ความคิดเห็นที่ 1 จากสนามบินโซโล พวกเรานั่งแท็กซี่มาขึ้นรถบัสที่ท่ารถนอกเมืองโซโลครับ ตอนแรกยังคิดว่าจะไปบุโรพุทโธเลย แต่คนที่ท่ารถบอกว่าไม่มีรถประจำทางวิ่งตรงจากโซโล ต้องไปต่อรถที่ย็อกยา (Yogyakarta) หรือไม่ก็บาเว็น (Bawen) ผมเลือกขึ้นทางบาเว็นครับ เพราะตอนนั้นยังไม่แน่ใจสถานการณ์ที่ย็อกยา (เดี๋ยวนี้ไปได้แล้วครับย็อกยา ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว).... พอถึงบาเว็นก็กินข้าวเที่ยงตรงท่ารถนั่นแหละ (ข้าวแกงอินโดนีเซีย เหมือนอาหารไทยเลยครับ ถูกปากพวกเรามากๆ อิอิ) ก็เลยปรึกษากันว่าวันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ ถ้าขึ้นบุโรพุทโธเลย คนจะเยอะมากๆ ถ่ายรูปไม่สนุกแน่ เลยปรับแผนเป็นว่าขึ้นไปเมือง Wonosobo ก่อนดีกว่าครับ ไปนอนเล่นเอาอากาศเย็นๆ ก็เลยขึ้นรถประจำทางคันนี้มาต่อครับ ความจริงรถคันนี้วิ่งตรงมาจากโซโลเลยนะครับ ถ้าตัดสินใจแต่แรก ก็คงนั่งตรงดิ่งมานี่แล้วครับ....(ค่ารถนี่ผมจำไม่ได้แน่นอนครับ เพราะลืมจดไว้ แต่แน่ๆคือเบ็ดเสร็จแล้วขึ้นรถ 2 ต่อไม่น่าเกิน 30,000 Rp.ต่อคนครับ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาถึงเมือง Wonosobo ก็ประมาณบ่ายสามครับ เลยหาที่พักกันก่อน ปรากฏว่าตรงที่รถบัสจอดส่งพวกเรามีโรงแรมพอดี ชื่อว่า Hotel Dewi ก็เลยเข้าไปดูครับ...เป็นห้องเตียงคู่เรียบง่าย ไม่มีแอร์ไม่มีพัดลม (เพราะอากาศที่ Wonosobo หนาวตลอดปีครับ เหมือนเก็นติ้งมาเลเซีย) ห้องน้ำมีน้ำอุ่น ราคา 100,000 Rp. พวกเราโอเคครับ ขี้เกียจเดินหาที่อื่นด้วย เหอๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เก็บของ ล้างหน้าล้างตาแล้ว...ก็หยิบเสื้อกันหนาวมาใส่ แล้วออกตะลุยกันทันทีครับ เนื่องจากตอนนี้เพิ่งจะสามโมงครึ่ง ยังมีเวลาพอที่จะเที่ยวได้ พวกเราเลยคิดว่าจะพากันนั่งรถขึ้นไปยัง Dieng Plateau เลยครับ ก็เลยเดินออกจากโรมแรมจะไปยังท่ารถ Dieng ระหว่างทางเห็นนาขั้นบันได คล้ายๆของบาหลี เลยหยุดถ่ายรูปซะหน่อยครับ... Wonosobo เป็นเมืองเล็กๆบนภูเขาสูงประมาณ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล อากาศเย็นตลอดปีครับ ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่ ก็ล้วนแต่ใช้เป็นจุดพักสำหรับขึ้นไป Dieng Plateau ทั้งนั้นเลยครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เจอรถมินิบัสไป Dieng Plateau แล้วก็โดดขึ้นมาเลยครับ...ตามเส้นทางระหว่าง Wonosobo - Dieng Plateau จะเป็นถนนลาดยางเส้นเล็กไต่ขึ้นไปตามไหล่เขาครับ เหมือนอย่างแถวๆแม่ฮ่องสอนเลยนะครับ...อากาศก็เย็นดีทีเดียว หมอกเต็มไปหมดเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ช่วงเย็นๆหมอกลงจัดมากครับ เราแทบไม่เห็นเทือกเขาหรือหุบเหวข้างทางเลย แต่ก็รู้ว่าเราขึ้นมาสูงมากๆครับ เพราะ Dieng Plateau จะอยู่สูงกว่า Wonosobo อีกเท่าตัวทีเดียว... มีบางช่วงที่จะมีโอกาสเห็นนาขั้นบันไดผ่านสายหมอกบ้าง รู้เลยว่าถ้าฟ้าใสๆคงจะเห็นหุบเขากว้างใหญ่และนาขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตาแน่เลยครับ ว้าว... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รถวิ่งมาซักเกือบๆชั่วโมงเราก็มาถึง Dieng Plateau แล้วครับ...แม้ว่าระยะทางจะแค่ยี่สิบกว่ากิโล แต่เพราะรถต้องไต่เขาขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เลยกินเวลานานนิดนึงครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Dieng Plateau ณ ระดับความสูง 2,093 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทิวทัศน์หมู่บ้านชนบทบน Dieng Plateau ครับ...สวยงามไม่ใช่เล่นนะเนี่ย อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ Dieng Plateau จะมีทั้งแหล่งธรรมชาติ อย่างทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ หรือบ่อโคลนเดือด และก็พวกโบราณสถานอย่างปราสาทหินต่างๆ ซึ่งทางอินโดนีเซียเรียกว่า “จันทิ” (Candi) ครับ... เนื่องจากเวลายามเย็นมีจำกัด และพวกเราก็มีจุดสนใจร่วมกันเรื่องอารยธรรมชวาโบราณ ก็เลยเลือกที่จะไปเที่ยวชมเฉพาะกลุ่มจันทิโบราณในพิ้นที่ Dieng Plateau นี่ล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ย้อนหลังกลับไปเมื่อราวๆ 1,200 ปีมาแล้ว กษัตริย์ฮินดูของเกาะชวาในยุคโบราณ ได้สร้างปราสาทหินเทวาลัยที่เรียกว่า “จันทิ” หลายหลังในพื้นที่ Dieng Plateau เพื่อเป็นเทวสถานอุทิศถวายแด่เทพเจ้าในศาสนาฮินดู ลักษณะของสถาปัตยกรรมนั้นก็ดัดแปลงมาจากสถาปัตยกรรมในศิลปะอินเดียโบราณนั่นเองครับ...กล่าวกันว่า จันทิบน Dieng Plateau ถือว่าเป็นร่องรอยอารยธรรมฮินดูรุ่นแรกๆที่มาปรากฏขึ้นในอินโดนีเซียเลยล่ะครับ... กลุ่มของปราสาทหินจันทิของ Dieng Plateau จะมีกลุ่มหลักคือ กลุ่มจันทิอรชุน (Candi Arjuna) มีปราสาทหินอยู่ 5 หลัง นอกจากนี้ยังมีที่อยู่ห่างออกไปอีก อย่างจันทิภีมะ (Candi Bhima) จันทิทวารวตี (Candi Dwarawati) ด้วยนะครับ เดี๋ยวเราไปเดินไปชมกลุ่มจันทิอรชุนทั้ง 5 หลังก่อนนะครับ...ดูบรรยากาศสิครับ เย็นฉ่ำมีหมอกบางๆ ยังกะเอาปราสาทหินไปตั้งไว้บนภูกระดึงเลยล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กลุ่มจันทิอรชุน มีปราสาทหินอยู่ 5 หลังครับ ตั้งชื่อตามตัวละครใน “มหากาพย์มหาภารตะ” ซึ่งเป็นวรรณคดีศักดิ์สิทธิ์ของอินเดียครับ ได้แก่ “อรชุน เสมาร์ ศรีกันทิ ปุนตเทพ เสมภัทร” ชื่อเพราะยังกะพระเอกนิยายเลยล่ะครับ... เหตุที่ปราสาทหินในอินโดนีเซีย เรียกกันว่า “จันทิ” นั้น ก็มีนักวิชาการสันนิษฐานว่า คำๆนี้น่าจะมาจากรากศัพท์คำว่า “จัณฑิ” ซึ่งเป็นพระนามหนึ่งของเทพีทุรคา เทพีแห่งความตายในศาสนาฮินดู ปราสาทหินเหล่านี้อาจจะสร้างขึ้นโดยวัตถุประสงค์เพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หรืออาจจะใช้ฝังอัฐิของผู้วายชนม์ก็เป็นได้ครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กลุ่มของจันทิอรชุน เป็นเพียงปราสาทหินขนาดเล็กครับ ขนาดตัวปราสาทเห็นจะเล็กกว่าปราสาทเมืองต่ำ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ด้วยซ้ำไป...ถ้าคนที่ชอบอะไรๆที่อลังการ คงจะผิดหวังกับปราสาทหินบน Dieng Plateau นี้ แต่สำหรับพวกสนใจทางด้านโบราณคดีอย่างกลุ่มผม ต่างก็รู้จักกันว่าที่นี่คือ “จุดกำเนิด” อารยธรรมอันรุ่งเรืองของชวาโบราณ ซึ่งต่อไปภายหลังจะพัฒนาขึ้นเป็นอาณาจักรฮินดูอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเจริญรุ่งเรืองมาก่อนจะมีนครวัดในกัมพูชาซะอีกล่ะครับ...โบราณสถานเล็กๆเหล่านี้ จึงคุ้มค่ามากสำหรับพวกผมที่ได้มาชมครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เทวรูปพระพรหมสี่หน้า อยู่ตรงผนังของจันทิหลังนึงบน Dieng Plateau ครับ...ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู พระพรหมท่านเป็นนักบวช ที่พระหัตถ์จึงมักจะถือลูกประคำและคัมภีร์พระเวทเสมอครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ซุ้มเทวรูปที่ผนังจันทิภีมะครับ...ผมว่ายังกะทางเข้าสวนสนุกอ่ะครับ ดูตลกๆพิลึกดี อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากบน Dieng Plateau นี้ เราสามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟ Gunung Sundoro ซึ่งสูงถึง 3,136 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นยอดเขา 1 ใน 4 ทหารเสือของเกาะชวาภาคกลางด้วยนะครับ... วิวภูเขาไฟนี้ ผมว่ามองกี่ทีก็ดูงามสง่ากว่าภูเขาปรกติทั่วไป รู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่อัดแน่นอยู่ในนั้นเลยล่ะครับ ว่ามั้ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พวกเราเดินชมโบราณสถานต่างๆบน Dieng Plateau อยู่พักใหญ่ นี่ก็โพล้เพล้เต็มที เห็นจะได้เวลากลับลงไปยัง Wonosobo แล้วล่ะครับ...ระหว่างที่เดินกลับไปรอรถประจำทาง ก็มองไปเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาทางหลังเขาด้านโน่น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ!! เนื่องจาก Dieng Plateau เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยปล่องภูเขาไฟเก่าครับ เรียกกันว่าเป็น “Volcano Complex” จึงมีพลังความร้อนใต้พิภพแฝงอยู่มากมายในบริเวณนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนหรือโคลนเดือด บางช่วงเวลาจึงมีการ “ปะทุ” ขึ้นตามปรกติธรรมชาติครับ ไม่ได้น่าตื่นตระหนกอันใด ชาวบ้านเค้าก็อยู่กับปรกติดี มีแต่พวกเราอ่ะครับที่ตื่นเต้น เหอๆๆๆ...รู้สึกว่าบนนี้จะมีโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพด้วยนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พวกเรากลับลงมาถึง Wonosobo ก็ค่ำแล้ว...เลยแวะทานอาหารกันก่อนเข้าที่พักครับ เผอิญเจอร้านอาหารใหญ่อยู่แห่งนึง กึ่งๆจะเป็นภัตตาคารจีนอ่ะครับ เลยเข้าไปนั่งโต๊ะสั่งกันยกใหญ่ อาหารร้านนี้อร่อยครับ บางอย่างนี่รสชาตินึกถึงร้านมิ่งหลีตรงหน้า ม.ศิลปากรเลยอ่ะ ชอบมากๆครับ... ถ้ามาประเทศอินโดนีเซีย ต้องลองชิม “สะเต๊ะ” ต้นตำรับเค้าซะหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะว่ามาไม่ถึง อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:52:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แวะร้านขายขนมครับ ซื้อของขบเคี้ยวเผื่อหิวยามดึก...ร้านขนมร้านนี้ของเค้าเยอะดีครับ มีทั้งพวกขนมปังปี๊บแบบต่างๆคล้ายๆบ้านเรานี่แหละ แล้วก็มีขนมพื้นเมืองด้วย...ซื้อไปชิมไปได้มาหลายอย่างเหมือนกันครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อคืนหลับสบายดีมาก อากาศยามค่ำคืนของ Wonosobo เย็นเยือกเหมือนนอนอยู่บนดอยเลยครับ...รุ่งเช้าทางโรงแรมก็ส่งอาหารเช้าแบบเบาๆมาให้ถึงห้อง มีขนมปังใส้หวานคนละก้อนและชาร้อนเหยือกโตครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เช้านี้พวกเราเก็บข้าวของเช็คเอ้าท์กันเลย ด้วยหมายว่าวันนี้จะตีรถมุ่งลงไปยังเมือง Magelang เพื่อที่จะไปให้ถึงบุโรพุทโธครับ พี่ผู้หญิงที่เป็นพนักงานโรงแรมก็ใจดีมากๆ ออกมาช่วยดูรถบัสให้ครับ ด้วยกลัวว่าเราจะอ่าน “Bahasa Indonesia” ไม่ออก แล้วอาจจะเผลอขึ้นรถผิดคัน...ขอบคุณมากๆเลยครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ระหว่างรอรถก็สอดส่ายสายตาดูโน้นดูนี่ไปรอบๆครับ มาสะดุดตากับสิ่งนี้อ่ะครับ “โดมมัสยิดโลหะสำเร็จรูป”...ที่ประเทศอินโดนีเซียนี่เราจะเห็นมัสยิดได้บ่อยครับ เพราะเค้ามีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก การก่อสร้างมัสยิดของอินโดนีเซียก็ไม่ยากเย็นอ่ะไรครับ เพียงแค่เค้าสร้างบ้านขึ้นมาหลังนึง มีหลังคามุงกระเบื้องตามปรกติ เสร็จแล้วก็ไปซื้อโดมโลหะเหล่านี้มาติดตั้งบนหลังคา เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยครับ... คนอินโดนี่ไอเดียดีช่างคิดนะครับเนี่ย.. จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในเมือง Wonosobo ยังมีรถม้าวิ่งรับส่งผู้คนอยู่ทั่วไปนะครับ รูปร่างเป็นแบบรถม้าพื้นบ้าน คันก็ไม่ได้ใหญ่โตแบบรถม้าเมืองลำปาง...เสียดายว่าเช้านี้เราต้องเดินทางกันแล้ว เลยไม่ได้นั่งรถม้าแบบนี้เที่ยวเล่นชมเมืองอ่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รถบัสอินโดนี่แน่นขนัดดีจริงๆ อารมณ์เหมือนรถบัสต่างจังหวัดในเมืองไทยอ่ะครับ พวกเรายังหนุ่มยังแน่นก็พอจะโหนไปกะเค้าไหวอยู่ครับ อิอิ... ในรถบัสอินโดนี่ก็เพลินดีนะครับ เพราะเดี๋ยวก็มีคนขึ้นมาขายของ มีของกินของใช้ไม่ต่างจากบ้านเราเลยครับ ที่น่าสนุกกว่านั้นก็ตรงที่ว่า จะมี “นักดนตรีเพื่อชีวิต” เป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นชาวบ้านปรกตินี่ล่ะครับ ไม่ได้พิการอะไร สะพายกีต้าร์ตัวนึงก็ขึ้นมาดีดพลางร้องพลางขับกล่อมผู้โดยสาร เล่นไปซักเสองเพลงก็เปิดหมวกขอตังค์ครับ...คนอินโดก็ใจดีนะครับ ตังค์เล็กๆน้อยๆเค้าก็ให้นักดนตรีทั้งนั้นคนละนิดคนละหน่อย พวกเราก็ให้ไปกะเค้าด้วย พวกนักดนตรีบนรถนี้เจอทุกคันครับ คนแน่นแค่ไหนพี่ก็เบียดขึ้นมาเล่นจนได้ ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนรำคาญเลย รู้สึกเหมือนจะเป็น “มหรสพเคลื่อนที่” อย่างนึงในวิถีชีวิตคนอินโดนีเซียไปแล้วล่ะครับ เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทิวทัศน์ระหว่างทางนี่ก็อลังการสุดๆเลยครับ เพราะเส้นทางรถบัสของเราจะผ่านตรงกลางระหว่างภูเขาไฟ 2 ลูกคือ Gunung Sundoro และ Gunung Sumbing ครับซึ่งก็ใหญ่โตโอฬารมากๆ สูงเกิน 3,000 เมตรทั้งคู่เลยครับ ทิวทัศน์ภูเขาไฟที่พวกเราเห็นระหว่างทางนี่เอง ที่ทำให้เราคลายข้อสงสัยว่า เหตุใดราชวงศ์ที่ปกครองอาณาจักรโบราณอันยิ่งใหญ่เมื่อพันกว่าปีก่อนบนเกาะชวานี้ จึงมีนามว่า “ราชวงศ์ไศเลนทร์” อันหมายถึง “ราชาแห่งขุนเขา” อีกทั้งยังมีประเพณีการบูชาภูเขาลูกใหญ่อีกด้วย...ก็เพราะภูเขาไฟแต่ละลูกในเกาะชวาเนี่ย ล้วนสูงใหญ่โดดเด่นเป็นสง่า กอปรด้วยพลานุภาพที่อาจจะปะทุหรือระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ คนโบราณจึงเคารพบูชาภูเขาไฟเหล่านี้ประดุจเป็นเทพเจ้า จนกลายมาเป็นคำเรียกราชวงศ์ว่า “ไศเลนทร์” นั่นเองและต่อมาจะเป็นต้นกำเนิดของ “ลัทธิเทวราชา” ในอาณาจักรขอมต่อไปไงล่ะครับ...เพียงแต่ว่าในเขมรไม่มีภูเขาลูกใดสูงสง่าเท่าอินโดนีเซีย ทางเขมรก็เลยต้องสมมติเอาภูเขาเท่าที่เค้ามีอ่ะครับ อย่างเช่น พนมกุเลน หรือพนมบาแค็ง เป็นต้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน “เทวราชา” ของเค้าอ่ะครับ ในภาพนี้เป็น Gunung Sundoro ตั้งอยู่ท่ามกลางไร่ยาสูบครับ...สังเกตดีๆตรงปากปล่องยังมีควันโชยออกมาเป็นระยะๆ แสดงว่ายังเป็น “Active Volcano” ที่พร้อมจะระเบิดได้อยู่นะครับ...ว้าว!!! จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เราต้องเปลี่ยนรถบัสที่เมือง Temanggung ทีนึงแล้วจึงจะถึง Magelang ครับ ที่ท่ารถเมือง Magelang จะมีรถบัสออกไปบุโรพุทโธตลอด เพราะอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กว่ากิโลเท่านั้นเองครับ พวกเราเลยแวะทานข้าวแกงที่ท่ารถเมือง Magelang กันก่อน แล้วจึงขึ้นรถบัสต่อไปบุโรพุทโธครับ... มาถึงบุโรพุทโธก็บ่ายโมงกว่าๆ ที่ท่ารถบุโรพุทโธพวกเราก็เจอบรรดาสามล้อรุมเลยครับ ต่างคนต่างแย่งที่จะพาเราไปยังที่พัก Guesthouse ต่างๆในบริเวณนั้น ตื้อกันพอหอมปากหอมคอครับ ราคาค่ารถสามล้อก็ตลกดี ยิ่งเดินไปเรื่อยยิ่งถูกลงเรื่อยๆเหลือแค่ไม่กี่พัน Rp. แต่เราไม่นั่งสามล้อครับ กัดฟันเดินแบกเป้ลูกเดียว...เพราะคืนนี้จะไม่นอน Guesthouse ที่เค้านำเสนอเด็ดขาด แต่กะไว้ว่าจะ “นอนหรู” ที่โรงแรมดังตรงเชิงเขาบุโรพุทโธครับ หุหุ เหตุที่จะนอนโรงแรมดีๆหน่อย ไม่ใช่เพราะมีตังค์เยอะหรอกครับ...แต่เพราะว่าคืนวันนี้จะมี “บอลโลกนัดชิงชนะเลิศ” ถ้าไปนอน Guesthouse กลัวว่าจะไม่มีทีวีดูบอลอ่ะครับ...นอนโรงแรมนี้มั่นใจได้ว่ามีทีวีแน่นอน อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงแล้วครับ Hotel Manohara จากท่ารถเดินมานี้ก็ไกลพอสมควรนะครับ...ทางที่ดีตกลงกับสามล้อแล้วนั่งมาดีกว่าครับ ไม่ต้องหอบแฮ่กอย่างพวกผม อิอิ โรงแรมนี้ตั้งอยู่ในเขตสถานที่ราชการครับ รู้สึกจะเป็นที่ทำการอุทยานประวัติศาสตร์บุโรพุทโธ ตัวโรงแรมจะอยู่ถัดเข้ามาหน่อยครับ ข้างหน้าทางเข้ามียามของทางราชการ มั่นใจในความปลอดภัยได้ครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 10:59:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 บรรยากาศตรงล็อบบี้ครับ อารมณ์จะเป็นรีสอร์ทสไตล์อินโดนีเซียนะครับ มีกลิ่นอายบาหลีนิดๆ ผมว่าดูคลาสสิคดีจังอ่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ห้องพักสะดวกสบายมากครับ เตียงดี มีทีวีตู้เย็นพร้อม แอร์เย็นฉ่ำ ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วยครับ...สภาพอาจจะดูเหมือนโรงแรมสมัยก่อน แต่เค้าก็บำรุงรักษาดีครับ พักอยู่ได้สบายๆ... ราคาห้องพักเตียงคู่แบบนี้จะอยู่ที่ 368,500 Rp. ต่อคืนครับ (8,500 Rp.= 1 USD) ก็ตกราวๆ 1,500-1,600 บาท รูดบัตร Visa ชำระได้ครับ ถ้าไม่อยากจ่ายเป็นรูเปี๊ยะท์ ไม่มีชาร์จค่ารูดด้วยครับ อ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งหาว่าค่าห้องแพงนะครับ เพราะราคาค่าห้องนี้รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 คน และรวมค่าตั๋วเข้าชมบุโรพุทโธแบบ Unlimited สำหรับ 2 คนด้วย จะขึ้นไปเดินเที่ยวกี่รอบเช้าสายบ่ายเย็น ตั้งแต่เวลาเช็คอินยันเวลาเช็คเอ้าท์ได้หมดเลยครับ... ถือว่าคุ้มสุดคุ้มนะครับ เพราะตั๋วเข้าบุโรพุทโธคนนึงก็ปาเข้าไป 10 USD แล้ว 2 คนก็ 20 USD แต่นี่เค้าบวกในค่าห้องเรียบร้อยแล้ว เบ็ดเสร็จแล้วเป็นค่าห้องจริงๆไม่กี่ร้อยบาทเองครับ Highly Recommended ครับ อิอิ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 49 22:41:08 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พวกเราเข้าห้องแล้วก็อาบน้ำ พักผ่อนงีบหลับกลางวันซักนิดนึง อิอิ...พอหายเหนื่อยแล้วก็จะออกไปเที่ยวกันล่ะครับ เผอิญเห็นมีจักรยานให้เช่าด้วยมี 4 คันพอดี พวกเราก็เลยเหมาหมดเลยครับ เหอๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 30 บ่ายวันนี้เรากะกันว่าจะไปชม Candi Pawon และ Candi Mendut ซึ่งโบราณสถานสำคัญที่อยู่ใกล้ๆบริเวณบุโรพุทโธนี่เองครับ...ระหว่างทางที่ปั่นจักรยานไปเนี่ย ก็เหลือบไปเห็นชาวบ้านเค้ากำลังจัดแข่งขันนกเขาชวาครับ ไอ้เราก็รู้จัก “นกเขาชวา” มาตั้งนานแล้ว เพราะทางปักษ์ใต้บ้านเราก็ชอบเลี้ยงชอบแข่งเหมือนกัน ไหนๆมาถึงถิ่นเกาะชวาแล้ว ก็น่าจะมาดูการแข่งขันนกเขาชวาแบบต้นตำรับบ้างนะครับ.... แต่เอ...ทำไม “นกเขาชวา” ที่เกาะชวานี่มันดูตัวใหญ่เต็มกรงยังไงไม่รู้ เสียงก็ดูประหลาดกว่านกเขาชวาบ้านเราพิกล??? จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:03:14 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พอไปดูใกล้ๆพวกเราถึงฮาตึงเลยครับ...เพราะไอ้ที่เห็นแขวนแข่งกันอยู่บนโน่นน่ะ มันคือ “ไก่” ครับ!!! ไก่แจ้ตัวเป้งๆนี่เลย ฮาดีครับ เพราะแต่ละตัวขันกันเสียงระงมไปทั่ว ไม่รู้กรรมการเค้าติดสินยังไงล่ะเนี่ย...ที่ประหลาดก็คือ ทำไมเค้าต้องเอาไก่ใส่กรงนก แล้วไปแขวนไว้ซะสูงเชียว ความจริงไก่มันก็ตัวโต เอาใส่สุ่มไว้ข้างล่างฟังเสียงก็น่าจะชัดกว่านะครับ...แปลกดีแท้ๆ อย่างน้อยก็ได้รู้ว่า เมืองไทยมีแข่ง “นกเขาชวา” แต่ที่เกาะชวาเนี่ยดันมีแข่ง “ไก่ชวา” แทนอ่ะครับ 55555 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จากตรงลานแข่ง “ไก่ชวา” ปั่นจักรยานมาเรื่อยๆก็จะมาถึงที่แรกที่เรามาชมกันครับ นั่นคือ “Candi Pawon” (จันทิปะวน) เป็นเจดีย์ทรงปราสาทขนาดย่อม ในอดีตเป็นวัดในพุทธศาสนานะครับ สร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟล้วนๆ หน้าตาคล้ายๆ “พระบรมธาตุไชยา” จังหวัดสุราษฎร์ธานีเลยครับ...เดี๋ยวนี้กลายเป็นโบราณสถานร้างไปแล้ว แต่กรมโบราณคดีของอินโดนีเซียก็ดูแลซ่อมแซมบูรณะไว้ดีน่าชมครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:04:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พนักบันไดทางขึ้นพระเจดีย์ครับ...มีภาพแกะสลักเรื่อง “การบูชาตันกัลปพฤกษ์” จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต้นกัลปพฤกษ์...เป็นไม้สารพัดนึกในเทพนิยายครับ กล่าวกันว่าถ้าอยากได้ทรัพย์สินแก้วแหวนเงินทอง ก็มาขอเอาได้ทั้งนั้น (แหม น่าจะมีจริงๆนะเนี่ย อิอิ)...ในรูปนี้จะเห็นมีไหสมบัติตั้งอยู่ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ด้วย แถมยังมีกินรี-กินนร พร้อมทั้งเทวดานางฟ้ามาชื่นชมโภคทรัพย์อันร่ำรวยอยู่ด้วยนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ภายใน Candi Pawon จะมีซุ้มพระอยู่ครับ แต่ก่อนคงจะมีพระพุทธรูป หรือไม่ก็รูปพระโพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่แน่ๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้วครับ...หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วันนั้น ชาวบ้านมุสลิมแถวๆตรงใกล้ๆ Candi Pawon กำลังจัดงานฉลองของศาสนาอิสลามอยู่ เพราะได้ยินเด็กๆบนเวทีท่องอาขยานเป็นกลอนว่า "บิสมิลลาห์ๆๆๆ" อยู่เลย...ไอ้ผมเองก็เห็นชาวบ้านแต่งตัวสีสันสดใส เลยไปยืนชมงานกะจะถ่ายรูปมั่งนิดหน่อย... พวกคุณลุงคุณป้าในงานเห็นเข้า ก็เลยกวักเรียกให้เข้ามาทานน้ำชากะขนมพื้นบ้านแจกฟรีๆเลยครับ ใจดีกันทุกคนเลย...ตอนจะลากลับผมเลยไปจับมือ “ซาลาม” เป็นการขอบคุณ คุณลุงท่านนึงในงานก็อวยพรพวกผมว่า "Salamat Jalan" (เดินทางโดยสวัสดิภาพ) ด้วยนะครับ ขอบคุณคุณลุงคุณป้าในงานวันนั้นมากๆนะครับ สำหรับน้ำใจไมตรีอันแสนดีที่มีให้คนต่างชาติต่างศาสนาอย่างพวกผมครับ... ใครมาหาว่าคนมุสลิมอินโดน่ากลัวนี่ ผมล่ะจะเถียงขาดใจเลยครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จาก Candi Pawon พวกเราก็ปั่นจักรยานกันต่อ ออกมาไกลพอสมควรครับ ต้องข้ามแม่น้ำไปยังอีกตำบลนึงด้วย...และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางล่ะครับที่นี่ล่ะครับ “Candi Mendut” (จันทิเมนดุต) ที่นี่ต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าชมคนละ 3,000 Rp. ครับ จ่ายเสร็จปุ๊บคุณยามตรงป้อมข้งหน้า ก็มาถอยจักรยานพวกเราไปจอดเรียงเป็นระเบียบในรั้ว บริการดีจริงๆ อิอิอิ Candi Mendut เป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ครับ รูปทรงคล้ายๆ Candi Pawon ที่เราเพิ่งชมไปแล้วนี่เอง หากแต่ขยายขนาดให้ใหญ่โตโอ่โถงขึ้นอีกเยอะเลยครับ ที่นี่ก็สร้างด้วยหินภูเขาไฟเช่นกัน ขนาดเห็นจะใหญ่กว่าปราสาทหินพิมาย ที่จังหัดนครราชสีมาอีกนะครับ...ปราสาทหินหลังนี้สร้างขึ้นเป็นวัดทางพุทธศาสนานิกายมหายานเช่นกันครับ อายุก็ไม่ต่ำกว่า 1,000 ปีมาแล้ว... น่าอัศจรรย์ในความสามารถและความวิริยะของชาวอินโดนีเซียโบราณจริงๆครับ ที่จะสามารถสร้างปราสาทหินใหญ่โตจากหินภูเขาไฟได้ขนาดนี้ (ความจริง “บุโรพุทโธ” จะใหญกว่าปราสาทหลังนี่อีกเป็นทวีคูณเชียวนะครับ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ที่พนักบันไดทางขึ้นข้างบน ก็จะมีภาพสลักทำเป็นช่องๆ มีทั้งที่เป็นเรื่องชาดกและเรื่องตำนานนิทานทางพุทธศาสนาครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เรื่องที่จำได้ดีเพราะฮิตมากสมัยที่เรียนมหาลัย ก็คงจะเป็นเรื่อง “เต่าปากมาก” ที่เห็นเป็นภาพสลักในช่องด้านล่างนี่ล่ะครับ... เรื่องก็ประมาณว่า มีเต่าขี้โม้ตัวนึงติดอยู่ในสระน้ำที่กำลังจะแห้ง ก็มีนกสองตัวบินผ่านมาเกิดเห็นใจเต่า ก็ช่วยไปคาบกิ่งไม้มาให้เต่าคาบจ่อ แล้วจึงช่วยกันยกเต่าขึ้นพ้นจากที่นั้น ปรากฏว่าไอ้เต่าคาบกิ่งไม้ที่นกเอามาให้คาบ แต่เกิดคันปากยิบๆอยากจะโม้เรื่องโน้นเรื่องนี้ เลยอ้าปากกะจะฝอยต่อ ก็เลยหลุดจากกิ่งไม้ที่นกคาบไว้แล้วตกลงมาที่พื้น ประจวบเหมาะกับมีคนมาล่าเต่าไปทำกับข้าวพอดี เลยจับเจ้าเต่าปากมากช่างฝอยตัวนี้ เชือดซะแล้วลงหม้อแกงเลย อร่อยกันถ้วนหน้า อิอิอิ สมัยก่อน “ท่านอาจารย์” ท่านโปรดเรื่องนี้มาก เล่าเสร็จปุ๊บแล้วก็มักจะมีคติทิ้งท้ายไว้ว่า “เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่าพูดมากจนเกินพอดีไม่รู้จักกาลเทศะ เดี๋ยวจะอิ๋บอ๋ายแบบเต่าปากมากนี่แหล่ะ” ผมล่ะจำจนวันตายเลยครับ เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อขึ้นมาบน Candi Mendut แล้ว ผมก็ตรงเข้าไปข้างในห้องตรงกลางปราสาทที่เรียกกันว่า “ครรภคฤหะ” ก่อนเลยครับ เพราะหมายว่าจะมากราบ “หลวงพ่อโต” และ “พระโพธิสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” ภายในนี้ล่ะครับ กราบพระเสร็จก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักใบ...แสงเว่อร์ไปหน่อยนะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หลวงพ่อโต” เป็นฉายาที่ผมตั้งเองครับ (อ้าว!!!)...แท้จริงแล้วก็คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่สูง 3 เมตร ปางปฐมเทศนาขณะประทับนั่งห้อยพระบาทบนพุทธบัลลังก์ แกะสลักจากหินภูเขาไฟก้อนใหญ่ทั้งก้อนเลยนะครับ...องค์พระนี่ยังสมบูรณ์มากๆเลยครับ แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามาเป็นพันปีแล้วก็ตาม จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สองข้างหลวงพ่อโต ก็มีรูปพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่ประทับนั่งขนาบข้างเป็นบริวาร อย่างองค์ข้างขวาที่เห็นนี่ก็คือ “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” เจ้าแห่งความเมตตากรุณา กำลังแสดงปางประทานพรด้วยพระหัตถ์ขวา ราวกับจะประทานพรอันเป็นมงคลแก่ผู้มากราบไหว้องค์ท่าน...ผมก็เลยกราบขอพรท่านอีกทีเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนองค์ข้างซ้ายในภาพนี้ก็คือ “พระโพธิสัตว์วัชรปาณี” ผู้ถือสายฟ้าเป็นอาวุธ คอยพิทักษ์รักษาพระพุทธองค์และปราบปรามสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป...สักการะแล้วจะได้ไม่มีสิ่งชั่วร้ายมาแผ้วพานนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ใครไปใครมาที่นี่ หากเป็นพุทธศาสนิกชนก็ต้องเข้ามากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 องค์ของ Candi Mendut เสมอ...สังเกตดูที่นี่ยังมีผู้มาทำนุบำรุงรักษาอยู่เสมอ เพราะเห็นมีตั้งโต๊ะจุดธูปที่ข้างหน้า ทั้งยังมีการจัดดอกไม้สดขึ้นไปประดับองค์พระ และยังจัดทำ “สัปทน” (ร่มคันใหญ่) ด้วยไม้ไผ่และใบลาน สำหรับกางถวายพระโพธิสัตว์อีกด้วย เห็นแล้วก็ชื่นใจดีครับตรงที่ยังมีคนเห็นคุณค่าความสำคัญของโบราณสถานแห่งนี้อยู่นะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ด้านนอก Candi Mendut จะมีภาพแกะสลักเป็นรูปเทพยดาในพุทธศาสนานิกายมหายานมากมาย อย่างรูปนี้ก็คือ “เทพีหาริตี” เทพธิดาผู้คุ้มครองเด็กๆ ปรากฏกายในรูปของ “เทพธิดาแม่ลูกอ่อน” แบบนี้ล่ะครับ... เทพีหาริตีองค์นี้ แต่ก่อนเป็นนางยักษ์ชื่อว่า “อภิรดี” ชอบจับเด็กในกรุงราชคฤห์กินเป็นอาหาร ต่อมาพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงนำบุตรชายนางยักษ์ไปซ่อนบ้าง นางก็ร้องไห้หาลูกจะเป็นจะตาย จึงได้สำนึกว่า “ลูกใครใครก็รัก” และได้ดวงตาเห็นธรรมจากพระพุทธเจ้าเทศนา จึงได้เลิกเป็นนางยักษ์กินเด็กผู้แสนโหดร้าย กลับกลายมาเป็น “เทพีผู้คุ้มครองเด็ก” ในพุทธศาสนานิกายมหายานนี่ล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 บางส่วนของภาพสลักจะมีการแทรกเรื่องราวขบขันแบบชาวบ้านๆลงไปด้วยนะครับ อย่างรูปนี้ก็น่าจะเป็นการละเล่น “หัวล้านชนกัน” เหมือนเมืองไทยสมัยก่อนเลยครับ... ไม่ยักรู้นะเนี่ยว่าที่ชวาก็มีหัวล้านชนกันเหมือนกัน ท่าทางจะน่าสนุกนะเนี่ย อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อีกฟากนึงจะเป็นรูป “ท้ามชัมภละ” เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ปรากกกายในรูปเทวดาอ้วนพุงพลุ้ย มีทรัพย์สินมากมายจนต้องใส่ไหวางไว้ข้างหน้า...หุหุ รู้สึกคนชวาสมัยก่อนจะชอบเรื่องร่ำเรื่องรวยนี่จังนะครับ ที่เมื่อกี้ก็มีต้นกัลปพฤกษ์มาแล้ว ที่นี่ยังมีท้าวชัมภละอีก กะว่าไหว้ครบเห็นจะรวยขึ้นเป็นทวีคูณทันที (ถ้าเป็นจริงได้ก็ดีสิครับ เหอๆๆๆ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผนังรอบนอกของ Candi Mendut จะมีภาพสลักของพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 8 องค์ในนิกายมหายาน ที่รู้จักกันในนามว่า “อัษฏมหาโพธิสัตว์” อย่างรูปนี้ก็คือ...”พระโพธิสัตว์มัญชุศรี” เจ้าแห่งสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ท่อระบายน้ำแบบโบราณครับ ทำเป็นรูป “มกร” สัตว์ในเทพนิยายของอินเดีย มกรนี่ไม่ใช่มังกรนะครับ อย่าเข้าใจผิด เจ้ามกรนี่ลักษณะจะเป็นจระเข้ที่มีงวงเหมือนช้างครับ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของน้ำท่าและความอุดมสมบูรณ์ครับ อ้อ ตัว “มกร” นี่ล่ะครับ ที่เป็นเจ้าของราศีเดือนมกราคม ไม่ใช่ “ราศีมังกร” อย่างที่เราเชื่อกันผิดๆจากพวกหมอดูนะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ชมไปถ่ายรูปไปที่ Candi Mendut แล้ว พวกเพื่อนๆผมก็แวะร้านของที่ระลึกด้านหน้าหน่อยนึงครับ เพราะเห็นมีข้าวของเยอะดีต่อราคากันสนุก แต่ก็ยังไม่ได้อะไรหรอกครับ กะว่าตรงหน้าบุโรพุทโธร้านรวงคงจะเยอะกว่านี้ เลยชวนกันกลับดีกว่าครับ นี่เป็นซุ้มตกแต่งตรงหน้าทางเข้า Candi Mendut ครับ เป็นพวกใบลานสานเป็นโคมระย้า คล้ายๆกับของที่บาหลีเลยครับ สวยมากๆได้อารมณ์ศิลปะพื้นบ้านดี น่าเสียดายที่งานศิลปะพื้นบ้านดีๆอย่างนี้ ในเมืองไทยเราแทบไม่เหลือแล้วครับ เฮ้อ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ระหว่างทางปั่นจักรยานกลับไป Hotel Manohara ครับ จะเห็นบุโรพุทโธโดดเด่นแต่ไกลเลยนะครับเนี่ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 52 กลับไปคืนจักรยานที่โรงแรมแล้ว ก็แวะที่ห้องหยิบบัตรเข้าชมบุโรพุทโธติดตัวไปด้วย เพราะกะจะขึ้นไปชมบรรยากาศยามเย็นบนนั้นกันครับ บัตรเข้าชมบุโรพุทโธของ Hotel Manohara ใช้ได้แบบ Unlimited ครับตั้งแต่วันเช็คอินจนวันเช็คเอาท์เลย แถมยังมีส่วนที่ให้ขอชม Audio Visual แนะนำโบราณสถานได้ด้วย คุ้มจริงๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ทางขึ้นบุโรพุทโธของ Hotel Manohara จะอยู่ด้านหลังโรงแรมพอดี นี่เราก็แวะตรงห้องอาหารของโรงแรมหน่อยนึงครับ เลือกโต๊ะตัวนี้ไว้กะว่า วันพรุ่งนี้จะมานั่งทานอาหารเช้าแกล้มวิวสวยๆแบบนี้ล่ะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว นักท่องเที่ยวเริ่มกลับลงมาจากบุโรพุทโธแล้วล่ะครับ (เมื่อตอนกลางวัน ผมเห็นเดินกันเต็มไปหมดข้างบนโน่นอ่ะครับ คนเยอะจริงๆเพราะเป็นวันอาทิตย์ด้วย) ก็จะเหลือแต่พวกที่พักอยู่โรงแรมเรานี่ล่ะครับ ที่จะขึ้นไปชมวิวตอนเย็น จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พวกเราเดินขึ้นไปชมลานบางชั้นของบุโรพุทโธครับ เย็นนี้มีเวลาน้อยเลยกะว่าแค่มาเดินเล่นก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้นมาดูจริงๆอย่างละเอียดอีกทีครับ จะว่าไปพวกภาพแกะสลักที่บุโรพุทโธช่วงแสงแดดยามเย็นนี้ ก็ดูสวยมากๆนะครับ ราวกับว่ามีชีวิตชีวาจริงๆ อย่างเช่นพระทุทธรูปองค์นี้ครับ อ่อนช้อยสวยงามเป็นยิ่งนัก ว่ามั้ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พอถึงเวลาซัก 5 โมงครึ่ง พวกเจ้าหน้าที่รักษาการณ์บนบุโรพุทโธก็เริ่มประกาศให้นักท่องเที่ยว รีบกลับลงมาล่ะครับ เพราะว่าเค้าจะปิดแล้ว เสียดายอยู่เหมือนกันว่า อยากจะดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่บุโรพุทโธนี่จริงๆ แต่ไม่เป็นไรครับ พวกเรามีตั๋ว unlimited อยู่แล้ว พรุ่งนี้จะวนเข้าซัก 2-3 รอบก็ได้สบายแฮครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดงที่บุโรพุทโธครับ ว้าวววว จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:29:39 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แหะๆๆ เห็นป้ายนี้นึกว่ามี Flight บินตรงกรุงเทพ-บุโรพุทโธซะแล้ว ที่ไหนได้เป็นป้ายธนาคารครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มื้อค่ำเราแวะร้านข้าวแกงแถวๆหน้าบุโรพุทโธครับ มาเที่ยวที่นี่ไม่ต้องกลัวอดตายนะครับ เพราะผมเห็นมีร้านข้าวแกงและร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้อนเหมือนกัน . หน้าตาข้าวแกงอินโดนีเซีย แทบไม่ต่างจากอาหารไทยเลยครับ รสชาติก็อร่อยถูกปากผมจริงๆ มื้อค่ำนี้ผมทานปลากดุกทอดกรอบ แกงเผ็ดปลาทู แล้วก็ที่เห็นก้อนๆสองก้อนนั่นคือ “แกงขนุนอ่อน” ครับ มันคือกับข้าวไทยพื้นบ้านชัดๆเลยอ่ะ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ยังมีท้องเหลืออยู่หน่อยนึง เลยแวะชิม “บะหมี่ลูกชิ้นเนื้อ” ซะหน่อยครับ ตอนแรกคิดว่า คนอินโดนีเซียจะทำก๋วยเตี๋ยวอร่อยกว่าคนจีนได้ไง แต่พอมาชิมบะหมี่ลูกชิ้นเนื้อน้ำใสตรงหน้าบุโรพุทโธนี่แล้ว อร่อยจริงๆครับ ถ้าผมเป็นหมึกแดงจะไปยกป้ายติดหน้าร้านให้เลย เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คืนนี้มีบอลโลกนัดหยุดโลกครับ ฝรั่งเศส-อิตาลี เลยต้องมีสะเบียงยามดึกซะหน่อย อิอิ แวะซื้อ Roti Bakar นิดนึงครับ มันก็คือขนมปังปิ้งทาเนยทาแยมนี่หล่ะครับ ตอนแรกก็นึกว่าขายแค่แผ่นสองแผ่นแบบเมืองไทย ที่ไหนได้พี่ท่านเล่นเอาลงกระทะทั้งแถวเลยครับ กะให้อิ่มยันเช้าเลยนะเนี่ย เหอๆๆๆ รายนี้ก็อร่อยดีครับ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมกลับจากอินโดนีเซียแล้วน้ำหนักขึ้น ปรากฏว่าคืนนั้นอิ่มกันเพลินไป ผมก็หลับเลยครับ ไม่ทันได้ดูพี่ซีดานเอาหัวโขกโลกตะลึงซะนี่ แต่เพื่อนอีกห้องนึงอยู่ดูทันช็อตเด็ดนี้นะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เอาเป็นว่าจบกระทู้เที่ยวชวามาบุโรพุทโธนี้ก่อนล่ะกันครับ กระทู้หน้าจะพาเที่ยวบุโรพุทโธจริงๆจังๆแล้วนะครับ แล้วค่อยเจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมกระทู้ของผมนะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 8 ส.ค. 49 11:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เห็นชุดนี้แล้วอยากไปบ้างครับ แต่ลึกๆ ส่วนตัวแล้วกลัวเรื่องความปลอดภัยบ้านเขาจัง ... รอดูชุดต่อไปดีกว่า เป็นสถานที่ที่ผมเคยเห็นในรูปแล้วชอบมากเลยครับ จากคุณ : Oatta (SF-The KOP) - [ 8 ส.ค. 49 11:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เป็นเส้นทางที่น่าสนใจมากค่ะ อินโดเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะไปเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะข่าวในทางลบ รวมถึงภัยธรรมชาติซึ่งอยู่เหนือการควบคุม   แต่หลังจากได้ดูรีวิวของคุณหนุ่มฯ หลายๆ ครั้งแล้ว  อาจต้องลองมาพิจารณาดูใหม่ค่ะ จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 8 ส.ค. 49 12:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เป็นที่ที่อยากไปที่นึง แต่ก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเหมือนกันค่ะ ขอบคุณที่เอาข้อมูลมาฝากกัน จากคุณ : Red Leaves - [ 8 ส.ค. 49 12:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ไม่เคยคิดจะไปอินโด เหมือนคุณไก่แก่แม่ปลาช่อน อยากไปเห็นด้วยตาก้อเพราะกระทู้ของคุณหนุ่มนี่แหละ เอามายั่วบ่อยเจรงๆ จากคุณ : sueko - [ 8 ส.ค. 49 12:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เยี่ยมและอลังการมากครับ จากคุณ : Athlons - [ 8 ส.ค. 49 19:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 68 พูดแล้วก็พูดอีก อยากเกาะติดไปกับทัวร์คุณหนุ่มฯแฮ่ะ เจาะลึกจริงๆ จากคุณ : WONDERFUL_DAY - [ 8 ส.ค. 49 19:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ได้ความรู้ ชวนติดตามดีจังค่ะ จากคุณ : แป้งแดง - [ 8 ส.ค. 49 22:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 70 หุหุ ตามมาเป็นหน้าม้าเช่นเคย อลังการดีแท้ครับ ... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 8 ส.ค. 49 22:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะคุณหนุ่ม ได้ความรู้มากเลย บรรยายเก่งเหมือนเป็นไกด์อินโดเลยค่ะ เหมือนคนไปมาบ่อย ๆ แล้วนะเนี่ย ห้องพักที่ manohara ที่กะจะไปพักนั้น จองไม่ได้เลย เขาว่าเต็มหมดสำหรับคืนวันเสาร์นี้ คงจะต้องไปพักที่yogya แทนค่ะ น่าอิจฉาจังได้อยู่ตั้ง 3 คืน ไป Dieng Plateau ด้วย พอดีคณะที่ไปด้วยเป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณด้วยค่ะ เลยไม่กล้าพาไปแบบลุยมากนัก เน้นเที่ยวได้แต่ต้องสบายด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : หนูนิด - [ 8 ส.ค. 49 22:57:29 A:203.107.200.230 X: TicketID:092082 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ยอดเยี่ยมมากค่ะ ... ดูแล้วจะโหดกว่าบาหลีแยะเลย  แต่จะพยายามหาโอกาสไปบ้าง  สนใจตั้งแต่เห็นในสารคดีแล้ว  ขอบคุณนะคะ จากคุณ : M's (SyeSanDee) - [ 9 ส.ค. 49 00:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สุดยอดครับ จากคุณ : คุณแมว (bc17825) - [ 9 ส.ค. 49 13:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 74 รอชมตอนต่อไปครับ จากคุณ : หมียักษ์ - [ 9 ส.ค. 49 18:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ว่าแล้วถ้ามีโปรเมื่อไหร่จะช้าอยู่ใย...มีที่เที่ยวเพิ่มขึ้นอีกที่แล้ว จากคุณ : BHU - [ 9 ส.ค. 49 21:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณอ.หนุ่มมาก ๆ ค่ะ ตามไปชมตอนต่อไป... จากคุณ : Dr_Best - [ 10 ส.ค. 49 01:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณทุกๆท่านที่มาเยี่ยมชมอีกครั้งนะครับ...นี่ก็รีวิวตอนที่ 2 มาเดินชมบุโรพุทโธด้วยกันครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E4610299/E4610299.html จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 78 บรรยายได้ละเอียด ได้ความรู้ขึ้นอีกมากมาย ชอบมากค่ะ แต่ว่า ไม่มีอะไรที่อาจารย์ว่าไม่อร่อยเลยนะคะ หุหุ จากคุณ : ไอ้หัวบุบ - [ 10 ส.ค. 49 11:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ความรู้แน่นเอียดยิ่งก่าตอนเรียนอีก อิ อิ แต่ก๋วยเตี๋ยวนี่อร่อยๆๆจิงๆๆเหรอ จากคุณ : Minora - [ 10 ส.ค. 49 14:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ไม่มีอะไรที่อาจารย์ว่าไม่อร่อยเลยนะคะ หุหุ ^ ^ ^ น่านซิ...เน๊าะ  อิอิ รู้งี้พยายามจิ้มตอนโปร 0 บาท แล้วไปด้วยดีกว่า... เสียดายอยู่นะเนี่ย..... ไม่น่าพลาดเลยช้านนนนนนนน   จากคุณ : รังสิมา - [ 10 ส.ค. 49 17:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ^ ^ ^ ^ ขืนไปจริง ภูเขาไฟบึ้มแน่ ๆ ชอบบรรยากาศที่ อ.นมก. ถ่ายทอดมา กลิ่นสงบ ๆ มันลอยมาเตะจมูกนิ่ง ๆ ดีจัง เวลาไปต่างถิ่น แม้แต่ในประเทศไทยเอง ถ้าเราเปิด รอบ ๆ ข้างก็จะมีสิ่งดี ๆ ให้เราได้รับกลับมาเสมอ ยิ่งดูแล้วยิ่งคิดถึงบรรยากาศเวลาเดินทางจริง ๆ ตามไปดูกระทู้ที่เหลือต่อล่ะค่ะ จากคุณ : Kaper - [ 11 ส.ค. 49 13:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อลังการงานสร้างครับ เหมือนเกาะติดไปเที่ยวด้วยเลย ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : เกย์จิ (เกจิ) - [ วันแม่แห่งชาติ 00:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ได้ความรู้ทางด้าน ประวัติศาสตร์และโบราณคดีจากกระทู้นี้ของคุณ หนุ่มเมืองกรุง แนนแนนกำลังจะไปเที่ยวที่นี่ค่ะ จากคุณ : แนนแนน - [ 10 ก.ค. 51 15:40:09 ]