กลับมาแล้วครับ ลาพักร้อน เที่ยว เมืองเหนือ 28 ธันวาคม 2549 3 มกราคม 2550 (6 คืน)
กรุงเทพฯ ลำปาง ออบหลวง น้ำตกแม่สุริน แม่ฮ่องสอน ปางอุ๋ง ปาย ห้วยน้ำดัง ดอยอ่างขาง ดอยแม่สลอง แม่สอด สามเหลี่ยมทองคำ เชียงแสน วัดร่องขุ่น แม่สอด/ ลำน้ำเมย กรุงเทพฯ
อันดับแรก ขอขอบคุณ เพื่อนๆชาว BP ทุกท่าน โดยเฉพาะคุณ พวงแสดที่ ให้คำแนะนำที่ดีให้ผม ทำให้ผมและครอบครัว ไปเที่ยวได้อย่างมีความสุขได้อย่างสมบูรณ์ ขอให้มีความสุขตลอดปี 2550 นะครับ
ผมเตรียมแผนเที่ยวล่วงหน้ามาหลายเดือน พร้อมอุปกรณ์ท่องเที่ยวเท่าที่จำเป็น และมีแรงหาได้ ระบบความปลอดภัยของรถ เปลี่ยนเบรก และ เปลี่ยนยางใหม่ ระบบความปลอดภัยของคน เครื่องกันหนาว ถุงนอน พร้อม อุปกรณ์ให้แสงสว่างระหว่างท่องเที่ยว...แน่นอน ต้องมีกล้อง และขาตั้งกล้อง พร้อมกับรอยยิ้ม จากใจของผม
28 ธันวาคม 2549
ผมออกเดินทางด้วยรถยนต์ เจ้าต้า อัลติส 1.6 ออโต้คันเก่ง ที่มีอายุ สามปี จาก กรุงเทพฯ แถว เกษตร-นวมินทร์ สองคนกับแฟน ที่เวลาประมาณ 0700 ตอนเช้า ออกทางด่วน มอร์เตอร์เวย์ ด้วยความเร็ว ระหว่าง 90-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง เข้าอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ประมาณ บ่ายๆ ก็มาถึง ลำปาง เกาะคา รับน้องสาว ซึ่งเตรียมตัวรออยู่แล้ว พร้อมทั้งโชว์อาหารแห้งที่ขอให้เตรียมไว้คือหมูทอดแดดเดียว 2 กิโลฯ แล้วก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยว ตชด. เจ้าอร่อย จากนั้นก็ ควักแผนที่มาดู เพื่อ มุ่งหน้าไป ออบหลวง แต่จาก เกาะคา ห้างฉัตร ป่าซาง ทางออกจะงงๆ ก็เลยแวะถาม จุดบริการประชาชน ตามทาง ได้แผนที่มาอีกแผ่น ที่นี้สะดวกเลยครับ ขับไล่ตามเส้นลัดตามแผนที่ เป็นถนนระหว่างหมู่บ้าน ลาดยาง ไม่ค่อยมีรถ จึงทำเวลาได้ดี ไปถึงออบหลวงก็ประมาณ 6 โมงเย็นได้ กินข้าวหน้าออบหลวง กางเต็นท์ รอเพื่อนที่ขับรถ มาจากสุราษฏร์ธานี ตามมาทันที่ออบหลวงประมาณ 1ทุ่ม ก็เลย ตั้งวงคุยกันด้วยน้ำอุ่นๆ อย่างออกรสออกชาติ กว่าจะนอนก็ห้าทุ่มกว่า
เส้นทางจอมทอง ฮอด ออบหลวง เป็นเส้นทางคดโค้งบางช่วง เลาะภูเขาไปเรื่อยๆตามแม่น้ำ หาปั๊มน้ำมันยากสักหน่อยควรเตรียมเติมให้เต็มถังแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ต้องเครียดที่หลัง
29 ธันวาคม 2549
เราตื่นนอน ประมาณ 6 โมงเช้า สภาพยังมืดอยู่เลยครับ อากาศหนาวพอสมควร เดินไปถ่ายรูปออบหลวง กลับมาต้มกาแฟกินหน้าเต็นท์ (ผมได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆชาวอินเตอร์เน็ตให้ซื้อเตาแก็สขนาดเล็ก เก็บไว้หนึ่งชุด ยี่ห้อ โคเวีย ของเกาหลี) ใช้ประโยชน์ได้ดีมาก ไม่จำเป็นต้องไปแย่งซื้อกาแฟกินที่ร้านค้า
เราออกเดินทาง มุ่งตรงไป สวนสนบ่อแก้ว และแวะหยุดที่ ถ้ำแก้วโกมล เอารถไปจอดที่ ลานจอดรถ และขึ้นรถสองแถวไปหน้าที่หน้าถ้ำ เขาจะแบ่งเป็นชุดละประมาณ 20 คนเข้าถ้ำพร้อมคนนำทาง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ภายในถ้ำห้ามถ่ายรูปนะครับ ห้ามนำกล้องเข้าไป นัยว่า แสงแฟลช มีผลทำให้ หินงอกหินย้อย หยุดการเจริญเติบโต และตายได้
ถ้ำแก้วโกมล เป็นถ้ำที่สวยมากครับ ถ้ามีโอกาส แนะนำว่านักเที่ยวไม่ควรพลาด
เรากินข้าวเช้ามื้อแรกกันที่ลานจอดรถนั่นแหละครับ ง่ายดี ก๋วยเตี๋ยวคนละชาม อร่อยครับ
เราขับรถออกมาถึงปากทางถนนเข้าถ้ำเลี้ยวขวามุ่งตรงไปเส้นแม่ฮ่องสอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม เราตัดสินใจว่า เราจะเข้าไปพักที่น้ำตกแม่สุริน ซึ่งลึกเข้าไปจากทุ่งบัวตองอีกหน่อย แทนที่จะเข้าพักที่
แม่ฮ่องสอนซึ่งโทรเช็ค ตามรายชื่อ เกสเฮาส์ที่ที่แล้ว ปรากฏว่าเต็ม...ก็ไม่เป็นไร....
ขับมาเรื่อยๆนะครับ ทางก็คดไปเคี้ยวมาตามสูตรถนนเมืองเหนือ พวกเรามาหยุดพักรถที่ จุดพักรถแม่สะเรียง ที่นี่ดูแลเราดีมาก มีบริการ ชา กาแฟให้ด้วย นัยว่ากลัวพวกเราง่วงขณะขับรถ พวกเราขอบคุณความมีน้ำใจครับ
มาถึงแยกเข้าดอยแม่อูค่อ ขับไปเรื่อยๆ ทุ่งบัวตองที่เคยเหลืองอร่ามสุดสายตาช่วงเดือน พฤศจิกายน บัดนี้เหลือแค่ก้านสีน้ำตาลเหี่ยวๆด้านปลายมีเม็ดสีดำๆ เต็มทุ่ง เราขับรถไปจนถึงที่ทำการฯ ขอข้อมูลเพิ่มเติม เส้นทางชีวิตที่ น้ำตกแม่สุริน
มาถึง ลานการเต็นท์ที่แม่สุริน ประมาณ 4 โมงเย็น รีบกางเต็นท์ เนื่องจากคนยังไม่เยอะนักจึงได้ที่ใกล้รถ สะดวกแก่การย้ายข้าวของเครื่องใช้ วันนี้แสงแดดยังพอมี สามารถมองเห็นสภาพรอบๆได้อย่างสบายๆ เราเลยตัดสินใจกางเต็นท์แบบเต็มพื้นที่โดยปู กราวด์ชีตขนาดยักษ์ 4*6 เมตร เพื่อรองรับเต็นท์สามหลัง ตั้งเสาสูง 2.10 เมตร อีกสองต้น เพื่อขึง ฟรายชีตขนาด 4*6 เมตรที่จะทำเป็นหลังคากันน้ำค้าง ปักสมอบกลงดินใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย
หลังจากกางเต็นท์เสร็จ สาวๆก็เดินไปสั่งอาหารที่ร้านค้าก่อนเลยไปอาบน้ำร้อนที่ร้านค้า(สามารถนำมารับประทานได้ที่เต็นท์และนำถ้วยชามส่งคืนเมื่อเรียบร้อยแล้ว) ส่วนผมก็ต้มน้ำร้อนก่อนด้วยโคเวียตัวน้อยของเราเป็นอันดับแรก เตรียมกล้องถ่ายรูป คาสิโอ P700 ตัวเก่งพร้อมขาตั้งกล้องเล็กๆ เฝ้ารอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน เชื่อมระบบแสงไฟด้วยแบตเตอรี่แห้งที่เราเตรียมมา และแล้ว...พระอาทิตย์ก็ลดแสงจ้าลงค่อยๆกลายร่างเป็นลูกส้มสีทองบนแนวเมฆสีรุ้ง หายลับหลังทิวเขาสีเทาน้ำเงิน...งดงามเกินคำบรรยาย...
ยามเข้าใต้ไฟ ท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวเย็น ยังคงมีเสียงรถ พานักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อยๆแต่ไม่หนาแน่นมากนักพวกเรานั่งคุยกันใต้แสงไฟเล็กๆสีส้มจนถึงสี่ทุ่ม ไม่มีการครวญบทเพลง อื่นใด นอกจาก บทสนทนาระหว่างเพื่อนที่ไม่ค่อยได้เจอกันเกือบ 20ปี คืนนี้ที่แม่สุรินแม้จะหนาวกว่าที่ ออบหลวงโขอยู่ แต่ก็อบอุ่นด้วยมิตรภาพที่ยั่งยืนมากว่า 20 ปี และน้ำอุ่นๆจากกาที่ต้มด้วย เตาโคเวียอันเล็กของเรา...ต้มโคล้งปลาร้อนๆจากร้านค้า และเคียงข้างภรรยาคู่ทุกข์ที่มีหนึ่งเดียวในโลก...ช่างสุขยิ่งนัก...
พรุ่งนี้ เพื่อนผมที่ขับรถมาจากสุราษฏร์ธานี จะต้องเดินทางกลับสุราษฏร์ธานีตอนเช้า เนื่องจากมีนัดลูกค้าพิเศษ วันที่ 31 ธันวาคม 2549...เสียดายที่ไม่ได้ไปต่อแม่ฮ่องสอน และเส้นวงกลม แม่มาลัยด้วยกัน เสียดายจริงๆ...เราก็ต้องกลับมาเดินทางกันสามคนดังเดิมแล้วครับ
คืนนี้ ผมตัดสินใจแลกถุงนอนกับภรรยาคู่ทุกข์ของผม ให้เธอใช้ Sphere 450 ตัวใหม่แทน ซึ่งเธอก็รับอย่างยินดีส่วนผมก็นำ Dream lite 500 ที่เหลืออีกสองถุงมาต่อซิบกันให้เป็นตัวใหญ่...นอนกลิ้งสบาย..น้องสาวก็ยังคงใช้ โอเวอร์แลนด์ตัวเดิม..เธอบอกว่าอุ่นสุดๆ...
จากคุณ :
พิมดาว
- [
6 ม.ค. 50 21:30:53
]