ความคิดเห็นที่ 1 บันไดทางขึ้นค่อนข้างชันนะครับ...จะไต่ขึ้นไปก็ต้องจับราวบันไดด้วยครับ กันพลาด หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขึ้นมาถึงชั้นบนนี่แล้วก็เห็นวิวนี้เลยครับ...”รุ่งอรุณแห่งความสุข” ที่พระมหาสถูปบุโรพุทโธครับ ว้าวๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อากาศยามเช้าที่นี่กำลังเย็นเลยครับ สดชื่นเหมือนอยู่บนดอยทางภาคเหนือนะครับ พูดๆไปนี่เป็นควันเป็นไอออกจากปากเลย ผมอ่ะชอบอากาศเย็นๆหยั่งงี้จังครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ......รูปนี้ไม่มีคำบรรยายครับ อยากให้ซึบซับบรรยากาศแสนสงบเช่นนี้ด้วยตัวท่านเองครับ...... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อมายืนอยู่บนลานชั้นบนของบุโรพุทโธ แล้วมองลงไปเบื้องล่าง...เห็นแต่สายหมอกปกคลุมพื้นที่เต็มไปหมดเลยนะครับเนี่ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความจริงก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติขึ้นมาข้างบนนี้บ้างแล้ว แต่ยังมีไม่มากเท่าไหร่ ต่างคนต่างหลบไปหามุมสงบของตนเอง เพื่อที่จะได้ซึมซับบรรยากาศอันแสนสงบ และปลอดโปร่งเช่นนี้ให้นานที่สุดครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จะว่าไปนะครับ...สายหมอกยามเช้าที่ปกคลุมอยู่รอบๆบริเวณบุโรพุทโธ ก็เปรียบเสมือนกับก้อนเมฆบนท้องฟ้า ในยามนี้ก็ประหนึ่งว่าพระมหาสถูปบุโรพุทโธ กำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆบนสรวงสวรรค์ยังไงอย่างงั้นเลยอ่ะครับ ว่ามั้ย... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ระหว่างเดินเก็บบรรยากาศแสนสดชื่นยามเช้าอยู่นั้น ผมก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันพระใหญ่ “วันอาสาฬหบูชา”...นึกได้ดังนี้ก็เลยเดินตรงไปที่องค์พระเจดีย์ใหญ่ตรงกลางครับ แล้วนั่งลงกราบพระกับสวดมนต์อีกซักเล็กน้อย...ผมเองเป็นคนห่างธรรมะอ่ะครับ บทสวดยาวๆก็ไม่รู้จัก ได้แต่สวดอิติปิโสจบนึง แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว...อย่างน้อยในวันสำคัญเช่นนี้ เราก็ยังได้มีโอกาสรำลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งสุดประเสริฐของพุทธศาสนิกชนแล้วนะครับ... พิมพ์ๆไปก็รู้สึกว่า คคห.นี้เป็น “สำนวนมหา” ยังไงไม่รู้เนอะ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พระอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ...เห็นจะได้เวลาลงไปข้างล่างแล้วล่ะครับ เพราะเดี๋ยวต้องแวะไปทานอาหารเช้า แพ็คของเตรียมเช็คเอาท์ แล้วจึงจะขึ้นมาเดินชมบุโรพุทโธอย่างละเอียดอีกครั้งนึงครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ซุ้มประตูรูปร่างประหลาด แต่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะอินโดนีเซียโบราณเชียวนะครับ เรียกกันว่า “ซุ้มกาล-มกร” ครับ...”กาล” ก็คือลวดลายรูปร่างคล้ายหน้าสิงห์ กำลังแยกเขี้ยวแสยะยิ้มบนยอดซุ้มข้างบน...ส่วนลาย “มกร” ก็คือสัตว์ประหลาด ที่กำลังอ้าปากชูงวงอยู่สองข้างด้านล่างของซุ้มประตูนี่ไงล่ะครับ...ซุ้มประตูโบราณแบบนี้ จะเป็นต้นเค้าของซุ้มประตูเทวาลัยแบบบาหลีในภายหลังนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แสงแดดเริ่มจ้าขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สายหมอกก็ค่อยๆจางหายไป...ได้เวลาลงไปข้างล่างแล้วล่ะครับ ท้องเริ่มร้องหาข้าวเช้าแล้ว เดี๋ยวลงไปทานมื้อเช้าเสร็จปุ๊บ ก็จะขึ้นมา “ทัวร์เต็มรูปแบบ” ชมบุโรพุทโธแบบละเอียดกันอีกครั้งนึงนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หันกลับไปดูความยิ่งใหญ่อลังการ ขององค์พระมหาสถูปบุโรพุทโธอีกครั้งนึง...โบราณสถานแห่งนี้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูงามสง่าซะจริงๆ ผมล่ะอยากจะคารวะสถาปนิกโบราณผู้ออกแบบที่นี่จังเลยครับ ฝีมือท่านเนี่ยสุดยอดมาก นับถือๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Hotel Manohara มองลงมาจากเนินเขาบุโรพุทโธครับ...ตรงที่เห็นเป็นหลังคาสูงๆข้างหน้า เป็นที่สำหรับทานอาหารเช้าครับ...วิวหน้าสุดเลยนะเนี่ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มื้อเช้ามีทั้งแบบ ABF และแบบอินโดนีเซียครับ...แน่นอนว่าอาหารเช้าแบบอินโดนีเซีย “อิ่มที่สุด” ครับ อิอิ...เพราะเสิร์ฟมาเป็นข้าวผัดไก่โปะหน้าด้วยไข่ดาว ซึ่งรู้จักกันดีในนามว่า “นาซีโกเร็ง” เคียงข้างมาด้วย “กรูปุ๊ก” หรือข้าวเกรียบกรอบๆชิ้นพอดีคำ.... จะว่าไป “นาซีโกเร็ง” นี่ก็ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติของอินโดนีเซียไปแล้วครับ สาทารถหาทานได้ทุกที่ แถมยังกินอิ่มดีอีกด้วย แฮ่ๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงที่ทานอาหารเช้าจะมี Model ของพระมหาสถูปบุโรพุทโธไว้ให้ชมด้วยครับ...ถ้าจะบรรยายให้เห็นภาพบุโรพุทโธชัดขึ้น ผมก็จะขอยกข้อความมาจากหนังสือ “ศิลปะอินโดนีเซียสมัยโบราณ” ของศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ซึ่งท่านทรงบรรยายลักษณะของพระมหาสถูปองค์นี้ไว้อย่างชัดเจนดังนี้ครับ ..... ..... “.....บุโรพุทโธเป็นพุทธสถานที่สำคัญที่สุดในศิลปะชวาภาคกลาง ความจริงก็คือเจดีย์ที่มีฐานขนาดมหึมาก่อด้วยศิลานั่นเอง บุโรพุทโธประกอบด้วยฐาน 5 ชั้นวงล้อมรอบกั้นเป็นระเบียง 4 ชั้น และมีลานทักษิณขนาดใหญ่วงล้อมรอบภายนอกอีกชั้นหนึ่ง....บนลานชั้นยอดมีพระเจดีย์รายล้อมรอบ 72 องค์ แบ่งเป็น 3 แถว เจดีย์เหล่านี้เจาะเป็นรูโปร่ง และมีพระพุทธรูปประทับนั่งปางประทานปฐมเทศนาอยู่ภายใน.....” “.....บุโรพุทโธ....คงสร้างขึ้นโดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในราว พ.ศ.1350....เชื่อกันว่าแผนผังของบุโรพุทโธคงหมายถึงจักรวาล และอำนาจของพระอาทิพุทธเจ้า ได้แก่พระพุทธเจ้าผู้สร้างโลกในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ซึ่งแสดงโดยสถูปทึบบนยอดสุดก็ได้แผ่ไปทั่วทั้งจักรวาล จักรวาลนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอนคือชั้นบนสุดได้แก่ “อรูปธาตุ” ชั้นรองลงมาคือ “รูปธาตุ” และชั้นต่ำสุดคือ “กามธาตุ”....ด้วยเหตุนี้เองเมื่อมีผู้มากระทำประทักษิณ โดยเดินเวียนขวารอบบุโรพุทโธขึ้นไปแต่ละชั้น เขาก็จะพ้นจากกามธาตุขึ้นไปยังรูปธาตุและอรูปธาตุตามลำดับ.....” ..... ..... กล่าวโดยสรุปก็คือ...พระมหาสถูปบุโรพุทโธนี่คือรูปจำลองของ “จักรวาล” ตามคติของพุทธศาสนานิกายมหายานนี่เองล่ะครับ!!! จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากเสร็จจากอาหารมื้อเช้าแล้ว พวกเราก็ขึ้นไปเที่ยวชมบุโรพุทโธกันอีกครั้งครับ คราวนี้เอาจริงแล้วด้วยกะว่าจะเดินชมไล่ขึ้นไปตามระเบียงทีละชั้นครับ...ระหว่างที่ขึ้นไปนั้นก็พลันเหลือบไปเห็นกลุ่มพระภิกษุ และอุบาสิกามากันเป็นคณะใหญ่ มองไกลๆนึกว่ามาจากเมืองไทยแน่ๆเลยครับ แต่ปรากฏว่าเมื่อเจ้าหน้าเริ่มบรรยายให้คณะนี้ฟัง กลับเป็น Bahasa Indonesia ทั้งดุ้นเลย...เพิ่งมาทราบที่หลังว่า เป็นกลุ่มพระสงฆ์ชาวอินโดนีเซียพร้อมคณะอุบาสิกาชาวอินโดนีเซียเช่นกัน... เห็นแล้วก็แปลกใจปนดีใจนะครับ ที่ในประเทศห่างไกลเช่นนี้ก็ยังมีผู้สืบทอดพุทธศาสนาอยู่ครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การเดินชมพระมหาสถูปบุโรพุทโธที่ถูกต้อง ควรเริมที่ระเบียงชั้นล่างสุดก่อน แล้วค่อยไล่ขึ้นข้างบนที่ละชั้นๆครับ... ระเบียงชั้นล่างของบุโรพุทโธก็ประหลาดดีนะครับ เพราะมีการแกะสลักภาพเล่าเรื่องยาวทั้งผนัง แต่พอช่างแกะเสร็จก็จัดการก่อหินปิดทับไปเลยครับ ภาพสลักที่ชั้นล่างนี้ก็เลยถูก “ปกปิด” ไว้นานนับพันปีเชียวนะครับ....จนกระทั่งในปัจจุบันมีการเปิดผนังชั้นล่างไว้ที่มุมด้านนึง เพื่อเผยให้เห็นภาพสลักเหล่านี้อีกครั้งนึงครับ.... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:45:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพสลักที่เคยถูกปกปิดมาเป็นพันปีนี้ เป็นภาพเล่าเรื่องจากคัมภีร์ “กรรมวิภังค์” ว่าด้วยโลกอันเต็มไปด้วยความมัวเมาลุ่มหลง และแสดงถึงบาปบุญคุณโทษแห่งกรรมทั้งปวงครับ... อย่างในภาพนี้เป็นพวกที่ทำผิดศีล “สุราเมรัยยะฯ” เมากันปลิ้นจนลุกขึ้นมาเต้นกะหยองกะแหยงนั่นแหละครับ...เหมือนกับชีวิตจริงท่านใดรึเปล่าครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผนังตอนบนของชั้นล่าง ช่างโบราณเค้าก็แกะสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์ต่างๆ อย่างที่ชาวพุทธนิกายมหายานนับถือ อย่างรูปนี้ก็น่าจะเป็น “พระปัทมปาณี” ผู้ถือดอกบัวหลวงบานสะพรั่ง ซึ่งเป็นปางหนึ่งของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 องค์ประกอบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นอีกอย่างนึง ซึ่งเราสามารถเห็นได้บ่อยๆที่บุโรพุทโธ ก็คือเจ้านี้ล่ะครับ “ท่อระบายน้ำ” ที่สวยที่สุดในโลก เห็นด้วยป่ะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ส่วนสำคัญที่ใครต่อใครมักจะหลงไหลในการเดินชมพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ก็น่าจะเป็นภาพสลักเล่าเรื่องนับพันภาพ ที่ประดับอยู่บนผนังระเบียงแต่ละชั้นนี่ล่ะครับ สำหรับภาพสลักเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวในพุทธศาสนาครับ อย่างเช่น พุทธประวัติ version มหายาน ที่เรียกกันว่า “ลลิตวิสตระ” เรื่องนิทานชาดก เรื่องประวัติพระโพธิสัตว์ เรื่องประวัติพระศรีอาริยเมตไตรย .โอยยยย เยอะครับ ผมเองก็จำได้ไม่หมดอ่ะครับ นึกถึงครูบาอาจารย์สมัยยังเรียนอยู่มหาลัยขึ้นมาตะหงิดๆ วิชาพวกนี้ก็ถวายคืนท่านซะเยอะแล้วอ่ะครับ เหอๆๆ โม้มากไปแล้ว เดี๋ยวเรามาเริ่มที่ผนังระเบียงชั้นที่ 1 นี่นะครับ ที่เห็นในรูปนี้ จะเป็นภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติ version มหายาน ที่เรียกกันว่า “ลลิตวิสตระ” ครับ ด้านล่างจะเป็นพวกเรื่องชาดกต่างๆครับ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 09:42:38 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นรูปนี้ก็จำได้ทันทีไม่มีพลาดครับ เป็นภาพเหตุการณ์ตอน “พระนางสิริมหามายาทรงพระสุบิน (ฝัน)” พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าสุทโธนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ กำลังบรรทมอยู่บนพระแท่นราชบรรจถรณ์ มีนางกำนัลรายล้อมถวายงานปรนนิบัติ พระนางบรรทมสนิทก็สุบินนิมิตประหลาด ฝันว่ามี “ช้างเผือก” เหาะมาในอากาศ มาหมอบถวายดอกบัวแล้วก็พุ่งเข้าสู่พระครรภ์ ต่อมาไม่นาน พระนางสิริมหามายาก็ทรงตั้งพระครรภ์ขึ้นมาจริงๆ และมีพระประสูติกาลพระราชโอรสน้อยนามว่า “เจ้าชายสิทธัตถะ” ซึ่งจะได้สำเร็จพระโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไปภายหน้า .. .ไม่ต้องติดกัณฑ์เทศน์ผมนะครับ ผมไม่ใช่พระครับ อิอิ . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผนังอีกด้านจะมีพวกเรื่องชาดกต่างๆครับ มีที่น่าสนใจหลายเรื่องนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อย่างรูปนี้ เรียนกันมาในวิชาภาษาไทยตั้งแต่สมัยมัธยมโน่นเลยครับ เรื่อง “มหากบิลวานรชาดก” จำกันได้มั้ยครับ อิอิ “ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาวานร ปกครองฝูงลิงบนต้นมะม่วงใหญ่ ซึ่งมะม่วงต้นนี้มีรสอร่อยหอมหวานมาก วันหนึ่งผลมะม่วงร่วงหล่นลงแม่น้ำ ลอยไปติดท่าน้ำของพระราชา เมื่อพระราชาได้เสวยมะม่วงก็โปรดปรานติดพระทัยมาก จึงสั่งให้ค้นหาต้นมะม่วงนี้ให้ได้ ครั้นพระราชาไปพบว่าบนต้นมะม่วงต้นนี้มีฝูงลิงอาศัยเก็บกินผลมะม่วงอยู่ ก็โกรธกริ้วเป็นยิ่งนักจึงรับสั่งให้เหล่าทหารขึ้นสายธนูหมายจะยิงฝูงลิงให้ตายให้หมด ฝูงลิงทั้งปวงก็ตื่นกลัวปั่นป่วนไปหมด ร้อนถึงองค์พญาวานรจำต้องช่วยให้บรรดาลิงทั้งหลายพ้นภัยครั้งนี้ให้จงได้ ครั้นแล้ว พญาวานรก็กระโดดไปจับเถาวัลย์ใหญ่ผูกขาตนเองไว้ แล้วกระโดดกลับมาจับกิ่งมะม่วง ทอดกายตนเองเป็นสะพานให้ฝูงลิงทั้งปวงหนีราชภัย บรรดาลิงทั้งลายที่กำลังกลัวตายเป็นยิ่งนัก จึงพากันไต่เหยียบย่ำร่างกายพญาวานรหนีข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างโกลาหล พญาวานรเองก็ได้รับความเจ็บปวดทรมานจากการถูกเหยียบย่ำเป็นอันมาก แต่ด้วยปณิธานแรงกล้าว่าจะต้องรักษาชีวิตลูกฝูงของตนเองให้ได้ จึงอดทนทอดกายเป็นสะพานให้ลิงทั้งปวงหนีภัยอยู่อย่างนั้น พระราชาได้เห็นน้ำใจอันกล้าหาญของพญาวานรก็เกิดเลื่อมใสศรัทธา รับสั่งให้ปูผ้ารับพญาวานรที่กำลังบาดเจ็บและเหนื่อยล้าจนร่วงตกลงมา พญาวานรที่กำลังจะสิ้นลมหายใจจึงได้เทศนาสั่งสอนพระราชาเป็นใจความว่า “การจะเป็นพระราชาที่ดีต้องทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม คอยดูแลปัดเป่าภยันตรายแก่อาณาประชาราษฎร แม้นว่าจะต้องสละชีวิตอุทิศกายยากลำบากเพียงใด เพียงเพื่อให้พสกนิกรพ้นทุกข์พระราชาก็ต้องทำให้ได้ ” นิทานชาดกเรื่องนี้ “จับใจ” ผมมากเลยครับ ”พญาวานร” ท่านเป็นสุดยอดผู้นำตลอดกาลจริงๆครับ เสียสละเพื่อให้ลูกน้องพ้นภัย แม้ตัวจะตายก็ยอม นับถือครับ นับถือ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รูปนี้ก็เป็นเรื่อง “พญากาสร” ครับ พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น “พญากาสร” (พญาควายป่านั้นแหละครับ!!!) ผู้รักษาขันติธรรมอย่างมุ่งมั่น ปรากฏว่าก็มีลิงชั่วมาคอยกลั่นแกล้ตลอดเวลา ทำให้เดือดร้อนรำคาญอยู่บ่อยๆ บางทีก็แกล้งมาปิดตาให้หลงทาง บางทีก็โดดขึ้นมาขี่หลังแล้วเอาไม้ตีๆ ไม่ว่าลิงชั่วจะกลั่นแกล้งซักแค่ไหน “พญากาสร” ก็ไม่เคยนึกโกรธ ได้แต่แผ่เมตตาและรักษาขันติธรรมอย่างยิ่งยวด ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายเบียดเบียนลิงชั่วแม้ว่ามันจะแกล้งสารพัด สุดท้ายเจ้าลิงชั่วก็ถูกยักษ์จับไปกินซะเลยอ่ะครับ เรื่องนี้จบได้สะใจดีเนอะ ถ้าเป็นผมนะ อ้ายลิงนี่โดนตื้บตายคากีบไปแย้ว เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เหนือระเบียงแต่ละด้านของบุโรพุทโธ จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในซุ้มนะครับ พระพุทธรูปเหล่านี้จะเป็นสัญลักษณ์แทนองค์ “พระธยานิพุทธ” หรือพระพุทธเจ้าผู้ครองสรวงสวรรค์ทั้งสี่ทิศ ตามคติของพุทธศาสนานิกายมหายานครับ อย่างในรูปนี้ จะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ อันหมายถึง “พระธยานิพุทธอมิตาภะ” ผู้ครวงสวรรค์ด้านทิศตะวันตกที่ชื่อว่า “สุขาวดี” ไงล่ะครับ พระอมิตาภะองค์นี้ ชาวพุทธมหายานนิยมนับถือกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีนอ่ะครับ จึงต้องแปลกใจนะครับ เวลาเราเห็น “หลวงจีน” ในหนังกำลังภายใน จะพูดอะไรก็มักจะอุทานว่า “อมิตาพุทธ” เสมอ ก็คือการเอ่ยนามพระพุทธเจ้าองค์นี้นี่เองล่ะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รูปนี้ใครเห็นก็คงเดาถูกแน่ๆ เพราะเป็นรูปพญานาคราชในร่างมนุษย์กำลังนั่งสมาธิ (เอ่อ เห็นแล้วอย่าไปคิดว่าเป็นรูป “มนุษย์หัวงู” นะครับ..นั่นน่ะคนละประเด็นกันเลยครับ เหอๆๆๆ) ใช่เลยอ่ะครับ “ภูริทัตตชาดก” เป็นหนึ่งในทศชาติชาดกที่ชาวพุทธรู้จักกันดีไงล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาดูรูปชาดกแบบเวอร์ชั่นภาพต่อเนื่องบ้างนะครับ .เริ่มต้นจากรูปแรกนี่ เรือสำเภาใหญ่กำลังจะล่ม ผู้คนบนเรือแตกตื่นกลัวตาย เพราะมีปลาดุร้ายกำลังรอคอยกินเนื้อมนุษย์ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จู่ๆก็มี “พญาเต่า” ตัวโตโผล่ขึ้นมาช่วยชีวิต คนบนเรือก็เลยหนีขึ้นมาเกาะหลังพญาเต่าเพื่อให้พ้นภัย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อพามาถึงฝั่งด้วยปลอดภัย พญาเต่าจึงได้เทศนาสั่งสอนธรรม ให้แก่คนทั้งปวงที่รอดชีวิตในคราวนั้น .เอวังก็มี ด้วยประการฉะนี้ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จะว่าไปนะครับ ช่างแกะสลักชาวอินโดนีเซียสมัยโบราณก็ฝีมือไม่เบานะครับ ทำได้ละเอียดอ่อนช้อยดีเยี่ยมพอๆกับต้นตำรับศิลปะอินเดียเลยล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 00:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รูปนี้หลายท่านน่าจะเดาได้ไม่ยากเช่นกันนะครับ เป็นภาพพุทธประวัติตอน “เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์” ไงล่ะครับ ..หลังจากตัดสินพระทัยแน่วแน่แล้วว่า จะสละทางโลกมุ่งสู่ทางธรรม เจ้าชายสิทธัตถะจึงเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์โดยไม่ให้ใครล่วงรู้ เพื่อออกผนวชมุ่งหน้าสู่การรู้แจ้งในธรรมทั้งปวง เรียกว่า “เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์” ครั้งนั้น เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะเป็นราชพาหนะ มีเทพยดาห้อมล้อมไปส่งเสด็จมากมาย เนื่องจากไม่ต้องการให้ฝีเท้าม้าดังจนใครได้ยินเข้า ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่จึงเข้าไปรองรับฝีเท้าม้าของเจ้าชายสิทธัตถะ พาเหาะทะยานออกมาโดยไว . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วัสดุที่ใช้ก่อสร้างบุโรพุทโธเป็น “หินภูเขาไฟ” นะครับ เนื่องจากเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในเกาะชวา ดังนั้นการแกะสลักภาพและลวดลายต่างๆ จึงต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะเป็นอย่างมาก กว่าจะได้ภาพงามๆเช่นนี้ขึ้นมาได้ นับถือในความสามารถของช่างโบราณจริงๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผนังตอนนี้ฝีมือการแกะสลักแจ่มแจ๋วจริงๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่ “พระพุทธเจ้าเสด็จสรงน้ำในแม่น้ำเนรัญชรา” จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พระพุทธองค์ ดูเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาจริงๆครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เทพยาดานางฟ้ากำลังเหาะมาด้วยความชื่นชมยินดี จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ศิลปะอินโดนีเซียเค้าก็มี “กินรี - กินนร” เหมือนศิลปะไทยนะครับ แต่ผมว่าตัว “กินรี” ของไทย หุ่นดีกว่านี้เยอะเลยครับ ไม่เชื่อก็ไปดูที่วัดพระแก้วสิครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยังมีระเบียงชั้นบนถัดขึ้นไปอีกตั้ง 3 ชั้นนะครับ ข้าพเจ้าจะเดินดูครบมั้ยเนี่ย เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ระเบียงชั้นบนๆจะเป็นเรื่องพระโพธิสัตว์ต่างๆ ที่ชาวพุทธมหายานนิยมนับถือครับ อย่างในรูปนี้ก็เป็นภาพ “พระโพธิสัตว์มัญชุศรี” กำลังแนะนำให้เจ้าชายสุธน ออกไปแสวงหาความรอบรู้ในโลกกว้างกับ “กัลยาณมิตร” . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 41 “พระโพธิสัตว์มัญชุศรี” ท่านเป็นเจ้าแห่งสติปัญญาและความเฉลียวฉลาดครับ ในพระหัตถ์ท่านจะมีดอกบัวบานและมีพระคัมภีร์วางอยู่บนนั้นเสมอ ลูกหลานอยากเรียนหนังสือเก่งๆต้องมาบูชาพระโพธิสัตว์ท่านนะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 42 นี่ก็รูปพระโพธิสัตว์อีกองค์นึง กำลังบำเพ็ญสมาธิอยู่ในปราสาทแก้วครับ ความจริงแล้วพระโพธิสัตว์ของพุทธมหายาน มีเยอะมากจนจำชื่อไม่หวาดไม่ไหวแล้ว องค์นี้ผมก็ไม่ทราบนามท่านอ่ะครับ หุหุ . ถ้าใครไปเที่ยวธิเบต-เนปาลบ่อยๆ ก็จะคุ้นหูคุ้นตากับพระโพธิสัตว์เยอะแยะแบบนี้เช่นกันล่ะครับ . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ระเบียงทางเดินแต่ละชั้นของบุโรพุทโธ ค่อนข้างจะซับซ้อนนะครับ เดินไปเดินมาก็เริ่มจะหลงลืมทิศว่าอยู่ด้านไหนแล้ว ต้องคอยดูที่พระพุทธรูปเป็นหลักสังเกตเสมอเลยครับ อย่างในรูปนี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อันหมายถึง “พระอักโษภยะ” ผู้เป็นธยานิพุทธประจำทิศตะวันออกครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 .รายละเอียดความละเมียดละไมของฝีมือช่างแกะสลัก ผู้สามารถเปลี่ยนหินผู้เขาไฟอันหยาบกระด้าง ให้กลายเป็นดวงหน้าอันแสนอ่อนโยนนี้ .ว้าว!!! จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 45 “ต้นกัลปพฤกษ์” มาอีกแล้วครับ ขอให้รวย ขอให้รวยๆๆๆๆจ้า อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 46 นอกจากเรื่องราวทางพุทธศาสนาแล้ว ถ้าลองสังเกตดีๆจะเห็นว่า ภาพสลักต่างๆที่บุโรพุทโธแห่งนี้ เป็นบันทึกสภาพแวดล้อมของเกาะชวาในอดีตด้วยนะครับ อย่างรูปนี้ผมก็เหลือบไปเห็นเข้าโดยบังเอิญครับ...“แรดชวา” สัตว์ป่าสงวนที่ปัจจุบันสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทยแล้วครับ ผมไม่แน่ใจนะครับว่าที่เกาะชวานี้ยังมีแรดชวาหลงเหลืออยู่หรือไม่ ถ้ายังมีก็คงเหลือน้อยมากแล้วล่ะครับ... นี้เป็นข้อมูลของ “แรดชวา” ที่ผมค้นเจอจากเวปไซท์กรมป่าไม้นี้นะครับ http://www.forest.go.th/balahala/knowladge/wildlife/wildlife.htm แรดชวา Lesser One-Horned or Javan Rhinoceros ชื่อวิทยาศาสตร์ Rhinoceros sondacaicus Desmarest, 1822 ลักษณะ แรดเป็นสัตว์กีบคี่ ลำตัวล่ำหนา ขาสั้นใหญ่ เท้ามีลักษณะเป็นกีบนิ้วแข็ง ข้างละ 3 กีบ ตาเล็ก ใบหูตั้ง ผิวหนังหนามาก มีลายเป็นตุ่มเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้วทั้งตัว มีนอ ซึ่งเกิดจากการเรียงตัวอัดแน่นของ เส้นขนจนแข็ง เป็นเขาตัน ไม่มีแกนกระดูก เป็นเขาเดี่ยว แรดตัวผู้จะมีนอยาว ตัวเมีย ส่วนใหญ่จะมีนอโผล่ให้เห็น เป็นปุ่มนูน ขนาดความสูง 1.6 - 1.75 เมตร ความยาว 3.0 - 3.2 เมตร น้ำหนักตัว 1,500 - 2,000 กิโลกรัม อุปนิสัย ชอบอยู่ตามป่าร่มชื้น มีแหล่งน้ำสำหรับนอนแช่ปลักโคลนในตอนกลางวัน สายตาไม่ดี แต่ประสาทรับกลิ่น และฟังดีมาก มีนิสัยหวาดระแวง มีพื้นที่หากินกว้างประมาณ 7 - 10 กิโลเมตร อาหาร อาหารของแรด ได้แก่ ใบไม้ ยอดอ่อน เครือเถาต่างๆ และลูกไม้ที่หล่นตามพื้นป่า การกระจายพันธุ์ เคยมีรายงานพบอาศัยอยู่ตามป่าดิบชื้น บริเวณเทือกเขาตะนาวศรี และทางภาคใต้ บริเวณจังหวัดตรัง กระบี่ พังงา และระนอง แต่เชื่อว่าได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยแล้ว การสืบพันธุ์ แรดผสมพันธุ์ได้ตลอดปี ไม่มีฤดูผสมพันธุ์แน่นอน ตัวผู้สามารถผสมพันธุ์ได้ตั้งแต่อายุ 6 ปีขึ้นไป ส่วนตัวเมีย ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ระยะตั้งท้องนาน 16 เดือน ออกลูกท้องละ 1 ตัว .เห็นมั้ยล่ะครับ มาเที่ยวชมบุโรพุทโธ ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด .อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พอเห็นรูป “พระฤาษี” ตนนี้เข้าแล้ว ผมก็เข้าใจเลยครับว่า “แฟชั่น” ทรงผมเดทร็อคที่ฮิตๆกันเนี่ย มีต้นกำเนิดมาจากไหน 55555 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการชมภาพสลักของระเบียงแต่ละชั้นที่บุโรพุทโธครับ ความจริงที่ระเบียงชั้นบนๆเนี่ย ผมก็เริ่มเบลออ่ะแล้ว เพราะมีภาพสลักเยอะแยะจริงๆดูกันไม่หวาดไม่หวั่น ต้องมีข้ามๆไปบ้างล่ะครับ เดี๋ยวกะว่าคราวหน้าถ้าได้กลับมาอีก น่าจะอยู่บุโรพุทโธซัก 2 วันจะได้ดูได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นครับ แฮ่ๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เดี๋ยวเราลอดซุ้ม “หน้ากาล” นี้เพื่อขึ้นไปยังลานชั้นบนสุดของบุโรพุทโธกันนะครับ ตามมาเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สถูปบริวารองค์เล็กที่อยู่รอบๆพระสถูปประธานองค์ใหญ่นั้น จะมีลักษณะพิเศษตรงที่มี “รูโปร่ง” เจาะทะลุหมดเลยครับ ข้างในก็จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ คนอินโดนีเซียเชื่อกันว่า พระพุทธรูปในเจดีย์นี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์อันทรงไว้ซึ่งสิริมงคล หากใครสามารถเอื้อมมือเข้าไปแตะถึงองค์ท่านได้ จะอธิษฐานอะไรก็ได้สมปรารถนาทุกประการครับ .หนุ่มน้อยคนนี้ก็เลยทดลองล้วงแขนเข้าไปซะหน่อย ไม่รู้สำเร็จรึเปล่าเนี่ย อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สำหรับคนแขนยาวอย่างผม หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์องค์นี้ ท่านก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ... อย่างไรก็ตาม น่าจะจับต้องได้เฉพาะพระบาทและพระหัตถ์ของพระพุทธรูปเท่านั้นนะครับ ไม่ควรจับต้องสูงเกินไปกว่านั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นการไม่เคารพนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ความจริงก็มีสถูปที่เปิดโล่งไว้ สามารถแลเห็นองค์พระพุทธรูปข้างในได้ชัดเจนเลยครับ...พระพักตร์ที่ดูอิ่มเอิบเปี่ยมไปด้วยความกรุณาอย่างเหลือล้นเช่นนี้ ดูกี่ทีก็ซาบซึ้งไม่มีเบื่อเลยครับ... จากคุณ : NMkrung - [ 10 ส.ค. 49 01:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แม้ว่าปัจจุบันนี้ประเทศอินโดนีเซีย จะกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก แต่ชาวอินโดนีเซียโดยเฉพาะชาวชวาก็ล้วนแต่ภาคภูมิใจในพระมหาสถูปบุโรพุทโธ หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า “Borobudur” ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเป็นเกียรติภูมิของชาติ อันแสดงถึงความเจริญทางอารยธรรมชวาที่มีมายาวนานนับพันปี เปรียบประดุจอัญมณีที่ประดับอยู่ใจกลางเกาะชวามาแต่โบราณกาล...ชาวอินโดนีเซียจึงสนใจที่จะมาเยี่ยมชมโบราณสถานแห่งนี้กันมากมายไม่ขาดสายในแต่ละวันเชียวล่ะครับ... ด้วยเล็งเห็นคุณค่าอันประมาณมิได้ของโบราณสถานแห่งนี้ องค์การยูเนสโกจึงได้ขึ้นทะเบียน “บุโรพุทโธ” เป็นมรดกโลกนับตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมาครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ลวดลายกระหนกสไตล์ชวา ประดับคาดอยู่ตรงกลางองค์พระสถูปใหญ่อันเป็นประธานครับ...พระสถูปองค์ใหญ่นี้ เป็นสัญลักษณ์แทนองค์ “พระอาทิพุทธ” ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าในลำดับสูงสุดและเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ตามคติของพุทธศาสนามหายาน... การได้ขึ้นมาสักการะพระสถูปองค์นี้ จึงเปรียบเสมือนการได้มาบูชาพระพุทธเจ้าสูงสุด ณ แกนกลางของจักรวาลนั่นเองล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 กว่าที่พวกผมจะเดินชมบริเวณพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นมาถึงชั้นบนนี้ก็กินเวลาไปกว่า 4 ชั่วโมงแล้วครับ...นี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว กลับลงไปหาอะไรทานมื้อเที่ยงดีกว่าครับ อิอิอิ ตรงทางลงบุโรพุทโธจะมีพ่อค้าแม่ค้าขายของที่ระลึก มาคอยตามตื้อนักท่องเที่ยวกันมากมาย ราคาสินค่าก็ตั้งซะสูงแล้วลดลงมาต่ำสุดๆ ยั่วใจลูกค้าเป็นอย่างมาก แถมพ่อค้าบางคนพอรู้ว่าเราเป็นคนไทย ก็พยายามพูดภาษาไทยด้วย แถมบางเจ้ายังรับเงินไทยอีกตะหาก!! แปลกดีเหมือนกันนะครับ แสดงถึงความพยายามอย่างสุดๆที่จะขายของที่ระลึกให้ได้ทีเดียว เหอๆๆๆ (แต่ตัวผมเองไม่ได้ใจอ่อนซื้ออะไรอ่ะครับ เป็นคนไม่ค่อยช็อปปิ้งอ่ะครับ หุหุ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สำหรับมื้อกลางวันก็ฝากท้องที่ร้านอาหารของ Hotel Manohara นี่ล่ะครับ เพราะเรามาแวะเช็คเอาท์และเก็บสัมภาระพอดี....จานนี้น่ากินมั้ยครับ...อิอิ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 09:41:58 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เสร็จจากมื้อกลางวัน...พวกเราก็เหมาสามล้อไปที่ท่ารถบุโรพุทโธครับ คราวนี้พวกเราตกลงกันว่า จะลองนั่งรถกลับทางเมืองย็อกยา  (Yogyakarta) ดูบ้าง เพราะคำนวณดูระยะทางจากบุโรพุทโธไปยังโซโลแล้ว ไปทางย็อกยาจะสั้นกว่าย้อนไปทางบาเว็นขามาอีกพอสมควรเลยครับ อีกทั้งอยากจะไปดูสภาพบ้านเมืองที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาเดือนเศษๆนี้ด้วยว่าเป็นยังไงบ้าง... รถบัสของเราวิ่งผ่านรอบนอกของเมืองย็อกยาครับ น่าจะเป็นถนนบายพาส...ดูสภาพบ้านเรือนชุมชนริมทางเท่าที่เห็น ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในสภาพดีครับ มีบ้างที่ปรากฏร่องรอยความเสียหายแต่เค้าก็ซ่อมแซมไปเยอะแล้ว บ้านหลังใหม่ๆผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาพวิถีชีวิตผู้คนก็ดูดีขึ้นละใช้ชีวิตกันตามปรกติแล้ว ค่อนข้างดีใจครับที่สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว....แต่ก็เสียดายครับที่การท่องเที่ยวของเมืองนี้ท่าทางจะยังซบเซาอยู่ ทางการอินโดคงต้องเร่งประชาสัมพันธ์หนักๆเลยครับ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับคืนมาดังเดิม...(เสียดายที่ผมไม่ได้นั่งริมหน้าต่าง ไม่งั้นก็จะถ่ายรูปสภาพบ้านเมืองที่ได้พบเห็นมาให้ชมกันครับ) พวกเราแวะเปลี่ยนรถที่ท่ารถนอกเมืองย็อกยาครับ จากนั้นก็ขึ้นรถบัสใหญ่มุ่งหน้ากลับสู่เมืองโซโลเลย...ระหว่างทางก็ผ่านโบราณสถานสำคัญอีกแห่ง นั่นคือ “เทวสถานปรัมบานัน” (Prambanan) ซึ่งใหญ่โตโอฬารมากๆและมีฐานะเป็นมรดกโลก เช่นเดียวกับบุโรพุทโธ.... Prambanan ได้รับความเสียหายบางส่วนจากเหตุแผ่นดินไหว จึงทำให้ต้องปิดการเข้าชมเพื่อเตรียมบูรณะใหญ่...ขนาดได้แค่มองผ่านรั้วเข้าไปยังตะลึงในความใหญ่โตเกินคาดจริงๆ (รู้สึกว่าจะสูงใหญ่กว่าปราสาทหินพิมาย ที่นครราชสีมาอีกนะครับ) นี่ก็หมายตาไว้ครับว่า ในอนาคตผมคงต้องมีทริป “เก็บตกเกาะชวา” เพื่อกลับมาเยี่ยมชมเทวสถานอันยิ่งใหญ่แห่งนี้แน่นอนครับ รถบัสเรามาถึงเมืองโซโลก็เย็นแล้ว เลยหาแท๊กซี่นั่งเข้ามาย่านใจกลางเมืองโซโลกันครับ...ตอนแรกอยากจะไปพักที่ Cakra Homestay ที่มีคนไทยหลายท่านไปพักแล้ว ชมกันว่าที่นี่เป็น Guesthouse ที่สวยที่สุดในเกาะชวาครับ แต่ปรากฏว่าหลงทางหาไม่เจอซะนี่...พวกเราเลยยกขบวนกันออกมาหาที่พักตรงย่าน Jl. Bigjen Slamet Riyadi ที่เป็นถนนกลางเมืองโซโลครับ ไปได้โรงแรมนึงชื่อว่า Wisata Indah ครับ ห้องพักพอรับได้สภาพโอเค แต่ห้องน้ำเขรอะมากครับ อ่างอาบน้ำเหมือนไม่เคยขัดเลยเป็นปีๆ แย่จัง...แต่ผมก็พบข้อดีของโรงแรมนี้ครับ นั่นก็คือพี่ผู้หญิงที่เป็นพนักงาน front office ซึ่งใจดีและสุภาพมากๆ คอยช่วยเหลือเราตลอดไม่ว่าจะเป็นสถานที่แลกเงินยามค่ำคืน (เงินรูเปี๊ยะหมดตูดแล้วครับ อิอิ) ที่กินข้าว ยานพาหนะ และให้คำแนะนำดีๆเกี่ยวกับโซโลเยอะเลยครับ อยากจะขอบคุณพี่คนนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ เห็นมั้ยครับ...ถึงโรงแรมจะสภาพห่วย แต่คนไม่ห่วยนะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตอนค่ำหลังจากจัดการมื้อค่ำที่ร้านอาหารแถวๆโรงแรมแล้ว พวกผมก็ลองเดินเล่นย่าน Jl. Bigjen Slamet Riyadi ใจกลางเมืองโซโลดูครับ ปรากฎว่าที่นี่เงียบมากๆ กลางคืนดูเหมือนจะไม่มีอะไรดูเลย ช่างเป็นเมืองที่เงียบเสียจริงๆอ่ะครับ...แต่แล้วเราก็มาเจอของน่าสนใจตรงนี้ล่ะครับ .....นี่ท่าทางจะเป็นแผงขายขนมพื้นเมืองโซโลครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ดูเค้าทอดในกระทะคล้ายๆขนมถังแตกนะครับ...ไหนต้องซื้อมาลองชิมซะหน่อยแล้ว ราคา 3 ชิ้น 2,000 Rp.ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ผมได้ทราบข้อมูลจากคุณ Pekko แห่ง hflight.net ว่าที่อินโดนีเซียเรียกขนมชนิดนี้ว่า "serabi notosuman" ครับ (ขอบคุณคุณ  Pekko นะครับ)...เมื่อได้ชิมแล้วก็ลงความเห็นว่า มันคือ “ขนมครกยักษ์” นั่นเองล่ะครับ รสชาตินี่เหมือนขนมครกเมืองไทยเลย...แต่ต่างกันที่ขนาดครับ ขนมครกยักษ์เมืองโซโลนี่ใหญ่เท่าฝ่ามือเลยนะครับ!!! . สงสัยจะเป็น “บรรพบุรุษ” ของขนมครกบ้านเราอ่ะครับ เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แม้ห้องโรงแรมนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่แอร์ก็เย็นจนผมหลับสบายเลยครับ ตื่นเช้ามาก็ต้องเช็คเอ้าท์แล้ว เพราะเดี๋ยวต้องไปสนามบินกันแต่เช้าเลยครับ...ค่าแท๊กซี่จากในเมืองไปสนามบินก็ 42,000 Rp. ครับ... และแล้วก็ถึงเวลาลาจากล่ะครับ...เช้าวันนั้น AirAsia ไฟลท์กลับไปกัวลาลัมเปอร์ออกตรงเวลานะครับ คงต้องกล่าวคำอำลาเกาะชวากันแล้วล่ะครับ...ก็เป็นอันว่าทริปยาวไกลตามรอยฝันสู่บุโรพุทโธของผมก็จบลงด้วยดีครับ... ...ส่วนตัวผมเองก็รู้สึกประทับใจประเทศอินโดนีเซียขึ้นอีกโขเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่งดงาม อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนชาวชวาที่มีน้ำใจ...นับแต่นี้เป็นต้นไป “อินโดนีเซีย” ก็จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ผมหลงใหลอีกแห่งนึงแล้วล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลาแล้วเกาะชวา ลาก่อนอินโดนีเซีย...คิดถึงภูเขาไฟทุกลูกเลยครับ หวังว่าคงจะไม่ปะทุระเบิดเถิดเทิงกันซะก่อนนะครับ โอกาสหน้าฟ้าใหม่เจอกันอีกแน่นอนครับ... Salamat Tinggal .ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมรีวิวของผมนะครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ป.ล.ลาจากไม่ทันไร...พอถึงปลายเดือนกรกฎา ผมก็โผล่มาเริงร่าอยู่เกาะบาหลีอีกแล้วครับ สงสัยจะหลงเสน่ห์อินโดนีเซียเข้าจริงๆอ่ะครับ เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 64 รีวิวบาหลี...ผมขอยกยอดไปช่วงหลังวันแม่นะครับ เพราะเดี๋ยวช่วงวันหยุดยาวนี้ ผมต้องเดินทางไปประเทศกัมพูชาอ่ะครับ....กลับมาแล้วค่อยมาปั่นรีวิวบาหลีต่อในอนาคตอันใกล้นี้ครับ... รอหน่อยละกันนะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 10 ส.ค. 49 01:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สุดยอดไปเลยอ.หนุ่ม ขอบคุณที่นำมาฝากกันนะคะ จากคุณ : Dr_Best - [ 10 ส.ค. 49 01:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คิดถึงลุงหนุ่มค้าบบบบบบ ตอนนี้หม่ามี๊ป๋มเค้ากะลังหลงระเริง กับป้าก้อย ลันล๊า จะไปปารีส กะ โอม่าทัวร์ (แปลว่าทัวร์คนแก่) เสร็จแล้ว หลังจากอกหักจากเคปทาวน์ เลยจะไปรักษาแผลใจที่ตุรกี มะไหร่ไปปอินเดียอีก ตะแล็บแก๊บมาหาป๋มด้วยนะค้าบ จากคุณ : letsgokrabi - [ 10 ส.ค. 49 02:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม จากคุณ : ลุงชุก - [ 10 ส.ค. 49 03:06:54 A:67.153.2.226 X: TicketID:109807 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดูแล้วทำให้คิดถึงอดีต เห็นด้วยว่าชาวอินโดนีเซีย น่ารัก และมีน้ำใจ ไปเยือนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ที่บาหลี และสุราบายา ยังจำไม่รู้ลืม   ขอบคุณมากค่ะ สำหรับภาพสวยๆ จากคุณ : แมวโต๋เต๋ - [ 10 ส.ค. 49 03:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มืออาชีพมาเองซาบซึ้งในประวัติศาสตร์พุทธศาสนามากครับ จะไปอีกเมื่อไหร่หลังไมค์มาบอกจะเป็นพระคุณอย่างสูงครับคุณหนุ่มฯ จากคุณ : WONDERFUL_DAY - [ 10 ส.ค. 49 06:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เพิ่งว่างงานย่องตามจานหนุ่มมา จากคุณ : patj - [ 10 ส.ค. 49 08:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ชอบรูปของ บุโรพุทโธ มาก ๆ เลยค่ะ ดูแล้วสวย ซึ้ง สงบ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : Sleeping_B - [ 10 ส.ค. 49 09:32:03 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ข้อมูลแน่นปึ๊ก ได้ความรู้เพิ่มมาอีกมากโขเลยครับ     ภาพก็สวย   ..  T_T อยากไปบ้างจัง   ปล. ขอบคุณอีกครั้งสำหรับรีวิวดีๆ สบายตา สาระตรึม จากคุณ : ดานัง - [ 10 ส.ค. 49 09:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อยากไปบาหลีอีกจัง ชอบมากๆชอบฟ้อนบาหลี ชอบวายัง ชอบบารอง คิดถึงทานาล๊อทมากๆ ตอนนั้นไปกับอาจารย์ที่มอชอ ไปนั่งซันเซ็ทกันเป็นฝูงโอว....โรแมนติก จากคุณ : AJdhevi - [ 10 ส.ค. 49 10:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ลุงหนุ่ม ของน้องหมี ขออนุญาตโกปี้รูปแรดชวาไว้หน่อยนะคะ  ชอบอ่ะค่ะ เก็บไว้เตือนใจตัวเอง อิอิ แม่น้องหมี ก้อเที่ยวเก่งไม่แพ้อาจารย์ลุงหนุ่มเลยนะจ๊ะ จากคุณ : ไอ้หัวบุบ - [ 10 ส.ค. 49 11:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 75 พาเที่ยวชมอย่างละเอียด แถมได้ความรู้เพียบ... ครั้งนึงเคยคิดอยากไป ....ขอบคุณค่ะที่ทำให้ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง จากคุณ : น่ า น ฟ้ า (Nanfah) - [ 10 ส.ค. 49 11:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อาหารน่ากินมากกกกกกกกเห็นแล้วหิว จากคุณ : Minora - [ 10 ส.ค. 49 14:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 77 นี่อ่ะน้าเค้าเรียกว่ามือโปรของแท้ ชอบมากเลยอ่ะ'จารย์หนุ่ม เล่าเรื่องจากภาพนอกจากจะได้บรรยากาศเสมือนไปมาเองแล้ว ยังได้ความรู้มากมายอีกด้วย นี่ถ้าไม่อ่านกระทู้นี้ คงไม่มีวันชื่นชมและเข้าใจความสำคัญของภาพจำหลักต่างๆบนนั้นหรอก...เอาง่ายๆอย่างมากก็ตื่นเต้นกับภาพ ลิงปิดตาควาย..เหอๆ ดูดิมีลิงเล่นกะควายด้วย ไหนเลยจะรู้ว่าที่แท้คือ “พญากาสร” มีโอกาสได้ไปจะหาให้เจอให้ได้เลย.... มีผู้รู้ชี้แนะเนี่ยมันดีเยี่ยงนี้นี่เอง...ขอบคุณนะจ๊ะ จากคุณ : นางพญาผมยาว - [ 10 ส.ค. 49 15:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เป็นสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งค่ะ แต่อยากทราบราคาโดยรวมต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไรหรอค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 16:37:18 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 16:37:03 จากคุณ : สินเจริญ (nongdoraemon) - [ 10 ส.ค. 49 16:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ใครพลาดกระทู้แบบนี้.... บอกได้คำเดียวว่า...เสียดายแทน... อิอิ แรดชวา  เป็นญาติกะ แรดตาโต  ป่าวหว่า?? จากคุณ : รังสิมา - [ 10 ส.ค. 49 17:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอโทษนะคะ รบกวนถามนิดนึงค่ะว่าท่ารถนอกเมืองที่ Yogya สภาพหลังแผ่นดินไหวเป็นอย่างไรบ้างคะ พอดีว่ามีคนรู้จักอาศัยอยู่บริเวณนั้นแล้วติดต่อเค้าไม่ได้เลยช่วงที่เกิดเรื่องขึ้นจนขณะนี้ก็เลยไม่แน่ใจว่าเค้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เราเองก็เคยไปที่โบโรบุโดมาค่ะสวยงามมากจริงๆ เสียดายว่าตอนที่ไปฝนตกก็เลยไม่ได้ดูอะไรมากเท่าไหร่ อีกอย่างนึงเสียดายนะคะไปถึง Yogya คุณน่าจะได้แวะไปปีนภูเขาไฟเมอราปีด้วย แต่ช่วงนี้คงไม่สะดวกแน่ๆ เพราะกำลังปะทุ ไม่ยังงั้นคุณคงประทับใจเหมือนกันเพราะที่นั่นสวยมากๆ เลย โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้น   Terima kasih naka. แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 18:12:02 จากคุณ : jeeziiz (jeeziiz) - [ 10 ส.ค. 49 18:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณมากค่ะคุณหนุ่ม ตามติดมาชมรีวิวภาค 2 แบบว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เดินทางออกจากไทยแล้ว คงถึงโซโลวันเสาร์เช้าค่ะ กระทู้นี้ละเอียดแบบเหมือนนักโบราณคดีมาเขียนเองเลยค่ะ ขอชื่นชมจากใจจริงนะ..ไว้พิมพ์เป็นเล่มเมื่อไหร่จะซื้อมาขอลายเซ็นค่ะ นิดกะจะแวะเที่ยวในยอร์กยาและโซโลด้วยค่ะ จริง ๆ ก็อยากไปภูเขาไฟนะ แต่คณะที่ไปด้วยคงไม่สู้ล่ะมังคะ จะรอชมบาหลีนะคะ แต่คงเป็นทริปที่ต้องรอไว้ก่อน เที่ยวกัมพูชาให้สนุกนะคะ สงสัยว่า จะไปนครวัดน้า..ใช่ไหมคะ ดูเหมือนคุณจะชอบอะไรแบบนั้นนะ นครวัด นครธมก็สวยมาก ๆ อลังการงานสร้างอีกเหมือนกัน ถ้ามีเวลานั่งเรือเที่ยวจาก เสียมราฐ ไปพนมเปญทางโตนเลสาบก็น่าสนุกอยู่ไม่น้อย คราวที่แล้วมีเวลาน้อยเลยไม่ได้ไป Enjoy your trip ka. จากคุณ : หนูนิด - [ 11 ส.ค. 49 00:34:38 A:203.107.201.239 X: TicketID:092082 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตามมานั่งล้อมวงด้วยคนค่ะ มาช้าไปหน่อย วงชักใหญ่แล้ว ภาพที่ถ่ายจากบนยอดบุโรพุทโธดูเผินๆ เหมือนพุกามเลยนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 49 23:48:08 จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 11 ส.ค. 49 01:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สวยจังเลยค่ะ ดูกระทู้นี้แล้วอยากไปมากๆ เลยแฮะ จะต้องบรรจุลงในลิสเป็นการด่วน ฮี่ๆๆๆ ^^ จากคุณ : Clear Ice - [ 11 ส.ค. 49 11:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ละเอียดดีครับ รูปก้อสวย ข้อมูลก้อแน่น อ่านแล้วอยากไปจังเลยครับผม จากคุณ : A.T.F. - [ 11 ส.ค. 49 12:14:02 A:58.64.44.115 X: TicketID:110707 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ภาพ คห.3 นี่แหละที่ทำให้รอดูตั้งแต่ตอนกระนู้นนนนน แอบเห็นมีบางภาพ พระพุทธรูปไร้เศียรเหมือนกันเนอะ รูปหน้าหินแกะสลักยิ้มได้ละออจริง ๆ ค่ะ ถ้าได้ไปสงสัยเดินแช่อยู่ทั้งวันแน่ ๆ เลย ขอบคุณที่พาไปเที่ยวค่ะ จากคุณ : Kaper - [ 11 ส.ค. 49 13:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เข้ามาดูหลายวันแล้ว ดันลืมลงชื่อ -.-" ตามมาเี่ที่ยวเกาะอิเหนาด้วยคนครับ จากคุณ : หนุ่มเฮสเซ่น (Hessenboy) - [ 11 ส.ค. 49 21:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สุดยอดครับ ขอบคุณสำหรับรีวิว คุณภาพ อันนี้ อยากมีโอกาสไปอินโดบ้างจังเลยครับ จากคุณ : เกย์จิ (เกจิ) - [ วันแม่แห่งชาติ 00:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ประทับใจอีกรอบค่ะ อาจารย์ นมก. จากคุณ : Kaper - [ วันแม่แห่งชาติ 07:10:56 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สวยงามมากครับ นอมอกอ ยินดีด้วยที่ฝันเป็นจริง เสียดายพี่ไม่ไม่โอกาสได้ไป ขอบคุณกับเรื่องราวและภาพสวยๆครับ จากคุณ : Athlons - [ วันแม่แห่งชาติ 17:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณที่เอารูปสวยๆ และสาระดีๆ มาให้ชมกันครับ อยากไปบ้างจัง ไม่ทราบคุณนมก.ทำงานอะไรครับเนี่ย  ได้เที่ยวตะลอน แบบนี้ดีจริงๆ จากคุณ : Yippie - [ 13 ส.ค. 49 09:15:45 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณมาก ทั้งภาพและเรื่องยอดเยี่ยมมากครับ จากคุณ : หมียักษ์ - [ 15 ส.ค. 49 22:16:47 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ว้าวๆๆๆๆ ค่ะ เป็นรีวิวที่สนุกและได้ความรู้มักๆ เลยค่ะ อยากอ่านบาหลีเร็วๆ จังค่ะ โปรแกรมปีหน้าของเราเลยนะเนี่ย จากคุณ : หมวยแก้มป่อง - [ 23 ส.ค. 49 14:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 93 สุดยอดครับ ผมตามอ่านตั้งแต่อินเดียแล้วครับ ปลายปีคงจะไปบาหลี หรือไม่ก็บูโรพุทโธ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ รูปสวยๆครับ จากคุณ : ขนอุย - [ 1 ธ.ค. 49 17:43:41 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ใน คห.๑๗ เมื่อตอนไปเที่ยวคราวนั้น รู้สึกว่าไกด์ฮอลิเดย์จะอธิบายแตกต่างไปบ้าง จำไม่ได้ว่ายังไง ต้องกลับไปรื้อโพยดูใหม่ จากคุณ : NickyNick - [ 24 ก.พ. 50 09:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ไกด์สวัสดีฮอลิเดย์ส่วนใหญ่จบโบราณคดีใช่ไหมครับ จากคุณ : ing_ab - [ 24 ก.พ. 50 16:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เจ้าของกระทู้คงจะรู้ แต่ผมไม่ทราบครับ รู้แต่ว่า ไปกับทัวร์นี้แล้วจะค่อนข้างมีคุณภาพ แต่ราคาแพงหน่อย จากคุณ : NickyNick - [ 28 ก.พ. 50 09:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เยี่มมากเลยครับ ขอยกนิ้วให้ บรรยายได้ถึงบรรยากาศจริงๆเลย จากคุณ : admin@hyip-today.com - [ 14 พ.ย. 50 19:15:05 A:125.24.135.205 X: TicketID:160574 ]

ความคิดเห็นที่ 98 หนุ่มเมืองกรุงค่ะ แนนแนน ค้นข้อมูลมาอ่าน ตอนนี้ปี 51 แล้วนะค่ะ แนนแนน จะไป Borobudur ช่วงวันพระใหญ่ เช่นกันค่ะ ข้อเขียน สนุกมาค่ะ ได้ความรู้ด้วย ชอบการเล่าเรื่องของ ภาพแกะสลักต่างๆ มากค่ะ เที่ยวอย่างมีความรู้นี่ดีจังค่ะ จากคุณ : แนนแนน - [ 10 ก.ค. 51 16:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณที่ทำรีวิวนี้ไว้คะ มีโครงการจะไปเหมือนกัน.. ขอบคุณมากๆ (รอแทบไม่ไหวเลยคะ หิหิ) จากคุณ : marzo - [ 20 มิ.ย. 52 06:04:15 ]