วันนี้ท้องทะเลแห่งอันดามันเป็น3สีตัดกันอย่างชัดเจน สีขุ่นเขียวบริเวณใกล้ชายฝั่ง ฟ้าเทอควอยซ์เมื่อไกลออกไปหน่อย ก่อนจะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มไปจดขอบฟ้า
บางวันโดยเฉพาะช่วงแรกเข้าฤดูมรสุม เรายังเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจัดจ้า ปุยเมฆขาวราวสำลี แปะอยู่ตรงนั้นที ตรงนี้ที ขณะที่อีกฟากของฟ้าเดียวกัน เมฆครึ้มดำทะมึนปกคลุมยอดเขา กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาเรื่อยๆ ก็แล้วแต่สายลมจะพาไป ตรงไหนโชคดีก็จะมีฝนเทลงมาให้ชุ่มฉ่ำ
ฟ้าสวยใส แต่เกลียวคลื่นโถมสู่ฝั่งแตกเป็นฟองขาวราวฟองนมในกาแฟ ยิ่งใกล้ความจริงแห่งมรสุมเท่าไหร่ ลมเช้าที่เคยนิ่ง ทะเลเช้าที่น่าลงแหวกว่ายกลับเจ้าอารมณ์ขึ้นทุกวัน
แดดจ้าก่อประกายระยับทั่วผืนน้ำ เหมือนเกล็ดเพชรบนพรมสีฟ้า
บนชายหาด ธรรมชาติคือความจริง ยามมรสุมที่ผู้คนทอดทิ้งชายหาดให้เดียวดาย หาดทรายที่เคยขาวจึงหม่นหมอง ขยะจากทะเลบ้าถูกหอบขึ้นมากองเกลื่อน ทั้งขยะจากธรรมชาติสร้าง และขยะจากธรรมชาติที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาเพื่อให้สร้างอีกต่อหนึ่ง กลายเป็นศิลปแบบผสมผสาน
ต่างคนต่างอยู่ นั่งมองกันไป มองกันมา ระหว่างท้องทะเลและชีวิตบนฝั่ง คนนั่งมองทะเลเงียบๆได้เป็นชั่วโมง ทะเลก็คร่ำครวญไม่เคยหยุด ดูราวกับพวกเราจะเป็นนักฟังที่ดีและมีความสุข ไม่ใช่แค่คน หมาทะเลบางตัวกำลังนั่งเหม่อมองออกไปยังทะเล อาจมีบางตัวกำลังระลึกชาติ ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ ทะเลคงมีมนต์ขลังจริงๆมั้ง
วันนี้พระอาทิตย์ดวงกลมโตยามเย็น ค่อยๆดิ่งลงหลังเส้นขอบฟ้างดงามตามเคย ชายหาดกลับร้างผู้คน แล้วจู่ๆเราก็มองขึ้นไปบนฟ้า งดงามอย่างน่าประหลาด เหนือขุนเขาเบื้องหน้า ปุยเมฆขาวกำลังเริ่มย้อยลงมาเต็มไปหมดราวกับมีดอกไม้งอกลงมาจากฟ้า ชั้นเพียงแต่จ้องมองอย่างสงสัย แล้วทันใดนั้น บางสิ่งก็เกิดขึ้น
ยากเกินจะบรรยายออกมา แต่ตลอดชีวิตการเดินทางสิบกว่าปี ไม่เคยเห็นอะไรงดงามขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดจากจิตรกรโด่งดังขนาดไหน ก็ไม่เชื่อว่าจะสามารถถ่ายทอดสิ่งที่เห็นออกมาได้
ท้องฟ้ามีชีวิต...คำๆนี้ดังก้องในหัวใจ เมื่อปุยเมฆค่อยๆลอยหรือราวกับปลิวเคลื่อนผ่านไปรวมกันเหนือท้องทะเล เชื่องช้าแต่รวดเร็วอย่างยากที่จะสังเกตุความเป็นไป แสงสุดท้ายยังอยู่ขณะที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปไม่ต่ำกว่า 15 นาที ฟ้ายังสว่างด้วยลำแสงหลากสีสันเหนือเส้นขอบฟ้า
ปุยเมฆที่ราวกับไม่ใช่ปุยเมฆ เหมือนสำลีสีส้มทองขนาดใหญ่ที่ดูนุ่มแลเรืองรองเหนือแสงสีฟ้าเจือทองที่ขอบฟ้า มันค่อยๆเคลื่อนตัวมารวมกันราวถูกลำแสงอันอัศจรรย์ดึงดูด
แรกทีเดียวเรานึกว่าเจ้าเมฆดอกไม้นั้นจะย้อยลงมาเป็นสายฝน แม้จะแปลกใจว่าก้อนเมฆยังขาวไม่ได้มืดทะมึนเช่นเมฆฝน และในที่สุดก็หาได้กลายเป็นฝน บางส่วนค่อยๆเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกตามสีส้มทองเหล่านั้นไป
บางส่วนของขอบฟ้าใกล้ๆกัน กลับเกิดปรากฎการณ์แปลกๆ เหมือนมีขนมโมจิก้อนไม่ใหญ่มากนัก กลมมนอยู่ตรงกลางโดดเด่นในหมู่เมฆดอกไม้ ราวกับซ่อนสิ่งใดไว้ในนั้น
กลุ่มเมฆที่ค่อยๆลอยเลื่อนไปเหนือผืนน้ำ เมื่อมองผ่านขึ้นไปรู้สึกราวกับมองลอดผ่านเลนส์แว่นที่ไม่ใช่สายตาเรา พร่ามัว และปวดตา
แสงสีส้มทองสะท้อนลงมายังผืนทรายที่ชุ่มไปด้วยน้ำจากเกลียวคลื่นตลอดแนวหาด...โลกในนาทีนั้นดูเรืองรองไปด้วยสีส้มทองและสีน้ำเงินสุดท้าย
นาทีหนึ่งเรากลับรู้สึกกลัว พร้อมกับตื่นตาตื่นใจไปพร้อมๆกัน สิ่งที่เห็นเหมือนกับภาพฝันที่งดงามที่สุด การแสดงของท้องฟ้ายังคงมีต่อไปอีกหลายนาที ฉันเดินกลับที่พักด้วยความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งพองโตอยู่ในหัวใจ....ท้องฟ้ามีชีวิตจริงๆ
(รูปถ่ายของที่อื่น ยืมมา)
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 13:23:14
แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 50 13:18:58