ความคิดเห็นที่ 1 ภาพนี้คือภาพ Adoration of Magi โดย Sandro Botticelli ที่แขวนอยู่ที่ Uffizi ดูเผินๆเหมือนจะเป็นรูปทางศาสนา แต่เอาเข้าจริงนี่เป็น family portrait ของตระกูลเมดิชี่ ชายชราในชุดดำที่กำลังถวายของให้พระเยซูคือ Cosmico the Elder (คนละคนกับ Cosmico I ในคห.ที่ 1) เป็นเมดิชี่ยุคแรกๆ ที่ขยายกิจการจนธนาคารของตระกูลเจริญรุ่งเรือง ส่วนหนุ่มในชุดแดงที่ยืนอยู่ซ้ายสุดของรูปนั้นคือ  Lorenzo The Magnificent ผู้ซึ่งภายหลังเป็นแรงผลักดันสนับสนุนให้ศิลปะเรเนอซองส์เฟื่องฟู ที่เหลือในภาพก็เมดิชี่แทบทั้งนั้นค่ะ ส่วนหนุ่มหน้าสวยในชุดน้ำตาลที่ยืนอยู่ริมขวาสุด ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Sandro Botticelli นั่นเอง จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 08:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมืองฟลอเรนซ์ "ตามหลักการ"แล้วเป็นสาธารณรัฐ (Republic) ที่มีการเลือกคนจากสมาคมผู้ค้าต่างๆผลัดเวียนกันเข้ามาดูแลเมือง แต่เอาเข้าจริงก็ตระกูลเมดิชี่นี่แหละที่เป็นผู้กุมอำนาจตัวจริง เรามาเริ่มทัวร์ของเราที่ Piazza della Signoria กันเลยนะคะ หอสูงๆที่เห็นนั้นคือ Palazzo Vecchio ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมสภา และเคยที่เป็นที่อยู่ของตระกูลเมดิชี่อยู่พักหนึ่งด้วย ส่วนหอสูงๆนั่นเป็นหอระฆังค่ะ เมื่อระฆังของ ลั่นเมื่อไหร่ ก็เป็นสัญญาณเรียกชุมนุมชาวฟลอเรนซ์ ถ้าคนมามากพอเมื่อไร เขาก็จะจัดการโหวตลงมติกัน แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 50 08:50:41 จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 08:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข้างในเข้าชมได้ค่ะ (แต่เก็บตังค์) แต่จขกท.ว่ามันประดับประดากันโอเวอร์เกินไปหน่อย เดินนานๆแล้วปวดหัว (หรือว่าเราแก่แล้ว ) แต่รูปคิวปิดตรง courtyard ด้านล่างน่ารักดีนะคะ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 08:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รอบๆ Piazza della Signoria ก็มีรูปปั้นเพียบเลยค่ะ แต่ละอันเขาว่ากันว่ามีความหมายแอบแฝง อย่างเช่นรูปปั้น Neptune Fountain อันนี้เป็นการแสดงถึงความต้องการจะขยายอำนาจทางการทะเลของเมือง จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนรูปปั้นสุดดัง เดวิด ของมิเคลันเจโล่นี้ ก็เป็นสัญลักษณ์ของ Republic เพราะมีอยู่ช่วงนึงที่ตระกูลเมดิชี่โดนขับไล่ออกจากเมืองโดยกองทัพฝรั่งเศส และชาวฟลอเรนซ์ก็ได้ปกครองตนเอง เดวิดนี้ก็เปรียบเสมือนคนตัวเล็กๆก็สามารถต่อกรกับผู้มีอำนาจเหนือกว่าได้ แต่คงไม่ต้องเดาใช่ไหมคะ ว่าสุดท้ายเมดิชี่ก็รีเทิร์นกลับมาครองอำนาจในฟลอเรนซ์ตามระเบียบ อ้อ เดวิดอันนี้เป็นตัวปลอมนะเจ้าคะ ของจริงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Galleria Dell’Accademia แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 50 09:08:47 จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนอันนี้คือรูปปั้น The Rape of Sabine Woman ของ Giambologna ไม่มีความหมายแอบแฝงอะไร นอกจากสวยดีค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้รูปโปรดของจขกท.ค่ะ Perseus and Medusa โดย Cellini การหล่อบรอนซ์นี่เป็นงานที่ยากมหาหิน ยากขนาดเทพๆอย่างมิเคลันเจโล ยังต้องเชิญพระมาทำพิธีตอนเทขึ้นรูป งานชิ้นนี้ใช้เวลาทำ 9 ปี เล่นเอา Cellini แทบเสียสติ แต่ผลออกมาจัดว่าเป็น Masterpiece สังเกตที่กล้ามเนื้อที่เหมือนจริงสุดๆ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อีกมุมนะคะ เขาว่ากันว่ารูปปั้นนี้ มีไว้เตือนใจว่าอย่าคิดมาแหยมกับตระกูลเมดิชี่ ไม่งั้นอาจได้ชะตาขาดเหมือนแม่เมดูซ่า จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วเราก็จะผ่านโบสถ์ Orsanmichele ซึ่งรอบๆโบสถ์จะมีรูปหล่อบรอนซ์ของศิลปินชื่อดังเพียบเลยค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าง St John The Baptist ของ Ghiberti จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หรือ Doubting of Thomas ของ Andrea del Verocchio เป็นต้น จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แฮะๆ จริงๆกะถ่ายรูปหล่อบรอนซ์ของสุดยอดศิลปินยุคเรเนอซองส์อย่างโดนาเทลโล่   แต่ดันถ่ายมาผิดอัน กรรมจริงๆตู งานนี้ขอพักกินข้าวก่อนนะคะ หิวแล้ว เลยแวะมาหม่ำข้าวกลางวันที่ร้าน cantinetta di verrazzano กันค่ะ บรรยากาศร้านน่ารักดี แต่คนเพียบเลย ร้านเลยจับเราสองพ่อลูกมานั่งร่วมโต๊ะกับคู่ชาวอินเดีย จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ทั้งคู่อยู่ฟลอเรนซ์มาหลายปีแล้ว พูดอิตาเลี่ยนคล่องเชียว แถมยังใจดีช่วยชี้แนะถนนหนทางในฟลอเรนซ์ให้อีกด้วย ของขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือ แซนวิชทั้งหลาย ส่งตรงมาจาก Wood-fired oven ของร้าน รวมถึงไวน์ที่มีมากมาย แต่จขกท.ไม่ได้ชิมค่ะ กลัวมึนแต่หัววัน 555 จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 09:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และเราก็มาถึงแหล่งท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของฟลอเรนซ์ – ฟลอเรนซ์ ดูโอโม่ หรือชื่ออย่างเป็นทางการ Santa Maria del Fiore จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงข้ามดูโอโม่นั้นเป็นที่ตั้งของ Battistero (หรือ Baptistery) ตัว Battistero ดั้งเดิมนั้นสร้างมาตั้งแต่สมัยคศ.ที่ 7 หรือ 8 เพื่อเป็นการฉลองการชนะสงครามกับ Fiesole เมืองเพื่อนบ้าน และการสถาปนาเมืองฟลอเรนซ์ แต่ก่อนเคยใช้เป็นวิหารประจำเมืองด้วย ต่อมาสมาคมผู้ค้าผ้าสุดรวยได้ทำการบูรณะตัวตึกขึ้นมาประมาณ คศ.1100 ออกมาเป็นอาคารสุดล้ำยุคเมื่อเทียบกับตึกในสมัยนั้น จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาฟังเล็กเชอร์คะ จากคุณ : Daijobudai - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฝั่งตรงข้ามกับด้านหน้าดูโอโม่นั้น ท่านจะเห็นประตูสีทองอร่าม เป็นฝีมือของ Lorenzo Ghiberti ประตูนี้มีนิคเนมว่า Gates of Paradise ที่มาขอชื่อเขาว่ากันว่ามีคนถาม มิเคลันเจโล่ ที่ยืนชมประตูบานนี้อยู่ว่า คิดยังไง มิเคลันเจโล่ตอบสั้นๆว่า "มันสวยราวกับเป็นประตูไปสู่สวรรค์เลยทีเดียว" จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เกาะติด จขกท ต้องเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์มาแน่เลย เราอะ ลืมหมดแล้ว คืนอาจารย์หมดตั้งแต่ปี ๑ แหะๆ จำได้แต่มีคนอ่านชื่อ มิเคลันเจโล่ ว่า ไมเคิลแองเจโล่ อาจารย์กุมหัวเลย ฮะๆๆๆ นำเที่ยวอย่างงี้ชอบจัง จขกท กับปะป๊า สนใจทำทัวร์ศิลปะเมื่อไหร่เรียกด้วยน้า อิตาลีนี่ยังไม่ค่อยมั่นใจไปเองเท่าไหร่ ภาษาไม่กระดิกเลยจ้า จากคุณ : bangkok dream - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประตูของ Battistero อันดั้งเดิมนั้น เป็นฝีมือของ Andrea Pisano ซึ่งถ้าหันหน้าเข้าหา Gates of Paradise แล้วมันจะอยู่ทางเข้า Battistero ด้านซ้ายมือค่ะ หลังจากเกิดโรคระบาดคนล้มตายกันเป็นเบือ ทางสมาคมผู้ค้าผ้าเจ้าเก่าจึงจัดประกวดการสร้างประตูบานใหม่ให้กับ Battistero (เพื่อเป็นการทำบุญ?) การประกวดครั้งนี้มีผู้เข้ารอบสุดท้าย 2 คน ทั้งสองเป็นช่างทองหนุ่มไฟแรง นั่นก็คือ Ghiberti กับ Filippo Brunelleschi ว่ากันว่ากรรมการคิดไม่ตกว่าจะให้ใครชนะดี เลยตัดสินให้ชนะร่วม แต่ Brunelleschi คิดว่าตนสมควรจะเป็นผู้ชนะแต่ผู้เดียว ก็เลยถอนตัวจากโปรเจคท์แล้วสะบัดก้นไปกรุงโรมทันที ปล่อยให้กิแบร์ติทำประตูในธีม ชีวิตของพระเยซู ไป 20 ปี ซึ่งประตูบานนี้จะอยู่ทางเข้าทางขวาของประตูสวรรค์ หลังจากประตูบานแรกสำเร็จลง ท่ามกลางความพอใจของสมาคมผู้ค้าผ้า ทางสมาคมเลยเสนอให้กิแบร์ติทำประตูอีกบาน โดยคราวนี้ให้อิสระในการทำเต็มที่ ผลที่ออกมาก็คือ Gates of Paradise บานนี้ที่กิแบร์ติใช้เวลาทำถึง 29 ปี ส่วนถ้าใครอยากตัดสินว่าระหว่าง กิแบร์ติ หรือบรูเนลเลสคี่ นั้น ของใครเจ๋งกว่ากัน ก็ให้ไปดู Panel ที่ทั้งคู่ส่งประกวดได้ที่มิวเซียม Bargello นะคะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อุ้ยเห็นด้วยกะคุณ bangkok dream คะ ทัวร์ประวัติศาสตร์ศิลปะ ต้องไปกะผู้รู้ถึงจะถึงใจ ว่าแต่ แอบแว๊บไปกินอารายหรือเปล่าคะ รอดูอยู่คะ จากคุณ : Daijobudai - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นักประวัติศาสตร์ศิลป์หลายคน ยกให้วันที่จัดประกวดการทำประตู Battistero นั้น เป็นจุดกำเนิดของศิลปะเรเนอซองส์เลยทีเดียว จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 10:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปิ๊งป่อง ผิดค่ะคุณ bangkok dream ขา จขกท.จบวิดวะมาเจ้าค่ะ เหอๆ (ดิสเครดิตตัวเองแล้วมั๊ยตู) แต่จขกท.ชื่นชอบศิลปะเป็นทุนอยู่แล้วค่ะ เลยอาศัยอ่านหนังสือ และค้นคว้าจากอินเตอร์เนตเอา ไปเที่ยวฟลอเรนซ์หนนี้อ่านหนังสือไป 6 เล่มได้ เพื่อนมันยังล้อเลยว่าจริงจังยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบอีก 555 โชคดีด้วยค่ะที่ป๊าเตะให้มาเรียนเมกา ได้เดินมิวเซียมที่นี่ยิ่งจุดประกายให้จขกท.ได้รู้จักศิลปินมากขึ้นกว่าเดิมอีก ส่วนเรื่องกินน่ะมีแน่ค่ะ แต่ไม่รู้จะเขียนไหวหรือเปล่า เที่ยงคืนแล้วววววว สงสัยได้ต่อภาค 2 พรุ่งนี้แหงม จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อค่ะต่อ เมื่อกี้กล่าวถึงคุณ Brunelleschi ที่ถอนสายบัวออกจากการทำประตู Battistero ไปดื้อๆ แล้วแกก็เก็บข้าวเก็บของไปกรุงโรม แกไปทำอะไรที่กรุงโรมเหรอ? Brunelleschi กับ Donatello เพื่อนซี้ควงแขนกันไปที่โรม เพื่อที่จะไปศึกษาซากโรมัน ระหว่างโดนาเทลโล่ศึกษาศิลปะรูปปั้นของโรมันอยู่ บรูเนลเลสคี่ก็ศึกษาสถาปัตยกรรม และโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างสมัยโรมัน เทคโนโลยี่การก่อสร้างของชาวโรมันนั้นก้าวหน้ามาก พวกเขาสามารถสร้างท่อประปาเพื่อรองรับคนทั้งเมือง สร้างโคลอสเซี่ยม แถมยังเป็นคนคิดค้นคอนกรีตอีกด้วย แต่ที่บรูเนลเลสคี่ให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือวิหาร Pantheon ซึ่งมีโดมขนาดยักษ์ และสร้างมาตั้งแต่ คศ.ที่ 2 จวบจนถึงยุคของบรูเนลเลสคี่ใน คศ.ที่ 15 ก็ยังไม่มีโดมอันไหนที่จะใหญ่เกินกว่าโดมของ Pantheon ได้ ดูโอโม่ที่ฟลอเรนซ์นั้น ถูกออกแบบมาให้มีโดมขนาดยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า Pantheon เล็กน้อย จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครคิดออกว่าจะสร้างโดมได้อย่างไร จนกระทั่งตัวอาคารที่เหลือสร้างเกือบจะเสร็จแล้ว ก็ยังมืดแปดด้านอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 50 12:03:08 จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว ง่วงซะแล้วรึ รอติดตามตอนต่อปายยย จขกท เก่งจริงๆ ศึกษาหาข้อมูล รู้มากกว่า คนเรียนมาตรงๆอีก นึกแล้วก็ขำ เราก็ชอบอ่านหนังสือเรื่องท่องเที่ยว รู้มากจนเพื่อนฝรั่งนึกว่าที่บ้านทำทัวร์ ฮะๆๆ จากคุณ : bangkok dream - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โดยทั่วไปแล้ว การสร้างโดมจะต้องใช้ centering นั่นคือต้องใช้นั่งร้านเพื่อที่สร้างโครงไม้เป็นรูปโดม แล้ววางอิฐลงไป แต่โดมที่มหึมาแถมตึกก็ยังสูงอย่างดูโอโม่ฟลอเรนซ์นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะสร้างนั่งร้านเพื่อมาทำโดมได้ เมื่อคิดกันไม่ตก ทางสมาคมผู้ค้าขนสัตว์ก็เลยจัดแข่งขันหาหนทางในการสร้างโดม งานนี้มีผู้เข้ารอบสุดท้าย 2 คน ทายซิคะว่าใคร บรูเนลเลสคี่ กับ กิแบร์ติ เจ้าเก่านั่นเอง แม้ว่าท้ายสุด ทั้งคู่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นสถาปนิกคู่ แต่ บรูเนลเลสคี่ ก็ล้างแค้นได้ทบต้นทบดอก โดยการเหมาทำงานแทบทุกอย่างปล่อยให้ กิแบร์ติได้แต่มองตาปริบๆ เขาประกาศว่าจะสร้างโดยไม่ใช้ต้องพึ่ง centering โดยการใช้วิธีเรียงอิฐแบบพิเศษ การใช้ chain ที่ทำด้วยไม้ หิน และเหล็กวางเป็นโครงสร้างของโดมและการให้มีโดม 2 ชั้น (ด้านนอกสีส้มๆที่เราเห็น กับด้านในอีกชั้น) เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก และให้โดมชั้นนอกเป็นตัวกันลมฝน เพื่อนๆสามารถไต่บันได 463 ขั้นขึ้นถึงยอดโดม เพื่อดูความช่างคิดของบรูเนลเลสคี่ได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้างๆดูโอโม่มีรถพยาบาลจอดรอเป็นตับเลย 555 จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เท่านั้นยังไม่พอ เขายังประดิษฐ์อุปกรณ์ก่อสร้าง รวมทั้งระบบชักรอกที่ซับซ้อน เพื่อช่วยในการก่อสร้างโดม นอกจากนี้ บรูเนลเลสคี่ ยังเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก ตลอดสิบกว่าปีที่สร้างโดมโดยไม่ใช้นั่งร้าน มีคนงานเสียชีวิตไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น โดมนี้สร้างชื่อให้แก่บรูเนลเลสคี่เป็นอย่างมาก มิเคลันเจโล่ เองยังต้องมาศึกษามันเพื่อจะเอาไปใช้สร้างโดมให้กับวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ และว่ากันว่า มิเคลันเจโล่ ต้องการให้ฝังศพตนเองที่โบสถ์ซานตา โครเช่ เพราะสิ่งที่เขาต้องการเห็นเป็นอย่างแรกยามวิญญาณเขาขึ้นสวรรค์ คือโดมของบรูเนลเลสคี่ ส่วนนี่เป็นรูปปั้นของบรูเนลเลสคี่ ที่คอยเฝ้ามองผลงานของตนเองอย่างภาคภูมิใจ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โพสแต่รูปโดม เอาภาพ facade ด้านหน้าของดูโอโม่มาให้ดูบ้าง จขกท.จะไปนอนแล้ว แล้วพรุ่งนี้จะมาเขียนต่อนะคะ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 11:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รายละเอียดยุ่บยั่บ จากคุณ : ha-meow - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 12:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รอชมต่อจ้า จากคุณ : Daijobudai - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 15:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ง๊าม งาม เป็นเมืองที่ใฝ่ฝันอีกเมืองหนึ่ง ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ไปสักที สงสัยต้องลาออกจากงาน เที่ยวมันทั้งเดือน อิอิ จากคุณ : Teddy Bear (I luv U) - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 16:05:11 A:58.8.185.242 X: TicketID:109021 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วรูปปั้น Batistuta ข้อยล่ะ คุง ha-meow Cannavaro ไ้ด้ถ่ายมาป่าว ปล.สั่งเก็บกระทู้ไปแล้วนะ จากคุณ : ปอ.2 - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 21:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไปเที่ยวด้วยคนคะ จากคุณ : marzo (marzo) - [ 6 มิ.ย. 50 00:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาต่อจากเมื่อวานนะคะ ลืมเล่าไปว่าที่เห็นสีเขียวๆชมพูๆบน facade ดูโอโม่นั้น ไม่ได้ทาสี หินอ่อนทั้งน้าน แล้วข้างๆดูโอโม่ก็จะมี หอระฆังที่สีสันคัลเลอร์ฟุลไม่แพ้กัน ชื่อว่า Campanile di Giotto ซึ่งออกแบบโดย Giotto ศิลปินยุคเรเนอซองส์รุ่นบุกเบิก แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 06:50:12 จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 06:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ดูภาพด้านนอกดูโอโม่ด้านนอกไปแล้ว มาดูข้างในกันบ้าง จขกท.เห็นด้วยกับไกด์บุคหลายๆเล่มว่าภายในดูโอโม่นั้น ตกแต่งไม่สมศักดิ์ศรีกับความงามภายนอกเลย สงสัยเอางบไปซื้อหินอ่อนหมด อิอิ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 06:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 .. แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 06:57:21 จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 06:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนนี้เป็น fresco ของโดมใหญ่ ฝีมือของนักประวัติศาสตร์ศิลป์คนแรกของโลก Giorgio Vasari จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 06:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ออกจากดูโอโม่แล้วเราก็เดินไปเที่ยวกันต่อที่โบสถ์ซานตา โครเช่กันค่ะ เอาภาพถนนหนทางในฟลอเรนซ์มาฝาก จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ระหว่างทางก็แวะทานขนมที่ร้าน Patrizio Cosi เด๋วจะไม่มีแรงซาบซึ้งกับศิลปะ 555 จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จขกท.หม่ำเอแคลร์รส Chantilly & Chocolate chip เห็นหน้าตาธรรมดาแบบนี้ แต่อร่อยมั่กๆเลย จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เดินไปหม่ำไปมาถึงโบสถ์ Santa Croce จนได้ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 นี่เป็นภายในตัวโบสถ์ค่ะ ภาพมืดไปหน่อยเพราะเขาห้ามใช้แฟลช ที่เห็นตรงกลางหลังไม้กางเขนไม่ใช่ทำไฮเทคนะคะ แต่กำลังปิดปรับปรุงแท่นพิธีอยู่ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โบสถ์ซานตา โครเช่เป็นที่ฝังศพของคนดังมากมาย ยิ่งดังมากฮวยซุ้ยยิ่งสวย (ขอเรียกว่าฮวงซุ้ย เพราะมันใหญ่เกินหลุมธรรมดา) นักท่องเที่ยวยิ่งออกันหนาแน่น อันนี้เป็นที่ฝังศพของนักวิทยาศาสตร์คนดัง กาลิเลโอ กาลิเลอิ ค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ส่วนนี่เป็นของมิเคลันเจโล่ค่ะ อันนี้เคยอ่านจากที่ไหนไม่รู้ ถ้าจำผิดขอภัยนะคะ เค้าว่ามิเคลันเจโล่นั้นเกิดใกล้ๆกับฟลอเรนซ์ค่ะ แต่ตอนหลังแกต้องแบ่งภาคทำงานที่ฟลอเรนซ์บ้าง โรมบ้าง สุดท้ายแกไปตายที่กรุงโรม ทางวาติกันก็หาที่ฝังศพแกอย่างดี แต่ตระกูลเมดิชี่เจ้าเดิมนั้นตั้งใจไว้ว่าหัวเด็ดตีนขาดต้องพาลูกหลานฟลอเรนซ์อย่างมิเคลันเจโล่กลับบ้านให้ได้ เลยจัดการ "ขโมย" ศพแกกลับมา แล้วจัดพิธีให้อย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นอกจากฮวงซุ้ยที่มีอยู่รายรอบแล้ว ยังมีหลุมฝังศพตระกูลดังๆในฟลอเรนซ์อยู่ที่พื้นโบสถ์อย่างเพียบเลยค่ะ เพราะหนึ่งในวิธีการหาตังค์สร้างโบสถ์ก็คือ ให้พวกเศรษฐีช่วยออกตังค์สร้างให้สวยๆ แล้วจะได้มีที่ฝังศพตระกูลที่สวยงามสมฐานะ อย่างที่เห็นในภาพเป็นต้น จขกท.ยืนถ่ายรูปอยู่ดีๆ ป๊าก็มาลากออกไป "เหยียบหลุมฝังศพได้ไง คนไทยเค้าถือ" แหม...ที่นี่มันอิตาลีพ่อ ฝรั่งเค้าไม่ถือหรอก 555 แต่บางหลุมนี่ไม่รู้ไอเดียบรรเจิดมาจากไหน เป็นรูปร่างคนนูนๆออกมา แบบนั้นดิฉันขอผ่านล่ะค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ด้านที่ใกล้ๆไม้กางเขนยักษ์ของโบสถ์นั้นจะมี Cappella (Chapel) สวยๆซ่อนอยู่ค่ะ Cappella เหล่านี้ก็ได้บรรดาตระกูลดังออกเงินบริจาคให้ และมักจะประดับไปด้วย fresco จากศิลปินชื่อดัง อย่างของซานตา โครเช่นั้นมี fresco ของ Giotto อยู่ค่ะ แต่เขากั้นรั้วเอาไว้ เลยถ่ายภาพออกมาไม่ค่อยเห็นเลย เอาของคนอื่นดูแก้ขัดไปละกันนะคะ จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 07:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอประทานอภัย จำไม่ได้แล้วว่าอันนี้ใครวาด  -_- จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จากซานตา โครเช่ เราก็นั่งรถเมล์สาย 13 ขึ้นไปยัง Piazza Michelangelo เพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองฟลอเรนซ์กัน ที่ตลกคือรถเมล์ที่นี่ ไม่มีตั๋วขายบนรถ ต้องไปซื้อที่ร้านขายบุหรี่ (Tabacchi) จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:06:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็น Ponte Vecchio ด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ใกล้ๆกับ Piazza Michelangelo จะมีโบสถ์เก่าแก่ที่ชื่อ San Miniato al Monte ที่สร้างให้กับนักบุญ Miniato ผู้ซึ่งถูก martyr ในฟลอเรนซ์นี่เอง ในตำนานว่ากันว่าหลังจากท่านถูกตัดคอ ท่านก็แบบศีรษะของท่านขึ้นมาบนเขาลูกนี้..บรึ๋ยส์ ข้างนอกสวยดี แต่ข้างในไม่ทราบว่าเพราะเรามาตอนใกล้ปิดหรือยังไง มืดหมดทั้งโบสถ์ มองไม่เห็นอะไรเลย (เคยเห็นรูป ข้างในสวยคลาสสิกมาก) วัยรุ่นเซ็ง จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขากลับเราแวะเดินทอดน่องที่ Ponte Vecchio กัน ปอนเต้ เวคคิโอเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Arno แห่งเดียวของฟลอเรนซ์จวบจนปี 1218 และมันยังเป็นสะพานเก่าแห่งเดียวที่รอดจากการระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ปัจจุบันกลายสภาพเป็นแหล่งขายทองไปซะแหล่ว จบรายการทัวร์วันแรกในฟลอเรนซ์แล้วค่ะ ไว้ติดตามตอนต่อไปนะคะ จขกท.จะพาทัวร์มิวเซียม (ด้วยภาพที่ขโมยจากในเนตมาล้วนๆ ฮา ก็มันไม่ให้ถ่ายรูปนิ) บวกกับพาไปกินเมนูเด็ด ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่นับถือเจ้าแม่กวนอิมทั้งหลาย ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะเจ้าคะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ความคิดเห็นที่ 31 เอ่อ...รูปปั้นเฮียบาติสตูต้านี่มันยังอยู่อีกเหรอ นึกว่าโดนรื้อตั้งแต่ย้ายไปโรม่าแล้ว จริงๆแอบอยากหนีป๊าไปเที่ยว Coverchiano (ศูนย์ฝึกซ้อมทีมชาติอิตาลีในฟลอเรนซ์) เหมือนกันนะเนี่ย แต่เป้าหมายหลักคงไม่ใช่พวกทีมชุดใหญ่ นี่เลย หนูๆอัซซูรินี่ เพราะมันยังไม่ดัง คงเข้าถึงตัวง่าย 555 จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 08:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 .... แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 50 09:45:32 จากคุณ : ha-meow - [ 6 มิ.ย. 50 09:45:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ปาดด เข้ามารายงานตัวค่า รอชมต่ออยู่จ้า จขกทไปนอนยังเอ่ย เอแคลร์นี่เค้าขายกันเป็นโลเหรอคะ เห็นป้ายราคาแว๊บๆ จากคุณ : bangkok dream - [ 6 มิ.ย. 50 10:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แหม จขกท.รักเด็กก็ไม่บอก ว่าแต่มันรื้อไปแล้วจริงๆ เหรอ แย่จัง จากคุณ : ปอ.2 - [ 6 มิ.ย. 50 21:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แหล่ม จริงๆค่ะ แล้วตอน 1-3 อยู่ไหนเนี่ย ??? จากคุณ : ป้าหนอน - [ 10 มิ.ย. 50 00:05:49 ]