ความคิดเห็นที่ 1 ลุ่มแม่น้ำนครนายกเห็นลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ มีพื้นที่รับน้ำประมาณ 2 , 430 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตั้งอำเภอเมือง อำเภอบ้านนา อำเภอปากพลี ไปจนถึงอำเภอองครักษ์ ลุ่มน้ำ นครนายกตอนบนมีต้นกำเนิดอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จากบริเวณต้นน้ำจนถึงอ่างเก็บน้ำ คลองท่าด่าน มีลักษณะเป็นหุบเขาแคบ ๆ และพื้นที่สูงชัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ตอนกลาง ได้แก่ พื้นที่ส่วนขยายของโครงการชลประทานท่าด่าน เป็นที่ราบมีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ในบริเวณนี้ ระดับน้ำใต้ดินมีการลดระดับหรือพื้นที่ลาดเทค่อนข้างมากทำให้น้ำไหลบ่ารุนแรง ในช่วงฤดูฝนและตอนล่างได้แก่บริเวณพื้นที่ชลประทานนครนายก เป็นพื้นที่ราบกว้างขวาง มีระดับน้ำใต้ดินต่ำจึงเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งส่วนในฤดูฝนกลับเกิดปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบที่มีความลาดเอียงน้อยทำให้น้ำระบายอกยากน้ำจึงท่วมขัง เป็นเวลานาน           ลุ่มน้ำนครนายกได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทำให้เกิดฝนชุกโดยเฉลี่ประมาร 1 , 500 ถึง 2 ,000 มม. ต่อปีหรือร้อยละ 87 และระหว่างเดือน มิถุนายนถึง เดือนตุลาคม ยังเป็นช่วงที่มีน้ำท่าสูงสุดถึงร้อยละ 93 ของปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยทั้งปี น้ำฝนที่ตกลงมาจะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ไร่นา และพื้นที่ทำการเกษตรโดยรอบ บางแห่ง น้ำท่วมแช่อยู่นานจนไร่นาและพื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย อ่างเก็บน้ำที่มีอยู่ก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำ ส่วนกินนี้ไว้ในฤดูแล้งได้ ดังนั้นช่วงปลายปีเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมอันเป็นช่วงฤดูแล้ง จึงมักเกิดการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง แม้ว่าบริเวณลุ่มแม่น้ำจะมีระบบชลประทานขนาดเล็กและ ขนาดกลางโดยมีฝาย เช่น ฝายท่าด่าน หรือเขื่อนทดน้ำตามลำน้ำเป็นระยะๆ เพื่อใช้ตัวลำน้ำเอง เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน และยังใช้อ่างเก็บน้ำตามลำน้าสาขาทางต้นน้ำนครนายก ช่วยเก็บกักด้วยก็ยังพอที่จะช่วยป้องกันน้ำหลากในช่วงฤดูฝน และไม่เพียงพอที่จะเก็บกักน้ำไว้ใช้ ในฤดูแล้ง โดยเฉพาะบางทีที่ฝนทิ้งช่วง ลำน้ำนครนายกเองก็ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้เพื่อ ชลประทานได้ ตรงกันข้ามเมื่อถึงช่วงฤดูฝน น้ำกลับไหลบ่าลงมาท่วมบ้านเรือน ไร่นา และพื้นที่การเกษตร ของราษฎรทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมราก พื้นที่บางส่วนจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน แต่พอถึงฤดูแล้ง น้ำกลับแห้งผากจากสภาวะน้ำท่วมแช่อยู่เป็นเวลานานสลับกับความแล้งซ้ำซากทำให้ดินกลายสภาพ เป็นกรดที่เรียกว่าว่า ดินเปรี้ยว ในแต่ละปีดินเปรี้ยวสร้างความสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับ ผลผลิตทางการเกษตรในจังหวัดนครนายกด้วยเหตุผลดังกล่าว โครงการเขื่อนคลองท่าด่านฯ จึงเกิดขึ้นโดยมีความ มุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้ง และดินเปรี้ยว ด้วยการพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบชลประทานขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บกักน้ำและจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ ให้พอเพียงกับความต้องการของกิจกรรมทุกประเภทภายในลุ่มน้ำนครนายกและพื้นที่ ใกล้เคียง ดังนั้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2536 เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพระราชดำริให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน พิจารณาวางโครงการและก่อสร้างเขื่อนคลองที่ด่านฯ และได้ดำเนินการก่อสร้างเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 โดยจะใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2544 พระบาทสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงวาง ศิลาฤกษ์เขื่อนคลองท่าด่านฯ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่พสกนิกร ชาวจังหวัดนครนายก จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 13:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุด อยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีทั้งหมด 6 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 65 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งไหลลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 สูงประมาณ 145 เมตรและ 3-4 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันในลักษณะการไหลตก 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 60 เมตร มีชั้นที่ 5-6 อีกสองชั้นรวมความสูงได้กว่า 70 เมตร เป็นสายน้ำที่ไหลทะลักไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง ในฤดูฝนน้ำจะไหลแรงมากจนดูน่ากลัว ตำนานของโขลงช้างตกลงไปเสียชีวิตเมื่อปี35 ก็ที่น้ำตกเหวนรกแห่งนี้โดยติดค้างอยู่ชั้นที่ 2ดังกล่าว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 13:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จะย้อนเส้นทางสายน้ำของน้ำตกเหวนรก จากมุมสูงที่ถ่ายไว้เมื่อปี 2546 ในช่วงระหว่างการก่อสร้างเขื่อนคลองท่าด่าน เริ่มจากบ้านท่าด่าน จ.นครนายก ผ่านซอกขุนเขาดงพญาเย็นสู่น้ำตกเหวนรก  หลังจากนั้นจึงทำการสำรวจเส้นทางด้านล่างภาคพื้นดิน โดยที่เราจะต้องเดินเท้าเข้าป่าค้างแรมหลายต่อหลายครั้ง เพื่อศึกษาแหล่งต้นน้ำป้องกันผลกระทบที่จะตามมาหลังจากการสร้างเขื่อนดังกล่าว แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 50 14:15:57 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 13:41:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น้องเก้ง  น้องกวาง  มาตีตั๋วจองแถวหน้า นั่งดู  "นักสืบสายน้ำ จากเหวนรก สู่เขื่อนขุนด่าน เพื่อการท่องเที่ยว " ครับ จากคุณ : Draught Beer - [ 14 พ.ค. 50 13:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จากภาพทางอากาศจะสามารถมองเห็น ฝายกั้นน้ำดั่งเดิมที่ก่อสร้างไว้ป้องกันสายน้ำที่รุนแรงในยามฤดูฝนของทุกๆปีที่ถาโถมลงมา จนเกิดน้ำไหลหลากสร้างความเสียหายให้กับชุมชนบ้านท่าด่านและชาวนครนายก จนไปถึงจังหวัดใกล้เคียงเช่นกรุงเทพอีกด้วย เนื่องจากทางน้ำเป็นสายตรงเมื่อน้ำฝนที่ตกลงมากลางผืนป่า อช.เขาใหญ่ที่เป็นแอ่งกะทะรองรับน้ำได้มาก แล้วก็เออล้นลงมาทางน้ำตกเหวนรก จากนั้นก็ไหลลงสู่ซอกเขาเพื่อลงมาทางบ้านท่าด่านแห่งนี้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 13:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมยังเด็กอยู่...สมัครได้มั๊ยครับ จากคุณ : รอชม - [ 14 พ.ค. 50 13:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีต่อไหมครับ จากคุณ : นายลูกเต่า - [ 14 พ.ค. 50 14:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 น้องเก้ง  น้องกวาง  เตรียมสมุดดินสอมาเรียบร้อยหรือยังครับ  เพื่อจะได้รู้ว่าใครๆเค้ามาทำอะไรในบ้านของเราบ้างเน๊อะ  ระวังเนื้อระวังตัวนะตอนนี้เพื่อนๆของเราเจอะเจอคนใจร้ายทำร้ายจนเสียชีวิตก็หลายแห่งแล้ว...เบื่อเน๊าะน้องเก้ง น้องกวาง ระยะทางจากจุดก่อสร้างตัวเขื่อน ห่างจากน้ำตกเหวนรกประมาณ 8 กม.(เดินวัดไปตามสันเขาหลังเขื่อน)  12 กม.สำหรับเดินวัดระยะทวนน้ำเข้าไป  จนถึงชั้นที่ 6 ของน้ำตกเหวนรก (ท้ายๆมีภาพประกอบการเดินป่าจากด้านล่างเข้าไป และใช้การโรยตัวลงมาจากด้านบนสุดของน้ำตกเหวรก เพื่องานสำรวจเมื่อปี47-48) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 14:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น้องรอชม หนีไปเที่ยวไหนมาวานบอก....เราๆเด็กดองน่ะซิ นายลูกเต่า ขอโทษครับ ตอนนี้ฝนตกหนักมาก เลยช้าไปหนี๊ดนึ่งครับ ผมขอพูดถึงโครงสร้างป่าและหินของเขาใหญ่เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ โครงสร้างทางธรณีวิทยาของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นับว่าเก่าแก่มากแห่งหนึ่งของประเทศ การสร้างตัวทางธรณีวิทยาเป็นหลมาจากวัฏจักรของการทับถมของตะกอน การยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะพังทลายของดินและหิน สลับกับการระเบิดของภูเขาไฟในยุคพาลีโอโซอิค (Palaeozoic) หรือประมาณ 300-400 ล้านปีมาแล้ว หินที่เป็นรากฐานพบว่า เป็นหินชุดโคราช ชุดกาญจนบุรี และชุดราชบุรี ซึ่งมีทั่งหินปูน หินทราย หินดินดาน และหินไดโอไรท์ ในยุคพาลีโอโซอิค พื้นที่บริเวณเขาใหญ่ได้รับการทับถมของตะกอนขนาดหนัก ตะกอนเหล่านี้ถูกพัดพามาตามลำน้ำ แล้วไปทับถมตามบริเวณที่ราบชายฝั่งจนมีความสูงถึง 3,000 เมตร ซึ่งเป็นจุดเริ่มแรกของการเกิดชุดกาญจนบุรี และนับว่าเป็นหินชั้นล่างสุดของหินที่ปรากฏในพื้นที่เขาใหญ่ เมื่อพื้นที่รอบๆหยุดการผลิตตะกอน การชะล้างพังทลายในบริเวณนี้ก็เกิดขึ้นแทน ควบคู่ไปกับการยกตัวของเปลือกโลก ทำให้น้ำทะเลซึ่งมีอยู่ในบริเวณนี้ไหลไปสู่จุดอื่นพร้อมกับการชะล้างพังทลายแบบรุนแรงอีกด้วย ต่อมาภายหลังน้ำทะเลท่วมถึงพื้นที่อีก การพัดพาตะกอนมาทับถมก็ตามมาอีกครั้งหนึ่ง น้ำทะเลบริเวณนี้มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง ระดับน้ำไม่ลึกและคล้ายคลึงกับบริเวณอ่าวไทย ตลอดจนมีทัศนียภาพใกล้เคียงพัทยาในปัจจุบัน หินปูนและหินดินดานเริ่มทับถมอยู่ตอนบนของหินกาญจนบุรีและถูกเรียกชื่อใหม่ว่า เป็นหินชุดราชบุรี ซึ่งสังเกตได้จากการมีซากสิ่งมีชีวิตทางทะเลผสมอยู่ในเนื้อหินซึ่งมีอายุประมาณ 250 ล้านปี ที่เรียกกันว่า เปอร์เมียน (Permian) ในพื้นทีบางแห่งพบว่าตะกอนที่ทับถมเป็นหินราชบุรีนี้มีความสูงถึง 2,300 เมตร จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 14:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ภาพนี้เป็นช่วงหน้าแล้งจะมองเห็นน้ำตกเหวนรก  ช่วงตอนบน 3 ชั้นที่ไม่มีสายน้ำ  ส่วนทางขาวมือจากเป็นชั้นที่4-5-6 ต่อเนื่องลงมา มาต่อโครงสร้างครับ ต่อมาของเหลวที่สะสมอยู่ใต้เปลือกโลกมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งต่างๆที่ผิวโลก สสารขนาดใหญ่มีความแข็งและผิวหยาบ โผล่ออกมาจากพื้นผิวของชั้นตะกอนตอนบน ทำให้พื้นผิวมีการม้วนตัวบิดเบี้ยวและแตกเป็นร่อง หินดินดานถูกเปลี่ยนไปเป็นหินชนวนและฟิลไลท์ หินทรายเป็นควอทไซต์ และหินปูนชุดราชบุรีกลายเป็นหินอ่อน หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า หินอ่อนสระบุรีนั่นเอง เมื่อทุกอย่างสงบลง การชะล้างพังทลายก็เข้ามาแทนที่อีกครั้งหนึ่ง โดยที่เปลือกโลกในส่วนที่มีการม้วนตัวถูกทำลายลง ภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลง พื้นที่บนที่ราบสูงกลายเป็นเขตกึ่งแห้งแล้ง มีลักษณะคล้ายเขตแห้งแล้งของโลกปัจจุบัน พบว่ามีหินทรายสีแดง และหินดินดานผสมกับตะกอนยิบซั่มและเกลืออยู่ทั่วไป สารต่างๆ เหล่านี้พบว่าสลายตัวมาจากชุดหินกาญจนบุรี ดังนั้น หินชุดโคราชซึ่งพบทั่วไปในบริเวณที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงเกิดจากการทับถมและก่อตัวของสิ่งต่างๆ เหล่านี้จนสูงมากกว่า 4,500 เมตร และที่ฐานของหินชุดโคราช จะพบว่ามีหินชุดกาญจนบุรีและราชบุรีอยู่ทั่วไป การทับถมของตะกอนยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกิดการระเบิดของภูเขาไฟที่เขาใหญ่ ลำธารของหินภูเขาไฟที่เรียกว่า ไรโอไลท์ (Rhyolite flows) ไหลผ่านและซึมลงในเนื้อหินชุดต่างๆ จนเกิดเป็นหินไดโอไลท์ (Diorites) บางแห่งจะพบว่ามีหินชนิดนี้โผล่ขึ้นมาให้เห็น โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาการชะล้างพังทลายเริ่มเกิดขึ้นอีก และเป็นอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน ตะกอนที่มีขนาดเล็กถูกน้ำพัดพาไปทับถมกันในบริเวณที่ราบระหว่างภูเขา ซึ่งการทับถมลักษณะนี้จะพบเห็นได้ทั่วไปตั้งแต่ที่ราบบริเวณทิศตะวันตก ของที่ราบสูงโคราชไปจนถึงที่ราบภาคกลางของประเทศ อันเป็นแหล่งเกษตรกรรมและการปลูกข้าวที่เป็นหัวใจของประเทศ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 14:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พี่สหายก๊าบบบบบ จั่วหัวซะน่ากลัวเชียว แถมพิมพ์ยาวมากมาย จนตานู๋ลายเลยอะ จากคุณ : แมวน้อยห้อยขา - [ 14 พ.ค. 50 14:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภาพนี้ในฤดูฝนที่น่าสะพรึ่งกลัวของเหวนรก  ตำนานผีเฝ้าป่าของพรานไพรจากบ้านท่าด่านในอดีตที่เสียชีวิตไปไม่น้อย กับการพยายามเดินป่าล่าสัตว์แถบเทือกเขาลูกนี้   ก่อนนี้บ้านท่าด่านดั่งเดิมตั้งอยู่บนเขาใหญ่ เมื่อครั้งเป็นซ่องโจรปล้นวัวควาย แถบบ้านแร้งคอยสระบุรี หรือทำร้ายนายฮ้อยทมิฬที่คุมวัวควายผ่านทางมา (สมัยก่อนทางอีสานจะค้าวัวและควายเข้ากรุง จะใช้เส้นทางเทือกเขาพญาเย็นเป็นเส้นพักแรม ก่อนเข้าถึงสะพานควาย) สุดท้ายมี... ขุนด่าน ซึ่งเป็นนายด่านเมืองนครนายกสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่ถูกแต่งตั้งเมื่อราวปี พ . ศ . 2130 ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช  โดยดูแลเมืองปราจีนบุรี และเมืองนครนายก นามว่า"ขุนด่าน" ได้ปราบปรามโจรจนราบคราบและสั่งอพพยพคนบ้านท่าด่านลงมาจากเขาใหญ่ (บริเวณชุมชนเดิมคือหนองขิง ตรงสามแยกหนองน้ำ ลาน ฮ.เดิมของเขาใหญ่) มาอยุ่ที่ ต.สาริกาและ ต.หินตั้ง ที่เกิดการก่อสร้างเขื่อนดังกล่าวนี้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 14:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นู๋แมวน้อยห้อยขา ....อ้าวแก่แล้วก็ไม่บอก ตาลายลมพับจับใส่ซะแล้ว อิอิอิ  ห้ามหลับเวลาเรียนเด้อ นี่ๆนู๋แมวน้อยห้อยขา  รู้มั้ยว่าช่วงปี 2532 ทางรัฐบาลในสมัยนั้นจะก่อสร้างเขื่อนท่าด่าน(เดิม) ที่บริเวณหัวน้ำตกเหวนรกโน้นแหล่ะค่ะ ชุมชนบ้านนครนายกและปราจีนรวมถึงองค์กรต่างๆต้องออกมาเรียกร้อง ขอให้ยุติโครงการก่อสร้างเขื่อนที่น้ำตกเหวนรกมาแล้ว จุดที่วางไว้คือตัวสันเขื่อนจะอยู่ที่ลานจอดรถปัจจุบันนี้ที่น้ำตกเหวนรกที่เดียวจ๊ะ  สุดท้ายการต่อสู้เรื่องต่างๆก็จบลงทั้งหมดโดยการทำหนังสือถวายฏีกาแด่ในหลวง และสรุปการแก้ปัญหาด้วยการสร้างฝายกั้นน้ำที่บ้านคลองท่าด่าน ต.หินตั้ง(ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำแล้ว) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 15:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพเหล่านี้คือภาพสุดท้ายก่อนกลายเป็นน้ำ ที่เก็บกักขังไว้ใต้เขื่อนดังกล่าว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 15:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เขื่อนคอนกรีตอัดบดยาวที่สุดในประเทศไทยและในโลก เขื่อนขุนด่านปราการชล อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากที่เกิดกับประชาชนชาวนครนายก และจังหวัดใกล้เคียง ตัวเขื่อน ประกอบด้วยเขื่อนหลักและเขื่อนรองสร้างด้วยคอนกรีตบดอัด ปัจจุบันเป็น เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่มีความยาวที่สุดในโลก มีความยาวรวม 2,720 เมตร ความสูง ( สูงสุด ) 93 เมตร รับน้ำที่ไหลจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีความจุ 224 ล้าน ลบม. เดิมชื่อเขื่อนคลองท่าด่าน และต่อมาเปลี่ยนได้ชื่อใหม่โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทาน ชื่อเขื่อนคลองท่าด่านมาเป็น... “ เขื่อนขุนด่านปราการชล ” กับมีพระกระแสให้ติดป้ายโลหะจารึกประวัติของ ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน ณ บริเวณเขื่อนเพื่อเชิดชูเกียรติคุณให้ปรากฏนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแก่กรมชลประทานและชาวจังหวัดนครนายก ขอพระองค์ทรงมีพระชนม์พรรษายิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงประชาตลอดกาล เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นชื่อพระราชทานที่ได้นำตำนานเจ้าพ่อขุนด่านในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อพม่าบุกไทยชาวเขมรลักเสบียง รังแกคนไทย หัวหน้าที่ชาวบ้านเรียกว่าขุนด่านจะใช้ม้าเร็วรับส่งข่าวรายงาน ไปยังกรุงศรีอยุธยา ภายหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกาศอิสรภาพจากพม่าพระยาละแวกตีตลบหลังไทยกวาดต้อนขนทรัพย์สินมีค่าไปเมืองเขมร ขุนหาญพิทักษ์ไพรวันหรือขุนด่านทราบข่าวกองทัพเขมรจะตีนครนายก ได้รวบรวมคนไทยซุ่มรอคอยโจมตี ทัพพระยาละแวกอย่างห้าวหาญ จนทัพเขมรแตกพ่ายไป ต่อมาเมื่อขุนด่านถึงแก่ อนิจกรรม ชาวบ้านได้ร่วมใจสร้างศาลาประดิษฐานอัฐิไว้ ณ บริเวณเขาชะโงก ตำบลพรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก ปัจจุบันเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ เกียรติคุณขุนด่านที่เล่าขานกันตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจะจารึกไว้ในความทรงจำชั่วลูกหลานให้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่านตราบนานเท่านานไว้ที่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 15:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากเราได้ทราบข้อมูลบางส่วนของความเป็นมาจากต้นน้ำที่เหวนรกแล้วจนกระทั่งมาถึงเรื่องราวของการออกค้นหาติดตามสายน้ำดังกล่าวทางภาคพื้นดินกันบ้าง... ผมและคณะ อสท.คุณอภินันท์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ อช.เขาใหญ่-จังหวัดนครนายก-กรมชลประทาน ออกทำการสำรวจผืนป่าหลังเขื่อนแห่งนี้กันต่อ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 15:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาตีตั๋วอ่าน ขอถามด้วยนิดนึงค่ะ คุณพ่อบอกว่า เร็ว ๆ นี้จะสร้างเขื่อนเหนือวังตะไคร้ขึ้นไปอีกที่หนึ่งใช่หรือปล่าวคะ จากคุณ : tarojay - [ 14 พ.ค. 50 15:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใจหาย...เขาใหญ่ในวันสงกรานต์ ปี 47 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : season_2u - [ 14 พ.ค. 50 15:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น้องtarojay  กำลังศึกษาขั้นตอนต่างๆครับ ก็ต้องสู้หรือว่ากันไปตามหลัการนะครับ แล้วจะรายงานผลให้ทราบเร็วๆนี้จ๊ะ คุณseason_2u   แห้งสนิททุกๆปีแล้วครับเดี๋ยวนี้  แย่จริงๆ คณะสำรวจเริ่มเดินเท้าจากท้ายเขื่อนที่กำลังก่อสร้าง ขึ้นตามไหล่เขาทีละลูกและสลับเดินตามท้องน้ำท้ายเขื่อน กำหนดสำรวจช่วงแรกคือ 4 คืน 5 วัน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 15:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รูปพี่เจี๊ยบ  ใน คห.16  เทห์จริงๆ ครับ " นี่แหละชีวิต  ของคนหลังกล้อง " จากคุณ : Draught Beer - [ 14 พ.ค. 50 16:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หนุ่มเบียร์ครับ  เท่ห์น่ะเท่ห์นะ แต่ขี้ลืมนี่เป็นเลิศจริงๆ ขนาดลืมเมียไว้ที่ร้านอาหารน่ะ ผมเชื่อแกจริงๆ... ใช้เวลาช่วงวันแรกเดินได้แค่ 4 กิโลผ่านยอดเขามา 2 ลูก ต้องหยุดเพื่อตั้งแคมป์  มีสาเหตุมาจากฝนกระหน่ำหนักๆมาหลายชั่วโมง  อีกทั้งฝูงทากเริ่มแทะขาและพุงอย่างหนัก  สำหรับการเดินป่าเส้นทางนี้ลำบากก็ตรงที่ว่า  ต้องทำทางเดินตลอดช่วงที่ผ่านเพราะเป็นป่าปิดมาโดยตลอด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 วันแรกของการเดินทางยุติลงเวลา 16.30 น. เราไม่สามารถต้านทานกระแสตามลำธารด้านล่างได้ เนื่องจากน้ำแรงดันของน้ำสูงมาก  เมื่อหนีไต่ขึ้นสันเขาก็ต้องแหวกป่าหาทางเดิน  การเดินยอดเขาที่นี่ปัญหาใหญ่ก็คือทาก และป่าไผ่ที่รกมากๆ สุดท้ายเราเปลี่ยนแผนหยุดพักการเดินทางของวันนี้ก่อน  วางแผนใหม่อีกครั้ง จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วันที่สองของการเดินทาง  เราเปลี่ยนมาเป็นเดินบนยอดเขาเบนเข็มสู่หัวน้ำตกเหวนรกด้านบนให้ได้ โดยประมาณว่าไม่เกินอีก 2 คืนต้องถึงทีนั่น  แล้วเราค่อยหาทางไต่เขาลงไปดูสำรวจเหวนรกที่มีถึง 6 ชั้นด้วยกันอีกที กำหนดการถูกวางแบบจรยุทธ์แล้วครับตอนนี้  อะไรที่ว่าเจ๋งๆก็ช่วยไม่ได้ตำราเลิกกันไม่ต้องคุย เพราะป่าคือป่า ณ.ชั่วโมงเราต้องหนีกระแสน้ำจากด้านล่างของลำธารขึ้นเขา  ต้องต่อกรกับทากที่กำลังเติบโต และใช้เวลาให้เร็วที่สุดแข่งกับการทำงานที่มีสายฝนตกตลอดทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นช่วงๆ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราผ่านวันเวลาที่หนักๆมา 2 คืน  สุดท้ายเราก็ทะลุออกด้านบนหัวน้ำตกเหวนรกชั้นแรก  ที่จะมองเห็นนักท่องเที่ยวเดินมาชมน้ำตกที่ฝั่งตรงข้าม  จากนั้นเราไต่เขาลงมาตั้งแคมป์ที่ด้านล่างชั้นที่ 2  จุดที่โขลช้างป่าพลัดตกเขาลงไปที่นั่น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ยังอ่านไม่หมดค่ะ  แวะมาทักทายก่อน จากคุณ : Happy Holiday - [ 14 พ.ค. 50 16:41:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พี่สหายสาริกา  นู๋ไม่เคยเดินป่าเลยคะ กลัวอะ จากคุณ : แมวน้อยห้อยขา - [ 14 พ.ค. 50 16:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การเดินทางมาสำรวจครั้งนี้  ทำให้เราทราบว่าช่วงที่สายน้ำของเหวนรกกำลังเดือดดาลเช่นนี้ ไม่เหมาะแก่การเข้ามาสำรวจใดๆทั้งสิ้น ด้วยเหตุที่ว่าอันตรายมากๆ เราใช้เวลาไปหลายวันและข้ามเขามาหลายลูกก็เพียงเพื่อต้องการทราบที่ไปที่มาของต้นน้ำเส้นนี้ ที่ใครๆก็กล่าวว่าน่ากลัวและอันตรายจริงๆ   แต่สิ่งที่เราต้องการศึกษาก็คือต้นน้ำที่ต่อเนื่องมาจากชั้นน้ำตกเหวนรก ว่าเป็นเช่นไร หากเมื่อการกักเก็บน้ำในเขื่อนได้เริ่มขึ้นปริมาณของน้ำจะท่วมถึงจุดใดในผืนป่าแห่งนี้  ผลกระทบจากน้ำท่วมท้ายเขื่อนสร้างความเสียหายให้กับต้นน้ำหรือไม่  เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงบทสรุปของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมต่างๆ สำหรับในเรื่องนี้ที่ชาวชุมชนต้นน้ำต้องรู้และเข้ามาช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมของผืนป่าแห่งนี้กันต่อไปในอนาคต  เราเองต้องการสำรวจและวางแผนให้ดำเนินการการจัดการดูแลต้นน้ำให้กับชุมชน  ที่คงต้องเริ่มจากการพัฒนาเยาวชนของที่นี่ให้รู้ถึงคุณค่าของป่าต้นน้ำ และนำไปสู่การจัดตั้ง" นักสืบสายน้ำ " จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาซึมซับความรู้อีกรอบ(เป็นคนนครนายกแท้ ๆ แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลย แหะๆ) จากคุณ : tarojay - [ 14 พ.ค. 50 16:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Happy Holidayจ๋า  มาเก็บให้หมดตอนค่ำๆนะ เพราะว่างานนี้คงยาวเหมือนกัน เน็ตช้านิดหน่อยเพราะฝนกำลังตกหนักมาก นู๋แมวน้ำ  ให้เจ้าฟ้าพาทัวร์รับรองไม่ผิดหวัง ขานั้นลูกหาบชั้นเลิศ...อิอิอิ ในครั้งนั้นการสำรวจจากการเดินเท้าท้ายเขื่อนขุนด่านฯ เข้าสู่เหวนรกอาจจะไม่สวยนัก  เพราะว่าไม่สามารถเจาะถึงรายละเอียดต่างๆของผืนป่าแห่งนั้นได้ทั้งหมด โครงการที่ 2 จึงเกิดขึ้น..   โครงการสำรวจครั้งที่สองจึงเริ่มขึ้น  ราวแล้งๆปลายปีเราปรับเปลี่ยนมาเป็นโรยตัวลงไปดูทีละชั้นของน้ำตกเหวนรก  โดยมีการเดินเท้าเข้ามาจากทางหน่วยฯเหวนรกเริ่มจากหัวน้ำตกชั้นบนสุดลงมาจนถึงท้ายเขื่อขุนด่านฯ แบบค่ำไหนนอนนั่น และเก็บรายละเอียดให้หมดซึ่งถือว่าวิธีการดังกล่าว น่าจะดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดอีกด้วย.. จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 16:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณtarojay ครับ   บ้านเรามีอะไรๆอีกมากมายนะครับที่ต้องช่วยๆกันทำและสร้างให้ก่ออันเกิดประโยชน์  เพราะป่าผืนนี้คือป่าที่เราๆถือว่าใกล้กรุงเทพที่สุดแล้วล่ะ...มาช่วยกันดูแลป่าของเราๆทุกคนนะครับ....ผมจะรอพวกเราทุกๆคน จากการสรุปผลงานของครั้งแรกทั้งหมดแล้ว ถือว่าล้มเหลวในการเก็บข้อมูลอย่างไม่เป็นท่า เพราะอุปสรรค์ปัญหามากมาย การทำงานครั้งนั้นได้แค่เอาตัวรอดกลับมาเท่านั้นเอง  ครั้งนี้จึงถือว่าเป็นมติของทุกๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือการโรยตัวลงไปทีละชั้นของน้ำตกเหวนรก ในขณะที่สายน้ำตามน้ำตกมีน้อยแล้วไม่เป็นอันตรายกับการทำงานครั้งนี้ด้วย  จึงเริ่มทำงานทันทีเพราะทุกอย่างต้องเร่งรีบสรุปผลให้ได้ก่อนเขื่อนแห่งนี้จะเปิดทำการ และจะต้องวางรากฐานการดูแลต้นน้ำแห่งนี้ต่อไปในอนาคตอีกด้วย ไม่ว่าจะเพื่อการเกษตรหรือการท่องเที่ยวดังกล่าว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชุดปฎิบัติงานชุดเดิมเริ่มทำงานกันต่อไป..... วันนี้ที่เหวนรก วันที่ไร้สายน้ำเคยเดือดดาลเหมือนดั่งวันวาน  กับแผ่นผาที่ยิ่งใหญ่สมคำว่าที่ว่ามันคือเหวจากนรกจริงๆ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เราเริ่มจากโรยตัวผ่านชั้นแรกลงมาที่ความสูงกว่า 65 เมตรแล้ว  ก็ต้องเดินเท้าต่อเนื่องมาถึงจุดที่สอง จุดที่ถือว่าน่ากลัวที่สุดในแต่ละชั้นของเหวนรก  เราบันทึกชั้นหินและตัวอย่างน้ำเก็บใส่ขวดแบกเป้โรยตัวต่อลงไปที่ชั้นที่ 2 สูงกว่า 145 เมตร (ช่วงแรกเราจะลงมาพักที่กลางผาก่อน) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลงมาพักชั้นที่สองแล้วก็ต่อไปช่วงที่เหลือโรยตัวลงน้ำแล้วว่ายเข้าฝั่ง..... เราเพิ่งผ่านมาแค่สองผาเท่านั้นครับ....วันนี้ก็ร่วมบ่ายๆกว่าๆต้องหยุดกินข้าวก่อนล่ะ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ที่ชั้นนี้ครั้งหนึ่งเมื่อปี35 เราเคยลงมากับป่าไม้และทหารร้อย ลว.ไกลปราจีน เพื่อดันซากช้างที่ตกลงมาเสียชีวิต แล้วบางตัวติดค้างขัดกับก้อนหินอยู่ชั้นนี้ลงสู่เบื้องล่างสุดของแอ่งน้ำด้านล่าง... วันนี้ลงมาอีกครั้งแล้วใจหาย..อย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงวันวาน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 การเดินทางเข้ามาครั้งนี้ จะยุ่งยากกว่าทุกๆครั้งที่เราเข้าป่าเพื่อสำรวจพื้นที่  เพราะนอกจากจะโรยตัวลงไปทีละชั้นแล้ว จุดที่เราโรยตัวลงมาทุกๆชั้นจะต้องว่ายน้ำเข้าฝั่งตลอด เพราะเบื้องล่างจะเป็นแอ่งน้ำลึกมาก เนื่องจากสายน้ำที่ทิ้งตัวลงสู้ชั้นล่างๆจะเจาะเป็นเป็นแอ่งน้ำลึกขนาดไม้ไผ่ 1 ลำจมมิดที่เดียว   การทำงานจึงหนักอึ้งไปด้วยอุปกรณ์หลากหลายทั้งอุปกรณ์โรยตัว-เป้-เสบียงค้างแรมเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเก็บข้อมูล และยังต้องสวมเสื้อชูชีพอีกด้วย ถือว่าเป็นการเดินป่าโรยตัวสวมเสื้อชูชีพครั้งแรกที่เคยผ่านงานแบบนี้มาหลายๆครั้งด้วยกัน... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก่อนค่ำวันแรกวันเราจัดการตั้งแคมป์ที่ใต้น้ำตกเหวนรกชั้นที่ 6 หลังจากเราผ่านพ้นเส้นทางดังกล่าวมาเกือบทั้งวัน ทั้งปีนป่ายปรับแผนตลอดเวลาที่ทำงาน ซึ่งก็เป็นปกติที่เราๆจะชินชากับการปรับแผนเช่นนี้ประจำ พี่เจี๊ยบ มักจะบอกกับผมเสมอๆว่า บางครั้งเราเองก็อยากทำงานเช่นคนทั่วไปเหมือนกันบ้างนะ   แต่ว่าตรงนี้หากเราทำได้และทำได้ลุล่วงด้วยดีละก็ เราก็ทำต่อไปเถอะอย่าเกี่ยงงอนใครๆเลย บางครั้งนะเค้าเองก็อยากมาทำงานแบบเรานี่แหล่ะ แต่ว่าวันเวลาโอกาสเค้าอาจจะไม่มีเช่นเรานะ  เราๆก็คงต้องทำไปเรื่อยๆหากใครๆมีโอกาสเมื่อใดก็คงได้ร่วมๆงานกัน นั่นคือเรื่องของอนาคตต่อไป..... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 17:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราพบมูลของกวางผาที่ชั้นที่ 5 เข้าใจว่าคงลงมาดื่มน้ำที่แอ่งนี้  ความสมบูรณ์ของป่าที่นี่มีให้เราเห็นตลอดเส้นทางที่ผ่านมาทั้งวัน  เราดีใจสุดๆที่ได้พบเห็น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 18:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เข้ามาดูภาพป่าสวยๆ ค่ะ  ^ ^ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 14 พ.ค. 50 18:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 39 นี่เป็นการสำรวจครั้งที่สอง ก่อนที่เราจะเดินป่าทะลุออกมาท้ายน้ำของเขื่อนขุนด่านฯ ในอีก 2 วันต่อมาและเก็บข้อมูลสรุปผลเรื่องราวของงานสำรวจครั้งสองครั้ง  เพื่อนำไปสู่การเตรียมงานวางแผนพัฒนาเยาวชนรองรับการเติบโตของชุมชนในทิศทางที่ควารจะเป็น ซึ่งก็คงจะเน้นการทำงานรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เท่าที่เยาวชนเหล่านั้นจะทำงานร่วมๆกับทางเราได้ เช่นการสร้างคนเฝ้าต้นน้ำระวังสิ่งที่เราเรียกว่าภัยจากธรรมชาติต่างๆ จากการค้นหาและรวบรวมผลสรุปเรียบร้อยแล้ว  เราก็เริ่มงานที่เราต้องใจหวังที่เราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อบ้านป่าริมเขื่อนแห่งนี้ต่อไป...... แล้วที่นี้อยากให้ทุกๆท่านมารู้จัก.. ...นักสืบสายน้ำ ...ตอนต่อไป... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 14 พ.ค. 50 18:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สงสัยนิดนึงนะพี่ ทำไม เขาไม่สำรวจให้ละเอียดก่อนที่จะเริ่มก่อสร้า้งเขื่อนล่ะพี่ จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 14 พ.ค. 50 19:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ได้มีโอกาสสำรวจเส้นทางร่วมกับท่านสหายสาริกาด้วยเช่นกันขอรับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : achaijst - [ 14 พ.ค. 50 19:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาอิจฉาอาก๋งสหายสาริกา อาก๋งใช้ชีวิตได้อย่างน่าอิจฉาเหลือเกิน อิจฉา อิจฉา อย่างทำตัวมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างนี้บ้าง ดูกระทู้นี้แล้วก็หันกลับมาดูตัวเองว่าได้ทำประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอะไรไว้บ้าง ปรากฏว่า.....แป่ว........ จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 14 พ.ค. 50 21:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 นอกจากภาพสวยๆยังได้ฟามรู้เป็นกองเลย จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 14 พ.ค. 50 23:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พี่หมอ  สบายดีนะครับ ขอบคุณพี่หมออีกครั้งที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือทุกๆเรื่องที่ผ่านมาขอบคุณครับ  คิดถึงครับว่างๆเจอกันเสวนาสัก 3 คืนคงจะดีไม่น้อย น้องหนึ่ง             สกว.(สำนักงานสนับสนุนกองทุนวิจัย) เค้าส่งเรื่องทั้งหมดให้เราทราบเมื่อปลายปีที่แล้วเอง หลังจากนั้นเราเองก็ต้องรับดำเนินการทำตามรายงานที่เค้าแจ้งไว้ เหมือนว่าตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์หรือไม่  และเราเองในฐานะคนชุมชนก็ต้องลุกขึ้นมาดูแล ตระเตรียมโครงการของเราเองที่จะรักษาต้นน้ำหรือดูแลสิ่งที่คาดว่าจะเป็นผลกระทบต่อชุมชนของเรา  จากที่กล่าวไว้ข้างต้นในเรื่องที่ย้อนอดีตก่อนสร้างเขื่อนแห่งนี้นั้น คนที่อยู่ในพื้นที่ของโครงการก่อสร้างจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ก็ตาม  เมื่อเรื่องนี้ได้ผ่านกระบวนการของรัฐเรียบร้อยแล้ว เราเองในฐานะประชาชนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยที่นี่ ก็ต้องยอมที่จะเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ในเมื่อสิ่งที่จะสร้างขึ้นมานี้อันมีประโยชน์มากมายมหาศาลทั้งเรื่องการเกษตร-ท่องเที่ยวและสุดท้ายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะควบคุมสายน้ำไม่ให้ล้นทะลักเข้าท่วมกรุงเทพที่ว่าเป็นเมืองหลวงของเราได้อย่างเด็ดขาดอีกด้วย...  คนชุมชนที่นี่จึงเข้าใจและยินยอมปฎิบัติตามมติของ ครม.ในยุดนั้น  เมื่อมีการทำวิจัยและศึกษาโครงการต่างๆเรียบร้อยแล้วการก่อสร้างจึงเกิดขึ้น  เราคือคนที่มาตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง แล้วก็หาทางพัฒนากันต่อไปโดยมิได้หวังพึ่งหน่วยงานร้ฐฯเพียงอย่างเดียว....เราจึงสร้างเด็กๆให้เป็นนักสืบสายน้ำและมัคคุเทศก์น้อย ก็เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมดูแลบ้านป่าในวันนี้ของตนเองน่ะครับหนึ่ง สันกาลาคีรี   เราๆทุกคนก็ถือว่าได้ช่วยๆกันอยู่แล้วนะ ก้อทำในสิ่งที่เหลืออยู่ให้มันดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือสังคมที่เราอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนี่แหล่ะนะแค่นี้พอแล้วจ๊ะ อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที... มาเยือนเราบ้างนะ เมืองที่ใกล้กรุงแห่งนี้ เราจะดูแลป่าแห่งนี้ให้ดีที่สุดกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ต่อๆไปครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 50 01:38:18 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 15 พ.ค. 50 01:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณคร้าบ สำหรับรีวิวดีดีแบบนี้ ผมนั่งอ่านมา เกือบชั่วโมงแว้ว ปวดตาเลยครับ แต่ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกเยอะเลยครับ มีภาพเสียวๆ มาให้ดูเป็นระยะๆด้วยครับ จากคุณ : หมาน้อย (smooth_as_milk) - [ 15 พ.ค. 50 04:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณหมาน้อยครับ .......ที่อยู่เป็นเพื่อนกันครับ หลังจากจบงานสำรวจในส่วนที่เรารับผลประเมินมา แล้วเราก็ติดตามผลโดยสรุปข้อเท็จเพิ่มเติมให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบแล้ว   หลังจากนั้นงานที่เราๆและชุมชนต้องทำกันต่อไปในระยะข้างหน้านี้ หรือที่เราอาจจะเรียกว่าหนังยาวๆก็ได้ก็คือการพัฒนาเยาวชนในชุมชนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและเพิ่มการเรียนรู้ให้กับเด็กๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่จะต้องติดตามมากับความเจริญของที่นี่แน่นอน เราจึงจัดทำโครงการพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ของเยาวชนก่อนอื่น นั่นคือการจัดตั้งกลุ่มนักสืบสายน้ำ และมัคคุเทศก์น้อย.....ต่อไป   ลองติดตามเรื่องราวที่น่ารักของเด็กๆในวันนี้ที่นครนายก... http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5409448/E5409448.html#24 ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านครับที่พยายามอ่านบันทึกของคนๆหนึ่งที่รักบ้านเกิดของตนเอง และเหมือนท่านๆที่ไม่เคยลืมถิ่นฐานบ้านของตัวเอง  กลับไปเถอะครับกลับบ้านเรา..... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 15 พ.ค. 50 04:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คิดถึง อาก๋ง จังค่ะ จากคุณ : ดั้งย้อย (นังนู๋ฟ้า) - [ 15 พ.ค. 50 07:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาปรบมือดังๆ  ให้สนั่นป่าเขาใหญ่ - ดงพญาเย็น เลยครับ ทราบว่า วันนี้ช่วงสายๆ คุณสหายสาริกาจะขึ้นเขาใหญ่ ก็ขอให้เจอกับเรื่องราวที่ดีๆ นะครับ (จะได้กลับมาบอกเล่า ให้สมาชิกชาว BP ได้เป็นข้อมูลกันอีกไงครับ) จากคุณ : Draught Beer - [ 15 พ.ค. 50 08:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตามมาอ่านเรื่องดี ๆ มีประโยชน์ ขอสารภาพว่า ตาลายนิดหน่อย 555 เห็นป่าแล้วอยากไปเดิน แต่ฉินน่ะ ประเภทเดินอย่างเดียวเลย ม่ะค่อยมีความรู้อะไร แถมหัวสมองยังขี้เรื่อยเต็มหัว อัดความรู้ลงไปม่ะได้เลย 555 ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้นะคะ จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 15 พ.ค. 50 09:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมาสำรวจด้วยคนครับ..ข้อมูลเพียบ อาทิตย์นี้จะต้องไปแถวน้ำตกสาริกาพอดี ไม่รู้ว่ามีน้ำมากหรือยัง จากคุณ : Red Fox - [ 15 พ.ค. 50 10:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 16 พ.ค. 50 07:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 52 น่าสนมาก อยากลองซักครั้ง จากคุณ : AmyKo - [ 16 พ.ค. 50 23:39:52 ]