ความคิดเห็นที่ 1 องค์การท่องเที่ยวลาว (Lao National Tourism Administration-LNTA) กำลังศึกษาเพื่อหาทางให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกันเช่นไทย ขอบัตรผ่านแดนเดินทางเข้าลาวโดยให้สามารถเดินทางในลาวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็กำลังพิจารณายกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น เกาหลี สหภาพยุโรป กับอีกหลายประเทศ             การศึกษาใกล้จะแล้วเสร็จและจะนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดสำคัญๆ ให้เดินทางไปท่องเที่ยวในลาวมากยิ่งขึ้น และสามารถให้บริการนักท่องเที่ยวได้ดีขึ้น ซึ่งนายเวินไซ มาลาวง รักษาการ ผอ.ศูนย์การท่องเที่ยวและบริการนักท่องเที่ยว ของ LNTA  กล่าวเปิดงานในประชุมว่า..........                     LNTA ก็กำลังจะนำเสนอรัฐบาล แผนการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีพรมแดนติดกัน สามารถถือบัตรผ่านแดนเข้าลาวและเดินทางไปในหลายแขวงได้ เช่น คนไทยขอใบอนุญาตผ่านแดน (แทนหนังสือเดินทาง) ไปยังแขวงสะหวันนะเขต ให้สามารถเดินทางไปยังแขวงจำปาสักได้ด้วย เป็นต้น             ปัจจุบันลาวมีข้อตกลงยกเลิกการตรวจลงตราวีซ่าคนเข้าเมืองกับไทย กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์และเวียดนาม และจะทำข้อตกลงคล้ายกันนี้กับประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนทั้งหมดในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกลุ่มอาเซียน                     จำนวนนักท่องเที่ยวจากโพ้นทะเลได้เพิ่มขึ้นจากเพียง 14,400 คนในปี 2533 เป็น 735,662 คนในปี 2549 นำเงินเข้าประเทศกว่า 193 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีเดียวกัน ทำให้การท่องเที่ยวเป็นภาคส่วนที่นำเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศได้มากที่สุด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 20:51:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นั่นคือเนื้อหาของการพิจารณา เรื่องที่จะออกกฏหมายรองรับการท่องเที่ยวของลาว และสิ่งที่ผมจะต้องเข้าไปช่วยดูแลก็คือการ ปรับระเบียบการใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติหรือป่าไม้ที่มีอยู่ในเมืองลาวให้รัดกุมมากกว่าเดิม เนื่องจากปัจจุบันนี้ มีชาวต่างชาติมากมายหลายเชื้อชาติ ได้ยื่นเรื่องขออนุญาตจัดทำกิจกรรมการท่องเที่ยวในรูปแบบกึ่งผจญภัยหลายบริษัททีเดียว แต่ขณะเดียวกัน  ผู้คนหรือชุมชนในสาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว  ยังต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งทางวัฒนธรรมและวิถีชุมชน เพื่อคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของลาวให้มั่นยืน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 21:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สาวจำปาสักมาเจิมกระทู้ก่อง จากคุณ : จำปาสักรุ่น4 (แม่ซากานะ) - [ 8 ก.ค. 50 21:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยย่ำเท้าในดินแดนแห่งนี้อยู่หลายปี เมื่อครั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองในเมืองไทย รววๆช่วงเดือนตุลา 2516 เพื่อออกแสวงหาทางออกให้กับตัวเองเมื่อครั้งความคิดของผู้ปกครองบ้านเมืองในยุคนั้น ไม่พ้องต้องกันกับเราและนักศึกษามากมาย ผมเลยถือว่าค่อนข้างคุ้นเคยกับเมืองลาวในอดีตไม่น้อย แต่การเดินทางสู่ลาวครั้งนี้ของผม........ผมจึงดีใจเป็นที่สุด และดีใจอย่างยิ่งที่มีโอกาสกลับไปเยือนเมืองลาวอีกครั้ง  แต่การไปเยือนครั้งนี้มันมีความหมายมากมายกว่าอดีตที่เป็นแค่ผู้พลัดถิ่น...วันนี้ผมกลับไปเพื่อช่วยเมืองลาวพัฒนาบ้านเมืองให้ทัดเทียมเพื่อนบ้านในย่านอาเซียนครับ และผมขอเล่าเรื่องถึงความเป็นมาของชนชาติลาว ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวไม่น้อยกว่าชาติไทยสักนิดครับ  เพื่อให้ทราบและศึกษาชาติลาวร่วมกัน ************************************************ ประเทศลาว หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People's Democratic Republic) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ 236,800 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีพรมแดนติดจีนและพม่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดต่อกับเวียดนามทางทิศตะวันออก ติดต่อกับกัมพูชาทางทิศใต้ และติดต่อกับประเทศไทยทางทิศตะวันตก การจัดตั้งและการบริหาร - หลายหมู่บ้านรวมกัน เป็น "เมือง" (อำเภอ) - หลายเมืองรวมกัน เป็น "แขวง" (จังหวัด) - "คณะกรรมการปกครองหมู่บ้าน มีนายบ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) เป็นหัวหน้า" เป็นผู้บริหารของหมู่บ้าน - "คณะกรรมการปกครองเมือง มีเจ้าเมือง (นายอำเภอ) เป็นหัวหน้า" เป็นผู้บริหารเมือง - "คณะกรรมการปกครองแขวง มีเจ้าแขวง (ผู้ว่าราชการจังหวัด) เป็นหัวหน้า" เป็นผู้บริหารแขวง - "คณะกรรมการปกครองนครหลวง มีเจ้าครองนครหลวง (ผู้ว่าราชการกรุงเวียงจันทน์) เป็นหัวหน้า" เป็นผู้บริหารนครหลวง - ระดับศูนย์กลาง มีกระทรวง คณะกรรมการ และสถาบัน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 21:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ภูมิศาสตร์ ที่ตั้ง สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ประเทศลาว ตั้งอยู่ในตอนกลางของอินโดจีนระหว่างระติจูต 14-23 องศา และระหว่างลองติจูต 100-108 องศา เป็นประเทศ ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล และล้อมรอบด้วยประเทศต่างๆต่อไปนี้ ทิศเหนือ ลาว ติดกับ ประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ทิศใต้ ลาว ติดกับ ประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา ทิศตะวันออก ลาว ติดกับ ประเทศสาธารณรัฐ สังคมนิยมเวียดนาม ทิศตะวันตก ลาว ติดกับ ประเทศราชอาณาจักรไทย ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ลาว ติดกับ ประเทศเมียนม่า ความยาวของ ประเทศลาว แต่เหนือถึงใต้ประมาณ 1,700 กิโลเมตร ภูมิประเทศ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตย ประชาชนลาว ( ประเทศลาว ) มีพื้นที่ 236,800 ตารางกิโลเมตร มากกว่าครึ่งหนึ่งของ ประเทศไทย ในรัชกาลของพระเจ้าฟ้างุ่มหาราชศตวรรษที่ 14 อาณาจักรล้านช้าง มีเนื้อที่ 480,000 ตารางกิโลเมตร ร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นภูเขา และที่ราบสูง ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของ ประเทศลาว ภู “ เบี้ย “ เป็นภูที่สูงที่สุดใน ลาว ซึ่งมีระดับความสูง 2,820 เมตร จากระดับน้ำทะเล แม่น้ำโขงไหลผ่านประเทศลาว จากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้เป็นความยาวประมาณ 1,900 กิโลเมตร และยังเป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างประเทศลาวกับประเทศไทย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 21:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาติปาดนะคะ พี่สาริกา   ตามรอยเท้าพี่สาริกา ตามไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านด้วยคนค่ะ เห็นรูปที่ คห 5 แล้วชอบมากค่ะพี่ อยากมีโอกาสไปนั่งใส่บาตรอย่างนี้บ้างจัง แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 21:33:42 จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 21:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เขตติดต่อชายแดน ชายแดนของ ลาว ยาว 4,500 กิโลเมตร ช่วงที่ติด จาก ลาว กับ ประเทศไทย ยาวประมาณ 1,730 กิโลเมตร (ในนี้ระยะ ชายแดนลาว เป็นแม่น้ำโขงกว่า 30%) ช่วงที่ติด จาก ลาว กับ ประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 1,957 กิโลเมตร ช่วงที่ติดจาก ลาว กับ ประเทศราชอาณาจักรกัมพูชา 492 กิโลเมตร ช่วงที่ติดจาก ลาว กับ ประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน 416 กิโลเมตร ช่วงที่ติดจาก ลาว กับ ประเทศพม่า 230 กิโลเมตร ช่วงที่ยาวที่สุดของ ประเทศลาว 1,000 กิโลเมตร ช่วงที่กว้างที่สุดของ ประเทศลาว 500 กิโลเมตร ช่วงที่แคบที่สุดของ ประเทศลาว 150 กิโลเมตร มีประมุขของรัฐเป็นประธานปกครอง ประเทศลาว มีหัวหน้าคณะรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศลาว รัฐธรรมนูญ ประกาศใช้เมื่อ วันที่ 15 สิงหาคม 2534 นครหลวง เวียงจันทน์ เป็น นครหลวง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นใจกลางทางด้านการเมือง วัฒนะธรรม และเศรษฐกิจของ ประทศลาว มีประชากรประมาณ 400,000 คน ใน สมัยอาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทน์ มีชื่อว่า จันทบุรีกรุงศรีสัตนาคนาหุต มี พระเจ้าไชยะเชษฐาธิราช สถาปนาให้เป็นนครหลวงแห่ง อาณาจักรล้านช้าง ในปี ค.ศ. 1563 (พ.ศ. 2106) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 21:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยัยน้องฉิน.ยังมะนอนเหรอคะ ไว้ฉิน.จัดไปเที่ยวลาวใต้จิ   พี่จะไปด้วย ไปกราบบรรพบุรุษ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 8 ก.ค. 50 21:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กำลังอยากได้แผนที่ประเทศลาวอยู่พอดี ขอบคุณครับ จากคุณ : อาร์ตตะลอน (Athlons) - [ 8 ก.ค. 50 21:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าว....มีสาวจำปาสัก  ข้ามโขงมาไงเนี่ย  แต่ขอบอกให้ทราบนะครับ... สาวจำปา...สวยจริงๆผมขอยืนยันครับ นู๋ฉิน หวัดดีครับ  จริงๆเรื่องตักบาตรไหว้พระ ที่เมืองลาวยังงดงามเหมือนเดิมจริงๆ ************************************************ การแบ่งการปกครอง ประเทศลาว แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 17 แขวง (จังหวัด) และอีกหนึ่งเขตการปกครองพิเศษ คือ 1. นครเวียงจันทน์ (กำแพงเวียงจันทน์) เป็นเขตการปกครองพิเศษคล้ายกรุงเทพฯ 2. แขวงเวียงจันทน์ เมืองหลวงคือ เวียงจันทน์ 3. แขวงหลวงพระบาง เมืองหลวงคือ หลวงพระบาง 4. แขวงหลวงน้ำทา เมืองหลวงคือ หลวงน้ำทา 5. แขวงอุดมไชย เมืองหลวงคือ เมืองไชยหรืออุดมไชย 6. แขวงบ่อแก้ว เมืองหลวงคือ ห้วยทราย 7. แขวงพงสาลี เมืองหลวงคือ พงสาลี 8. แขวงหัวฝัน เมืองหลวงคือ ซำเหนือ 9. แขวงเชียงขวาง เมืองหลวงคือ โพนสะหวัน 10. แขวงไชยบุรี เมืองหลวงคือ เมืองไชยบุรี 11. แขวงบริคำชัย เมืองหลวงคือ เมืองปากซัน 12. แขวงคำม่วน เมืองหลวงคือ เมืองคำบ่วนหรือท่าแขก 13. แขวงสะหวันนะเขต เมืองหลวงคือ เมืองสะหวันนะเขต 14. แขวงสาละวัน เมืองหลวงคือ เมืองสาละวัน 15. แขวงเซกอง เมืองหลวงคือ เมืองเซกอง 16. แขวงจำปาศักดิ์ เมืองหลวงคือ เมืองปากเซ 17. แขวงอัตปือ เมืองหลวงคือ อัตปือ และเขตปกครองพิเศษ คือ ไชยสมบูรณ์ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 21:54:04 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 21:40:43 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 21:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีแม่น้องมีนจ้ะ...คิดถึงจุ๊บ ๆ พี่สาริกาค่ะ  ได้ข่าวว่า วังเวียง หรือ เวียงวัง นี่สวยมากเลยใช่ป่าวคะพี่   เรื่องใส่บาตรนี่  บ้านเรายังมีแบบนี้ให้เห็นอยู่บ้างรึเปล่าคะ แต่แถวบ้านฉินหายสาปสูญไปหมดแล้ว.... จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 21:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นู๋ฉิน.  วังเวียงใน Nature Exp. ฉบับนี้ก็สวยน๊า นี่.....ตาสหาย  เธอพูดดีๆนะ  ชั้นอ่านเธอเขียนมานดูแปลก ๆ ไงม่ายรุ  เรื่องสาวจำปาสักน่ะ เออออ  แต่คงจริง   นี่ขนาดพี่เป็นรุ่น 4  ยังสวยเลย.....เนอะฉินเนอะ คุณแม่ของคุณตาค่ะ.......เป็นคนจำปาสัก มาเป็นแฟนปู่ทวดแล้วก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 21:53:08 จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 8 ก.ค. 50 21:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พี่อิ๋ม ไปหลวงพระบางกันป่าว ไปตักบาตรข้าวเหนียวกัน พี่ฉินเมิ่งเหยาคะ ที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ก็ตักบาตรข้าวเหนียวเหมือนกันนะคะ  เพียงแต่ว่าไม่ได้นุ่งซิ่น พาดผ้าเบี่ยงอย่างผู้สาวลาวเท่านั้นเองค่ะ จากคุณ : เทียนนกแก้ว - [ 8 ก.ค. 50 21:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หวัดดีครับคุณอาร์ต............เอาเลยครับเดี๋ยวผมจะหาที่ขัดเจนกว่านี้ส่งให้ครับ นู๋ฉิน แบบน้องนกแก้วนกขุนทองบอกแหล่ะครับ ยังมีเหมือนเดิมเรื่องวัฒนธรรม น้องนกแก้วนกขุนทอง  ยังไม่นอนเหรอ  เดี๋ยวไม่สวยนะ นอนดึกๆไม่ดี พี่อิ๋มครับ  จะกลับไปเยี่ยมลาวคราวนี้ พี่จะงงมากๆเพราะจำปาสัก สวยงามสมกับเมืองมรดกโลกจริงๆ ************************************************ ศาสนา ประชาชนลาว มากกว่า 90 % นับถือ ศาสนาพุทธ รัฐบาลให้สิทธิเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนา ตามประเพณีหนุ่มลาวที่มีอายุ 20 ปี จะเข้าบวชเป็นพระระยะหนึ่ง เพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ หรือ ญาติพี่น้องที่เสียชีวิต ในปัจจุบัน พระสงฆ์ลาวถือธรรมวินัยอย่างเคร่งคัด นอกจากการเผยแพร่พระธรรมแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นครูประชาศึกษา และแพทย์แผนโบราณ อุบาสกอุบาสิกาเป็นผู้ถวายปัจจัยทุกอย่าง มีการถวายจังหัน และเพลทุกๆ วัน บทบาทของ พระสงฆ์ลาว ในระบอบใหม่ได้รับการเชิดชูให้สูงเด่นขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ ประเพณี ตามจารีดประเพณีของ ลาว จะเรียกว่า ฮีดสิบสองครองสิบสี่ ฮีดยี่ครองเจียง ชาวลาว จะมีงานประเพณีมากมายตลอดปี เช่น เดือน 3 วันมาฆบูชา มีงานฉลองพระธาตุอิงฮังที่แขวงสะหวันนะเขต และงานวัดภูจำปาสัก เดือน 5 วันสงกรานต์ปีใหม่ลาว เดือน 6 วันวิสาขะบูช า เดือน 8 วันเข้าพรรษา เดือน 9 บุญเข้าประดับดิน เดือน 10 บุญเข้าฉลาก เดือน 11 ออกพรรษา งานแข่งเรือ ที่นครเวียงจันทน์ เดือน 12 บุญพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ นอกจากงาน ประเพณีทางพุทธศาสนา แล้ว ยังมีพิธีทางรัฐการอีก เช่น วันที่ 1 มกราคม วันปีใหม่สากล วันที่ 20 มกราคม วันสร้างตั้งกองทัพประชาชนลาว วันที่ 8 มีนาคม วันแม่หญิง ( วันสตรีสากล ) วันที่ 22 มีนาคม วันสร้างตั้งพรรคประชาชนปฏิวัติลาว วันที่ 1 พฤษภาคม วันกรรมกร (วันแรงงานสากล) วันที่ 1 มิถุนายน วันเด็ก วันที่ 15 สิงหาคม วันรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 ตุลาคม วันครูแห่งชาติ วันที่ 12 ตุลาคม วันประกาศเอกราช วันที่ 2 ธันวาคม วันชาติ ( วันสร้างตั้ง ส ป ป ลาว ) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณน้องเทียนนกแก้วนะคะ   อยากรู้อีกนิดว่า เค้าตักเฉพาะเทศกาลหรือว่ามีตักกันทุกวัน ไปเชียงคานกันดีกว่าเรา  ไปเชียงคาน  ไปเชียงคาน  ไปขึ้นคาน ฮูย่า !!! ---------------------------------------- แม่น้องมีนขา  พรุ่งนี้จะไปสอยวังเวียงมาดู   ว่าแต่รุ่น 4 นี่เป็นรุ่นแตกลายงาป่าวคะ ประเภทตกน้ำก็ไหลไปตามน้ำ ตกไฟก็มอดไหม้ไปทั้งตัวอ่ะ  ใช่รุ่นนี้ป่าวเอ่ย 555 ปล. แง๊วววว  ทำกระทู้พี่สาริกา ไร้สาระขึ้นมาทันตาเห็นเลยเรา ไปแล้ว อายยยย... แว๊บบบบบ... จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 22:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ภาษาประจำชาติ คือ ภาษาลาว มีลักษณะใกล้เคียงกับ ภาษาไทย ใน ภาคอีสานของไทย นอกจากนี้ คนลาว บางส่วนยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศสได้ดี สำหรับ ประชาชนชาวลาว ทางตอนเหนือของประเทศสำเนียงการพูดและความหมายของคำบางคำคล้ายกับภาษาพื้นเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และเลย ทางตอนเหนือของประเทศไทย ประชากร จากการสำรวจจำนวน ประชากรลาว ในปีที่ผ่านมา (2544) ประเทศลาว จำนวนประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคน ประกอบด้วย 3 ชนชาติใหญ่รวม 68 เผ่า ได้แก่   - ลาวลุ่ม หมายถึง ชนเผ่า ลาว ที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำโขง คิดเป็นร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด เช่น ไทลาว ไทเหนือ ไทแดง ไทขาว ผู้ไท ลาวพวน ไทลื้อ เป็นต้น   - ลาวเทิง เป็นกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยบนพื้นที่ที่มีความสูงไม่เกิน 1,000 เมตร คิดเป็นประชากรร้อยละ 20 ของประเทศ เช่น สีดา บ่าแวะ ละแนด ฯลฯ   - ลาวสูง เป็น ประชากร ส่วนน้อยอาศัยอยู่บนเทือกเขาสูง ส่วนใหญ่เป็น ชาวม้ง และ เผ่า อื่นๆ เช่น มูเซอ ก่อ กุย เป็นต้น สกุลเงิน ของประเทศลาว คือ กีบ สำหรับ เงินกีบ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายใน ประเทศลาว ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นใบละ 1,000 2,000 5,000 10,000 20,000 กีบ (ไม่มีเงินในลักษณะเหรียญกษาปณ์) ผมขออนุญาตก่อนนะครับ  เพื่อความเหมาะสมของเรื่องราว ผมอาจจะนำเสนอแง่มุมที่ไม่ขัดต่อการเผยแพร่เท่านั้นนะครับ ส่วนเรื่องการประชุมที่เวียงจันทร์ หรือแขวงจำปาสัก อาจจะไม่สะดวกในการเสนอเนื้อหา ขอบคุณครับ............ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คิดฮอด หวงพะบาง หลาย \\(O*v*O)// จากคุณ : I love หมอหญิงซินปี - [ 8 ก.ค. 50 22:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พี่ฉินเมิ่งเหยาคะ ที่เชียงคานเค้าตักบาตรข้าวเหนียวกันทุกวันเป็นเรื่องปกติค่ะ ส่วนอาหารชาวบ้านจะนำไปถวายที่วัดตอนเช้าหลังจากตักบาตรค่ะ ที่เชียงคานช่วงหน้าหนาว บรรยากาศดีค่ะ สวยด้วย ส่วนหน้าร้อนที่แก่งคุดคู้น้ำจะลดลงจนเห็นหาดหิน สวยค่ะ แต่ถ้าหน้าฝนที่เพิ่งไปมา ร้อนนนนมั่กๆ ร้อนจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด ร้อนจนสุดจะบรรยาย แถมไม่เห็นฝนซักกะเม็ดเลย ว่าแต่ชวนไปขึ้นคานที่เชียงคาน จะมีคนไปด้วยเหรอคะ อิอิ ไปดีก่า เดี๋ยวถูกเจ้าของกระทู้เขกกะโหลก ข้อหามาพาออกนอกกระทู้ คริๆๆ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 22:16:14 จากคุณ : เทียนนกแก้ว - [ 8 ก.ค. 50 22:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นู๋ฉินครับ.........ตามสบายเป็นเพื่อนกันยามดึกๆ  เราจะสู้และไม่ทิ้งกันเน๊อะๆๆๆ ************************************************ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว...ผมสรุปผลประชุมอีกวาระที่จำปาสัก แบบคราวๆเกี่ยวกัยบางโครงการที่อนุมัติร่วมกันของสองประเทศไปบ้างแล้ว  เมื่อประชุมเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ก็มีการพาไปชมโครงการดังกล่าวด้วยครับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กับองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติลาว ได้ทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวแห่งชาติลาว เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2535 และได้จัดทำบันทึกการประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันเมื่อ 19 มกราคม 2539 และ 30 มกราคม 2540 ททท. กับองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติลาวได้ลงนามในแผนงานความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ประจำปี 2545-2546 เมื่อ 21 กันยายน 2544 แผนดังกล่าวกำหนดให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่าย การพัฒนาบุคลากรการท่องเที่ยว การวางแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การส่งเสริมการลงทุน และการตลาดการท่องเที่ยวระหว่างกัน แผนงานความร่วมมือฯ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยและลาว และการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปสู่ประเทศที่สามในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง และดินแดนมหัศจรรย์สุวรรณ และสามเหลี่ยมมรกต นอกจากนี้ ททท. ได้จัดทำการศึกษาโอกาสการลงทุนด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวของแขวง หลวงพระบางและแขวงจำปาสัก และมอบให้ฝ่ายลาวใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ ยังได้จัดทำการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดสิ่งอำนวยความสะดวก ในบริเวณพื้นที่ป่าหินและพื้นที่ต่อเนื่องในแขวงคำม่วน สปป.ลาว ขณะนี้การดำเนินงานตามแผนบางส่วนได้เริ่มขึ้น และมีความก้าวหน้าไปกว่า 60%แล้วครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณน้องเทียนนกแก้วจ้า.....คานสวย ๆ ไม่อยากไปขึ้นอีกรอบเหรอจ้ะ ------------------------------------- ขอบคุณพี่สาริกานะคะ ที่อนุญาติให้ป่วนได้ 555 บอกตรง ๆ ว่า แพ้เสียงอ้อนของพี่สาริกา อีตรงเน๊อะๆๆๆ เนี๊ยแหล่ะ งั้นอยู่เป็นเพื่อนพี่สาริกาอีก 30 นาทีดีกว่า นอนดึกมาหลายคืน สิวอพยพมาสร้างถิ่นฐานบนใบหน้ากันหลายครอบครัวแล้วค่ะ กำลังคิดจะเผาไล่ที่เจ้าสิวพวกนี้อยู่เลย จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 22:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พี่ฉินเมิ่งเหยาคะ กำลังพยายามหาทางลงจากคานอยู่ค่ะ ยังไม่สำเร็จเลย คานเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากขึ้นหลายคานค่ะ อิอิ มาแอบป่วนกระทู้พี่สหายสาริกานิดหน่อย ไม่ว่ากันเด้อ จากคุณ : เทียนนกแก้ว - [ 8 ก.ค. 50 22:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ข้อมูลเยี่ยมจริงๆ รอดูต่อ... จากคุณ : put your head on my shoulder - [ 8 ก.ค. 50 22:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในที่ประชุมสำนักงานองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติ สปป.ลาว(28 มิ.ย.50) ได้รายงานให้ทราบเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อต้นดือนนี้ที่ผ่านมาว่า มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศในระยะ 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2549 - 2550 (เม.ย. - ต.ค.) จำนวนถึง 731,633 คน รวมทั้งยังได้พัฒนาบ่อน้ำพุร้อนกว่า 20 แห่งทั่วประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย ในขณะที่แขวงซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปมากที่สุดคือ แขวงหลวงพระบาง โดยในระยะ 9 เดือนแรกของปี 2549 มีจำนวนทั้งหมด 275,000 คน นายสุกกะเสิม โพทิสาน รองประธานองค์การท่องเที่ยวแห่งชาติลาว กล่าวว่า งานด้านการท่องเที่ยวได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในแต่ละพื้นที่แขวง โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี ตั้งแต่ระดับศูนย์กลางไปจนถึงในระดับท้องถิ่น ทั้งนี้เป็นการรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว (ขปล.) องค์การท่องเที่ยวแห่งชาติได้มีแผนการร่วมกับบรรดาแขวงสร้างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในระดับภาค มีการระดม และแสวงหาแหล่งเงินเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาการท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำโขงโดยทุนกู้ยืมจากธนาคารพัฒนาเอเชีย และได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ก.ย.2546 และคาดว่าจะสำเร็จภายในปี 2551 โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของแขวงหลวงพระบางทุนกู้ยืมจากรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาสำรวจมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวตามเส้นทางสายเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตกบนทางหลวงเลข 9 ซึ่งเป็นทุนช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือ ไจก้า (Japan International Cooperation Agency - JICA) มูลค่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมงาน รวมทั้งโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของรัฐบาลนิวซีแลนด์มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา ส่วนการพัฒนาที่สำเร็จเสร็จสิ้นลงแล้วนั้นก็เป็นการขึ้นบัญชีแหล่งท่องเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนในขอบเขตทั่วประเทศซึ่งมีทั้งหมด 20 แห่ง ที่พบในแขวงบ่อแก้ว เชียงขวาง หัวพัน พงสาลี และบอลิคำไซ อีกทั้งการสร้างแผนยุทธศาสตร์เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล นอกจากนี้ยังได้สร้างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ สำรวจแหล่งท่องเที่ยวแขวงสาละวัน เซกอง ไซยะบูลี จำปาสัก คำม่วน และสำรวจแหล่งท่องเที่ยวตามเส้นทางเศรษฐกิจอาร์ 3 (R3) เส้นทางเลข 12 รวมทั้งการก่อสร้างปรับปรุงห้องข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวจำนวน 6 แห่ง อยู่แขวงคำม่วน จำปาสัก หัวพัน และหลวงพระบางด้วย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ติดตามกันต่อไปครับ คุณput your head on my shoulder...... เฮ้อขนาดผมระวัง เรื่องข้อมูลแล้วนะ คห.23  หายแว๊บบบไปแล้วครับ ************************************************ ที่นี้ผมคงเสนอภาพรวมๆไปเรื่อยๆ  ก็แล้วแต่ใจที่อยากจะเล่านะครับ ภาพด้านบนเป็น...อนุสาวรีย์ประตูชัย (Victory Monument) สถาปัตยกรรมผสมผสานลาวล้านช้าง กับฝรั่งเศส ลักษณะตึกสี่เหลี่ยมจตุรัสสูง 45 เมตร ส่วนหลังคา เป็นยอดช่อฟ้า 5 ยอด สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกกตัญญูกตเวทิตาให้กับวีระบุรุษ วีรชนของชาติลาวทุกยุคทุกสมัย แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 50 22:45:32 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ้าว....หมอหญิง  แอบๆมาตอนไหนครับมองไม่เห็นจริงๆ.......... ************************************************ พระธาตุหลวง (That Luang Stupa) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในลาว สร้างโดยพระเจ้า ไชยเชษฐาธิราช เจ้าชีวิตชาวลาวและเจ้านครเชียงใหม่ โดยสร้างครอบพระธาตุองค์เก่า จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:47:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และกฏระเบียบที่บังคับใช้ครับ สำหรับการรณณรงค์เรื่องการท่องเที่ยวของลาว  พยายามจัดทำการประชาสัมพันธ์หลายๆอย่างให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วๆไปเข้าใจ ลองดูภาพเหล่านี้ประกอบครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นี่ก็ใช่ครับ ภาพเหล่านี้ถือว่าได้ผลในเชิงปฏิบัติไม่น้อยที่เดียว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ต่อครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพสุดท้าย........นี่เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ที่ผมนำมาให้ดูครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 22:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ข้อมูลก็เยี่ยม แถมมีการ์ตูนประกอบอีก สุดยอดจริงพี่ชายเรา อย่านอนดึกนักนะคะพี่ รักษาสุขภาพด้วย เดี๋ยวหน้าแก่นะ อิอิ จากคุณ : เทียนนกแก้ว - [ 8 ก.ค. 50 22:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพการ์ตูนสื่อความหมายได้ดีจังเลยค่ะ พี่สาริกา พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า สวยงามมาก ๆ จริง ๆ ไปนอนก่อนนะคะ...ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ พี่สาริกาอย่านอนดึกและรักษาสุขภาพด้วยนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ.......... จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 22:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ป้อม....แกชมหรือแช่งนะเนี่ย... ************************************************ อ้าวลืมไปครับ ยังมีอีกภาพที่ค่อนข้างจะชัดเจน สำหรับการเตือนนักท่องเที่ยวครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นู๋ฉิน กะ นู๋ป้อม  ทิ้งกันซะแล้ว แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ............. ขอบใจครับผม  เรื่องเตือนอย่านอนดึก  แต่คืนนี้คงดึกเช่นเดิมง่ะจบไม่ลงจ้า ************************************************ หอคำ (Petit Trianon) พระราชวังเก่า ทุกวันนี้ใช้เป็นทำเนียบประธานประเทศ และใช้เป็นเรือนรับรองแขกชาวต่างประเทศของรัฐบาล จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อุแม่เจ้า รูปในคห.33 นี่ช่างสื่อความหมายได้ชัดเสียนี่กระไร จากคุณ : เทียนนกแก้ว - [ 8 ก.ค. 50 23:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อีกรอบสุดท้ายจริง ๆ คห 33 สุดยอด ชัดเจน ตรงเป้า นอนจริง ๆ แล้ว  ไปข่มตาหลับดีกว่า จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 8 ก.ค. 50 23:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพนี้คือ................. ธงชาติลาวสมัยพระราชอาณาจักลาว     ใช้ในช่วงปี พ.ศ.2495-2518  (ค.ศ. 1952-1975) และผมขอเล่าอีกเรื่องที่สนใจครับคือเรื่องเพลงชาติลาว............   เป็นช่วงยุคสมัยพระราชอาณาจักรลาว     ใช้ในช่วงปี พ.ศ.2495-2518  (ค.ศ. 1952-1975) มีเนื้อหาของเพลงและคำขยายพร้อมเป็นแปลภาษาไทยตามนี้ครับ...... **********************************************    ซาติลาวตั้งแต่เดิมมา   ขึ้นซื่อลือซาอยู่ในอาซี(1) ซาติลาวผูกพันไมตรี   ฮ่วมสามัคคีฮักห่อโฮมกัน(2) ฮักซาติฮักประเทศเฮา   ฮักเจ้าปกเกศเกศา โฮมฮักฮ่วมศาสนา  แต่บูฮาน(3)มาฮักษาดินแดน บ่ให้ซาติใดมาฮาน(4)   ฮาวี(5)ฮบกวนยาดแย่งซีงเอา ใผขืนเข้ามาลู่วุ่นวาย   สู้จนตัวตายต้านทานศัตรู ซ่วยซาติเซิดซูเลือดเนื้อเซื้อเผ่า   ฟื้นฟูxxx้เอาบรรเทาทั่วกัน ************************************************ ดูคำขยายความประกอบครับ (1) คือคำว่า เอเซีย แต่เรียกตามภาษาฝรั่งเศส (รูปคำในภาษาฝรั่งเศสคือ Asie) (2) ใครรู้ภาษาลาวดีๆ ช่วยแปลท่อนนี้ด้วยครับ ถึงแม้ว่าจะพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่จนปัญญาที่จะแปลให้ชัดเจนจริงๆ (3) คือคำว่า โบราณ (4) คือคำว่า ราน เดาว่าน่าจะตัดมาจากคำว่า รุกราน (5) คือคำว่า ราวี จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมขออธิบายถึงการใช้อักษร " ร " ในภาษาลาวหน่อยนะครับ      ประเทศลาวเคยยกเลิกการใช้ตัว ร เพื่อประโยชน์ในการเรียนรู้หนังสือลาวในยุคสร้างชาติ (ภายหลังปฏิวัติ 2 ธันวา 2518) ในเวลาต่อมา รัฐบาลลาวจึงได้นำตัว ร กลับมาใช้อีกครั้ง ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่าลาวจำเป็นต้องเอาอักษรลาวมาเขียนคำภาษาต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากจะมีเสียง ร รัวลิ้น เช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ภาษาชนพื้นเมืองบางเผ่า เป็นต้น การจะใช้ตัว ล แทนเสียงทั้ง "/ร/" (/r/) และ "/ล/" (/l/) จะทำให้เกิดความสับสนในการเขียนมาก      ส่วนเรื่องการออกเสียงคำที่เขียนด้วย ร นี้ เท่าที่ผมได้เรียนและพบเห็นมา เขาจะออกเสียงเป็น /ล/ หมดเลยครับ (ยกเว้นคนลาวรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษาภาษาต่างประเทศ บางคนก็จะพยายามออกเสียง /ล/ ให้ลิ้นรัวใกล้เคียงกับเสียง /ร/ มากที่สุด) แต่คำที่เขียนด้วยตัว ฮ เฮือน คนลาวบางคนก็ออกเสียงเป็น ฮ ก็มี บางคนก็ออกเป็น ล ก็มี อันเนื่องมากจากอิทธิพลของสื่อโทรทัศน์วิทยุของไทยที่คนลาวแถบริมน้ำโขงสามารถรับได้ครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามไปด้วยคนนะคะ พี่สหายฯ  ชอบจังเลยค่ะ อยากไปเที่ยวลาวบ้างจัง รอชมนะคร้า จากคุณ : Happy Holiday - [ 8 ก.ค. 50 23:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สวัสดียามดึกๆครับ Happy Holiday  หากมีโอกาส ไปเยียนเมืองลาวนะครับ ************************************************ ภาพธงชาติ ด้านล่างที่เห็น ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้คับ นี่คือ..........เพลงชาติลาว ในปัจจุบัน....... ************************************************ ซาติลาวตั้งแต่ใดมา   ลาวทุกถ้วนหน้าเซิดซูสุดใจ ฮ่วมแฮ่งร่วมจิตร่วมใจ   สามัคคีกันเป็นกำลังเดียว เด็ดเดี่ยวพร้อมกันก้าวหน้า   บูชาชูเกียรติของลาว ส่งเสริมใช้สิทธิ์เป็นเจ้า(1)   ลาวทุกชนเผ่าเสมอ(2)ภาพกัน บ่ให้ฝูงจักรพรรดิ์(3)   และพวกขายชาติเข้ามารบกวน ลาวทั้งมวลซูเอกราช   อิสรภาพ   ของซาติลาวไว้ ตัดสินใจสู้ซิงเอาซัย   พาชาติก้าวไปสู่ความวัฒนา ************************************************ อธิบายขยายความ........ (1) ผมตีความว่า ประชาชนลาวมีสิทธิเสรีภาพเป็นของตน ไม่ถูกปิดกั้นและกดขี่อย่างสมัยรัฐบาลลาวยุคพระราชอาณาจักร เพราะนักการเมืองลาวในยุคนั้น ส่วนใหญ่เห็นแก่ได้จากผลประโยชน์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบให้ (หารายละเอียดได้จากหนังสือประวัติศาสตร์ลาวเล่มต่าง ๆ ที่กล่าวถึงรัฐบาลลาวยุคพระราชอาณาจักร) (2) เสมอ ลาวเขียนว่า สะเหมี (ดูเนื้อเพลงชาติลาว ภาษาลาวประกอบ) (3) ฝูงจักรพรรดิ์ หมายถึง ประเทศจักรวรรดินิยมที่พยายามเข้ามาแทรกแซงการเมืองในลาวในช่วงของการxxx้ชาติและการทำสงครามปฏิวัติลาว ความหมายมุ่งเน้นโดยเฉพาะจะเป็นชาติอื่นใดไม่ได้นอกจากฝรั่งเศส (เจ้าอาณานิคมเก่า) และสหรัฐอเมริกา (สาเหตุมาจากความหวาดหวั่นต่อภัยคุกคามจากค่ายคอมมิวนิสต์ (หัวหอกคือจีนและโซเวียตในขณะนั้น) ต่อค่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย (นำโดยอเมริกาเจ้าเก่า) จนนำไปสู่ทฤษฏีโดมิโน สงครามเวียดนาม การเข้าแทรกแซงทางการเมืองในกลุ่มประเทศอินโดจีน และการใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพในการทำสงครามอินโดจีน) จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมมาเพิ่มเติมปรับปรุงใหม่ครับ  คห.40  ไม่ผ่านเพราะล่อแหลมไปหน่อย.... เพลงชาติลาวที่ใช้กันอยู่ในทุกวันนี้....................... ประพันธ์เนื้อร้องโดย ท่านสีซะนะ สีสาน ทำนองโดย ดร.ทองดี สูนทอนวิจิด เนื้อร้องเดิมยังไม่ทราบว่าใครแต่งเพราะยังไม่มีข้อมูล เนื้อร้องปัจจุบันนี้ได้รับการประกาศใช้ในวันที่ 2 ธันวาคม 2518   ซึ่งเป็นวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ และได้รับการรับรองอยู่ในรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ิในเรื่องเพลงชาติลาวนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างชาติลาวในยุคภายหลังการได้รับเอกราชโดยตรง ส่วนภาพด้านล่าง คือที่พักรับรองของผม ในขณะที่ปฎิบัติภาระกิจอยู่ในลาว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 ก.ค. 50 23:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว(Hor Phra Kaew Museum) เอาล่ะครับ ...จริงๆแล้วเรื่องของพระแก้วมรกต ที่ได้มีประวัติความเป็นมายาวมากๆ และอยากให้ทุกๆท่านได้อ่านเต็มๆ ส่วนตัวผมเองก็พยายามจะย่อให้เห็นเนื้อหาสำคัญ แต่ย่อไม่ได้มากนัก จึงขอสรุปกว้างๆเพราะ อยากให้เห็นความสัมพันธ์ ในอดีตไทย ลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นเจ้านครเชียงใหม่ เมื่ออายุ 12 พรรษา และเมื่อพระบิดาเสีย จึงได้มาครอง กรุงศรีสัตนาคนหุต(ลาว) และนำพระแก้วมรกตประดิษฐานที่ประเทศลาว ...พระไชยเชษฐาธิราช จากที่เคยค้นประวัติ เป็นเหมือนเจ้าชีวิตชาวลาว ทำนุบำรุงศาสนา และที่หน้าพระธาตุหลวง จะมีอนุสาวรีย์ ท่านอยู่ด้วย ************ ...จึงได้ข้อสรุปส่วนตัวดังนี้ พระแก้วมรกตไม่ใช่ของไทย หรือลาว แต่อยู่ที่ไทยก่อนลาว และนำไปประเทศลาว โดยเจ้านครเชียงใหม่ พระไชยเชษฐาธิราช ที่มีความสัมพันธ์สายเลือดไทยและลาว ท่านจึงได้เป็นเจ้าชีวิตชาวลาวด้วย ...พระแก้วมรกตถึงแม้ว่าจะอยู่ลาวถึง 200 กว่าปี ... แต่ก็เคยประดิษฐานอยู่เมืองกำแพงเพชรมาก่อน พระเจ้าตากซึ่งเมื่อครั้งเป็นเจ้าเมืองกำแพงเพชร จึงได้นำสมบัติล้ำค้าที่เคยประดิษฐานอยู่เมืองกำแพงเพชรกลับคืน .. สำหรับพระบาง ที่ได้นำกลับมาด้วย ในสมัย รัชกาลที่ 1 พระองค์ท่านก็ได้พระราชทานพระบางคืนให้แก่ลาว จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 00:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตื่นมาดูแบบนางซิน.  ยังงง ๆ ตอบโต้มะไหว แล้วกลับไปนอนต่อ.....เด๋วหน้าแกร่ มื้ออื่นจะมาป่วนต่อเด๊อค่ะ จากคุณ : ผู้สาวจำปาสัก - รุ่น 4 (แม่ซากานะ) - [ 9 ก.ค. 50 00:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ตามมาเรียนวิชา ต่างประเทศ ค่ะ เหลืออีกเยอะไม๊ค่ะ อาก๋ง ชอบภาพ คห.24 จังเลย ถ่ายได้อารมณ์มาก ดูแล้วสงบเลยอยากไปนั่งเล่นมั่ง จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 9 ก.ค. 50 01:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สงสัยเค้าหนีไปนอนกันหมดแระ งั้น..ไปนอนมั่งดีกว่า  จะได้ฝันว่าไปเมืองลาว ได้ข้อมูลมาเพียบแระ..ขอบคุณอาก๋งคร๊าบ................ จากคุณ : prettyguide - [ 9 ก.ค. 50 01:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 หวัดดีดึกๆ ทั้งสองคนเลยนะ ทั้งจ๋าและนู๋หมูน้อย..... อาก๋งยังไม่ได้หลับ แอบไปเดินหาอะไรกินที่งาน..... เส้นทางใหม่ของโอทอป" OTOP Midyrar and Select 2007 มาจ๊ะ อิอิอิ หากว่างๆจะไปเยี่ยมหมูน้อยนะ.... ส่วนจ๋า สงสัยอยู่เป็นเพื่อนกันยันเช้าแน่ๆ ************************************************ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังแขวงจำปาสัก  ในวันที่สาม...... อาก๋ง ขอกับมาคุยถึงแม่น้ำโขง สายเลือดเส้นใหญ่ ที่ไหลทอดผ่านยาวไกลหลายพันโล  ลองมาดูข้อมูลเพิ่มเติมกัน ซึ่งบางทีเราอาจจะได้ข้อมูลจากนี้ไปบ้างครับ  เดี๋ยวจบจากแม่น้ำโขง เราข้ามไปที่แขวงจำปาสักกันต่อ.... จริงๆแล้วมันมีเรื่องราวบางอย่างที่อยากบอกผ่านผู้คนทางนี้  แต่พิจารณาแล้วไม่ผ่าน กบว.แน่นอน ผมก็เลยสับเปลี่ยนบางประเด็น หรือโดดข้ามเรื่องราวบางตอนไปมาทดแทนแล้วกันนะครับ..... แม่น้ำโขง................          มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านมณฑลชิงไห่ ประเทศจีน และบริเวณที่ราบสูงธิเบต ไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ ผ่านประเทศจีน ประเทศลาว ประเทศพม่า ประเทศไทย ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม มีความยาวทั้งหมด 4,880 กิโลเมตร เป็นความยาวในประเทศจีน 2,130 กิโลเมตร ช่วงที่แม่น้ำไหลผ่านประเทศจีนมีชื่อเรียกว่า แม่น้ำล้านช้าง และเมื่อไหลผ่านเข้าเขตประเทศพม่า และประเทศลาว เรียกว่า แม่น้ำโขง ยังเป็นเส้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาวด้วย              ลักษณะสำคัญของแม่น้ำโขงคือ มีตลิ่งที่สูงชันมากทั้งสองฝั่ง ไหลเลี้ยวเลาะไปตามไหล่เขา กระแสน้ำจะไหลจากทางเหนือลงสู่ทางใต้ตลอดทั้งปี ระดับน้ำในฤดูฝนกับฤดูแล้งจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก ความเร็วของกระแสน้ำขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล ดินในแม่น้ำโขงเป็นดินทราย มีเกาะแก่งน้อยใหญ่กว่าหนึ่งร้อยแห่งเรียงรายตลอดแม่น้ำ ทำให้ได้รับการขนานนามว่า แม่น้ำดานูบตะวันออก จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:03:44 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ส่วนพี่อิ๋ม ......ตื่นขึ้นมาตอนไหนยังไงครับ  ขอบคุณครับที่พยายามมาก่อกวน ************************************************ สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่พบมากในแม่น้ำโขงได้แก่ ปลาบึก ปลาบึก (Pangasianodon gigas)                เป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ไม่มีเกล็ด อาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงบริเวณประเทศลาว เป็นปลาที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากการจับปลามากเกินไป คุณภาพน้ำที่แย่ลงจากการพัฒนาและการสร้างเขื่อนบริเวณต้นน้ำ ปัจจุบัน IUCN จัดปลาบึกอยู่ในกลุ่ม Critically Endangered ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก              ลักษณะภายนอกที่สามารถแยกแยะปลาบึกออกจากปลา catfish ขนาดใหญ่อื่นในแม่โขง ได้แก่ลักษณะของฟันและหนวด ปลาบึกไม่มีฟันและเกือบจะไม่มีหนวด โดยที่ปลาวัยอ่อนมีฟันและกินปลาอื่นเป็นอาหาร แต่เมื่อโตขึ้นฟันจะหลุดไป และตาซึ่งจะอยู่ต่ำกว่ามุมปาก อาหารของปลาในธรรมชาติคือพืชชนิดต่าง ๆ เช่นตะไคร่น้ำ แต่เมื่อนำมาเลี้ยงก็สามารถรับอาหารชนิดอื่นได้ สามารถโตได้ถึง 3 เมตรและหนัก 150-200 กิโลกรัม ใน 5 ปี ปลาที่หนักที่สุดเท่าที่เคยจับได้เป็นตัวเมีย (บางรายงานระบุผิดว่าเป็นตัวผู้) ยาว 2.7 เมตร และหนัก 293 กิโลกรัม (646 ปอนด์) เจ้าหน้าที่กรมประมงสามารถรีดไข่ได้สำเร็จแต่ปลาตัวนี้ก็ตายก่อนที่จะปล่อยกลับธรรมชาติ                  ในธรรมชาติยังไม่มีผู้พบปลาวัยอ่อน ปลาบึกเป็นปลาที่อพยพว่ายน้ำจากแม่น้ำโขงในเขตประเทศจีน เพื่อที่จะไปผสมพันธุ์และวางไข่ที่ทะเลสาบเขมร โดยฤดูกาลที่ปลาอพยพมานั้น ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย จะถือว่าเป็นประเพณีจับปลาบึก โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปลาบึกถือเป็นอาหารที่หรูของประเทศลาว ในอดีตมีการประกอบพิธีกรรมร่วมกับการจับปลาชนิดนี้ ซึ่งมีการจับเพียงครั้งเดียวต่อปี และเนื้อปลาก็พบเห็นได้น้อยตามตลาด นอกจากเนื้อแล้ว ตับและไข่ปลาหมักเป็นอาหารรสชาติดี และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย ปลาบึกมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า " ไตรราช " ปลาบึกที่มีขายในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการผสมเทียม จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมานั่งเป็นเพื่อนอาก๋ง สงสัยเราต้องอยู่กัน 2 คนแน่เลยค่ะอาก๋ง เช้าเป็นเช้าค่ะ (ปกติก็เช้าอยู่แล้ว) 555555 จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 9 ก.ค. 50 02:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แม่น้ำโขงกับความเชื่อพื้นบ้าน             คนไทยและคนลาวมีความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค หรืองูขนาดใหญ่ที่มีฤทธิ์มาก ว่าอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง ตำนานพญานาคที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขงก็เช่น ตำนานวังนาคินทร์คำชะโนด              นอกจากนี้ ทุกวันออกพรรษาจะมีประชาชนจำนวนมากไปเยือนริมฝั่งแม่น้ำโขงในประเทศไทย แถบอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย เพื่อดูปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดเป็นอย่างมาก จังหวัดที่มีปรากฏการณ์บั่งไฟพญานาคที่มีประชาชนนิยมไปเฝ้าดูมากที่สุด คือ จังหวัดหนองคาย ซึ่งในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มนักวิจัยจากหลายสถาบันได้ออกมาชี้ชัด หรือหาหลักฐานอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว ว่าเกิดจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ในแม่น้ำโขง อาทิเช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น แต่ก็ยังมีได้มีหลักฐานชี้ชัดเป็นที่แน่นอน ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากการกระทำของพญานาค หรือ เกิดจากการกระทำของธรรมชาติกันแน่                  แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับการชมภูมิทัศน์ของลำน้ำโขงที่มีชื่อเสียงได้แก่ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ตอนบนของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นบริเวณที่เป็นรอยต่อระหว่างพรมแดน 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว และพม่า ส่วนลำน้ำสาขา ของแม่น้ำโขง.....                ลำน้ำสาขาซึ่งไหลลงแม่น้ำโขงทั้งทางตรงและทางอ้อม แบ่งตามระบบลุ่มน้ำประธาน ประกอบด้วย -ลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำโขง แม่น้ำรวก    แม่น้ำสาย    แม่น้ำแม่จัน    แม่น้ำอิง   แม่น้ำเหือง   แม่น้ำเลย   แม่น้ำหลวง   แม่น้ำสงคราม   แม่น้ำอูน   แม่น้ำเค็ม   ห้วยบางทราย   ห้วยละห้า -ลุ่มน้ำกก                แม่น้ำกก     แม่น้ำฝาง    แม่น้ำลาว -ลุ่มน้ำชี แม่น้ำชี     ลำปาว     ลำน้ำเชิญ     ลำน้ำพรหม -ลุ่มน้ำมูล แม่น้ำมูล   ลำตะคอง   ลำพระเพลิง    ลำแซะ   ลำจักราช   ลำปลายมาศ    ลำนางรอง    ลำชี    ห้วยสำราญ   ห้วยตามาย    ลำโดมใหญ่    ลำโดมน้อย    ลำพังชู    ลำเสียวใหญ่    ลำเสียวน้อย -ลุ่มน้ำโตนเลสาบ                   ทะเลสาบเขมร  และแม่น้ำโตนเลสาบ    แม่น้ำเสียมเรียบ -ลุ่มน้ำโตนเลสาบในประเทศไทย                ห้วยลำสะโตน    ห้วยตะเคียน   ห้วยนางาม    ห้วยพรมโหด   คลองน้ำใส    คลองโป่งน้ำร้อน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เห็นเรื่อง แม่น้ำโขงแล้วนึกถึง ละคร กาษา นาคา เลยค่ะอาก๋ง จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 9 ก.ค. 50 02:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบใจจ๋ามากๆ  ที่อยู่เป็นเพื่อนกันเด้อ.......อิอิอิ ************************************************ สำหรับในวันที่สาม  ปรากฏว่าเราต้องเดินทางไปยังแขวงจำปาสัก  เพราะที่นั่นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกทีเดียว  ทั้งวัฒนธรรมงดงาม และธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลกนี้ แต่ว่าในช่วงที่ผมอยู่เมืองลาวทั้งสี่วัน  ปรากฏว่าฝนตกถล่มทะลายมากมายจริงๆ  การเดินไปไหนในลาวช่วงฤดูฝนจะลำบากมากๆ  วันที่ผมเดินทางสู่แขวงจำปาสักก็เช่นกัน  ฝนตกหนักถึงหนักมาก จนไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  แถมช่วงที่เราบันทึกภาพจะยุ่งยากจนไม่สามารถภาพมาอวดได้เลย........... เดี๋ยวเราไปดูแขวงจำปาสักด้วยกันครับ  เมืองที่ว่ายังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ  และกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของที่นี่นอกจากน้ำตกดังๆแล้ว ก็มีกิจกรรมล่องแก่ง-ปีนผา-เดินป่าและโบราณสถานเก่าแก่หลายๆแห่งครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 จริงสินะจ๋า.......มันเป็นความเชื่อของผู้คนตามริมแม่น้ำโขง มากว่า 100ปีทีเดียว ************************************************ ก่อนอื่นเรามารู้จักเมืองนี้กันว่ามีความเป็นมาอย่างไรครับ ...........ปากเซ หรือ เมืองปากเซ จำปาสัก ลาวใต้...... สภาพภูมิประเทศ เป็นป่าเขา อาณาเขตทั้งสองประเทศติดกันเป็นพื้นดิน ซึ่งในการเดินทาง เข้า -ออก จะต้องผ่านทางด่านช่องเม็ก ที่อำเภอสิรินธรแขวงจำปาสัก เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ ทาง ด้าน ธรรมชาติและวัฒนธรรม ซึ่งถ้าดูตามแผนที ในเขต การปกครองของประเทศแล้ว ดินแดนแขวงจำปาสัก จะตั้งอยู่ ทาง ภาคใต้สุดของประเทศ สปป.ลาว ที่มีชายแดน ติดกับหลายแขวงด้วยกัน รวมทั้งประเทศไทย และประเทศ กัมพูชาประชาธิปไตยด้วย ตามรายละเอียดดังนี้ ทิศเหนือ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับ แขวงสาระหวัน สปป.ลาว ทิศตะวันออก ติดกับ แขวงเซกอง และแขวง อัตตะบือ สปป.ลาว ทิศใต้ ติดกับ ประเทศกัมพูชาประชาธิปไตย ทิศตะวันตก ติดกับ จังหวัดอุบลราชธานี ของประเทศไทย แขวงจำปาสัก เป็นแขวงที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีพลเมืองประมาณ ห้าแสนกว่าคน มีเนื้อที่ ของแขวงประมาณ 15,410 ตารางกิโลเมตร                แขวงจำปาสัก นับว่าเป็นศูนย์กลางทางด้าน เศรษฐกิจ ใน 4 แขวงภาคใต้ ของ สปป.ลาว และ ยังมี บทบาทเขื่อมโยง ทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม กับหลาย ประเทศในภาคพื้นด้วย โดยที่ตั้ง และ ภูมิประเทศ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และแหล่งวัฒนธรรม แขวงจำปาสัก ได้มีการตั้งสมยานามว่าเป็นดินแดน " ช้างป่างานิล " ซึ่งเป็นดินแดน วัตถุโบราณ มี ปูชนียสถาน อันลือชื่อหลายแห่ง ด้วยกัน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แหล่งท่องเที่ยว หลัก ๆ จะประกอบไปด้วย 1. น้ำตกตาดหลี่ผี, คอนพะเพ็ง,  ชมทางรถไฟที่สร้างขึ้นใน สมัยฝรั่งเศส อยู่ในพื้นที่เขตเมืองโขง แขวงจำปาสัก 2. ชม ตาดผาส้วม ที่ เมืองบาจรงเจริญสุข 3. ชม ตาดฟาน ซึ่งเป็นตาดที่สูงที่สุด ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ของป่าเขาลำเนาไพร ที่ เมืองปากช่อง 4. ชมธรรมชาติของชีวิตสัตว์ เช่น ช้างที่บ้าน พะโพ โดยอนุญาติให้ นักท่องไพร ทั้งหลาย ได้ขี่ช้างชมธรรมชาติ ที่เมืองปะทุมพร 5. ชมเขื่อนผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งที่ สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ที่ น้ำตกเซเซ็ด และ น้ำตกห้วยเหาะ เขต เมืองปากช่อง 6. ชมวิวทิวทัศบริเวณ ท่าแพ ท่าข้ามแม่น้ำโขง ระหว่าง เมืองเก่า กับ เมืองปากเซ แหล่งวัฒนธรรม แขวงจำปาสักมีแหล่ง อารยธรรมหลายแห่งด้วยกัน ประกอบ ด้วย 1. วัดพู ซึ่งเป็น เมืองโบราณ ของ จำปาสัก 2. พูอาสา ที่ เมืองปะทุมพร 3. เรือนหินแกะสลัก ที่ เมืองสุขุมา จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ส่วนงานบุญประเพณี ที่แขวงจำปาสักครับ............ 1. งานบุญแข่งเรือออกพรรษา ที่ เซโดน เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก 2. งานบุญนมัสกาล ปราสาทหินวัดพู ชมพิธีแห่นางสีดา ประจำปี 3. งานบุญนมัสกาลอุมิง เรือนหิน ที่ เมืองปะทุมพร นี่ก็แหล่งอาหาร และของที่ระลึก.............. 1. ผลไม้ปลอดสารพิษ ที่ เมืองปากช่อง เมืองบาจรงเจริญสุข 2. ปิ้งไก่, ข้าวหลาม, ต้มไก่ใส่ไข่มดแดง ใน งานบุญวัดพู 3. อาหารปลาสดๆ ที่ ดอนโขง และที่ คอนพะเพ็ง เขตเมืองโขง 4. สิ้นผ้าไหม โดยฝีมือชาวบ้านอันปราณีต และลือชื่อ ที่ บ้านสะพ่าย เมืองชนะสมบูรณ์ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 02:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สำหรับเรื่องที่เกี่ยวโยงในภาระกิจที่เดินทางมาลาวครั้งนี้ก็มาจากว่า  ทางการลาวต้องการออกกฏระเบียบคุ้มครองทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือการจัดการในระบบที่เกี่ยวพันกับการท่องเที่ยวทั้งทางตรงและอ้อม เช่นอนุญาตให้ชาวต่างชาติมาปลูกสร้างรีสอร์ทได้ รวมถึงการจัดกิจกรรมที่เราเรียกว่า ECO-Tourism (Adventure) หรือการท่องเที่ยวผขญภัยเชิงนิเวศ           ผมจึงเข้ามาช่วยออกกฏวางระเบียบในเรื่องดังกล่าวนี้  และต้องสำรวจในพื้นที่ต่างๆ ที่อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นพื้นที่เปาะบางต่อธรรมชาติและไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมเลย  นี่คือจุดหนึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เข้ามามีบทบาท และทุ่มเทช่วยเมืองลาวให้พัฒนายิ่งๆขึ้น  เพื่อให้สมกับคำที่ว่า บ้านพี่ เมืองน้อย          จริงๆแล้วนะครับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ นับตั้งแต่ทั้งสองฝ่าย ได้ยุติการเผชิญหน้าด้วยกำลังทหารในกรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับเขตแดนกรณีบ้านร่มเกล้าในปลายปี 2530 ต่อต้นปี 2531 และได้มีการทำข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2531         - ความสัมพันธ์ไทย-ลาว ได้รับการส่งเสริมเกื้อกูลจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม           สภาวะแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นโยบายที่ต่อเนื่องของไทยที่เน้นเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ การที่ลาวเปิดประเทศมากขึ้น โดยได้เริ่มปฏิรูประบบเศรษฐกิจไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาด ในปี 2529 ตลอดจนการที่ลาวเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน เมื่อกรกฎาคม 2540           นอกจากนี้ ไทยและลาว ได้จัดทำสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือระหว่างกัน (Treaty of Amity and Cooperation) เมื่อกุมภาพันธ์ 2535 เพื่อยืนยันว่าจะเคารพในเอกราชและไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน รวมทั้งตกลงจะระงับข้อขัดแย้งโดยสันติวิธี .........ส่วนความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม ระหว่างไทยกับลาว           - ไทยได้มอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมให้ฝ่ายลาวพิจารณาเมื่อกันยายน 2539 เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายลาว อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีความตกลงระหว่างกัน ไทย-ลาว ก็มีโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอยู่อย่างสม่ำเสมอ         - สมาคมไทย-ลาว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมร่วมกันกับสมาคมมิตรภาพลาว-ไทย เป็นประจำทุกปี ซึ่งถือเป็นการดำเนินความสัมพันธ์ทางด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-ลาว อีกรูปแบบหนึ่ง จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 03:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สำหรับภาระกิจที่ปากเซ  ผมต้องยุติเรื่องราวที่นี่เพียงแค่นี้ เนื่องจากฝนตกหนักมากๆ ไม่สามารถจะดำเนินงานต่างๆได้ลุล่วง  แต่เราจะกลับไปสำรวจแจวงจำปาสัดอีกครั้งก็คงราวๆเดือนตุลา 50 ครับ   ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ผมขอพูดถึงแขวงจำปาสักเพิ่มเติมจากข้อมูลข้างบนบางส่วนครับ เพื่อเรียนรู้ประว้ติศาสตร์ของที่นี่ด้วยกัน แขวงจำปาสัก ( Champasak) เป็นหนึ่งในแขวงของประเทศลาวที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศ เป็นแขวงสำคัญทางภาคใต้มาแต่สมัยโบราณ เป็นที่ตั้งของอาณาจักจำปาสัก เคยอยู่ในเขตอาณาจักขอมโบราณ แขวงนี้เป็นที่ตั้งของ มรดกโลก ปราสาทหินวัดภู ในสมัยก่อนฝรั่งเศสยึดครอง เมืองเอกของแขวงนี้คือเมืองจำปาสัก ตั้งอยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงแต่หลักจากฝรั่งเศสได้เข้ามายึดครองลาวแล้ว ก็ย้ายเมืองเอกไปที่ปากเซซึ่งอยู่เหนือจากจำปาสักไป 30 กิโลเมตรและอยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง แขวงจำปาสักนี้เป็นที่ตั้งของสุดยอดของธรรมชาติของประเทศลาวมากมายเช่น น้ำตกคอนพะเพ็ง น้ำตกผาส้วม น้ำตกหลี่ผี เขตติดต่อของแขวงนี้ทางตะวันตกสามารถข้ามไปประเทศไทยทางช่องเม็กได้ และทางใต้ ยังสามารถข้ามไปกัมพูชาทางเวินคามได้อีก เมืองเอก  คือปากเซ     เนื้อที่ 15,415 ตร.กม. ประชากร 575,600  ความหนาแน่นประชากร 24 คน/ตร.กม. การแบ่งเขตการปกครอง 1601 ปากเซ (Pakse) 1602 ซะนะสมบูน (Sanasomboon) 1603 บาเจียงจะเลินสุก (Ba Chiengchaleunsook) 1604 ปากซ่อง (Paksong) 1605 ปทุมพอน (Pathoomphone) 1606 โพนทอง (Phonthong) 1607 จำปาสัก (Champassak) 1608 สุขุมา (Sukhuma) 1609 มูลละป่าโมก (Moonlapamok) 1610 โขง (Khong) แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 50 03:27:09 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 03:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อยากไปเที่ยวเมืองลาวครับ จาไปหลวงพระบาง กับวังเวียง แต่ตอนนี้ ยังมะมีตังค์  อิอิ แล้วก็ กลัวข้ามไปแล้ว พอเที่ยวเสร็จ จะกลับเข้าไป ตม.เค้าจะไม่ให้เข้าประเทศหน่ะสิครับ     เค้าจะหาว่า ผมเป็นนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น แอบเข้าประเทศไทย  อิอิอิ จากคุณ : หมาน้อย (smooth_as_milk) - [ 9 ก.ค. 50 03:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ท้ายสุดผมจะขอสรุปบางแง่มุมในเรื่องของเศษฐกิจ จากกระทรวงการค้าและท่องเที่ยวของลาว ตามที่เราได้เห็นกับตาตนเองและจากการแถลงข้อมูลในที่ประชุมให้ทางเราทราบ ว่าได้ดำเนินการด้านปฏิรูประบบการทำงานอบ่างไรบ้าง สำหรับบทสรุปเรื่องนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความคิดของผมคนเดียวเท่านั้น           จากการติดตามไปดูงานครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการดำเนินงานของภาคธุรกิจ ซึ่งความสำเร็จที่เห็นได้ชัดคือการปรับองค์กรให้มีสายงานที่ไม่สลับซับซ้อน การควบคุมและรักษาเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาค การบริหารงานโดยอาศัยกลไกทางการตลาด ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา            ทราบมาว่ารัฐได้จัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น 14 พันล้านกีบ สำหรับแต่ละแขวงเพื่อควบคุมระดับราคาข้าวโดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาราคาข้าวค่อนข้างมีเสถียรภาพ อีกทั้งภาครัฐสามารถประกันราคาพืชผลเกษตรกรรมแก่เกษตรกรนอกจากนี้ด้านกิจกรรมป่าไม้ มีการทำสัญญาระหว่างภาครัฐและเอกชนในการตัดและส่งออกไม้โดยปี 1999-2006          กระทรวงอุตสาหกรรมมีรายได้จากกิจกรรมนี้ถึง 124.5 ล้านดอลลาร์  ด้านการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ในอดีตค่อนข้างมีขั้นตอนมากแต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การปรับปรุงภาษีนำเข้าสินค้าของกระทรวงการคลัง ด้านกิจการตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปไม่มีการ ขยายตัวมากนัก         สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงตลอด 3-5 ปีที่ผ่านมาคือ การร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้ากับประเทศเวียดนามและจีน ซึ่งทำให้การค้าขยายตัวอย่างรวดเร็วนโยบายการค้าถูกปรับเปลี่ยนไป และได้หันมาค้าขายกับหลายประเทศมากขึ้น แทนที่จะค้าขายกับประเทศไทยประเทศเดียว เหมือนในอดีต ปัจจุบันมีการประกอบกิจการโดยร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการค้าลาว-เวียดนาม สร้างร้านค้าลาว-เวียดนาม และศูนย์การค้าลาว-จีน ที่กำแพงนครเวียงจันทน์          ผมขอทิ้งท้ายเรื่องนี้ก่อนลาจากเมืองลาว สู่บ้านเกิดและได้สัญญาแล้วว่าจะกลับไปช่วยงานพัฒนาการท่องของลาวอีกครั้งในเดือนตุลาคม 50          ผมจึงขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และองค์การท่องเที่ยวแห่งลาว ที่ได้เชิญคณะของเรา 7 ชีวิต ไปประชุมและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพื่อสร้างเสริมงานท่องเที่ยวให้เกิดประโยชน์แก่บ้านพี่เมืองน้อง  ทั้งสองต่อไป  ขอบคุณครับ......... แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 50 03:48:32 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 03:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หมาน้อย .....มาตอนนี้เกือบไม่ทันขึ้นฝั่งลาวด้วยซะแล้ว.....ตามมาครับหมาน้อย ************************************************ สำหรับการเดินทางเข้าประเทศลาว 1. ใช้บัตรผ่านแดน - สำหรับการเดินทางเข้าประเทศลาวไม่เกิน 3 วัน 2 คืน และไม่เดินทางไปแขวงอื่น การทำบัตรผ่านแดนทำที่ศาลากลางจังหวัดที่มีชายแดนติดกับลาวโดยใช้หลักฐาน ดังนี้ 1. รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป 2. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และบัตรจริง 3. สำเนาทะเบียนบ้าน 4. ค่าธรรมเนียม 5. หากยังไม่บรรลุนิติภาวะต้องใช้สำเนาสูติบัตรด้วย 2. การขอวีซา - ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการของไทยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอวีซา สามารถอยู่ในประเทศลาวได้ 30 วัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาต้องขอวีซาจากสถานเอกอัครราชทูต สปป.ลาวประจำประเทศไทยที่กรุงเทพ หรือสถานกงสุลใหญ่ สปป.ลาวที่จังหวัดขอนแก่น ในกรณีที่ขอวีซาไม่ทัน สามารถไปขอได้ที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ด่านห้วยทราย (ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย) ด่านท่าแขก (ตรงข้าม อ.เมือง จ.นครพนม) ด่านสะหวันนะเขต (ตรงข้าม อ.เมือง จ.มุกดาหาร) ด่านวังเต่า (ตรงข้าม อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี) ท่าอากาศยานวัดไตที่เวียงจันทน์ และท่าอากาศยานหลวงพระบาง โดยต้องใช้รูปถ่าย 1 รูป และเสียค่าธรรมเนียม 30 ดอลลาร์สหรัฐ เส้นทางการบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำการบินเส้นทาง ไป-กลับ เชียงใหม่-หลวงพระบาง ด้วยเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72 โดยทำการบิน ไป-กลับ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ในทุกวันจันทร์ พฤหัสบดีและเสาร์ ด้วยเที่ยวไป เที่ยวบินที่ ทีจี 688 - ออกเดินทางจากเชียงใหม่ เวลา 10.40 น. ถึงหลวงพระบาง เวลา 11.00 น. เที่ยวกลับ เที่ยวบินที่ ทีจี 689 - ออกเดินทางจากหลวงพระบางเวลา 12.20 น. ถึงเชียงใหม่ เวลา 13.35 น. การทำวีซ่า สามารถทำวีซ่าได้ที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย ตั้งอยู่ที่520/502/1-3 ซอย สหการประมูล ถนนประชาอุทิศ (สุดซอยราคำแหง 39) โทร.0-2539-6667-8 (เปิด-ปิด ตามเวลาราชการปรกติ) การทำวีซ่าจะสามารถพักอยู่ที่ลาวได้ 1 เดือน ขั้นตอนการทำวีซ่า 1. การทำวีซ่าปรกติใช้เวลา 3 วัน เสียค่าธรรมเนียม 300 บาท แบบเร็วใช้เวลา 1 วัน ค่าธรรมเนียม 600 บาท 2. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว 2 รูป 3. กรอกเอกสารแจ้งความจำนงเดินทางเข้าประเทศ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 03:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 62 น่าไปเที่ยวนะค่ะอาก๋ง แต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปไม๊ อยากไปเที่ยวหลวงพระบาง ภาพคห.57 น้ำป่าน่ากลัวจัง จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 9 ก.ค. 50 04:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 หมั่นไส้ตาหมาน้อย จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 9 ก.ค. 50 06:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ข้อมูลเรื่องวีซ่าใน คคห 1 กับ คคห 61 ขัดแย้งกันนะครับ จากคุณ : ลุงชุก - [ 9 ก.ค. 50 06:54:36 A:24.175.121.57 X: TicketID:109807 ]

ความคิดเห็นที่ 65 จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 9 ก.ค. 50 07:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาจองที่ไว้ก่อน เดี๋ยวสายๆกลับมาอ่าน จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 9 ก.ค. 50 07:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ลงชื่อตอนเช้าอีกรอบค่ะ  ว่างเมื่อไหร่เด๋วกลับมาอ่านใหม่ จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 9 ก.ค. 50 08:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ไม่ได้เยือนลาวมานานแล้ว ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ จากคุณ : Zorakun - [ 9 ก.ค. 50 08:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มาดูตอนเช้าข้อมูลละเอียดมากๆ  อ่านกว่าจะจบครึ่งชั่วโมงพอดี กระตุ้นต่อมอยากเที่ยวได้ดีจริงๆ 55 จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 9 ก.ค. 50 08:32:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 มาลงทะเบียนเรียนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศค่ะ เจอทู้แบบนี้ตั้งแต่เช้าไม่เป็นอันทำงานอีกแล้ว จากคุณ : noo_jar - [ 9 ก.ค. 50 08:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณครับ จากคุณ : ก่อนเมาเรือชิงเมาเหล้า - [ 9 ก.ค. 50 09:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เฉินครับ - [ 9 ก.ค. 50 09:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 73 มะ มะ มา...ละ ละ แล้ว  ค่ะ.. ดูสงบดีจัง.... จากคุณ : a_o_por - [ 9 ก.ค. 50 09:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แวะมาชมครับ  ท่านสหายสาริกา จากคุณ : Draught Beer - [ 9 ก.ค. 50 10:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สุดยอดข้อมูลเช่นเคย ครับ ขอเพลง กุหลาบปากซัน และ ไทยดำรำพัน ให้คุณ สหาย สาริกา ฟังด้วยเลย จากคุณ : Red Fox - [ 9 ก.ค. 50 12:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อยากขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปลาว แต่เขาห้ามน่ะพี่ เ็ฮ้อ จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 9 ก.ค. 50 12:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ^ ^ ^ เค้า ห้าม ก็ ไม่ ต้อง ขี่ ซิ จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 9 ก.ค. 50 12:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอมาทักทายตอนบ่ายนิดหน่อยครับ  ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเวียนมาเยี่ยมกัน  ขอบคุณครับ ส่วนคุณลุงชุก คห.64 ครับ....เรื่องวีซ่าหรือข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา  ทางการของลาวเป็นผู้ให้ข้อมมูลทั้งหมด บ้างเรื่องเราดูว่าทับซ้อน แต่ทางโน้นบอกว่า ก็อย่างงี้แหล่ะครับ  ทุกๆอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะการกระจายอำนาจและหน้าที่ลงสู่ด้านล่าง เมื่อเป็นเช่นนี้แต่ละแขวงฯหรือหน่วยงานศูนย์กลาง  จะแจ้งแถลงไขบางครั้งก็ตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง  ผมเองก็เช่นกันเมื่อสอบถามไป คำตอบกลับมาก็คือ ตรวจสอบเอาเองนะแบบวันต่อวันครับ....เฮ้อ นั่นคืออีกประการหนึ่ง ของเรื่องขาดความเป็นมืออาชีพครับ สำหรับประเด็นที่น้องหนึ่ง รำพึงรำพันถึงการขับขี่มอเตอร์ไซด์ที่ลาว  ซึ่งปกติจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติขับขี่มอเตอร์ไซด์ที่ลาวอยู่แล้ว  เพราะทางการบอกว่า ที่แขวงฯต่างๆจะมีผู้คนใช้มอเตอร์ไซด์มากมายจริงๆ เค้ากลัวคนทางโน้นขี่ชนเราต่างหาก  เพราะที่นั้นขับรถเลนซ้ายแล้วก็เร็วๆมาก น่ากลัวครับเรื่องอุบัติเหตุรถชนนี่ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 9 ก.ค. 50 14:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 79 แวะมาตำจอก ตอนบ่ายแก่ๆ ครับท่าน จากคุณ : Draught Beer - [ 9 ก.ค. 50 15:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สาวจำปาสัก รุ่น 4  วันนี้ไปซื้อผ้าซินกันแล้ว  สงสัยมีงานคืนถิ่นแน่ๆ จากคุณ : เด้าลมหลังเทา - [ 9 ก.ค. 50 15:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ^ ^ น้องเด้าจะพาพี่ไปเหรอจ๊ะ เผื่อพี่จะได้ไปเจอญาติพี่น้องทางโน้นบ้างไง แต่ต้องรับกลับมาด้วยน๊า ปล. สอยมาแล้วจ้า  ผ้าซิ่นตีนจกย้อมคราม 1 ผืน จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 9 ก.ค. 50 16:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 82 โห..นับถือเลยค่ะลุง สาระแน่นปึ๊กเลย ปล. คุณฉิน ตะเองใส่บาตรได้เหรอ ไม่ร้อนเหรอ จากคุณ : ทะเลตะวัน - [ 9 ก.ค. 50 17:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สะบายดีค่ะอาก๋ง ตามไปเที่ยวเมืองลาวด้วยคนนะคะ คิดฮอดหลายๆ อ่านแล้วอยากไปอีกก่อนที่อะไรๆจะเปลี่ยนไปกว่านี้ เอาใจช่วยให้การท่องเที่ยวบ้านเค้าพัฒนาไปในทางที่ยั่งยืนสวยงามนะคะ เคยไปลาวสองครั้งค่ะ เมืองหลวง ตอนปีใหม่ลาว(สงกรานต์หนะค่ะ) แล้วก็วังเวียงตอนปีใหม่ไทย ปล.แม่หญิงคห.5เธอนั่งใส่บาตรได้งามนักค่ะอาก๋ง จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ - [ 9 ก.ค. 50 18:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขยันจังค่ะ นั่งรีวิวมีสาระจนเกือบเช้า ขอบคุณล้าย  หลายเด้อค่า จากคุณ : บุหลันลอยฟ้า - [ 9 ก.ค. 50 19:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 85 จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 9 ก.ค. 50 22:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทั้งเรื่องทั้งภาพสุดยอด มาขอบคุณอาก๋งด้วยคน ไปเวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง มาเมื่อปลายปีที่แล้ว ถือพาสปอร์ตไทยไปก็ผ่านโลดเลยครับ คุณเวสารัช คห.62 ->ภาพใน คห.57 ไม่ใช่น้ำป่าครับ แต่เป็น ไนแองการ่าเอเซีย = น้ำตกคอนพะเพ็งครับ ลาวใต้ ธรรมชาติ งดงามมากครับ ลาวเหนือ ก็งดงามน่าเที่ยวเหมือนกัน ที่สำคัญ พี่น้องลาว น้ำใจงามมากๆ   อยากไปก็อย่าช้าครับ.. อย่าคิดนาน เมืองลาวไปง่าย แค่นี้เองครับ ขออนุญาตอาก๋งแปะภาพวังเวียงฝากคุณฉิน ยั่วน้ำลาย จะได้อยากไปเร็วๆด้วยละกันนะครับ :) จากคุณ : ทองดีกว่า67 - [ 9 ก.ค. 50 22:56:31 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตามมาอ่านต่อจนจบค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ แล้วแวะมาเยี่ยมหนูที่เมืองทองมั่งนะคะ จากคุณ : prettyguide - [ 10 ก.ค. 50 00:44:26 ]