PANTIP.COM : E5370529 รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ : อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามัน [SCUBA]

รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ : อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามัน

ลองอ่านดูนะคะ....

อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามัน......โดย วินิจ รังผึ้ง

ใต้ความลึกราว 60-90 ฟุตบริเวณหินริเชลิว กองหินที่มีลักษณะคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมใต้ท้องทะเล ที่ปลายยอดของภูเขาอยู่ปริ่มๆผิวน้ำ ในยามที่น้ำลงต่ำสุดนั่นแหละยอดหินถึงจะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา กองหินริเชลิวแห่งนี้เป็นเสมือนแหล่งรวมของสรรพชีวิตใต้ท้องทะเล เพราะทั่วทั้งภูเขาขนาดย่อมใต้ท้องทะเลแห่งนี้ มีซอกหลืบ โพรงถ้ำให้เป็นที่อาศัยอันสุขสบายของบรรดากุ้ง หอย ปูปลา ปะการัง กัลปังหามากมายหลากหลาย ต่างก็เข้าครอบครองจับจองทำเลที่อยู่อาศัย กลายเป็นวงจรห่วงโซ่อาหาร เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชากรสัตว์น้ำมากมายมารวมตัวกัน และรวมทั้งประชากรนักดำน้ำที่หลั่งไหลมาเยี่ยมชมความงามของโลกใต้ท้องทะเลที่นี่กันมากมายไม่ขาดสาย

ผมกำลังใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการถ่ายภาพปลาการ์ตูนปานดำ หรือปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ที่สีของปลาการ์ตูนชนิดนี้จะออกสีแดงส้มคล้ายกับสีของมะเขือเทศสุก มีจุดดำข้างลำตัวค่อนไปบนหลัง ปลาการ์ตูนนั้นแม้นจะเป็นปลาที่พบเห็นกันได้ง่ายในแหล่งดำน้ำต่างๆ จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นปลาสามัญประจำบ้านก็ว่าได้ แต่การจะถ่ายภาพปลาการ์ตูนให้สวยงามนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก เพราะเจ้าปลาการ์ตูนตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่ในกอดอกไม้ทะเลนั้นมักจะว่ายไปว่ายมาไม่ค่อยได้อยู่นิ่ง การถ่ายภาพจึงต้องใช้สมาธิสูง ใช้การรอคอยจับจังหวะที่สวยงามเพียงเสี้ยววินาทีในการกดชัตเตอร์ ซึ่งบริเวณที่ผมนั่งคุกเข่าอยู่นั้นเป็นลานทรายและลานซากปะการังที่แตกหัก โดยมีก้อนหินที่มีดอกไม้ทะเลหลายกอและมีปลาการ์ตูนหลายครอบครัวอาศัยอยู่ เรามักเรียกบริเวณนี้กันว่า “ลานปลาการ์ตูน”

ขณะที่ผมกำลังเฝ้ารออย่างสงบนิ่งเพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามอยู่นั้น ฉับพลันก็มีความรู้สึกว่าเหมือนถูกใครมาดึงขอบบีซีที่ด้านหลัง ครั้งแรกนึกว่าเป็นเพื่อนฝูงที่เข้ามาเรียกให้ไปดูอะไรดีๆที่ไปพบเจอเข้า แต่เมื่อหันไปก็พบฝรั่งหน้าตาดุดันใช้มือชี้มาที่ผมแล้วชี้ไปที่หัวตัวเองทำนองเหมือนกำลังจะสั่งให้ผมออกมาจากลานปลาการ์ตูนเดี๋ยวนี้ และเหมือนจะบอกผมว่า "กำลังทำอะไรให้ใช้สมองคิดดูเสียบ้าง" อะไรทำนองนั้น ผมก็มองสำรวจตัวเองอีกครั้งว่าผมไปโดนปะการัง ไปทำอะไรให้เกิดความเสียหายหรือเปล่า หรือไปรบกวนปลาการ์ตูนมากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งเมื่อทบทวนอีกครั้งก็ยิ่งมั่นใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นทราย สองมือถือกล้องมือไม้ก็ไม่ได้ไปจับ ไปเกาะ หรือไปสัมผัสอะไรเลยแม้แต่น้อย และผมก็ทำงานใต้น้ำมาเกือบ 20 ปี มีทักษะมีความเชี่ยวชาญชำนาญและศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสรรพชีวิตใต้ท้องทะเลไทยมาจนรู้จักและผูกพันกับท้องทะเลไทยของผมมาเป็นอย่างดี ชนิดที่ว่าโลกใต้น้ำเป็นออฟฟิศหนึ่งของผมเลยทีเดียว

เมื่อสำรวจตัวเองว่าไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ผมก็มองหน้าฝรั่งอันธพาลกลับไป แล้วโบกมือให้ไปๆเสีย ผมจะทำงานของผมต่อ ซึ่งผมเองเคยได้ยินได้ฟังเพื่อนนักดำน้ำคนไทยเล่ากันว่าเคยเจอไดฟ์ลีดเดอร์ฝรั่งซึ่งเป็นพวกแก๊งฝรั่งที่แอบเข้ามาทำงาน แอบเข้ามาทำมาหากิน มาทำร้านดำน้ำ มาเป็นไกด์ดำน้ำ มาทำเรือบริการดำน้ำอยู่บนเกาะภูเก็ต ชอบมีพฤติกรรมโชว์ลูกค้านักดำน้ำฝรั่งที่พามา ด้วยการโชว์ว่าตัวเองเป็นนักอนุรักษ์เสียเต็มประดา ด้วยการคอยดึง คอยกระชากนักดำน้ำคนไทย ที่ลงดำน้ำ ไปถ่ายภาพใต้น้ำ แล้วชี้ไม้ชี้มือทำท่าประจานใต้น้ำว่าเข้าใกล้ปะการังมากเกินไปบ้าง รบกวนสัตว์เกินไปบ้าง ไม่อนุรักษ์อย่างพวกฝรั่งหัวแดงเช่นพวกตน เหมือนจะย่ำยีดูถูกนักดำน้ำคนไทยว่าต่ำช้าไร้การศึกษาล้าหลังอะไรทำนองนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่นึกว่าจะมาเจอเข้ากับตัวเองในครั้งนี้

เรื่องน่าจะจบเพียงเท่านั้น เพราะเมื่อมาสะกิด(กระชาก)เตือนกัน แล้วผมก็โบกมือไล่ให้ไปๆเสีย "ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรน่า!" อะไรทำนองนั้น แล้วผมก็ทำท่าไม่สนใจเตรียมหันกลับไปยกกล้องเล็งเจ้าปลาการ์ตูนเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันต่อ เจ้าฝรั่งอันธพาลที่น่าจะเป็นไดฟ์ลีดเดอร์ของฝรั่งกลุ่มที่ลอยตัวกันอยู่ห่างๆอีก 5 คนคงรู้สึกผิดหวัง ที่แสดงอาการชี้หน้าดูถูกนักดำน้ำคนไทยให้พรรคพวกดูแล้ว แทนที่จะกลัวลานแล้วหนีไปให้พ้นๆ เสีย แต่กลับถูกโบกมือไล่อย่างไม่แยแส คงจะเป็นการเสียหน้ามาก

เจ้าฝรั่งอันธพาลไม่รู้จะทำอย่างไรจึงควักมีดพกปลายแหลมสีขาววาววับขนาดยาวราว 3 นิ้วออกมาทำท่าขู่ผมอีกว่าถ้าไม่ลุกขึ้นมา จะใช้มีดตัดสายท่ออากาศผม และทำท่าขู่จะทำร้ายผมด้วยมีดเล่มนั้น แม้อุณหภูมิของน้ำยามนั้นจะเย็นยะเยือกเกือบ 25 องศาเซลเซียส แต่อารมณ์ผมกลับเดือนพล่านขึ้นมาทันที มีดปลายแหลมสีเงินวาววับที่กวัดแกว่งขู่ผมอยู่แค่คอหอยนั้นถูกอารมณ์ที่เดือดพล่านเผาผลาญมันเหลือค่าเท่าไม้จิ้มฟัน ผมพยายามควบคุมความโกรธที่ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีอย่างก้าวร้าวเช่นนั้น แล้วมองหน้าผู้รุกรานอย่างเย็นชาพร้อมกับโบกมือไล่ไปไกลๆด้วยอาการไม่แยแส เหมือนจะบอกว่า "เก็บไว้ยัดก้นคุณเถอะครับ ผมไม่กลัวหรอก"

เมื่อแสดงการดึงผมขึ้นมาไม่สำเร็จ แล้วถึงกับลงทุนชักมีดออกมาขู่ผมก็ยังไม่กลัว ที่สุดก็ไม่รู้จะทำอย่างไรจำต้องเก็บมีดกลับเข้าฝัก และอาจจะด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไรผมดี จึงยื่นมือมาปัดหน้ากากดำน้ำของผมแล้วว่ายหนีจากไป ผมคว้าหน้ากากดำน้ำมาสวมแล้วเคลียร์น้ำออกจากหน้ากากจนเห็นภาพได้ชัดเจน แล้วรีบว่ายตามติดกลุ่มฝรั่งขึ้นมาทันที เลิกถ่ายกันแล้วครับเมื่อทำกันถึงขนาดนี้ ผมลอยตัวตามกลุ่มฝรั่งอันธพาลขึ้นมาจนถึงผิวน้ำ ให้สัญญาณเรียกเรือยางมารับ จากนั้นก็เอาเรือยางตามไปที่เรือ South Siam 4 ซึ่งเป็นเรือบริการดำน้ำที่ฝรั่งกลุ่มนี้ใช้บริการในทันที เมื่อไปถึงก็เล่าเหตุการณ์ให้ผู้จัดการเรือซึ่งเป็นคนไทยฟังแล้วขอพบตัวเจ้าฝรั่งพฤติกรรมกักขฬะคนดังกล่าวซึ่งทางเรือแจ้งว่าไม่ใช่ไดฟ์ลีดเดอร์แต่เป็นลูกทัวร์คนหนึ่งและคงเห็นอาการของผมที่ค่อนข้างจะมีอารมณ์ จึงขอร้องให้ผมกลับไปถอดชุดดำน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือก่อนแล้วค่อยกลับมาอีกครั้ง ซึ่งทางเขาเองก็จะสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วรับจะว่ากล่าวตักเตือนฝรั่งที่ทำพฤติกรรมเลวๆ เช่นนั้นเอง

ผมกลับมาที่เรือถอดชุดดำน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็พอดีเพื่อนๆกลับขึ้นมาจากใต้น้ำพอดี พอรู้เรื่องเข้า เลือดความเป็นไทยก็ขึ้นหน้าต่างบอกรอด้วยจะขึ้นไปฉะกับฝรั่งให้รู้กันไปข้าง ไม่นานนักพรรคพวกก็ตามกันมาเต็มลำเรือ ตรงไปที่เรือลำดังกล่าวอีกครั้ง จากนั้นจึงเรียกให้ฝรั่งจอมซ่าลงมาพูดคุย ซึ่งก็ต้องเรียกกันอยู่นานกว่าจะยอมลงมาพูดคุยกันได้ เห็นพวกเราเอาจริงเอาจังเข้า มาดกร้าวร้าวดุดันที่เห็นใต้น้ำเมื่อครู่นั้นไม่รู้จมหายไปไหนหมด เหลือแต่หน้าซีดๆ ตาขาวๆ เมื่อถูกถามว่าทำอะไรลงไป รู้หรือไม่ว่าการใช้อาวุธข่มขู่และการดึงอุปกรณ์ปัดหน้ากากดำน้ำใต้ความลึก 60-70 ฟุต เช่นนั้นเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง เพราะนักดำน้ำอาจจะตื่นตระหนกทะลึ่งพรวดขึ้นมาสู่ผิวน้ำในทันทีทันใดซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิต การกระทำเช่นนั้นอาจจะโดนข้อหาพยายามฆ่าตามกฎหมายไทยได้

ฝรั่งตาน้ำข้าวนั่งคอตก อ้ำๆอึ้งๆ อ้างข้างๆ คูๆ ว่าเมื่อ 5 ปีก่อนเคยมาดำน้ำเมืองไทยแล้วเห็นว่ามันสวยงาม มาเห็นตอนนี้มันโทรมลงไปก็เกิดอาการหงุดหงิด และควบคุมอารมณ์ไม่ได้จึงทำอะไรโง่ๆลงไปและเสียใจกับการกระทำนั้น ความเป็นคนไทยชนชาติที่ใจดีมีเมตตา ก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนเมื่อจำเลยสารภาพและสำนึกผิด ก็ได้แต่ว่ากล่าวตักเตือนกันไปว่าอย่าได้มีพฤติกรรมเช่นนี้อีกไม่ว่ากับนักดำน้ำชาติใดภาษาใดและโดยเฉพาะกับนักดำน้ำคนไทย

ไม่รู้จะสำนึกผิดจริงหรือแก้ตัวเอาตัวรอดเท่านั้น เพราะเมื่อตามเช็คกับดูก็รู้ว่าเจ้าฝรั่งพฤติกรรมกร้าวร้าวรายนี้ไม่ใช่เป็นฝรั่งลูกค้าดำน้ำทั่วไป แต่เป็นพวกเข้ามาทำมาหากินที่ภูเก็ต เป็นถึงจีเอ็มร้านดำน้ำชื่อ Water World Asia ขายทัวร์ดำน้ำและพานักดำน้ำไปส่งตามเรือบริการดำน้ำต่างๆ น่าจะอยู่ในเมืองไทยมาหลายปีและพฤติกรรมเช่นนี้ก็อาจจะไม่ใช่ครั้งแรก ความจริงแหล่งดำน้ำระดับโลกอย่างเกาะนับพันของมาเลเซีย หรือประเทศที่มีเป็นหมื่นเกาะอย่างอินโดนีเซียนั้น เขาไม่ยอมให้ฝรั่งเข้าไปทำร้านดำน้ำเข้าไปเกาะกินทรัพยากร จะมีก็เมืองไทยของเราที่มีแหล่งดำน้ำอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ก็ยังปล่อยให้ฝรั่งต่างชาติเข้ามาทำมาหากิน ทั้งโดยถูกกฎหมาย โดยแอบใช้นอมินีและพวกลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทย แอบใช้ทรัพยากรของคนไทย หนักๆ เข้าก็เหิมเกริมสร้างอิทธิพลทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทรัพยากรแล้วดูถูกย่ำยีคนไทย

ก็คงต้องฝากนายทะเบียนมัคคุเทศก์ภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ท่านมีนโยบายจัดระเบียบร้านดำน้ำ ผู้ประกอบกิจการดำน้ำในภูเก็ตช่วยตรวจตราเอาจริงเอาจังกันเสียที ก่อนที่ฝรั่งจะยึดเมืองภูเก็ตและท้องทะเลอันดามัน

ข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ 1 พฤษภาคม 2550 14:46 น.

จากคุณ : สายชล - [ 2 พ.ค. 50 18:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 1

คุณอ่านเรื่องข้างต้นแล้ว....รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้คะ.....

สำหรับสองสาย (สายน้ำ และสายชล) หลังจากได้อ่านเรื่องของคุณวินิจเข้า เลือดรักชาติพุ่งปรี๊ดขึ้นสมองทันที ......

เท่าที่รู้จักเป็นการส่วนตัว คุณวินิจเป็นคนดี ที่สุภาพ อ่อนโยน อ่อนน้อม เป็นมิตรกับทุกคน เป็นตากล้องที่มีจิตสำนึกอนุรักษ์เต็มเปี่ยม ..... แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณวินิจนั้น ต่อให้ใจเย็นกว่าคุณวินิจอีก 10 เท่า ก็คงต้องเดือดดาลเป็นธรรมดา

จากการที่เราต้องการเงินตราเข้าประเทศ ทำให้เราต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวกันแบบบ้าเลือด จนนักท่องเที่ยวได้กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนเหนือคนไทยไปแล้ว ประกอบกับความที่พวกต่างชาติเค้ามองคนเอเซีย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่คนไทยว่าเป็นพวกป่าเถื่อนด้อยพัฒนา จิตใจจึงคอยแต่ดูถูกดูแคลน ........ เหตุการณ์แบบนี้จึงเกิดขึ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เรามองแยกออกเป็น 2 ประเด็น คือ

วิธีเตือนของฝรั่งนายนี้......ถึงแม้จะแสดงออกถึงความที่มีจิตสำนึกอนุรักษ์ในตัว แต่อาจทำให้ตัวเองต้องคดีอาญา ได้ติดคุกในต่างแดน ในข้อหา "พยายามฆ่า" ก็ได้ ..... ไม่ว่าจะเป็นการชักมีดดำน้ำออกมาขู่ หรือ การปัดหน้ากากให้หลุดออกจากหน้าของคุณวินิจ ซึ่งถ้าพลาดพลั้งไป อาจทำให้คุณวินิจเสียชีวิตได้ทั้ง 2 วิธี และเป็นวิธีเตือนที่ออกแนวลุแก่โทสะมากไปหน่อย ควรจะดูให้ถ่องแท้เสียก่อนว่าคุณวินิจทำให้อะไรเสียหายหรือเปล่า ไม่ใช่คิดแต่ว่าตัวเองฉลาดตัวเองถูกแต่ฝ่ายเดียว

อีกประเด็นหนึ่ง คือ.....ฝรั่งเข้าครอบครองภูเก็ตและทะเลอันดามันไปแล้วหรือ....เรื่องแบบนี้จึงได้มีให้ได้ยินบ่อยๆ

*************************************
อ้างถึงข้อความที่ว่า...

เจอไดฟ์ลีดเดอร์ฝรั่งซึ่งเป็นพวกแก๊งฝรั่งที่แอบเข้ามาทำงาน แอบเข้ามาทำมาหากิน มาทำร้านดำน้ำ มาเป็นไกด์ดำน้ำ มาทำเรือบริการดำน้ำอยู่บนเกาะภูเก็ต ชอบมีพฤติกรรมโชว์ลูกค้านักดำน้ำฝรั่งที่พามา ด้วยการโชว์ว่าตัวเองเป็นนักอนุรักษ์เสียเต็มประดา ด้วยการคอยดึง คอยกระชากนักดำน้ำคนไทย ที่ลงดำน้ำ ไปถ่ายภาพใต้น้ำ แล้วชี้ไม้ชี้มือทำท่าประจานใต้น้ำว่าเข้าใกล้ปะการังมากเกินไปบ้าง รบกวนสัตว์เกินไปบ้าง ไม่อนุรักษ์อย่างพวกฝรั่งหัวแดงเช่นพวกตน เหมือนจะย่ำยีดูถูกนักดำน้ำคนไทยว่าต่ำช้าไร้การศึกษาล้าหลัง ...

*************************************
ที่จริงแล้วคนพวกนี้ หลายๆคนไม่ได้เก่งกว่าคนไทยสักเท่าไร หลายๆคนไม่ได้เป็นครู อย่างมากแค่ Dive Master เข้าเมืองมาแบบนักท่องเที่ยว หลายคนต้องคอยต่อ Visa เรื่อยๆ หลายคนไม่ต่อเลย เค้าอาจจะดีกว่าคนไทยตรงที่พูดภาษาอังกฤษได้ สื่อสารกับนักดำน้ำต่างชาติได้ดีกว่าคนท้องถิ่นเท่านั้นเอง

*************************************
อ้างถึงข้อความ....

ยังปล่อยให้ฝรั่งต่างชาติเข้ามาทำมาหากิน ทั้งโดยถูกกฎหมาย โดยแอบใช้นอมินีและพวกลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทย แอบใช้ทรัพยากรของคนไทย หนักๆ เข้าก็เหิมเกริมสร้างอิทธิพลทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทรัพยากรแล้วดูถูกย่ำยีคนไทย ....

*************************************
จะทำกันอย่างไรดี ...... ธุรกิจดำน้ำใหญ่ๆในภูเก็ตก็เป็นของต่างชาติทั้งนั้น เรือที่ออกไปดำน้ำก็เห็นมีแต่ต่างชาติเต็มเรือ หน่วยงานราชการหลายหน่วยก็เอื้อประโยชน์ให้กับทั้งธุรกิจดำน้ำและธุรกิจท่องเที่ยวจนลืมนึกถึงคนไทยด้วยกัน มันถึงได้ทำให้พวกไดฟ์ลีดเดอร์และนักท่องเที่ยวต่างชาติเค้าคิดว่าเค้าเป็นเจ้าของแผ่นดินเจ้าของทะเล เค้ามีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนไทย .... หรือว่าเราเก่งแต่คอยจับพวกพม่า-เขมร ลอบเข้าเมือง แต่พวกฝรั่งมาเดินปร๋ออยู่เป็นปีๆได้สบายใจเฉิบ

ราชการเราก็แทนที่จะส่งเสริมให้คนไทยแข่งกับธุรกิจต่างชาติได้ กลับเปล่า ..... นอกจากไม่ส่งเสริมยังคอยจับผิดกันอีก กดขี่กดดันกันจนคนไทยแทบจะกลายสภาพเป็นพลเมืองชั้นสองไปแล้วในหลายๆจังหวัด

ในธุรกิจดำน้ำเอง ..... ส่วนมากที่เราเห็นๆกันอยู่ ถ้าเป็นธุรกิจของต่างชาติ คนไทยจะเป็นได้ก็แค่ คนขับเรือ ช่างเครื่อง คนอัดอากาศ พ่อครัว แม่ครัว หรืออย่างเก่งก็แค่ผู้ช่วยไดฟ์ลีดเดอร์แค่นั้น ทั้งๆที่บางคนที่เป็นคนท้องถิ่นก็พอจะสื่อสารในภาษาต่างชาติได้พอสมควร ก็ยังไม่ได้รับโอกาส เพราะเค้าอาจจะรู้สึกว่าจะทำให้ลูกค้าไม่พอใจได้

เราเห็นว่า เรื่องนี้ คุณวินิจใจดีเกินไปหน่อย น่าจะไปแจ้งความเอาเรื่องให้เป็นคดีตัวอย่าง ให้เป็นบทเรียนแก่พวกไดฟ์ลีดเดอร์ฝรั่งที่ชอบทำกร่างทั้งหลายอีกด้วย.....

จากคุณ : สายชล - [ 2 พ.ค. 50 18:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2

เจ้าหน้าที่รัฐอย่างน้อง วินิจ รังผึ้ง บรรณาธิการนิตยสาร อสท ที่ทำหน้าที่กระบอกเสียงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย มาโดนเข้าเองเต็มเปาอย่างนี้ คงไม่มีใครมาว่า...หาความ หรือ ใส่ร้าย ผู้มีพระคุณที่นำชาวต่างชาติมาท่องเที่ยวดำน้ำในบ้านเรามากมาย อย่างที่เคยมีคนนำมาพูดแดกดันไว้หลายครั้งหลายหนแล้วนะคะ....

สายชลไม่เคยเห็นด้วยกับคนที่คิดจะอนุรักษ์ทะเลไทย จนคิดจะฆ่าหรือข่มขู่ผู้อื่นที่ตัวคิดว่าจะทำลายทะเลไทย....

มันมากเกินไป....หนักเกินไป...รุนแรงเกินไป....แถมยังโกหกมากเกินไปอีกด้วย....

ดูจากลักษณะอาการแล้ว ครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำกับนักดำน้ำอื่นๆใต้ทะเล

ถ้าขืนปล่อยไว้...ต่อไปก็คงอดไม่ได้ที่จะไปทำอย่างนี้กับคนอื่นๆอีก

อย่างนี้ต้องทำให้หลาบจำ....ดำเนินคดีให้เห็นเป็นตัวอย่างซะเลยดีกว่าจะปล่อยไว้นะคะ...

อนึ่ง....ไม่ใช่แค่ทะเลอันดามันกระมังคะ ที่ฝรั่งและชาวต่างชาติหลายคน ออกอาการกร่าง ทำท่าทำทางเป็นเจ้าของทะเลไทย เพราะแถวๆเกาะเต่า และพัทยาก็มีให้เห็นได้ทั่วไป แต่ละที่ ได้ยินว่ามีมาเฟียครองเมืองกันทั้งนั้น

ก็ขอฝาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย...นายทะเบียนมัคคุเทศก์.... ตำรวจท่องเที่ยว....ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง...ผู้ว่าราชการจังหวัด(ทุกจังหวัดที่มีกิจการดำน้ำของต่างชาติอยู่).....รวมถึง สถาบันสอนดำน้ำ (ที่พวกฝรั่งต่างชาติเหล่านี้สังกัดอยู่) กรุณาช่วยดูแลกวดขันไม่ให้คนต่างชาติเหล่านี้ทำมาหากินแบบสร้างความเดือดร้อนให้คนไทยเจ้าของประเทศนัก และให้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ลักลอบเข้ามาหากินในบ้านเรา...ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้....แถมรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่นำเข้ามาก็ตกไปอยู่ที่ต่างประเทศเกือบหมด มีเพียงน้อยนิดที่กระเซ็นกระสายเข้าไทย...

ถ้าไม่ทำอะไรกันเลยและทำเฉยเมยอยู่อย่างนี้ ก็กลัวจะเป็นอย่างที่น้องวินิจว่าไว้....ฝรั่งจะยึดเมืองชายทะเลของไทยไปครอบครองเสียหมด...

แล้วที่นี้คนไทยจะไปดำน้ำที่ไหนกันล่ะคะ...

จากคุณ : สายชล - [ 2 พ.ค. 50 18:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 3

ปรี๊ด...เหมือนกันครับพี่..........ไม่เคยเจอขนาดนี้

ปัดหน้ากาก ในระดับความลึกขนาดนั้น....เจอข้อหาพยามฆ่าได้นะ

ขอใช้คำว่า " เลว " กับนายฝรั่งนักดำน้ำคนนั้น ณ ที่นี้เลย ฝากไปด้วยครับ หยอกเย้า
###############################################

ส่วนประเด็นอื่นๆ เช่นฝรั่งเข้ามา (แทบจะ) ครอบครอง ในส่วนดำน้ำ ทั้งภูเก็ต, เขาหลัก, พีพี, พัทยา ฯลฯ
ค่อนข้างจะเห็นด้วยอย่างมาก

แต่ตัวผมอาจจะแค่วงนอกเกิน ที่จะออกความเห็นลึกกว่านี้

ขอเวลาคิดกะรอฟังความเห็นท่านอื่นก่อนครับ............................

จากคุณ : Art999. - [ 2 พ.ค. 50 19:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4

ถ้าเป็นผมนะ จะแจ้งความดำเนินคดีกะมันครับ

จากคุณ : มนุษย์สัญจร - [ 2 พ.ค. 50 19:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 5

จริงครับDive Master ฝรั่งไม่ได้เก่งไปซะทุกคนนะครับ

คนไทยเดี๋ยวนี้เก่งๆก็มีเยอะมากแล้ว บอกตรงๆครับผมคิดว่าไม่เห็นต้องจ้างพวกฝรั่งมาทำงานเลย

อยากให้เมืองไทยเป็นแบบมาเลเซียจัง(มาเลเซียไม่ให้พวกฝรั่งไปขุดทองใต้น้ำประเทศเค้าครับ)ไม่เหมือนกับพี่ไทยหละหลวมจริงๆ คิดจะเอาแต่เงินๆๆๆๆ แต่ทรัพยากรธรรมชาติโดนทำลายไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้

แล้วอีกอย่างจะได้ไม่มาแย่งงานคนไทยทำด้วย

จากคุณ : pony_pop - [ 2 พ.ค. 50 19:26:31 ]

ความคิดเห็นที่ 6

น่าโดนสักทีสองที แล้วเราค่อยขอโทษเค้ามั้ง

จากคุณ : Mynamekung - [ 2 พ.ค. 50 19:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7

ร้านนี้ใช่ไหมครับ.............................. yuck

http://www.waterworldasia.com/staff.php

จากคุณ : Art999. - [ 2 พ.ค. 50 20:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8

อยุ่ในวันเวลาเดียวกับที่พี่วินิจโดนครับ เจอพี่นัตที่กองหินเห็นตามถ่ายกุ้งตัวตลกอยู่ ขึ้นมาบนเรือกัปตันบอกให้ฟัง เดือดครับ ชวนเพื่อนตามไปเอาดูที่เรือSouth Siam 4 แต่เห็นเค้าบอกว่าพี่ วินิจไปแจ้งความข้อหาพยายามฆ่าแล้วก็เลยเฉยซะรอดูเหตุกราณ์เรื่องนี้เกิดเมื่อตอนสงกรานต์นี้เอง ครับ เห็นเหตุกราณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยแต่ไม่รุ้จะทำยังงัยอยากทำ แต่ช่วยไม่ได้เพราะตราบใดที่นักดำน้ำเมืองไทยยังรวมกันไม่ได้คนทำงานยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆน้อยๆแบบนี้เราก็ทำไรไม่ได้หรอก พยายามปลุกกระแสหายทีแล้วแต่ไม่มีประโยชน์อ่ะไม่มีไรเกิดขึ้นเลย ครายช่วยบอกหน่อยดิว่าควรทำงัย

จากคุณ : แค่ผ่านมาและรุ้จักลั๊น ลา - [ 2 พ.ค. 50 20:35:56 A:203.151.206.73 X:124.120.28.62 TicketID:133313 ]

ความคิดเห็นที่ 9

โห .. พยายามฆ่านี่หน่า
หลักความปลอดภัยง่ายๆ ไม่รู้เรื่อง น่ายึดบัตร
โหวตจ้า

จากคุณ : แมวเหมียวขาวอวบ - [ 2 พ.ค. 50 20:37:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10

เรารู้จักผู้ประกอบการบริษัททัวร์ที่ภูเก็ตคนนึง เป็นคนญี่ปุ่นค่ะ เค้าจ้างพนง.คนไทยแค่1คน ซึ่งก็เป็นภรรยานั่นเอง ที่เหลือก็จ้างคนญี่ปุ่นด้วยกัน เค้าจะรับเฉพาะญี่ปุ่น หาลูกค้าเองโดยตรงจากทางญี่ปุ่น เวลาลุกค้ามาก็ไม่ค่อยจ้างไกด์คนไทย แต่จะเป็นคนพาเที่ยวเอง เรียกว่าเงินทองไม่รั่วไหลเลยออกนอกกระเป๋าตังค์เลย เซ็งเจงๆ
ที่ภูเก็ตยังมีบริษัททัวร์แบบนี้อีกเยอะเลย ไม่รู้ว่าเราจะทำไรกับพวกต่างด้าวที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์แบบนี้ได้ยังไงบ้าง

จากคุณ : ปังเนยลาเต้ - [ 2 พ.ค. 50 21:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11

เป็นแบบนี้มานานแล้ว เกาะเต่าก็เป็นอีกที่หนึ่ง ทำไมมีการปล่อยปละละเลยกันอย่างนี้ก็ไม่รู้

จากคุณ : สุภาพชล - [ 2 พ.ค. 50 21:28:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12

โหวตหนึ่งเสียงค่ะ เราคงต้องช่วยกันปกปัองสิทธิประโยชน์ของเรา

จากคุณ : fatcoco (fatcoco) - [ 2 พ.ค. 50 23:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13

ไม่รู้เรื่องดำน้ำหรอก

แต่อ่านแล้วปรี๊ด................กระจาย

ที่นี้แผ่นดินไทย

ผืนน้ำไทย

และกรูก็คือ...........................คนไทย!

จากคุณ : Zeng รับลม - [ 2 พ.ค. 50 23:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14

เป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ
บริษัททัวร์มาร์จินสูงสุดอันดับ 1-4 ที่ภูเก็ต ก็ไม่ใช่ของคนไทย
ถ้าจะถามว่าเพราะอะไร คงต้องไปถามภาครัฐดูก่อนนะครับ

การแก้ไขนั้น ถ้าจะไปหวังพึ่งภาครัฐ ผมว่าไปบนย่านาคยังจะได้ลุ้นกว่า

จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 2 พ.ค. 50 23:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15

โหยยย..ฝรั่งพยายามทำตัวเป็นนักอนุรักษ์ แต่จะทำร้านเพื่อนมนุษย์เนี่ยนะ อ่านแล้วปรี๊ดดดดเลยค่ะ โกรธพวกโชว์ว่าตัวเองแน่

จากคุณ : OHROSE - [ 2 พ.ค. 50 23:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16

หันมามองทางมุมกว้างบ้างนะครับ
จริง ๆ แล้วฝรั่งก็เข้ามาในทุกธุรกิจของไทย ไม่ใช่เพียงแต่ "ธุรกิจท่องเที่ยว" เพียงอย่างเดียว
และก็ใช้ "ทรัพยากร" ของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน

โดยเฉพาะ "ทรัพยากร" ที่สำคัญที่สุดคือ "ทรัพยากรมนุษย์"
เงินเค้าเยอะกว่าเรา เค้าจึงมีความสามารถในการให้เงินเดือนในระดับสูง
และได้ "พนักงานเกรด A" ไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของเขา

ในขณะเดียวกัน ค่านิยมที่ว่า "เป็นลูกจ้างฝรั่งดีกว่า เพราะเงินเดือนเยอะกว่า"
และที่สำคัญ ค่านิยมประเภท "เงินเดือนเท่ากัน แต่กรูเท่ห์กว่าเว้ย นายกรูเป็นฝรั่ง" ก็แรงซะเหลือหลาย
ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ แค่ในเข้าห้อง สีลม@pantip ก็มีคคห.ที่สร้างค่านิยมประเภทนี้อยู่เพียบ

คนไทยเก่ง ๆ มีเยอะครับ ที่มีความสามารถพอที่จะออกมาทำธุรกิจเอง
แต่หลาย ๆ คนในจำนวนนั้น ติดกับดักเงินเดือนสูง ๆ ของบริษัทยักษ์ใหญ่(ซึ่งส่วนใหญ่ ชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ)
จนไม่กล้าพอที่จะ "ออกมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับกิจการของตนเอง"

จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 3 พ.ค. 50 00:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17

วิธีแก้ไข
เราต้องสร้างค่านิยมกันใหม่ครับ ว่า
"เราจะไม่ยกย่องฝรั่งเป็นพระเจ้า เพราะทุก ๆ คนต่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน"

ผมเชื่อว่าผู้ที่สร้างค่านิยมที่ดีที่สุดคือครอบครัว
การแก้ไขก็ต้องมาจากพื้นฐานการปลูกฝังของครอบครัวครับ
ส่วนตัวผมเองจะบอกกับหลานสาวบ่อย ๆ ว่า
"โตขี้นให้ไปเป็นพนักงานบริษัทฝรั่งนะ ระบบมันดีกว่าเรา จะได้เรียนรู้เยอะ ๆ"
จากนั้นก็จะสำทับว่า
"อนาคตก็ออกทำเอง แล้วเป็นนายฝรั่งให้ได้"
เพราะว่า "ฝรั่งมันก็ไม่ได้เก่งไปกว่าคนไทยหรอกวะ"
และตบท้ายด้วยคำขวัญยอดฮิต
"เป็นนายจ้างฝรั่ง เท่ห์กว่าเป็นลูกจ้างฝรั่งเยอะ"

ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรครับ
ถึงการปลูกฝังจะเป็นเรื่องของเรา แต่ชีวิตเป็นของมัน
แล้วแต่หลานมันจะเลือกเอง ก็คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเจ้าของกิจการทุกคนนี่นา
หวังแค่ว่า ในความคิดของหลานผม ก็ไม่ได้มีแค่ทางเลือกที่ว่า
"เป็นลูกจ้างฝรั่งตลอดชาติ" แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ

จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 3 พ.ค. 50 00:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18

แหะ ๆ ๆ ตอบไม่ค่อยตรงกระทู้ซักเท่าไหร่นะครับ
พอนึกถึงวิธีแก้ไข มันก็คิดเลยเถิดไปถึงการแก้ไขทั้งระบบ ที่ไม่ใช่ใน "ธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลอันดามัน" เพียงอย่างเดียว

อยากเห็น บริษัททัวร์คนไทย เข้าไปฟาดฟันสร้างมาร์เก็ตแชร์สูง ๆ แข่งกันกับ บริษัททัวร์ต่างชาติ
เหมือน ๆ กับที่อยากเห็นบริษัทคนไทย สร้างมาร์เก็ตแชร์สูง ๆ แข่งกันกับ P&G หรือ ยูนิลีเวอร์ อ่ะครับ

จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 3 พ.ค. 50 00:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 19

ฝรั่งเข้ามาเที่ยว ถ้าเจอ บ.ทัวร์ฝรั่ง ไกด์ฝรั่ง ฝรั่งด้วยกันเองก็ย่อมไว้วางใจฝรั่งด้วยกันอยู่แล้วต่อให้มันคิดเงินแพงกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่แต่ฝรั่ง พวกทัวร์พื้นๆตามพัทยาหรือในกรุงเทพ ตอนนี้ผู้ประกอบการทัวร์ส่วนใหญ่ก็เป็นชาติเดียวกับคนที่มาเที่ยวไปแล้ว ทั้งเกาหลี รัสเซีย หรือสวีดิช อย่างทัวร์เกาหลีนี่เมหาร้านอาหารของคนเกาหลีในไทยลูกเดียว ยิ่งเรื่องแข่งขันทางสินค้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค โดนฮุบหมดไปนานแล้ว ทุกวันนี้เหลือแต่ฝรั่งฟาดฟันกับฝรั่ง ผู้ผลิตสู้กับยักษ์ใหญ่ค้าปลีก แต่บางทีก็เกี๊ยเซี๊ยะ เพราะยักษ์ค้าปลีกลงสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ไม่เต็มตัว

จากคุณ : x - [ 3 พ.ค. 50 00:54:29 A:203.151.206.73 X:210.246.64.136 TicketID:052378 ]

ความคิดเห็นที่ 20

เนื่องจากสันนิษฐานไว้ ว่าฝรั่งรายนี้ น่าจะเป็นนักดำน้ำระดับ Pro
(เดาจากที่ว่า มีมีดติดตัวลงดำน้ำ นักท่องเที่ยวทั่วไป มักจะไม่มี)
และคาดว่า น่าจะเป็นนักดำน้ำของ PADI
(เนื่องจากสัดส่วนของนักดำน้ำ PADI ที่มีมากกว่าสถาบันอื่น)

จึงได้แปลบทความนี้เป็นภาษาัอังกฤษ และส่งไปให้
Mr. Hans Ullrich ตำแหน่ง Regional Manager ของ PADI Asia Pacific แล้วครับ..

ได้รับอีเมล์ตอบกลับมาว่า จะติดตามตรวจสอบเรื่องให้

จากคุณ : Wobbegong - [ 3 พ.ค. 50 01:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21

ขอบคุณน้อง Wobbegong ที่เป็นธุระแปลและส่งเรื่องนี้ให้ Hans พี่สายชลฝากขอบคุณ Hans ด้วยนะคะที่สนใจจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ให้ค่ะ

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ มีผู้เห็นว่าบุคคลที่ก่อเรื่องคนนี้เป็นใคร...และได้ทำการตรวจสอบแล้วและรู้ว่าเขาทำงานที่ไหน...ตำแหน่งอะไร ซึ่งไม่ผิดไปจากที่น้องวินิจได้เขียนไว้ค่ะ ถ้า Hans ต้องการพยานไปชี้ตัวละก็บอกมาได้นะคะ รับรองพยานชี้ตัวได้ไม่ผิดคนแน่ค่ะ...

ทุกๆสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกัน....แต่คนไม่ดีเพียงคนเดียว ก็อาจจะทำให้สังคมนั้นๆพลอยมัวหมอง ถูกมองว่าไม่ดีไปด้วย...

บางครั้ง...ปัจจัยหลายๆอย่างที่มาเกี่ยวข้อง ทำให้การกำจัดคนไม่ดีออกจากสังคมเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ... แต่ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลปกครองสังคมนั้น มีความสามารถในหน้าที่การงาน...ซื่อสัตย์...ใสสะอาด...ยุติธรรม...เข้มแข็ง...หนักแน่น...ไม่เอนเอียง และไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ หนทางที่จะกำจัดคนไม่ดีออกจากสังคมนั้นก็จะทำได้ง่ายขึ้นนะคะ

อย่างไรก็ตาม...เราไม่ได้ต้องการทำลายอนาคตและหน้าที่การงานของบุคคลอันตรายผู้นี้ด้วยการที่เขาถูกไล่ออกจากสังคมของเขาในปัจจุบัน เพราะหากเขายังคงมีนิสัยและจิตใจดังที่เป็นอยู่....ไม่ว่าเขาจะเข้าไปอยู่ในสังคมไหนๆ เขาก็คงจะยังไปทำผิดแบบเดียวกันได้อีกเหมือนเดิม...

สิ่งที่เราอยากให้เป็นก็คือ....ให้เขาได้รู้สึกสำนึกในความผิดที่เขาได้กระทำจริงๆ และจะไม่ก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้ให้กับคนอื่นๆได้อีกในอนาคต
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 09:33:46

จากคุณ : สายชล - [ 3 พ.ค. 50 07:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 22

แจ้งความ ดำเนินคดี...
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 09:05:41

จากคุณ : ceacar salad - [ 3 พ.ค. 50 08:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23

แจ้งความ ดำเนินคดี

Agree.

จากคุณ : Fon (pinkiepooh) - [ 3 พ.ค. 50 09:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24

^
^
ดำน้ำ..ไม่เป็น

แต่เห็นด้วยทุกประการครับ...เลือดรักชาติครับ
ไม่ชอบเลย....ฝรั่งพวกนี้อ่ะ
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 09:42:39

จากคุณ : รอชม - [ 3 พ.ค. 50 09:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25

กฏหมายนำเที่ยว

มัคคุเทศอาชีพสงวนของคนำไทยไงครับ ทางแก้

แต่เขาแก้ยังไงรู้มั้ยครับ

DOCT 5555 คิดได้ไงว่ะ

เจ้าหน้าที่รัฐแหละตัวดี

นี่ยังน้อย ถ้าเจอรัสเซีย ยิ่งกว่านี้อีก

จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 3 พ.ค. 50 10:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26

อ่านแล้วของขึ้นเลยครับ น่าจะโชว์แม่ไม้มวยไทยให้ฝรั่งได้รู้สึกซะหน่อยนะครับ

โหวตให้ครับ

จากคุณ : คึกคัก15 - [ 3 พ.ค. 50 11:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27

มาเฟียต่างชาติ
อีกปัญหาเขื่องชาวไทย

จากหลายๆข่าวที่ได้ยินกันพักหลังๆ
เชื่อว่าเครือข่ายสายเส้นเค้าคงไม่เบาแล้วมั้ง
แหล่งท่องเที่ยวเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆท้างน้าน...

จากคุณ : LIFE AFTER DEATH - [ 3 พ.ค. 50 12:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28

ได้รับเมล์ตอบมาจาก Mr. Hans Ullrich, PADI Asia Pacific Regional Manager แล้วนะครับ
เป็นเมล์ที่มาจากตัวฝรั่งเจ้าของเรื่อง ขอให้อ่านด้วยใจเป็นกลาง และใช้วิจารณญาณนะครับ

จะลงภาษาอังกฤษก่อน แล้วค่อยเป็นฉบับแปลไทยนะครับ
------------------------------------------------
From: Gunter Hormann:gunter@waterworldasia.com
Sent: Thursday, 3 May 2007 1:52 PM
To: 'Holger - Dive Supply'
Cc: Hans Ullrich, PADI Asia Pacific Regional Manager
Subject: Stellungname zum Artikel in the Thai "Manager Magazine"
Hi,
Unfortunately am I only able to reply to this it English. The Story, who has been translated to me, is although not exact what really has happened. The Gentleman, who wrote it has forgotten to mention some of the Facts which, of which I am sure, let you see the Story from a different View. This is the Story from my Perspective.

I've been diving on that Day in a small Group of Divers on Richelieu Rock in good Conditions. Nice Visibility and no Current when I noticed a Solo Diver without any Dive-Buddies struggling wide legged with his Fins in the few remaining Soft Corals. First thinking that he might be has gotten entangled somehow there was nobody around to help him proved wrong. When I came nearer I saw him trying to get a Grip to take some Photographs but not recognizing that Anemones and Soft corals where now floating free around his Ankles where he had them ripped out.

My fellow Divers shrugged their Shoulders, but I had still the Pictures of the once beautiful Corals here in mind. First when i approached him carefully, tipping on his Shoulders and showing him the Divers Hand sign for getting of the Ground, had no effect on him. He made an unrecognized Hand Signal back to me which most likely meant to get lost. He turned to the next Bed of Corals to continue with his Havoc.

Following him to his latest Battlefield and tried again to convince him to get out of the Corals. He shook me off. For the Sake of the last remaining Corals of Richelieu Rock I made than the (maybe) wrong Decision. Considering him a experienced Diver, he was solo diving, wearing expensive Equipment with white Fins, (that’s why I had him first categorized as an Japanese Diver) I made a last Effort. I took his Mask off. (This is not dangerous but a standard procedure in every basic open water diving course and I have been Diving Instructor for almost 22 Years and staying close to him I could have replaced the Mask within seconds) He replaced the Mask himself calmly and finally he came higher. I showed him with Signs that I would like him to ascent with me which he did.

On the Surface he yelled at me: why I wanted to kill him, he is a well-known Person with lots of Influence and knows many People in Bangkok, and this would be Thailand and he can do whatever he wants. I tried calmly to ask him if he were aware what he had done to the Reef but he would not listen.

He came later then to my Boat with a Group of 10 or more of his Colleagues and a female Translator where he continued to argue with me and I listened to his accusations but he wanted not listening to what I had to say to it. I told him that I liked to apologize for losing my temper and gave him my Card
so that he could get in Contact with me to discuss this Matter peacefully. He refused to give me his identity and preferred to do this dishonest by turning around the Facts.

I apologize from my Heart to everybody in Thailand's Dive Community who feels offended by me. This all happened not for the Reason to have myself atop of someone but to save Thailand's last Corals. I invite everyone to mail me personally and I am prepared to receive your condemnations.

Gunter Hormann

จากคุณ : Wobbegong - [ 3 พ.ค. 50 14:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29

ฉบับแปลไทยครับ..
-----------------------
From: Gunter Hormann:gunter@waterworldasia.com
Sent: Thursday, 3 May 2007 1:52 PM
To: 'Holger - Dive Supply'
Cc: Hans Ullrich, PADI Asia Pacific Regional Manager

สวัสดี
น่าเสียดายที่ผมตอบได้แต่เพียงเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องนี้, ตามที่มีคนแปลมาให้ผม, ไม่ตรงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียทีเดียวนัก ผู้ที่เขียนเรื่องนี้ได้ลืมที่จะบอกข้อเท็จจริงบางอย่างที่ผมมั่นใจว่าเกิดขึ้น ขอให้รับฟังเรื่องจากอีกด้านหนึ่งบ้าง ต่อไปนี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจากมุมมองของผม

ในวันนั้นผมดำน้ำอยู่กับนักดำน้ำกลุ่มเล็กๆ ที่หินริเชลิว ในสภาพอากาศที่ดี น้ำใส และไม่มีกระแส ผมสังเกตเห็นนักดำน้ำที่ดำอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีคู่บัดดี้ กำลังพยายามเหยียดขายันพื้น โดยที่ฟินของเขาอยู่ในกอปะการังอ่อนที่เหลืออยู่ไม่มากนัก ในตอนแรก ผมคิดว่าเขาอาจจะเขาไปติดอยู่ในนั้นด้วยเหตุอะไรสักอย่าง และไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ที่จะช่วยเขาได้ แต่ผมเข้าใจผิด เมื่อผมเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ผมเห็นว่าเขากำลังพยายามหาที่ยึดเพื่อถ่ายภาพ แต่ไม่ได้ตระหนักว่าตอนนี้มีกอดอกไม้ทะเลและปะการังอ่อนที่ถูกเขาเตะหลุดออกมาลอยอยู่บริเวณข้อเท้าของเขา

นักดำน้ำคนอื่นๆ ในกลุ่มของผมก็แค่ยักไหล่ แต่ผมยังจำได้ถึงภาพของปะการังที่นี่เมื่อครั้งที่ยังสวยงามอยู่ ครั้งแรก ผมเข้าไปหาเขาอย่างระมัดระวัง สะกิดเขาที่ไหล่ และส่งสัญญาณมือของนักดำน้ำบอกเขาว่าให้ขึ้นจากพื้น แต่ไม่เป็นผล เขาส่งสัญญาณมือที่ผมไม่เข้าใจกลับมา โดยที่เขาอาจจะบอกให้ผมไปเสียห่างๆ จากนั้นเขาหันกลับไปหาปะการังกอถัดไป และสร้างความเสียหายต่อไป

ผมตามเขาไปยังสมรภูมิถัดไปของเขา และพยายามบอกให้เขาออกมาให้ห่างประการัง เขาไล่ผมไปอีกครั้ง เพื่อเห็นแก่ปะการังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดที่หินริเชลิว ผมตัดสินบางอย่างที่ (อาจจะ) เป็นการตัดสินใจที่ผิด ผมเห้นว่าเขาเป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ เขาดำน้ำเพียงคนเดียว ใส่อุปกรณ์ราคาแพง ใส่ฟินสีขาว (ทำให้ในตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นนักดำน้ำชาวญี่ปุ่น) ผมพยายามลงมือครั้งสุดท้าย ผมถอดหน้ากากของเขาออก (นี่ไม่ใช่สิ่งที่อันตราย มันเป็นขั้นตอนมาตรฐานขั้นตอนหนึ่งที่จะมีการสอนในการดำน้ำในทะเลขั้นต้นทุกหลักสูตร และผมเองเป็นครูสอนดำน้ำมานานกว่า 22 ปี ผมยังคงอยู่ใกล้กับเขา ผมสามารถเอาหน้ากากใส่คืนให้เขาได้ในทันที) เขาใส่หน้ากากกลับอย่างใจเย็น และในที่สุด เขาลอยตัวสูงขึ้น ผมให้สัญญาณบอกเขาว่าผมต้องการให้เขาขึ้นมาพร้อมผม ซึ่งเขาก็ทำตาม

เมื่อถึงผิวน้ำ เขาตะโกนใส่ผมว่า ทำไมผมถึงจะฆ่าเขา เขาเป็นคนที่เป็นที่รู้จักกันดี มีอิทธิพล และรู้จักคนในกรุงเทพมากมาย ที่นี่ประเทศไทยและเขาจะทำอะไรก็ได้อย่างที่เขาต้องการ ผมพยายามถามเขาอย่างใจเย็นว่าเขารู้หรือไม่ว่าเขาทำอะไรลงไปกับกอปะการัง แต่เขาไม่ยอมฟัง

หลังจากนั้น เขามาที่เรือของผมพร้อมกับเพื่อนอีกไม่น้อยกว่า 10 คน และผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นคนแปล เขายังคงเถียงกับผมต่อไป ผมก็ฟังข้อกล่าวหาของเขา แต่เขาไม่ต้องการจะฟังสิ่งที่ผมพูด ผมบอกเขาว่าผมต้องการขอโทษที่ผมเสียการควบคุมอารมณ์ของผม แล้วมอบนามบัตรของผมให้กับเขา เพื่อให้เขาสามารถติดต่อกับผมเพื่อคุยกันเรื่องนี้อย่างสงบในภายหลัง เขาปฏิเสธที่จะแสดงตัว แต่กลับกระทำการไม่ซื่อสัตย์โดยการบิดเบือนข้อเท็จจริง

ผมต้องขอโทษอย่างสุดหัวใจต่อทุกๆ คนในสังคมดำน้ำในประเทศไทย ที่รู้สึกว่าถูกผมดูหมิ่น สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นด้วยเหตุที่ว่าผมต้องการจะแสดงตัวว่าเหนือกว่าคนอื่น แต่เป็นไปเพื่อรักษาปะการังที่เหลืออยู่น้อยของประเทศไทย ผมยินดีให้ทุกๆ คนส่งอีเมล์มาหาผมโดยตรง และผมพร้อมที่จะรับการตำหนิจากทุกท่าน

กุนเธอร์ ฮอร์แมนน์
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 14:21:00

จากคุณ : Wobbegong - [ 3 พ.ค. 50 14:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30

รบกวนพี่วินิจ ไปแจ้งความดำเนินคดีกะมันเถอะครับ

การแจ้งความดำเนินคดีไม่ใช่ทำเพื่อความสะใจนะครับ แต่เป็นการกระทำเพื่อความถูกต้อง และเพื่อเป็นการปกป้องนักดำน้ำท่านอื่น ๆ(ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ)ไม่ให้เจอกับเหตุการณ์ถ่อย ๆ เช่นนี้อีกในอนาคตครับ

ผมแน่ใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกะพี่วินิจเป็นครั้งแรกแน่ ถ้าหากนักดำน้ำต่างชาติเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แล้วนำกลับไปเล่าให้ผู้อื่นฟังว่าแหล่งท่องเที่ยวในไทยไม่ปลอดภัย มันจะเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวอย่างดีเลยครับ

รบกวนพี่ไปแจ้งความเถอะครับ

จากคุณ : มนุษย์สัญจร - [ 3 พ.ค. 50 14:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 31

ไอ่กุนเธอร์เอ้ยย บ้านมันต้องขายโจ๊กแหงงง ใส่ไข่ซะตัวเองดูดีเลยยย

เป็นฝรั่งที่เกรียนจริงๆ

จากคุณ : pony_pop - [ 3 พ.ค. 50 14:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32

น่าจะอุ้มไปทิ้งทะเลซะให้ไกลๆเลย
จะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก

อย่าไปสนใจฝรั่งมันมากครับ

แต่ก็อย่างว่าล่ะ คนเรามีทั้งดีและเลว ทุดที่ ทุกเชื้อชาติ

จากคุณ : โกอ้วน - [ 3 พ.ค. 50 14:38:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33

ที่โลกเราเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ส่วนหนึ่งมาจากฝรั่งที่คิดว่าตนเองเป็นใหญ่ในโลก

กรณีนี้คุณฝรั่งคนนี้ก็อยู่เมืองไทย ไม่ลำบากอะไรที่จะไปให้ปากคำ

กระบวนการยุติธรรมน่าจะช่วยให้เราสรุปได้ เพราะตอนนี้พูดกันคนละเรื่องเลยค่ะ

จากคุณ : แม่น้องมีน (แม่ซากานะ) - [ 3 พ.ค. 50 14:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34

ขอเอาบทแปลบทความของคุณวินิจมาลงไว้ด้วย
เพื่อให้เข้าใจตรงกันว่าผมแปลไปตามที่คุณวินิจเขียนทั้งหมด
----------------------------------
Don't let "Farang" rule Andaman / Vinij Rangpheung

(article on Manager Online Website – newspaper dated May 1, 2007)

by Vinij RungPheung

At the depth of 60-90 ft. at the Richelieu rock, an underwater pinnacle resembling a mountain with its peak just right on the water level. The Richelieu rock is in a way like a congregation of all the life under the sea. There are nook & crannies all over the pinnacle acting as save-heaven for shrimps, shells, crabs, fishes, coral, and seafan. This create a large circle of food chain, becoming a huge community of marine life. Also, it became a congregation of divers flocking continuously to visit this underwater heaven
I was concentrating on taking pictures of Tomato Clownfish. It’s bright reddish-orange color resembling ripe tomato with a block dot toward its tail. Clownfish may be commonly found at almost all divesites, may be as common as your housepet. However, taking a beautiful picture of them is not that easy. This tiny little fish, living among tentacles of sea anemone, never stay still. They will always swim this way and that. Lots of concentration is needed to wait for that split-second to press the shutter release for the perfect shot. I was knelling on the sand and rubbles bottom, with several anemone and rocks, with many colony of clownfish in front of me. Sometimes, this area was called “Clownfish alley”.
While I was waiting for my shot quietly, suddenly, I felt a jerk on my BCD from behind. At first, I thought it was my friend come calling me for something nice that they found. Instead, I turned to face a "Farang" with an angry face, pointing his finger at me and then back to his head. It seems like he was ordering me to leave the clownfish alley rightaway, and was telling me "use your brain to think about what you're doing". I look around myself again, to see if I was touching coral or creating any damage, or disturbing the fishes too much. I knew exactly what I was doing. I was kneeling on sand bottom. Both of my hands is on my camera, didn't holding or touching anything at all. I've been working (as underwater photographer - translator) for almost 20 years. I had extensively studied the marine life in Thai water so much that I had bonded with the sea. I can call the Thai underwater world my second office.
After checking that there was nothing wrong, I stared back at the bullying Farang, and wave him off. I have to get back to work. I had heard from some Thai diver friends that they had met with some Farang diveleader, illegally working. These illegally working Farang sneaked into diving business, running dive shop, become dive leader, running liveaboard around Phuket. They sometimes "Show-off" to their customers, acting like they care so much about the environment, like they are such a conservationist. They would pulled, yanked some Thai divers, Thai Underwater Photographer, and then making gesture as if to blame that the Thai came too close to the coral, disturb the fishes too much, not being a "conservationist" like their Blond-hair kind. They act as if to degrade Thai dives that they're uneducated. I never expect to experience this myself until this time.
The story should end their. Once he "jerked" me and make me notice him, and I waved him off. "I know what I'm doing". Then I have no interest in him and turn back to my camera, aiming at my old-friend the clowing fish. This ugly Farang, who should be a dive leader of a group of 5 who waiting a some distance, might have felt embarrassed. He insulted a Thai diver to show off to his kind. Instead of got afraid and run away, this Thai waved at him with indifferent. He must loss a lot of face.
The ugly farang, may be don't know what to do, pull out his shiny pointed-tip 3-inch knife. Then he threaten to cut my air hose, and hurt me if I didn't get up. The water was chilling 25 degree celcius, but my rage was boiling. That shiny blade swerving around my throat was boiled down to a toothpick by my rage. I tried to control my rushing anger because of being looked down like that. I give him my coldest stare, and waved him off with indifference again. Like I was saying "Keep those shoved up your butt, I'm not afraid".
When he was unsuccessful in pulling me away, and I wasn't afraid by his knife, he couldn't think of what else to do. He put his knife back in its sheath. Well, may be because he didn't know what else to do, he swept his hand over my mask (and dislodged from its place -translator) then swam away. I put back my mask, clear the water from it, and swam in pursuit of those farang. No more photography now when he did to me that much. I followed them to the surface, signaled for my dinghy, then ride the dinghy in pursuit to MV South Siam 4, which was their liveaboard, immedieatly. Once there, I told the ship manager, also a Thai, about what happened and demand to see this ugly farang. The ship manager informed me that the ugly farang wasn't a dive leader, only a customer. He saw that I was outraged so he asked me to go back, get changed, and them come back again. He will investigate and give warning to the ugly farang himself.
I came back to my boat, got changed at the same time as my friends surfaced. Once they learned about what happed, they're all enraged. They said wait for them, this thing must be solved. Soon enough, our dinghy is filled and we head back to another ship again. We called that Gung-ho down to talk, which took a lot of time before he came down. Once he realized that we're serious about this, his cocky attitude sank to god-know-where, left him with his paled face. Once confronted with what he had done, and were asked did he knew that threatening with a weapon, pulling a mask of another diver at 60-70 ft was very dangerous. The victim may panicked and rush to the surface, which may be fetal. That action may be charged with "attempted murder" according to Thai law.
The farang sat with his had hung low, stumbling while trying to explain that he dove in Thailand 5 years ago and it was beautiful. But this time the condition was worsen so he was frustrated, and act stupidly. He was sorry for his action. Being a Thai, with compassion in our heart, we were calmed because the culprit had confessed and admitted of guilt. We reprimand him and warn him not to do it again to anyone, especially to Thai divers.
Well, I don't know it that was his true admission of guilt or just to get out of the situation. We followed up later and found out that this aggressive farang is not just any diving customer. He is an illegal worker in Phuket, a GM for a dive shop called "Water World Asia". The shop was selling dive trips and send divers to many dive vessels. He should be in Thailand for many years, and this may not be his first time with this behavior. Actually, world class dive destination, such as thousands islands of Malaysia, or Indonesia, never let any westerner in to run/own a dive shop, sucking from their national resources. Only in Thailand, with limited dive sites, where westerner are allowed to work, either legally, through nominees, or illegally. They steal jobs from Thais, using Thai's resources. And then they dare to claim ownership of the resources and looked down on Thais.
I have to leave it with the Guide registra of Phuket, Phuket tourism police, and Phuket governer with their new-order on dive shop, and Phuket dive operators to brushed up on this issue before Farang takeover Phuket and Andaman
แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 50 14:54:56

จากคุณ : Wobbegong - [ 3 พ.ค. 50 14:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35

คนละเรื่องเดียวกัน............

ตามต่อครับ..................................................

จากคุณ : Art999. - [ 3 พ.ค. 50 15:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 36

เห็นด้วยว่าน่าจะดำเนินคดีค่ะ เพื่อจะได้พิสูจน์กันอย่างเป็นทางการไปเลย ว่าใครผิดกันแน่ มิเช่นนั้น เค้าก็คงจะกล่าวอ้าง อย่างที่คุณ Wobbegong ได้ลงไว้ต่อไป

ไม่อยากให้มีการบิดเบือนความจริงค่ะ

จากคุณ : whatever it is - [ 3 พ.ค. 50 15:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37

ถ้าคนที่พอจะรู้จักพี่วินิจ อยู่บ้าง หรือรู้จักเป็นอย่างดี คงจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ...

อ่านคำแก้ตัวของไอ่ฝรั่งตาน้ำขาว แล้วมันน่าเจ็บใจ กับสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้นไปอีก

ไม่อยากให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ แค่เพียงเป็นเรื่องราวที่ได้ยินผ่านหูกันไปอีกเรื่องนึงเลยครับ
.......มันสมควรเป็นเรื่องราวที่ได้รับการแก้ไข เป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะโดยทางกฏหมาย หรือการลงโทษทางสังคม.....

.....................

จากคุณ : อ.อดุล - [ 3 พ.ค. 50 15:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38

รอดูครับ ต้องรับฟังความทั้งสองด้านนะ

จากคุณ : ok3 - [ 3 พ.ค. 50 16:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39

ให้ส่ง e-mail มาตำหนิแล้วไง! แน่ใจรึว่าจะเปลี่ยนนิสัยเป็นฝรั่งหัวอ่อนได้จากการโดนตำหนิจากคนไทยที่นายดูถูกหรอ!

ให้ส่ง e-mail ไปหาโดยตรง? พร้อมที่จะรับการตำหนิจากทุกท่าน?

ถุย ส่งทำแป๊ะไรล่ะฮ้า ส่งให้ตำรวจดีกว่ามั้ง อ่านแล้วของขึ้นจริงเลยหวะ

ยิ่งเกลียดฝรั่งเข้าไปใหญ่

ถุย จะบอกว่าไม่รูสึกสักนิดว่ามรึงสำนึกผิดเลยหวะ

จากคุณ : monojax - [ 3 พ.ค. 50 16:33:17 A:unknown X:unknown, unknown, 202.183.135.90 TicketID:144453 ]

ความคิดเห็นที่ 40

เพิ่งได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ ว่า ขณะนี้ ขอให้นิ่งๆ กันไว้ก่อน
ทางนั้นขอเวลาสัก 2-3 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม
และนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องและเป็นธรรมสำหรับคู่กรณีทั้งสองฝ่าย

ก็ขอให้ใจเย็นๆ กันไว้ก่อนครับ

จากคุณ : Wobbegong - [ 3 พ.ค. 50 16:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 41

แย่นะครับ ผมว่าพี่วินิจ เท่าที่รู้จัก แกออกจะสุภาพ และคงระแวดระวังดีพอที่จะดูแลฟินและอุปกรณ์ของตัวเองไม่ให้ไปเกี่ยวนู้นนี่ ขณะ่ถ่ายรูปละครับ

หรือถ้าคุณ(น่าจะเรียกไอ้นะ)ฝรั่งนี่เห็นจริง มากที่สุด ก็เขียนโวยผ่าน slate อ่ะ ไปถอดหน้ากากใต้น้ำ แบบสุ่มสี่สุ่มหกแบบนี้ ครูดำน้ำ ประสบการณ์ไม่ต้องเยอะเท่ามันแบบผม ยังไม่ทำเลยครับ

การกระทำแบบนี้ เด็กแถวบ้านเรียก "เกรียน" อ่ะคับ

จากคุณ : 311025 - [ 3 พ.ค. 50 16:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42

ต้องแจ้งความครับ ให้เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมาย จะได้ไม่มีข้ออ้างให้แก้ตัวได้

จากคุณ : jk (016) - [ 3 พ.ค. 50 17:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 43

ข้องใจที่ฝรั่งคนนี้บอก..
การถอดหน้ากากออกทั้งๆที่ยังอยู่ใต้ทะเล
มันไม่อันตรายเหรอ??

จากคุณ : ตุ๊กตาไขลาน - [ 3 พ.ค. 50 18:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 44

ฝรั่งทำไม่ถูกในกรณีนี้

แต่ผมยืนยันได้ว่าฝรั่ง (โดยรวม รักธรรมชาติ โดยการกระทำ มากกว่าคนไทย)

จะด่าฝรั่งก็ให้มันตรงประเด็น ในสิ่งที่เขาผิด
เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ... ส่วนข้อดีของเขาก็ควรยกย่อง

ที่พูดนี้อยากให้มีสติเท่านั้นนะครับ ส่วนจะเอาผิดทางกฎหมายหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้เสียหาย

จากคุณ : DOTA online - [ 3 พ.ค. 50 18:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45

จะไปด่าคนชาติอื่นทำไม คนบ้านเรานี้ล่ะเปิดโอกาสให้เขาเข้ามาหารายได้เอง
เขามาเปิดก็ต้องมีหุ้นคนไทยรวมด้วย
คิดแง่ดีอย่างน้อยก็ยังต้องจ้างคนไทยทำงานและเรายังมีงานทำ
เรื่องทรัพยากรเสียหายเขามาปืนมาจอให้เราทำลายไหมล่ะ?
เมืองไทยก็มีหลายชาติป่นมาตั้งนานยังทำใจยอมรับกันไม่ได้อีกเหรอ?
มาเลเซียสร้างหมู่บ้านให้คนต่างชาติมาจองอยู่ด้วยซ้ำไป ไม่ใช่เขาไม่เปิดรับน่ะ
ไม่รู้จักทั้ง จขกท และคนต่างชาตินั้นแต่ข้อความที่เขียนอ่านแล้วใส่อารมณ์และปลุกให้คนจะแตกแยกตามเขามากเกินไปน่ะ

จากคุณ : jsd_t - [ 3 พ.ค. 50 19:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46

เป็นโอกาสอันดีที่จะนำกฏหมายนำเที่ยวมาใช้

มัคคุเทศ สงวนสำหรับคนไทยครับ

ถ้าเอาจริงขึ้นมา ผมว่าระดับ DM ที่เป็นคนไทย

ควรไปสอบบัตรไกด์ด้วยนะครับ

กฏหมายถึงจะเป็นผล ไม่ใช่เลี่ยงด้วย DOCT

อย่างน้อยสุด ถึงมันจะไม่ได้ผลทั้งหมด แต่น่าจะนำมาคิดทบทวนกันดูนะ สำหรับกฏหมายมัคคุเทศ

จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 3 พ.ค. 50 20:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47

หวังดีแล้วทำไมต้องชักมีดด้วย
ฟังไม่ขึ้นนะ

จากคุณ : Susie - [ 3 พ.ค. 50 21:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48

คิดว่าตัวเองศิวิไลซ์ แล้วเมืองไทยเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนกระมังคะ

เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแล ก็ขอให้เคร่งครัดกันมากกว่านี้นะคะ

อ่านแล้วโมโหตะหงิดๆ นี่เหยียบอยู่บนแผ่นดินไปนะเนี่ย

จากคุณ : นู๋แคท (Pussy_kittycat) - [ 3 พ.ค. 50 22:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 49

ทำไมประเทศไทยถึงต้องคอยเกรงใจเอาอกเอาใจฝรั่ง ให้ฝรั่งมากอบโกยใช้ทรัพยากร เคยมีข่าวลือตอนไปเที่ยวมาหยาว่า ฝรั่งซื้อเกาะนี้ไปแล้ว ซักวันคนไทยขึ้นอ่าวมาหยาต้องจ่ายเงินให้ฝรั่ง ถึงตอนนั้น รัฐบาลถึงจะรู้สึกตัวมั๊ง

จากคุณ : puaishare - [ 3 พ.ค. 50 22:47:58 ]

ความคิดเห็นที่ 50

เตรียมง้างมาแต่ไกล เจอ reply ของครู Wobbegong ต้องขอหยุดไว้ก่อนแฮะ รอให้เรื่องกระจ่างกว่านี้ก่อนดีกว่า

ต้องแยกประเด็นกันนะครับ เรื่องที่ฝรั่งมาแย่งอาชีพคนไทยใช้ทรัพยากรใต้น้ำของไทยหากินนั่นก็เรื่องนึง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นใต้น้ำนั่นก็อีกเรื่อง

ตอนนี้ผมสนใจ 2 ประเด็นหลักคือมีการเตะปะการังอ่อนจนลอยขึ้นมาจริงมั้ย และมีการชักมีดขู่จะตัดท่ออากาศจริงมั้ย ซึ่งก็คงไม่มีใครเป็นพยานได้นี่เนอะ

ไอ้การมาปัดหน้ากากออกเนี่ยถึงจะไม่ได้อันตรายร้ายแรงก็เหอะแต่ก็เหมือนผลักอกหาเรื่องกันนะล่ะ งี้มาชกกันเลยดีกว่า

จากคุณ : แฟนสวย - [ 3 พ.ค. 50 22:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51

พี่วินิจ ผมว่าดำเนินการทางคดีไปก่อนดีกว่า ยังไงผมคนหนึ่งที่รู้จักพี่ดีไม่น้อยกว่าคนอื่นครับ ผมเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่

จากคุณ : เด้าลมหลังเทา - [ 3 พ.ค. 50 23:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 52

สายชลขอให้ท่านทั้งหลายลองใช้สติและสมาธิในการอ่านบทความเรื่องนี้ของน้องวินิจไปอย่างช้าๆแบบคำต่อคำดูอีกสักครั้งนะคะ

ถ้าท่านไม่มีอคติใดๆมาแผ้วพาน...เมื่ออ่านจบแล้ว...ท่านจะเห็นว่า ในบทความนี้ น้องวินิจต้องการสื่อสารถึงท่านผู้อ่านอยู่ 2 ประเด็น คือ...

ประเด็นแรก....น้องวินิจเล่าให้เราฟังว่าถูกฝรั่งคนหนึ่งรบกวน ข่มขู่ คุกคาม และกระทำการอันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ในขณะดำน้ำอยู่ใต้น้ำลึก 60-90 ฟุต

ประเด็นที่สอง....น้องวินิจแสดงความห่วงใยว่า เมืองไทยของเรามีแหล่งดำน้ำอยู่ไม่กี่แห่ง แต่ก็ยังปล่อยให้ฝรั่งต่างชาติเข้ามาทำมาหากิน ทั้งโดยถูกกฎหมาย โดยแอบใช้นอมินีและพวกลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย แย่งงานคนไทย แอบใช้ทรัพยากรของคนไทย หนักๆ เข้าก็เหิมเกริมสร้างอิทธิพลทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทรัพยากรแล้วดูถูกย่ำยีคนไทย จึงขอฝากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลเรื่องนี้ก่อนที่ฝรั่งจะยึดเมืองภูเก็ตและท้องทะเลอันดามัน

เมื่อมีประเด็นสองประเด็นกล่าวถึงอยู่ในเรื่องเดียวกัน....ก็คงจะไม่ผิดกติกากระมังคะที่สมาชิก Pantip จะร่วมกันแสดงความคิดเห็นได้ในทั้งสองประเด็นที่มีอยู่

หรือใครใคร่แสดงความคิดเห็นถึงประเด็นใดประเด็นหนึ่งเพียงประเด็นเดียว ก็ไม่ว่ากันค่ะ เป็นสิทธิที่แต่ละท่านจะทำได้อยู่แล้ว....

ไหนๆก็โตเป็นผู้ใหญ่เหมือนๆกันแล้วนี่นะคะ...เรามาร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างมีสติ เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ และเป็นการติเพื่อก่อกันต่อดีกว่าค่ะ...

จากคุณ : สายชล - [ 4 พ.ค. 50 02:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 53

สนับสนุนให้แจ้งความค่ะ..

จากคุณ : extrajeab - [ 4 พ.ค. 50 07:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 54

อ่านแล้วอึ้ง เบื่อพวกฝาหรั่งเบ่งกล้ามว่ะ

จากคุณ : Gigolina - [ 4 พ.ค. 50 08:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 55

ปูเสื่อรอชมค่ะ เพราะความสองข้างไม่เหมือนกันเลย หนูยังไม่ว่าใครถูกใครผิด แต่ถ้าหนูเจอเหมือนคุณวินิจใต้ทะเลนั่นล่ะก้ออออ ...

ขอบอกค่ะ ว่าคงได้เจอข้อหา "ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา" ได้ ... เพราะว่าถอด mask เป็น skill ที่ปอดที่สุดที่เคยเรียนมา และทำไม่ได้ค่ะ กลั้นใจสอบเอาผ่าน ขี้แง รับรองได้ว่า ต้องมีอาการทะลึ่งขึ้นสู่ผิวน้ำใน 5 วินาทีแน่ๆๆ

จากคุณ : หนูตัวเล็ก ^0^ - [ 4 พ.ค. 50 10:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 56

มาใช้วิธีปัดหน้ากากดำน้ำคนอื่นหลุดใต้ระดับน้ำ 60-70 ฟุต นี่มันเกินไปแล้วอ่ะคะ

ถ้าเค้าตกใจพุ่งขึ้นผิวน้ำแล้วปอดฉีกเลือดคั่งอันตรายถึงชีวิตล่ะ

ตาฝรั่งนี่จะยังมีหน้ามาบอกอีกมั๊ยว่า ..นี่ไม่ใช่สิ่งที่อันตราย

มันเป็นขั้นตอนมาตรฐานขั้นตอนหนึ่งที่จะมีการสอนในการดำน้ำในทะเลขั้นต้นทุกหลักสูตร ..

.. ช่างแถไปเรื่อย ข้าง ๆ คู ๆ เสียจริง

จากคุณ : แมลงปอสีฟ้ากับปลาฉลามสีขาว - [ 4 พ.ค. 50 10:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 57

มาโหวต เพราะรู้ว่าทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายฝรั่งมาอยู่ได้เพราะเงิน(ไม่ว่ามาอยู่เพื่อทำอะไร)

จากคุณ : bubblebaba - [ 4 พ.ค. 50 10:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 58

สนับสนุนให้แจ้งความครับ มาทำโชว์พาวในบ้านเราแท้ๆอย่าไปยอม เกลียดจริงๆ
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 11:40:25

จากคุณ : บาวทรัสเตอร์ - [ 4 พ.ค. 50 11:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59

ขอตามดูต่อไปแทนละกันนะครับ

เพราะว่า อ่านจากสองแหล่ง มันก็เป็นคนละเืรื่องกันจริง ๆ ครับ

จากคุณ : eurasianbrown - [ 4 พ.ค. 50 11:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 60

ฟังความทั้งสองฝั่งแล้ว กรุณาทำใจให้เป็นกลางด้วย เข้าใจว่าฝรั่งคนนั้น เห็นว่าปะการังกำลังจะโดนทำลาย เนื่องจาก นักเขียนนักถ่ายภาพ อยู่ใกล้มาก จึงเข้าไปสะกิด จะเห็นได้ว่า ประเด็นและจุดประสงค์ของเค้าคือ ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติ กลัวปะการังเป็นอันตราย หรือเห็นว่าเป็นอันตรายแล้ว จึงเข้าไปห้าม เค้าไม่ทราบว่าท่านผู้นี้เป็นใคร เป็นไทย หรือเป็นต่างชาติ แต่เค้ากลัวว่าปะการังเป็นอันตรายจึงเข้าไปห้าม
ไม่ดีหรือที่เค้ารักอันดามัน
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งคนดังกล่าว ไม่ควรที่จะเข้าถึงตัวของนักดำน้ำเพราะว่าเป็นอันตรายต่อชีวิตจริง ๆ
อีกประการ คุณคิดว่านักเขียนหรือนักถ่ายภาพ เขาเหล่านั้นได้รูปที่สวยงามมาได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าไปใกล้ ๆ มาก ๆ ถ้าเค้าเดินขึ้นดอยหลวงเชียงดาว แล้วถ่ายรูปเห็ดรา หรือกล้วยไม้ชนิดพิเศษหายาก ที่ขึ้นอยู่บนยอดไม้สูง เค้าทำอย่างไรขึ้นไป คุณอาจมองว่า พวกเค้าเสียสละเสี่ยงตาย เพื่อให้ได้รูปเหล่านั้นมาด้วยความยากลำบาก แล้วเส้นทางที่เค้าเหยียบย่ำก่อนจะถึงยอดไม้ล่ะ นั่นเรียกว่าการอนุรักษ์หรือไม่
ลองคิดดูก่อน ไม่ได้ชอบฝรั่งที่มาทำงานในเมืองไทยเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ จุดประสงค์ของเค้าไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไร เพียงแค่ต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของโลกเท่านั้น ควรจะให้อภัยหรือไม่
คิดว่านี่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งต่อเรื่องนี้

จากคุณ : Happy-all-the-time - [ 4 พ.ค. 50 11:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 61

การอนุรักษ์ กับการชักมีดขุ่มขู่ ถอดหน้ากากใต้น้ำ มันเป็นคนละเรื่องกัน

ไม่มีใครมีสิทธิทำกับคนอื่นแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร

ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นคนไทย หรือชนชาติไหน

จากคุณ : bluefrigates - [ 4 พ.ค. 50 13:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 62

เรื่องนี้ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงครับ

จากคุณ : ลูกเต่า...คลานต้วมเตี้ยม - [ 4 พ.ค. 50 14:15:17 A:203.151.206.73 X:58.9.8.186 TicketID:143425 ]

ความคิดเห็นที่ 63

โหวตเพทื่อจะรอฟังต่อไป

จากคุณ : POZZ - [ 4 พ.ค. 50 16:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 64

.

จากคุณ : . (mon kiwi) - [ 4 พ.ค. 50 18:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65

โหวตครับ

จากคุณ : fat shark - [ 4 พ.ค. 50 18:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 66

ข้อความที่แปลไทยเป็นอังกฤษไม่ตรง 100% คำสะกดและไวยากรณ์ผิดหลายแห่ง แต่นี้ไม่ใช่สอบภาษาอังกฤษ จึงขอขอบคุณผู้แปลไว้ ณ ที่นี้ แต่อยากขอแจ้งความผิดในเนื้อความที่อาจทำให้เกิดผลอื่นๆ ตามมาเช่น คุณวินิจ บอกว่า "เป็นพวกเข้ามาทำมาหากินที่ภูเก็ต เป็นถึง GM ร้านดำน้ำชื่อ Water World Asia" ไม่น่าจะแปลว่า He is an illegal worker in Phuket , a GM for a dive shop called Water World Asia ที่ถูกต้องน่าจะแปลว่า "He is making a living in Phuket as the GM of a dive shop called Water World Asia" เดี๋ยว Mr.G คนนั้นจะกลับมาฟ้องหมิ่นประมาทคุณพินิจเอาว่าไปหาว่ามันทำงานโดยผิดกฎหมายเพราะบริษัทขนาดนี้ (เครือของ Dive Supply) ย่อมไม่ทำผิดกฎหมายแบบโง่ๆอยู่แล้ว ขอถามหน่อย "ใครคือผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" เผื่อมีอะไรจะได้ไปคารวะถูก

จากคุณ : การ์ตูนหลากสี - [ 4 พ.ค. 50 19:08:27 A:125.25.148.221 X: TicketID:144566 ]

ความคิดเห็นที่ 67

ฟังดูแล้วมันก็มีน้ำหนักทั้งคู่

ฟังจากคุณวินิจแล้วขอบอกว่า.........เดือด ปุดๆๆๆๆ
แต่..
พอนายฝรั่งอธิบายเหตุผลให้ฟัง

เออ มันก็น่าโมโหอยู่หรอก
ถ้าหากฟินของคุณวินิจไปโดนปะการังอ่อนจริง

แต่ทำใมนายฝรั่งถึงไม่ชี้ให้คุณวินิจดูเสืยตอนนั้นเลยหล่ะ
ว่านี่คุณไปแตะโดนปะการังอ่อนกับไม้ทะเลเข้าให้แล้วนะ

ผมว่ามันก็น่าจะจบด้วยดี

ทำใมไม่ทำ ดันไปชักมีดขู่ แถมยังปัดหน้ากากซะอีก
อันนี้ ทำเกินเหตุ ผิดแน่นอน

เอาเป็นว่า ขอรอชมต่อดีกว่า
ไม่อยากออกความเห็นมากกว่านี้
เพราะยังไม่รู้อะใรจริงอะใรเท็จ
แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 22:12:56

จากคุณ : ChanJack - [ 4 พ.ค. 50 22:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ 68

เรียน คุณการ์ตูนหลากสี... คุณวิจารณ์การแปลของผม... ถ้าอย่างนั้นผมขอตอบคุณอย่างนี้

I'm not a professional translator. I make a living on something else not just diving.
It just happended that I am a PADI SCUBA Instructor, who think that I knew how this should be handled.

My whole translation was done in a hurry while I have other things to do for my Full Time job.
It's the urgency of this matter that I'd like PADI to know about, that's why I didn't have time to reviewed my translation

I might make a mistake on translation, then so what? Mr. G recieved the whole translation of mine, and he didn't object on such point. The message and the whole story got through.

BTW, the author's name is Vinij, not Pinit. GET YOUR FACT STRAIGHT. His name was repeated in Thai numerous time in this kratoo. If you just pay as much attention to the whole kratoo as much as you pick on my translation, you wouldn't make this mistake.

PS., Even I, a dive instructor, didn't know that Waterworld is a subsidiary of Dive Supply. So I couldn't have guess.
About "ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" that I'd mentioned about, He would like to remain anonymous for now. So I won't brake his privacy.

เรียนทุกท่าน ขอย้ำอีกครั้งว่าใ้ห้ใจเย็นๆ กันไว้ก่อน อย่างเพิ่งโวยวาย ผสมโรง ณ เวลานี้

จากคุณ : Wobbegong - [ 4 พ.ค. 50 23:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 70

คำชี้แจงเรื่อง มีดหายไปไหนครับ? งง?
-คุณวินิจ พูดอย่างตรงๆ ว่ากันตรง
-คุณฝรั่ง พูดเอาดีเข้าตัวใช้เรี่องไม่เป็นเรื่องมาdiscredit
ใช้ของแพง เหมือนคนญี่ปุ้น ใส่หน้ากากกลับอย่างใจเย็น(อันนี้เป็นไปได้ไหมเนี่ย)
แล้วคุณฝรั่งไม่เห็นจะแสดงท่าทีสำนึกผิดเรื่องปัดหน้ากากเลย เห็นแก่ประการัง จึงปัดหน้ากาดำน้ำคนอื่นทิ้ง???

จากคุณ : Lioneye - [ วันฉัตรมงคล 00:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 71

1. ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคล้ายกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ การปัดหน้ากาก ซึ่ง ทางคุณวินิจบอกว่ามีการปัดหน้ากากออกแล้วว่ายหนี แต่ทางคุณGบอกว่าดึงหน้ากากออกแล้วรอที่จะคืนให้

ข้อเท็จจริงที่กล่าวถึงแต่ฝ่ายเดียว ซึ่งผมขอเรียกว่าข้อสงสัย

2. คุณGกล่าวว่า ครั้งแรกคุณวินิตเตะปะการังอ่อน ต่อมายังย้ายจุดไปเตะcoral อีก ขณะที่คุณวินิจบอกว่าอยู่บนพื้นทราย และไม่ได้พูดถึงการย้ายจุดหนีแต่อย่างไร

3. คุณวินิจกล่าวว่ามีการชักมีดขู่ แต่ทางคุณG ไม่ได้พูดถึง

ความเห็นของผม
-----------------

1. ตามประสบการณ์ของผม การดึงหน้ากากออกจากหน้านี่ผมไม่คิดว่าเป็นไปได้เลยครับ ถ้าดึงช้าๆเจ้าตัวต้องรีบคว้าแน่นอน ใครไม่เชื่อลองให้buddyแอบลองดึงดูก็ได้ ถ้าจะเอาออกแบบที่ทางคุณG ว่าต้องกระชากออกสถานเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นแล้วรอคืนให้ เป็นผมคงมีเรื่องตั้งแต่ในน้ำแล้วละครับ ไม่ต้องว่ายตามมามีเรื่องบนเรือหรอกครับ

เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเป็นการปัดแล้วหนีมากกว่า

2. เรื่องการเตะปะการัง ผมไม่สามารถออกความเห็นครับ เพราะมันคือข้อเท็จจริง ที่ต้องพิสูจน์ คงต้องให้ไปชี้จุดที่เกิดเรื่องเท่านั้น ว่าเป็นจุดที่ขยับไปทางไหนก็โดนปะการัง

3. เรื่องการชักมีดขู่ พิสูจน์ยากมากเพราะมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่รู้ แต่ถ้าไม่จริงคุณG น่าจะบอกมาในจดหมายเลย เพราะการกระทำดังกล่าวผิดกฏหมายแน่นอน

อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า ข้อเท็จจริงเรื่องการปัด/ดึงหน้ากาก ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แน่นอน (แต่ถ้ามีสถาบันไหน สอนการเคลียร์หน้ากากด้วยการ ให้ครูดึงออกและคืนให้ที่ความลึก 60 ฟุต โดยไม่รู้ตัว รบกวนบอกผมเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ)

จากคุณ : คนขี้สงสัย - [ วันฉัตรมงคล 01:42:05 A:124.121.1.205 X: TicketID:144600 ]

ความคิดเห็นที่ 72

อยู่กะรนที่ภูเก็ตนี่เองค่ะ ยอมรับว่าช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเจอแต่ฝรั่งทำตัวนิสัยแย่ๆ ชอบทำตัวเป็นเจ้าถิ่น โดยเฉพาะการ ชอบขับรถปาดหน้า ไม่เคารพกฎจราจร นึกจะจอดตรงไหนก็จอด เคยเจอฝรั่งคู่หนึ่งกำลังเช่ารถมอเตอร์ไซค์ เราเห็นก็นึกว่าขับเป็น.... เปล่าค่ะ มันจูงรถออกไปถนนอีกเส้นที่ไม่ค่อยมีคนแล้วมันก็เริ่มหัด เริ่มขับเอาตรงนั้น หมวกกันน๊อคมันก็ไม่ใส่กันนี่ถ้ามันขับไปแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาใครจะรับผิดชอบกันเนี่ย

นอกจากนั้นที่นี่ตอนนี้ธุรกิจการค้าที่ผุดใหม่ๆเนี่ยเป็นของฝรั่งเสีย 80% หรือจะ 90% ได้แล้วกระมัง ทั้งร้านอาหาร โรงแรม เกตส์เฮาส์ ธุรกิจทัวร์ ดำน้ำ กฏหมาย สิ่งพิมพ์ บ้านจัดสรร ฯลฯ แล้วสุดท้ายคนไทยอย่างเราก็ต้องไปสมัครทำงานเป็นลูกจ้างมัน ต่อไปในอนาคตอาชีพของคนไทยคงไม่มีให้ทำแล้วกระมังเพราะคอยแต่ไปเป็นทาสพวกมัน

ไม่ทราบว่าเมื่อไรรัฐบาลจะเข้ามาแก้ไข เบื่อพวกฝรั่งมากๆ อยู่เต็มเกาะไปหมดแล้ว ประชากรฝรั่งจะมากกว่าคนท้องถิ่นแล้วมั้งค่ะพี่น้อง แต่ยังไงเสียคงจะอีกนานหรือไม่มีโอกาสแก้ปัญหานี้เพราะพวกบ้าขายที่ดินอสังหาฯทั้งหลายขยันขาย ขยันส่งเสริมให้พวกฝรั่งเกษียณแก่ๆมาอยู่เมืองภูเก็ตเสียเต็มเมืองไปหมดแล้ว อย่างว่าค่ะผลประโยชน์มันเอื้อจนเกิดแต่ความละโมบจนไม่สนใจอนาคตเราว่าเป็นยังไง

รักเธอประเทศไทย

จากคุณ : I hate Farang Club - [ วันฉัตรมงคล 03:34:28 A:124.157.216.139 X: TicketID:001055 ]

ความคิดเห็นที่ 73

โดยปรกติเป็นคนทั่วถ้าไปไม่ได้ชักมีดขู่เขาจริงๆแล้วโดนกล่าวหาว่าชักมีดนี่ต้องโวยวายปฏิเสธเรื่องนี้ก่อนอยู่แล้ว
แต่ที่นายกุนชี้แจงจงใจจะข้ามเรื่องนี้ไปไม่เอ่ยถึงเลย แสดงว่าน่าจะทำจริง

จากคุณ : -J- - [ วันฉัตรมงคล 07:18:39 A:203.151.206.73 X:58.8.115.155 TicketID:088486 ]

ความคิดเห็นที่ 74

"ใครคือผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" เผื่อมีอะไรจะได้ไปคารวะถูก

เพื่อนผมเป็นคนภูเก็ต คนพื้นที่ พฤกติกรรมมันไม่ต่างจากมาเฟียหน้ารามเท่าไหร่ แต่จะคอยดูแลเรื่องการล้ำเส้นของธุรกิจใต้ดินของต่างชาติ ล้ำเส้นมาป่าตองเป็นโดนพังร้าน

แต่ "ใครคือผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" บอกใบ้นิดนึง หลายบริษัทดำน้ำในภูเก็ตฟอกเงินให้นักการเมืองไทย

ตัวมันยังต้องไปพึ่งใบบุญเขาเลย เพราะมันใหญ่จริงๆ

ผมว่าถ้าจะไปคารวะ ก็ไปได้ที่แถวรัฐสภา

แต่ถ้าพี่วินิจจะเอาเรื่อง ผมอาสาไปกระถืบให้ฟรีครับ ขอยืมเด็กในวินมอไซค์ กับตำรวจท่องเที่ยวหน้าร้านอาหารเพื่อนไปสัก 2 -3 คน

อาสาถืบให้ฟรีครับ

จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ วันฉัตรมงคล 12:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 75

อืมม...เรื่องนี้

น่าสนใจ และติดตามดี....

รอดูกันต่อไป...

แต่ถ้าผมเป็นคุณ วินิจ ก็คงแจ้งความนะ....ผิดถูกอย่างไร จะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในชั้นศาลไปเลย..

เพราะไม่ใช่เรื่อง เล็กๆ แล้วล่ะ...เผลอๆ อาจจะมีข้อหา "หมิ่นประมาทเพิ่มมาด้วย"

จากคุณ : ผมให้สัญญา - [ วันฉัตรมงคล 18:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 76

ฝารั่ง มันทำเกินไปแต่อย่าเกลียดกานจน ฝารั่งคนอื่น
ทำมาหากินไม่ได้เลยครับ เอาเฉพาะกลุ่มบุคคลดีกว่า

จากคุณ : dodoman - [ วันฉัตรมงคล 21:32:06 ]

ความคิดเห็นที่ 77

ข้อความข้างล่างนี้เป็นการ "แสดงความคิดเห็น" ที่สุภาพเรียบร้อย (ไม่ใช่การ "โวยวาย ผสมโรง") ของน้อง dugong_gang ผ่านหน้า Webboard ของ www.SaveOurSea.net เชิญพิจารณาดูนะคะ....

**************************************************************************

"ขออนุญาตพี่สองสาย เล่าข้อเท็จจริงบางข้อให้ได้พิจารณากันนะครับ

พอดี ผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยนะครับ แต่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ใต้น้ำ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ขอเล่าข้อเท็จจริงบางอย่างให้ฟัง

ข้อแรก พี่วินิจ เวลาดำน้ำถ่ายรูป ขอบอกว่าพี่เค้าควบคุมการลอยตัวได้ดีมาก สังเกตุได้จากหลายๆ Dive ที่ได้เจอกันในน้ำ

ข้อสอง พี่วินิจ อาจจะผิดที่ทำเป็นตัวอย่าง ที่ไม่ดี สำหรับคนที่แยกไม่ออกว่าอะไรคือ ปะการัง อะไรคือหิน แต่ด้วยประสบการณ์ดำน้ำที่ยาวนานของพี่วินิจ ผมเชื่อว่าพี่เค้ารู้ดีครับว่าเค้ากำลังนั่งอยู่บนอะไร

ข้อสาม ไม่เห็นคุณ Gunter Hormann กล่าวถึงตอนชักมีดออกมา ขู่ฆ่าพี่วินิจ ในจดหมายเลย กลัวจดหมายจะเป็นข้อผูกมัดตัวเองว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า

ข้อสี่ ที่ไปบนเรือ South Siam ไปไม่ถึง 10 คนแน่นอน แต่ถ้ารวมน้ำหนักตัวคนที่ไปอาจจะใช่ ฮ่าๆๆ อย่าลืมว่า เรือดิ้งกี้ลำหนึ่ง รับได้กี่คน ที่แน่ๆ มี ผม พี่ fatfish พี่นัท ครูอ้อย และพี่ วินิจ แถมคนขับเรืออีกหนึ่งคน อยู่บนเรือดิ้งกี้ แล้วคุณคิดว่าจะเหลือพอให้อีกกี่คนขึ้นไปบนเรือดิ้งกี้ได้

ข้อห้า ตอนที่อยู่บนเรือ South Siam ไม่เห็นคุณ Gunter Hormann จะพูดแบบที่เขียนมาเลยนิครับ หรือเพียงแค่ว่าขอให้เรื่องมันจบไปก่อน

ข้อหก' คุณจะมาสันนิษฐานจากอุปกรณ์ได้ไงว่าเค้า มีทักษะดำน้ำดี คนรวยทุกคนก็ต้องดำน้ำทักษะเป็นเลิศละซิครับเนี่ย

ข้อเจ็ด คุณบอกว่า คุณอยู่ใกล้ๆพี่วินิจตอนคุณดึงหน้ากากพี่เค้า และพร้อมที่จะคืนใส่ให้พี่วินิจ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นั้นหมายความว่า หน้ากากอยู่ในมือคุณ แต่ไม่ทราบว่าพี่เค้าไปดึงมาจากมือคุณ Gunter Hormann ได้ไง เท่าที่ผมทราบ พวกนี้เวลาดึงหน้ากากแล้วมักจะว่ายหนี หรือคุณว่าไม่จริง

ข้อแปด พี่วินิจ ไม่ใช่คนคุยโม้โอ้อวดตัวเอง พี่วินิจเป็นคนสุภาพ ถ่อมตน กว่าจะได้ยินเสียงพี่วินิจนั้น ยากมาก (ยากพอๆกับเจอฉลามวาฬ ฮ่าๆๆ) เพราะฉนั้นการที่พี่เค้าขึ้นจากน้ำมาโอ้อวดตัวเองว่าเป็นใคร คงจะไม่จริง เพราะเป็นผม ผมคงด่าพ่อ ด่าแม่ ก่อนละ และอีกข้อถ้าพี่วินิจคุยโม้โอ้อวดได้ขนาดนั้น และเค้าเข้าใจได้ คงไม่ต้องมี ล่าม ไปก็ได้มั้งครับ

ข้อเก้า ใช่ครับในเรื่องการเรียนดำน้ำขั้นพื้นฐาน จะต้องเรียนถอดหน้ากาก ไล่น้ำออก แต่อย่าลืมซิครับว่า เค้ากำลังสอน นักเรียนย่อมมีการเตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์ และอีกอย่างตอนเรียนอ่ะ เค้าให้นักเรียนถอดเองใส่เอง หน้ากากมันอยู่ในมือนักเรียนเอง ไม่ได้หายไปไหน ไม่ใช่อย่างที่คุณดึงมันออกไป

อืมม แรกๆว่าจะไม่ยั๊วะแล้วนะเนี่ย แค่นี้ก่อนแล้วกัน......"

**************************************************************************

หวังว่าความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นของน้อง dugong_gang จะเป๋นประโยชน์ต่อท่าน "ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" ไม่มากก็น้อยนะคะ

จากคุณ : สายชล - [ วันฉัตรมงคล 21:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 78

ขอชี้แจงคำว่า "ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" สักนิดหนึ่ง ก่อนที่จะมีคนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้...

ผมไม่ได้หมายความว่า "ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการดำน้ำ" เพียงแต่ผู้ที่ติดต่อผมมานั้น..
มีอาวุโส วัยวุฒิ คุณวุฒิในวงการที่สูงกว่าผม..
(พูดง่ายๆ ก็... แก่ ... นั่นแหละ)
ไม่ใช่ว่าเป็น "ผู้ยิ่งใหญ่" ที่จะไปสั่งใครซ้ายหัน ขวาหันได้...

เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณวินิจในครั้งนี้ หลายท่านก็ทราบอยู่ ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่
ในหมู่นักดำน้ำไทย หลายคนเคยคุยกันหลายครั้งแล้วในประเด็นที่เกิดขึ้น
ในทางกลับกัน ฝรั่ง ต่อฝรั่งด้วยกันเอง ก็มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน
เพราะฉะนั้น การดำเนินการในครั้งนี้ เป็นความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน
เหมือนกับการจับหมัดจากหลังสุนัข ที่เราคงไม่ต้องการแค่จับทีละตัวสองตัว
แต่ต้องการจับให้หมดเลยในคราวเดียว
ในบรรดาคนที่กำลังพยายามดำเนินการแก้ปัญหาในครั้งนี้เกือบทุกคน ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องระหว่าง "ไทย - ฝรั่ง"
แต่ต้องการแ้ก้ปัญหา "พฤติกรรมและทัศนคติของคน" ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน..
ดังนั้น คงต้องใช้เวลา

"ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" ที่ผมอ้างถึง เพิ่งแจ้งให้ผมทราบว่า ได้ติดต่อกับคุณวินิจด้วยตัวเองแล้ว
ได้พูดคุยในรายละเอียด กระบวนการต่างๆ แล้ว
ติดปัญหาอยู่ตรงที่ว่า คุณวินิจกำลังเดินทางต่างจังหวัด ไม่อยู่ในกทม. อีกหลายวัน
เพราะงั้น... เราก็คงต้องรอ และเคารพการตัดสินใจของคุณวินิจ

จากคุณ : Wobbegong - [ วันฉัตรมงคล 21:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 79

ขอบคุณค่ะน้อง Wobbegong ที่ช่วยชี้แจงมาให้ทราบ.....

ถ้าน้องพูดถึง "ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" มาอย่างนี้ตั้งแต่ต้น ก็คงไม่มีคนข้องใจสงสัยอะไรนักหรอกนะคะ

จริงๆแล้ว....วงการดำน้ำบ้านเรานั้นแคบนัก...และผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือของคนในวงการดำน้ำบ้านเรา ที่พอจะยกมือไหว้กันได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจนั้นก็มีอยู่ไม่กี่ท่าน และเราก็มักจะรู้จักมักคุ้นกันดี แต่เมื่อน้องมาใช้คำว่า "ผู้ใหญ่ในวงการดำน้ำ" แล้วก็ไม่บอกว่าเป็นใคร เมื่อผสมกับคำขอที่ไม่ให้ "โวยวาย ผสมโรง" (อย่างคำพูดที่ใช้ใน Pantip) อ่านแล้วก็พากันสะอึกและหน้านิ่วคิ้วขมวดกันเป็นแถวๆด้วยความข้องใจสงสัยบวกกับหมั่นไส้นิดๆ จนต้องสบถต่อว่า "...ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน...."

พี่คิดว่า การแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ดีและทุกคนมีสิทธิที่จะทำไปได้เรื่อยๆ ....ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องหยุดแสดงความคิดเห็น ในขณะที่น้องและ "ผู้ใหญ่" กำลังดำเนินการติดต่อประสานงานกับน้อง วินิจ และสถาบันที่ฝรั่งคนนั้นสังกัด อยู่

เรื่องนี้คงยังอีกยาวไกลกว่าจะจบค่ะ....เพราะกำจัดหมัดออกจากสุนัขได้หมดนั้น มันง่ายกว่าการกำจัดคนเลวๆออกจากสังคมของคนดี

อย่างไรก็ตาม พี่ไม่อยากให้เรื่องนี้เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง ซู่ช่าๆสักพักเดียวแล้วก็เงียบหายไป อย่างไรก็ขอฝากเรื่องไว้ด้วยนะคะน้อง Wobbegong...

จากคุณ : สายชล - [ วันฉัตรมงคล 23:00:53 ]

ความคิดเห็นที่ 80

วันนี้ได้มีโอกาสดูรายการท่องเที่ยวทาง truevision ผู้จัดการ Le meridien ภูเก็ต (เป็นคนต่างชาติ) ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า " ทางรีสอร์ทของเรา เป็นรีสอร์ทที่อยู่ในรีสอร์ท เรามี ชายหาด ของเราเอง (ชายหาดส่วนตัว) และไม่มีพวกหาบเร่ มารบกวนแขก " เล่าเฉยๆ อาจไม่รู้สึกอะไรใช่มั๊ยคะ แต่ขอบอกว่าตอนที่ดูนั้น รู้สึกเหมือนเค้าประกาศตัวว่าเป็นเจ้าของผืนแผ่นดิน ที่คนไทยทุกคนน่าจะมีโอกาสได้ชื่นชม รวมถึงท่าทางที่เค้าเหมือนกับรังเกียจหาบเร่ น่าโมโหนะคะ

จากคุณ : เนเน่ลูกพ่อพัด - [ วันฉัตรมงคล 23:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 81

ขอโหวตด้วยคนค่ะ ไม่อยากให้เขามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรของเราค่ะ

จากคุณ : ป่ากว้าง - [ วันฉัตรมงคล 23:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 82

เข้ามาตามข่าวทุกวันเลยค่ะ
อ่านแล้ว จี๊ดค่ะ ทนไม่ได้

จากคุณ : blueberryinlove - [ 6 พ.ค. 50 02:09:06 ]

ความคิดเห็นที่ 83

น่าเสียดายที่คุณวินิจไม่ได้ถ่ายรูปนายฝรั่งคนนั้นตอนเอามีดออกมาขู่ ไม่งั้นคงใช้เป็นพยานหลักฐานในการฟ้องได้ล่ะครับ ที่จริงคุณวินิจก้อมีอาวุธในมือคือกล้องและบทความที่เขียนลงหนังสือ อสท. ที่จะบอกเล่าความเลวร้ายของคนบางคนที่กระทำต่อแผ่นดินไทยล่ะครับ

จากคุณ : ตะวันใต้น้ำ (ตะวันใต้น้ำ) - [ 6 พ.ค. 50 09:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 84

ไม่เกี่ยวกับดำน้ำค่ะ แต่อยากแสดงความคิดเห็นไม่อยากให้ ไทย-ฝรั่ง กลายเป็นความแตกแยก แต่มีตัวอย่างให้ดูว่าทำไมฝรั่งคนนี้ถึงได้มาอยู่ที่นี่ และกำลังจะจากไป เค้าเป็นฟรีแลนด์ดำน้ำเหมือนกันค่ะ และก็ได้แต่หวังว่าอย่ากลับมาเมืองไทยอีกเลย มันเป็นแค่กรณีศึกษาเท่านั้นค่ะ
แต่ก็มีฝรั้งหลายคนที่เป็นคนดี อยากที่จะอยู่เมืองไทยจริง เพราะมีครอบครัวอยู่ที่นี่ เมียเป็นคนไทย ลูก ๆ ก็อยู่ที่นี่ แต่ถามว่าเค้าจะตายอยู่ที่นนี่ มั๊ย คำตอบส่วนใหญ่คือไม่ เพราะเค้าคือแค่คนอาศัย เหมือนกับถามคนไทยที่อยู่ต่างประเทศว่าอยากตายอยู่ที่นี่หรือเปล่า ส่วนใหญ่ 4 ใน 5 จะบอกว่า กลับมาตายบ้านเกิด สิ่งเดียวที่จะทำได้คือ ต้องปลูกฝังทัศนคติให้เด็กรุ่นหลัง สำนักในความเป็นตัวของตัวเอง ความมีสิทธิ เท่าเที่ยมกัน ในเรื่องเชื้อชาติ ไทย-ฝรั่ง คนเหมือนกัน แต่อยุ่ที่การกระทำว่าคน ๆ นั้น เป็นอย่างไร ผิดหรือถูกว่ากันไปตามหลักความเป็นจริง บางครั้งก็อธิบายไม่ถูกค่ะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราทำงานกับฝรั่ง บางสิ่งของเขาก็ดี แต่บางอย่างก็ไม่ดี มีเจ้านายคนไทย ฝรั่ง เหมือนกันแหละค่ะ เรามีหน้าทีทำงาน เค้ามีหน้าที่จ่ายค่าแรงเราอยู่ดี มันอยู่ที่มุมมองว่า เราจะคิดอย่างไรต่างหาก

Date: Sat, 24 Mar 2007 13:41:13 +0700
From: > View Contact Details Add Mobile Alert
Yahoo! DomainKeys has confirmed that this message was sent by gmail.com. Learn more
To: "Mandy" "Mike & Terry"
Subject: Homeward bound
As the US dollar keeps falling in value (thanks George) and the Thai baht keeps getting stronger*, I'm being forced to return to the workforce. $1.00 now buys about 80% of what it did when I arrived 2 1/2 years ago. So, I'm liquidating my Thai assets and will begin wandering to the other side of the planet ( USA side) in mid April. After a stop in Cambodia and another visit to Viet Nam I should arrive in Columbus Ohio in mid May. The current plan is to head to Las Vegas and try to get on in the gaming industry – unless somebody can offer me something better.
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 50 11:11:50

จากคุณ : Nikelkiwi - [ 6 พ.ค. 50 11:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85

ที่เป็นเรื่องขึ้นมาเพราะพี่วินิจ มีกระบอกเสียง เป็นนักเขียน เป็นสาธารณะบุคคล ที่คนดำน้ำรู้จักกันดี มีประสบการณ์ดำน้ำโชกโชน

แต่ถ้าเกิดขึ้น (กระชากหน้ากากที่ 20 เมตร) กับนักดำน้ำ แค่ 10-20 กว่าไดว์ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ผมว่า panic แน่นอน

แล้ว เราจะได้รับข่าวอีกแบบ คือนักดำน้ำเกิดอุบัติเหตุ ถึงขั้นเสียชีวิต โดยเอาผิดกับใครไม่ได้

ผมสนับสนุนให้เอาเรื่องครับ อย่างน้อยเป็นกรณีศึกษาครับ ผมว่าผมเลวแล้วนะครับ

ไอ้นี่เล่นหนักถึงชักมีด ถึงปัดหน้ากาก มันพยายามฆ่าชัดๆ

จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 6 พ.ค. 50 11:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 86

" ก็คงต้องฝากนายทะเบียนมัคคุเทศก์ภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต และท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ท่านมีนโยบายจัดระเบียบร้านดำน้ำ ผู้ประกอบกิจการดำน้ำในภูเก็ตช่วยตรวจตราเอาจริงเอาจังกันเสียที ก่อนที่ฝรั่งจะยึดเมืองภูเก็ตและท้องทะเลอันดามัน " <------ ฝากผู้ที่พอมีอำนาจหรือมีเส้นสายช่วยกันด้วยนะครับ ฟอร์เวิร์ดเมลล์ก็ยังดี คนละไม้ละมือครับ อย่าให้คนรุ่นหลังเจอฝรั่งขี้เบ่งเลยครับ มาบ้านเราแล้วมาวางฟอร์ม มีอำนาจแย่ครับ เราคนไทยต้องรักกันครับ ผมเห็นนักต่อนักแล้ว คนไทยด้วยกันนี่แหละ ฝรั่งอะไรก้ได้หยวนๆ (เพราะภาอังกฤษไม่ดี ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงด้วย) หรือไอ้พวกเห็นฝรั่งเป้นพระเจ้าก้อีกแหระขอทีเถอะครับ แต่ถ้าคนไทยทำผิดเองผมก้ไม่เว้นนะครับ ไม่ใช่จะให้เข้าข้างคนไทย ถ้าคนไทยเราเองจากเรื่องนี้ สมมุตว่าเหยียบปะการัง ทำลายระบบนิเวศจริงก็ไม่สมควรครับ

จากคุณ : mr thai find (Mr Thai Find) - [ 6 พ.ค. 50 13:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 87

ที่แน่ ๆ เขากล้ามาก ๆ เลย ถึงได้คิดว่า จะสั่งให้ใครทำตามที่เขาบอกแล้ว ยังเรียกให้ขึ้นมาบนผิวน้ำ ตามที่เขาต้องการได้ด้วย....

รู้จักฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยนาน ๆ ขอบอกเลยแต่ละคน ใจร้อน ทำอะไรตามอารมณ์ไม่รู้จักคิดให้รอบคอบ

มาว่าคนไทยเราช้า

แต่ตัวเอง คำว่า "คิว" ยังสะกดไม่เป็น

จะซื้ออะไร จะติดต่ออะไร ต้องได้เด๋วนั้น ๆ รอไม่เป็น คิดว่าเป็นพวกเจริญกว่าเรา (ไม่รู้ลืมพัฒนาจิตใจให้เจริญตามหรืออย่างไร)

เบื่อจริง ๆ พวกคิดว่า "เงินตัวเองใหญ่" นี่

บ้านตัวเองเจริญกว่า กฏหมายดีกว่า การเมืองรัฐบาลดีกว่า น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ดีกว่า แล้วทำไมไม่ไปอยู่บ้านตัวเองล่ะ บ้านตัวเองดี ๆ ยังอยู่ไม่ได้ คิดดูแล้วกันพี่น้อง แล้วมาเบ่งเมืองไทย

อยู่ป่าตองค่ะ เจอทุกวัน พวกนี้

แต่บางคนมาเที่ยวครั้งแรกจะดีนะคะ จะพยายามศึกษาวัฒนธรรมบ้านเรา กิน อยู่อย่างไร ไม่เหมือนพวก long time ชอบดูถูกคนไทย

ขอโทษด้วยค่ะ นอกประเด็นไปหน่อยแต่อ่านแล้ว จี๊ด ๆ

-*-

แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 50 16:13:24
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 50 16:11:14

จากคุณ : snof - [ 6 พ.ค. 50 16:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 88

คุณพี่คนใต้ใจดี.... ขอร้องเถอะนะ...

อย่าใช้กำลัง อย่าใช้ความก้าวร้าว กับเรื่องที่มันมีกระบวนการที่ควรจะเป็น..

ขอให้ลองนึกย้อนไปถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปีพ.ศ. 2546
ครั้งที่เหตุจลาจลในกัมพูชา ขยายผลจนทำให้สถานฑูตไทยในพนมเปญถูกทำลาย..

"ขณะนี้ เรากำลังเป็นพระเอกอยู่ อย่าลดตัวเราลงไปอยู่ในระดับเดียวกับเขา"
(หรือทำนองนี้ หากผิดพลาด ต้องขออภัย)

จากคุณ : Wobbegong - [ 6 พ.ค. 50 22:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89

อยากให้บทความนี้ เห็นถึงใครก็ได้ที่มีอำนาจ..

เราประชาชนคนตัวเล็กๆ..

เฝ้าแต่หวังไว้..

จากคุณ : BoGuSZz - [ 6 พ.ค. 50 23:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 90

ผมว่าไม่เกี่ยวกับว่าเขาเป็นฝรั่งหรือป่าวนะครับ แต่ผมอยากรู้วา กรที่คนเรา ถือสิ่งมีคม เข้าใส่บุคคลอีกคนนึงนั้น มีความผิดหรือป่าว ถ้ามีความผิด ลองแจ้งความดูไหมครับ ถ้าเป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้ด้วยนะครับ ผมว่า พวกนี้เขาจะได้รู้สึก แต่ไม่ได้หมายความว่า ฝรั่งทุกคนเป็นคนเลวนะครับผม

จากคุณ : @Fanciful@ - [ 6 พ.ค. 50 23:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 91

ยิ่งอ่านคำแก้ตัวเค้าแล้วยิ่งเคืองแทน แก้ตัวมาได้ไงว่าเห็นอุปกรณ์แพงน่าจะมีประสบการณ์ ฟังไม่ขึ้นสุดๆ ดำน้ำมายี่สิบกว่าปีแถมเป็นถึง Instructor น่าจะรู้ดีว่าถอดหน้ากากกันใต้น้ำไม่ใช่ที่จะมาล้อกันเล่นๆได้

ถึงเรื่องมีดจะพิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็ยอมรับแล้วว่าถอดหน้ากากชาวบ้าน ขอให้โดนถอนใบอนุญาติเถอะ คนประเภทนี้ อย่าให้ได้ดำน้ำอีกเล้ย ....

ว่าแล้วจะเข้าไปดูหน้าในเว๊ปเค้า ตอนนี้ก็ underconstruction ไปซะงั้น จะเมล์ไปด่าก็คงไม่มีประโยชน์ ก็คงจะตามดูกันต่อไปแหละนะคะ ... ได้แต่โหวดให้ก็แล้วกัน

f_thailand

จากคุณ : KuTi - [ 7 พ.ค. 50 05:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 92

คุณ Wobbegong คคห 88

ถ้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับพระราชดำรัส ก็ไม่เอามาลงดีกว่ามั้งครับ
ต่างกรรม ต่างวาระ กัน
ผมไม่รู้คุณจะ้อ้างพระราชดำรัสไปทำไม

แก้ไขข้อความดีกว่าครับ แค่สองบรรทัดแรกก็พอแล้ว

จากคุณ : ชายทะเล - [ 7 พ.ค. 50 17:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 93

เห็นด้วยกับคห85 หากเป็นเรื่องจริงควรจะเอาผิดถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน

ส่วนเรื่องต่างชาติเข้ามาอยู่เมืองไทยนั้น ควรจะคัดเลือกให้มากกว่านี้มาก ลองนึกดูว่าหากเราจะไปยุโรป จะต้องใช้เวลาไปยื่นวีซ่าหลายวัน เขาคัดคนที่จะเข้าประเทศของเขา กระทรวงการต่างประเทศควรจะคัดเลือกชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทยด้วย พวกแบกเป้ พวกฝรั่งซำเหมา ฝรังขี้นก ไร้คุณภาพนั้นอย่าให้เขามาเพราะเปลืองทรัพยากรท่องเที่ยวของชาติ

เมื่อไหร่ผู้ใหญ่บ้านเราจะมองไกล เลิกนโยบายการท่องเที่ยว แบบโลภมากคือเปิดโอกาสมากเกินไปเพียงเพื่อผลประโยชน์แค่ตัวเงินที่จะได้เงินจากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวไร้คุณภาพเสียที??? ซำเหมาใดๆก็เข้าเมืองไทยได้ตั้งสามสิบวัน น่าจะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว

จากคุณ : นกกระจอก - [ 7 พ.ค. 50 19:44:34 A:203.151.206.73 X:58.8.142.241 TicketID:131874 ]

ความคิดเห็นที่ 94

Sue him every single fvcking baht. What the hell!! pulling the mask off diver's face is not dangerous?!! What school you studied? Kathmandu??? Get him to a cop shop and let see what this cvnt gonna say!

จากคุณ : dead gunther - [ 7 พ.ค. 50 23:17:55 A:222.123.100.14 X: TicketID:144819 ]

ความคิดเห็นที่ 95

88 Wobbegong

อ่านความเห็น 85 ก็ไม่เห็นเค้าบอกว่าจะใช้กำลังตรงไหน ???

จากคุณ : ESD - [ 8 พ.ค. 50 09:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 96

#93 ไม่แน่ใจว่าใช้อารมณ์มากเกินไปหรือเปล่านะครับ นักท่องเที่ยวแบบประหยัดก็เที่ยวแบบมีคุณภาพนะครับ เพื่อนในพันทิพก็เป็นแบบแบกเป้ไปเที่ยวเมืองนอกกันก็เยอะนะครับ ใช้คำพูดรวม ๆ ไปไม่ดีนะครับ นโยบายการท่องเที่ยวผมว่าก็ดีนะ แต่อยู่ที่การบังคับใช้ของเจ้าหน้าที่และการคัดกรองมากกว่าครับ คนมีหลายหลากถึงแม้คุณจะคัดกรองอย่างไรก็ไม่สามารถกรองได้ทั้งหมดหรอกครับ ประเด็นที่ผมว่าสำคัญที่ จขกท ต้องการสื่อและผมเห็นด้วยอย่างยิ่งก็คือการที่ทรัพยากรทรัพย์สินของเราแท้ ๆ แต่ต้องไปอยู่ในการดูแลผลประโยชน์จากพวกต่างชาติหนะครับ ผมว่าเจ้าหน้าที่รัฐหย่อนยานเกินไปไหม อีกอย่างที่คิดว่าบ้านเราขาดอย่างมากเทียบกับต่างประเทศ คือ สมาคมวิชาชีพ หรือกลุ่มสังคมต่าง ๆ ที่ไม่แข็งแรงมีแรงเพียงพอในการต่อรองกับรัฐหนะครับ เลยทำให้เราต้องเป็นเบี้ยล่างตลอดครับ ส่วนประเด็นอื่น ๆ นั้นผมก็รอครับว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อแต่ดูเงียบ ๆ คงจบแบบพี่ไทยไปแล้วมั๊ง เฮ้อ ๆๆๆๆๆ
มองอีกด้านนะก็คือผู้ประกอบการ หรือคนที่จะคอยทำงานด้านนี้ของไทยไม่เข้มแข็งพอ หรือไม่สามารถบริหารให้อยู่รอดได้หรือเปล่า ถ้าใช่ก็ไม่น่าแปลกที่เราจะต้องพึ่งเขาเหมือนในหลาย ๆ อย่างที่เราไม่สามารถทำได้นะ ต้องทำใจรับมองสองด้านนะครับ แต่ก็เถอะโดนส่วนตัวยังเชื่อว่าคนไทยเราสำหรับธุรกิจแบบนี้สามารถทำได้แน่นอนครับ ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพอสมควรนะครับ ผมก็เศร้ามากครับดูอย่างกรณีเรื่องมาเฟียที่มาฟอกเงินซิครับเงียบไปเลย แล้วก็คงจะเหมือนเก่ามั๊ง
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 50 09:48:22

จากคุณ : ok3 - [ 8 พ.ค. 50 09:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 97

คุณ ESD ครับ ขออนุญาตอธิบายครับ ผมเข้าใจว่าคุณ Wobbegong หมายถึงที่คุณ พี่คนใต้ใจดี กล่าวใน #74 มั้งครับ

จากคุณ : คนขี้สงสัย - [ 8 พ.ค. 50 13:37:30 A:203.151.206.73 X:124.121.4.159 TicketID:144600 ]

ความคิดเห็นที่ 98

ขอโหวตทั้งสองกระทู้เลยด้วยเพราะเรื่องนี้เพิ่งเคยเจอมากับตัวเมื่อเดือนกุมภาที่ผ่านมา ตอนนั้นดำอยู่ที่อีสออฟอีเดน กำลังพยายามโฟกัสนูดี้อยู่แค่ขาปลายฟินอยู่บนพื้นทราย มันมาสะกิดเราแล้วชูนิ้วกลางใส่ เราก็งงแต่ก็ยังถ่ายต่อ มันก็เลยไปดึงคนในกรุบเดียวกันกับเราให้บอกให้เราออกมา เค้าคงรำคาญมันเลยชูนิ้วใส่คืน มันก็มองจ้องจับผิดเราตลอดเวลาดำไม่เป็นสุขเลย เรื่องนี้มีพยานแวดล้อมหลายคนเลยตอนนั้นคนลีดก็อยู่ด้วย พอขึ้นมาทางคนลีดของเรือก็บอกว่าไอ้ผรั่งพวกนี้มันเป็นแบบนี้แหละหาเรื่องเขาไปทั่ว เจอกันบ่อยค่ะ

จากคุณ : TheOrphan - [ 8 พ.ค. 50 14:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 99

96 ครับ นักท่องเที่ยวแบบประหยัดถ้าเราไม่คัดให้ดีมันก็จะมีแต่ซำเหมาเป็นส่วนใหญ่นาคร๊าบ พวกเราที่จะแบกเป้ไปยุโรปนะเขาคัดแล้วคัดอีก

ฝรั่งแบกเป้มาหลอกผู้หญิงไทยเป็นจำนวนมาก เจอมาหลายรายต้องไปช่วยเป็นพยานในศาลกันอีก ต้องเสียเวลามาก (ไม่ช่วยก็ไม่ได้เพราะสงสารผู้หญิง) เท่าที่พบมาพวกแบกเป้มาเที่ยวเมืองไทยมีเป็นจำนวนมากที่เป็นซำเหมา ส่วนพวกเราที่ไปเที่ยวเมืองเขานะเขาคัดแล้วคัดอีก

ก็ต้องขอย้ำหละครับว่าผู้ใหญ่บ้านเราเลิกนโยบายเปิดประเทศมากๆได้แล้ว คัดคนที่จะเข้ามาหน่อย อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับใครไม่ชอบก็อย่ามาด่ากันเพราะเห็นอย่างไรก็ว่าไปอย่างนั้นไม่ได้ต้องการเถียงกับใคร และต้องการให้คนไทยมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับชาติอื่น ชาติใดปฏิบัติกับเราอย่างไรเราก็ปฏิบัติเขาให้ดีกว่าได้แต่ให้เป็นไปในทำนองเดียวกัน อย่าไปอ้างเศรษฐกิจ (เรื่องเงิน) ให้เป็นตัวจักรสำคัญในการกำหนดนโยบายต่างๆ

จากคุณ : นกกระจอก - [ 8 พ.ค. 50 16:12:19 A:203.151.206.73 X:58.8.136.229 TicketID:131874 ]

ความคิดเห็นที่ 100

..โหวต 2 กระทู้

-- ททท. น่าจะดูแล หลายๆ สิ่งหน่อย มากกว่าเอาอย่างเดียว

มีหน้าที่ส่งเสริม ก็แนะนำอะไรดีๆ ให้กับพื้นที่นั้นๆบ้าง ..

ทุกวันนี้ จิตสำนึกในการดูแลทรัพยากรของท้องถิ่น เข้าใจว่า มีสูง แต่การจัดการ ยังไม่ค่อยรู้และเชี่ยวชาญพอ ช่วยๆกันดูแล ประเทศของเราครับ.

จากคุณ : คนบ้านสามขา101ฯ. - [ 8 พ.ค. 50 16:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 101

เท่าที่อ่านๆ มา มีแต่แสดงความเห็น ทั้งรุนแรง และไม่รุนแรง

ทั้งไทย ทั้งอังกฤษ ทั้งออกนอกเรื่อง ไม่ออกนอกเรื่อง ของหลายๆ คน

แต่ไม่เห็นพี่วินิจออกมาแสดงความเห็นบ้างเลย

หรือแสดงอยู่ที่เวปอื่น ช่วยทำลิ้งค์ไปให้ด้วยได้มั้ยครับ

เพราะหากพี่วินิจ อโหสิ ไม่เอาเรื่อง ก็จบ

ก็ไม่ต้องแสดง "ความเห็น" เรื่องพยายามฆ่า

เหลือแต่ ทำอย่างไร ไม่ให้ครอบครองอันดามัน

ซึ่งน่าจะชัดเจนก่อน มุ่งเป็นเรื่องๆ ไป
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 50 20:11:37

จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 8 พ.ค. 50 19:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 102

นายแน่มากที่ทำให้พี่วินิจโกรธได้ขนาดนี้

จากคุณ : หญิงไหม - [ 8 พ.ค. 50 21:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103

มามุง ครับ

จากคุณ : เปรตเวหา - [ 8 พ.ค. 50 23:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 104

อ่านเรื่องนี้แล้วก็โมโหเหมือนกันนะ

จากคุณ : missnj - [ 9 พ.ค. 50 10:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 105

อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามันตอน 2 จากผู้จัดการออนไลน์มาแล้วค่ะ

******************************

วินิจ รังผึ้ง

หลังจากบทความเรื่อง "อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามัน" พิมพ์เผยแพร่ในผู้จัดการสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีกำลังใจ ความห่วงใย และความปรารถนาดีจากท่านผู้อ่านและเพื่อนนักดำน้ำมากมายส่งมายังผม ทั้งยังมีการเผยแพร่บทความดังกล่าวจากเว็บไซต์ผู้จัดการไปยังเว็บไซต์อื่นๆทั้งเว็บไซต์เกี่ยวกับการดำน้ำ และเว็บไซต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอีกมากมายหลายเว็บไซต์ และเว็บไซต์ต่างๆก็การแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลเพิ่มเติมกันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งความเห็นต่างๆก็มีมากมายหลากหลายมุมมองเช่นกัน ผมต้องขอขอบคุณในทุกๆกำลังใจและทุกๆความเห็นด้วยความเคารพมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

นอกจากจะส่งบทความดังกล่าวเผยแพร่ต่อๆกันไปแล้ว ยังมีเพื่อนๆพี่ๆนักดำน้ำคนไทยกรุณาช่วยแปลบทความดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษส่งอีเมล์ไปยังสมาคมครูผู้ฝึกนักดำน้ำมืออาชีพ หรือ PADI (Professional Association of Diving Instructors) สถาบันดำน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อให้ทาง PADI รับทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางหรือมาตรการควบคุมดูแลครูดำน้ำ หรือนักดำน้ำที่จะไม่ให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว คุกคาม ข่มขู่หรือล่วงล้ำสิทธิพื้นฐานในความปลอดภัยใต้น้ำของนักดำน้ำคนอื่นๆต่อไป ซึ่งทาง PADI คงทำการติดต่อไปยังฝรั่งคู่กรณีคนดังกล่าวที่เป็นถึง Instructors ของ PADI

และในบางเว็บไซต์ก็ยังได้นำข้อความหรือคำชี้แจงของฝรั่งคนดังกล่าวที่มีไปถึง PADI มาลงให้อ่านเพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ซึ่งพอจะสรุปความได้ในทำนองยอมรับและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่วายที่จะกล่าวหาและบิดเบือนให้คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงเพื่อสนับสนุนการกระทำของตัวเอง ทำให้ผมจำเป็นต้องของอนุญาตชี้แจงเพิ่มเติมอีกสักตอน

ตามข้อความในอีเมล์ที่ฝรั่งคนดังกล่าวอ้างว่าพบเห็นผมกำลังถ่ายภาพแล้วฟินหรือตีนกบของผมไปเตะปะการังอ่อนเสียหายจนเขาต้องเข้ามากระตุกเตือน แต่ผมก็ยังไม่ใยดีแล้วกลับไปถ่ายภาพต่อเตะปะการังอ่อนอีกจนเขาทนไม่ได้จนต้องทำเช่นนั้น (ชักมีดออกมาขู่และถึงขนาดปัดหน้ากากดำน้ำของผม)ซึ่งในอีเมล์ดังกล่าวก็ไม่ได้เขียนรายละเอียดว่าชักมีดออกมาขู่และเข้ามาปัดหน้ากากผม ซึ่งในความเป็นจริงนั้นผมยืนยันได้ว่า บริเวณพื้นที่ผมนั่งคุกเข่าถ่ายภาพอยู่นั้นไม่มีปะการังอ่อนอยู่เลย มีแต่ด้านหน้าที่ผมเล็งกล้องไปถ่าย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าผมจะไปเตะปะการังที่ผมกำลังถ่ายอยู่

และในไดฟ์ถัดมาผมก็ได้พาคุณนัท สุมนเตย์มี ช่างภาพชื่อดังของเมืองไทยที่เป็นบัดดี้ผมในไดฟ์นั้นไปดูที่เกิดเหตุ ลองนั่งท่าเดิมให้ดูซึ่งคุณนัทคงยืนยันได้ว่าผมไม่ได้ไปเตะปะการังตามที่ฝรั่งกล่าวอ้างเป็นแน่ และในความเป็นจริงนั้น หากใครที่เป็นช่างภาพใต้น้ำก็จะรู้ว่า การถ่ายภาพมาโครหรือภาพโคลสอัพใต้น้ำ อย่างเช่นการถ่ายภาพปลาการ์ตูนระยะใกล้เช่นนั้น ช่างภาพจะต้องทำตัวให้นิ่งที่สุด ไม่ใช่เตะฟินไปมาอย่างแน่นอน และผมก็ยืนยันได้ว่าตั้งแต่ฝรั่งคนนั้นลงมาดึงผม ชักมีดออกมาขู่ จนกระทั่งปัดหน้ากากแล้วจากไปนั้น ผมนั่งอยู่ท่าเดิมตลอด ไม่ได้ขยับไปไหน และผมได้นั่งนิ่งๆ รอจังหวะที่จะถ่ายภาพเช่นนั้นมากว่า 3 นาทีก่อนที่ฝรั่งคนนั้นจะผ่านมาเสียอีก จึงเป็นไปไม่ได้ว่าผมเตะปะการังอ่อนเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างที่กล่าวอ้าง

และอีกตอนหนึ่งของข้อความในอีเมล์ที่กล่าวในทำนองว่าผมยกพวกอีกนับ 10 คนตามขึ้นไปบนเรือ และกล่าวอวดอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพลใช้วาจาข่มขู่อะไรทำนองนั้น ก็เป็นเรื่องที่โกหกเพื่อขอความเห็นใจอีกนั่นแหละครับ เพราะในความเป็นจริงนั้น เพื่อนๆ นักดำน้ำที่รู้เรื่องราวและทนไม่ไหวตามไปด้วยนั้นมีแค่ 7-8 คนเท่านั้น และการขึ้นไปก็ขึ้นไปพูดคุยด้วยความสุภาพ คุยกันด้วยเหตุผล ไม่มีเสียงดังไม่ได้ตะโกนท้าตีท้าต่อย ซึ่งเพื่อนๆ รวมทั้งครูสอนดำน้ำที่ไปด้วยในครั้งนั้นรวมทั้งผู้จัดการเรือลำนั้นที่เป็นคนไทยคงยืนยันความจริงได้

ผมคงต้องขอขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆในวงการดำน้ำหลายๆท่านที่กรุณาเป็นห่วงเป็นใยและให้กำลังใจมา รวมทั้งท่านที่เคารพนับถือในวงการดำน้ำของเมืองไทยหลายๆท่าน ที่กรุณาออกมาใช้เกียรติยศชื่อเสียงของท่านมาการันตีในพฤติกรรมของผมทั้งที่ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันด้วยซ้ำไป ผมคงต้องขอเรียนอีกครั้งถึงการเขียนบทความเรื่อง "อย่าให้ฝรั่งครอบครองอันดามัน" ทั้งสองตอนนี้ โดยส่วนตัวแล้วมิได้มีเจตนาใช้ความเป็นสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือทำร้ายหรือโจมตีใครเป็นการส่วนตัว ผมมีความเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะอภัยให้กับผู้ที่ยอมรับผิดและกล่าวแสดงความเสียใจกับการกระทำนั้น โดยมิได้ไปแจ้งความดำเนินคดีข้อหาข่มขู่โดยใช้อาวุธและพยายามฆ่า เพียงได้ตักเตือนไปว่าอย่าได้ทำพฤติกรรมป่าเถื่อนเช่นนี้อีกไม่ว่ากับนักดำน้ำคนไทยหรือนักดำน้ำชาติใดภาษาใด

แต่กับการเขียนบทความเผยแพร่ทางสื่อนั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน มันเป็นการทำหน้าที่ เป็นจิตวิญญาณของสื่อมวลชนที่จะต้องนำเสนอความเป็นจริงให้สังคมได้รับทราบ ให้สังคมได้รับรู้ว่าคนไทยในฐานะเจ้าของประเทศเจ้าของทรัพยากรถูกมองด้วยสายตาเช่นใดและถูกปฏิบัติเยี่ยงใด ถูกต่างชาติเข้ามาฉกฉวยใช้ทรัพยากรโดยแอบเข้ามาลักลอบทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน มาประกอบธุรกิจโดยหลบเลี่ยงภาษี ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว กอบโกยเม็ดเงินจากธุรกิจดำน้ำจำนวนมากมายมหาศาลกลับไป แล้วยังกดขี่แรงงานไทยโดยจ่ายค่าตอบแทนที่แสนจะต่ำตั้งแต่กัปตันเรือ ลูกเรือ แม่บ้าน คนครัว ไดฟ์ลีดเดอร์คนไทย ซ้ำยังดูถูกเหยียดหยามเหมือนเป็นประชากรชั้นสอง ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของทรัพยากร

จริงอยู่หากเป็นเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว คนไทยเราอาจจะไม่เชี่ยวชาญการดำน้ำ จำต้องอาศัยฝรั่งเข้ามานำร่องในกิจการเหล่านี้ แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนไป นักดำน้ำคนไทย ครูดำน้ำ รวมทั้งผู้ประกอบกิจการดำน้ำคนไทยนั้นมีมากมายและมีคุณภาพไม่แพ้ฝรั่ง จึงไม่จำเป็นต่อไปอีกแล้วที่จะยอมให้ฝรั่งเข้ามาเป็นพระเจ้าเหนือคนไทย ทุกครั้งที่ผมอ่านข่าวการจับกุมแรงงานเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายครั้งละมากมายนับ 10 นับ 100 คน เห็นสภาพพวกเขาเหล่านั้นแล้วเกิดความสงสารและเห็นใจครับ เพราะพวกเขาอยู่ในสภาพอดอยากยากจนจนต้องหลบๆซ่อนๆ เสี่ยงเข้ามาหางานทำ แม้นจะต้องหลบๆซ่อนๆเป็นประชากรชั้น 2 ชั้น 3 ก็ยอมขอให้มีงานทำ ซึ่งแม้นจะสงสารและเห็นใจ แต่ก็ต้องทำใจและขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นนั้น

แต่สิ่งที่อยากจะฝากไว้ให้พิจารณาก็คือ มันจะต่างอะไรกันเล่าระหว่างแรงงานเขมร แรงงานพม่า กับฝรั่งผมทองเหล่านี้ ความแตกต่างที่น่าจะเห็นได้เด่นชัดอย่างหนึ่งก็คือ แรงงานผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้านนั้นยอมที่จะเข้ามาทำงานทุกอย่างแม้กระทั่งเป็นงานใช้แรงงานที่คนไทยไม่ค่อยจะทำ ยอมเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวเป็นประชากรชั้นสองก็ยอม แต่ตรงกันข้างฝรั่งที่แอบเข้ามาทำงาน เข้ามาทำมาหากินอย่างผิดกฎหมายในเมืองไทยนั้นนอกจากจะลอยหน้าลอยตาอยู่เหนือกฎหมายแล้วยังมองคนไทยเจ้าของประเทศเป็นประชากรชั้นสองเสียอีก เรามาช่วยกันลงแขกเก็บกวาดทำความสะอาดชายหาด ทำความสะอาดท้องทะเลไทยครั้งใหญ่กันสักทีดีไหมครับ

จากคุณ : แมวจุด - [ 9 พ.ค. 50 10:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 106

คำแก้ตัวไอ้ฝรั่ง มันก็ให้สวยหรูเข้าไว้ก่อนทั้งนั้น
มันเห็นคนหัวดำ ด้อยไปหมดรึไง..
ยังจี๊ดดดดดดดดดดดดอยู่

จากคุณ : ceacar salad - [ 9 พ.ค. 50 11:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 107

ตอนนี้ได้ข่าวจากพวกๆ ที่ทำทีไปซื้อของที่ร้านดังกล่าวว่า

มันหนีกลับบ้านไปแล้ว

ส่วนถ้ามันหกล้ม แข้งขาหัก รถตกคู ตกข้างทาง ก็ไม่ใช่ฝีมือผม กับเพื่อน แน่ๆ

เพราะผมเองก็ต้องพึ่งพิง "พวกมัน" อยู่มากเหมือนกัน

คนไทยลืมง่าย ใจดี ผมว่าอีก 3 เดือนเจอกันอีกทีอาจจะนั่งกินข้าวด้วยกันก็ได้

เพียงแต่เกมนี้ เล่นหนักไปหน่อย แต่ยังไงก็ไม่มีเล่นนอกเกมครับ บ้านผมอยู่พื้นที่

รู้จักคนในพื้นที่ดี

จากคุณ : นลกุพร ณ ทุ่งคา - [ 9 พ.ค. 50 13:08:25 A:192.168.1.10 X:222.123.99.12 TicketID:139371 ]

ความคิดเห็นที่ 108

เป็นเรื่องที่แย่มากๆครับ
ภูเก็ต โดยเฉพาะป่าตองผมว่าไม่ใช่เมืองไทยแล้วครับ น่าจะเป็นรัฐอิสระ หาคนไทยยากจริงๆ

จากคุณ : Tanoshii - [ 9 พ.ค. 50 14:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 109

โหวตค่ะ

จากคุณ : นินจาน้อย - [ 9 พ.ค. 50 16:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 110

คนไทยหาได้ครับ

แต่หลายอย่าง หรือแทบทุกอย่างต้องพ่งพิง ฝรั่ง

จากคุณ : นลกุพร ณ ทุ่งคา - [ 9 พ.ค. 50 19:00:35 A:58.147.114.254 X: TicketID:139371 ]

ความคิดเห็นที่ 111

สู้ๆครับ อย่าไปยอม....(โต้เตโป)

จากคุณ : Jette - [ 9 พ.ค. 50 20:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 112

ในฐานะที่ไม่รู้จักคุณวินิจเป็นการส่วนตัว แบบเพื่อนๆ ท่านอื่น... และแน่นอน ไม่รู้จังฝรั่ง...

จึงต้องตอบตรงๆ โดยไม่เข้าข้างใครเหมือนอีกกระทู้หนึ่งที่ผมตอบไปแล้วว่า... ยังให้น้ำหนักที่ "ไม่เหมาะสมทั้งคู่ครับ"

ไม่เหมาะสมทั้งคู่นะครับ... ไม่ใช่ผิดทั้งคู่... ผมตัดสินไม่ได้...

ผมตอบไม่ถูกใจเพื่อนๆ ต้องขออภัยไว้สักกระทู้นึงแล้วกันนะครับ... ผมยังคิดแบบนี้อยู่จริงๆ ...

อ่านทั้งคุกเข่าถ่ายภาพบนพื้นทรายและซากปะการังหัก... และอ่านทั้งการชักมีดออกมา... เลยพิจารณาตามนั้น...

จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 10 พ.ค. 50 01:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 113

เข้ามาตามชมกระทู้อีกครั้งครับ................

จากคุณ : Art999. - [ 10 พ.ค. 50 09:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 114

ตามจดหมายที่นาย Gunter Hormann ชี้แจงกับ PADI นั้น
ข้อเท็จจริงที่ตรงกันทั้ง 2 ฝ่ายคือ นาย Gunter Hormann ดึงหน้ากาก คุณวินิจ ใต้น้ำแน่นอน จะแรงจะเบาไม่ใช่ปัญหา เพราะหน้ากากหลุดจากหน้าคุณวินิจ แน่นอน นาย Gunter Hormann เป็น Instructors ของ PADI ซึ่งเป็นสถาบันใหญ่ของนักดำน้ำทั่วโลก มีหลักสูตรเพื่อให้นักดำน้ำ ดำน้ำได้อย่างปลอดภัย การที่ Instructors ที่ได้รับการรับรองจาก PADI มาทำสิ่งซึ่งอาจเป็นอันตรายเช่นนี้ PADI ควรดำเนินการยกเลิกใบอณุญาตของ นายGunter Hormann เสีย ส่วนในทางกฏหมายก็น่าจะดำเนินการได้ ในข้อหาละเมิด และมีข้อสังเกตอีกนิดว่าเพราะเหตุใด นายGunter Hormann ถึงได้กระทำสิ่งเลวร้ายนี้ลงไป เป็นไปได้หรือไม่ที่ นายGunter Hormann ซึ่งมีอาชีพนำนักท่องเที่ยว(ต่างชาติ)ลงไปชมความงามใต้ทะเล แต่บังเอิญ คุณวินิจ ที่กำลังถ่ายภาพปลาการ์ตูน (น่าจะเป็นกอที่สวย) ไปบังสายตาลูกทัวร์ นาย Gunter Hormann เขา นายGunter Hormann ถึงได้แสดงอำนาจบาทใหญ่เช่นนั้น ขอวอนรัฐบาล (ซึ่งก็หวังอะไรไม่ได้มาก) เอาเวลาว่างจากการหาข้อหาให้ทักษิณ หันมาดูแลปัญหาดังที่คุณวินิจได้เสนอไว้ด้วย เพราะทุกวันนี้ฝรั่งจะครองเมืองแล้วครับท่าน

จากคุณ : chongsky (chongsky) - [ 10 พ.ค. 50 16:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 115

Gunter Hormann, you are really bad at lying.
We're not buying it.

จากคุณ : beebah - [ 10 พ.ค. 50 20:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 116

ถ้าเป็นฝรั่งด้วยกัน หรืออยู่ในประเทศ "ฝรั่ง"
นายฝรั่งคนนั้น จะปฏิบัติอย่างเดียวกันหรือไม่
คือ ๑.ไปแตะ ปัด หรือดึง หน้ากากดำน้ำในน้ำลึกมาก
กับคนที่ไม่รู้จัก และเจ้าของหน้ากากไม่ได้ขอร้อง
(อยากเข้าใจว่า เขาทำเพื่อจุดประสงค์อะไร)

๒. ชักมีด

อยู่เมืองนอกในประเทศฝรั่งมา ๑๗ ปี และเดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่
จากประสบการณ์เชื่อว่า นี่เป็นพฤติกรรมที่ไม่ใช่มาตรฐานฝรั่งค่ะ
จะให้ช่วยแปล หรืออะไร บอกได้นะคะ

เชื่อในความจริง และอยากเห็นความยุติธรรมค่ะ

จากคุณ : ต้นจั่น (ต้นจั่น) - [ 10 พ.ค. 50 22:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 117

ไม่ได้เข้าบ้าน Pantip มาหลายวัน...โอ้โฮ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย แถมยังได้อ่านบทความภาคสอง ของน้องวินิจอีกด้วย

ขอบคุณเพื่อนผองน้องพี่ทุกๆท่านมากๆค่ะที่ต่างมาแสดงความเห็นของตนในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา และกลั่นจากใจจริงของทุกท่าน

อ่านบทความภาคสองของน้องวินิจแล้ว สายชลรู้สึกไม่ค่อยชอบใจที่น้องวินิจไม่เอาความฝรั่งคนนั้นในทางอาญา....แต่ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของน้องวินิจค่ะ

ส่วนเรื่องฝรั่งต่างชาติครองเมืองนั้น ก็เห็นจะต้องร่วมมือร่วมใจช่วยกันต่อไปค่ะ

น้องวินิจจะให้ไปช่วย ลงแขกเก็บกวาดทำความสะอาดชายหาด ทำความสะอาดท้องทะเลไทยครั้งใหญ่ เมื่อไร ก็แจ้งมาได้นะคะ สายชลและพวกเราหลายคนในที่นี้พร้อมจะร่วมด้วยช่วยกันอยู่แล้วค่ะ

จากคุณ : สายชล - [ 10 พ.ค. 50 23:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 118

พวกฝรั่งมันคงคิดว่าพวกมันฉลาดมั้ง ทำตัวเป็นมาเฟียไปได้ เลวจริง ๆ

จากคุณ : nhumnoi - [ 11 พ.ค. 50 10:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 119

เราให้อภิสิทธิ์พวกฝรั่งมากเกินไปครับ...

จากคุณ : ST.Exsodus - [ 11 พ.ค. 50 13:26:10 ]

ความคิดเห็นที่ 120

เข้ามามุงๆๆ เจสัน

จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 11 พ.ค. 50 21:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 121

เป็นคนที่ชอบเที่ยวทะเล
และเที่ยวโดยแน่ใจว่ามีจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติมาตลอด

แต่หลายๆครั้งที่ไปชายทะเล หรือเกาะบางเกาะ
รู้สึกเหมือนตัวเองและเพื่อนเป็นตัวประหลาด
ไม่ใช่เจ้าของประเทศ

โรงแรม รีสอร์ท บางที่ ไม่ยินดีต้อนรับคนไทย
ชายหาดที่เงียบสงบมานาน กลายเป็น เร็กเก้บาร์ ไปหมด

รู้สึกแย่ๆมาตลอดเหมือนกัน

แต่ก็เข้าใจ ว่าฝรั่งทำรายได้ให้พวกเขามาก
เขาก็ต้องเลือกฝรั่งมากกว่าคนไทย

เพียงแต่เกิดคำถาม ว่า เงิน มันทำลายความภาคภูมิใจ
และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้านไปแล้วหรือ

กรณีของ คุณ วินิจ เห็นชื่อคุณวินิจ มานาน และชื่นชมฝีมือการทำงานมานานเช่นกันค่ะ

อยากให้แจ้งความดำเนินคดีนะคะ
ไม่อยากให้ใครมาทำอะไรแบบเหยียบย่ำคนไทยแบบนี้

จากคุณ : แครอทเค้ก - [ 12 พ.ค. 50 11:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 122

น่าจะดำเนินคดีอาญาให้ถึงที่สุด
ส่งกลับประเทศ ให้เป็นตัวอย่าง

จากคุณ : PiGsPy - [ 12 พ.ค. 50 15:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 123

ผมขอแสดงความเห็นแบบกลางๆ นะครับ
ความจริงเป็นอย่างไรยากแท้หยั่งถึง แต่อยากให้ทุกท่านสำนึกบุญคุณแผ่นดินไทยบ้างนะครับ
การหาที่ยึดเพื่อถ่ายรูปเพื่อให้ได้ภาพออกมาดีที่สุดบางทีเราก็อาจพลาดพลั้งลืมตัวว่าเราได้ทำลายธรรมชาติไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ต้องยอมรับกันไป
แต่การเข้ามาเตือนกันมันก็ควรที่จะทำให้นุ่มนวลที่สุด เมืองไทยไม่นิยมความรุนแรง คนไทยรักสันติและความสงบ
ผมก็เคยเจอกับตัวเองมาบ้างตอนที่กำลังนั่งแอบซุ่มดักถ่ายรูปสัตว์ในระยะที่ค่อนข้างไกล้พอควร แต่ผมก็พยายามที่สุดที่จะทำตัวให้มิดชิดเพื่อเห็นแก่ความสุขของสัตว์เหล่านั้น
แต่ก็มิวายมีตากล้องอีกท่านหนึ่งที่ยังไม่ได้เข้ามาร่วมวงถ่ายรูปสัตว์ตัวนั้นกับผมตอนแรก โดยเค้ายืนอยู่ห่างๆ แล้วเค้าก็ตัดสินความผิดของผมด้วยการประณามผมแก่คนอื่นว่าเป็นการทำลายความสุขของสัว์กันเห็นๆ ซึ่งเค้าไม้รู้หรอกว่าคนที่กำลังพูดอยู่ด้วยนั้นคือแฟนผม แต่แฟนผมก็ไม่ได้แสดงตัวอย่างไร ในตอนนั้น
แต่เชื่อหรือเปล่าครับว่าหลังจากความอยากได้รูปที่ดีๆ ก็ทำให้เค้ากระโจนมายังสถานที่ที่ผมกำลังนั่งหลบเพื่อถ่ายรูปอยู่ แล้วเค้ายังคืบคลานเข้าไปหาเป้าหมายไกล้ยิ่งกว่าผมซะอีก แล้วจู่ๆ ก็ทำเสียงผิวปากเรียกสัตว์ตัวนั้นหน้าตาเฉยเลย
สิ่งที่เห็นกันได้อย่างแตกต่างก็คือว่า อุปกรณ์ถ่ายรูปของเค้านั้นราคามันแพงกว่าของผมแบบลิบลิ่วเลยทำให้เค้ามองผมว่าเป็นพวกกระจอกงอกง่อย การศึกษาและความรู้ต่ำที่เค้าจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นนะหรือ แล้วทำไมเค้าไม่มองตัวเองเลยว่ากำลังทำอะไรลงไปกับสัตว์ตัวนั้น
สิ่งที่ผมนำมาเป็นข้อเปรียบเทียบก็คือว่า พี่วินิจในมุมมองของตัวเองอาจคิดว่าสถานที่ที่พี่เค้าหย่อนขาคุกเข่านั้น มันอาจไม่มีค่าแล้ว แต่ในสายตาของคนอื่นมันกลับเป็นคนละแบบกัน เพราะบางทีถ้าเราไม่ซ้ำเติมด้วยการเข้าไปเหยีบย่ำมันอาจฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ก็ได้
แต่มุมมองของการเข้ามาเตือนกันซึ่งๆ หน้ามันก็เป็นวิธีที่ไม่เหมาะเท่าใดนัก เพราะนิสัยคนไทยอย่างเราไม่ชอบความก้าวร้าว คนไทยเราเองต้องยอมรับว่าไม่ค่อยมีเหตุผลในบางเรื่องของอารมณ์
กับเจตนาของการควักมีดมาขู่นี่สิมันจะให้ตีความเป็นอย่างไร
สิ่งที่ผมเจอมาตลอดชีวิตและมีความรู้สึกที่แย่ๆ มาตลอดก็คือ คนที่พอจะมีอำนาจ ชื่อเสียงและเงินทองหน่อยมักจะทำตัวเป็นอันธพาลรังแกคนอื่นเสมอ ตัวผมเองก็เคยโดนบ่อยๆ ตัวอย่างก็คือผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราเองนี่แหละครับไม่ต้องมองไกลไปถึงต่างแดน
สุดท้ายก็การเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วไม่เป็นผล ก็มักจะมีการกระทำทางใดทางหนึ่งเพื่อจะสามารถให้แสดงออกว่าตนเองเป็นคนถูกเสมอ ทั้งที่อีกความฟากหนึ่งเองเค้าก็ไม่คิดเอาเรื่อง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องโดดออกมาแสดงความบริสุทธิ์หาเหตุผลมาอ้างกันยกใหญ่
ฝรั่งต่างชาติที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในเมืองไทยเองก็ควรจะศึกษานิสัยใจคอขนบธรรมเนียมของคนไทยให้ลึกซึ้งหน่อย ถ้าคิดจะทำมาหากินกันนานๆ ไม่ใช่ว่ามีธุรกิจที่ใหญ่โตแล้วจะกลายเป็นมาเฟียหรือเจ้าพ่อคุมย่านนั้น ความรุนแรงไม่ได้ส่งผลในทางบวกเท่าใดนักนะครับ เสียกันทั้งสองฝ่ายแน่นอน ไม่เรื่องใดก็เรื่องนึงหล่ะ
ผมไม่เรียกร้องอะไรมากจากกรณีนี้ แค่อยากให้ทุกท่านได้ช่วยกันสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดินไทยให้มากๆ หน่อยนะครับ คนต่างชาติที่เข้ามาทำธุระกิจก็ขอให้เคารพบ้านเมืองไทยให้มากๆ เช่นกัน เพราะคนไทยคือคนที่มีบุญคุณต่อท่านที่สุดเหมือนกันครับ ส่วนคนที่ขายชาติให้คนจากต่างแดนมาทำกินเนี่ยก็ควรจะสำนึกบุญคุณมากกว่าใครเพื่อเลยเพราะถือว่าคุณได้ชักชวนให้เกิดการทำลายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเพียงอย่างเดียว

จากคุณ : Alonzo X - [ 13 พ.ค. 50 03:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 124

คงต้องขออนุญาตอธิบายถึงสถานะของ PADI สักเล็กน้อย

PADI เป็นเหมือนโรงเรียนสอนขับรถยนต์ พอนักเรียนเรียนจบเป็นคนขับรถก็ดี เป็นครูสอนขับรถก็ดี
ทางโรงเรียนก็ไม่มีอำนาจไปบังคับควบคุมคนขับรถได้อีกว่าเขาจะขับจะสอนกัน อย่างไร
ถ้ามีการทำผิดกฎหมายก็จะตกเป็นภาระของตำรวจที่จะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดไว้
สิ่งที่โรงเรียนทำได้ก็แค่ค่อยดูแลให้ครูที่จบไปแล้วไม่ทำให้เสียชื่อของโรงเรียน หรือไม่สอนผิดกฎจราจร หรือไม่สอนให้นักเรียนขับรถแบบอันตราย
ถ้าครูยังดื้อดึง ทางโรงเรียนก็จะยกเลิกข้อตกลงกับครูที่ก่อเรื่องว่าจะบอกว่าเป็นครูที่จบมาจากโรงเรียนไม่ได้อีก
ครูคนนั้นก็จะกลายเป็นครูอิสระ หรือ อาจจะต้องไปเข้ากับโรงเรียนอื่นเพื่อจะได้สอนได้ต่อไป

อยากให้ทุกคนอย่าลืมว่า แม้กระทั่งตำรวจหรือศาลยังต้องมีขั้นตอนเพื่อความ ยุติธรรม
ยังต้องมีทนาย มีพยาน มีผู้รู้มาให้การ คู่กรณีจะต้องมีหลักฐานที่ดี พิสูจน์ได้อย่างชัดเจน เป็นต้น
การจะฟ้องร้องกันควรจะเป็นคู่กรณีที่เสียหาย ไม่ไช่บุคคลที่สามเพราะจะทำให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวายได้โดยง่าย
ยกตัวอย่างว่าถ้ามีฝรั่งร่วมกันร้องเรียนว่าครูคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดกฎการดำน้ำสากลโดยพานักดำน้ำระดับ Open Water Diver ไปดำที่สิมิลันที่ลึกกว่า 18 เมตร
(ซึ่งอันที่จริง ฝรั่งก็ทำกัน)
แล้วสถาบันดำน้ำนั้นๆ ก็ยกเลิกความเป็นครูของครูคนไทยในเขตนั้นโดยไม่มีการ สอบสวน หรือ ทำการสอบสวนแต่ถ้าไม่มีหลักฐานไม่มีพยานก็คงทำอะไรไม่ได้

เพราะฉะนั้น คนที่จะร้องเรียนได้ที่เหมาะสมที่สุดก็คือนักดำน้ำที่ไปดำกับครูที่จัดทริปแล้วพาไปดำลึกกว่าบัตรดำน้ำที่มี เพื่อนที่รออยู่บนเรือ หรือ พ่อแม่ จะฟ้องแทนไม่ได้
และถึงฟ้องแทนได้พอถึงเวลาสอบถามกัน ตัวนักดำน้ำเองก็ต้องให้การด้วย ไม่งั้นเรื่องก็เดินต่อไปไม่ได้

โดยสภาพแล้ว PADI เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อกำหนดหลักสูตรในการสอนนักดำน้ำและสอนนักดำน้ำให้เป็นครู เพื่อผลกำไร
ไม่ได้เป็นตำรวจหรือศาลให้คนมาฟ้องกันเพื่อผลประโยชน์ของผู้ฟ้องเพราะ PADI ไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะทำอะไรแบบตำรวจหรือศาลได้

ในเรื่องนี้เอง เท่าที่ทราบ ทางระดับสูงของ PADI Asia Pacific ซึ่งดูแลการทำงานของครูของ PADI ในเขตประเทศไทยด้วย ก็ไม่พอใจกับพฤติกรรม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ ณ ขณะนี้ ยังเป็นการยากที่ PADI จะออกมาพูด หรือแสดงความเห็นใดๆ เพราะอาจเกิดความผูกพันทางกฎหมายให้เขาถูกฟ้องร้องกลับได้
แต่ก็ได้มีการดำเนินการบางอย่างที่ *อาจ* (เน้นว่า อาจ) ทำให้ PADI มีคำอธิบายออกมาในลักษณะภาพรวม โดยไม่เน้นไปที่ตัวบุคคล

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็คงต้องร้องเพลง “รอ” กันไปก่อนอีกสักระยะ

จากคุณ : Wobbegong - [ 13 พ.ค. 50 11:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 125

เคยทะเลาะกับฝรั่ง มันบอกว่า ถ้าฝรั่งไม่มาลงทุน คนไทยก็ไม่มีงานทำ เดือดค่ะ

จากคุณ : padme' amidala - [ 13 พ.ค. 50 22:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 126

ฝรั่งไม่ดีก็มีเยอะครับ สมควรประนามและไล่ออกนอกประเทศ.... เค้าลงลืมไปครับว่าอาศัยผืนแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษของเราแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อรักษาแผ่นดินผืนนี้เอาไว้
คนไทยเราต้องช่วยกันนะครับ ไม่ใช่มองเห็นแก่ค่าของเงินตราของเค้าอย่างเดียว...

จากคุณ : Olympuslover - [ 14 พ.ค. 50 11:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 127

ขอบคุณน้อง Wobbegong ที่อธิบายเกี่ยวกับสถานะของสถาบันดำน้ำที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาในกรณีที่เกิดขึ้นกับน้องวินิจมาให้ทราบค่ะ

อ่านแล้ว....ก็ยิ่งแน่ใจว่า เรื่องนี้จะจบลงในลักษณะ...."ไม่มีโจทก์ ก็ไม่มีจำเลย"

จากคุณ : สายชล - [ 14 พ.ค. 50 16:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 128

ดำน้ำไม่เป็น ว่ายน้ำไม่ได้ แต่ชอบลอยตุ๊บป่องสน๊อกคค่ะ คราวนึง ไปสน๊อคที่เกาะทะลุ ประจวบฯ ฝรั่งไปยืนเหยียบอยู่บนดอกไม้ทะเลทั้งฝูง(ใช้คำว่าฝูงเพราะหลายคน)แบบยืนพักเหนื่อย เราไม่เห็นตอนมันยืนเหยียบ เห็นแต่ตอนมันดำ เพื่อน ๆ ที่ไปด้วยกันเห็น เค้าไม่กล้าโวยวาย มาบ่นให้เราฟังตอนขึ้นเรือ โหยเลือดขึ้นหน้าอย่างแรงค่ะ

จากคุณ : princesfrog (princesfrog) - [ 15 พ.ค. 50 08:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 129

ขอถามค่ะ 60 ฟุต = กี่เมตรคะ?

จากคุณ : eoung - [ 16 พ.ค. 50 11:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 130

คุณ eoung คะ.....ระยะทางหรือความลึก 60 ฟุต เท่ากับ 18.18 เมตร ค่ะ (3.3 ฟุต = 1 เมตร)

จากคุณ : สายชล - [ 16 พ.ค. 50 14:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 131

ขอบคุณมากค่ะ คุณสายชล
แหมอายจัง ไม่อยากบอกเลยว่าเพิ่ง
กลับมาจาก ดำน้ำ ที่สิมิลัน
แต่ทุกทีใช้เป็นเมตรน่ะคะ
ความจริงอาจารย์ก็สอนนะคะ แต่ไม่จำเอง
ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
และขอให้เรื่องข้างต้นจบลงด้วยดีนะคะ
น่านน้ำไทย คนไทย ประเทศไทย

จากคุณ : eoung - [ 16 พ.ค. 50 14:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 132

คุณสายชลคะ หรือ ใครก็ได้ค่ะ ที่ทราบ
รบกวนถามอีกเรื่องเถอะค่ะ
ที่สิมิลัน ที่มีรูปปั้น 12 นักษัตริย์
ใต้ทะเลลึก 10-11 เมตร
ที่ ททท เขาเอาลงไปวางไว้น่ะคะ
มีประวัติความเป็นมาอย่างไรคะ
และ ตรงจุดนั้นเขาเรียก ว่าอะไรคะ
ขอบคุณมากค่ะ

จากคุณ : eoung - [ 16 พ.ค. 50 15:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 133

คุณeoung ขา....เข้าใจว่าเรื่องการทำ "ประติมากรรมใต้น้ำ" นี้เป็นความร่วมมือของภาครัฐ องค์กร เอกชน และชุมชน หลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะ ททท. เพียงแห่งเดียวค่ะ

เชิญอ่านบทความที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่

http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9480000123622

และบทความอีกหลายฉบับ จากแหล่งเดียวกันค่ะ

ส่วนสถานที่ตั้งปฏิมากรรม "สิบสองนักษัตร" นั้น อยู่บนพื้นทรายด้านใต้ของเกาะห้า อุทยานแห่งชาติทางทะเล หมู่เกาะสิมิลัน ค่ะ

จากคุณ : สายชล - [ 17 พ.ค. 50 12:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 134

ขอบคุณมากนะคะคุณสายชล กระจ่างแล้วค่ะ
ได้ความรู้จากคุณสายชลอีกแล้ว ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

จากคุณ : eoung - [ 18 พ.ค. 50 09:28:19 ]

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป