ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นเราไม่ใช่คนที่ดูหมอดูบ่อย (ความจริงเราเป็นนักวิทยาศาสตร์) แต่เนื่องจากน้องคนนึงที่ทำงานด้วยกัน เค้าจะไปทำธุรกิจส่วนตัว (น้องเกิดในชาติตระกูลที่ดี) ทางพ่อและแม่เลยให้ไปดำเนินการจัดทำการแก้วิบากกรรมก่อนที่จะเริ่มต้นทำอะไร น้องก้อเกรงว่าจะหัวเดียวกระเทียมลีบ เลยชักนำเราเข้าสู่วงการ (กำ) ด้วยหวังว่าเผื่อจะมีที่ใดสักที่ที่ต้องไปแก้ไขตรงกัน จะได้ไปด้วยกัน น้องเลยทำการนัดหมายให้เป็นที่เรียบร้อย (อันนี้เป็นที่มาที่นักวิทยาศาสตร์จะต้องเข้าสู่วงการไสยศาตร์) จากคุณ : To be Dakanda - [ 20 พ.ค. 50 22:58:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับผู้ที่เป็นผู้มาดูวิบากกรรม เค้าแจ้งเกิดประมาณว่าเค้าไม่ใช่หมอดู แต่เค้าจะเป็นทำงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จำนวน 10,000 คน เพื่อให้พ้นจากกรรมเก่า จากอดีตชาติ โดยทั่วไปเราสังเกตว่า เวลาเราทำอะไรจะรู้สึกติดขัดไม่ว่าในเรื่องของการทำงาน หรือในเรื่องความรัก อะไรต่างๆเหล่านี้ เค้าแจ้งว่าเกิดจากกรรมเก่า หรือวิบากกรรมที่ว่านั่นแหละ จากคุณ : To be Dakanda - [ 20 พ.ค. 50 23:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับรายละเอียดที่เราต้องเดินทางเพื่อแก้ไขวิบากกรรมเป็นดังต่อไปนี้ 1. เค้าแจ้งว่าเรามีผู้ชายแก่ติดตามอยู่ เค้าบอกว่าไม่รู้เป็นใคร ระหว่างที่ดูเค้าก้อทำเป็นมีท่าทีปวดหัว เหงื่อกาฬแตกอย่างแรง (ทำให้เรารู้สึกว่า เอ๊ยจริงหรือหลอก เพราะว่าน้ำตาเราควบคุมได้ แต่เหงื่อเนี่ยเราควบคุมมิได้ ชิมิค่ะ) เค้าก้อถามว่ามีใครเสียชีวิตแล้วหรือป่าว เค้าถามถึงพ่อ ก้อเลยตอบว่าพ่อเสียแล้ว เค้าก้อถามว่าเป็นโรคเกี่ยวกับสมองใช่หรือไม่ (ก้อจริงของเค้า เราก้อเลยเริ่มมีใจเชื่อเล็กๆ ... อย่าลืมว่าเราเป็นนักวิทยาศาตร์) เค้าบอกว่าพ่อยังห่วงเลยทำให้เราจะทำอะไรก้อติดๆขัดๆ เพราะเค้าดึงๆเราอยู่ เราต้องไปบวชให้พ่อ .... ซึ่งเราจะเล่ารายละเอียดกรรมเอ๊ยวิบากกรรมของเราที่ละข้อ 2. เค้าบอกว่าเราเป็นแม่ทัพสมัยสุโขทัย ออกรบเยอะมากเราเป็นทหารรับใช้พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และ รับใช้จนถึงพ่อขุนรามคำแหง (เราก้อเริ่มขำๆ เพราะว่า มันงัยก้อไม่รู้ จะเป็นไปได้หรือ นี่คือใจเราคิด เค้าคงรู้ว่าเราเริ่มไม่เชื่อ เค้าเลยบอกว่าอย่าทำเป็นเล่นไป (ก้อเจอสวดชุดใหญ่ เซ็งโคตร) เค้าให้เราไปทำความเคารพท่านทั้งสอง 3. ให้เราทำบุญให้พระราหู 4. ให้เราไปไหว้พระที่วัดห้วยมงคล 5. ให้เราไปบริจาคให้กับเด็กกำพร้า 6. ให้ไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ 7. ให้ไปบริจาคเลือด 8. ให้ไหว้พระพิคเนศ สิ่งต่างๆ เหล่านี้แหละที่เค้าบอกว่า ถ้าเราทำจะเกิดสิ่งที่ดีในชีวิต และ ประสบความสำเร็จในชีวิตอะไรประมาณนี้แหละ ให้เราไปไหว้พระที่วัดไผ่ล้อม จากคุณ : To be Dakanda - [ 21 พ.ค. 50 00:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เชื่อกันมั่งมั้ยคะ หรือใครเคยทำอะไรแบบนี้กันบ้างหรือเปล่า เพราะว่ารายการที่ให้ทำเยอะแยะมาก (รายละเอียดสุดๆ) คาดว่าไอ้วิบากกรรมที่เค้าว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องมาเจอเค้าและต้องไปตามแก้ไขนี่แหละ จะเก็บภาพมาฝาก จะเรียกว่าเป็นความทรงจำอะไรดี คิดไม่ออกเล้ย สำหรับเรื่องน้องอีกคนจะเล่าถัดไปว่ารวมกันแล้วเป็นงัย แยกกันแล้วเป็นงัย แอบไปเองแล้วเป็นงัย มามะ มาดู กำ กันเลย แล้วคุณหละคะ มีไรที่เกี่ยวกับวิบากกรรมมากๆหรือเปล่า บอกกันมั่งน้า ยังทำไม่เสร็จ เรายังพอแก้ไขทันนะคะ เห็นใจกันบ้างเถ้อะ จากคุณ : To be Dakanda - [ 21 พ.ค. 50 00:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เขาให้คุณไปทำบุญ คุณไม่ได้เสียเงินให้เขา เขาจะทายจริงหรือไม่ มันก็ดีนี่คะ อย่างน้อยก็กระตุ้นให้คุณได้ทำบุญ และบุญนั้นมันก็จะได้แก่คุณเองถ้าคุณมีใจศรัทธาและเชื่อเรื่องกรรม เวลาเราไปดูหมอดู ถ้าเจอหมอขอเงินไปแล้วบอกว่าจะสะเดาะเคราะห์ให้เนี่ย เราจะด่าแล้วไม่เชื่อ แต่ถ้าโดนแบบนี้ให้ไปทำบุญเอง เราจะทำคะแม้ว่าใจจะไม่เชื่อก็จะทำ จากคุณ : ซีฟู๋ - [ 21 พ.ค. 50 02:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คิดเหมือนคุณซีฟู๋ค่ะ ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์แบบคุณ จขกท แต่สำหรับเราถ้าใครแนะให้เราทำบุญที่ต่างๆหรือบริจาคช่วยเหลือคนก็คิดว่าน่าจะเชื่อได้ เพราะคนที่แนะเขาก็ไม่มีส่วนได้เสียอะไร การทำบุญทำกุศลใครทำคนนั้นก็ได้ อย่างน้อยเราเองก็ได้ความสบายใจค่ะ จากคุณ : AsGoodAs (AsGoodAs) - [ 21 พ.ค. 50 08:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คนเรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดี จักได้ดี ทำชั่ว จักได้ชั่ว แต่ ขอนิดหนึ่ง ให้ยึดพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งนะครับ จากคุณ : ป๋มชื่อไข่ย้อย - [ 21 พ.ค. 50 09:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ 2 คคห.ข้างบนครับ ที่เขาแนะนำให้ทำ  ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีกับคุณเองครับ จากคุณ : พุธสมพล - [ 21 พ.ค. 50 09:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีเพื่อนเคยชวนไปเหมือนกันแฮะ วันหลังต้องลองดูซักที  - -" จากคุณ : นั่งอมยิ้มริมระเบียง - [ 21 พ.ค. 50 10:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ใช่ค่ะ ก้อคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีเลยคิดจะไปทำ เพราะน้องที่ชวนก้อต้องเดินทางค่อนข้างลำบากมาก ไปช่องเขาขาดที่กาญจนบุรี (งงใช่มั้ยล้า เราก้องงโคตร ไม่เคยรู้ว่ามันมี) และ วัดอะไรที่นครพนมไม่รู้ค่ะ คืออะไรหลายๆอย่างมันทำให้ไม่อยากเชื่อ เช่นวันที่ไปดูนะคะ เรื่องของน้องที่พาไปก้อไม่ค่อยทราบพอดูเสร็จขับรถออกมา น้องบอกว่าต้องไปไหว้ที่วัดโอภาสี พุทธบูชา พอเหลือบตาขึ้นมาก้อเห็นป้ายพุทธบูชาเลย แล้วก้อได้ปฎิบัติภาระกิจเลยวันนั้นค่ะ เราก้อไปไหว้กับน้องนะ ก้อรู้สึกดีค่ะ ยังงงๆตัวเองเหมือนกัน จากคุณ : To be Dakanda - [ 21 พ.ค. 50 22:25:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความจริงความตั้งใจที่เขียนในกระทู้นี้ก้อเพื่อจะมาโพสรูปและเล่าความรู้สึกที่ได้ทำอะไรแปลกๆที่ในชีวิตไม่ค่อยได้ทำ สำหรับรูปแต่ละที่ที่ไปจะทยอยมาเล่าให้ฟังนะคะ เพราะเผื่อบางท่านอาจจะสนใจลองไปดูก้อได้ จากคุณ : To be Dakanda - [ 21 พ.ค. 50 22:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับภารกิจแรกที่ได้ทำก้อคือเรื่องเกี่ยวกับเรื่องพ่อ คือว่าเค้าดูว่าพ่อนั้นยังเฝ้าติดตามเราอยู่ (ความจริงตัวเองก้อรู้สึกอย่างนั้น ทั้งที่พ่อเสียไปแล้ว 6 ปี) ดังนั้นเวลาเราจะทำอะไรก้อจะเหมือนเค้าคอยจะรั้งเราอะไรประมาณนี้ค่ะ แล้วเค้าเดาถูกว่าพ่อเสียเพราะว่าเรื่องเกี่ยวกับสมองทำเอาอึ้งเลย เค้าบอกว่าให้ไปทำบุญเรื่องยาที่โรงพยาบาลสงฆ์ (ยังไม่ได้ไปเล้ย เห็นว่าใกล้) นอกจากนี้แล้วให้บวชพระสงฆ์ให้ 1 รูป (ตายละหว่า วินาทีแรกที่ได้ฟัง แล้วจะทำงัยเล่านั่น) พอแป๊บนึงก้อคิดออกว่า พอดีจะต้องบวชน้องซึงเป็นเด็กที่พ่อเลี้ยงมา ในอาทิตย์ถัดไป อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ว่าปัญหาคือเค้าบอกว่าจะต้องจุดธูปบอกวิญญาณพ่อก่อน บอกเองก้อได้ หรือไม่ก้อจะให้ดีก้อต้องไปให้คนที่บวชเป็นคนจุดธูปเองจะดี ก้อประดักประเดิดเสียนี่กระไรจะไปบอกอะไรประมาณนั้น ก้อเลยไปหารือแม่ของพระ พูดจาหว่านล้อมจนเค้าขนลุก ก้อเลยยอม (แอบแทบตาย กลัวคนเห็น อายอ่ะ) แล้วก้อช่วยเค้าเอาเงินทำบุญไป ประมาณว่าช่วยเรือ่งค่าใช้จ่าย ยังไม่พอนะ หลังจากทำแล้วทุกครั้งต้องกรวดน้ำโดยจุดธูป 5 ดอก แล้วก้อแจ้งว่าพระชื่ออะไร และให้พระนั้นนำส่งดวงวิญญาณของพ่อด้วย เมื่อก่อนไม่เคยเลยนะคะ กรวดน้ำ ตอนนี้นะ ตลอดเลย ไม่เคยลืมกรวดน้ำเลย (อันนี้ไม่มีรูปนะ เพราะจะเป็นคนล้วนๆ ไม่กล้าลง กลัวตกใจกัน) จากคุณ : To be Dakanda - [ 21 พ.ค. 50 22:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามเข้ามาด้วยคนค่ะ จากคุณ : ทะเลตะวัน - [ 22 พ.ค. 50 08:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อมาคือการทำบุญให้พระราหู เราต้องจัดเตรียมของดำ ได้แก่อาหารคาวสีดำ อาหารหวานสีดำ แล้วไปตักบาตรแล้วก้อทำบุญกรวดน้ำให้พระราหูอีกแว้ว สำคัญมากคือหลังจากทำบุญแล้วต้องมีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลอะไรประมาณเนี่ยะ จากคุณ : To be Dakanda - [ 22 พ.ค. 50 17:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อมาเป็นเรื่องของการไปทำบุญที่วัดห้วยมงคล เจ้าคู้ณอะไรจะยุ่งยากปานนั้น คือตั้งแต่เกิดมาไม่รู้จักเลยนะคะ วัดห้วยมงคลเนี่ย เค้าบอกว่าอยู่ที่แถวๆหัวหิน โดยการแนะนำของพี่ใจดีคนนึง (ไม่ทราบเคยไปกันหรือป่าวคะ) การเดินทางนะคะ ก็เป็นเส้นทางที่เราลงไปใต้กันนะคะ ผ่านเพชรบุรีไป เสร็จแล้วมันจะมีทางแยกเพื่อเข้าไปหัวหิน อ่าวมะนาว (เราจะไปทางนั้นก้อได้) แต่พี่ใจดีบอกว่าไกลกว่า พอเราเห็นป้ายตราสิงห์ แบบว่าใหญ่มากๆ ก้อให้ตรงไปนะคะ ทางดีแล้วค่ะ (เมื่อก่อนซ่อมอยู่) ประมาณ 20 กม ก้อให้สังเกตทางขวามือจะเป็นป้ายทางไปวัดห้วยมงคล เข้าไปประมาณ 3.4 กม เองค่ะ ก้อถึงแล้ว แนะนำว่าควรนำร่มไปนะคะ ไม่ว่าฝน ลม แดด ที่นั่นต้องการร่มมากๆ เพราะต้นไม้ยังไม่เยอะ อาจจะเป็นที่ที่สร้างใหม่ (อันนี้ไม่ทราบนะคะ เพราะไม่มีความรู้อยู่เลย ใครรู้เล่าให้ฟังมั่งก้อดีนะคะ) เราจะเห็นหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ใหญ่มาก (ประมาณหลวงพ่อโต ที่วัดสรพงษ์เลยค่ะ เคยไปกันป่าว) วันนั้นไปร้อนมากกกกกกกกกก นั่งลงไปพอเท้าแตะพื้นเรียกว่าแทบพองเชียวค่ะ ก้อไปไหว้หลวงพ่อ ขอให้ช่วย อโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร ต่างๆ และช่วยเปิดทางให้เราทำสิ่งใดก้อสมปรารถนาอะไรประมาณเนี่ยะค่ะ จากคุณ : To be Dakanda - [ 22 พ.ค. 50 18:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บุญมีแต่กรรมบัง คือคาถาที่เวลาไหว้หลวงปู่ทวด ต้องท่อง 9 ครั้ง และ รอบๆรูปปั้นหลวงปู่ทวด ก้อจะมีรูปจำลององค์เล็กให้เราปิดทองค่ะ ซึ่งเราจะต้องทำการท่องนะโม และ ท่องคาถา 9 รอบ ทั้งหมดมี 4 ตำแหน่ง พอตำแหน่งแรก ก้อกำเล้ย กะลังท่องกันอยู่เชียวกะเพื่อน ก้อมีเด็กผู้ชายมากับพ่อ วิ่งมาหมายจะปิดทอง แล้วก้อดันบังไอ้ป้ายที่ผู้คนกำลังยืนท่องกันอยู่ (เหลือบมองพ่อเด็กแล้วหน้าตา ไม่น่าตอแย ก้อเลยเฉยๆ) พอดีเริ่มท่องได้แล้วเลยไม่มีปัญหา แต่เพื่อนนี่สิ บอกว่าท่องได้ 6 ครั้ง เลยต้องกล่าวขอโทษหลวงปู่ไป เพราะเด็กมันคงสนุกไม่มีท่าทีว่าจะรีบไปเลย (ก้อเลยไม่รู้ว่าการไหว้ครั้งนั้นจะสำเร็จหรือไม่ เพราะแอบนินทาพ่อเด็กไปว่าทำไมไม่รู้จักดูลูกเลย ปล่อยให้สนุกสนานท่ามกลางความศรัทธา พอเสร็จที่วัดเค้ามีโรงทานด้วยนะคะ ขอบอก เค้ามีทั้งอาหารคาว หวานไว้คอยบริการ ลองไปชิมกันดูนะ ใช่ได้อยู่ (ไม่ได้ชิมหลอก พี่ใจดีบอก) อ้อลืมบอกไปว่าไปครั้งนี้ไปกับน้องที่พาไปดูวิบากกรรมด้วย เพราะเป็นวัดที่ตรงกัน อันนี้ไม่มีรูปอีกเช่นเคย เพราะตอนแรกไม่คิดจะมาโพสอะไร แต่ตอนนี้อยากเล่าให้ฟังเพราะคงมีคนอ่านบ้าง สรุปว่าการแก้วิบากกรรมที่นี่มาสิ้นสุดที่ outlet / premium ซึ่งห่างมาจากตรงนั้นเพียงเล็กน้อย (กำ) จากคุณ : To be Dakanda - [ 22 พ.ค. 50 18:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตามมาอ่านด้วยคนค่ะ จากคุณ : Firesky - [ 22 พ.ค. 50 19:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อมา เราก้อแอบไปทำบุญไว้ท้าวเวชสุวรรณที่วัดไผ่ล้อม  (อันนี้ตก list ที่แจ้งไว้) อันนี้เราแอบไปตอนวันเกิดไปกับหนุ่มใจดีคนนึง (แอบไป) ปกติวัดนี้ทุกคนจะเน้นไปไหว้ หลวงพ่อพูลกันนะคะ แต่นี่ทางผู้รู้ให้ไปไหว้ท้าวสุวรรณ เพื่อขออโหสิกรรม เช่นเคยค่ะ พอไหว้ท้าวเวชสุวรรณแล้วเราก้อเลยเทอดไปไหว้ พระราหูที่วัดกุฏีทองอีก หลังจากนั้นไปต่อวัดไร่ขิง และ จบที่ตลาดดอนหวาย เหนื่อยโคตรๆ เพราะวันไปร้อนมากๆเลยค่ะ แต่พูดถึงก้อไม่เคยสังเกตเลยนะคะ ว่าแถบอ้อมน้อยจะมีวัดมากมาย และขอบอกนะคะว่าถึงแม้เป็นวันธรรมดา แต่ผู้คนก้อพอสมควรนะคะ คนไทยชอบไหว้พระ หาที่พึ่งจิตใจกันเจงๆ ที่ตลาดดอนหวายเราไปทานก๋วยเตี๋ยวแต่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เราว่าธรรมดา แต่ที่อร่อยก้อขนมตาลนะ ป้าอะไรสักกะอย่างจำไม่ได้ แต่อร่อยดีมีกลิ่นตาลแท้ (น่าจะเป็นป้าไข่นะคะ) เพราะบางเจ้าแค่ใส่สี กับผงฟู อันนั้นมันไม่ได้กลิ่นอายของขนมตาลจริงๆ นอกจากนี้แล้ว เรายังไปซื้อปลาตะเพียนไร้ก้าง ซึ่งเค้าจะเคี่ยวจนก้างมันเปื่อยยุ่ยไปเล้ย (แต่เราว่าไม่อร่อยนะ สู้ที่จังหวัดระนองไม่ได้ ขอบอกว่าอร่อยมากเลยที่ระนอง จะเป็นชื่อร้านว่า ร้านถอดรองเท้า ซึ่งสมัยก่อนเวลาจะทานร้านนี้ต้องทอดรองเท้าเข้าไป เลยชื่อว่าร้านถอดรองเท้า    จะอธิบายงัยดีว่ามันอร่อยแค่ไหน ต้องไปลองกันเองนะ) จากคุณ : To be Dakanda - [ 22 พ.ค. 50 23:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วหนุ่มที่พาไปนะ ก้อซื้ออะไรมารู้ป่าว เค้าซื้อกล้วยหอมทอง ราคา 10 บาท คุณพระช่วยเราแอบเอามือแตะ ขอบอกว่ามันงอมมากๆ แค่ถึงบ้านก้อน่าจะเกือบเน่าแล้ว (ซือ้มาทำไมกันลุ้ง) ก้อเลยแซวไปว่า แก่แล้วเคี้ยวแบบว่ากลัวยแข็งกว่านี้ไม่ไหวแล้วใช่ม้า เลยซื้อซะงอมเลย กะว่าเข้าปากแล้วกลืนได้เลย เค้าก้อบอกว่า ความจริงเค้าเอาไปปั่นด้วยนะ แล้วฉีดเข้าเส้น (กำ เจงๆ) จากคุณ : To be Dakanda - [ 22 พ.ค. 50 23:29:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอโทษนะคะ พอดีอ่านแล้วก้อ.. เฮ้อ รู้ว่า จขกท ช้ำจิตช้ำใจขนาดไหน แต่ เห็นปรารภว่า "กำ" ไว้เยอะมาก.. ไม่รู้ว่า ได้ระลึกถึงคำว่า "กรรม" จริงๆ หรือ เปล่าคะ วิบากนั้น แก้ได้ด้วยตัวเองค่ะ แก้ไม่ยาก แค่เข้าใจมัน ก็สิ้นเรื่องแล้ว คำว่า"กรรม" คนสมัยนี้หมายถึงซวย หรือโชคไม่ดี แต่คนโบราณมักจะ เปรยออกมาเมื่อระลึกได้ว่า สิ่งที่เกิดนั้นคือผลของกรรมที่เคยทำมาในอดีต นั่นเอง ผลของกรรมไม่ดีไม่ชอบ นั่นก้อคือวิบากกรรมที่เราต้องชดใช้ สิ่งที่เราทำลงไปแล้วนั่น เรียกว่ากรรม กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นต้องวกกลับ มาค่ะ ไม่มีทางหนีพ้นได้ การแก้กรรมนั่น โดยส่วนตัวเข้าใจว่า เอาไว้เพื่อให้ผู้ที่ ต้องการแก้กรรมนั่นๆ ระลึกได้ถึงกฏแห่งกรรม และอโหสิกรรม เมื่อผู้แก้ กรรมระลึกได้ดังนี้แล้ว กุศล จะก่อขึ้นแก่จิตของผู้นั้น ทำให้เมื่อใดที่รับ วิบากอยู่นั้น จะมีกุศลคอยค้ำจุนให้ตลอดเวลา จนไม่รู้สึกลำบากอะไร แต่ถ้า หากผู้แก้กรรม ยังคงไม่สามารถระลึกได้ถึงกุศลแล้วล่ะก็ คงไม่มีอะไรช่วย ได้หรอกค่ะ วิธีรำลึกถึงกฏแห่งกรรม ก้อไม่ยากค่ะ ท่องไว้ดังนี้ กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปฏิสสะระณา เรามีกรรมเป็นของๆตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งมีอาศัย ยัง กัมมัง กะริสสามิ กัลละยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจะเป็นทายาท คือว่าจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นสืบไป (เรื่องของบทสวด ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ) อยากให้ จขกท ระลึกถึงกฏแห่งกรรมอยู่ทุกขณะจิตค่ะ หากจะเปรยว่า กำ กำ กำ ก็ให้ระลึกถึง "กรรม" ตัวนั้นตัวเดียวค่ะ คำที่เขียน ภาษาที่ใช้ จะยังไงก้อได้ เพียงแต่ให้ระลึกถึงสิ่งที่เป็นจริงแค่นั้นพอค่ะ ขอให้กุศลที่ จขกท ได้ทำมาทั้งหมดนี้แล้วนั้น เป็นผลให้วิบากผ่อนคลาย หรือหายไปในที่สุดค่ะ จากคุณ : น้องพรผู้น่ารัก - [ 14 พ.ย. 50 10:46:04 ]