CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    มีสนามบิน... "ปลาสลิดบางบ่อ" ไม่มีกิน

    ที่ดินถูกกว้านซื้อ
    - 1,000 ไร่ ถูกขายไปแล้ว
    - 300 ไร่ ถูกถามซื้อ
    - 60 ไร่ ถูกไล่ที่
    - 75 ไร่ .....?

    สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ นั้นยิ่งใหญ่ มองเห็นเป็นวัตถุสิ่งก่อสร้างชัดเจน แต่ความสูญเสียจากสนามบินที่มองเห็นด้วยตา และกำลังเกิดขึ้นนั้น ถูกละเลยไปหมดสิ้น เหลือแต่เพียงชาวบ้านธรรมดาและลำคลอง ต้องเผชิญชะตากรรมอย่างโดดเดี่ยว ลุงทิพย์ จันตะเคียน มีอาชีพเลี้ยงปลาสลิดอยู่ที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ วันนี้มีน้ำเสียมาถึงข้างบ้าน

    พื้นที่สีเขียวที่เป็นบ่อปลาเลี้ยงชีพของชาวบ้าน บัดนี้ได้กลายเป็นแหล่งรองรับน้ำเสียจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ น้ำทิ้งจากชุมชนเคหะแห่งชาติ น้ำเสียจากโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม

    ความรุนแรงของภาวะน้ำเสียในคลองเพิ่มขึ้นทุกขณะ ผู้บริหารงานระดับท้องถิ่น ก็ไม่กล้าที่จะทำให้คลองสะอาดขึ้น ได้แต่มองสิ่งปฏิกูลไหลผ่านคลอง บ้านเรือนริมคลองไปอย่างหมดอาลัยต่อชะตากรรม ขณะที่พื้นที่สีเขียวรอบๆ หมู่บ้านที่ปรากฏในผังเมืองรวม ถูกปรับเปลี่ยนสีไปเป็น "สีม่วง" นั่นหมายถึงว่า อนุญาตให้มีการก่อสร้างประเภทโรงงานได้แล้ว

    บ่อเลี้ยงปลาสลิด 75 ไร่ของลุงทิพย์ จันตะเคียน ที่กลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าพื้นเมืองอันดับหนึ่งของเมืองสมุทรปราการ นั่นคือ ปลาสลิดหอมบางบ่อ (ป้าขาว) ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรลาดหวายสัมพันธ์ ตั้งอยู่ที่ ต.บางเพรียว อ.บางบ่อ ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายในฐานะที่เป็นสินค้าภูมิปัญญาไทย และมีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ

    บัดนี้ บริเวณรอบๆ บ่อเลี้ยงปลาของคุณลุงทิพย์ จำนวน 1,000 ไร่ ถูกขายไปแล้วตั้งแต่ปีกลาย ปีนี้มีพื้นที่ใกล้เคียงอีก 300 ไร่ กำลังถูกนายทุนจากเมืองกรุงเข้ามาสอบถามกว้านซื้อ นัยว่าเพื่อไปสร้างโรงงาน

    ยังมีพื้นที่ติดกับบ่อเลี้ยงปลาที่นี่จำนวน 60 ไร่ ที่ชาวบ้านเช่าที่ดินเพื่อเลี้ยงปลาสลิดขายเมื่อตอนต้นปี เลี้ยงมาได้เพียง 6 เดือน ต้องรีบขายเพราะมีนายทุนมาซื้อที่ดินจากเจ้าของที่ดิน และบังคับให้ไล่ออกไปจากพื้นที่โดยเร็ว

    ชาวบ้านหมดตัวไปทันที เพราะปลาสลิดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 เดือน จึงจะขายได้ราคา

    ขณะเดียวกัน น้ำเสียจากโรงงานและสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เริ่มปล่อยลงมาทางคลองด้านล่างที่รองรับน้ำอยู่ บริเวณสีเขียวที่นี่ จึงกลายเป็น "แอ่งรองรับน้ำเสีย" ธรรมชาติขนาดใหญ่และยังต้องเสียพื้นที่เวนคืน เพื่อผันน้ำจากสนามบินออกสู่ทะเลอีก

    ลุงทิพย์ อายุ 66 ปี ให้ความเห็นว่า หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้อีกต่อไป อาชีพผลิตปลาสลิดสองแดด ขายมานาน 39 ปีแล้ว ก็จะไม่มีอีกต่อไป จะไม่มีบ่อเลี้ยงปลาสลิดให้กินอีกแล้ว

    หลังจากที่ประสบปัญหาการทำนา อาชีพดั้งเดิม ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ที่ดินที่ใช้ทำนาบริเวณนี้ไม่ได้ผลเลย ต้นข้าวถูกแมลงข้าวหนอนกอรบกวนหนัก เสียหายหมดทั้งไร่ แต่ก็ทนทำอยู่ 3 ปี ได้ข้าวเพียง 3-4 เกวียนเท่านั้น ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านที่สังเกตจากธรรมชาติ พบว่า แม้พืชเกษตรจะไม่ได้ผล แต่ในไร่นานั้นกลับมี "ปลาสลิด" อาศัยอยู่เพาะพันธุ์จำนวนมากได้

    ชาวบ้านจึงเริ่มค้นพบว่า แหล่งผืนดินย่านนี้น่าจะเหมาะสมกับการเลี้ยงปลา ด้วยลักษณะพิเศษของสภาพดินพรุ ใกล้ทะเล มีหญ้าพันธุ์อ่อนหลายชนิด เหมาะเป็นอาหารธรรมชาติ มีน้ำที่เหมาะสมทั้งจืดและเค็ม ทำให้ปลาสลิดเจริญพันธุ์และสมบูรณ์ โดยเฉพาะรสชาตินั้น ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร

    ตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มต้นเลี้ยงและทำเป็นปลาสลิดหอมด้วยกรรมวิธีของชาวบ้านบางบ่อ จนได้รับความนิยมและกลายเป็นสินค้ายอดนิยมระดับประเทศทันที จนผู้บริโภคยอมรับกันว่า จะกินปลาสลิด ต้องปลาสลิดบางบ่อแห่งเดียวเท่านั้น

    ราคาที่ขายสร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้ดีมาก เลี้ยงตัวเองได้ดีกว่าปลูกข้าวหลายเท่านัก ถ้าตัวใหญ่ชนิดคัดพิเศษ กิโลกรัมละ 600 บาท ตัวใหญ่ทั่วไปกิโลกรัมละ 300 บาท หรือเทียบตัวก็ขนาด 17 ตัวต่อกิโลกรัม และถ้าเป็นขนาด 20 ตัวต่อกิโลกรัม ก็จะมีราคาประมาณ 200 บาทต่อกิโลกรัม

    ปลาสลิดที่วางตากแดดให้แห้งอยู่ทั่วไปตามบ้านใน อ.บางบ่อ นั้น อีกไม่นานก็จะไม่มีให้เห็น ไม่มีปลาสลิดแดดเดียวหรือสองแดด ให้ได้กินกันอีกแล้ว


    ที่มา:  หนังสือพิมพ์ "คม ชัด ลึก" วันพุธที่ 13 กันยายน พ.ศ.2549

     
     

    จากคุณ : Bowling Bash - [ 13 ก.ย. 49 11:13:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com