ความคิดเห็นที่ 1 พระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ องค์พระธาตุซึ่งบรรจุพระเกศาและพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปูชนียสถานที่ศักดิสิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองแพร่มาแต่โบราณกาล ตามตำนานกล่าวว่า ขุนลัวะอ้ายก๊อมเป็นผู้สร้าง ปรากฏหลักฐานการบูรณะปฏิสังขรณ์ระหว่างปี พ.ศ. ๑๘๗๙ - ๑๘๘๑ ในสมัยพระมหาธรรมราชา(ลิไท) เมื่อครั้งยังคงเป็นพระมหาอุปราช ครองเมืองศรีสัชนาลัย ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์แปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสน สูง ๓๓ เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ ๑๑ เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูนหุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ลงรักปิดทอง จังหวัดแพร่ได้กำหนดให้องค์พระธาตุช่อแฮประดิษฐานบนหลังม้า เป็นตราสัญลักษณ์ของจังหวัด จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 21:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พระธาตุแช่แห้ง อ.เมือง จ.น่าน องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง ๒ เส้น  เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัย ในอดีต ที่เชิงเนินปูด้วยอิฐ ลาดขึ้นไปยังยอดเนิน กว้างประมาณ ๒๐ วา มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบลานนาไทย ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก  พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 21:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ตั้งอยู่บนยอดเขาที่บ้านกองเนียม ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนาเช่น วันมาฆบูชาจะมีประชาชนเดินทางมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ทำพิธีเวียนเทียน เป็นประจำ จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 21:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระธาตุดอยกองมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัด   วัดนี้เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย “จองต่องสู่” เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย “พระยาสิงหนาทราชา” เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก วัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษาจะมีการตักบาตรดาวดึงส์ หรือตักบาตร เทโวด้วย จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย พระเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุเทสิกเจดีย์ (ซึ่งหมายถึงเจดีย์ที่สร้างขึ้นโดยเจตนาอุทิศให้พระศาสนา โดยไม่กำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด) สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา พ.ศ.2103 เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัญญาพระราชไมตรีระหว่างสมเด็จพระมหาจักรดิแห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มหาราชองค์หนึ่งแห่งอาณาจักรล้านช้าง ด้วยในระยะนั้นกรุงศรีอยุธยาอยู่ในภาวะไม่สู้ปลอดภัย ทัพพม่ายกมารุกรานบ่อยครั้ง หวังที่จะแผ่ขยายอิทธิพลมายังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและน้ำโขง กษัตริย์ทั้งสองอาณาจักรต่างทรงเห็นว่าควรรวมกำลังเพื่อความมั่นคง จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน เหตุที่เลือกเนินริมน้ำหมันก็เพราะเป็นจุดสมมติว่าเป็นด่านเขตแดน ซึ่งเป็นรอยต่อของเขตอิทธิพลอาณาจักรทั้งสอง พระเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอุเทสิกเจดีย์ (ซึ่งหมายถึงเจดีย์ที่สร้างขึ้นโดยเจตนาอุทิศให้พระศาสนา โดยไม่กำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด) สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา พ.ศ.2103 เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัญญาพระราชไมตรีระหว่างสมเด็จพระมหาจักรดิแห่งอาณาจักรอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช มหาราชองค์หนึ่งแห่งอาณาจักรล้านช้าง ด้วยในระยะนั้นกรุงศรีอยุธยาอยู่ในภาวะไม่สู้ปลอดภัย ทัพพม่ายกมารุกรานบ่อยครั้ง หวังที่จะแผ่ขยายอิทธิพลมายังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและน้ำโขง กษัตริย์ทั้งสองอาณาจักรต่างทรงเห็นว่าควรรวมกำลังเพื่อความมั่นคง จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน เหตุที่เลือกเนินริมน้ำหมันก็เพราะเป็นจุดสมมติว่าเป็นด่านเขตแดน ซึ่งเป็นรอยต่อของเขตอิทธิพลอาณาจักรทั้งสอง จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พระธาตุ 5 ดวง อ.ลี้ จ.ลำพูน วัดพระธาตุ 5 ดวง(เวียงเจดีย์ห้าหลัง) ตั้งอยู่ที่ตำบลลี้ สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 106 ห่างจากที่ว่าการอำเภอลี้ประมาณ 2 กิโลเมตร สันนิษฐานว่าเป็นบริเวณเวียงเก่าลี้ เพราะมีซากกำแพงและคูเมืองตั้งเป็นแถว วัดนี้เป็นที่ตั้งของหมู่เจดีย์ 5 องค์ ตามตำนานกล่าวว่าพระนางเจ้าจามเทวี กษัตริย์ครองเมืองหริภุญไชย ได้ยินข่าวจากราษฎรเมืองลี้ว่ามีดวงแก้ว 5 ดวง ปรากฏเห็นอยู่บ่อยครั้ง จึงได้เสด็จมาดูด้วยพระองค์เอง เวลากลางคืนจึงได้ทอดพระเนตรเห็นแสงสว่างจากดวงแก้วทั้ง 5 ดวง ลอยอยู่บนกองดิน 5 กอง จึงได้สอบถามความเป็นมาก็ทราบว่า คือพระเมโตธาตุ (น้ำไคลมือ) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธะเจ้าที่เคยล้างพระหัตถ์ และน้ำก็ไหลผ่านปลายนิ้วทั้ง 5 ลงพื้นดิน พระนางจึงเกิดศรัทธาสร้างพระธาตุเจดีย์ครอบกองดินทั้ง 5 กองไว้ และในวันที่ 20 เมษายน ของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุห้าดวง จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาหรือปีไก่ ตามความเชื่อของชาวล้านนา พระธาตุนี้ ประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุในโกศทองคำ เจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ มีสัตถบัญชร (ระเบียงหอก ซึ่งเป็นรั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือและทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม หอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำ บรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในและมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลายสมัย ต่อมาในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ได้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ การสร้างคราวนี้ได้สร้างโครงขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับลังกา จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีมะแม ตั้งอยู่บนยอดดอย “อุจฉุบรรพต” บ้างก็เรียกว่า “ดอยอ้อยช้าง” หรือ “ดอยกาละ” หรือที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า “ดอยสุเทพ” (ซึ่งตั้งตามนามของ สุเทวฤาษี ที่เคยบำเพ็ญตบะอยู่ที่ดอยนี้) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่   พระธาตุดอยสุเทพเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (ไม่มีหลักฐานว่าเป็นส่วนใด พระบรมธาตุได้ถูกบรรจุไว้ใต้พระธาตุเจดีย์ ) ที่พระมหาสุมนเถระ อัญเชิญมาจากสุโขทัยในสมัย พระเจ้ากือนา (พ.ศ.1898 – 1928) กษัตริย์ราชวงศ์มังราย พญากือนาโปรดให้สร้างพระธาตุเจดีย์บรรจุพระธาตุองค์หนึ่ง (องค์เดิมที่พระมหาสุมนเถระนำมา) ไว้บนยอดดอยสุเทพ และบรรจุอีกองค์หนึ่ง (ซึ่งปาฏิหาริย์แยกตัวมาจากองค์เดิม) ไว้ที่พระเจดีย์วัดบุปผาราม (วัดสวนดอก) ซึ่งสร้างถวายให้พระสุมนเถระจำพรรษาอยู่เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ในเชียงใหม่ องค์พระธาตุเจดีย์นั้นเป็นแบบล้านนาสมัยหลังรัชกาลพระเมืองแก้ว วันวิสาขบูชา จะมีประเพณีนมัสการและสรงน้ำพระธาตุดอยสุเทพ    ครูบาศรีวิชัย พระอริยสงฆ์ ที่เป็นที่นับถือของชาวล้านนาทั้งปวง เป็นผู้ดำริให้สร้างถนนขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ จากนั้นชาวล้านนาผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมากก็ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างถนนสายนี้จนสำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 5 เดือน 22 วัน จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พระธาตุอ่างขาง ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระธาตุซึ่งได้บรรจุอัฐิของพระสุพรรณกัลยา วัดน้ำฮู อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระธาตุดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นับเป็นโบราณสถานอันเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตามประวัติตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อาราธนาอัญเชิญเอายังพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า(พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระพุทธเจ้า มามอบถวายแด่พระเจ้าอุชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์สิงหนวติ เป็นประธานพร้อมด้วยมุขมนตรีเสวกอำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาบรรจุสร้างขึ้น ณ ที่ดอยดินแดง (คือดอยตุงปัจจุบัน) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1454 ต่อมาอีก 100 ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อว่า พระมหาวชิรโพธิเถร ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมามอบถวายให้พระเจ้ามังรายะนะธิราช แล้วจึงได้พร้อมใจกันนำเอาพระบรมธาตุขึ้นบรรจุสร้างใหม่ขึ้นมาอีกองค์หนึ่งบนดอยตุง พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม จากนั้นมาก็ไม่ปรากฏหลักฐานรายนามผู้บูรณะปฏิสังขรณ์ ลุถึง พ.ศ.2470 ครูบาศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำพูนพร้อมด้วยคณะศรัทธาชาวพุทธได้ทำการปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ พระวิหาร พระประธาน กาลเวลาผ่านพ้นมานานวิหารและพระประธานก็ถูกภัยธรรมชาติครอบงำชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนองค์พระเจดีย์นั้นยังมีรูปทรงปกติดีอยู่ ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2499 ได้มีอุบาสิกาผู้หนึ่งอยู่ในจังหวัดพะเยา ชื่อว่า นางทองคำ ฮั้นตระกูล ได้มีกุศลเจตนาอันยิ่งใหญ่ ทำการลงรักปิดทองพระเจดีย์ทั้ง 2 องค์ ให้เหลืองอร่ามไปทั่ว ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2500 องค์สรภาณมธุรส(บ๋าวเอิง) เจ้าอาวาสวัดสมานัมบริหาร กทม. พร้อมด้วยอุบาสิกา ทองคำ ฮั้นตระกูล ได้ทำการก่อสร้างอุโสถขึ้นหนึ่งหลังพร้อมทั้งพระประธานในอุโบสถ พระสาวก หมอชีวกโกมารภัจ ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2507 ก็ได้มีการดำริในการที่จะบูรณะองค์พระธาตุดอยตุงครั้งใหญ่ ซึ่งได้ใช้เวลาเตรียมการและหาทุนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายปี ลุถึง พ.ศ.2514-2516 จึงได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไป 1 องค์ พระธาตุ 2 วิหารหลวงที่ประดิษฐานพระประธานสิงห์หนึ่งเชียงแสน 3 พระประธานสิงห์หนึ่ง ซึ่งได้กราบทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จมาเป็นองค์เททอง   ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงองค์พระเจดีย์กันใหม่ ออกแบบโดยอาจารย์ประกิต(จิตร์) บัวบุศน์ องค์พระเจดีย์บุด้วยกระเบื้องโมเสดสีทอง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 8 ซุ้ม มีฉัตรประดับทั้ง 4 มุมดังที่เห็นปรากฎวันนี้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2525 ได้มีอุบาสกคนหนึ่งชื่อ ไศลยนต์ ศรีสมุทร์ เจ้าของและผู้จัดการตลาดแม่สาย ได้มีกุศลเจตนาอันแรงกล้า ได้ทำการเทลานพระธาตุและพร้อมกันนั้นทางวัดก็ได้ทำการก่อสร้างรั้วรอบบริเวณลานพระธาตุอีกโสดหนึ่ง   สำหรับท่านที่ขึ้นมานมัสการพระธาตุนั้น ท่านจะสังเกตุเห็นว่าวัดพระธาตุดอยตุงนั้นจะมีบริเวณ 2 เขตด้วยกันคือ ชั้นบนนั้นจะเป็นเขตพุทธาวาส นับเอาตั้งแต่ประตูวัดที่มียักษ์นั่งถือขวานอยู่นั้นขึ้นไป ท่านห้ามไม่ให้ใครทำสกปรกรุงรัง เช่น ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เพราะห้องน้ำไม่มี จากที่ประตูวัดลงมา 1 กิโลเมตร เป็นเขตสังฆาวาส เป็นที่อยู่พำนักของพระสงฆ์องค์เณรและประชาชนทั่วไป ก่อนขึ้นมานมัสการพระธาตุ กรุณาจอดรถเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่วัดน้อย 1 กิโลเมตร   คำไหว้พระธาตุดอยตุง : นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ....(สามจบ) พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหังวันทามิ สัพพะทาฯ(สามจบ) จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคิรี ดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย บนยอดเขาฝั่งตะวันตกของหมู่บ้าน จะได้ชมวิวบ้านแม่สลองท่ามกลางขุนเขา และแวะไปเคารพผู้บุกเบิกดอยแม่สลองที่สุสานนายพล ต้วน ซี เหวิน บริเวณนั้นมีร้านชาบรรยากาศดีอยู่สองร้าน หรือไปเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของเหลาทหารจีนพลัดถิ่นที่อนุสรสถานอดีตทหารจีนคณะชาติ ภาคเหนือ ประเทศไทย ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท จากคุณ : Athlons - [ 13 ส.ค. 49 22:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไปมาหลายที่เหมือนกัน แต่ที่ถ่ายมา มุมไม่สวยอยากที่ใจอยากเลยจ๊ะ มีธาตุมาแจม แทนพระธาตุได้ป่าว ไม่มีประวัติด้วยสิ จากคุณ : แป้งแดง - [ 14 ส.ค. 49 00:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ Athlons เหมาเกือบทุกเจดีย์เลย มีภาพเจดีย์ปีเกิดเป๋อด้วย ขอบคุณค่ะ ขอแจมเป็นเจดีย์ด้วยนะคะ จากคุณ : Kaper - [ 14 ส.ค. 49 13:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 .. จากคุณ : Kaper - [ 14 ส.ค. 49 13:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ... จากคุณ : Kaper - [ 14 ส.ค. 49 13:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาแจมกระทู้ด้วยครับพี่...อิอิ "พระบรมสารีริกธาตุของหลวง" ประดิษฐาน ณ ฐานชุกชีด้านทิศใต้ ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ประวัติแต่ดั้งเดิม...กล่าวกันว่า พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้เป็นสมบัติของพระบรมราชบุพพการีในราชวงศ์จักรี มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว โดยที่สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี...พระราชบิดาของรัชกาลที่ ๑) ทรงรักษาไว้สักการะบูชาประจำตระกูลตลอดมา...เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีแล้ว จึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ ซึ่งพระราชบิดาของพระองค์เคยรักษาไว้แต่เดิม มาประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และก็จะประดิษฐานอยู่ที่นี่เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ บรรจุอยู่ในพระเจดีย์ครอบแก้ว ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชอุทิศถวาย....ทุกปีเมื่อถึงวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๖ จะมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อให้ประชาชนสักการะบูชา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืนครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 14 ส.ค. 49 16:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีพระธาตุปีเกิดอ้อด้วย...ไม่ต้องไปไกลแล้ว นั่งไหว้เอาหน้าจอแล้วกัน สาธุ ปล.ไม่มีรูปพระธาตุแจมมีแต่รูปการจัดโต๊ะแบบฝรั่งเศส รอไว้วางก่อนจะเอามาโชว์ อิ อิ จากคุณ : Minora - [ 14 ส.ค. 49 18:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เนี่ยนะไม่เยอะ ... กระทู้นี้ดีครับ คุ๊ยรูปมาทำแป๊ปนึง วันนี้วันหยุดผม ... สายๆ บ่ายๆ จะเข้ามาอีก จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 15 ส.ค. 49 03:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ร่วมมาแจมโพสต์พระธาตุครับ ผมเจออีก 2 พระธาตุตอนไปบิ๊กทริปครั้งแรกที่เมืองสามหมอกครับ พระธาตุแม่เย็น อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ที่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ ตามเส้นทางสายแม่ฮ่องสอน-ปาย เป็นเจดีย์ที่สร้างสมัยใดไม่ปรากฏ ตั้งอยู่บนเนินสูงและเมื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุแม่เย็น จะมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอปายโดยทั่วถึง เป็นจุดสังเกตของผู้โดยสารเครื่องบินว่าเข้าเขตอำเภอปายแล้ว จากคุณ : Athlons - [ 15 ส.ค. 49 18:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พระธาตุลำปางหลวง หรือ พระธาตุหัวกลับ อ.เกาะคา จ.ลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย   พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลู เช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภายนอก บุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลให้พระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระ อัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่ จากคุณ : Athlons - [ 15 ส.ค. 49 18:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วัดธาตุหลวง เมืองหลวงพระบาง ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่นอนว่าวัดนี้สร้างขึ้นเมื่อใด แต่ตามตำนาน เชื่อกันว่า เป็นวัดที่สร้างโดยสมณะทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่จาริกมาจากอินเดีย  หรือย้อนไปได้ถึง 3 ศตวรรษก่อนคริสตกาล สิม หรือโบสถ์หลังปัจจุบัน สร้างในปี พ.ศ. 2361 ในสมัยของเจ้ามหาชีวิต มันฑาทุรัธ (Manthaturat) องค์สถูปบรรจุอัฐิของเจ้าศรีสว่างวงษ์และพระอนุชา ์Note: อ้างอิงมูลจาก Lonely Planet Laos (edition 5th) จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 04:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ธาตุจอมพูสี  เมืองหลวงพระบาง พูสี เป็นภูเขาลูกเตี้ยๆ สูงประมาณ 120 เมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง พระบาง ตามตำนานเล่าว่า แต่เดิม เป็นที่อยู่ ของฤาษีสองพี่น้องจึง เรียกว่า พูฤาษี ต่อมาเหลือเป็น ... พูสี องค์พระธาตุ สร้างขึ้นเมื่อปี 2347 และได้รับการบูรณะในปี 2457 สร้างตามแบบ ศิลปะล้านช้าง (แบบเดียวกับพระธาตุพนม) ทรงดอกบัวสี่เหลี่ยม ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ยอดประดับด้วยเศวตฉัตร 7 ชั้น องค์พระธาตุสูงประมาณ 20 เมตร สามารถมองเห็น ได้จากแทบทุกจุดในตัวเมืองหลวงพระบาง มีประเพณีของชาวหลวงพระบาง ที่เกี่ยวข้องกับพูสี คือในช่วงวันสังขาน เทศกาลสงกรานต์ (วันขึ้นปีใหม่ลาว) ชาวหลวงพระบางจะ พร้อมใจกัน ทำบุญรับวันปีใหม่ลาว  โดยการเดินขึ้นพูสี นำอาหาร และดอกไม้ บูชา ที่ องค์พระธาตุ  แต่ประเพณีดังกล่าวได้ถูกสั่งห้ามโดยฝรั่งเศสซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม  ต่อมาได้อนุโลมให้เพียงนำสิ่งของที่มาบูชาองค์พระธาตุ ได้โดยวางตามทางเดินขึ้นไปยังองค์พระธาตุเท่านั้น เมื่อพ้นยุคอาณานิคม ประเพณีแบบโบราณ ได้มีการรื้อฟื้นและกลับมาปฏิบัติกันอีกครั้ง จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 05:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชเวดากอง เป็นพระธาตุประจำปี ของคนเกิดปี มะเมีย ตามประวัติ บรรจุเส้นผมของพระพุทธเจ้า 8 เส้น ที่นายวานิช สองคน คือ ภัลลิกะ และ  ตปุสสะ อัญเชิญกลับมายังเมืองมอญ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ และเสด็จออกจากการเสวยวิมุติสุข นายวานิชทั้งสองที่คุมกองคาราวาน บังเอิญผ่านมา และบังเกิดความศรัทธาต่อพระพุทธองค์ จึงได้ถวายภัตตาหาร และปวารณาตัว ของเป็น อุบาสก โดยมี พระพุทธ และ พระธรรม เป็นสรณะ (ตอนนั้นยังไม่มีพระสงฆ์ เกิดขึ้นในพุทธศาสนา)  ถือได้ว่าทั้งคู่เป็น ปฐมอุบาสกคู่แรก ของพุทธศาสนา … ก่อนจะลาจากพระพุทธเจ้า นายวานิชทั้งสองได้ขอประทาน สิ่งที่จะเป็นระลึกถึง จากพระพุทธองค์ ... พระพุทธองค์ จึงได้ลูบพระเกศ และได้เส้นผมติดมา แปดเส้น ประทานแก่นายวานิชทั้งสอง กริยาลูบพระเกศของพระพุทธองค์ ต่อมาได้เป็นต้นแบบของพระพุทธรูปปางพระเกศธาตุ หมายเหตุ: นัยยะที่สำคัญของพระเกศธาตุที่ต่างจากพระบรมสารีริกธาตุอื่นๆในโลกนี้คือ เป็นพระธาตุที่ได้รับมาขณะยังทรงพระชนม์อยู่ และได้รับจากพระพุทธองค์โดยตรง. เมื่อกลับมาถึงบ้านเมืองของตน นายวานิชทั้งสองได้มอบ พระธาตุทั้งแปดเส้นให้กับกษัตริย์ เพื่อสร้างเจดีย์บรรจุพระเกศธาตุที่ได้รับมาจากพระพุทธองค์ นั่นคือเจดีย์ชเวดากองนั่นเอง  เจดีย์ที่สร้างขึ้นเริ่มแรก สร้างขึ้นบนเนินเขาในเมืองมอญ ที่ชื่อว่าเมือง ตะเกิง หรือเมือง ดากอง เริ่มแรกไม่ปรากฏว่ามีเจดีย์มีรูปร่างหรือลักษณะใด  แต่มีการบูรณะและก่อสร้างเพิ่มเติมมาทุกยุคทุกสมัย พม่าในยุคภายใต้การปกครองของอังกฤษ ได้มีนักวิชาการของอังกฤษทำการเจาะช่องเจดีย์ เข้าหาแกนกลาง พบว่าผ่านชั้นหินแข็ง ถึง เจ็ดชั้น เอกสารย้อนหลังเกี่ยวกับเจดีย์ที่สามารถสืบค้นย้อนกลับไปได้ ถึง 1200 ปี  กษัตริย์ ทุกพระองค์  ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ มอญ หรือ พม่า ที่ขึ้นมามีอำนาจเหนืออาณาจักรแห่งนี้ จะถือเป็นหน้าที่ ที่จะบูรณะพระเจดีย์ … จนปัจจุบันสูงถึง 326 ฟุต กว้าง 1355 ฟุต  (หรือ สูง 98 เมตร กว้าง 410 เมตร โดยประมาณ) ในสมัยพระนางชินสอบู (ร่วมสมัยกับสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ) พระนางได้เริ่มที่จะบริจาคทองคำน้ำหนักเท่าตัว ถวายแก่ องค์เจดีย์ เพื่อเป็นพุทธบูชา ... และประเพณีนี้ได้รับการปฏิบัติต่อมา ในปี 1995 ได้มีการประมาณน้ำหนักของแผ่นทองที่นำมาหุ้มองค์เจดีย์ ว่ามีถึงประมาณ 53 เมตริกซ์ตัน , องค์ฉัตรประดับเหนือพระเจดีย์สูง 10 เมตร สร้างด้วยไม้หุ้มทองเจ็ดเส้น  ประดับด้วยกระดิ่งทองคำ 1,065 ลูก กระดิ่งเงิน 420 ลูก เพชร ที่ประดับที่ฉัตรที่ยอดองค์เจดีย์  มีถึง 4351 เม็ด น้ำหนักรวม 1800 กะรัต และเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดที่ปลียอดสุดของเจดีย์ มีขนาดถึง 76 กะรัต. ฉัตรปัจจุบัน เป็นอันที่สาม อันที่ก่อนหน้านี้จะเก็บไว้ในโรงเก็บบริเวณองค์เจดีย Note1: อ้างอิงข้อมูลจาก ท่องแดนเจดีย์ไพรในพุกามประเทศ, ธีรภาพ โลหิตกุล. ; Lonely Planet Myanmar edition 8th. Note2: Shewe Dagon Paya ชเว  แปลว่าทองคำ   พยา แปลว่า เจดีย์ ชเวดากองพยา  จึงแปลตรงตัวได้ว่า  เจดีย์ทองคำแห่งเมืองดากอง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 05:14:38 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 05:13:38 จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 05:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชเวมอว์ดอว์   แปลว่า มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ ตั้งอยู่ในเขตเมืองหงสาวดี ของมอญ  ภาษามอญ เรียกว่า มุเตา แปลว่า จมูกร้อน เนื่องด้วยขนาดความสูงที่สูงมาก จนต้องแหงนหน้ามองจนจมูกร้อนเพราะถูกแดดเผา มีขนาดความสูงถึง 377 ฟุต  (114 เมตร) เป็นเจดีย์ที่พระเจ้าตะเบงชเวตี้ (พม่า) สมัยเป็นยังเป็นเจ้าชาย เสด็จฝ่ากองทหารมอญ มาทำพิธีเจาะพระกรรณ ตามประเพณีพม่าโบราณ บริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นที่ทำพิธีเจาะพระกรรณ นั้นรัฐบาลทหาร ได้กั้นไว้เป็นพื้นที่พิเศษ ห้ามคนทั่วไปเข้าไปในบริเวณนั้น จำกัดไว้เฉพาะสำหรับคณะนายทหารเท่านั้น เพราะเป็นพื้นที่ที่เชื่อกันว่า เป็นพื้นที่แห่ง อำนาจ 5 พฤษภาคม 2473 ได้เกิดแผ่นดินไหว จนทำให้เจดีย์ถล่มลงมา ...ต่อมาได้มีการบูรณะเจดีย์จนกลับสู่สภาพเดิม แต่ทางวัดก็ได้ … เก็บรักษา ส่วนของยอดเจดีย์ องค์เดิมที่เป็นอิฐตันไว้  บริเวณลานด้านทิศเหนือติดกับองค์เจดีย์ และสร้างเจดีย์องค์เล็กๆ ไว้ คนพม่า-รามัญ ถือว่าส่วนนี้เอง คือองค์เจดีย์ มุเตา ที่แท้จริง และ เป็น จุดอธิษฐานถือว่าที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่สุด จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 05:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจก์ทิโย เป็น พระธาตุประจำปีของคนเกิดปีจอ พระธาตุประจำปีของคนเกิดปีจอจริงๆแล้ว  คือพระ พระธาตุจุฬามณี ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องเหลือวิสัย สำหรับคนธรรมดาๆจึงอนุโลม ให้พระธาตุอินทร์แขวน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดแทน ไจก์ทิโย   เป็นภาษามอญ  ไจก์ แปลว่า เจดีย์   ทิโย แปลว่า ร่ม หรือฉัตร   ส่วนพวกฝรั่ง เรียกว่า Golden Rock ไจก์ทิโย อยู่ในเขตรัฐมอญ สร้างไว้บนก้อนหินสูง 5.5 เมตร ก้อนหินปิดทอง เหลืองอร่าม ทั้งก้อน ก้อนหินนั้นวางแขวนอยู่บนหน้าผาหินอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจวนเจียนจะหล่น  เหมือนกับว่าพระอินทร์เอามาแขวนไว้ที่ริมหน้าผา ... จุดสัมผัสจะมองเห็นว่ามีช่องวางอยู่ เลยมีคำกล่าวแต่โบราณว่าคนมีบุญจะเสี่ยงทายโดยอธิษฐาน เอาเส้นผมลอดผ่านได้   ดังเช่นเรื่องเจ้าจันทร์ผมหอม .. นิราศพระธาตุอินทร์แขวน โดยมาลา คำ จันทร์  รางวัลซีไรท์ ปี 2534 (ไปหาอ่านเอาเองเน้อ) ๐ ฟังเนอพระพี่เจ้า ....  จอมศรี พระธาตุคือสักขี ...... ...เจตน์น้อง สัจจะตั้งห้าปี ........... ...ปรากฏ คอยก่อนจักคลี่ช้อง ......ลอดแล้ว คืนสม แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 05:30:42 จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 05:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 5 มหาสักการสถานในพม่า ที่ชาวพุทธพม่าจะต้องไปให้ได้ครบทุกที่ในชีวิต ประกอบด้วย 1 เจดีย์ชเวดากอง แห่งเมืองย่างกุ้ง 2 เจดีย์ชเวซิกอง ที่พุกาม 3 เจดีย์ไจก์ทิโย(พระธาตุอินทร์แขวน) ที่รัฐมอญ 4  องค์พระมหามัยมุนี ที่มัณฑะเลย์ 5 เจดีย์ชเวมอดอร์ ที่หงสาวดี ปล.หม่องขวัญฯเก็บไปสามแล้วฮับพี่น้อง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 05:41:50 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 49 05:41:03 จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 16 ส.ค. 49 05:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหหหหหหหหหหหหห อ่านไม่เบื่อเลยจริงๆ แถมเกร็ดความรู้เพียบ  รูปสวยถ้ามีโอกาสอยากจัไปมั่งนะคะ จากคุณ : รวมการเฉพาะกิจ - [ 16 ส.ค. 49 08:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โห...พี่ล่อน กะ พี่ขวัญ สะสมไว้เป็น colection เลยวุ้ย มีแต่รูปภูเขาทอง...แจมด้วยภาพนึงละกันนะ จากคุณ : รังสิมา - [ 16 ส.ค. 49 10:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โห.....ปึก เดี๋ยวไปเข้าสอบประวัติศาสตร์แระ ได้ เอ+ แน่ๆๆเลย จากคุณ : Minora - [ 16 ส.ค. 49 17:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ง่ะ ช่วงนี้ผมมีแต่เจดีย์กองกระดาษบนโต๊ะ จากคุณ : ก้างปลา'ป๋อง - [ 16 ส.ค. 49 22:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวยมากเลย เคยไปกราบแต่พระธาตุพนม จ.นครพนม ไปมาประมาณ 4 ครั้งแล้ว คิดว่าจะไปอีก เพราะที่อื่นยังไม่มีโอกาสไปเลย เดียวว่างจะส่งภาพพระธาตุพนม กะพระธาตุอิงอัง ที่สะวันนะเขต เมืองลาว เป็นพระธาตุคู่กัน จากคุณ : พนมรุ้ง12 - [ 17 ส.ค. 49 10:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยินดีครับ คุณพนมรุ้ง12 รออยู่นะครับ จากคุณ : Athlons - [ 17 ส.ค. 49 14:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ก้างฯ โคดถูกใจเลย  เป็นเหมือนกัน  ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่พม่า ที่มีเจดีย์ เล็ก เจดีย์น้อย กองอยู่รอบตัวอ่ะ เจดีย์สามองค์ มันไม่พอ จากคุณ : ไอ้หัวบุบ - [ 17 ส.ค. 49 15:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีครับ คุณรวมการเฉพาะกิจ คห.28  กับ คุณ พนมรุ้ง12 คห.32 จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 17 ส.ค. 49 22:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาเพิ่มเกี่ยวกับ ชเวดากอง   เพชรที่ประดับที่ยอดฉัตรของเจดีย์ขนาด 76.6 กะรัต ในเวลากลางคืน ... เมื่อต้องแสงไฟ และเมื่อจุดที่ใช้สังเกตุ ได้ตำแหน่งพอดี เพชรจะส่องประกายออกมา เป็นสีต่างๆ หลากหลายสี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของผู้สังเกตุ แต่ถ้าผู้สังเกตุอยู่ผิดตำแหน่ง จะมองไม่เห็น (อันนี้ต้องเดินหาเอง อยู่รอบๆ เจดีย์ มีอยู่หลายจุด) ... ผมเห็นเป็นสีขาว ที่ตำแหน่งนึง ... กับสีชมพู ที่ตำแหน่งสังเกตุอื่น ปล.ผมหาตำแหน่งไม่เจอครับ ... ต้องอาศัยสังเกตุจากคนพม่าอื่นๆที่แหงนมองยอดเจดีย์ แล้วทำท่าตื่นเต้น ... (แสดงว่าใช่แล้ว ตรงที่เค้ายืนนั่นแหล่ะ) ตรงนี้เห็นเป็นแสงสีขาว แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 49 22:33:15 จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 17 ส.ค. 49 22:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ได้แค่นี้ สุดพลัง ซูม ซูม ของเลนส์นอร์มอลแล้ว จากคุณ : ขวัญของเรียม - [ 17 ส.ค. 49 22:30:47 ]