสภาพปานกลาง แต่คิดว่าหรูหรามากสำหรับคนพม่า สังเกตจากเวลาวิ่งชาวบ้านเหลียวมองกันตรึม จนรู้สึกไปว่ากำลังนั่งเฟอรารี่คันละสิบล้านยังไงยังงั้น แต่ประทานโทษรถไม่มีแอร์ ขอบอก
อ่ะ..อย่ากังวลไปไม่ต้องกลัวร้อน อากาศเย็นสบายมาก เปิดกระจกชมวิวสูดอากาศบริสุทธิ์ได้ตลอดทาง และไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น ถนนราดยางตลอด แถมไม่ค่อยมีรถวิ่งอีกต่างหาก บางช่วงวิ่งมาหลายสิบกิโลไม่มีรถสวนสักคัน ชวนให้รู้สึกวังเวงชอบกล..
12.00 น.-แวะทานอาหารกลางวันที่เมืองแพรก เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดละแวกนั้นจำชื่อไม่ได้ เมนูเด็ดของร้านนี้เป็นน้ำพริก คล้ายๆ น้ำพริกหนุ่ม รสชาติจัดจ้านเผ็ดกำลังดี ทานกับผักต้ม อร่อยมาก..ก ข้อเน้น ผักเติมได้ไม่อั้น ทานให้เต็มที่ไม่ต้องเหนียม ถ้าใครติดใจ ขากลับแวะซื้อกลับบ้านได้ด้วยนะ ถ้าจำไม่ผิดร้านรับเงินไทยครับ
16.00 น.-เข้าเขตเมืองเชียงตุง ก่อนถึงจะแวะให้ชมวิวเมืองเชียงตุงในระยะไกล จะเห็นว่าเมืองทั้งเมืองตั้งอยู่ในหุบเขา มีภูเขารอบรอบเป็นวงกลม นักท่องเที่ยวตั้งฉายาให้เมืองนี้ว่าเป็นเมืองในอ้อมกอดของภูเขา
พอถึงตัวเมืองจะแวะเข้าชมวัดก่อนเข้าที่พักสัก 2-3 วัด พอเป็นน้ำจิ้ม ของจริงไว้ว่ากันพรุ่งนี้ ชมเสร็จเข้าที่พัก ชื่อแฮรี่เกรสเฮ้าท์ เป็นเกรสเฮ้าท์ชื่อเสียงกระฉ่อนของเชียงตุง นักท่องเที่ยวร้อยทั้งร้อยจะมาพักที่นี่ เพราะว่าทั้งเมืองมีอยู่ที่เดียว บรรยากาศเป็นแบบกันเองๆ เจ้าของและพนักงานพูดไทยชัดถ้อยชัดคำ โทรทัศน์ที่นี่รับรายการจากเมืองไทย ใครติดละครน้ำเน่าเหม็นฉึ่งช่อง 7 ตอนกลางคืนมานั่งดูเป็นเพื่อนพนักงานได้ครับ ตอนสายๆ ยังมีละครจักรๆวงศ์ๆ ให้ดูอีกต่างหาก
หลังจากเอาของเข้าห้องพัก อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว เราจะไปทานอะไรที่เป็นที่สุดของของที่นี่กัน แบบว่าถ้ามาเชียงตุงแล้วไม่ได้มากินถือว่ามาไม่ถึงเชียงตุงเชียวนั่น อาหารที่ว่าคือ “โรตีแปะโอ่ง” ทำไมถึงเรียกโรตีแปะโอ่ง? เชิญไปพิสูจน์เอาเอง
ทานของเบาๆ เสร็จ ไปลุยของหนักกันต่อ มีช้อยส์ให้เลือกระหว่าง อาหารพม่าแท้ๆ-อาหารไทยใหญ่-อาหารจีนยูนาน จากประสบการณ์คราวก่อนอาหารจีนยูนานท่าจะเวิร์กกว่า อาหารพม่าผมลองมาแล้วเลี่ยนมากๆ
เสร็จจากมื้อเย็นไกด์จะพาไปทิ้งไว้ที่ริมแม่น้ำ ให้ได้ชมวิวยามค่ำคืน จะเดินเล่นรอบแม่น้ำหรือจะนั่งร้านจิบเครื่องดื่มที่ร้านอาหารริมแม่น้ำก็ได้ ร้านที่ว่านี้เป็นร้านที่วันรุ่นที่นี่ชอบมานั่งจู่จี๋กัน ขากลับเดินกลับเองนะครับ ไกด์จะกลับไปรอที่เกรสเฮ้าท์
คือว่าไกด์อยากให้นักท่องเที่ยวเดินกลับที่พักเอง เพื่อชมวิถีชีวิตยามค่ำคืนของชาวเชียงตุงว่าเป็นอย่างไร (ที่จริงต้องการทดสอบความกล้าของลูกทัวร์) บ้านของชาวเชียงตุงไม่ได้มีไฟฟ้าใช้ทุกหลัง บ้านที่ไม่มีไฟฟ้าใช้จะจุดตะเกียง ฉะนั้นขากลับสองข้างทางจะมืดๆ บรรยากาศน่ากลัวโคตร ไปคราวที่แล้วมีเพื่อนร่วมทางเป็นฝรั่งจากฮอลแลนด์ ดันทะลึ่งพาเดินกลับอีกเส้นทางนึงไกลมาก บรรยากาศประมาณว่าเดินผ่านป่าช้าวัดดอน เล่นเอามะม่วงจากเมืองไทยขาสั่นพรั่บๆ ใครที่กลัวผีขอให้นิมนต์พระติดกระเป๋าไปหลายๆ องค์ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน..

จากคุณ : เวนา - [ 7 ส.ค. 49 16:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2

วันอาทิตย์- เดินทางสู่เมืองลา
6.00 น.-ใครที่นอนขี้เซา นิมนต์ให้รีบตื่นเสียโดยไว ไม่เช่นนั้นแล้วคุณจะพลาดชมตลาดเชียงตุงยามเช้าอย่างน่าเสียดาย ตลาดที่ว่านี้ไม่ต้องเดินไกลให้เมื่อยตุ้ม อยู่หน้าเกรสเฮ้าท์ที่เราพักนี่แหละครับ ตลาดแห่งนี้เป็นเสมือนภาพวาดที่บรรยายถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อันแสนเรียบง่ายของชาวเชียงตุงได้อย่างดี ชาวเชียงตุงจะตั้งตลาดขายของกันข้างทาง มีทั้งของใช้ ผัก ผลไม้ และสินค้าแปลกๆ รวมถึงของกินแปลกๆ ที่เราคาดไม่ถึง จั๊กจั่น เป็นๆ เด็ดปีกกันเห็นๆ ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรกินกัน ไปคราวนี้กะว่าจะพิสูจน์สักหน่อย
อาหารเช้าแนะนำให้ทานที่ตลาดนี่แหละ สวมรอยนั่งทานไปกับชาวเชียงตุงไปเลย เมนูแนะนำน่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยว จำชื่อเรียกภาษาเชียงตุงไม่ได้แล้ว ก๋วยเตี๋ยวที่นี่น้ำซุปหวานน้ำต้มกระดูกมาก แต่แท้ที่จริงแล้วหวานน้ำต้มชูรสนะจ๊ะ ขอบอก.. หวานเจี๊ยบเลยแหละ คนพม่านิยมทานผงชูรสเป็นที่หนึ่ง บางร้านเห็นมากับตาก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามผงชูรสสองช้อนโต๊ะพูนๆ จริงๆ ไม่ได้โม้ ฉะนั้นใครที่แพ้ผงชูรส ทานแล้วคันปาก ทานแล้วผมร่วง ต้องบอกแม่ค้าเอาเองนะ
8.00 น.- ออกย่ำเมืองชมวัดกันต่อ คราวที่แล้วโชคดีไกด์พาเราไปกราบสมเด็จสังฆราส หวังว่าคราวนี้คงโชดดีเช่นนั้นอีก ไกด์ที่พาเราเที่ยวครั้งนี้เชี่ยวชาญเรื่องวัดมาก พาผมเข้าวัดซะจนเอียน จวนเจียนจะขอโกนหัวห่มเหลืองอยู่แล้วเชียว หลังจากเบื่อวัดแล้วเริ่มออกเดินทางไปเมืองลากันเสียที
เมืองลาเป็นเขตปกครองตัวเอง ที่นี่ทหารพม่าไม่มีสิทธิ์มาถือปืนเดินเพล่นพล่านให้รกหูรกตา ที่ตั้งของเมืองลาอยู่ติดกับประเทศจีน ฉะนั้นผู้คนที่เมืองลาเกือบทั้งเมืองเป็นคนจีน เมืองนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องบ่อนกาสิโน เมืองลาเป็นเมืองที่เจริญ มีอาคารสิ่งก่อสร้างทันสมัย มองยังไงก็นึกไม่ออกว่าเป็นประเทศพม่า
เส้นทางไปเมืองลาช่วงแรกจะวิ่งผ่านภูเขา เหมือนกับที่เชียงใหม่ พอหลุดจากภูเขาแล้ว ที่นี้จะเป็นไฮไลต์ของทริป คุณจะได้พบกับหมู่บ้านไทยใหญ่,อาข่า ตลอดทาง ส่วนจะดียังไงไปดูเอาเองขี้เกียจเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่าเส้นทางช่วงนี้เป็นอะไรที่ชนบทมากๆ สองข้างทางเป็นนาขั้นบันได ติดกับภูเขา มีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านตลอด มีควายอยู่กลางท้องนาเพียบเลย ใครที่ไม่เคยเห็นควายคราวสามารถไปลูบคลำได้ ถ้าไม่กลัวโดนขวิด
16.00 น.-ถึงเมืองลา ไปรายงานตัวที่สำนักงานการท่องเที่ยวของเมืองให้เรียบร้อย แล้วจึงเข้าที่พัก เป็นโรงแรมของคนจีน ราคาประมาณ 60 หยวน แต่คุณภาพราคาเกินพัน มีแอร์ น้ำอุ่น เคเบิลทีวี อ้อ..มีช่อง HOT ด้วยนะ ลองเลื่อนช่องหาดูดีๆ มีทั้งฝรั่ง,ญี่ปุ่น,ไทย คราวที่แล้วดูจนตาแฉะเลยหละ
เข้าห้องพักอาบน้ำอาบท่าแล้ว เรามาเดินชมตลาดกัน ตลาดเมืองลาจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส มีอาคารพาณิชย์เป็นกรอบล้อมรอบ มีประตูทางเข้าสี่ทิศ ข้างในเป็นพื้นที่โล่งตลาดสดและพื้นที่ขายอาหาร มีคาสิโนเล็กๆ ให้เล่นคลายเหงา ถ้าหิวก็ไปทานอาหาร อาหารที่นี่ออกแนวจีนๆ สะอาดน่าทานพอสมควร
มีเมนูอยากให้ลอง เป็นบาบีคิว น่าจะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของตลาดเมืองลา เห็นมีอยู่หลายร้านด้วยกัน แต่จะมาขายตอนมืดแล้ว ไปคราวที่แล้วไม่ได้ลองเพราะว่าทานข้าวอิ่มเสียก่อน คราวนี้อยากให้เพื่อนๆ เก็บท้องไว้ลองชิมดู
อิ่มจากอาหารมื้อค่ำ ไปชมวิวเมืองลาตอนกลางคืนกันดีกว่า จุดชมวิวอยู่ที่สะพานข้ามแม่น้ำ ตรงจุดนี้เราจะมองเห็นพระธาตุเมืองลาสีทองถูกส่องด้วยไฟสปอตไลต์ สุกสว่างอย่างทองคำตั้งอยู่บนภูเขา ชมวิวเบื่อคราวนี้มาเดินชมแสงสีความศิวิไลในตลาดกันมั่ง งานนี้หนุ่มๆ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนจะเป็นอะไรนั้น เล่าไม่ได้จริงๆ กลัวไม่ผ่านเซ็นเซอร์

จากคุณ : เวนา - [ 7 ส.ค. 49 16:28:22 ]