ความคิดเห็นที่ 1 The Duomo หรือ Santa Maria del Fiore หรือ The Cathedral  ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Florence ทางด้านทิศเหนือของ Piazza della Signoria ครับ เริ่มสร้างในปี คศ 1296 โดยศิลปินที่ชื่อ Arnolfo di Cambio และหลังจากนั้น ศิลปินของ Florence อีกหลายคนก็ได้มีส่วนร่วมในการก่อสร้าง Duomo นี้มาอีกถึงประมาณ 150 ปีทีเดียว เดิมที่เดียว ตัวอาคารถูกสร้างขึ้นในสไตล์ โกธิคโดย Arnolfo di Cambio แต่ในปี คศ 1366 ก็ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบโรมันซึ่งถึงตอนนี้ก็ได้เกิดมีไอเดียให้เพิ่มโดม 8 เหลี่ยมขนาดใหญ่ วัดที่ส่วนฐานของโดมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 เมตร เข้าไปอีก แต่อย่างไรก็ตามโดมดังกล่าวก็เพิ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 นี้เอง โดยผู้ที่ทำการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ  Filippo Brunelleschi จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:45:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 โดมนี่มีขนาดใหญ่มากจริงๆนะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ด้านหน้าของโบสถ์ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในปี คศ 1334 จิตรกร ที่ชื่อ Giotto ได้ออกแบบหอระฆัง หรือ Campanelle มีความสูง 85 เมตร เตี้ยกว่าโดมเพียงแต่ 6 เมตรเท่านั้น ตกแต่งรอบนอกด้วยหินอ่อนจากแถว ทัสคานี่ สีขาว เขียว และ ชมพูเช่นเดียวกับ Duomo  เริ่มสร้างในปี คศ 1334 แต่มาเสร็จสิ้นเอาเมื่อ คศ 1359 หลังจากที่พี่ Giotto ได้ลาโลกไป 22 ปีครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกันนั้นก็คือ Baptistry เรียกได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดใน Florence ก็ได้ครับ สันิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโรมัน ประมาณ ศตวรรษที่ 4 โน่น จุดสำคัญของ Baptistry ก็คือประตูทางเข้าทางด้านทิศตะวันออกที่ Michelangelo ตั้งชื่อไว้ว่า The Gate of Paradise เป็นฝีมือของ Lorenzo Ghiberti จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองที่เมือง Florence ได้ผ่านพ้นโรคระบาดมาได้ สภาเมืองจึงได้จัดให้มีการประกวดออกแบบประตูของ Baptistry ซึ่งในการนี้ศิลปินที่มีชื่อเสียงได้ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดกันแทบทั้งนั้นรวมไปถึง Brunelleschi และ Ghiberti ด้วย และคนที่ชนะเลิศได้แก่ Ghiberti นี่เองครับ ซึ่งเฉพาะบานทางทิศตะวันออกนี้ใช้เวลาสร้างระหว่างปี คศ 1424 – 1452 เมื่อสร้างเสร็จก็กลายเป็นงานศิลปะชิ้นเอกของโลกเลยทีเดียวครับ นอกจากนั้นยังเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะแบบ เรเนซซองต์ชิ้นแรกๆอีกด้วยครับ เมื่อปี คศ 1966 เกิดน้ำท่วมใหญ่ ระดับน้ำจากแม่น้ำ Arno สูงถึง 1.80 เมตร ทำให้ปานประตูเกิดความเสียหายมากครับ จึงได้มีการถอดออกไปซ่อมแซม เมื่อซ่อมแซมเสร็จแล้วจึงเก็บรักษาไว้ใน the Museo dell’ Opera del Duomo ส่วนบานที่เห็นอยู่นี้เป็นบานจำลองครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wga.hu/database/churches/duomo.html ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 17:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รายละเอียดภาพวาดที่หน้าบัน (น่าจะเรียกหน้าบันได้นะครับ) ของโบสถ์ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนประกอบตกแต่งของโบสถ์ก็เป็นแนวๆ ศิลปะแบบโกธิค ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บานประตูโบสถ์ก็เป็นทองเหลืองหล่อเหมือนกับบานประตู Baptistry ครับ จำหลักเป็นรูปลอยตัวซะเป็นส่วนมากซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางของศิลปะในยุคเรเนอซองต์ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ด้านข้างของ Duomo มีรูปปั้นของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านผู้ฝากผลงานชิ้นเอกของโลกไว้ครับ คนแรก พี่ Fillippo Brunelleschi จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 11 และพี่ Arnolfo di Cambio ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จากนั้นเราเดินมาตาม via Proconsolo เราจะผ่าน the Bargello อยู่ทางซ้ายมือครับ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี คศ 1255 เพื่อใช้เป็นศาลาว่าการเมืองถือได้ว่าเป็นสถานที่ประชุมคณะผู้ปกครองที่เก่าแก่ที่สุดใน Florence ใน ศตวรรษที่ 16 ได้กลายเป็นทำเนียบของผู้บัญชาการตำรวจและเป็นคุกเก่า จนถึงปี คศ 1786 หลังจากนั้นได้ปิดเพื่อทำการซ่อมแซมและเมื่อซ่อมแซมเสร็จได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกๆของอิตาลี ในปี คศ 1865 ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากนั้นเราก้อเดินสะเปะสะปะตามถนนแคบๆ ของ Florence ครับ  ถนนในเมืองนี้แคบจริงๆครับท่านลูกทัวร์ อย่างเมื่อกี๊ที่ Duomo เราไม่สามารถหามุมถ่าย Duomo ได้เต็มๆเลยล่ะครับ ก้อเลยต้องถ่ายมาเป็นส่วนๆ อิอิ อ้อๆ เมื่อกี๊มีเรื่องตลกนิดหน่อยครับ ตอนที่กำลังเมามันกับการถ่ายรูป Duomo ฝนเจ้ากรรมก้อตกปรอยๆตลอดเวลา ต้องช่วยกันผลัดกันบังฝนอยู่ๆก้อมีเจ๊หมวยโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ครับหิ้วร่มมาขายบอกราคามาแทบตกเก้าอี้ (เสียดาย.. ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่งั้นคงตกจริงๆ อิอิ) 5 ยูโร กับร่ม 2 ตอน โห เจ๊ ! แพงไปป่าว ผมทำเฉยๆ (ทั้งที่จริงก้ออยากได้เหมือนกัน) ถามว่าลดได้เท่าไหร่ เจ๊แกลดฮวบลงมา เหลือ 3 ยูโร ฮ่ะๆๆ เสร็จตรู ลดง่ายๆแบบนี้ ผมต่อไปหน้าตาเฉยๆ 2 ยูโรได้ป่ะเจ๊  คราวนี้เจ๊แกเดินหนีเลยครับ อ่ะ ๆๆ อย่ามาทำมุขนี้กะผม เจ๊แกเดินหนี ผมก้อหันหลังให้ซะเลย ทำเป็นไม่สนใจ คราวนี้เจ๊แกเดินมาสะกิดๆ บอกว่า 2 ยูโร ก้อได้ ... อ่ะๆๆ เอาฟระ ร่มราคา 199 บาท พอไหวๆ โปรดติดตามให้ดีนะครับว่าร่มคันนี้จะไปลงเอยที่ไหน อ่ะๆๆ แล้วท่านคิดว่าร่มคันนี้ถูกหรือแพง อ่ะๆๆ ถนนหนทางใน Florence ก็เล็กๆแคบๆแบบนี้ละครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ร้านรวงสองข้างทางก็เริ่มเปิดทำการ หน้าร้านหลายๆร้านมีกระบะดอกไฮเดรนเยียสีขาวดอกใหญ่มั่กๆครับ รีบถ่ายเอามาอวดครูผึ้งซะเรย อิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอเงยหน้าจากกระถางไฮเดรนเยียก้อป๊ะเข้าให้กะโกสเชียหน้าต่างๆ ... เสียดายเพิ่งล่ออาหารเช้ามาเต็มท้อง เล็งไว้เป็นอาหารกลางวันก็แล้วกันครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มองไปฝั่งตรงข้ามก็ขายแซนวิช... แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 50 18:21:48 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 และแล้วเราก็มาถึงที่นี่จนได้ครับ Piazza della Signoria Piazza della Signoria นี่มีความแตกต่างจาก Piazza อื่นๆก็คือเป็นกึ่งๆ Art Gallery กลางแจ้งครับ Piazza della Signoria กับ Palazzo Vecchio ถือเป็นศูนย์กลางของคน Florence มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 โน่นแน่ะครับ เป็นที่สำหรับ Parlamento หรือเป็นการเรียกให้ชาวเมืองมาชุมนุมกันเนื่องในโอกาสต่างๆ โดยการลั่นระฆังที่อยู่บนหอคอยของ Palazzo Vecchio และรูปปั้นที่ตั้งอยู่ใน Piazza della Signoria เองก็เป็นสิ่งที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญๆเหล่านั้นครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตัว Palazzo Vecchio (แปลว่า วังเก่า) เองก็ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ คศ 1322 เป็นปราสาทแบบยุคกลาง แต่ภายในได้ถูกตกแต่งใหม่โดย ลีโอนาโด ดา วินซี่ และ มิกเกลอังเจลโล ตามบัญชาของ Duke Cosimo ที่ 1 เมื่อย้ายเข้ามาในปี คศ 1540 แต่สุดท้ายแล้ว Varasi เป็นผู้ตกแต่งภายในจนเสร็จ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราไม่ได้เข้าไปชมด้านในของ Palazzo Vecchio หรอกครับ (เพราะเสียตัง .. อิอิอิ) แต่มีรูปโถงด้านล่างที่สามารถเข้าได้ฟรีมาฝากครับ แค่นี้ก้ออลังการเหลือแล้วครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อีกรูปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออักรูปเถอะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่างที่บอกไปเมื่อกี๊นะครับว่าลานหน้าพระราชวังนี้เป็นเหมือน Art Gallery กลายๆ ครับ อันแรกเลยครับ น้ำพุเนปจูน (Neptune Fountain) เป็นฝีมือการออกแบบของ Ammannati โดยสร้างเป็นรูปเทพเนปจูน เทพเจ้าแห่งท้องทะเล พร้อมสัตว์ในเทพนิยาย สร้างขึ้นในปี คศ 1575 เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะทางทะเลของ Tuscan จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 18:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อนุเสาวรีย์ Duke Cosimo ที่ 1 ออกแบบโดย Giambologna สร้างขึ้นในปี 1595 สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองที่ Duke Cosimo ที่ 1ได้รวบรวมแคว้น Tuscany อยู่ภายใต้การปกครองได้ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 19:44:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รูปปั้นสิงโตจับโล่ห์ตัวนี้เป็นของก๊อบครับ ตัวจริงตั้งแสดงไว้อยู่ที่ Bargello เป็นฝีมือของ Donatello เรียกว่า The Marzocco ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 19:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รูปสลักนี้ถือเป็นพระเอกของที่นี่เลยครับ นี่คือรูปสลัก เดวิด ของ พี่มิเกลอังเจลโล ว่ากันว่าเป็นรูปสลักที่สมบูรณ์ที่สุด สวยที่สุด เดิมรูปสลักจริงตั้งอยู่ที่นี่ครับ แต่ได้ถูกย้ายเข้าไปตั้งไว้ใน Accademia เมื่อปี คศ 1873 ครับ เค้าก้อเลยเอาของทำเลียนแบบมาตั้งไว้แทน อืมๆๆ แต่ผมว่า หัวโตไปหรือเปล่าครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 19:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รูปปั้น Herculus และ Cacus โดย Bandinelli ปี คศ 1533 ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 19:54:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ทางด้านขวา (ถ้าเราหันหลังให้ พระราชวัง) จะเป็นศาลาโล่ง 3 ด้าน ด้านในตั้งแสดงรูปปั้นจำนวนมากครับ ที่เด่นๆเลยก็มี Perseus ฝีมือ Cellini หล่อด้วยบรอนซ์ เป็นรูปเทพเปอร์ซุสหิ้วหัวนางเมดูซ่า สร้างขึ้นในปี คศ 1554 นัยว่าเพื่อเป็นการข่มขวัญศัตรูของ Duke Cosimo ที่ 1 ว่าไม่ให้เหิมเกริมนะจ๊ะ เดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อย จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 19:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ต่อไปเป็นรูปสลักที่ชื่อ The rape of Sabian woman สร้างขึ้นในปี คศ 1583 โดย Giambologna รูปสลักนี้ถูกสลักขึ้นมาจากหินอ่อนก้อนเดียวเลยครับ ไม่มีรอยต่อใดๆทั้งสิ้น จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 20:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รูปปั้นทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใน  The Loggia dei Lanzi (ซึ่งตั้งชื่อตามราชองค์รักษ์ของ Duke Cosimo ที่ 1 ที่ชื่อ Lancer หรือ บางทีก็เรียกว่า The Loggia di Orcagna ซึ่งเรียกตามชื่อของสถาปนิกผู้สร้าง  สร้างขึ้นในปี คศ 1382 ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 20:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เที่ยวนี้ ศิลปะล้วน ๆ เลยใช่ไหมค่ะ ท่านหัวหน้าทัวร์ จากคุณ : ลูกทัวร์เจ้าเก่า (Invisible Angel) - [ 21 มิ.ย. 50 20:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขออาศัยเป็นลูกทัวร์สมาชิกใหม่  ตามไปเที่ยวด้วยคนนะคะ  ท่านหัวหน้าทัวร์ จากคุณ : wnpwnp - [ 21 มิ.ย. 50 20:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพลิดเพลินคะ จากคุณ : Daytime Lantern - [ 21 มิ.ย. 50 20:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จากนั้นเราเดินไปที่ Ponte Vecchio กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 20:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่าววว แอบไปชงกาแฟมาหน่อยเดียวลูกทัวร์มารอกันแล้ว หวัดดีครับคุณInvisible Angel คุณDaytime Lantern แล้วก้อคุณwnpwnp อิอิ ใครที่ชอบศิลปะ วันนี้ได้เต็มอิ่มแน่ๆ ครับ แต่ว่าหัวหน้าทัวร์แบ๊ะๆ ครับ สาเหตุเนื่องจากชอบโดดวิชา "ยำตก" กะ "มนุษย์ศิลป์" ไปกินหมูปิ้ง กะ ข้าวหมูกระเทียมที่อู่ปอ. 39 ไม่ก้อไปกินส้มตำที่ศูนย์ญี่ปุ่น ครับ เลยได้ความรู้มาแค่หางลูกอึ่ง (น้อยกว่าหางอึ่งซะอีก อ่ะๆๆๆ) Ponte Vecchio หรือ "สะพานเก่า" แหะๆๆ เก่าสมชื่อจริงๆนะครับ เพราะเป็นสะพานที่เก่าที่สุดใน Florence เลยครับ สร้างขึ้นในปี คศ 1345 เป็นสะพานเดียวใน Florence ที่รอดพ้นจากการโดนระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ  แต่เดิมร้านค้าที่เห็นบนสะพานนี้จะเป็นร้านขายเนื้อ ร้านขายสินค้าที่ทำมาจากหนังสัตว์ และช่างตีเหล็ก แต่ในปี คศ 1593 Duke Ferdinando ที่ 1 ได้เปลี่ยนให้ร้านค้าที่ตั้งบนสะพานนี้เป็นร้านทองทั้งหมดครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 20:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ที่กลางสะพานมีรูปปั้นของ Benvenuto Cellini ช่างทองผู้มือชื่อเสียงโด่งดัง จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 21:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สภาพร้านค้าบนที่ตั้งอยู่บนสะพานครับ ผมไม่กล้าไป Close - up ที่หน้าร้านเค้าครับ เดี๋ยวเจ้าของร้านคิดว่าจะไปโขมยของๆเค้า จะออกมายิงซะก่อน อ่ะๆๆ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 21:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ที่เชิงสะพานอีกด้านนอกตัวเมือง Florence มีหอคอยอันนึงครับ เรียกว่า Mannelli Tower สร้างขึ้นในยุคกลางเพื่อใช้ป้องกันข้าศึกที่จะมาทำลายสะพานครับ เมื่อมีการสร้าง Vasari's Corridor ตระกูล Mannelli ไม่ยอมที่จะให้ทำลายหอคอยนี้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 21:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อกี๊พูดถึง Vasari's Corridor หรือ the Corridoio Vasariano หรือ Percorso del Principe หรือ Prince's Route สร้างขึ้นโดย Giorgio Vasari ในปี คศ 1565 ตอนนั้นตระกูล Medici เป็นใหญ่อยู่ใน Florence เดิมแล้วอาศัยอยู่ใน Palazzo Vecchio แต่ภายหลังได้ไปสร้างปราสาทแห่งใหม่คือ Palazzo Pitti บนเนินเขาอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำ Arno Vasari จึงได้สร้างทางเดินพิเศษเฉพาะเจ้านายในตระกูล เพื่อสามารถเดินจาก Palazzo Vecchio ผ่าน Uffizi / Ponte Vecchio ไปยัง Palazzo Pitti ได้โดยไม่ต้องลงมาปะปนกะผู้คนด้านล่าง จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 21 มิ.ย. 50 21:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลูกทัวร์มาขอตีตั๋วจองที่นั่งล่วงหน้าไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้าชม คืนนี้ขอไปเที่ยวอิตาลีในฝันก่อน  ราตรีสวัสดิ์ค่ะ จากคุณ : sueko - [ 21 มิ.ย. 50 21:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อยากไปมั่งจัง แต่พันยาผมหนีไปเที่ยวมา 2 รอบแล้ว ต้องรอคิวอื่นก่อน ขอตามไปค้วยคนครับ จากคุณ : JumboPapaya - [ 21 มิ.ย. 50 22:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาแล้วค๊ะ...ตามมาเที่ยวด้วยตน จากคุณ : m (marzo) - [ 21 มิ.ย. 50 23:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่มีรปอาหารเหรอครับ   จากคุณ : bicycle_trend - [ 22 มิ.ย. 50 10:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวยจังเลยค่ะ อยากไปมั่งจัง รอชมต่อนะคะ จากคุณ : มะนาวแป้นมินิ - [ 22 มิ.ย. 50 13:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ...................มาต่อแถว..................ก๊าบ วันเสาร์นี้ก็จะเดินทางไปแล้ว....................ข้อมูลของทนายอ้วน .................ดีมากๆเลยค่ะ.............. ...........................เรียนรู้ก่อนไป................ .............ทำให้รู้สึกว่าอยากไปสัมผัสเร็วๆ......แบบที่ทนายอ้วนไปสัมผัสมา จากคุณ : KRATAIPA - [ 22 มิ.ย. 50 16:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คนอิตาเลียนนี่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะจริงๆ ผู้ชายก้อหล่อดีด้วย ตามดูต่อนะค้า จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 22 มิ.ย. 50 20:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แหะๆ วันนี้เข้ามาช้า นั่งแถวหลังเลยเรา ในความรู้สึกของผม ทุกย่างก้าวในอิตาลี มีแต่ความตื่นตาตื่นใจ และสวยงามครับ โอย เห็นคุณทนายอ้วนเที่ยวแล้วอิจฉา ต้องเริ่มวางแผนตะลุยอิตาลีซะแล้วเรา จากคุณ : ouise - [ 22 มิ.ย. 50 21:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โอ๊ว...ลูกทัวร์ผมมารอตรึมเลยคับผม หวัดดีครับคุณsueko คุณJumboPapaya คุณmarzo คุณbicycle_trend คุณมะนาวแป้นมินิ คุณRed-Rose-14Feb คุณouise  เราพร้อมใจกันมาส่งคุณKRATAIPAไปเที่ยวอิตาลีก่อนนะครับ บ๊ายบายๆๆ เที่ยวให้สนุกนะครับ อิอิ ฝากหยิบพ่อหนุ่มอิตาเลียนมาผฝากคุณRed-Rose-14Feb ด้วยครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 14:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ทีนี้เรามาเที่ยวกันต่อครับ หลังจากที่เราถ่ายรูป Ponte Vecchio จนพอใจในระดับหนึ่งแล้ว อิอิ (จริงๆอยากถ่ายต่อครับ ... แต่... เรากลัวว่าเราจะเดินกลับไปหาพี่เดวิดไม่ทันน่ะสิครับ) เราก็เลยเดินย้อนกลับไปทางเดิมแล้วกะจะแวะตามรายทางไปเรื่อยๆด้วยครับ ตอนนี้ร้านรวงต่างๆใน Florence ก็เริ่มเปิดทำการกันแล้วนะครับ ผู้คนก็เริ่มคึกคักหนาตาขึ้นมากๆครับ อันนี้อดไม่ได้จริงๆครับ ไฮเดรเยียสีฟ้าสด เอามาฝากครูผึ้งอีกรูปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 14:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เราเดินย้อยกลับมาตาม via Calimala ถนนเส้นนี้จะตัดตรงจาก Ponte Vecchio มาถึง Piazza della Republica เลยครับ บริเวณ Piazza della Republica นี้ในสมัยที่โรมันยังเรืองอำนาจอยู่จะเป็นลานเอนกประสงค์กลางเมืองหรือที่เรียกว่า Forum ยังคงเหลือเสาโรมันที่อยู่กลางลานครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 14:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ต่อมาในสมัยที่ Florence เรืองอำนาจก็ได้กลายเป็นตลาดกลาง หรือ Mercarto Vecchio หรือแปลว่า "ตลาดเก่า"  ที่เห็นเด่นเป็นสง่าอยู่ทางทิศตะวันตกจองจตุรัสนี้ก็คือประตูชัยที่สร้างขึ้ในปี คศ 1895 ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการประกาศให้ Florence เป็นเมืองหลวงของอิตาลีในขณะนั้น จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 14:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หลังจากนั้นได้มีโครงการที่จะทำการรื้อตลาดนี้แล้วสร้างขึ้นใหม่แต่ก็ได้มีการคัดค้านจนโครงการเลิกล้มไปครับ ปัจจุบันนี้ บริเวณทางเท้าจาก Piazza della Republica ไปถึง Mercato Nuovo จะมีร้านขายของที่ระลึกเรียงรายเต็มไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณ Mercato Nuovo จะมีร้านขายของที่ระลึกเป็นหลายสิบร้านเลยทีเดียวครับ Mercato Nuovo หรือ "ตลาดใหม่" นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ "Straw Market" หรือ "ตลาดฟาง" ครับ เนื่องจากสินค้าที่ขายที่นี่ในสมัยศตวรรษที่ 19 เป็นสินค้าที่ทำจากฟาง เช่น หมวก หรือ ตะกร้า ครับ มิได้เกี่ยวกับสตรอเบอร์รี่แต่อย่างใดคับ อิอิอิ จริงๆแล้วตลาดใหม่ Mercato Nuovo นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี คศ 1547-51 เพื่อเป็นตลาดขายผ้าไหมและสินค้าฟุ่มเฟือยครับ ทางด้านทิศใต้ของ Mercato Nuovo มีน้ำพุเล็กๆซ่อนอยู่จากสายตาของนักท่องเที่ยวครับน้ำพุแห่งนี้มีรูปปั้นหมูป่าที่ทำจากบรอนซ์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่17 ทดแทนรูปสลักหินอ่อนรูปหมูป่าเช่นกันที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโรมัน ว่ากันว่าถ้าได้ไปลูบที่ปลายจมูกของหมูแล้วอธิษฐานจะได้กลับมาเที่ยว Florence อีกครับ อิอิ ซ๊า ธุ ของให้ลูกช้างได้กลับมาเที่ยว (ฟรี) อีกหลายๆครั้งเถ๊อะ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 15:09:12 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เราเดินผ่าน Mercato Centrale ซึ่งเป็นตลาดกลางแจ้งขายของที่ระลึกเต็มไปหมดครับ เดินไปเดินมา เอ๊! เหมือนจะหลงครับ ฮ่าๆๆ หลงจริงๆด้วยครับหลงครั้งใหญ่เลย เราตั้งใจจะไป Galleria dell' Accademia เพื่อไปเซย์ไฮ กะพี่เดวิดอะครับ แต่นี่เราเดินมาอีกทางนึงเลย มองนาฬิกา .. ตายละ .. เหลืออีก ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็จะเที่ยงครึ่งแล้วครับ .. เรารีบกางแผนที่แล้วหาเส้นทางที่ใกล้ที่สุดที่เราสามารถกึ่งเกินกึ่งวิ่ง (แหม .. จะวิ่งเลยก็กระไรอยู่ครับ .. ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เดี๋ยวเหนื่อยอ่ะครับ) ไปที่ Galleria dell' Accademia ได้ภายใน 30 นาที ดูแผนที่แล้วผมถอดใจสุดๆครับ เพราะเราเดินหลงมาเยอะเลย เรารีบจ้ำๆๆๆ ไม่รู้ว่าผ่านอะไรไปบ้างเพราะมัวแต่มองถนน กะ นาฬิกาครับ พอเราเลี้ยวหัวมุมถนนสุดท้ายเราก้อเห็นหางแถวยาวมากกกกกกกกกกก ของคนที่จะเข้าชม Galleria dell' Accademia ครับ เราควักอีเมล์ใบจองตั๋วออกมา ในอีเมล์เรามีรายละเอียดว่าให้เอาอีเมล์นี้โชวฺให้กับคนเก็บตั๋วที่หน้าประตูเลยไม่ต้องไปเข้าแถวครับ พอมาถึงหัวแถวปรากฎว่ามีคนที่รอเข้าเหมือนเราอีกหลายสิบคน... ยืนชะเง้อมองซักพักท่ามกลางสายตาประนามของคนในแถว แหะๆๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ออกมาผมรีบยื่นอีเมล์ให้เค้ารับไปแล้วเปิดที่กั้นให้เราเข้าไป เย้ๆๆๆๆ... พอเข้าไปถึงเราก้อเอาอีเมล์ไปเปลี่ยนเป็นตั๋วใบจริงก่อนจะเข้าไปดูพี่เดวิดครับ Galleria dell' Accademia หรือ The Academy of Fine Art in Florence ก่อตั้งขึ้นในปี คศ 1563 และถือว่าเป็นโรงเรียนศิลปะแห่งแรกในยุโรปที่ตั้งขึ้นเพื่อสอนเทคนิคต่างๆในการวาด และการปั้น ในส่วยที่เป็นแกลเลอรี่นั้นได้มีการจัดตั้งขึ้นในปี คศ 1784 ด้วยจุดประสงค์แรกคือเพื่อเป็นการรวบรวมงานศิลปะเพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา ตั้งแต่ปี คศ 1873 งานของพี่มิเกลอังเจลโลหลายชิ้นได้ถูกนำมาแสดงไว้ที่นี่และดูเหมือนว่าจะเป็นส่วนที่เยอะที่สุดซะด้วย และที่สำคัญที่สุดก็คือรูปสลัก "DAVID" ครับ รูปสลัก "DAVID" ได้ถูกสลักจากหินอ่อนสีขาว โดยคำสั่งของคณะกรรมการเมือง ในปี คศ 1504 สูง5.2 เมตร เป็นรูปสลักวีรบุรุษในเทพตำนายที่สามารถฆ่ายักษ์โกไลแอธ (Goliath) เดิมทีตั้งอยู่ที่หน้า Palazzo Vecchio ที่เราไปมาเมื่อเช้านี้ครับ ตอนที่สลักพี่เดวิดนี่ พี่มิเกลอังเจลโลอายุ 29 เองนะครับ ในปี คศ 1873 พี่เดวิดก็ได้ถูกย้ายจากหน้า Palazzo Vecchio เข้ามาอยู่ใน Galleria dell' Accademia เพื่อป้องกันจากสภาพอากาศและมลพิษ และได้มีการสร้างพี่เดวิดตัวปลอมไปตั้งไว้แทนครับ จริงๆแล้วใน Galleria dell' Accademia นี่เค้าห้ามถ่ายรูปนะครับ แต่พอนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ถูกปล่อยเข้าไปในห้องที่พี่เดวิดเค้ายืนอยู่เสียงกดชัตเตอร์ก้อดังสนั่น แสงแฟลชวูบวาบเต็มไปหมด .... เจ้าหน้าที่ต้องออกมาร้องบอกให้หยุดถ่ายภาพ ..เห่อๆๆ บ้าจริงๆ ผมยังไม่ได้ซักรูปเลยอ่ะ .. คราวนี้เจ้าหน้าที่ออกมายืนอยู่เต็มไปหมด ...ผมเดินวนไปวนมาหามุมดี ค่อยควักเจ้า Sony cybershot T10 ออกมาไว้ในมือ เปลี่ยนเป็นโหมดไม่ใช้แฟลต ... เล็งแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่ กดแช๊ะเข้าให้ครับ.. อันนี้ผมขอตั้งชื่อภาพว่า Hebind the Scene: David ครับ อิอิอิ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 15:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พอถ่ายรูปเสร็จ ถึงได้คิดได้ครับว่าผมนี่ช่างเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้ไม่ได้ ไม่เคารพกฎ กติกา มารยาท ที่เค้าตั้งเอาไว้ ถ้าผมแอบทำได้ คนอื่นๆก็แอบทำได้ ทีนี่พี่เดวิดก็จะต้องโดนแสงแฟลชอีกไม่รู้เท่าไหร่ ผมสัญญากับตัวเองครับว่า ผมจะไม่ละเมิดกฎอีกแล้ว  และทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีครับ อย่างที่ผมเคยเกริ่นเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เที่ยวอยู่ในโรมครับว่างานศิลปะของอิตาเลียนนั้นส่วนมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา ดังนั้น นอกจากที่เราควรจะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศิลปะแล้ว เรายังควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสนาอีกด้วยครับ ถึงจะเดินชมงานศิลปะอย่างสนุกสนาน Galleria dell' Accademia ก็เลยกลายเป็นสถานที่ "เฉยๆ" สำหรับผม จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 15:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ออกมาจาก Galleria dell' Accademia ฝนก้อยังตกปรอยๆ แถมดูเหมือนจะหนักเม็ดขึ้นอีกครับ เราเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือจะเจอ Piazza di San Marco ด้านหนึ่งของ Piazza มีโบสถ์ San Marco ตั้งเด่นเป็นสง่า โบสถ์ San Marco สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และในปี คศ 1437 ได้มีการขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เราไม่ได้เข้าไปชมข้างในอีกแล้วครับ เพราะว่าตอนนี้โบสถ์ปิดครับ ... แหะๆๆ เดินต่อครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 16:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หว๋ายๆๆๆ ฝนตก ฟ้าฝ่าน่ากลัวมากครับ เดี๋ยวฝนซาแล้วมาโพสใหม่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 16:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แหะๆ ฝนหยุดแล้วครับ ค่อยยังชั่วหน่อยครับ ค่อยเย็นลงหน่อยครับ เมื่อกี๊ก่อนฝนตกนี่ร้อนมากๆๆครับ จาก Piazza San Marco เดินมาไม่นานเราก้อจะเจอกับลานกว้างๆอีกลานหนึ่งครับ คือ Piazza della Santissima Annunziata Piazza della Santissima Annunziata นี้ออกแบบโดย Brunelleschi ครับโดยออกแบบอาคารที่ล้อมรอบให้มีระเบียงโค้งๆทั้งหมดให้รับกับ Spedale degli Innocenti จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 17:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตรงกลางลานจะมีอนุสาวรีย์ของ Duke Ferdinando ที่ 1 ทรงม้า ซึ่งเริ่มทำโดย Giambologna และมาทำเสร็จในปี คศ 1608 โดยผู้ช่วยของเค้าเองคือ Pietro Tacca  ที่ได้ออกแบบน้ำพุด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 17:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ทุกๆปีที่ Piazza แห่งนี้จะมีการจัดงาน Annunciation ในวันที่ 25 มีนาคม ในงานเฉลิมฉลองครั้งนี้จะมีการทำขนมบิสกิตหวานๆที่เรียกว่า Brigdini มาขายกันด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 17:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ด้านหนึ่งของ Piazza della Santissima Annunziata ก็คือ โบสถ์ Santissima Annunziata ครับ โบสถ์หลังเดิมสร้างขึ้นตั้งแต่ปี คศ 1250 ต่อมาเมื่อปี คศ 1444 Michelozzo ได้ดำเนินการสร้างขึ้นใหม่สำเร็จลงในปี คศ 1481 ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มองนาฬิกาก้อปาเข้าไปจะบ่ายสองแล้วครับผม ท้องร้องกระทันหัน ฝนก้อเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นอีก เรามองหาร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันกันจะได้อาศัยหลบฝนไปอีกพักนึงด้วยครับ เฮ้อ.. วันนี้จะได้เที่ยวอีกแค่ไหนเนี่ยะ ...เล็งไปเล็งมาเราได้ร้านอาหารจีน (อีกแล้ว) ในร้านมืดมากกกกกก ครับ ถ่ายรูปไม่ได้เลย เลยไม่ได้เอา set menu ที่เราสั่งมาอวด อิอิ จัดการกับอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย กะให้ฝนซาลงมาหน่อยๆ เราก้อออกเดินเที่ยวกันต่อครับ คราวนี้เรามุ่งหน้าไป Palazzo Pitti กันครับ ก็ต้องไปข้าม Ponte Vecchio เมื่อเช้านี้แหละครับ เรื่องของความมือบอนไม่ว่าชาติไหนในโลกก้อมีเหมือนๆกันละครับ อิอิอิ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มองจาก Ponte Vecchio ครับ สะพานที่เห็นชื่อ Ponte alle Grazie ถึงตอนนี้ผมรู้สึกว่าลืมอะไปอย่างนึง.....ร่มยังไงครับ ร่มไฮโซที่ผมซื้อเมื่อเช้ากะเจ๊หมวยที่หน้า Duomo ไงครับ หลังจากที่อิ่มท้องแล้วเราก้อสะบัดก้นออกจากร้าน.... ไม่ได้หยิบร่มไฮโซติดมือมาด้วยครับ .... โธ่ อุตส่าห์ต่อราคาแทบตายมาลืมเอาไว้ที่นี่เอง กลายเป็นแพงไปซะงั้นครับ อิอิอิ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 50 21:18:27 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:16:43 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เดินข้าม Ponte Vecchio มาไม่ไกลครับ เดินตรงมาเรื่อยๆก้อถึงแล้วครับ Palazzo Pitti จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Palazzo Pitti นี่ใหญ่มากนะครับ เค้าแบ่งออกเป็นส่วนๆ ใครอยากสำรวจแบบละเอียดมากก้อซื้อบัตรแบบ Combo ชุดใหญ่ ถ้าใครมีเวลาจำกัดก้อซื้อบัตรแบบชุดเล็กๆได้ครับ สำหรับบัตรชุดเล็กสุดที่เราซื้อจะรวม Galleria d'Arte Moderna + Boboli Garden และ Galleria del Costume ครับ ถ้าพร้อมแล้วเดินตามมาเลยครับผม Palazzo Pitti เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ปีคศ 1457 เจ้าของเดิมเป็นนายธนาคารชื่อ Luca Pitti เค้าตั้งใจที่จะให้ Palazzo Pitti เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งเค้าได้ทุ่มเงินจำนวนมากลงไปกับการสร้างจนหมดตัว เวลาผ่านมาอีกเกือบ 1 ศตวรรษ ตระกูล Medici ที่มีอำนาจมากที่สุดใน Florence ก็ได้ซื้อ Palazzo Pitti ต่อจากทายาทของ Luca Pitti และได้ดำเนินการสร้างต่อแต่ไม่ได้ให้มีขนาดมหึมาเหมือนกับแปลนเดิม จนถึงปีคศ 1550 Palazzo Pitti ได้กลายเป็นที่พักอาศัยหลักของตระกูล Medici จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อเข้าไปด้านในของ  Palazzo Pitti อันดับแรกเราได้ขึ้นไปชม Galleria d'Arte Moderna และ Galleria del Costume ครับ เป็นห้องจัดแสดงภาพศิลปะแบบโมเดิร์นที่สะสมโดยตระกูล Medici และพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องแต่งการตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงงานออกแบบร่วมสมัยของดีไซน์เนอร์ชื่อดังของอิตาลี และ ฝรั่งเศสครับ แต่... ที่ไม่มีรูปเพราะเค้าห้ามเอากล้องเข้าไปครับ ต้องฝากไว้ครับ อิอิอิ จากนั้นเราก้อออกมาชมสวน Boboli กันครับ สวนนี้สร้างขึ้นโดยตระกูล Medici ตั้งแต่ปี คศ 1550 ประมาณปีนึงหลังจากที่ได้ซื้อ Palazzo Pitti จาก Luca Pitti สวนทั้งหมดถูกออกแบบในสไตล์ Renaissance เมื่อปีคศ 1766 ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ Ammannati ได้ออกแบบ inner courtyard ในปีคศ 1560-70 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 65 น้ำพุที่อยู่ตรงกลางชื่อ Artichoke Fountain นี้ออกแบบโดย Francesco Sunsini ในปีคศ 1641 ที่ได้ชื่อว่า Artichoke Fountain เพราะว่าส่วนบนสุดของน้ำพุมีรูปปั้นดอกอาร์ติโชคอยู่ครับ แต่ว่ามันหายไปแร๊ววว เหอๆๆ คนอิตาเลี่ยนนี่มือไวใช่เล่น อ่ะๆๆ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สวนส่วนแรกคือ Amphitheater เป็นโรงละครกลางแจ้ง เมื่อตอนที่เริ่มสร้าง Palazzo นั้น หินที่ใช้ในการสร้างได้ถูกขุดจากบริเวณนี้ทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นแอ่งลึก จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 67 Kaffeehaus เป็นศาลาที่สร้างขึ้นในสไตล์ Rococo ในปี คศ 1774 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 18:58:00 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขึ้นไปบน Kaffeehaus จะสามารถมองเห็นวิวของ Florence ได้ทั่วเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มองเห็นยอด Duomo กับ Campanelle ชัดเจนเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ส่วนตรงนี้ทำเป็นขั้นๆเหมือนกับ โรงละครกลางแจ้งครับ แต่ถ้าเดินขึ้นบันไดไปจะเป็นสวนกุหลาบครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ในอาคารนั้นจะเป็นพิพิธภัณฑ์ Porcelain ครับ ด้านหน้าจะเต็มไปด้วยสวนกุหลาบครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ส่วนนี้รู้สึกว่าจะเป็นส่วนที่สูงที่สุดของสวนนะครับ มองเห็นออกไปได้ไกลมากๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 73 น้ำพุ Neptune ออกแบบโดย Stoldo Lorenzi ปีคศ 1565-8 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 74 จากน้ำพุ Neptune มองลงไปจะเห็น inner courtyard พอดีเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สวน Boboli นี่เหมาะกับการเดินลดน้ำหนักเป็นอย่างมากครับ เพราะสวนสร้างบนเนินเขาสูงชัน อ่ะๆๆ ต้องเดินขึ้นๆลงๆ ชันมากบ้างน้อยบ้างมีส่วนน้อยมากครับที่จะเป็นพื้นราบ ส่วนนี้เป็นพื้นราบส่วนเดียวของสวนเป็นบ้านพักคนดูแลสวนและเป็นลานตั้งโชว์งานศิลปะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 76 จากด้านบนนี้สามารถมองเห็นลานของ Palazzo ได้เลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:24:27 ]

ความคิดเห็นที่ 77 นั่งพักชมดอกไม้กันก่อนครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สวนส่วนนี้มีชื่อว่า Viottolone หรือ the Avenue of Cypress ครับ ต้นสนไซเปรสทั้งสองฝั่งถูกปลูกเมื่อปี คศ 1612 สลับกับรูปปั้นหินครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 79 the Avenue of Cypress นี่ทอดยาวลงไปตามเนินไปถึง L'Isolotto หรือ Little Island คร้บ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ที่เกาะกลางเป็นที่ตั้งของน้ำพุฝีมือ Giambologna ชื่อ Oceanus Fountain สร้างขึ้นในปี คศ 1576 แต่รูปปั้น Oceanus ของจริงตั้งอยู่ที่ Bargello ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 81 นี่คือส่วนท้ายสุดของสวนคือ Hemicycle หรือ semicircular lawn ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:39:08 ]

ความคิดเห็นที่ 82 จากนั้นเราก้อต้องออกกำลังกันหน่อยครับ คราวนี้เราต้องเดินขึ้นเนินกลับมาครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขออนุญาตนะครับ 3รูปต่อไปนี้พิเศษสำหรับครูผึ้งครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ไอริสสีม่วงดอกยักษ์ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อันนี้ม่วงกว่า อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ต้นจิงโกะ ยักษ์ครับ กินหมดต้นนี่จะฉลาดขึ้นมะเนี่ย อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 87 และนี่คือลานที่เรามองเห็นจากข้างบนครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 88 La Grotta Grande ครับ ฝีมือพี่มิเกลอังเจลโลครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เราใช้เวลาอยู่ในสวนจนปิดครับ อำลาสวนโบโบลี่ด้วยรูปปั้นฝีมือ Valerio Cioli น่ารักดีมั๊ยครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 19:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เราข้ามกลับมาอีกฝั่งหนึ่งด้วยสะพาน Ponte Santa Trinita เห็น Ponte Vecchio ยามเย็นครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 91 หัวมุมสะพานคือ Palazzo Spini-Ferroni เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในยุคกลางครับ กลางภาพเป็นเสาโรมันที่อยู่กลาง Piazza di Santa Trinita จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ปัจจุบันเป็นร้าน Ferragamo ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ถนน via dei Tornabouni นี่เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมเลยครับนอกจาก เฟอร์ แล้วก้อมี ป้าดา จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คาที่เอ้ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:12:17 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อันนี้กุยช่าย ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 96 และอื่นๆอีกมากมายครับ อิอิอิ เชื่อมั๊ยครับว่าตอนที่เราถ่ายรูปสุดท้ายนี่ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารจีน (อีกแล้ว) ครับ ฮ่าๆๆ สรุปว่า 2 วันใน Florence เรากินข้าวทุกวันแอนด์ทุกมื้อเตรียมไว้ครับ เพราะอีก 3 วันใน Venice ข้างหน้าเราคงไม่ได้กินข้าวแหงๆ น้องตี๋ที่มารับออเดอร์เราเก่งมากๆครับ เพราะเราสั่ง Appitizer คนละ 1 ซุปคนละ 1 อาหารอีก 3 อย่าง น้องตี๋ไม่ใช้กระดาษจดเลย ผมถามย้ำว่าจำได้เหรอ ก้อตอบหน้าตาเฉยเลยว่าจำได้สบายมากๆ แล้วก้อจริงๆด้วยครับ อาหารที่ยกมาเสิร์ฟไม่ผิดเลยซักอย่างเดียว เอ้อ.. เก่งจริงๆ ครับ กลับเข้ามาในห้องพัก แอร์ก้อยังไม่เย็นครับท่านผู้ชม เปิดมา 2 วันเต็มๆไม่เย็นเลย ผมทนไม่ไหวลงไปโวยที่ฟร้อน ... นัง เอ้อ .. ยายป้า (จริงๆก้อไม่ป้าหรอกครับยังวัยรุ่นอยู่เลย แต่เรียกป้าเพราะมันวิบครับ อิอิ) ทำหน้าเฉยๆ ประมาณว่าแหม ... เพิ่งมาบอกนะยะ ... แล้วก้อบอกเราว่า จะบอกเจ้าหน้าที่ให้ แล้วก้อหันไปคุยกะป้อจายต่อ ผมถามอีกทีว่า ... When? ป้าตอบว่า ... ก้อเมื่อเจ้าหน้าที่มาสิยะ เอ้อ.. เอากะป้าเค้าสิ ผมเหลืออด ... สวนกลับไปว่า .... Hopefully ... not our next trip to Florence because i am pretty darn sure that i am not going to stay here ever again. I have heard a lot of bad things about your hotel from the internet but i have never thought that i would be the unfortunate one. Please do not bother telling your staff when he shows up. We can stand on the shitty air condition for last night why not tonight. ขออนุญาตไม่แปลครับ เดี๋ยวทู้โดนลบ แหะๆๆ ถึงไม่ได้พูดเป๊ะๆ ตามนี้แต่ก้อประมาณนี้อ่ะครับ ด่าเสร็จผมก้อขึ้นห้องนอน กลับเข้ามายังกลัวๆมันตามขึ้นมาฆ่าปาดคอครับ แหะๆๆ จริงๆปอดแหกครับ แต่ทำกล้าไปงั้นเอง อ่ะๆๆๆ เป็นอันว่าจบวันที่ 7 ด้วยอาการเซ็งเป็ดครับท่าน ช่างมันครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก้อไปเวนิสละ เจอกันที่เวนิสครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 23 มิ.ย. 50 20:29:23 ]