ความคิดเห็นที่ 1 รถไฟสายที่ว่า  จะผ่านที่ราบสูงสองแห่ง  คือ ที่ราบสูงชิงไห่ และ ที่ราบสูงธิเบต  ซึ่งตลอดระยะทาง1,118 กิโลเมตร จะ อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล เฉลี่ย สี่พันกว่าเมตร ตลอดเส้นทาง ( ดอยอินทนนท์ของเรา ยังสูงเพียงแค่ สองพันกว่าๆเอง)  ทำให้มีสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลายชนิดที่พบเฉพาะถิ่น  โดยเฉพาะที่ราบสูงชิงไห่  เป็นแหล่งผสมพันธุ์วางไข่ของบรรดา นกหายากหลายชนิด อาทิเช่น หงส์   กระเรียนคอดำ ห่านหัวลาย ฯลฯ  ยังเท่านั้นยังไม่พอ  (อูย...เม้าท์มาก น้ำลายแตกฟอง)  ตลอดเส้นทางสายนี้  ยังพบสัตว์ป่าหายากแต่เห็นได้ง่ายๆสองข้างทางรถไฟนี่เอง  เช่น   ละมั่งธิเบต (Tibetan Antelope)   ม้าป่า  ลาป่า  จามรีป่า ฯลฯ   .......                       ...........ตัดฉับมาบนตู้นอน  รถไฟกระบวนที่มุ่งหน้าสู่ลาซา                                                ตอนนี้นาฬิกา บอกเวลาจวนจะ 8 โมงเช้าแล้วแต่พระอาทิตย์ยังไม่จับขอบเสียที  ผมหลับไปตั้งกะตอนไหนไม่รู้  รู้แต่ว่าตอนตีห้า ก่อนออกจาก เกอเอ๋อมู่  ผมวิ่งฝ่าสายลมหนาวออกไปล้างกระจก  เพื่อเตรียมการถ่ายภาพ  ผ่านบานหน้าต่าง  แต่เหมือนเป็นการกระทำที่โง่เขลา เพราะทันที ที่ผมราดน้ำไปบนบานหน้าต่าง  น้ำก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็งทันที !!!                                            พระอาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้าแล้ว  เครื่องบอกระดับความสูง แสดงตัวเลขที่ 4,230 เมตร  เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในชีวิตที่ผมเคยประสพมากับการเดินทาง บนผืนโลก  เช่นเดียวกับความหนาวยะเยือกที่เบื้องนอก  ตัวเลขบ่งชี้อยู่ที่ -24 C นี่ถ้าผมอยู่ข้างนอกรถ  หากไม่แข็งตาย  ก็คงป่วยด้วยโรค Altitude Sickness เสียก่อน จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อแสงทองทาบฟ้า  ภาพที่ผมมองเห็น  เป็นแผ่นพื้นสีขาวของผืนดิน  ถูกปกคลุมด้วยหิมะ สุดลูกหูลูกตา  ที่ปลายขอบมีขุนเขาสีขาวมองเห็นเป็นทิวอยู่รำไร   ผมตื่นตะลึงอยู่กับภาพที่เห็นเป็นนานสองนาน  แต่แล้วก็ต้องตื่นจากภวังค์  เพราะ ผมพบสิ่งมีชีวิตที่เบื้องนอก ริมทางรถไฟ   ลาป่า!!!   ในสภาพของธรรมชาติอันสุดแสนจะโหดร้ายเยี่ยงนี้ ยังมีสิ่งชีวิต  ที่ทนทานได้ไหว   และ ผมก็ยิ่งอึ้งไปใหญ่ เพราะ เกินกว่าที่จะคิดว่า Tibetan Antelope จะมาปรากฏตัวให้เห็นริมทางรถไฟเช่นกัน   จากนั้นก็กลายเป็นภาพชินตา  เพราะ ฝูงสัตว์เหล่านั้นหากินอยู่ในดินแดนอันเสรี  โดยไม่มีมนุษย์หน้าไหนไปรบกวน  มีเพียงผู้ผ่านทาง  ซึ่งเฝ้าสังเกตุอยู่บนรถรางด้วยความอิ่มใจ (ภาพ Tibetan Antelope ที่มาจากการเสิร์ช ไม่ทราบผู้ถ่ายครับ) แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 50 16:12:11 จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอ้าตื่น! เข้าเรื่องนกเสียทีสิพ่อคู้น   ครับ  ครับ   นกมันก็มีให้ดูตลอดทางนั่นแหละครับ  แต่จะบอกว่า เอ้อ....ผมดูไม่ทัน  ก็รถไฟ มันวิ่งช้าซะเมื่อไหร่   รู้แต่ว่า เป็นพวก ตระกูล Bunting , Snowfinch, Lark  ตัวเท่าเมี่ยง  แถมไว  อีกต่างหาก   มีที่พอให้ได้สังเกต สังกาบ้าง  ก็พวกกา  อย่าง  Large-billed Crow , Carrion  Crow  , Jack Draw, Yellow-billed Cough และนี่  ต้องถูกใจ อ.โทรกอนอย่างที่ซู้ด  เหยี่ยว มีให้พรึ่ดไปหมด สองข้างทาง  ดูทันบ้าง ไม่ทันบ้าง  ที่เยอะสุดเห็นจะเป็น  Upland Buzzard   นอกจากนี้ยังมี  Saker Falcon   แต่ที่ทำเอาผมปลื้ม ก็พี่เบิ้ม Golden Eagle  ที่เกาะบนโคดหินริมทาง ( ภาพ Upland Buzzard   ที่มา และ ผู้ถ่ายปรกฏ ดังปรากฏบนภาพ) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:49:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งผ่านระดับความสูง ณ.จุดสูงสุดที่ 5,000 เมตร  อาการปวดหัวของผมก็เริ่มต้นขึ้น  เป็นอาการที่เกิดมาจาก Altitude sickness  จนต้องใช้ยาพารา  ก่อนทิ้งตัวลงนอน  เพื่อให้คลายอาการปวด  แต่เพื่อนชาวจีนที่เพิ่งจะรู้จัก  ก็เอายาของจีนมาให้ เพราะกลัวว่าผมจะเป็นหนักกว่านี้    ผมก็สนองตอบซัดยาจีนตามเข้าไปติดๆ สักพักก็ดีขึ้น  เลยไม่รู้ว่า ที่ดีขึ้นเพราะพาราหรือยาจีน  แต่ก็ช่างประไร  เพราะอาการที่ดีขึ้นทำให้ผมได้มานั่งเฝ้าริมหน้าต่างต่อ  ภาพที่ปรากฏยังคงเป็นทุ่ง เขา น้ำแข็ง  แม้แต่บริเวณ  ที่เคยเป็นแม่น้ำ หรือ ทะเลสาบ ยามนี้ก็กลายเป็นน้ำแข็งไปหมดเช่นกัน  ผมนึกจินตนาการถึง ฤดูร้อน ที่ทุ่งน้ำแข็งเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็นทุ่งดอกไม้  นึกถึงทะเลสาบน้ำแข็งสีขาว  เปลี่ยนไปเป็นทะเลสาบสีน้ำเงิน  ที่มีฝูงหงส์ และ ห่าน  ร่อนบินเหนือผืนน้ำนั่น  โอ้ย...แค่คิดก็สวยแล้ว  จนผมตั้งปณิธานว่า  หน้าร้อนนี้  ผมต้องกลับมาใช้รถไฟสายนี้อีกครั้ง (ภาพได้มาจากการเสิร์ช ไม่ทราบผู้ถ่ายครับ) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนจะถึงตัวเมืองลาซา  แสงของวันกำลังจะหมด แต่ผมก็โชคดีส่งท้าย  ที่ได้เห็น Black-necked  Crane  คู่นึง!!!   โผบินขึ้นจากทุ่งข้างทาง  แต่โชคส่งท้ายของวันก็ยังไม่หมด   เพราะห่านตัวที่ผมอยากเห็นที่สุด ทุกครั้งที่ไปเชียงแสนก็มักจะภาวนาให้ได้เจอสักครั้งนึงเสมอ  ถึงตอนนี้ผมโชคดี ที่ได้พบทั้งฝูงราว 50 ตัว อยู่ที่ทุ่งข้างทางรถไฟนี่เอง   ห่านหัวลาย  Bar-headed Goose !!!........ ( ภาพฝูง   Bar-headed Goose  ที่มา  ดังปรากฏบนภาพ) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลืมซะงั้น เอาใหม่ จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 20:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 วันแรก ณ เมืองลาซา  หลังคาโลก                           ผมตื่นขึ้นมาอย่างไม่รู้จุดหมาย   ถามไกด์ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว  ว่ามีสวนสาธารณที่ไหนใกล้ๆบ้าง  ผมจะได้อาศัยจังหวะช่วงเช้าก่อนที่จะไปตามโปรแกรมทัวร์    หานกใหม่ประดับสายตาสักสองสามชนิดก่อน  คำตอบของไกด์ที่ทิ้งไว้เมื่อคืน คือ ไม่มี  และแนะนำให้ผมเดินแถวหน้าโรงแรมนี่แหละ  เพราะไม่รู้จะแนะนำให้ไปที่ไหน    ผมจึงออกเดินไปฝั่งถนนตรงข้ามโรงแรม  ซึ่งมารู้ทีหลังว่ามันเป็นสนามม้าแข่ง                     ริมถนนที่ด้านสนามม้า  นกขนาดเล็ก  พอๆกับนกกระจอก  แถมสีสันยังคล้ายกันอีกด้วย  Brown  Accentor  หากินอยู่ที่พื้น  ทำเอาจินตนาการผมม่อยกระรอกไปเลย  เพราะเคยคิดว่า นกตระกูล Accentor นี้  ต้องพบเจอแถวๆป่าสน  นี่มามาเจอข้างถนนในเมือง  จบกันจินตนาการเป็นหมัน   (Brown  Accentor ) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 21:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชนิดเดียวยังไม่พอ Accentor อีกชนิด  ก็หากินอยู่ด้วยกัน  Robin  Accentor แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 50 19:27:18 จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 21:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กำลังงงกับ Accentorที่คาดไม่ถึง  นกสีแดงอีกตัวก็ปรากฏเข้ามาในบริเวณนั้น  ผมกำลังตะลึง  กับความงาม จนมือไม้สั่น กว่าจะได้ถ่ายรูป นกก็ออกไปไกล   รู้แต่ว่าเป็น Rosefinch  ชนิดนึง  ถึงตอนนี้ตัวผู้หายไปไหนไม่รู้  ผมจับภาพได้เฉพาะตัวเมีย   วันนี้ยังไม่รู้ว่าชนิดไหน  แต่ผมคิดว่าคงมีเวลามาแก้มือ และจะจับภาพตัวผู้ให้ได้  เพื่อจะได้ยืนยันว่าเป็น Rosefinch  ชนิดไหนกันแน่ ( Rosefinch ตัวเมีย  ที่ตอนนี้จะยังไม่เฉลย ) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 21:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โปรแกรมทัวร์แรก  จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจากพระราชวังโปตะลา  ซึ่งงามนัก  สมกับที่เป็นมรดกโลก  อย่าให้ผมเล่าดีกว่าว่าสวยงามแค่ไหน สวยยังไง  ไม่งั้นจะต้องเพิ่มตอนเขียนอีกอย่างน้อยสามตอน ( กลัวละสิ  อิอิ)    จากนั้นในตอนบ่าย เป็นโปรแกรม แก้ขัด    ช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ วัวทอป    แหม ก็จะไม่ให้เรียกแบบนี้ได้ไง  เพราะร้านทั้งร้าน  พี่เขาขายของที่ทำมาจาก  ตัว จามรี  ล้วนๆ   ( ชาวจีนเรียก  “เหมาหนิว” แปลว่าวัวขน)  ทั้งเขาเอย   เนื้ออบแห้งเอย   แส้ที่ทำมาจากหางเอย  ฯลฯ  วันเวลาในวันแรกจึงหมดไป  โดยที่ผมหมดโอกาสได้ดูนกในรอบเย็น   แต่พรุ่งนี้  ผมจะได้ออกนอกเมือง  ไปยังทะเลสาบ   “ Ba  song  cou”  ที่นั่นมีอะไรรอผมอยู่  ไว้ผมจะเล่าให้ฟังตอนต่อไป......... ( พระราชวังโปตะลา) จากคุณ : jucgroo - [ 25 ก.พ. 50 21:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาเสริมข้อมูลครับคุณจุ๊กกรู้..... เผื่อคนอ่านได้สนุกกับการนั่งรถไฟมากขึ้น ตัว Tibetan Antelope (คห.2)ตัวนี้ผมอ่านแล้วจำได้ว่า อีกชื่อหนึ่งคือ Chiru ออกเสียงว่า ชิรู ไม่ใช่ คิรู ที่เป็นตัวโกงในซอดองโยสายใยรักสองแผ่นดินนะ คนค้นพบไม่ใช่ใครที่ไหน คนแวดวงดูนกน่าจะคุ้นชื่อ Brian Houghton Hodgson (1800-1894) ปู่ฮอคสันเจ้าของชื่อนกคัคคูเหยี่ยวอกแดง (Hodgson's Hawk-Cuckoo)ไง จำได้ป่าว ปู่แกเจอ Tibetan Antelope ช่วงที่ไปทำงานในกาฏมัณฑุ แล้วจึงส่งตัวอย่างไปให้หมออาเบล (Dr.Abel แพทย์ประจำตัว Lady Amherst) หมอแกจึงตั้งชื่อวิทยาศาสตร์เป็นเกียรติแก่ปู่ว่า Pantolops hodgsonii (Abel, 1826) เอารูปปู่มาฝากจาก www.payer.de แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 22:43:01 จากคุณ : พรเลิศ - [ 25 ก.พ. 50 22:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนเด็ก ๆ เคยดูหนัง  "แชงกรีล่า"  หรือไงนี่ล่ะค่ะ ต่อมาได้อ่านหนังสือของ อ.มล.ตุ้ยฯ เกี่ยวกับเชลยศึก....ก็อยากไป    หรือได้อ่านเรื่องเกี่ยวกับทิเบต.....ก็อยากไป วันนี้มาตามคุณ jucroo ไปเที่ยวก่อนแล้วกัน....ท่าจะสนุกมากมาย   ขอบคุณค่ะที่นำมาฝากกัน  (ชอบรถไฟด้วยค่ะ 55) จากคุณ : แม่น้องมีน (แม่ซากานะ) - [ 25 ก.พ. 50 22:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากไปเที่ยวบ้างจังเลย ทำยางไงถึงจะได้ไป     ปุ๊ช่วยจัดทริปพาเที่ยวหน่อยซิ  เอ!แต่เห็นว่าหน้าร้อนจะไปอีกใช่ไม้ อย่าลืมชวนกันบ้างนะ   เขียนลงมาเล่าเยอะๆเลยอ่านแล้วสนุกไปด้วย แต่ตอนนี้อิจฉาๆๆๆๆๆ จากคุณ : พี่ติ้ก(sopitcha) (sopitchatan) - [ 25 ก.พ. 50 22:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ ชอบอ่านเรื่องของคุณ jucgroo จริงๆ อืม!  ผมก็นึกถึงหนังเก่าสมัยก่อนที่เคยดู  ประทับใจมากๆ คล้ายๆกับ โรมิโอและจูเลียต เลย  ที่เกี่ยวกับ แชงกีลา นี่แหละ   ที่นางเอกตามพระเอกออกมาสู่โลกภายนอกแล้วกลายเป็น คนแก่ รู้สึกจะเรื่อง " Lost Horrizon "  นางเอกสวยมาก ชื่อ Olivia Hussey  ส่วนพระเอกจำไม่ได้แล้ว  อิอิ   แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 23:29:33 จากคุณ : Woodsman - [ 25 ก.พ. 50 23:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นแล้วอยาก... จากคุณ : ปลากระดี่ได้น้ำ - [ 26 ก.พ. 50 06:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น่าไปมาก อยากให้มีรูปตู้นอนด้วยจัง จากคุณ : khorbfaa - [ 26 ก.พ. 50 12:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณพี่พรเลิศมากครับ ทีมีสาระดีๆมาฝากน้องๆอยู่เรื่อยๆครับ แม่น้องมีน (แม่ซากานะ)  เกาะแน่นๆนะครับ  ถ้าจะไปกับรถไฟขบวนนี้  ว่าแต่ว่า  ชอบรถไฟจริงๆ  หรือชอบสับรางครับ  คริ คริ พี่ติ๊ก ไม่ลื้ม ไม่ลืมชวน แน่นอนครับ  เมล์ไปเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วนะครับ คุณพี่ Woodsman ( อาจจะต้องเปลี่ยนไปเรียกน้า เพราะชอบดาราคนเดียวกันกับคุณแม่ของผม  คริ คริ) ถ้าชอบกันจริงต้องสมัครเป็นแฟนคลับนะครับ  ตอนนี้ใกล้จะเต็มแล้ว  รีบๆหน่อยนะครับ  เหลือเฉพาะที่นั่งแถวหน้า แถวเดียว   เพราะแถวหลัง หรือ แถวกลางก็ไม่มี  ฮา อยากไร พี่น้าดี่  อยากอย่างเดียวยังไม่เสียวสุดๆนะ  คริคริ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จัดให้คุณขอบฟ้าครับ อันนี้เป็นนอกตู้ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อันนี้ในตู้  ตู้ที่ผมนอนเป็นตู้นอนเบาะแข็งนะครับ(ก็ไม่เห็นมันจะแข็งเท่าไหร่เลย )  ประมาณชั้นสองน่ะครับ  จะเห็นว่าในห้องจะมีเตียงนอนสามชั้น อยู่สองฝั่ง  คือ ห้องนึงนอนหกคนครับ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอ เห็นแล้วอยากไปจริงๆ ทะเลสาบชิงไห่ ธิเบต มองโกเลีย รอก่อน จากคุณ : Bunting - [ 26 ก.พ. 50 13:41:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ห้องแต่ละห้องจะไม่มีประตูนะครับ  จะมีแต่ผนังกั้น  ส่วนอีกด้านนึงของตัวรถ  จะมีเบาะพับติดผนัง  สำหรับนั่งริมหน้าต่าง มีแผ่นไม้เล็กๆยื่นออกมาเป็นโต๊ะ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พี่บันติ้ง  อะก้อ  มาปาดซะแระ   ต่อครับ มาดูของชั้นหนึ่งบ้าง  เบาะนอนนุ่ม.... แหะ  แหะ  แต่ประทานโทษ  เขาปิดประตูได้ในแต่ละห้อง  ยังไงก็แล้วแต่  ไอ้ความแสนรู้  ของผม  ก็ยังแอบไปเห็น  ห้องที่เขาเปิดอ้าซ่า  พบว่า  ห้องไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเบาะนอนแข็งมากมาย  เพียงแต่ ห้องนึงมีเตียงสองชั้น  สองเตียง  รวมเป็นนอนสี่คนต่อห้อง ส่วนด้านนอก  มีเบาะพับติดผนังเหมือนกัน  แต่ไม่มีแผ่นไม้เป็นแบบโต๊ะ  เหมือนตู้ชั้นสองที่ผมนั่ง  อุดอู้กันเข้าไปในห้อง  คราวหน้าผมก็จะเลือกเบาะนอนแข็งเหมือนเดิมดีกว่านิ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูอ่างล้างหน้าเสียก่อน  นี่ถ้าไม่เกรงใจจะถ่ายห้องสุขามาให้ดูด้วย  คริ คริ จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 13:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 และ  บทความของใครก็ไม่รู้ ที่ผมเสิร์ชหามาได้  เห็นว่ามีความรู้ดี  เพราะพูดถึงเรื่องประสิทธิภาพของรถไฟ  จากรูปจะห็นว่ากระจกด้านในห้องเรา  ตามขอบยังเป็นน้ำแข็งเลย  แต่เราก็อบอุ่นอยู่ได้ ด้วยความสามารถของวิศวกรผู้สร้าง ...................... การก่อสร้างทางรถไฟบนดินที่เป็นเยือกแข็งตลอดกาลนี้เป็นงานที่ท้าทาย ของวิศวกรออกแบบก่อสร้างอย่างมาก เพราะเมื่อถึงจุดเยือกแข็งน้ำในดินจะขยายตัวเพิ่มปริมาตร และในฤดูร้อน อุณหภูมิเพิ่ม น้ำในดินจะลดปริมาตรลง เริ่มมีปัญหาให้เห็นบ้างแล้ว เช่น เป็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นตามโครงสร้างของอาคารและทางเดินบางแห่ง ทั้งๆที่วิศวกรก็ได้พยายาม ใช้ความรู้ความสามารถเต็มที่เช่น ออกแบบเป็นสะพานบนดินมารองรับรางแทนที่จะเป็นคานกั้นดินธรรมดา ในเขตที่เห็นว่าไม่ปลอดภัย บางแห่งมีสะพานยาวถึง 11 กม....” “.....ตัวรถไฟและรถนั่งโดยสารได้รับการออกแบบให้สร้างเป็นพิเศษ สำหรับสิ่งแวดล้อมที่ผิดปกติ ตัวรถมีล้อกว้างขนาดมาตรฐาน สร้างโดยบริษัท Bombardier Sifang Power ซึ่งร่วมหุ้นกิจการค้ากันระหว่างแคนาดาและจีน มีทั้งหมด 363 ตู้ ในจำนวนนี้เป็นตู้ธรรมดา 292 ตู้ เป็นรถจ่ายไฟ 20 ตู้ ที่เหลือจะเป็นตู้พิเศษ 16 ตู้” “สำหรับนักท่องเที่ยว (Luxury Cars) ซึ่งมีห้องอาบน้ำส่วนตัว ห้องอาหาร และห้องพักผ่อน แต่ละตู้จุผู้โดยสาร 100 คน ให้บริการโดยกิจการร่วมค้าระหว่างบริษัทเรพาร์เนอร์ (Railpartners) ของสหรัฐอเมริกาและกระทรวงการขนส่งของจีน” “ผู้โดยสารทุกตู้จะมีอุปกรณ์ควบคุมและดูแลปริมาณของออกซิเจนในอากาศ อุปกรณ์ นี้จะผสมออกซิเจนเข้าไปในอากาศของแต่ละตู้อัตโนมัติ ตามระดับความสูงของตู้รถไฟ เพื่อความปลอดภัยในอีกระดับที่สูงขึ้นไป ในกรณีที่ขาดออกซิเจนของตู้จะมีระบบจัดให้ถ่ายออกซิเจน มาจากตู้ข้างเคียงถัดไปได้ การออกแบบตัวรถนั้นได้ปิดกั้นมิดชิด มีอุปกรณ์ควบคุมระบบถ่ายเทระหว่างอากาศดีและอากาศเสีย อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าต่างของรถที่กรอบ 2 ชั้น ปรับแรงอัดเพื่อกันการสูญเสียของออกซิเจน ลดรังสีอัลตราไวโอเลต โดยอุปกรณ์ ต่างๆที่เกี่ยวกับการหายใจ จะอยู่ใต้ท้องรถเพื่อป้องกันความเสียหาย อันเกิดจากสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมแปรปรวน เช่น พายุหิมะ พายุทะเลทราย อีกทั้งยังมีระบบสำรองสำหรับไฟฟ้าและการสื่อสารไร้สายอีกด้วย” จากคุณ : jucgroo - [ 26 ก.พ. 50 14:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากไปจัง เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ค่ะ รวมทั้งทริป ต้องใช้เวลาเดินทางกี่วันค่ะ จากคุณ : friday (friday) - [ 1 มี.ค. 50 22:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอบคุณ  friday  แบบว่าคำตอบมันหลากหลายน่ะครับ  ขึ้นอยู่กับว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน  แล้วจะเลือกเอาทัวร์แบบไหน หรือ ไม่เลือกเอาทัวร์เลยไปเอง (อันนี้ก็จะยิ่งถูก) ฤดูกาลก็จะมีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าไปหน้าหนาวอย่างผมเนี่ยก็ถูกหน่อย  หน้าร้อนก็ต้องแพงขึ้น.... เดี๋ยวจะไม่ได้สาระ  เอาที่ผมไปแล้วกัน  ผมจ่ายค่าทัวร์ไป  6,300 หยวน (คิดเป็นบาท คูณด้วย  4.6)ซึ่งลูกน้องบอกทัวร์นี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง จะเอาถูกกว่านี้ก็มี   จริงๆคนจีนเขาจ่ายกันที่ 5,300  แต่เนื่องจากเราเป็นคนต่างชาติ  คิดค่าขออนุญาตเข้าธิเบต (เพราะเป็นเขตปกครองพิเศษ) 500 และผมขอนอนห้องเดี่ยวคนเดียวเพิ่มอีก 500 (จริงๆไม่ต้องก็ได้ ปกติเขาจัดให้นอนกันเป็นคู่ แยกชายหญิง  แต่ถ้าไปกับแฟนก็แล้วแต่ครับ) โปรแกรมทัวร์แปดวัน  แต่ก็แปดวันไม่จริงหรอกครับ  เพราะขาไปเนี่ย เรานั่งรถไฟเริ่มต้นที่เซี่ยงไฮ้  ออกตอนสี่โมงเย็น เขาก็นับวันที่หนึ่งแล้ว  อยู่บนรถไฟอีก 63 ชั่วโมง คือ ถ้านับเราออกเดินทางวันที่ 1  เราจะถึงลาซา วันที่ 3 ตอน หนึ่งหรือสองทุ่ม  แต่ช่วงเวลาที่อยู่บนรถไฟ นับเป็นการเที่ยวได้ ( ผมไปก็เพราะรถไฟนี่แหละครับ เพราะเขาก็มีเครื่องบิน บินไปเยอะแยะ) จากนั้นวันที่ 4-7 เที่ยว   วันที่ 8 ตอนบ่ายโมงก็บินกลับเข้า เฉินตู (มณฑลเสฉวน)  ซึ่งถ้าคุณfriday มาจากเมืองไทยก็บินจากเฉินตู  เข้าเมืองไทยได้เลย  เพราะมีการบินไทยบินตรง (สายการบินจีนก็อาจจะมี  ผมไม่แน่ใจ)  นึกถึงตรงนี้ ถ้าเราไม่บินกลับเซี่ยงไฮ้  ทัวร์น่าจะลดไปได้อีกหลายพันน่าจะสักห้าพันบาทได้  แล้วเราก็เอาตรงนั้นมาเปลี่ยนเป็นตั๋วกลับเมืองไทย  น่าคิดแฮะ ทีนี้จะถูกหรือแพง ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณfriday หาตั๋วเครื่องไปกลับจากเมืองไทย  ได้ถูกแค่ไหน  ทัวร์ในเมืองจีนจะเลือกเอาของบริษัทไหน (ในกรณีที่ไปกับทัวร์)  และสำคัญที่สุด  ช็อปกระหน่ำแค่ไหน  เพราะค่ากินนั้นทัวร์เขาก็รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายนั้นไปทุกมื้อแล้ว ( อ้อ...ยกเว้น อาหารบนรถไฟ 6 มื้อ  ซึ่งมีข้าวกล่อง ๆละ 15 หยวนก็พอกินได้ครับ)  อื้ม.....รวมไปถึงค่าผ่านประตูเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ทุกแห่งแล้วด้วย ค่าใช้จ่ายคงต้องลองบวกเองอย่างที่ผมให้รายละเอียดไปนะครับ  ส่วนเรื่องวันนี่ ถ้ามาจากเมืองไทยไฟลท์กลางคืนถึงเซี่ยงไฮ้เช้าแล้วกลับ ทางเฉินตูเลย  แปดวันเท่าโปรแกรมทัวร์ก็เอาไหวครับ จากคุณ : jucgroo - [ 2 มี.ค. 50 14:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากค่ะ ถ้าได้ไปจะทำหนังสือขอบคุณอีกทีนะคะ อิอิ จากคุณ : friday (friday) - [ 4 มี.ค. 50 21:56:32 ]