ความคิดเห็นที่ 1 น่าอัศจรรย์ใจที่คืนนั้นไฟลท์แอร์เอเชียไม่ดีเลย์แฮะ พวกผมเลยมาถึงฮานอยตรงเวลาเป๊ะ เนื่องจากไม่ได้โหลดสัมภาระ กลุ่มผมสี่คนเลยผ่าน ตม. อย่างว่องไว ออกไปแลกเงินด่องเวียดนาม แล้วไปขึ้นแท็กซี่เข้าเมืองทันทีครับ...ล่ำลากับเพื่อนๆ BP กลุ่มใหญ่ที่สนามบินนอยไบนี่แหละ หวังว่าจะไปเดินเจอกันทักกันในเมืองอีกนะครับ เหอๆๆ มาถึงสนามบินนอยไบก็ราวกับถึงเวียดนามจริงๆอ่ะครับ มุขกลโกงโก่งราคาก็มีตั้งแต่ที่นี่...ก็แท๊กซี่สนามบินไงล่ะครับ เห็นเวลาค่ำหน่อยราวๆ 3 ทุ่มก็บอกเลยว่าเข้าเมืองคันละ 12 USD เหอๆๆ พี่ไทยก็ขำสิครับ เพราะชาวประชาทั้งโลกหล้าล้วนทราบดีว่า ค่าแท๊กซี่เข้าเมืองน่ะแค่ 10 USD ตามมาตรฐาน อย่ามาเปรี้ยว!! พวกผมยืนยันขันแข็งก็ได้แท็กซี่มาคันนึงตามราคามาตรฐานครับ เพื่อเข้าที่พักในเมืองฮานอยครับ... ความจริงแล้ว ตอนนั้นเพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆ ผมเห็นยังมีรถเมล์สาย 17 ที่วิ่งเข้าเมืองอยู่ที่สนามบินนะครับ ถ้าใครฉายเดี่ยวมาฮานอยไฟลท์ค่ำ ก็อาจนั่งรถเมล์สายนี้เข้าเมืองได้ครับ ราคาถูกมากๆแค่ 5,000 ด่อง (450-460 ด่องเท่ากับ1 บาท) เผอิญว่าผมกับเพื่อนมี 4 คนพอดีมีสัมภาระด้วย ขี้เกียจนั่งรถเมล์ไปต่อแท๊กซี่ในเมือง เลยเลือกใช้แท็กซี่จากสนามบินนี่ตรงเข้าเมืองเลยดีกว่าครับ ไม่เหนื่อยด้วย หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คนขับแท็กซี่ของผมดูจะเป็นมือใหม่ครับ เพราะยังมีงงๆทางอยู่บ้าง อาศัยว่าผมเคยมาฮานอย 2 รอบแล้ว จำทางได้บ้าง ก็ช่วยชี้ๆบอกครับ...แท๊กซี่ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ก็มาส่งผมที่โรงแรมแบมบู (Bamboo Hotel) ถนนห่างบั๊ค (Hang Bac) ใจกลางย่านเมืองเก่า Old Quarter ของฮานอยนี่ล่ะครับ...ผมจองห้องและมัดจำที่นี่ไว้แล้ว เลยได้ห้องทันทีไม่มีปัญหาครับ... คราวนี้ผมและเพื่อนได้ห้องชั้นสาม 2 ห้องครับ (ความจริงแล้วก็คือชั้นสี่น่ะแหละ) ปีนบันไดกันลิ้นห้อยเชียว...หน้าตาห้องก็โอเคนะครับ สำหรับราคา 14 USD ห้องนี้เบอร์ 302 ครับ ห้องกว้างโคตรๆ ไม่รู้คนออกแบบเค้าลืมไปรึเปล่าว่าพื้นที่นี้น่ะ แบ่งเป็น 2 ห้องสบายๆเลย ที่ว่างตรงกลางนี่เอาถุงนอนมาปูนอนได้อีก 4 คนเลยมั้งเนี่ย เหอๆๆ...ห้องนี้เป็นห้องแอร์นะครับ แต่ที่เห็นพัดลมด้วยก็เพราะห้องมันกว้างมากเกินไป แอร์มันเป่าไม่ถึงเตียงโน้นตรงๆ เลยต้องมีพัดลมเป็นตัวช่วยส่งแรงลมแอร์ครับ... ผมว่า...ห้องนี้มีพื้นที่โล่งกว้างขวาง เหมาะแก่การตั้ง “วงไพ่” มากๆเลย...แต่ไม่รู้ว่าเล่นป๊อกเด้งนี่ผิดกฏหมายเวียดนามรึเปล่าครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 (( 31 พฤษภาคม 2550 )) ตัดมายามเช้าเลยดีกว่าครับ...ที่โรงแรมแบมบูนี่จะเขี้ยวนิดนึง ตรงที่ไม่แถมอาหารเช้าให้พร้อมกับห้องพักครับ แต่ผมก็ไม่อนาทรร้อนใจอันใดครับ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่า ธรรมดาอาหารเช้าของโรงแรมต่างๆในฮานอย มักจะเป็นขนมปังฝรั่งเศสที่แข็งเป๊กจนอาจปาหัวสุนัขแตก ทุกที่ก็เป็นแบบนี้แหละ...อย่ากระนั้นเลยครับ การไม่มีอาหารเช้าให้นี่แหละดีแล้ว พวกผมจะได้หาเรื่องไปหาของกินยามเช้าข้างนอกดีกว่าครับ อิอิ พวกผมเช็คเอ้าท์ออกจากห้องพักแต่เช้า แล้วฝากสัมภาระไว้กับโรงแรม จากนั้นก็เดินตัวปลิวไปดูของกินยามเช้ากันครับ...มาได้เจอะของกินที่หน้าตาน่ากินชนิดนี้ ที่ตรอกเล็กๆก่อนจะถึงทะเลสาบคืนดาบครับ (รู้สึกจะเป็นตรอกโรงแรม Old Darling ที่คุณ sueko เคยพัก)...น่าจะเป็น “ข้าวเกรียบปากหม้อญวน” คล้ายกับที่เคยเห็นในร้านอาหารเวียดนามในไทยครับ แต่รสชาติของคุณป้าร้านนี้เค้าต้นตำรับจริงๆครับ ทานคู่กับผักถ้วยโตและน้ำจิ้มใสๆ...มื้อเช้าแรกในฮานอยพวกผมเลยเอร็ดอร่อยได้อารมณ์เวียดนามแท้ๆ จานละ 8,000 ด่องครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อิ่มอร่อยมื้อเช้าแบบเวียดแท้ๆไปแล้ว ก็ออกตะลุยฮานอยกันเลยครับ...ทัวร์ดูศิลปวัฒนธรรมเวียดนามของพวกผม ก็เลยมาเริ่มต้นที่ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem Lake) บึงน้ำใหญ่ใจกลางย่านเมืองเก่าฮานอยครับ...ลมเย็นยามเช้านี่ช่างน่าสบายซะจริงๆเชียวครับ... ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem Lake) แปลว่า “ทะเลสาบคืนดาบ” ชื่อนี้อ้างอิงถึงตำนานโบราณ เกี่ยวกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นามว่า “เลเหล่ย” (Le Loi) ผู้หาญกล้าต่อต้านอำนาจราชวงศ์หมิงของจีน จนปลดแอกอาณาจักรเวียดนามเป็นอิสระได้สำเร็จ และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิครองแผ่นดินญวน ทรงพระนามว่า “เลไทโต” (Le Thai To) กล่าวกันว่าจักรพรรดิพระองค์นี้ ทรงมีอาวุธมหัศจรรย์จากสวรรค์คือ “ดาบวิเศษ” ที่ได้รับจากเต่าเทวดาในทะเลสาบนี้ (แต่ในพงศาวดารญวนบอกว่า พระองค์ขุดพบดาบวิเศษที่ภูเขาลางเซินครับ) เมื่อจักรพรรดิเลไทโตปราบปรามขับไล่อำนาจราชวงศ์หมิงสำเร็จ พระองค์ก็นำดาบมาคืนให้แก่เต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นที่นี่ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อ “ทะเลสาบคืนดาบ” ไงล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เสียดายว่าเช้าวันนั้น เมฆครึ้มไปหน่อย เลยถ่ายรูปสะพานเทฮุค (The Huc Bridge) “สะพานแสงอาทิตย์” ไม่เจิดจ้าสดใสเท่าที่ควรนัก แต่จะแสงมากแสงน้อย ผมว่าสะพานนี้ก็ดูดีเสมอล่ะครับ และเป็นสะพานที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจำได้แม่นซะด้วย เพราะอิทธิพลละครเรื่อง “ฮอยอัน ฉันรักเธอ” เมื่อปีก่อนโน่น...ที่นี่เลยเป็นสถานที่ยอดฮิตที่ใครๆต้องแวะมาถ่ายรูปนี่ล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:08:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สะพานแสงอาทิตย์เป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับวัดหงอกเซิน (Den Ngoc Son) ซึ่งแปลว่า “วัดเนินหยก” ครับ...เพราะวัดดังกล่าวตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบฮว่านเกี๋ยมเลยครับ...พูดถึงแล้วเราก็เดินมาถึงประตูวัดพอดีครับ... จุดเด่นทางสถาปัตยกรรมที่ “วัดญวน” ต่างจาก “วัดจีน” ซึ่งสามารถสังเกตได้ไม่ยากก็คือ...ตรงด้านหน้าทางเข้าวัดญวน มักจะมีเสาปูนปั้น 4 เสาตั้งเด่นตระหง่านแบบนี้เสมอครับ...ถ้าไปเห็นที่ไหนรู้ได้เลยครับว่านี่เป็นศิลปะเวียดนาม หาใช่สถาปัตยกรรมจีนไม่ แม้ว่าจะใช้ตัวอักษรจีนเหมือนกันก็ตามครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตรงนี้คือ “หอแท่นฝนหมึก” ลองมองขึ้นไปข้างบนนะครับ จะเห็นแท่นหินโบราณอันนึงอยู่บนนั้น ว่ากันว่าเป็น “แท่นฝนหมึกศักดิ์สิทธิ์” ครับ ซึ่งชาวเวียดนามสมัยก่อนจะเชื่อว่า เมื่อเดินผ่านช่องประตูด้านล่างของหอนี้ จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เล่าเรียนหนังสือได้ดี ทำการงานต่างๆได้สมประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก “นักเรียนจอหงวน” ที่รอสอบเข้ารับราชการตามธรรมเนียมจีนยุคเก่า จะชอบกันมากครับ... มาทริปเวียดนามคราวนี้ ตัวผมเองพลอยได้ความรู้ต่างๆเยอะขึ้นมากเลยครับ เพราะเพื่อนผมที่ชวนกันไปด้วย เธออ่านภาษาจีนได้ดีและรู้วรรณคดีจีนมาก เพื่อนในกลุ่มอีกคนก็รู้ประวัติศาสตร์เวียดนามมาดีมาก อีกคนก็ศึกษาค้นคว้าเรื่องศิลปะจามถึงระดับเซียน...เลยพากันเที่ยวดูที่ต่างๆได้สนุกอย่างมีสาระจริงๆครับ ขอบคุณนะครับเพื่อนๆ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ข้ามสะพานแสงอาทิตย์มาแล้ว ก็จะเจอประตูเข้าสู่เขตวัดหงอกเซินอย่างแท้จริงครับ...ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรเข้าชมนะครับ ราคาก็คนละ 3,000 ด่องครับ ซื้อตั๋วก่อนข้ามสะพานมานี่นะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วัดหงอกเซิน ไม่เคยสิ้นกลิ่นควันธูปมาตั้งแต่โบราณแล้วครับ...ในอดีต นักเรียนจอหงวนจะมาจุดธูปบูชาอธิษฐานที่นี่ ก่อนไปสอบเข้ารับราชการที่วัดว่านเหมี่ยว...ในปัจจุบันชาวเวียดนามก็ยังคงมาจุดธูปไหว้เทพยดาที่นี่เสมอครับ...บวกกับนักท่องเที่ยวที่มากันเยอะทุกวัน ที่นี่เลยไม่เคยร้างกลิ่นธูปเลยครับ วัดหงอกเซิน เป็นสถานที่สักการะเทพยดา ซึ่งเป็นวีรบุรุษแห่งชนชาติเวียดนามผู้ลือชื่อในอดีต นั่นคือ ท่านแม่ทัพเจิ่นฮึ่งดาว (Tran Hung Dao) ผู้สามารถปราบกองทัพเรือของมงโกล ที่จะรุกรานย่ำยีเวียดนามเมื่อหลายร้อยปีก่อนได้ วีรกรรมของท่านแม่ทัพผู้นี้เป็นที่กล่าวขานกันมายาวนาน จนเมื่อท่านสิ้นชีพแล้วผู้คนก็ยกย่องให้ท่านเป็น “เทพ” ผู้ปกปักรักษาบ้านเมืองแผ่นดินญวนมาจนถึงทุกวันนี้ครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาในตัวอาคารหลักของวัดปั๊บ...ก็จะเจอะแท่นบูชาหน้าประตูเช่นนี้...สังเกตเห็นรูปนกตัวโตๆโดดเด่นสองข้างแท่นบูชามั้ยครับ เจ้านี่แหละครับที่เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างนึงของวัฒนธรรมเวียดนาม ที่จะต้องมีนกประดับแท่นบูชาแบบนี้เสมอ แม้แต่หิ้งพระเล็กๆในบ้านคนทั่วไปก็ตามครับ...โดยทั่วๆไปจะเห็นทำเป็นรูป “นกกระเรียน” สัญลักษณ์ของการมีอายุยืนนะครับ...แต่ไหงเจ้านกของวัดหงอกเซินจึงกลายเป็น “นกแก้ว” ปากงุ้มไปได้ซะล่ะเนี่ย อุอุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:11:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผ่านเข้ามาด้านใน จะเป็นแท่นประดิษฐานเทพเจ้าต่างๆมากมาย ตามความเชื่อในลัทธิเต๋าและขงจื๊อ...แม้ว่าเวียดนามจะพยายามปลดแอกจากอิทธิพลการปกครองของจีนมาหลายพันปีแล้ว แต่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แถมหนำซ้ำยังนิยมชมชอบกันมากก็คือ ขนบธรรมเนียมความเชื่อในลัทธิเต๋าและขงจื๊อแบบจีน ที่กลายเป็นราถฐานวัฒนธรรมเวียดนามไปในที่สุดล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นี่เป็นเครื่องประกอบยศครับ ตามธรรมเนียมท้าวพระยามหากษัตริย์เวียดนาม จะต้องมีเครื่องประกอบยศแห่แหนเมื่อเดินทางเสมอ แสดงถึงอำนาจบารมีของผู้นั้นและเป็นที่ยำเกรงของประชาชนทั่วไป...เครื่องประกอบยศมักจะเป็นอาวุธชนิดต่างๆครับ อย่างเช่น กระบองตุ้มและขวานหัวมังกรแบบนี้ล่ะครับ... โดยส่วนตัว ผมชอบรูปนี้อ่ะครับ...แสงสวย ดูขลังๆดี อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นท่านหน้าแดงๆแต่งเครื่องแม่ทัพใหญ่เช่นนี้ ก็ “เจ้าพ่อกวนอู” น่ะสิครับ... ความจริงแล้วเทพเจ้าองค์ประธานของวัดหงอกเซินคือ “เจ้าพ่อเจิ่นฮึ่งดาว” นะครับ แต่ท่านประดิษฐานอยู่ห้องสูงด้านหลังนี่ แถมในวันนั้นยังมีคนขึ้นไหว้ท่านกันแน่นมาก จนไม่อาจไปเบียดชมบารมีท่านได้ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาฝากอ่ะครับ...ได้แต่รูปเจ้าพ่อกวนอูมาเท่านี้ล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ม้าศึกท่าทางคึกคะนอง...แต่เอ หรือเจ้าม้ากำลังยิ้มอยู่รึเปล่านะ หุหุ ป.ล. คุณว่าพวงมาลัยที่คอม้า คุ้นๆมั้ยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เพลินชมอยู่วัดหงอกเซินจนเข้าช่วงสาย พวกผมก็โยกย้ายไปชมอารยธรรมที่อื่นกันต่อครับ ที่หมายต่อไปคือ “วัดว่านเหมี่ยว” วิหารแห่งวรรณกรรม คลังความรู้ของอารยธรรมเวียดนามแต่โบราณครับ...ทริปนี้ทำการบ้านมาพอสมควร เลยเลือกนั่งรถเมล์ฮานอยดีกว่าครับ สะดวก ประหยัด ปลอดภัย ไว้ใจได้...อิอิ พวกผมเดินจากทะเลสาบคืนดาบ อ้อมหลังโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ (เลยแวะซื้อตั๋วรอบสี่โมงเย็นซะเลย) เดินทะลุมาจนถึงป้ายรถเมล์ที่ถนน Hang Tre รอขึ้นสาย 23 ไปที่วัดว่านเหมี่ยวครับ...ระหว่างที่รอรถเมล์ เห็นมีตึกเก่าสีสวยยุคอาณานิคมอยู่ เลยถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกนิดนึงครับ... ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปตึกเก่าๆอาคารเก่าๆสวยๆครับ แบบว่าไปเดินเที่ยวอยู่ปีนัง มะละกา สิงคโปร์นี่ไม่มีเบื่อเลยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รถเมล์สาย 23 จะวิ่งจากถนน Hang Tre อ้อมขึ้นเหนือมาจนถึงสะพานเหล็ก Long Bien แล้ววกลงมาตามถนน Ly Nam De จนกระทั่งมาถึงหน้าวัดว่านเหมี่ยวเลยครับ แม้ว่าเส้นทางจะอ้อมหน่อย แต่รถราที่ฮานอยก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ดีซะอีกได้ชมบ้านเมืองฮานอยหลายๆย่าน แถมค่ารถเมล์นี่ก็ถูกมากแค่คนละ 3,000 ด่องเองครับ...ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็มาถึงหน้าวัดว่านเหมี่ยวเลยครับ  สะดวกสบายและประหยัดกว่าการนั่งแท็กซี่มากๆครับ วัดว่านเหมี่ยว (Van Mieu) หรือ “วิหารแห่งวรรณกรรม” สร้างขึ้นครั้งแรกในยุคราชวงศ์หลี่ (Ly) เมื่อเกือบหนึ่งพันปีมาแล้ว เพื่ออุทิศแด่ท่านปรมาจารย์ขงจื๊อ ปราชญ์ใหญ่ผู้มีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมจีนและเวียดนามมาเป็นพันๆปีแล้วครับ ด้านหลังของวัดจะเป็นที่ตั้ง “ราชวิทยาลัย” (Quoc Tu Giam) โรงเรียนฝึกหัดข้าราชการ และสำนักสอบจอหงวนของราชสำนักเวียดนามด้วยครับ... แม้ว่าวัดนี้จะมีอายุเก่าแก่เฉียดพันปี แต่ก็ได้รับการทำนุบำรุงจากราชสำนักเสมอ จนแม้เวลาที่เวียดนามกลายเป็นประเทศคอมมิวนิสต์แล้ว รัฐบาลก็ยังให้ความสำคัญโบราณสถานแห่งนี้ในฐานะของ “มรดกภูมิปัญญาแห่งชาติ” จึงมีการบูรณะซ่อมแซมจนวัดนี้ดูดี ราวกับสมัยเมื่อแรกก่อตั้งเลยครับ... เอกลักษณ์โดดเด่นของวัดว่านเหมี่ยวก็คือ “ประตูแสงอาทิตย์” (Dai Thanh Mon) ซุ้มประตูใหญ่เด่นสง่าใจกลางวัดครับ...ที่ใครต่อใครเรียกว่าประตูแสงอาทิตย์ ก็เพราะมีหน้าต่างรูปกลมๆคล้ายดวงอาทิตย์ฉายแสงอยู่เหนือซุ้มประตูนี่ล่ะครับ...ความสง่างามของประตูแสงอาทิตย์แห่งวัดว่านเหมี่ยวนี่เอง ที่ทำให้ทางการใช้รูปซุ้มประตูนี้เป็น “สัญลักษณ์ของกรุงฮานอย” ไงล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หลักฐานความเจริญทางด้านวิชาความรู้ของเวียดนามแต่เก่าก่อน มีให้เห็นที่ “จารึกหลังเต่า” ซึ่งมีอยู่มากมายในวัดว่านเหมี่ยวครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แผ่นศิลาจารึกเหล่านี้เป็นเสมือน “ประกาศเกียรติคุณ” ที่จารึกนามบัณฑิตผู้สอบผ่านจอหงวน ซึ่งเป็นระบบการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการแบบจีน ซึ่งราชสำนักเวียดนามได้นำมาใช้ในอาณาจักรของตนเองด้วยนี่ล่ะครับ...ตะก่อนโน้นใครสอบผ่านได้จารึกชื่อบนหลังเต่าล่ะก็ ผู้คนแซ่ซ้องสรรเสริญในความสามารถและสติปัญญาทั้งนั้น อีกทั้งผู้นั้นยังมีโอกาสได้รับตำแหน่งราชการที่สำคัญ อย่างที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า “เป็นเจ้าคนนายคน” อีกด้วยครับ... จะว่าไป ก็คงคล้ายคนรุ่นผมเนอะ สอบผ่าน Entrance ทีต้องไปดูชื่อติดประกาศที่สนามจุ๊บ (สนามกีฬาจุฬาฯ) ถ้าสอบติดมีชื่อติดประกาศเด่นหรา ก็มีเฮฮากันฉลองเป็นการเอิกเกริก...ผิดกันตรงที่รายชื่อ Entrance น่ะติดบอร์ดไม่กี่วันเค้าก็ปลดออก แต่รายนามบัณฑิตจอหงวนของเวียดนามแต่โบราณ จะปรากฏถาวรอยู่บนจารึกนี้ชั่วฟ้าดินสลายเชียวล่ะครับ ป.ล. กลายเป็นการเผยอายุเลย ความจริงผมยังไม่แก่นะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ...ทำไมจารึกต้องไปอยู่บนหลังเต่าล่ะเนี่ย??? ก็เพราะในวัฒนธรรมจีน เต่าเป็นสัญลักษณ์มงคลของการมีอายุยืนครับ จารึกหลังเต่าก็เสมือนคำอำนวยพรให้บัณฑิตทั้งหลาย มีอายุมั่นขวัญยืนรับราชการก้าวหน้า เป็นที่ปรารถนาของราชสำนักและจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิด้วยครับ... ที่เห็นหัวเต่ามันเลื่อมซะปานนั้น เพราะคนเวียดเชื่อว่าลูบหัวเต่าแล้วจะสติปัญญาดี แถมอายุมั่นขวัญยืนด้วย ก็เลยลูบกันซะเต่าหัวมันแผล็บเชียวล่ะครับ อิอิอิ....อ้อ เค้าให้แค่ลูบหัวเต่านะครับ ห้ามปีนขี่เต่าเด็ดขาด (ฝรั่งบางคนชอบขึ้นไปเหยียบหลังเต่าแล้วถ่ายรูป) ไม่งั้นเจ้าหน้าที่เค้าจะเป่านกหวีดเตือนลั่นเลยล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตรงนี้เป็น “หอบูชาปรมาจารย์” ครับ เป็นส่วนที่ใครต่อใครเข้ามาสักการะท่านขงจื๊อ...เดี๋ยวเข้าไปดูข้างในกันนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ที่นี่มีทั้งคนเวียดนามและนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยี่ยมชมไม่ขาดสายในแต่ละวัน สมแล้วล่ะครับที่มีคนเปรียบเทียบไว้ว่า วัดว่านเหมี่ยวก็เหมือนเป็น “วัดโพธิ์” ของกรุงฮานอยนี่ล่ะครับ...ผมไปเที่ยววัดโพธิ์กรุงเทพฯที่ไร ก็เห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพียบทุกวันเลย ที่วัดว่านเหมี่ยวนี่ก็คล้ายๆกันล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:20:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คนเวียดนามส่วนมากมาที่นี่เพื่ออธิษฐานขอพรท่านปรมาจารย์ครับ ขอให้สติปัญญาเฉลียวฉลาดทำการงานสำเร็จสมประสงค์.... เพื่อนผมสะกิดให้ดูผ่านป้ายไม้สลักที่แขวนอยู่เหนือแท่นบูชา...เธอบอกว่าเป็น “ของสำคัญ”...สำคัญมากกระนั้นหรือ??? จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่เพื่อนผมเค้าบอกว่าสำคัญ เพราะแผ่นป้ายอันนี้เป็น “ฝีพระหัตถ์” การทรงพระอักษรของจักรพรรดิคังซี (Kang Xi) จอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ชิง โอ้ว!!! ฮ่องเต้องค์นั้นน่ะระดับ “มหาราช” ของประวัติศาสตร์จีนเชียวนะครับ!!! จักรพรรดิคังซี เป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของราชวงศ์ชิง และของประวัติศาสตร์จีน พระองค์ครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุเพียง 7 พรรษ าและเป็นฮ่องเต้ที่ครองบัลลังก์มังกรยาวนานที่สุดองค์หนึ่งที่เดียว ช่วงที่พระองค์ปกครองแผ่นดินจีนนั้นเป็นยุครุ่งเรืองของแมนจู ทรงมีพระปรีชาสามารถในการปกครองเป็นอย่างมาก อาณาเขตจักรวรรดิจีนจึงแผ่ไพศาลไปทั่วทุกทิศ นอกจากนี้ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ทำนุบำรุงและอุปถัมภ์ศิลปะวิทยาการ ทั้งงานศิลปกรรมและงานอักษรศาสตร์ของจีน จนเจริญรุ่งเรืองเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะครับ เอ...แล้วเหตุไฉน “คังซีฮ่องเต้” จึงพระราชทานป้ายฝีพระหัตถ์มาไว้ที่วัดว่านเหมี่ยวของเวียดนาม ซึ่งเทียบกันแล้วที่นี่ก็เป็นเพียง “แคว้นเล็กๆ” ที่เคยถูกจักรวรรดิจีนอันยิ่งใหญ่ครอบงำมาช้านานแล้ว... เหตุผลก็คือ...เนื่องจากจักรพรรดิคังซีทรงเป็นผู้ที่อุปถัมภ์งานอักษรศาสตร์ และศรัทธาในปรัชญาของขงจื๊อเป็นอย่างมาก การพระราชทานป้ายฝีพระหัตถ์มายังแคว้นเล็กๆอย่างเวียดนาม เพื่อเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งว่า มาตรฐานการเรียนการสอนฝึกหัดข้าราชการเวียดนาม ตามแนวทางของลัทธิขงจื๊อที่วัดว่านเหมี่ยวแห่งนี้ ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก “ศูนย์กลางแห่งจักรวาล” ซึ่งนั่นคือราชสำนักกรุงปักกิ่งนั่นเอง จนแม้แต่ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิงของจีนก็ทรงชื่นชมโสมนัสเป็นอันมาก ถึงขนาดพระราชทานป้ายฝีพระหัตถ์เป็นเกียรติแก่วัดแห่งนี้ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย...โอ้ววววว ไม่ธรรมดาเชียวนะครับ อืมมม พอพูดถึงจักรพรรดิคังซีฮ่องเต้ทีไร ผมนึกถึงแต่เรื่อง “อุ้ยเสี่ยวป้อ” “ขุนพลโฉดอ้าวป้าย” “องค์ชายสี่ปลอมราชโองการ” เอ๊ะ หรือผมดูหนังจีนกำลังภายในมากไปหน่อยมั้งครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หน้าแท่นบูชามีรูปนกกระเรียนเหยียบหลังเต่าด้วยครับ อย่างที่เคยบอกแหละครับว่านกกระเรียนเนี่ยเป็นสัญลักษณ์ของ “การมีอายุยืน” สังเกตดีๆที่ปากนกจะกำลังคาบเม็ดยาอายุวัฒนะด้วยนะครับ เต่าที่เหยียบอยู่นี่ก็หมายถึงการมอายุยืนเช่นกัน...สรุปว่าทั้งหลายทั้งปวงรวมกันย่อมหมายถึง “การมีอายุยืนยาวชั่วกาลปาวสาน” ไงล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ภายในหอบูชาปรมาจารย์ มีเทพประธานองค์ใหญ่ นั่นคือรูปเหมือนของท่านขงจื๊อครับ...ชาวเวียดนามและชาวจีนนับถือกันมาก ในสมัยโบราณ บรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิตเมืองญวน ล้วนแต่ให้ความเคารพต่อท่านปรมาจารย์ขงจื๊อเป็นอย่างยิ่ง จนต้องมีพิธีบูชาใหญ่เป็นประจำทุกปี แม้แต่สมัยปัจจุบันนี้ก็ยังเห็นพ่อแม่พาลูกๆหลานๆ มาไหว้ท่านขงจื๊อที่วัดว่านเหมี่ยวนี้เป็นประจำ บ้างก็เอาสมุดตำราเรียนมาไหว้ด้วย หมายจะให้เด็กๆลูกหลานเป็นคนขยันหมั่นเพียร เรียนหนังสือเก่ง สติปัญญาเฉลียวฉลาด ได้เป็นใหญ่เป็นโตสมปรารถนาอยู่เสมอครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 บรรยากาศตรงหน้าแท่นบูชาท่านขงจื๊อครับ ดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องเซ่นไหว้ มีมาถวายไม่เคยขาดซักวันเลยครับ...เมื่อคราวที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเยือนประเทศเวียดนามเมื่อหลายปีก่อน ก็ยังได้เสด็จมาสักการะท่านขงจื๊อที่นี่ด้วยเลยนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:24:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นอกจากรูปเทพประธานท่านปรมาจารย์ขงจื๊อแล้ว ในนี้ยังมีแท่นบูชารองที่อุทิศแด่นักปราชญ์ผู้โด่งดังของจีนท่านอื่นๆด้วยครับ ที่วัดว่านเหมี่ยวนี้มีรูปอยู่ 4 ท่าน แต่ผมดันลืมชื่อท่านนักปราชญ์เหล่านี้ซะแล้ว จำได้แต่ว่ามีท่านนึงนามว่า “เม่งจื๊อ” ครับ...ไม่รู้ว่าเป็นท่านที่อยู่ในรูปนี้รึเปล่า หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ด้านหลังหอบูชาปรมาจารย์ จะเป็นเขตของ “ราชวิทยาลัย” (Quoc Tu Giam) โรงเรียนฝึกหัดข้าราชการตามแบบลัทธิขงจื๊อ ซึ่งราชสำนักเวียดนามตั้งขึ้นตามอย่างธรรมเนียมจีนครับ ภาษาชาวบ้านอย่างเราๆจะเรียกว่าเป็น “สถาบันจอหงวน” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็นที่เล่าเรียนฝึกหัดข้าราชการเวียดนามมาแต่โบราณ บัณฑิตที่สอบผ่านที่นี่ได้ดิบได้ดีเป็นเสนาบดีในราชสำนักมานักต่อนักแล้วล่ะครับ... อาคารส่วนใหญ่ของราชวิทยาลัยนี้ เป็นของสร้างใหม่เมื่อไม่นานมานี้ แทนที่อาคารเก่าโบราณที่สูญไปหมดแล้ว...แม้จะเป็นของสร้างใหม่ แต่สถาปนิกก็ออกแบบได้สวยงามกลมกลืนกับส่วนวัดว่านเหมี่ยว จนดูแล้วเทียบแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนใหม่หรือเก่า... ใครว่ารัฐบาลคอมมิวนิสต์ไม่สนใจศิลปวัฒนธรรม ต้องมาดูรัฐบาลเวียดนามเป็นตัวอย่างนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 บรรยากาศนี่มองดูเผินๆนึกว่าเป็น “วัดญี่ปุ่น” จริงๆนะครับ ทั้งสวยงามและร่มรื่น เพื่อนๆกลุ่มผมชอบใจทั้งวัดว่านเหมี่ยวและราชวิทยาลัยกันมากเลยครับ...ใครมาเที่ยวฮานอย ห้ามพลาดที่จะมาเที่ยวชมที่นี่นะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ในตัวอาคารราชวิทยาลัย มีนิทรรศการเกี่ยวกับการเรียนและการสอบจอหงวนสมัยโบราณด้วยครับ เดินดูไปนี่ก็น่าสนใจดีครับ...อย่างรูปนี้เป็นภาพ “กรรมการคุมสอบ” แต่งเครื่องเต็มยศอย่างขุนนางญวน นั่งบนปะรำสูง คอยดูแลขณะที่มีการสอบจอหงวนเข้ารับราชการครับ...ยังกะฉากในหนังจีนเลยนะครับเนี่ย อุอุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนนี่ก็คงจะเป็น “ชุดครุยอธิการบดี” ล่ะมั้งครับเนี่ย ลายมังกรปักบนผืนผ้านี่สง่างามมากๆ ในสมัยโบราณถ้าใครได้สวมใส่คงเป็นเกียรติอย่างสูงเชียวล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กลุ่มผมเพลิดเพลินเจริญใจในวัดว่านเหมี่ยวอยู่เป็นชั่วโมงเลยครับ ครั้นเห็นสมควรแก่เวลาแล้ว ไปเที่ยวต่อที่อื่นกันดีกว่าครับ... เมื่อเดินออกจากประตูวัดว่านเหมี่ยว ก็เดินเลี้ยวขวาเลยครับ เลาะกำแพงวัดและสวนสาธารณะมาเล็กน้อย จะเจอป้ายรถเมล์ที่ถนน Ton Duc Thang ครับ ยืนรออยู่ซักพักก็เจอรถเมล์ ปอ. สาย 02 ก็โดดขึ้นเลยครับ รถคันนี้จะมุ่งหน้าสู่ย่าน Opera House ค่ารถก็ 3,000 ด่องเช่นเคยครับ สบายแฮ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเองทำการบ้านเรื่องรถเมล์ฮานอยมาล่วงหน้าแล้วครับ โดยปริ้นท์ข้อมูลสายรถเมล์ต่างๆในกรุงฮานอยจากเวปนี้ครับ http://www.hanoibus.com.vn/InfobusVN/hanoibus/indexE.asp?pPage=lotrinhE.htm จากนั้นก็เอามาตรวจเส้นทางและชื่อถนนว่า ผ่านย่านที่เราต้องไปมั้ย (ต้องหาแผนที่กรุงฮานอยมาดูประกอบด้วยนะครับ)...เท่าที่ลองตรวจดู ก็เจอรถเมล์สายที่เหมาะสำหรับไปเที่ยวจุดต่างๆในฮานอยได้หลายสายเลยครับ เจอแล้วก็โน้ตไว้วงไว้เรื่อยๆครับ สำหรับแผนที่กรุงฮานอยนั้น...ผมก็ปริ้นท์แผนที่มาจากเวปนี้ครับ http://www.chaocom.com/images/hanoi/HanoiMap.jpg ซึ่งลงชื่อถนนไว้ละเอียดดี จากนั้นก็เอามาลากเส้นทางรถเมล์ตามที่เลือกไว้ เท่านี้ก็ได้แผนที่รถเมล์แต่ละสายในฮานอยแล้วล่ะครับ...ง่ายมากๆครับ รูปตัวอย่างนี้ จะเป็นเส้นทางรถเมล์สาย 02 ที่ผมทำไว้บนแผนที่ครับ ซึ่งจะเห็นว่าขาไป (เส้นสีเขียว) สามารถนั่งจากทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม (Hoan Kiem Lake) ไปยังวัดว่านเหมี่ยวได้เลย ส่วนขากลับ (ลูกศรสีน้ำเงิน) รถจะวิ่งพุ่งตรงจากวัดว่านเหมี่ยวไปที่ Opera House เลยครับ...ผมเองเลยได้ใช้รถเมล์สายนี้นั่นแหละครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สำหรับทุกท่านที่จะไปเที่ยวฮานอย ก็ลองทำข้อมูลเส้นทางรถเมล์เองได้นะครับ ไม่ยากเลย...แถมทำให้วางแผนนั่งรถเมล์เที่ยวฮานอยได้สนุกขึ้นเยอะ ประหยัดเงินค่าเดินทางได้มาก เพราะอย่างที่บอกล่ะครับ ค่ารถเมล์ทุกสายในกรุงฮานอยถูกมากๆแค่คนละ 3,000 ด่องเองครับ (ยกเว้นรถเมล์ที่วิ่งข้ามไปนอกเมืองที่อีกฟากนึงของแม่น้ำแดง ตั๋วจะราคา 4,000 – 5,000 ด่องครับ) สะดวก ประหยัด คุ้มค่าจริงๆครับ หน้าตาบรรยากาศภายในรถเมล์สาย 02 ครับ เป็นรถ ปอ. คนไม่ค่อยแน่นนัก แอร์เย็น นั่งสบายดีครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แป๊บเดียวจากวัดว่านเหมี่ยว รถเมล์ก็พากลุ่มผมก็มาถึงถนน Hai Ba Trung เลยตัดสินใจลงรถแถวนี้ครับ ว่าแล้วก็เดินแว่บเข้าไปชมบรรยากาศ “ห้างสรรพสินค้า” สุดหรูแบบเวียดนามที่ Trang Tien Plaza เล่นเอาพวกเพื่อนผมอึ้งไปเลยครับ เพราะต่างก็วาดภาพว่า สภาพกรุงฮานอยน่าจะดูแย่ๆแบบประเทศที่ผ่านสงครามมา ไม่นึกว่าจะพัฒนาแล้วมีห้างร้านทันสมัยขนาดนี้...พวกเราขึ้นไปซื้อขนมและน้ำที่ Supermarket ชั้นบนจนพอใจแล้ว (เพราะค่ำนี้ต้องขึ้นรถไฟไปเว้ เลยมาตุนของกินกันซะหน่อย อุอุ) ก็ออกมาเดินหาที่เหมาะๆทานมื้อกลางวันกันครับ กลุ่มผมเดินต่อไปทางถนน Trang Tien มุ่งหน้าไปทาง Opera House ด้วยหมายว่าจะลองหาอะไรทานแถวๆนี้ครับ มองไปมองมาเห็นแต่ร้านหนังสือ แล้วก็ร้านไอศกรีมชื่อดังที่ใครๆต่อใครชอบชิม แต่ไม่ยักกะเห็นร้านอาหารแถวนี้เลยแฮะ... แต่แล้วเราก็มาเจอะร้านนี้ครับ “BBQ Chicken” ท่าทางใหม่เอี่ยมแอร์เย็นน่านั่ง แวะเข้าไปดูกันดีกว่าครับ...หิวแล้วด้วยอ่ะครับ หุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ร้านนี้เป็นร้าน Fastfood จากเกาหลีครับ เพิ่งเปิดได้ไม่นานมานี้เอง พนักงานยังดูใหม่ๆอยู่เลยแต่ก็ต้อนรับขับสู้ดีนะครับ...พวกเราตัดสินใจกินมื้อเที่ยงที่นี่เลย เพราะจะได้นั่งทานสบายๆในห้องแอร์ เป็นการพักผ่อนท่ามกลางบ่ายอันร้อนระอุของฮานอยด้วยครับ...อาหารดูๆจะคล้ายๆของ Chester Grill หรือ KFC ครับ มีทั้งไก่ทอด ไก่ย่าง และเมนูข้าวด้วยครับ...ทานข้าวกันคนละจานเลยล่ะกัน จะได้อิ่มๆกันพอดี อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันแล้ว ก็ออกลุยฮานอยกันต่อครับ...จุดหมายของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้แหลครับ...ตอนนี้เดินมาถึงหน้า Opera House พอดีเลยครับ เลยแวะถ่ายรูปกันซะหน่อยนึงครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เพื่อนๆผมชอบ Opera House ของกรุงฮานอยกันมากครับ เพราะเป็นอาคารเก่าสไตล์ฝรั่งเศสที่ใหญ่โตโออ่า ราวกับว่าอยู่ในกรุงปารีสยังไงยังงั้นเลยครับ...กดชัตเตอร์ถ่ายรูปกันไปเยอะเลยล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เสียดายแต่ว่า ยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปชมข้างในอ่ะครับ เลยไม่รู้ว่าจะสวยหรูอย่างที่เห็นภายนอกมั้ย...ไว้โอกาสหน้าละกันนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กลุ่มผมเดินกันต่อมาทางด้านหลัง Opera House เดี๋ยวเดียวก็มาถึงที่หมายแล้วล่ะครับ... “พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติเวียดนาม” (National Museum of Vietnam History) ที่นี่แต่เดิมเคยเป็นออฟฟิศของ “สำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบุรพทิศ” (Ecole Francaise d’Extreme Orient) สถาบันค้นคว้าทางด้านโบราณคดีที่โด่งดังที่สุดเมื่อร้อยปีก่อน เป็นที่ทำงานของนักโบราณคดีชื่อดังชาวฝรั่งเศสหลายท่าน ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณในภูมิภาคอินโดจีนมายาวนาน ตั้งแต่เรื่องราวปริศนาปราสาทหินอันยิ่งใหญ่ของพวกขอม จนถึงอารยธรรมจามที่สาบสูญ... เมื่อประเทศเวียดนามเป็นเอกราช ก็ยังคงใช้อาคารเก่านี้เป็นที่จัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึง ประวัติความเป็นมาอันเก่าแก่ที่น่าภาคภูมิใจของประเทศเวียดนามครับ...ถ้าใครชอบเที่ยวแบบศึกษาประวัติศาสตร์และอารยธรรม ห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาดนะครับ... ส่วนคนอื่นๆอย่าเพิ่งทำหน้าเบ้ หรือออกอาการเบื่อวิชาประวัติศาสตร์นะครับ...ตามเข้ามาดูข้างในกันก่อนละกัน อนุญาตให้ไปแอบนั่งหลับได้นะครับ ถ้าเบื่อแบบว่าไม่ไหวแล้วจริงๆ เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์เป็นห้องที่ว่าด้วยอารยธรรมโบราณ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ครับ...ที่มีชื่อเสียงที่สุดที่นี่ก็คือเรื่องวัฒนธรรมสำริดของดองซอน (Dong Son) เมื่อราวๆ 3,000 ปีมาแล้วครับ...ยุคนั้นเค้านิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้ด้วยโลหะสำริด (เป็นทองแดงผสมดีบุกครับ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลองโบราณใบใหญ่ที่เรียกกันว่า “กลองมโหระทึก” ซึ่งค้นพบกันมากมายหลายที่ ตั้งแต่ประเทศจีนไปจนถึงเกาะบาหลี ในอินโดนีเซียครับ...ในเมืองไทยของเราก็เจอกลองมโหระทึกแบบดองซอนเช่นนี้หลายแห่งด้วยครับ ลำพังตัวกลองมโหระทึกสำริดแบบนี้ พวกโบราณอย่างผมน่ะเห็นกันจนเบื่อแล้วครับ...แต่ที่น่าสนใจกว่าก็คือ พวกลวดลายตุ๊กตุ่นต่างๆที่ใช้ประดับเครื่องสำริดมากกว่าครับ...ส่วนมากถ้าเป็นกลองก็จะประดับด้วยรูปกบ เพราะกบเป็นสัญลักษณ์ของเมฆฝน เชื่อว่าเมื่อตีกลองโบราณพวกนี้แล้วฝนจะตกต้องตามปรารถนาครับ...แต่ถ้าเป็นเครื่องสำริดประเภทอื่นก็จะมีลวดลายตุ๊กตุ่นตุ๊กตาประดับแปลกๆกันไปนะครับ... อย่างตุ๊กตุ่นสำริดที่ภาชนะโบราณใบนี้อ่ะครับ...ให้คุณทายกันดูนะครับว่าเป็นรูปอะไร...ผมกะเพื่อนๆเห็นครั้งแรกถึงกับฮาตึงเลยครับ หุหุหุ ป.ล. พันทิปห้ามเซ็นเซอร์รูปนะครับ เพื่อประโยชน์ในทางวิชาการโบราณคดี 55555 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อันนี้ก็ดีไซน์เฉียบจริงๆครับ “ต่างหูโบราณ” อายุ 2,000 ปีจากภาคใต้ของเวียดนามครับ...ผู้หญิงนี่เค้าก็รักสวยรักงามทุกยุคทุกสมัยนะครับ สาวๆเวียดนามเมื่อสองพันปีก่อน ก็นิยมต่างหูดีไซน์โฉบเฉี่ยวเช่นนี้ล่ะครับ...สาวๆเดี๋ยวนี้จะกล้าใส่กันมั้ยเอ่ย อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คือ ฉากประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งนึงซึ่งคนเวียดนามจำกันได้ดี ก็คือเหตุการณ์ “ยุทธภูมิแม่น้ำบั๊คแดง” (The Battle of Bach Dang River)...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 800 ปีก่อนครับ ในช่วงนั้นกองทัพมงโกลของกุบไลข่าน ได้เคลื่อนพลเข้ารุกรานย่ำยีเวียดนาม โชคดีที่เวลานั้นมีวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ “ท่านแม่ทัพเจิ่นฮึ่งดาว” (Tran Hung Dao) ใช้กลยุทธอันแยบยล โดยล่อให้กองทัพเรือมงโกลเข้ามาในแม่น้ำบั๊คแดง ซึ่งมีเสาไม้แหลมปักอยู่ใต้ท้องน้ำ ทำให้เรือของมงโกลติดกับถูกไม้แทงทะลุอับเฉา หนำซ้ำยังถูกรี้พลชาวเวียดนามของแม่ทัพเจิ่นฮึ่งดาว โจมตีโต้กลับจนมงโกลต้องพ่ายแพ้ถอยทัพกลับไป ถือว่าคราวนั้นเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มากในประวัติศาสตร์เวียดนาม ขนาดว่าท่านแม่ทัพเองเมื่อสิ้นชีพแล้ว ก็ถูกสถาปนาขึ้นเป็น “เทพ” ผู้ปกปักรักษาแผ่นดินเมืองญวนไปเลยอ่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พักเรื่องเครียดๆในประวัติศาสตร์ มาดูงานเซรามิคโบราณน่ารักๆของเวียดนามดีกว่าครับ...ที่ชอบสุดก็นี่เลย “เป็ดน้อยร้อยปี” เดาว่าน่าจะเป็นเหยือกน้ำนะครับ มีหูหิ้วซะด้วย น่ารักซะจริงๆครับ ว่ามั้ย หุหุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พระพุทธรูปเวียดนาม งดงามจับตาต้องใจจริงครับ...หลวงพ่อองค์นี้เป็นองค์จำลองนะครับ องค์จริงท่านประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดบั๊คนินห์ครับ ของจริงจะเป็นพระพุทธรูปโบราณอายุเกือบพันปีเชียวล่ะครับ...เห็นแล้วก็ยกมือไหว้สาพระท่านได้สนิทใจ ไหว้ทั้งคุณพระศรีรัตนตรัย ไหว้ในฝีมือช่างอันวิจิตรจับใจ ไหว้แล้วได้รับแต่สิริมงคล...สาธุครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขึ้นมาดูนิทรรศการชั้นบนของพิพิธภัณฑ์กันต่อครับ (มีใครแอบหลับเพราะเบื่อประวัติศาสตร์มั้ยเนี่ย อุอุ) ชั้นบนนี้จะมีพวกโบราณวัตถุในอารยธรรมจาม (Cham) ครับ...เนื่องจามเป็นชนชาติโบราณที่ใช้วัฒนธรรมอินเดีย โบราณวัตถุต่างๆของพวกจามจึงออกแนว “แขก” มากกว่าอารมณ์ “จีน” ที่เห็นทั่วไปในศิลปะเวียดนามนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เทวรูปพระศิวะปางฟ้อนรำ ที่รู้จักกันดีในนามว่า “ศิวนาฏราช” ครับ...พระศิวะเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่องค์นึงของศาสนาพราหมณ์นะครับ การฟ้อนรำของพระองค์มีความหมายมากกว่าท่วงท่าที่งามสง่า แต่ความหมายลึกซึ้งไปกว่านั้นนะครับ... ถ้าอยากรู้ล่ะก็ว่า ทำไมพระศิวะจึงต้องฟ้อนรำ ฟ้อนครั้งนี้มีความหมายเช่นไร แล้วทำไมพระองค์จึงไปฟ้อนรำที่ “สะดือจักรวาล”...เชิญคลิ๊กมาดูเรื่องราวทั้งหมดในรีวิวเก่ากึ้กของผมได้ที่นี่ครับ... (( ตระเวนอินเดียใต้-ไหว้พระอิศวร-ชวนชมศิวลึงค์-ทริปน่าทึ่ง by หนุ่มเมืองกรุง [5] )) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E3007086/E3007086.html ป.ล. แบบว่าเริ่มเล่าเรื่องเยอะแล้วเมื่อยเองอ่ะครับ เลยลงลิ้งค์ให้ไปอ่านต่อแล้วกันครับ หุหุหุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สิงโตในศิลปะจามนี่น่ารักจริงๆครับ...ท่าทางจะขี้เล่นนะครับเนี่ย อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ส่วนเจ้าสิงโตตัวนี้ ยังกะจะเต้นเชียร์ลีดเดอร์แน่ะครับ...แถมยังออกอารมณ์ “หื่น” หน่อยๆด้วย สังเกตเห็นกันมั้ยครับท่านผู้ชม เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อันนี้สิครับของแปลก ดูเผินๆเหมือนเป็นชิ้นส่วนรูปสลักของพญาครุฑ แต่ไหงทรวงอกดันตูมตั้งอวบอิ่มปานนั้น หรือว่าจะเป็น...พญาครุฑมีนม เอ๊ยไม่ใช่อย่างนั้น อย่าคิดว่าท่านครุฑไปแปลงโฉมแปลงเพศเชียวนะครับ... ที่เห็นนี่น่ะเค้าเรียกว่า “สุบรรณี” เป็นครุฑเพศหญิงครับ ซึ่งตามธรรมดาแล้ว ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลต้องมีทั้งเพศผู้และเพศเมีย เพื่อให้สามารถดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปได้ครับ...เผ่าพันธุ์พวกครุฑก็เลยต้องมีทั้งเพศชายที่เรียกว่า “สุบรรณ” และเพศหญิงอย่าง “สุบรรณี” นี่ล่ะครับ...อุอุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ไปชมต่อกันที่สนามด้านนอกอาคารพิพิธภัณฑ์กันดีกว่าครับ...พูดถึงก็เจอเลยครับ “พญาสุบรรณ” หรือพญาครุฑเพศชายครับ...ท่าทางขึงขังเชียวล่ะ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 นี่ก็ศิลาจารึกภาษาจามโบราณครับ...เพื่อนๆที่มาก็เลยลองไปแกะๆอ่านๆดู พอจะได้เป็นคำๆบ้างนิดหน่อยครับ เพราะตัวอักษรคล้ายอักษรขอมโบราณพอสมควรครับ...ส่วนผมเองอ่านบ่ฮู้เรื่องแล้วครับ ความรู้พวกนี้ถวายคืนครูบาอาจารย์ไปหมดแล้วอ่ะ แหะๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ศิวลึงค์แบบจาม...ดูไปก็คล้ายกับศิวลึงค์แบบขอมที่ปราสาทหินเขาพนมรุ้งเลยนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กระเบื้องญวนครับ...เห็นแล้วนึกถึง “ขนมเบื้องญวน”...เอ๊ะ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พวกผมใช้เวลาที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ค่อนข้างนานอ่ะครับ ดูเวลาอีกทีก็จะสามโมงครึ่งแล้ว...ว่าแล้วก็รีบออกจากพิพิธภัณฑ์ดีกว่าครับ เพราะต้องกลับไปที่โรงละครหุ่นกระบอกน้ำให้ทันสี่โมงเย็น ตามที่ได้ซื้อตั๋วไว้เมื่อตอนเช้าครับ...พวกเราเดินจากพิพิธภัณฑ์ออกมารอรถเมล์ที่ป้ายด้านหน้าโรงแรม Hilton Hanoi ครับ...แป๊บเดียวก็ได้ขึ้นรถเมล์สาย 02 เช่นเดิม แล่นฉิวเลียบทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม มาจนถึงที่โรงละครหุ่นกระบอกน้ำทันเวลาพอดีเลยครับ อย่างที่ทุกๆคนพูดกันล่ะครับ การมาเที่ยวฮานอยเนี่ยจะไม่ครบสมบูรณ์ ถ้าไม่ได้ชมการแสดงหุ่นกระบอกน้ำนะครับ...ตั๋วเปิดขายตั้งแต่เก้าโมงเช้าครับ รอบการแสดงจะมีช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำทุกวันครับ...เดี๋ยวนี้ทัวร์มาลงค่อนข้างมาก อย่างรอบสี่โมงที่ผมดูนี่ก็คนเต็มเลยครับ ทางที่ดีควรซื้อตั๋วไว้แต่เนิ่นๆตั้งแต่ตอนเช้านะครับ จะได้ไม่ผิดหวัง... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เพื่อนๆผมชอบการแสดงหุ่นกระบอกน้ำกันมากเลยครับ เพราะเป็นเรื่องราววิถีชีวิตพื้นบ้านเวียดนามที่เข้าใจง่าย แทรกมุขตลกขบขันน่ารักๆไว้พอสมควร ขนาดฝรั่งยังฮากันครืนอยู่เนืองๆอ่ะครับ ผนวกกับเทคนิคการเล่นหุ่นที่มีกลไกใต้น้ำแบบโบราณอันน่าทึ่งนี้ ผมว่าเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการชมการแสดงนี้ คุ้มค่าจริงๆครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อย่าลืมปรบมือให้กำลังใจศิลปินผู้ทำหน้าที่ชักกลไกหุ่นนะครับ เค้าต้องยืนแช่น้ำกันเป็นชั่วโมงเพื่อการแสดงนี้เลย...ยอดเยี่ยมมากครับ นับถือ นับถือ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ออกจากโรงละครหุ่นกระบอกน้ำแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปในย่าน Old Quarter เพื่อหาที่มานมื้อเย็นกัน ก่อนจะกลับไปเอาสัมภาระที่โรงแรมครับ...ผมนึกถึงร้าน Little Hanoi ที่ใครต่อใครชอบไปทานก็เลยพาเพื่อนเดินไปทานที่ร้านนี้กันครับ... พวกเราสั่งอาหารมาคนละอย่างซึ่งจะเสิร์ฟพร้อมข้าวด้วยครับ ปรากฎว่าในบรรดาอาหารสี่อย่างที่สั่งมานี่ มีเจ้าสองอย่างนี่ล่ะครับที่อร่อยมากๆ นั่นก็คือ “กุ้งทอดโรยงา” และ “ปลาผัดเปรี้ยวหวาน” ครับ สองอย่างนี้ถูกปากมากๆ เล่นเอาพวกเราเติมข้าวแทบไม่ทันเลยครับ เหอๆๆ (ส่วนกับอย่างอื่นอีกสองอย่างนี่รสชาติเฉยๆครับ) จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ผ่านมื้อเย็นไปเรียบร้อยแล้ว ก็กลับไปเอาสัมภาระที่ Bamboo Hotel เพื่อเตรียมจะไปสถานีรถไฟครับ ตอนแรกทางแบมบูบอกว่าจะเรียกแท็กซี่ให้ในราคา 25,000 ด่อง ก็รอกันอยู่พักใหญ่นะครับแต่แท็กซี่ก็ไม่มาซะที พวกผมเห็นจวนได้เวลาแล้วเลยบอกเลิกกับทางโรงแรม แล้วรีบเดินมาหาแท็กซี่เองดีกว่าครับ... ก็มาเจอแท๊กซี่ตรงสี่แยกถนน Hang Bac ลองถามราคาไปสถานีรถไฟ พี่เวียดแกบอกมาทีเดียว 60,000 ด่องก็ถอยกรูดเลยครับ (กะจะฟันหมูสยามกันหรือพี่ อย่าหวังเลยครับท่าน!!!) โชคดีเจอแท็กซี่อีกคันนึงก็ลองต่อรองราคาเหมาดู ได้ที่คันละ 30,000 ด่อง โอเคครับพอรับได้ ก็รีบโยนกระเป๋าขึ้นรถให้พี่แกบึ่งไปสถานีรถไฟเลยครับ... เรามาถึงสถานีรถไฟฮานอยที่ถนน Le Duan ทันเวลาพอดีครับ เพราะเหลือเวลาอีกราวๆ 20 นาทีรถไฟด่วนขบวนที่ SE1 ก็จะเคลื่อนออกจากสถานีแล้ว ว่าแล้วพวกผมก็รีบเดินไปหาตู้นอนที่จองตั๋วไว้ดีกว่าครับ...ตู้ดังกล่าวจะเป็นห้องนอนแอร์แบบที่เรียกว่า Hard Sleeper ครับ มีทั้งสิ้น 6 เตียงต่อ 1 ห้อง...สภาพนี้ผมว่าโอเคนะครับ ห้องก็สะอาดดูดีกว่ารถไฟไทย เตียงดูน่านอนสบายพอใช้ (ไม่ใช่เตียงบนสุดนะครับ อันนั้นน่ะผมว่าแคบเกินไปครับ) แอร์เย็นฉ่ำดี เท่านี้ก็น่าจะนอนได้ไม่มีปัญหาอ่ะครับ... ใจจริงตอนแรกที่มาซื้อตั๋วรถไฟ ผมอยากจะได้ห้องนอนแบบ Soft Sleeper ที่มี 4 เตียงอ่ะครับ เพราะจะอยั่นสบายยิ่งกว่านี้อีก แต่ปรากฏว่าตั๋วเต็มครับเลยต้องซื้อแบบ Hard Sleeper นี้แทน แต่พอเห็นสภาพห้องก็พอใจแล้วล่ะครับ... สงสารก็แต่คนเวียดนามอีก 2 คนที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ห้องร่วมกับพวกผม ต้องทนฟังกลุ่มผมคุยเฮฮาภาษาไทยที่เค้าฟังไม่ออก พอรถออกจากสถานีได้ไม่นาน พี่แกก็ปีนขึ้นไปนอนเตียงบนสุดกันเลยครับ เหลือแต่กลุ่มคนไทยฮาเฮ 4 ชีวิตที่ยังตื่นเต้นกับรถไฟเวียดนามกันอยู่ครับ กว่าจะหลับกันก็เกือบสี่ทุ่มโน่นเลยครับ อุอุ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ทริปสีสันแห่งอารยธรรมเวียดนามวันแรก ก็จบเพียงที่นี้นะครับ...เดี๋ยวไปชมรีวิววันที่สอง "ท่องเมืองเว้ นครแห่งจักรพรรดิ" ต่อที่กระทู้หน้านะครับ...จะพยายามรีบปั่นมาให้ชมกันไวไว อุอุ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมรีวิวของผมครับ อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 20 มิ.ย. 50 13:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 บินตามคุณหนุ่มเมืองกรุงไปเวียดนามด้วยค่า จากคุณ : อันปัง (unpungjr) - [ 20 มิ.ย. 50 14:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วจะไปตามรอยนะฮับอ.หนุ่ม จากคุณ : debby the gunner - [ 20 มิ.ย. 50 15:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ข้อมูลแน่นจริงๆ  ครับ   นึกว่านักประวัติศาสตร์พาทัวร์เลย ตอนไปเวียดนามผมก็พัก  (Bamboo Hotel)  เหมือนกัน จากคุณ : bicycle_trend - [ 20 มิ.ย. 50 15:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 save โล้ด ยอดเยี่ยมเช่นเคยจ้า   จากคุณ : Dr_Best - [ 20 มิ.ย. 50 15:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอไปเที่ยวเวียตนามด้วยคน.. ไปครั้งหน้าขอพัก bamboo ดีกว่า ดูสะอาดดี จากคุณ : sueko - [ 20 มิ.ย. 50 15:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เฉินครับ - [ 20 มิ.ย. 50 15:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ชื่นชม....ข้อมูลดีค่ะ จากคุณ : Zorakun - [ 20 มิ.ย. 50 16:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณค่ะ ข้อมูลเพียบและสนุกเช่นเคย จากคุณ : scuba734 - [ 20 มิ.ย. 50 18:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 รีบ SAVE เก็บไว้เลยครับได้ความรู้และความเพลิดเพลินเหมือนไปเที่ยวด้วยเลย ละเอียดมากครับ พร้อมคำแนะนำขอชมมาก ๆ ครับ (ทริปหน้าของผมเหมือนกัน) จากคุณ : L-SERIES (L-SERIES) - [ 20 มิ.ย. 50 21:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ผมไปฮานอยสองรอบยังไม่ได้ความรู้ประวัติศาสตร์ไม่เท่ากับอ่านกระทู้นี้กระทู้เดียวเลย  ยอดเยี่ยมจริงๆครับ... ปล.เห็นน้องยุ่งฯ เรียกว่าอาจารย์หนุ่ม ไม่ทราบว่าเป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไหมครับ  เพราะข้อมูลสุดยอดจริงๆ จากคุณ : wut3616 - [ 20 มิ.ย. 50 21:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เวียดนามพัฒนาไปเร็วมากจริงๆ ทั้งการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ จากคุณ : กาลครั้งหนึ่งความรัก - [ 21 มิ.ย. 50 04:30:18 ]

ความคิดเห็นที่ 72 บอกเผื่อไว้ Old Darling 2 ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น spirit club แล้วค่ะ   ข้าวเกรียบปากหม้อฝั่งตรงข้ามอร่อยเจรงๆ ค่ะ เฝอร้านข้างๆ ก้ออร่อย จากคุณ : sueko - [ 21 มิ.ย. 50 08:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ข้อมูลปึ๊ก + รูปถ่ายเยี่ยมเลยนะคับ รอบนี้ จากคุณ : Sir_SeanPaul - [ 21 มิ.ย. 50 12:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี รู้กว้าง รู้ลึก อยากตามไปด้วยจัง จะตามรอยให้ได้ ระเอียดดี น่าจะตามได้ไม่หลง แต่ไม่รู้จะซื้อตั๋วรถไฟอย่างไร จะไปกพ.ปีหน้า จากคุณ : ห้าสิบกะรัต - [ 21 มิ.ย. 50 17:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แบบว่าข้อมูลแน่นสุดๆคะ อ่านแล้วทำให้อยากไปcomplete รอบสองจังคะ จากคุณ : แคร์ (แคร์บุรี) - [ 21 มิ.ย. 50 18:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ใช้กล้องไรถ่ายอ่ะ สีซ้วยสวย จากคุณ : น้องร๊อก - [ 21 มิ.ย. 50 18:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 77 รูปสวยจังครับ ขอบคุณที่นำรูปสวย ๆ มาฝากกันนะครับ จากคุณ : ส้มตำปลาร้า - [ 21 มิ.ย. 50 21:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เก็บไว้ใช้เป็นหนึ่งใน guide book ตะลุยเวียดนามดีกว่า จองตั๋วโปร 0 บาทไว้เหมือนกันค่ะ แต่อีกนานเลยกว่าจะได้ไป ละเอียดดีจังค่ะ จากคุณ : Snoopy in BKK - [ 21 มิ.ย. 50 21:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 รีวิวภาคต่อมาแล้วนะครับ.... สีสันแห่งอารยธรรม “เวียดนาม” ตอนที่ 2... Hue นครแห่งจักรพรรดิ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5533968/E5533968.html ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนึงที่มาชมรีวิวของผมนะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 21 มิ.ย. 50 23:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ต้องอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่า รีวิว ของแท้ จากคุณ : บ้านผือ - [ 22 มิ.ย. 50 08:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวและรูปภาพ ที่นำมาฝาก อ่านสนุก รูปก็สวยดีแท้ครับ เห็นแล้วอยากไปบ้างจัง จากคุณ : AUN_SAP - [ 22 มิ.ย. 50 14:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 82 รูปสวย เรื่องราวมสาระและรายละเอียดมากๆครับ  ขอบคุณครับ หวังว่าจะไปบ้างสักวันครับ จากคุณ : ตงเหลงฉ่า - [ 23 มิ.ย. 50 21:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เพิ่งกลับมาวันก่อน ไปกัน 8 คน นอนแบบ 4 เตียง ไปจองที่สถานีเดือนที่แล้ว เต็มหมด สุดท้ายต้องไปเสียให้บริษัททัวร์ ปรากฏมีทั้งขาไป กลับ เลยถึงบางอ้อ โดนฟันไปใบละ 5 เหรียญ แต่ได้ตั๋วมาก็โอเค(ตอนจองเดือนที่แล้วได้แต่ขาไป ขากลับต้องไปเอาตอนที่ไปถึงเดือนมิถุนา เขาว่าออกได้เร็วสุดล่วงหน้า 15 วันประมาณรอใบจองนิ่งทุกเอเยนซี่) ปล.เอเย่นเจ้านี้ก็ดีนะที่ผมซื้อตั๋วไว้โดยเฉพาะรถไฟไปซาปา www.et-pumpkin.com ตรง Mamay str.เมืองเก่า แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 13:32:02 จากคุณ : ตุ้บตั้บ - [ 24 มิ.ย. 50 13:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ชื่นชมเช่นเคยค่ะ ขอเซฟเก็บไว้ในคลังทู้เลยนะคะ จากคุณ : หมวยแก้มป่อง - [ 6 ส.ค. 50 13:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ชื่นชมกระทู้ดีดีค่ะ จากคุณ : ae (helloae) - [ 30 ส.ค. 50 19:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สุดยอดค่ะ ชอบมากค่ะ จากคุณ : punpun22 - [ วันเกิด PANTIP.COM 20:16:16 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตามมาเก็บข้อมูล จากคุณ : ไก่เจี๊ยบ - [ 16 ต.ค. 52 15:45:32 ]