PANTIP.COM : E4768854 ว่าด้วยเรื่องเซี่ยงไฮ้ []

ความคิดเห็นที่ 39

ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติมแบบเนื้อๆ ให้ก่อนสำหรับท่านที่จะไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้

ปกติช่วงที่เหมาะกับการเที่ยวเซี่ยงไฮ้ จะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงและใบไม้ผลิ เนื่องจากอากาศจะไม่หนาวหรือร้อนเกินไป แต่จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ถ้าเทียบกับฤดูหนาวและร้อนที่แสนจะยาวนาน แล้วมันเวลาไหนเหรอคะที่ว่าเหมาะ ก็ประมาณช่วงปลายกันยายนถึงกลางพฤศจิกายน และ ปลายมีนาคมถึงกลางพฤษภาคมค่ะ ช่วงนี้อากาศจะเย็นสบาย อาจจะหนาวบ้างช่วงที่มีลมแรง

การคมนาคมในเซี่ยงไฮ้นั้น ผู้คนส่วนใหญ่ใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 3-6 หยวน คิดตามระยะทางค่ะ มีอยู่ 5 สาย แต่สายหลักๆ ที่ผ่านหรือเฉี่ยวแหล่งท่องเที่ยวนั้นเป็นสาย 1 และ 2 ค่ะ

รถเมล์ก็มีนะคะ ถ้าใครอ่านภาษาจีนได้ ก็สบายเลยค่ะ ขึ้นโลด ราคาอยู่ที่ 1-2 หยวนเท่านั้นเอง

ส่วนแท็กซี่นั้น เริ่มต้นที่ 11 หยวน (เพิ่งจะขึ้นเมื่อมิ.ย.นี้เอง) 3 กิโลเมตรแรก จากนั้นกิโลเมตรละ 2 หยวน กลางคืนเริ่มต้นที่ 13 หยวน (ราคาอาจจะมีเปลี่ยนแปลงได้เพราะกลับมาเมืองไทยได้พักใหญ่แล้วค่ะ) ไม่ต้องกลัวเรื่องพาอ้อมนะคะ ถ้าใช้มิเตอร์ ให้ขอใบเสร็จที่เรียกว่า ฟาเพี่ยว Fapiao ในนั้นจะมีหลักฐานให้โทรไปแจ้งได้ ที่น่ากลัว คือ พวกที่จะให้เราเหมารถมากกว่า โดยเฉพาะแถวสนามบิน สนนราคาจากสนามบินเข้าเมืองนั้น ไม่มีทางเกิน 200 หยวนเด็ดขาดไม่ว่าจะรถติดแค่ไหนก็ตาม (พอดีบ้านอิชั้นเนี่ยอยู่คนละมุมเมืองกับสนามบินค่ะ จ่ายมากสุดก็แค่ 150 หยวน ปกติก็แค่ 130 เท่านั้น)

ส่วน Maglev นั้นใช้ในการเดินทางไปมาระหว่างสนามบินกับสถานี Longyang (ซึ่งก็อยู่ที่ผู่ตงเหมือนกันแล) จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีสัมภาระไม่มาก และ มาพัก หรือ ทำงานบริเวณผู่ตงเป็นหลัก ถ้าสัมภาระไม่เยอะและพักอยู่ในเมืองฝั่งผู่ชี มีเป้าหมายเน้นการท่องเที่ยวอย่างเดียว (ก็สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งผู่ชี ส่วนผู่ตงนั้นเห็นจะมีแค่ 2 หย่อม คือ ตรงหอไข่มุกที่มีทั้งพิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์ของเซี่ยงไฮ้, Aquarium และ Superbrand mall กับอีกที่คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งมีแหล่งขายของคล้ายเซี่ยงหยางย้ายไปอยู่ด้วย) สนนราคาเที่ยวละ 50 หยวน ถ้าไปกลับโดยมีตั๋วเครื่องบินไปแสดงก็ลดได้เหลือ 80 หยวนค่ะ ถ้าไปกัน 3-4 คน ไม่แนะนำวิธีนี้นะคะ นั่งแท็กซี่จะถูกและสบายกว่ากันมากเลยค่ะ

รถบัสของสนามบิน มีหลายสายค่ะ ไปในเส้นทางต่างๆ กัน ถ้าที่พักใครใกล้แถวไหนก็เลือกได้เลยค่ะ สนนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 18-25 หยวน

ถ้าจะไปเที่ยวนานๆ หรือย้ายถิ่นฐานล่ะก็ขอแนะนำให้ซื้อบัตรโดยสารที่เรียกว่า Jiao tong ka ค่ะ เพราะจะสะดวกมาก จ่ายค่าบัตร 30 หยวน แล้วเติมเงินเอาตามสถานีต่างๆ ได้เลย เวลาจะไปไหนมาไหนไม่ต้องคอยพกเศษสตางค์ ใช้ได้ทั้งกับรถไฟใต้ดิน แท็กซี่ รถเมล์ และเรือเลยค่ะ (ตามรูป) แต่เดี๋ยวนี้เค้ามีทั้งแบบที่เป็นบัตรสวยๆ และนาฬิกาอีกต่างหาก เก๋ซะ

ไปถึงแล้วคุณๆ สามารถเอาโทรศัพท์ไปใช้กับซิมที่นั่นได้ค่ะ ราคาติดไว้ 100 หยวน แต่จ่ายจริงแค่ 75 เป็นค่าซิมซะ 25 ค่าโทร 50 ค่ะ แต่เวลาจะโทรกลับไทยขอให้ซื้อ IP card ที่เรียกว่า IP ka ไอพีข่า ราคาใบละประมาณ 35 หยวน ขึ้นกับบริษัท แต่ถ้าซื้อ 3 ใบอาจจะขอลดได้เหลือ 100 หยวน ไม่แนะนำให้ซื้อบัตรมาเติมเองนะคะ เพราะบางบริษัทใช้กับซิมที่เราซื้อมาไม่ได้ ควรเอาไปให้เค้าเติมดีกว่า

น้ำก๊อก ดื่มไม่ได้ เว้นแต่คุณอยากจะเสริมธาตุเหล็ก ชนิดโลหะหนักให้กับร่างกายแบบเร่งด่วน

จากคุณ : L@st love - [ 6 ต.ค. 49 02:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53

คุณ JanSept คะ ตามโจทย์มีเวลา 4 วันเต็ม กับคืนแรก แต่ไม่ได้บอกความสนใจส่วนตัวว่า ชอบเที่ยวลักษณะไหน ดูวัด ดูวัฒนธรรม ดูเทคโนโลยี ดูวิถีชีวิต หรือว่าเน้นช้อปปิ้ง โปรแกรมเลยจะเล่าแบบรวบหมด แล้วไปตัดเอาเองนะคะ

อย่างแรก การไปที่โรงแรม ถ้าคุณไม่มีสัมภาระเยอะ จะลองขึ้น Maglev ดูก็ประหยัดเวลาไปได้เยอะ พอถึงสุดสายที่ Longyang road คุณก็นั่งรถไฟใต้ดินต่อไปที่สถานี Lujiazui แล้วค่อยจับแท็กซี่เข้าโรงแรม (แต่ปกติประชุมเนี่ย เค้าน่าจะมีรถไปรับถึงสนามบินนะคะ)

เนื่องจากคุณจะพักที่ผู่ตงและมาถึงตอนเย็นแล้ว วันแรกคงไม่ค่อยได้ไปไหน ที่ทำได้แน่ๆ คือ ไปหามื้อเย็นทาน จะเป็นใน Superbrand mall ก็ได้ค่ะ แล้วไปนั่งชมวิวตรงริมแม่น้ำ พักผ่อนหย่อนใจ

แต่ถ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือ จับรถใต้ดินสาย 2 วิ่งข้ามมาฝั่งผู่ชีได้เลยค่ะ ลงที่สถานี Henan zhong lu หาอะไรทานแถวๆ นั้น มีร้านอาหารเยอะมาก เลือกได้ตามชอบใจพร้อมกับร้านรวงที่เปิดไฟสวยๆ ล่อตาให้เข้าไปเสียตัง เสร็จแล้วก็อาจจะเดินหรือนั่งรถแท็กซี่กลับมาดูไฟ ดูตึกเก่าๆ ที่ The bund เก็บบรรยากาศตอนกลางคืนไว้ก่อน แล้วก็กลับโรงแรม (จะไปทางอุโมงค์ก็ได้นะคะ เสียตัง 30 หยวน เข้าไปดูแสงสีเสียงในอุโมงค์)

วันที่สองก็ไปที่หอไข่มุก ขึ้นไปข้างบนเก็บวิวเซี่ยงไฮ้และเข้าพิพิธภัณฑ์ เสร็จแล้วก็จับรถใต้ดินสายเดิม (เพราะมันมีแค่สายเดียวล่ะค่ะตรงนั้น) มาลงที่สถานีเดิม แล้วเดินหรือขึ้นแท็กซี่ไป The bund อีกรอบเพื่อเก็บภาพกลางวัน ถ้าอากาศดีแนะให้ไปที่อวี้หยวนและไป People's square แล้วต่อตามที่เขียนไว้ในกระทู้ได้เลยค่ะ

พอช่วงค่ำก็ไปที่ซินเทียนตี้ หามื้อเย็นทานแถวนั้นได้ ถ้าอยากลองอาหารเซี่ยงไฮ้ แนะนำร้าน Xinjishi ค่ะ อยู่ตรงด้านหน้าแถวเดียวกับสตาร์บัคส์เลยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้สั่งเยอะถ้าไปกันแค่ 2 คน ลองทานล่าจื่อจี (La zi ji) และหมาโผโต้ฝู (Mapo tofu) กับข้าวก็น่าจะพอค่ะ เพราะจานใหญ่พอควร แต่ถ้าทานได้เยอะก็สั่งซุปไก่มาอีกซักอย่าง (มาทั้งตัวเลยนะคะ โถบึ้มเชียว) ถ้าไม่ชอบข้าวเปล่า ข้าวผัดหยังโจวก็ใช้ได้ค่ะ

หรือถ้าอยากลองเสี่ยวหลงเปาแบบแป้งบางๆ ให้ไปที่ Crystal jade ซึ่งต้องเดินเข้าไปในตึกด้านหลังค่ะ (อย่าหลงเข้าไป Ding tai feng นะคะ เพราะทั้งคู่อยู่ชั้นเดียวกัน แต่คนละมุมตึก)

แต่ถ้าอยากประหยัดเดินมาทางตึกที่ชื่อ Hong Kong plaza จะมีฟู้ดคอร์ทอยู่ชั้นใต้ดิน ชื่อ Megabite ที่สามารถเลือกอาหารทานได้หลายแบบค่ะ ในตึกนี้จะมี KFC ด้วยนะคะ มีร้านสไตล์ฮ่องกง ชื่อ ZEN พวกติ่มซำอร่อยใช้ได้ทีเดียว และมีร้าน Hot pot ชื่อ Tai Ran เป็นร้านที่ออกรสจัดแบบสไตล์ไทย มีทั้ง Curry Soup ต้มยำ ซุปขาว ซุปพริกสีแดง พร้อมกับเตาย่าง (จ่ายเพิ่ม) ให้ด้วยค่ะ ถ้าทาน 2 คน ก็ประมาณร้อยกว่าหยวน (จะกว่ามากน้อยก็ขึ้นกับปริมาณที่สั่ง) มีเมนูอังกฤษค่ะ

ดึกหน่อยถ้าอยากดูบรรยากาศร้านเบียร์ Paulaner ก็เป็นทางเลือกนึง แต่อาหารไม่อร่อยเท่าที่เปิดในบ้านเราสมัยก่อนค่ะ (รสชาติที่นี่จะไม่เหมือนกันเลยซักครั้ง ต้องเสี่ยงกันนิดนึง)

ถ้าชอบฟังเพลงสไตล์แจ๊ส จิบไวน์ เข้า CJW ได้เลยค่ะ หรือถ้าเป็นคนทานบุฟเฟ่ท์แล้วคุ้มก็เชิญที่ร้าน Latina ได้เลยค่ะ 68 หยวน (ถ้ายังไม่ปรับราคา) ทานได้ไม่อั้น รวมเนื้อสัตว์ทุกประเภทที่เค้าย่างมา และสลัดบาร์ สไตล์ริโอกริลล์ที่โรงแรมเอเชีย แต่ไม่รวมเครื่องดื่ม

รู้สึกจะเน้นไปทางเรื่องปากท้องไปหน่อยแฮะวันที่สองนี่

วันที่สาม น่าจะไปเที่ยวนอกเมืองบ้าง เช่น หังโจว ซูโจว โจวจวง ถ้าจะไปคนเดียวแนะนำให้ซื้อทัวร์จากแถว Shanghai stadium นะคะ เพราะจะสะดวกหน่อย เลือกแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือ ถ้ามั่นใจก็ซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟเพื่อไปยังเมืองเหล่านั้นได้เลย แต่ควรศึกษาข้อมูลให้มากๆ เพราะละแวกนั้นหาคนพูดอังกฤษได้ยากมาก

วันที่สี่ กลับมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ต่อ ถ้าชอบดูพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ (จริงๆผู้หญิงไม่น่าจะสนใจเนาะ) น่าจะไปทาง Xujiahui นั่งรถใต้ดินสายสองไปเปลี่ยนสายหนึ่งที่ People’s square ที่นั่นจะมีห้างชื่อ Meiluocheng แต่ถ้าไม่ค่อยสนใจก็ไปเดิน Grand gateway แทนได้ค่ะ (เป็นพวกแฟชั่น) แถวนั้นจะมีโบสถ์สวยให้ถ่ายรูปเก็บไว้ได้ และสถานีรถไฟใต้ดินแถวนั้นจะเป็นชุมทางที่มีร้านรวงขายของมากมาย จากนั้นก็นั่ง (ถ้าโชคดี) รถใต้ดินสายหนึ่งไปลงสถานีชื่อ Shanxi Nan lu ออกมาเดินถนน Shanxi ซึ่งตัดกับถนน Huaihai เดินไล่ดูร้านรวงต่างๆ ตรงนี้จะมีร้านอาหารชื่อ Shanghai Renjia ถ้าชอบอาหารเซี่ยงไฮ้เชิญได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ชอบแถวนั้นจะมีร้านติ่มซำ สไตล์ฮ่องกง ชื่อ Lei garden ซึ่งอยู่ทางที่จะไปตลาดเซี่ยงหยางในอดีต และถ้าอยากทานเป็ดปักกิ่ง แนะนำให้เดินเข้าถนนชื่อ Xinle lu จะมีร้านอาหารชื่อ Grape ทำเป็ดปักกิ่งอร่อย (จริงๆ แล้วอาหารร้านนี้ไม่ค่อยมีความเสี่ยงค่ะ สั่งอะไรมาก็รสชาติดี ทานได้เสมอ) ซึ่งอยู่ตรงแยกตลาดเซี่ยงหยางเก่า (ไม่แนะนำร้านฉวนจู้เต๋อ Quanjude เพราะหั่นหนังเป็ดติดเนื้อมา และแป้งกลิ่นแรงมาก)

ทานข้าวเสร็จก็เดินมุ่งหน้าขึ้นไปทางถนน Ruijin ระหว่างทางตรงนี้จะมีร้านรวง Brand ต่างๆ ให้ชม ให้ช้อป ก็เดินต่อไปจนถึงถนน Sinan จะเจอป้ายทางเข้าบ้านดร. ซุนยัดเซ็น ค่าเข้า 8 หยวน แต่ห้ามถ่ายรูปในนั้นค่ะ ลองดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้นำในสมัยนั้นว่าทันสมัยแค่ไหน แล้วเดินกลับออกมาที่ถนนใหญ่ (ถ้าเดินไม่ไหวก็นั่งแท็กซี่สถานเดียวค่ะ) แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางถนน Huangpi

กรณีที่คุณไม่ชอบดูอะไรเก่าๆ ก็แนะนำให้ขึ้นรถใต้ดินสายหนึ่งตรงสถานี Shanxi nan lu เพื่อลงที่ Huangpi Nan lu เลย จะไปโผล่ตรงดงห้างอีกครั้ง คือ Pacific store (Tai4 Ping2 Yang2) ซึ่งอยู่ข้างตึก Hong kong plaza ที่อยู่ในแผนของวันที่สอง ตรงนั้นจะมีร้านรวงเยอะพอควร ถ้าอยากจะผ่อนคลาย อากาศเย็นๆ โปร่งๆ ก็ไปที่สวนสาธารณะชื่อ Huaihai park นั่งพอเริ่มหนาวหรือหายเหนื่อยแล้วก็เดินไปที่ตึก Times square จะมีร้านสารพัด Brand (อีกแล้ว)

ถึงตรงนั้นถ้าคุณนึกอยากทานอาหารรสจัดๆ สไตล์เสฉวน ก็ลองร้าน South beauty ภายในตึกได้ค่ะ แต่ถ้าอยากลองของพื้นๆ อย่างพวกเนื้อเสียบไม้ย่าง (มีทั้งไก่ เนื้อวัว แกะ) ให้เดินข้ามไปที่ถนน Yunnan Nan lu จะมีร้านใหญ่อยู่หัวมุมร้านนึง หรือ จะไปลองร้านเสี่ยวเส้าชิงก็ได้เพราะอยู่ถนนเดียวกันแต่เดินไปไกลหน่อย

ถ้ายังไม่เหนื่อยนัก (แม้จะเดินขนาดนี้เนี่ย....) จะไปเดินดูของแถวถนน Qi pu lu ที่คล้ายๆ โบ๊เบ๊บ้านเราก็ได้ค่ะ เน้นขายส่ง ถ้าเหนื่อย ก็เรียกแท็กซี่หรือเดินไปที่สถานี People’s square ขึ้นสายสอง ไปลงที่ Lujiazui ถ้าจะซื้อของฝากพวกบ๊วย เยื่อไผ่ ผลไม้แห้งต่างๆ พวกบ๊วยหวาน บ๊วยเค็ม ท้อแช่อิ่ม ฯลฯ หรือ พวกเป็ดห่อ เนื้อห่อ ชาสารพัด (ชาเขียว ชาดอกไม้พวกเก๊กฮวย พีช อู่หลง ฯลฯ) ก็ไปที่โลตัสใน Superbrand mall ได้เลยค่ะ แล้วเอากลับไปแพ็คเตรียมตัวกลับได้

วันที่ห้า วันนี้คุณมีเวลาแค่ครึ่งวัน ไม่มีสัมภาระเยอะ อาจจะเช็คเอาท์แล้วฝากของที่โรงแรม จากนั้นไปเที่ยวที่ Shanghai science & technology museum ซึ่งจะมีร้านต่างๆ ที่ย้ายมาจากเซี่ยงหยางไปอยู่ (ช้อปจนวินาทีสุดท้ายกันเลยค่ะ) แล้วค่อยกลับมาเอาของเพื่อไปสนามบินผู่ตง เป็นอันจบทริป

คำเตือน กรุณาไปถึงสนามบินก่อนเวลาประมาณ 3 ชม. ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องวิ่งตาเหลือกหาเกทที่เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก (ไม่แน่ใจว่าเค้าพัฒนาแล้วรึยังนะคะ) เพราะคุณจะต้องรอเช็คอินนานมากกกกกก จนอาจจะรู้สึกว่าต้องตกเครื่องแน่แล้ว

หวังว่าคงพอจะเป็นไอเดียให้คุณได้บ้างนะคะ

เข้ามาเพิ่มรายการของฝากค่ะ
แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 49 07:51:43

จากคุณ : L@st love - [ 9 ต.ค. 49 01:00:26 ]