ความคิดเห็นที่ 1 จองตั๋วเครื่องบินกับไทยแอร์เอเชีย การเดินทางครั้งนี้แน่นอนว่า เดินทางกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย แต่ไม่ทันได้จองโปรโมชั่น 1 บาทเนื่องด้วยตอนที่ออกโปรโมชั่น 1 บาทเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549 ตัวผมเองยังไม่มีความชัดเจนเรื่องอนาคตว่าจะได้ทำงานหรือเรียนต่อ อีกทั้งตอนนั้นมัวแต่เล็งไปมาเก๊า จนลืมไปว่า จริงๆ สถานที่ที่คุณพ่อ-คุณแม่ ผมอยากไปมากกว่า ก็คือ พม่า แต่รอบ 1 บาทผมเองก็จองเองบินเองไปหลายรายการครับ อย่างทริปภูเก็ต เกาะหลีเป๊ะ-นราธิวาส รวมไปถึงทริปใหญ่อย่างโกตาคินาบาลู จนกระทั่งต้นเดือนพฤศจิกายน ไทยแอร์เอเชียออกโปร 355 บาทมาซึ่งก็ถือว่าโอเคแล้วหล่ะสำหรับเส้นทางย่างกุ้ง (ไม่ถูกไม่แพง) ผมก็เลยได้จองกันไป 4 คนรูดปรื๊ดไป 4 คน 11,640 บาท (คนละ 2,910 บาท) ซึ่งตัวเลขแลดูเยอะมาก เพราะได้รวมค่าธรรมเนียมสนามบินสุวรรณภูมิ 700 บาทเข้าไปในตั๋วแล้วนั่นเองครับ แต่ราคานี้ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมขาออกจากสนามบินมิงกาลาดอน ย่างกุ้ง ในเที่ยวขากลับอีก 10 USD/คนนะครับ (อย่าลืมเตรียมธนบัตร 10 USD เอี่ยมๆ ใหม่ๆ ไปจ่ายเขาด้วยนะครับ แบ๊งค์เก่าเขาไม่รับ) ส่วนภาพด้านล่างนี้คือระดับราคาสูงสุดบนเที่ยวบินไปย่างกุ้งของไทยแอร์เอเชียครับ ไป-กลับ ก็ยังถูกกว่าเจ้าอื่นๆ อยู่พอสมควรครับ ^___^ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 03:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วีซ่าพม่า แน่นอนครับว่า การเดินทางสู่พม่า ผู้โดยสารทุกคนจะต้องมีวีซ่าพม่าก่อนออกเดินทาง มิฉะนั้นพนักงานตรงเคาน์เตอร์เช็คอินจะไม่อนุญาตให้โดยสารไปครับ อีกทั้ง ที่ย่างกุ้ง ไม่มีบริการ VISA on arrival ครับ ดังนั้นทุกคนจะต้องทำวีซ่าพม่าให้เรียบร้อยเสียก่อน -- คนไทยสามารถเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศพม่าได้นานสูงสุด 28 วัน (4 สัปดาห์) -- อายุวีซ่าหลังจากที่ได้รับอนุมัติคือ 3 เดือน ดังนั้นกรณีที่เราจองโปร 1 บาทของแอร์เอเชียไปย่างกุ้งไว้นานข้ามปี ก็รอไว้ค่อยช่วงใกล้ๆ ก่อนการเดินทางซัก 1-2 เดือนก็ค่อยทำวีซ่าพม่าก็ได้ครับ วีซ่าจะได้ไม่หมดอายุไปก่อน -- ค่าวีซ่าประเทศพม่าคือ 810 บาท สามารถติดต่อทำได้ที่สถานทูตพม่า ข้างโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ โดยต้องไปติดต่อแต่เช้าๆ เพราะจะมีคนเข้าคิวรอทำวีซ่ากันเยอะพอสมควร โดยจะใช้เวลาทำปกติราว 3 วัน (กรณีต้องการวีซ่าแบบด่วนภายในวันเดียว สามารถทำได้โดยคิดค่าธรรมเนียมรวมราว 1,200 บาท) เอกสารที่ใช้คือ -- พาสปอร์ตที่มีอายุเหลืออยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ณ วันเดินทางออกจากประเทศไทย -- รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้วจำนวน 2 ใบ ว่าแต่... การไปทำวีซ่าพม่าด้วยตนเองฟังดูก็ลำบากน่าดูทีเดียว ดังนั้น การฝากให้บริษัททัวร์ไปทำวีซ่าพม่าให้ก็เป็นเรื่องสะดวกสบาย โดยเพิ่มเงินค่าธรรมเนียมอีกหน่อย เป็นค่าเหนื่อยให้กับเขาหน่ะครับ ซึ่งก็มีหลากหลายบริษัทที่รับทำวีซ่าพม่า โดยเรามีหน้าที่เพียงส่งเอกสารที่ต้องใช้ไปให้เขา แล้วเขาก็จะจัดการให้เราเสร็จสรรพ พร้อมส่งไปรษณีย์แบบลงทะเบียนคืนมาให้เราด้วยครับ แต่ค่าธรรมเนียมที่เขาคิดก็แล้วแต่ความเขี้ยวครับ อย่างครั้งแรกที่ผมไปพม่าเมื่อเดือนกันยายน 2549 ผมใช้บริการของ สวัสดีฮอลิเดย์ รวมชำระค่าวีซ่าไปทั้งสิ้น 960 บาท และเห็นว่าพวกเอเย่นต์แถวๆ ถนนข้าวสารก็รับทำเช่นกัน ราคาที่เคยได้ยินสูงสุดถึง 1,400-1,500 บาท ซึ่งก็อาจจะสูงไปหน่อย สำหรับค่าวีซ่าจริงๆ คือ 810 บาท คราวนี้ผมได้ใช้บริการทำวีซ่าของ บริษัทอิรวดีทราเวล อินเตอร์เนชั่นแนล ครับ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการจัดทัวร์พม่า (พอดีคุณแม่ผมเคยไปกับทัวร์พม่าของบริษัทนี้เมื่อปี 2539 แล้วประทับใจมากๆ ครับ) บริษัทนี้คิดค่าทำวีซ่าพม่าคนละ 1,000 บาทครับ (ก็โอเค) เบอร์โทรศัพท์ 02-5033737 และ 02-5033232 แล้วส่งพาสปอร์ตและเอกสารต่างๆ ไปตามที่อยู่ที่นี่เลยครับ (วงเล็บมุมซองว่า “ทำวีซ่าพม่า” ไปด้วยก็ดีครับ) บริษัทอิรวดีทราเวล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 16/14 เมืองทองธานี บอนด์สตรีท ถ.แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120 เอกสารที่ใช้ก็มี พาสปอร์ต รูปถ่ายสี 2 นิ้ว 2 รูป สำเนาทะเบียนบ้านของแต่ละคน (เพื่อกรอกแบบฟอร์มวีซ่า เพราะสถานทูตต้องการชื่อบิดา และที่อยู่ปัจจุบัน) แล้วก็โอนเงินจำนวน 1,000 บาท/เล่ม ไปด้วยนะครับ (ส่งสำเนาสลิป ATM แนบไปกับพาสปอร์ตด้วยเลยก็ได้) ชื่อบัญชี นางกาญจนา เลี่ยวไพบูลย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแจ้งวัฒนะ บัญชีออมทรัพย์ เลขบัญชี 324-2-83877-0 แล้วอย่าลืมเขียนเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อกลับได้ พร้อมส่งที่อยู่ในการจัดส่งพาสปอร์ตกลับไปด้วยนะครับ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ พาสปอร์ตที่มีวีซ่าพม่าก็จะถูกส่งกลับหาเราทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเป็นที่เรียบร้อยครับ ส่วนใครที่ขี้เกียจวางแผนเที่ยวด้วยตนเอง บริษัทนี้ก็จัดทัวร์ไปพม่าอยู่ตลอดครับ ยังไงก็โทรไปสอบถามกันเองแล้วกันนะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 03:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จองห้องพัก หลังจากที่ มีตั๋วแล้ววีซ่าแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการจองที่พักครับ อย่างที่ผมได้เคยบอกในทริปก่อนว่า สำหรับที่พักในย่างกุ้ง ถ้าหากไม่ได้จองล่วงหน้าทางอินเตอร์เน็ต แต่เลือกที่จะไป walk-in เอง ค่าห้องพักจะสูงกว่าการจองล่วงหน้าพอสมควรครับ อย่างทริปนี้ผมเลือกพักที่โรงแรม Parkroyal และโรงแรม Thamada (ธรรมดา) ทั้งคู่ (เพื่อให้ที่บ้านได้ลองหลายๆ แบบดูครับ) ยังไงก็ลองสำรวจตามเว็บไซต์ที่รับจองโรงแรมก่อนนะครับ อย่างคราวที่แล้วผมจองกับเว็บ Asiarooms.com ได้ราคาห้องพักโรงแรม Thamada ถูกที่สุดคือ 775 บาท แต่คราวนี้พอไปเช็คดู แม่เจ้าราคาพุ่งปรี๊ดไปถึง 28-29 USD/ห้อง ส่วนเว็บของแอร์เอเชีย แลดูเหมือนจะถูก แต่ความจริง พอคีย์ราคารวมแล้ว พบกว่าแพงได้ใจทีเดียวเชียว .... จนกระทั่งผมก็ต้องกลับมาตายรัง จองห้องพักกับปลาหมึก Octopustravel.com ผ่านทางเว็บ HFlight.net หม้อข้าวตัวเอง ซึ่งช่วงเวลาที่ผมจองนี้ ของปลาหมึกถูกที่สุดครับ(ไม่ได้เป็นการโฆษณานะครับ) คือโรงแรม Thamada คืนละ 900-920 บาท และ Parkroyal คืนละ 1,660 – 1,700 บาท แล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนครับ ซึ่งถ้าลองทำรายการจองห้องพักผ่านทางปลาหมึกดู คีย์ข้อมูลเข้าไป ถ้าหากว่า พบข้อความว่า “ยืนยันได้ทันที” ก็แสดงว่าเราได้ห้องพักราคาเท่านี้แน่นอนครับ แต่ถ้าเจอข้อความว่า “รอการติดต่อกลับ” โอกาสที่เราจะได้ห้องพักราคาโปรโมชั่นนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ อยากจะย้ำให้เข้าใจกันก่อนนะครับว่า การจองห้องพักผ่านทางเว็บตัวแทนต่างๆ ผู้ที่ทำการเก็บเงินเราไปคือ เว็บไซต์หลักผู้ให้บริการรับจองโรงแรม อย่างกรณี ผู้ที่จองห้องพักผ่านทางเว็บไซต์ HFlight.net (เว็บตัวแทน) โดยมีผู้ให้บริการคือ Octopustravel.com ทาง Octopustravel.com จะเป็นผู้เก็บเงินที่ลูกค้าได้ทำการจองไว้ทั้งหมดโดยตรง ส่วนการแก้ไขการจอง อาทิเช่นการเปลี่ยนแปลงวันเข้าพักใหม่ ลูกค้าจะติดต่อกับเว็บตัวแทน หรือ เว็บผู้ให้บริการโดยตรง ล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยแต่ละเว็บไซต์จะมีเงื่อนไขในการให้บริการของตนว่า สามารถเปลี่ยนแปลงวันเข้าพักได้หรือไม่ แล้วจะยังได้ราคาที่จองไว้อยู่นี้หรือเปล่า ซึ่งหลังจากที่ลูกค้าได้เข้าพักที่โรงแรมตามที่ได้จองไว้แล้ว ทางเว็บผู้ให้บริการจึงจะส่งค่าคอมมิสชั่น เล็กๆ น้อยๆ ให้กับเว็บตัวแทนครับ ปล. เพียงอยากจะบอกให้เข้าใจถึงระบบการจองห้องพักผ่านเว็บตัวแทน ไม่ว่าเว็บไซต์ไหนก็ตาม อย่างไรแล้ว ถ้าหากรู้สึกไม่สะดวกในการจองผ่ายเว็บตัวแทนก็จองผ่านเว็บผู้ให้บริการตรงๆ เลยจะดีที่สุดครับ แต่ถ้าหากมั่นใจว่าจองแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก ก็จองผ่านเว็บไซต์ตัวแทนก็ได้ ก็เหมือนเป็นการกระจายรายได้ให้กับเว็บตัวแทนนั้นๆ ครับ สืบเนื่องคือว่า ช่วงเดือนมีนาคมเป็นช่วงหน้า High ของการท่องเที่ยวพม่าครับ เพราะว่าไม่มีฝนตกเลย ดังนั้นโรงแรม Thamada จึงคิดราคาห้องพักเพิ่มขึ้นจากปกติ 30 USD เป็น 35 USD (ราคานี้คือราคา walk-in นะครับ) แถมราคาโปรโมชั่นผ่านเน็ต ไม่ว่าเว็บไซต์ใดๆ ก็หายากทีเดียวครับ ดังนั้น การจองห้องพักล่วงหน้าก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ในภาพคือห้องพักของโรงแรม Parkroyal ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เตรียมตัวทำการบ้าน อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน สำหรับการท่องเที่ยวโดยไม่ได้ไปกับทัวร์ ก็คือการทำการบ้านมาล่วงหน้าก่อนการเดินทางครับ หนังสือพม่าดีๆ มีมากมายเลยครับ อย่างทริปนี้ ผมก็ได้หนังสือดีๆ หลายเล่มมาประกอบการทำการบ้าน ทั้งแบบล่วงหน้า และแบบสด อาทิเช่น -- หน้าต่างสู่โลกกว้าง : พม่า สาธารณรัฐเมียนมาร์ -- สะพายเป้ไปพม่า โดยคุณผึ้ง beebah (เล่มนี้ดีทีเดียวครับ ช่วยๆ อุดหนุนกัน เห็นหลายๆ คนก็พกเล่มนี้ไปอ่านที่พม่า) -- ต้นทางจากมะละแหม่ง โดยคุณองค์ บรรจุน (แพรวสำนักพิมพ์ในเครืออมรินทร์) รวมไปถึงหนังสือเล่มอื่นๆ อาทิเช่น ท่องเจดีย์ไพรในพุกามประเทศ ของคุณธีรภาพ โลหิตกุล หรือหนังสือ พม่าคราหนึ่ง ก็ดีครับ (เล่มหลังๆ นี้ไปยืนอ่านแบบลักจำที่ร้านแพร่พิทยาเป็นประจำ อิอิ) รวมไปถึงการทำการบ้านก็ตามเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าข้อมูลเรื่องพม่าก็มีมามากพอสมควรแล้ว หลังจากที่ไทยแอร์เอเชียเปิดเส้นทางการบิน กรุงเทพ-พม่า อย่างตัวผมเองก็ได้ไปตอนที่เปิดเส้นทางการบินได้ไม่ถึง 1 เดือนยังไงก็ลองไปอ่านๆ ดูเป็นแนวทางในการท่องเที่ยวก่อนแล้วกันนะครับ การแลกเงิน ช่วงนี้ก็เป็นโอกาสอันดีครับที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้การท่องเที่ยวไปในประเทศที่ใช้เงินดอลล่าร์สหรัฐ (USD) ประหยัดลงไปได้อีกพอสมควรทีเดียว (อาทิเช่น พม่า ลาว กัมพูชา) ก็แลกเงินไปให้เพียงพอนะครับ เพราะว่าในประเทศพม่าสามารถใช้บัตรเครดิตได้ เฉพาะของ VISA เท่านั้น (ส่วน Mastercard, JCB, AMEX ฯลฯ ใช้ไม่ได้ครับ) และยังมีค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรเครดิตอีกราวๆ 3-5% ครับ สิ่งที่สำคัญมากๆ ในการแลกเงินคือ พยายามเอาธนบัตรใบใหม่ๆ ไป เพราะว่าธนาคารแห่งชาติพม่าจะไม่ยอมรับเงิน USD ที่เก่าๆ สกปรกๆ ดูเยินๆ จึงทำให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นโรงแรม หรือแท๊กซี่ แม้แต่สนามบิน จะปฏิเสธธนบัตรที่แลดูเก่าทั้งสิ้นครับ ธนบัตรเก่าๆ จึงไร้ค่าไปเลยเมื่ออยู่ในพม่า และควรแลกเงินเป็นธนบัตรใบเล็กๆ ขนาด 10 – 20 USD ก็ดีครับเพื่อใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น พอไปถึงย่างกุ้งก็ค่อยไปแลกเงินเป็นเงินจ๊าต ที่ตลาด Bogyoke ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยน 1 USD = 1,250 จ๊าต ในช่วงไฮซีซั่น และ 1,300 จ๊าต ในช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งเงินจ๊าตที่ได้รับมาจะมีปริมาณมากๆ ดังนั้นเตรียมกระเป๋าสำหรับใส่เงินจ๊าตไปด้วยก็จะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งอื่นๆ ที่ต้องเตรียมไปเพิ่มเติม เนื่องด้วยการเดินทางด้วยรถแท๊กซี่ในย่างกุ้ง หรือไปเมืองอื่นๆ อาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายนัก เนื่องด้วยแท๊กซี่จำนวนมากจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ ดังนั้นก็ต้องเปิดกระจกรถทุกบานไปตลอดทาง ดังนั้นผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือแพ้ฝุ่นควรที่จะหา mask ปิดจมูกและปากด้วย อย่างฝุ่นที่ถนนในหงสาวดี ซึ่งตอนนี้กำลังทำถนนอยู่ จะมากทีเดียวครับ ส่วนเรื่องอาหารการกิน แม้จะพยายามระมัดระวัง แต่โอกาสที่จะเกิดการท้องเสียก็เป็นไปได้ครับ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมยาแก้ท้องเสีย อย่างพวก Disento ก็จะดีมากๆ ครับเพราะประสบการณ์ของผม พอรู้สึกว่าท้องเสียปุ๊บ Disento เม็ดเดียวเอาอยู่หมัดครับ และรองเท้าที่ใช้ควรจะใช้รองเท้าแตะที่สวมใส่ง่าย ถอดง่าย เพราะการท่องเที่ยวในพม่าจะต้องมีการเข้าวัด ซึ่งจะต้องถอดรองเท้าตลอด และควรเตรียมถุงพลาสติกสำหรับใส่รองเท้าไปด้วยครับ พอถอดแล้วก็ใส่ถุงที่เตรียมมาเอง แล้วก็ยัดใส่กระเป๋าเป้ไปเลยครับ สำหรับท่านที่จะไปไจท์ทิโย (พระธาตุอินทร์แขวน) กรณีจะขึ้นไปนอนบนนั้น พยายามนำสัมภาระไปให้น้อยที่สุดก็ดีครับ ส่วนถ้ามีสัมภาระมาก แนะนำว่านอนที่คินปุนจะสะดวกสบายกว่า และอย่าลืมเสื้อกันหนาวนะครับ เพราะอากาศช่วงเช้าๆ จะค่อนข้างหนาวทีเดียวครับ ส่วนเรื่องการถ่ายภาพ สามารถพกขาตั้งกล้อง (tripods) ไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆ วัดวาอารามได้ครับ เพื่อความคมชัดของภาพที่มากขึ้น และจะถ่ายรูปหมู่ รูปครอบครัวก็ทำได้สะดวกทีเดียว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พร้อมแล้วก็ไปพม่ากันเลยนะครับ ในตอนที่ 1 นี้ผมจะกล่าวถึงแค่การตะลุยย่างกุ้งในวันแรกเท่านั้นนะครับ เพื่อกระทู้จะได้ไม่ยาวจนเกินไปครับ วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2550 ก่อนเดินทาง คุณพ่อ-คุณแม่-น้องสาวผม ได้เดินทางมาจากเชียงใหม่กับเจ้าหางแดงลงที่สุวรรณภูมิ แล้วก็มาค้างคืนกันที่กรุงเทพก่อน 1 คืน ส่วนตัวผมก็ก็ว้าวุ่นทีเดียว เพราะว่าเป็นวันสอบวันสุดท้าย และจะต้องเก็บข้าวของออกจากกำแพงแสน (อาจจะไม่ได้กลับมาอีกนานเลยหล่ะ) กว่าจะได้มาเจอกันก็ค่ำมืด แล้วก็ต้องตื่นกันแต่เช้า ตั้งแต่ตี 3 กว่าๆ เพื่อออกเดินทางจากที่พัก ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เราใช้เวลาเดินทางจากที่พักที่คุรุสภา ถึงอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ ผ่านทางถนนพระราม 9 ลอดใต้ทางด่วนตอนช่วงตี 4 ใช้เวลาเดินทางเพียง 32 นาทีเท่านั้น หมดค่ามิเตอร์ไป 213 บาท ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันนัก สำหรับค่ามิเตอร์ที่เรียกจากคุรุสภา ไปยังสนามบินดอนเมือง พอถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ตรงไปเช็คอินกันที่เคาน์เตอร์เดิม คือ Row E หมายเลข 16-17 ซึ่งเคาน์เตอร์กำลังเปิดพอดี โดยจะเปิดเรียงตามลำดับเที่ยวบินที่ออกเดินทาง ไฟล์ทไหนออกเดินทางก่อนก็จะอยู่ทางด้านขวา ไล่ไปทางซ้ายเรื่อยๆ 7.00 น. FD3612 กรุงเทพ – พนมเปญ เคาน์เตอร์ Row E9-10 เคาน์เตอร์เปิด 5.00 น. 7.05 น. FD3501 กรุงเทพ – สิงคโปร์ เคาน์เตอร์ Row E11-12 7.10 น. FD3571 กรุงเทพ – กัวลาลัมเปอร์ เคาน์เตอร์ Row E 14-15 7.15 น. FD3770 กรุงเทพ – ย่างกุ้ง เคาน์เตอร์ Row E 16-17 7.25 น. FD3543 กรุงเทพ – ปีนัง เคาน์เตอร์ Row E 18-19 ถ้ามาถึงก่อนตี 5 ก็ไปเข้าคิวรอได้เลยนะครับ สำหรับย่างกุ้งก็ Row E16 – 17 ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมอยากจะแนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้หลีกเลี่ยงการต่อแถวที่มีฝรั่งต่อคิวกันเยอะๆ เพราะปกติแถวจะไปค่อนข้างช้ามากๆ เนื่องด้วยสัมภาระของฝรั่งค่อนข้างเยอะ แล้วก็จะถูกปรับค่าน้ำหนักเกินกัน กว่าจะทำเรื่องเสร็จก็เสียเวลากันพอดู โดยหลังจากที่พบว่าน้ำหนักกระเป๋าเกิน ผู้โดยสารจะต้องไปชำระค่าน้ำหนักเกินที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชีย สีแดงๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ประตูทางเข้าอาคารหมายเลข 2 (เดินย้อนกลับไป) แล้วก็กลับมาพนักงานจึงจะออกบอร์ดดิ้งพาสให้ อย่างวันนี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมพนักงานถึงได้เขี้ยวเหลือเกิน? คนที่ต่อคิวก่อนหน้าผมเป็นคุณป้าชาวพม่า อายุก็มากแล้วเดินทางคนเดียว น้ำหนักสัมภาระเกินไป 3 กิโลกรัม คราวนี้ไม่มีหยวนเลยแฮะ แล้วแถวก็ขยับไปช้ามาก ผมก็เริ่มใจเย็นๆ  จนกระทั่งถึงคิวผม ผมก็ยกกระเป๋าทั้ง 6 ใบขึ้นบนสายพานตามปกติ อย่างที่ทำเป็นประจำ (บินหางแดงจนจะครบร้อยไฟล์ทแล้ว) พนักงานหันมามองหน้าผม แล้วบอกว่า ขอให้ชั่งน้ำหนักทีละใบได้ไหมครับ? สรุปว่าน้ำหนักกระเป๋าเรา 4 คนรวมกันแค่ 43 กิโลกรัมเอง ว่าแล้วยังอยากจะร่วมแชร์น้ำหนักกับคุณป้าพม่าด้วยเลย สงสารแก แกก็อายุมากแล้ว ฮ่วย ผมมาทราบในภายหลังในวันที่ส่งคุณพ่อ-คุณแม่-น้องสาวกลับเชียงใหม่ว่า ช่วงนี้พนักงานแอร์เอเชียจะค่อนข้างเข้มมวดมาก เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้โดยสารชาวต่างชาติ โดยสมัยก่อนได้มีการอะลุ่มอะหล่วยให้แล้ว แต่พอไม่ยอมอะลุ่มอะหล่วยก็โดนว่า จึงทำให้มีคำสั่งให้เข้มมวดกับเรื่องน้ำหนักกระเป๋ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมคือไม่มีการอะลุ่มอะหล่วยให้อีกแล้ว โดย ผู้โดยสาร 1 คนสามารถโหลดกระเป๋าได้คนละ 15 กิโลกรัม (พอหยวนได้มากสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม แต่ถ้าเกินกว่านี้ยังไงก็ต้องจ่าย) โดยโหลดทีละใบ เพื่อพนักงานจะบวกน้ำหนักสัมภาระแต่ละชึ้น แล้วจะถามว่า ชิ้นนี้เป็นของใคร? ถ้าหากเกิน พนักงานจะร้องขอว่าชิ้นไหนถ้าสามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ก็หิ้วขึ้นเครื่องไปจะดีกว่าครับ (ยกเว้นสัมภาระชิ้นที่ใหญ่มากๆ จะถูกโหลดลงใต้ท้องเครื่องแบบไม่มี Tag ติดซึ่งถ้ากระเป๋าหาย สายการบินก็จะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น) ปกติแล้ว ผู้โดยสารจะโดนปรับค่าน้ำหนักสัมภาระส่วนที่เกินมา เที่ยวบินภายในประเทศ กิโลกรัมละ 86 บาท ส่วนระหว่างประเทศกิโลกรัมละ 140 บาท แต่ถ้าพนักงานยอมอะลุ่มอะหล่วยให้ พนักงานจะถูกตัดเงินเดือน 2,500 บาท/ผู้โดยสาร 1 คนครับ ยังไงก็รบกวนช่วยเห็นใจพนักงานหน่อยแล้วกันนะครับ ^____^ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อได้รับบอร์ดดิ้งพาส และใบ ตม. มาแล้ว กรอกให้เรียบร้อยก่อนเข้า ตม. แต่เอ๊ะ วันนี้เหมือนอะไรเปลี่ยนแปลงไป เราไม่ต้องควักเงิน 500 บาทแล้วนี่นา เพราะได้ชำระ 700 บาทรวมกันไปในตั๋วแล้ว วันนี้ไฟล์ทย่างกุ้งขึ้นเครื่องที่ Gate F2 ครับ ดีใจจังวันนี้หางแดงไฟล์ทเช้าก็เทียบงวงด้วย ก็ตรงเข้าไป เจอ ตม. น่ารักมากๆ พอดีเข้าคิวแถวเดียวกันทั้งครอบครัว ก็เลยทักทายว่าไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวเหรอ ดีจังเลย บลาๆ น่ารักดีครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หลังจากที่ไปถ่ายภาพมุมบังคับของสุวรรณภูมิที่ตำนานการกวนเกษียรสมุทรแล้วก็ตรงไปยัง Gate F2 เจอน้องคาราบาวแดงจอดอยู่ โอ้แม่เจ้า ....  เป็นครั้งแรกที่ผมได้ใช้งวงกะหางแดง ที่สุวรรณภูมิเลยนะนี่  ไม่นานผู้โดยสารก็ลงกันเต็ม และนักบิน ลูกเรือก็เดินกันมา พอดีผมเจอพี่หัวหน้าลูกเรือที่เคยเจอกันมาก่อน ก็เลยได้ทักทายกัน ซึ่งต้องขอบคุณในน้ำใจอันดีของพี่หัวหน้าลูกเรือด้วยนะครับ เมื่อทุกคนได้ยินเสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่อง กิจกรรมการเล่นเก้าอี้ดนตรีก็เริ่มขึ้นฝุ่นตลบ และคุณแม่ผมก็ได้ขึ้นเครื่องคนแรกสมใจอยาก (เรื่องแย่งที่นั่งนี่ขอให้บอก ไม่เคยเป็นรองใคร ^___^ ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ก่อนที่จะขึ้นเครื่อง ตอนแรกลักษณะ Gate F2 เป็นคอกกักอยู่แล้ว ตอนที่มาถึง Gate พนักงานได้ฉีกสลิปบอร์ดดิ้งพาสไปเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ตอนขึ้นเครื่อง ผู้โดยสารต้องแสดงบอร์ดดิ้งพาสส่วนที่เหลือ และพาสปอร์ต เปิดหน้าที่มีชื่อ ให้พนักงานได้ตรวจสอบว่า เป็นตัวจริง ไม่ใช่ nominee มาบินนะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันเดินทาง : วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2550 เที่ยวบิน : FD3770 กรุงเทพ-ย่างกุ้ง เครื่องบิน : โบอิ้ง 737-300 ทะเบียน HS-AAN (คาราบาวแดง) เวลาออกเดินทางตามตาราง : 7.15 – 8.00 น. เวลาออกเดินทางจริง : 7.21 – 8.19 น. เวลาเดินทางบนอากาศ : 58 นาที (Takeoff RWY 19R) จำนวนผู้โดยสาร : 143 คนจาก 148 ที่นั่ง (เกือบเต็ม!!) ราคาค่าโดยสาร : โปรโมชั่น 355 บาท รวมภาษีไป-กลับ 2,910 บาท + 10 USD พอดีว่าผมไม่ได้นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เพราะผู้โดยสารไฟล์ทนี้เกือบๆ จะเต็มลำพอดี ก็เลยไม่ได้ถ่ายภาพอะไรเป็นพิเศษครับ พอเครื่องไต่ระดับได้ ลูกเรือก็แจกแบบฟอร์มเข้าประเทศพม่า ซึ่งผมก็ต้องรับหน้าที่กรอกให้กับทุกคน แค่นี้ก็ใช้เวลาไปเยอะแล้วหล่ะครับ แต่ก็ไม่ลืมที่จะสั่งไมโลร้อนมาดื่ม (30 บาท) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ด้วยระยะทางการบินไกลกว่าบิน กรุงเทพ-เชียงใหม่ นิดเดียว เวลา 8.15 น. ตามเวลาในพม่าซึ่งช้ากว่าเวลาไทย 30 นาที เราก็ได้เดินทางมาถึงท่าอากาศยานมิงกาลาดอน นครย่างกุ้ง ประเทศพม่าครับ หลังจากที่ลงจากเครื่อง ขึ้นรถบัส(ของเก่าจากญี่ปุ่น) แล้วก็ตรงเข้าสู่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่เลย ก็จะมองเห็นงวงกระจก 4 งวงอยู่ อลังการมากๆ (น่าจะเปิดใช้งานในส่วนขาออกได้อีกราว 2-3 เดือนข้างหน้านี้นะครับ ตอนนี้ใช้แค่ส่วนขาเข้า) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ซึ่งเมื่อเข้าไปในส่วนขาเข้าในอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ อลังการดีจริงๆ ครับ แว๊บเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำแลดูไฮโซอย่างสยามพารากอนเลยทีเดียว จากนั้นตรงเข้าไปเคาน์เตอร์ ตม. สำหรับชาวต่างชาติได้เลย ก็ไม่นานเท่าไหร่ครับ ระหว่างรอเข้าคิว ตม. ก็สังเกตเห็นได้เลยว่า ผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทย จะพกหนังสือ “สะพายเป้ไปพม่า” ของเจ๊ผึ้ง Beebah กันมากมายทีเดียว เห็นอยู่หลายเล่มครับ (น่าชื่นใจแทนคุณผึ้งจริงๆ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อได้รับการประทับตราแล้วเราก็ออกไปรับกระเป๋าตรงสายพาน ซึ่งมีอยู่ 3 สายพานครับ ส่วนด่านศุลกากร รู้สึกตอนนี้ก็ไม่ค่อยเขี้ยวมากครับ (เมื่อเทียบกับคราวก่อน ที่แทบจะเปิดกระเป๋าทุกใบเลย) ก็เข้าช่องเขียว nothing to declare เช่นเคยตามปกติครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ออกไปก็จะพบกับผู้คนมากมาย แล้วก็เคาน์เตอร์แท๊กซี่ แต่ก่อนที่เราจะเดินไปถึงเคาน์เตอร์แท๊กซี่ ก็จะเจอคนเข้ามาประกบตัว แล้วก็ถามว่าเราจะไปไหนแล้วหล่ะครับ .... ทุกคนคิดราคา 6 USD ฮร่วยแพงเกิน ต่อเหลือ 5 ก็ไม่ยอม บอกว่าแถวๆ นี้ทุกคนคิด 6 USD หมดแหล่ะ ไม่เชื่อยูไปเดินหาได้เลย ผมก็ใช้เวลาเดินหาอยู่พักหนึ่ง ตรงเคาน์เตอร์ก็ 6 USD ตรงนอกอาคาร พอต่อเหลือ 5 USD ก็ไม่ยอม จนรู้สึกมีกระทาชายนายหนึ่งยอม 5 USD ก็เลยได้ไปซะที จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่.... รถเข็นกระเป๋าไม่สามารถนำออกนอกตัวอาคารได้นะครับ ก็เลยต้องแบกสัมภาระไปรอกันตรงฟุตบาทตรงหน้าอาคาร แป๊บเดียวรถก็มารับ ตอนนี้ก็มีเด็กๆ มายืนด้วย มาทักทาย (คือจะมาช่วยยกกระเป๋าแล้วก็ขอทิป แต่ตรูไม่ให้เฟ้ย)  รถแท๊กซี่พม่าก็อย่างที่เคยเห็นในกระทู้ก่อนๆ หน่ะครับ คือ หลายๆ คัน โทรมได้ใจ และเหมือนย้อนยุคซัก 30-40 ปี จนไม่น่าเชื่อว่า รถแบบนี้ก็ยังวิ่งได้อยู่อีก ปล. ในภาพนี้จะเห็นทางซ้ายของภาพ เด็กพยายามจะมาช่วยยกกระเป๋า และเปิดประตูรถให้ บริการสุดชีวิตเพื่อขอทิป จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คืนแรกที่ย่างกุ้ง เราเลือกพักที่โรงแรม Parkroyal ครับ (เดิมคือ Grand Plaza Park Royal แต่รู้สึกจะเปลี่ยนเชนใหม่เหลือชื่อแค่ Parkroyal เฉยๆ ครับ) ก็จองผ่านปลาหมึกทางเว็บหม้อข้าวตัวเอง ได้มา 1,700 บาท/ห้อง/คืน ก็ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินราวๆ 20 นาทีก็มาถึงแล้ว เช็คอินโดยใช้ Voucher ที่ print มาเรียบร้อย แล้วก็มานั่งรอ พลางจิบ Welcome Drink เบาๆ (เป็นน้ำแตงโมเย็นฉ่ำ) แล้วก็เซ็นต์ชื่อในใบเช็คอินก่อนที่จะได้คีย์การ์ดห้องพักมา พนักงานก็เอากระเป๋ามาส่งถึงห้องพัก แน่นอนครับว่าที่ Parkroyal ห้องพักใหญ่โตเท่ากับแมวดิ้นตาย เตียงนอนก็ใหญ่มากๆ หรูหราอลังการดี แต่ใครคิดจะนอนห้องละ 4 คนหล่ะหมดสิทธิ์ครับ เพราะสามารถนอนได้สูงสุดแค่ 3 คน/ห้องเท่านั้น จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตะลุยย่างกุ้ง : ก่อนอื่นก็ต้องไปแลกเงินก่อน พักให้หายเหนื่อยเล็กน้อย ก็ต้องไปแลกเงินดีฝ่า ก็เดินไปที่ตลาด Bogyoke เช่นเดิมครับ ไปหาตลาดมืด ที่ย้ำว่ามืดจริงๆ ลุงคนเดิมก็ยืนอยู่แล้ว แกไม่ต้องกวักมือเรียกหรอก ผมเดินไปหาแกเอง แล้วก็ถามว่า ลุงมีโป๊ไรบ้าง เอ้ย ไม่ใช่ .... วันนี้ลุงแกคิดอัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 USD = 1,250 จ๊าต แกให้เหตุผลว่าช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น เดี๋ยวพออีกซัก 3 เดือนราวๆ เดือนมิถุนายน อัตราแลกเปลี่ยนจะร่วงลงเป็น 1 USD = 1,300 จ๊าต เพราะเป็นช่วงโลว์นั่นเอง แต่เนื่องด้วย ค่าเงินบาทของเราก็แข็งตัวขึ้น จากครั้งก่อนที่ผมได้มา (ตอนนั้นยัง 37 บาทกว่าๆ / ดอลล่าร์สหรัฐ) ดังนั้นสูตรค่าแลกเปลี่ยนของผมก็ยังใช้ได้อยู่ ประมาณนี้ครับ 100 จ๊าต = 3 บาท 200 จ๊าต = 6 บาท 500 จ๊าต = 15 บาท 1,000 จ๊าต = 30 บาท 1,500 จ๊าต = 45 บาท 20,000 จ๊าต = 600 บาท ผมก็เลยแลกกับแกไป 100 USD ซึ่งแน่นอนครับว่า สามารถใช้ธนบัตรเอี่ยมๆ 100 USD แลกทีเดียวได้เงินมาเป็นฟ่อนๆๆ 125,000 จ๊าต (ธนบัตร 1,000 จ๊าต จำนวน 125 ใบ นับก่อนนะครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 04:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วก็ไปหารถแท๊กซี่ที่จะเหมาไปเที่ยว ซึ่งในย่างกุ้งก็จะมีคิวรถแท๊กซี่มากมายทีเดียวเชียวครับ ตอนแรกผมเลือกถามตรงคิวรถแท๊กซี่หน้าโรงแรม Thamada ก่อน คราวนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเข้าใจผิดกัน ผมก็เลยเข้าไปในโรงแรม Thamada เพื่อไปขอให้พนักงานช่วยเขียนชื่อสถานที่ต่างๆ จากภาษาอังกฤษ ให้เป็นภาษาพม่า จะได้เข้าใจตรงกัน และใช้ต่อรองราคาได้ง่าย หลังจากที่ผมเดินออกจากโรงแรม Thamada ปุ๊บ ก็มีแท๊กซี่เดินเข้ามาถามครับ ก็มีกระทาชายนายหนึ่ง เดินเข้ามาถาม ผมก็ถามว่า เหมาไปเที่ยวรอบๆ ย่างกุ้งและไปสิเรียมด้วย พี่แกคิดเท่าไหร่? พี่แกตอบว่าคิดชั่วโมงละ 5,000 จ๊าต ไปไหนก็ได้ อื้มม ก็คุ้มครับ ก็เลยตกลงว่าจะเหมาพี่แกซัก 6 ชั่วโมงรวมเวลาจอดรอ ไปให้รอบๆ เลย ตั้งแต่เที่ยงจนถึง 6 โมงเย็น ทั้งหมดก็ 30,000 จ๊าต ถือว่าไม่แพงหรอกเพราะไปสิเรียมด้วยนะครับ แล้วผมก็ได้ถามถึงทริปที่จะไป หงสาวดี-พระธาตุอินทร์แขวน และ เมาะละแหม่ง ซึ่งพี่แกก็ตกลงที่จะไปครับ (ไม่ใช่แท๊กซี่ทุกคันที่จะยอมไปนะครับ เพราะระยะทางค่อนข้างไกลทีเดียว) โดยตอนแรกพี่แกเสนอราคามาวันละ 70 USD ซึ่งก็ถือว่าแพงเหมือนกันแฮะ ก็เลยยังไม่ตกลง ค่อยว่ากันดีกว่า ก็เลยตกลงที่จะไปสิเรียมกันก่อน ส่วนกรณีเหมารถไปแค่หงสาวดี เที่ยวทั้งวันแล้วกลับ ก็ได้ราคา 40 USD ส่วนถ้าเหมาไปพระธาตุอินทร์แขวน (ไจท์ทิโย) แบบวันเดียว (ออกเช้ามืด กลับดึกสุดๆ) คิด 100 USD ถ้าเป็น 2 วัน 1 คืน (ค้างที่คินปุน หรือบนไจท์ทิโย) น่าจะต่อรองราคาได้ 130 USD ได้ไม่ยากครับ แต่พี่แท๊กซี่คนนี้ก็ได้บริการเป็นอย่างดีครับ พูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจนมาก และรู้เรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นอย่างดี แทบไม่ต้องพยายามบอกเลย สมกับที่เป็นคิวรถแท๊กซี่หน้าโรงแรม Thamada ก็โอเคประทับใจดีครับถ้าสนใจก็โทรไปติดต่อ จองคิว ต่อรองราคาไว้ก่อนได้เลย ตามนี้ครับ Ko Ko Lwin (พวกเราเรียกกันว่า คุณโกโก้) เบอร์โทรศัพท์ 09-5183198 (ผมจำรหัสประเทศพม่าไม่ได้นะครับ) ภาพประกอบด้านล่างนี้ คือขั้นตอนการต่อรองเจรจาค่ารถหน่ะครับ ก็เจรจากันตรงกระโปรงหลังรถนี่แหล่ะ แต่ฮาดีครับ คุณพ่อผมถ่ายตอนที่ตาโกโก้กำลังตีหัวผมได้พอดีเลย (มีน้องสาวผมยิ้มร่าอยู่ในภาพ : แต่ขออภัยที่ต้องเซนเซอร์ เพราะ Pantip ค่อนข้าง Mass เกินไปนะครับ ^___^ ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อตกลงกันเรื่องแท๊กซี่เรียบร้อยแล้ว ก็ไปหาอะไรทานกันก่อน พอดีได้รับการแนะนำร้านอาหารจากพี่หนุ่มเมืองกรุง ซึ่งทริปก่อนที่มาได้ไปทาน (แต่ผมกลับกรุงเทพไปก่อนแล้ว) เป็นร้านอาหารไทย ที่อยู่ในซอยฝั่งตรงข้ามกับตลาด Bogyoke พอดี จะเป็นซอยที่ถนนค่อนข้างกว้าง ด้านขวามีอาคารห้องแถวสีเขียวๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เดินไปนิดเดียวก็เจอแล้วหล่ะครับ ชื่อร้านคือ Kitchen Thai Food ราคาอาหารก็ไม่แพงมากสำหรับร้านอาหารติดแอร์ อาหารจานเดียวก็จานละ 1,500 จ๊าต (ราว 45 บาท) ครับ รสชาติก็ใช้ได้ (เห็นว่ากุ๊กคนไทย) แต่ว่าต้องระวังพวกผักต่างๆ บางทีอาจจะล้างไม่สะอาด อาทิเช่นต้นหอม พอเกาะๆ ดูเจอเศษดินอยู่นิดหน่อย เป็นต้น อย่างจานนี้ก็ผัดไทยกุ้งสดครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แต่ร้านนี้ก็น่ารักดีตรงที่ มีของหวานเป็นบัวลอยร้อนๆ แถมปิดท้ายหลังจากที่เช็คบิลไปแล้วด้วย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:11:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พอรับประทานอาหารเสร็จก็ไปเที่ยวกัน ด้วยแท๊กซี่ของตาโกโก้ ตรงสู่เมืองสิเรียม ที่อยู่ห่างจากย่างกุ้งไปราวๆ 32 กิโลเมตรทางทิศใต้ แต่ใช้เวลาเดินทางร่วมๆ เกือบๆ 1 ชั่วโมง ข้ามสะพานยาวๆ จนกระทั่งมาถึงตรงหน้าเกาะกลางน้ำ หรือ เยเลพญา นั่นเอง ซึ่งค่าธรรมเนียมในการเข้าวัดกลางน้ำคือ 2 USD เป็นค่าเรือหางยาว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แต่พอดีคุณพ่อ-คุณแม่ผมไม่ชอบนั่งเรือหางยาว ก็เลยไม่ข้ามไป แต่ดูอยู่ห่างๆ แล้วก็เปลี่ยนใจไปเดินชมตลาดเมืองสิเรียมแทนซึ่งก็ตื่นตาตื่นใจดีครับ เดินตลาดพม่าก็มีสินค้าแปลกๆ มากมาย อารมณ์ย้อนยุคไปซัก 30-40 ปีที่แล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หลังจากเดินเล่นอยู่ไม่นานก็กลับย่างกุ้ง โดยเข้าไปแวะที่วัด Botataung ก่อน แล้วก็จอดรถกินลมชมแม่น้ำย่างกุ้ง ผมเองก็เลยได้เริ่มคุยเรื่องทริป หงสาวดี-พระธาตุอินทร์แขวน (ไจท์ทิโย) – เมาะละแหม่ง ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจจะไป 4 วัน 3 คืน พี่แกเสนอราคามา 250 USD ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว ก็เลยลองแพลนทริปใหม่ หดเหลือ 3 วันก็ได้ราคา 200 USD พอดีครับ ซึ่งผมคิดว่าไม่แพงนะ เพราะเดินทางไปถึงเมาะละแหม่ง ซึ่งอยู่ห่างจากย่างกุ้งราวๆ 189 ไมล์เลย (ระยะทางอาจจะดูไม่ไกล แต่ถนนหนทางขับลำบาก และน้ำมันแพงครับ) แล้วก็ไปแวะเจดีย์สุเล่ ที่อยู่ใจกลางเมือง น้องสาวผมเจอเรียกให้ไปบริจาคสองรอบ ก็เลยไม่ยอมบริจาคแล้ว เพราะปกติทราบว่าบริจาคตอนเข้าวัดครั้งเดียวก็พอแล้ว และควรที่จะแตกธนบัตรให้เป็น 100-200 จ๊าตให้มากๆ เพื่อเวลาทำบุญจะได้สะดวกๆ ครับ แต่ก็ไม่วายที่จะมีเด็กๆ เข้ามาขอเงิน Money Money Money จนคุณแม่ผมเซ็ง บอกว่า “นี่เห็นชั้นเป็นตัวเงินตัวทองรึไงยะ มาขอเงินชั้นอยู่ได้” จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณแม่ผมเริ่มเหนื่อยแล้วหล่ะ เหนื่อยไม่ใช่อะไรหรอกครับ เหนื่อยจากการนั่งรถ และอากาศร้อนมากๆ .... ก็เลยไปส่งให้ไปงีบที่โรงแรมซักหน่อย ส่วนเราสามพ่อลูกก็เดินทางไปต่อ ไปเที่ยววัดพระนอนย่างกุ้ง ซึ่งผมว่าโอเคเลยนะ สวยงาม โดยเฉพาะตรงฝ่าพระบาทที่มีการโค้งเหมือนกับฝ่าเท้าจริงๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วัดพระเขี้ยวแก้ว ที่คราวที่แล้วแทบจะหนีตากล้องเจ้าถิ่นแทบไม่ทัน เหอๆๆ (แต่คราวนี้ไม่เจอ ไม่มีปัญหาอะไรครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แล้วก็วัดสุดท้ายคือ วัดพระหินอ่อน ก่อนที่จะไปหาอะไรซื้อกลับมาทานมื้อเย็น ซึ่งตาโกโก้แกก็ได้แนะนำร้านอาหารพม่าที่อร่อยๆ อยู่ใกล้ๆ กับเจดีย์ชเวดากองพอดี กลับมาถึง 6 โมงเย็นพอดี จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มองจากบนห้องพักชั้น 7 ก็จะเห็นโรงแรม Thamada ที่อยู่ใกล้ๆ กันนั่นเอง ..... วันแรกก็เหนื่อยใช้ได้เลยหล่ะครับ เพราะเดินเยอะ เหนื่อยเดินทางด้วย แต่ผมก็ต้องไปตระเวนหาที่พักในคืนวันที่ 13 เพราะจะต้องนอนย่างกุ้ง ตอนแรกว่าจะไปนอนที่ Beautyland II แต่พอคุณพ่อเห็นบรรยากาศ อารมณ์โรงแรมห้องแถวแบบฮานอย คิดว่ายอมจ่ายราคาเต็มนอนที่ Thamada จะดีกว่า ก็เลยไปจองห้องพักโรงแรม Thamada เพิ่มอีก 1 คืน ในอัตราห้องละ 35 USD (แพงเหมือนกันแฮะ ถ้าจองไปก่อนทางเน็ตก็แค่ 26-28 USD เอง) แล้วก็นอนหลับสบายในเตียงนุ่มนิ่มกว้างขวาง นอนดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่ตกเตียง จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอาเป็นว่าขอจบตอนแรกไว้แต่สั้นๆ นะครับ ^___^ ตามไปเที่ยว หงสาวดี-พระธาตุอินทร์แขวน กันต่อตามลิ๊งค์นี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5235222/E5235222.html จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ้อ ภาพนี้แถมครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่จะไปย่างกุ้ง .... เป็นรายชื่อวัดที่จะไปในย่างกุ้ง แล้วผมก็ขอให้พนักงานช่วยเขียนเป็นภาษาพม่า จะได้เข้าใจตรงกันกับคนขับรถแท๊กซี่มากขึ้นหน่ะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มี.ค. 50 05:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตามดูอยู่นะครับคุณยุ่ง จากคุณ : เด็กชายสีฟ้าตาดำๆ - [ 18 มี.ค. 50 06:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 รายละเอียดพร้อมข้อมูลเยอะดีค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่ายด้วย จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) - [ 18 มี.ค. 50 07:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับผม จากคุณ : 2500turbo - [ 18 มี.ค. 50 08:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สุดยอดละเอียดๆมากๆเลยครับ จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 18 มี.ค. 50 09:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ให้รายละเอียดดีมากๆ เลยครับ.. ไปดูตอนที่ 2 ต่อล่ะครับ จากคุณ : electone - [ 18 มี.ค. 50 10:04:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตามมาดูรูปก่อนครับ เด๋วว่างๆผมจะมาเก็บรายละเอียด น้องยุ่งฯนี่เก่งนะครับ  เที่ยวเก่งจริงๆ  ข้อมูลเพียบ วัยทำงานอย่างพี่เห็นแล้วยังอายเลย จากคุณ : ppomp2003 - [ 18 มี.ค. 50 10:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดูรีวิวแล้วน่าไปสักครั้งนึง   ละเอียดมากครับ..... สักวันจะตามรอยนะครับ......... จากคุณ : Art999. - [ 18 มี.ค. 50 11:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คิดถึงพม่า อยากกลับไปอีก จากคุณ : เจเค..LSKY - [ 18 มี.ค. 50 15:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นเด็กพม่าทาแป้งแล้วนึกถึงหนังเรื่องนเรศวร อิอิ คนพม่านี่รักสวยรักงามนะคะ ทาแป้งหน้านวลเลย จากคุณ : น้องผักอ้วน - [ 18 มี.ค. 50 16:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น้องยุ่งฯ  เดี๋ยวนี้ลดขนาดรีวิวแล้วหรอ  555   พี่ว่า..ตั้งแต่ย้ายสนามบิน ตม.ไทย มนุษยสัมพันธ์ดีขึ้นมากเลยนะ รอโปรฯ ออกมา จะขอตามรอยมั่ง ขอบคุณคร๊าบบบบ จากคุณ : sueko - [ 18 มี.ค. 50 18:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดูกระทู้คุณหมอฯ วันนี้ TITV รายการก่อนถึงจันทร์ก็เอามาให้ชมกันครับ.. รูปใน คห. ที่ 26 ในทีวีเห็นรอยพระบาทเต็มๆเลยครับ.. สวยมากๆ จากคุณ : electone - [ 19 มี.ค. 50 00:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถูกใจท่านผู้ชมขาลุยอีกแว้ววว... จากคุณ : BHU - [ 19 มี.ค. 50 08:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จะตามรอยเท้าน้องยุ่งฯ (อีกแล้ว) เร็ว ๆ นี้ค่ะ @^_^@ จากคุณ : Gorgeous Girl - [ 19 มี.ค. 50 11:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รายงานได้ละเอียดดีมา เอา A ไป ทำให้คนที่ไปทีหลังเบาแรงไปเยอะทีเดียว สงสัยต้องตามรอยซะแล้ว ขอบคุณมาก ๆ จากคุณ : ห้าสิบกะรัต - [ 19 มี.ค. 50 20:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Disento นี่ดีจริงๆนะคะ ใช้ได้ทั้งในคนและสัตว์ เคยใช้ในวัวแล้วได้ผลดีเลยอ่ะค่ะ ไว้ฝึกงานเสร็จ.....ไปตามรอยแน่นอนค่ะ จากคุณ : ลูกสาวมาเฟีย - [ 19 มี.ค. 50 22:03:14 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ยอดเยี่ยมมากครับ จากคุณ : ไรเฟิล - [ 19 มี.ค. 50 23:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สั้นๆง่ายๆคำเดียวเลย..."แจ่มครับ"... ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 มี.ค. 50 01:09:11 ]