ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับแหล่งข้อมูล หลักๆเลยจะมาจากรายการข้างล่างนี้ 1 Tour Book ที่ได้มาพร้อม กับแผนที่ ของ AAA อันนี้ต้องไปสมัครเป็นสมาชิก AAA ก่อน ทั้งแผนที่และหนังสือก็จะขอได้ฟรี ผมใช้เล่มนี้ในการหาโรงแรม(ร่วมกับข้อมูลจากแหล่งอื่นด้วย) เพราะมันจะบอกรายละเอียดที่ควรรู้เช่น ราคา ที่ตั้ง เข้าห้องจากด้านนอกอาคารหรือในอาคารฯลฯ  และมักครอบคลุมโรงแรมเล็กๆ ราคาไม่แพงด้วย 2 Lonely Planet  เพิ่งเคยใช้ครั้งแรกก็ติดใจแล้ว ที่ผมชอบมากในเล่มนี้คงเป็นข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมเล็กราคาถูกซึ่งบางทีหาจาก internet ไม่เจอ พร้อมทั้งcomment ที่มีประโยชน์ช่วยในการตัดสินใจได้มาก  กับแผนที่ของแต่ละเมือง(แม้แต่เมืองเล็กๆ ก็มี) ที่มีรายละเอียดที่สำคัญเช่น visitor center, ปั้มนำ้มัน, grocery store, ร้านอาหาร 3 Alaska for Dummies ผมเคยใช้ หนังสือตระกูลนี้ในทริปก่อนๆ มาแล้ว ที่ชอบมากๆ ก็คงตรงข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมที่สามารถทำได้ในแต่ละที่ พร้อมกับคำแนะนำว่าอันไหนเป็น best of the best ช่วยได้มากในการวางแผนว่าจะทำอะไร ที่ไหน 4 http://alaska.org  เน้นทางด้านทัวร์และกิจกรรม มีทั้งภาพสวยๆ และวิดีโอให้ชม มีข้อมูลให้เยอะดีควรเข้าไปเป็นอย่างยิ่ง 5 http://dot.alaska.gov/stwdplng/scenic/index.shtml  ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ที่น่าสนใจบนถนนแต่ละเส้น 6 ข้อมูลอุทยานแห่งชาติที่ http://www.nps.gov/dena/  and  http://www.nps.gov/kefj สำหรับทริปนี้ได้ไปแค่ 2 อุทยานแห่งชาติ 7 http://www.travelblog.org/  มีประโยชน์ตรงที่มีข้อมูลค่อนข้าง update จากคนที่เพิ่งไปเที่ยวมา พร้อมรูปที่นักท่องเที่ยวถ่ายเอง จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 15:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อย่าเพิ่งมึนกับจำนวนตัวหนังสือนะครับ  คคห หลังๆ ผมไม่ได้เขียนยาวแล้วครับ อลาสก้าเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกาคือมีขนาดใหญ่ถึง 1 ใน 5 ของพื้นที่ประเทศทั้งหมด หรือใหญ่กว่าประเทศไทยเกือบสามเท่า เป็นรัฐที่เข้ามาอยู่ในความครอบครองของสหรัฐอเมริกาเป็นลำดับที่ 49 (ก่อนที่จะไปยึดฮาวายมาเป็นรัฐสุดท้าย)  โดยซื้อจากรัสเซียในราคาถูกเหลือเชื่อคือประมาณ 7.2 ล้านเหรียญ (ในสมัยนั้น) หรือตกแค่ตารางกิโมเมตรละ 5 เหรียญเท่านั้น  แต่ถึงจะมีพื้นที่กว้างขวางขนาดนั้น   อลาสก้ามีคนอยู่น้อยมากนั่นคือประมาณหกแสนคนเท่านั้น  (ลองเทียบกับสิบล้านคนในพื้นที่เล็กๆแบบกรุงเทพดู)   อันเนื่องจากอากาศที่หนาวจัดในฤดูหนาว ดังนั้นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอลาสก้าจึงเป็นป่า หรือทุ่งหญ้าที่ยังเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์มากกว่า บรรดารัฐทางใต้ขนาดที่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สามารถพบหมี หรือกวางมูสเดินอยู่หลังบ้านหรือตามถนนได้บ่อยๆ  เรียกว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติจริงๆ การเดินทางในทริปนี้เลยเป็นทริปชมธรรมชาติซะเกือบหมด แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 50 16:03:35 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 50 15:59:26 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 15:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Day1 วันแรกนักเดินทางทั้ง 5 ชีวิตก็บินไป Anchorage ก่อนเลย โดยออกจาก Seattle ตอนหกโมงเช้า (อยากได้ตั๋วถูกก็ต้องอึดกันหน่อย) ใช้เวลาบินประมาณสามชั่งโมงนิดๆ ก็มาถึง Anchorage ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอลาสก้า (ประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของรัฐอาศัยอยู่ที่นี่) แต่ไม่ใช่เมืองหลวงของรัฐ เมืองหลวงของรัฐจริงๆ อยู่ที่ Juneau ซึ่งเป็นเมืองเล็กอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแต่เราไม่ได้ไปกันในทริปนี้ หลังจากไปแวะซื้อเสบียง แล้วเราก็ตรงไปที่ "Log Cabin" Visitor Information Center ที่ 4th ave & F street ที่มานี่เพื่อขอแผนที่เมืองต่างๆ และเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยเฉพาะข้อมูลอัพเดทต่างๆ ที่ไม่สามารถหาได้ล่วงหน้าเช่นถนนไหนปิด ถนนไหนไม่ควรไปช่วงนี้อะไรประมาณนี้ เยื้องๆกับ Log Cabin เป็นที่ตั้งของ Public Lands Information Center ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ และมีหนังเกี่ยวกับอลาสก้าฉายให้ดูฟรี ถ้ามีเวลาควรจะแวะเป็นอย่างยิ่ง แต่วันนี้เราต้องรีบทำเวลาก็เลยข้ามไปก่อน แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 50 16:05:55 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 15:57:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รอบๆ Visitor Information Center ก็มีร้านขายของที่ระลึกน่าซื้ออยู่หลายร้านเหมือนกันแต่วันนี้ก็ต้องข้ามเช่นกันเพื่อมุ่งไปยังเมือง Palmer ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 43 ไมล์ (70 กม.) ไปถึงก็ check in ที่โรงแรมไว้ก่อน แล้วขับไปเที่ยวแถวๆนั้นทั้งวัน ที่พักสำหรับวันแรกเป็น motel ริมทางเล็กๆ แต่ราคาไม่เล็ก คืนละ 79 เหรียญหรือสามพันกว่าบาท แต่ห้องที่นี่ก็ดูกว้างขวางและสะอาดน่าอยู่ พอหารห้าคนแล้วก็ราคารับได้พอสมควร เป็นปกติที่ที่พักที่อลาสก้านี่จะแพง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมเล็กๆโทรมๆแค่ไหน ในหน้าท่องเที่ยว ช่วงเดือนกรกฎาคมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากได้กุญแจห้องมาแล้วก็ขับไปยังที่เที่ยวแรกกันเลยนั่นคือ Matanuska Glacier ซี่งเป็นธารน้ำแข็งที่สามารถขับรถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องนั่งเรือหรือเครื่องบินใดๆทั้งสิ้น จุดแรกต้องแวะคือ view point ริมถนนที่สามารถมองเห็นธารน้ำแข็งจากมุมไกลได้แต่เผอิญเราเลี้ยวกันไม่ทันก็เลยเลยไปก่อน จากจุดชมวิวริมถนนก็จะเห็นธารน้ำแข็งนี้ชัดเจนทีเดียว จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ธารนำ้แข็งแห่งนี้ไม่ใช่แค่มองได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถเข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด และขี้นไปเดินได้เลย ประมาณ 1 ไมล์หลังเลย view point จะมีทางเลี้ยวเล็กๆเข้าไปยังธารนำ้แข็งต้องสังเกตให้ดี ถ้าจะเข้าไปยังธารนำ้แข็งต้องเสียค่าเข้าคนละ 15 เหรียญ พอจอดรถแล้วก็เห็นธารน้ำแข็งอยู่ตรงหน้าเลย รู้สึกถึงไอเย็นปะทะต้องรีบเอาเสื้อหนาวมาใส่กันใหญ่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราเดินเข้าธารน้ำแข้งทางด้านหน้าไม่ได้ เพราะเป็นทางที่น้ำไหลมารวมกันและเป็นพื้นโคลน ต้องเดินเข้าทางด้านข้างใช้เวลาเดินจากจุดจอดรถประมาณ 15  นาที ตอนแรกที่เริ่มเหยียบลงบนส่วนที่เราเห็นเป็นสีขาวนั้นต่างจากที่คิดไว้ คิดว่ามันน่าจะนุ่มเหมือนหิมะ ที่ไหนได้แข็งและลื่นมาก (ก็แหงล่ะมันเป็นธารน้ำแข็งนี่) เดินไม่ค่อยได้จะกลิ้งล้มอยู่หลายรอบ รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงต้องใส่ร้องเท้าตะปูเดินกัน จากที่คิดไว้ตอนแรกว่าจะเดินลึกเข้าไปเป็นอันต้องล้มเลิก มีคนพยายามจะเดินตรงจากด้านหน้าที่เห็นเป็นพื้นกรวดสีดำ พอก้าวเท้าลงไปกลายเป็นว่าข้างล่างเป็นโคลนจมลงไปครึ่งน่องได้ แถมโคลนที่ว่านี่ติดหนึบมากล้างออกยาก จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่ละคนก็พยายามเดินขึ้นไปบนธารน้ำแข็งลื่นบ้างจมโคลนบ้างก็สนุกดี เห็นเด็กๆฝรั่งปีนป่ายกันอย่างสนุกสนานก็ทำให้รู้สึกอยากไปเล่นแบบนั้นบ้าง แต่กลัวจะไปลื่่นล้มก้นกระแทกให้อายเด็กมันเปล่าๆ ธารน้ำแข็งที่เห็นเหมือนก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมานี้ จริงๆเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆเหมือนแม่น้ำแต่ช้าๆประมาณวันละ 1 ฟุตเท่านั้น ที่สุดปลายธารน้ำแข็งนำ้แข็งจะละลายกลายเป็นต้นน้ำ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จะเห็นว่าบางส่วนมีสีฟ้าเข้มสวยกว่าตรงอื่น พวกเราก็พยายามถ่ายรูปกันใหญ่  ไม่รู้ว่าถ้าแดดออกจะสีเข้มมากกว่านี้หรือเปล่า จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควรถึงแม้จะหนาวและเปียก แต่ด้วยความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสธารน้ำแข็งก็ปักหลักถ่ายรูป + ชื่มชมความงามของธรรมชาติอย่างไม่ท้อ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:33:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากตื่นเต้นกับการที่ได้เดินบนธารน้ำแข็งครั้งแรกในชีวิตแล้ว เราก็เดินทางไปยังจุดหมายต่อไปทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา นั่นก็คือเหมืองร้างที่ Independence Mine State Historical Park เราขับกลับมาทางเมือง Palmer เพราะทางแยกไปเหมืองนั้นอยู่เลยเมืองมานิดเดียวเท่านั้นเอง หลังจากเลี้ยวมาแล้วก็ไปต่ออีกประมาณ 17 ไมล์ (27 กม.) เป็นทางเล็กซึ่งลัดเลาะเลียบลำธารไปตามป่าจนถึงจุดหนี่งป่า ก็เปิดออกไปเป็นหุบเขาดูน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ ภูเขาสูงๆพวกนี้มีต้นไม้ขึ้นอยู่น้อย แต่ปกคลุมได้ด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตาหยั่งกับมี คนเอาพรมผืนยักษ์มาปูไว้ยังไงยังงั้น จากนั้นถนนก็มาลัดเลาะขึ้นไปตามสันเขาจนถึงเหมืองที่ปลายสุด ก่อนจะถึงปลายถนนจะมีทางแยกเล็กๆเป็นถนนลูกรังไปยัง Hatcher Pass อีกประมาณ 5 ไมล์ (8 กม.) ซึ่งในหนังสือบอกว่าสวยมาก แต่คุณป้าที่ Visitor Information Center ใน Anchorage บอกว่าไม่ควรไปเพราะถนนไม่ดีโดยเฉพาะ ถ้าใช้รถเช่าเพราะถ้ารถพังอาจมีปัญหากับคนให้เช่าได้ งานนี้ก็เลยข้ามไปยังเหมืองเลย Independence Mine State Historical Park นี้เป็นที่ตั้งของเหมืองทองเก่าขนาดใหญ่ที่เคยขุดทองได้เป็นล่ำเป็นสันมาก แต่ตอนหลังทำรายได้ไม่คุ่มทุนก็เลยถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไปในที่สุด วันที่เราไปฝนตกตลอดเลย อากาศหนาวมาก (ขนาดหน้าร้อนนะเนี่ย) พอไปถึง visitor center เหมือนเจ้าหน้าที่จะรู้เลยมีเก้าอี้ให้นั่งผิงไฟและมีกาแฟร้อนๆบริการ (แก้วละเหรียญ) ข้างในมีรูปเหมืองที่เพิ่งถ่ายเมื่อเดือนมิถุนานี่เอง ยังมีหิมะอยู่เต็มเลยตอนนี้ละลายไปหมดแล้ว พอเติมความอุ่นกันแล้วค่อยออกไปเดินกัน แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 50 16:41:39 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในบริเวณเหมืองมีอาคารเก่าๆที่เคยเป็นที่พักหรือโรงอาหารของคนงานเหมืองให้เดินดู ดูๆแล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางป่ากลางภูเขาแบบนี้ จะมีสิ่งก่อสร้างเหมือนหมู่บ้านย่อมๆ จากแผ่นป้ายบรรยายที่ตั้งไว้ระหว่างทางเดิน ทำให้รู้ว่าสมัยนั้นเหมืองนี้มีคนทำงานอยู่คึกคักมาก ซี่งแต่ละคนก็ต่างนำครอบครัวมาอยู่ด้วยจนเป็นชุมชนที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ระหว่างทางเดินมีสะพานข้ามลำธารซึ่งเป็นมีนักท่องเที่ยวกำลังร่อนทองกันอยู่ เราสามารถขอจานร่อนทองจาก visitor center มาลองร่อนเองแบบนี้ก็ได้ ในบริเวณมีอาคารนึงเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ให้เข้าชมได้ ภายในมีเครื่องมือเจาะเหมืองโชว์และจัดเป็นแบบสำนักงานเหมืองในสมัยก่อน พอเข้าไปเดินรู้สึกเหมือนเดินบ้านผีสิงก็เลยต้องรีบออกมากัน เดินไปสุดทางก็เป็นทางเข้าเหมืองที่เป็นอุโมงค์เจาะเข้าไปในภูเขาซึ่งตอนนี้ถูกปิดตายไปแล้ว รอบๆทางเข้ายังมีน้ำแข็งเกาะเป็นก้อนๆ แสดงว่าอากาศที่นี่ยังหนาวมากอยู่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากซากรางรถไฟเล็กซึ่งวิ่งเข้าไปในเหมือง ทำให้รู้ว่าเหมืองนี้จริงๆใหญ่กว่าที่เห็นมากเพราะยังประกอบไปด้วยอุโมงค์ใต้ดินอีกเยอะ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพมุมสูงในบริเวณ park ทั้งหมด ที่เห็นหลังคาแดงนั่นคือ visitor center จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อันนี้คือ Hatcher Pass Lodge ซึ่งเป็นรีสอร์ทสุดหรูอยู่ก่อนถึงเหมืองนิดหน่อย บริเวณนี้ในช่วงหน้าหนาวจะเป็นที่เล่นสกีสุดฮิตอีกที่หนึ่ง จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วิวระหว่างทางกลับ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:52:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นี่ด้วย จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ระหว่างแวะถ่ายรูปช่วงกลับ  ก็ได้เจอสัตว์โลกผู้น่ารักชนิดหนี่งนั่นคือตัว Marmot ซึ่งเป็นสัตว์ฟันแทะเช่นเดียวกับหนูและกระรอกแต่มีขนาดใหญ่กว่ามาก รูปร่างจะเหมือนกระรอกยักษ์หางสั้น ดูไปดูมาก็เจอเจ้าตัวนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ เห็นอยู่ประมาณเกือบสิบตัวได้ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เจ้านี่ ยืดตัวขึ้นมามองซ้ายที ขวาทีเหมือนกำลังรออะไรอยู่ ดูไม่ค่อยกลัวคนนักขนาดอยู่ไม่ห่างจากพวกเราเท่าไหร่ จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จากนี้เราก็ขับกลับไปยังโรงแรมที่เมือง Palmer เพื่อพักผ่อนก่อนที่จะไปตะลุยวันต่อไป Next: Day 2 - A road to Denali แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 50 17:02:26 จากคุณ : <โหน่ง> - [ 24 ก.ค. 50 16:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาปาด ขอบคุณค่ะที่พาชมที่เที่ยวสวยๆ จากคุณ : ไก่แก่แม่ปลาช่อน - [ 24 ก.ค. 50 17:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รูปสวยมากๆ ค่ะ Alaska นี่เป็นทริปในฝันของเราเลย ขออนุญาตเซฟรูปกับข้อมูลไว้ก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : กาแฟขม - [ 24 ก.ค. 50 19:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณนะคะ กำลังหาข้อมูลอยู่พอดีเลย จากคุณ : ป้าหนุ่ย (Nuiamc) - [ 24 ก.ค. 50 20:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 น่าไปมากๆ ครับ ... ผมก็ฝันไว้เช่นกันว่าวันนึงคงได้ไปที่นี่บ้าง ... จากคุณ : Oatta (SF-The KOP) - [ 24 ก.ค. 50 21:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รูปสวยจังค่ะ  กำลังเก็บเงิน และ เก็บเวลา ให้ได้ไปบ้าง เป็นที่เที่ยวในดวงใจเลยนะเนี่ย เข้ามานั่งรอต่อไปนะคะ จะ save ไว้ให้ผู้ร่วมทางในอนาคตดูด้วยล่ะ จากคุณ : JOYJARI - [ 24 ก.ค. 50 22:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมก็อยากไป ตอนนี้ มีเงินพอ แต่ไม่มีเวลาเสียอีกแล้ว และอีกไม่กี่ปี ก็จะแก่เกินเดินทางแบบคุณเจ้าของกระทู้เสียแล้ว เฮ้ออออ!! จะได้ไปไหมนี่ เอาละ เก็บข้อมูลไว้ก่อนดีกว่า หากจะไปอเมริกาอีกสักครั้ง สองครั้ง ก็คงมีอลาสก้า และฮาวายนี่แหละ รัฐหลังนี่ ไประลึกถึงความหลังเล่นนะครับ ชักเริ่มเบื่อแผนดินใหญ่ ของอเมริกาแล้ว ขอบคุณ สำหรับรายละเอียดดีดี ข้อมูลครบถ้วนครับ เขียนมากมากก็ได้ครับ ผมชอบอ่านครับ รูปก็สวยครับ ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับรีวิวนี้ จะติดตามวันต่อต่อไปครับ จากคุณ : xebec - [ 24 ก.ค. 50 22:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากเลยค่ะ อยากไปจัง ตรงข้ามกับคุณ XEBEC ตอนนี้มีเวลา แต่ไม่มีตังค์ ตอนมีตังค์ก็ไม่มีเวลา เพราะมัวแต่ทำงานหาตังค์ จากคุณ : scuba734 - [ 25 ก.ค. 50 06:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวยมากๆเลยค่ะ ข้อมูลแน่นดีค่ะ ชอบๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ninabella - [ 25 ก.ค. 50 10:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เยี่ยมมากครับ เป็นบันทึกการนำเที่ยวหนึ่งในไม่กี่ราย ที่สมบูรณ์แบบจริงๆ ภาพงาม ข้อมูลเป็นประโยชน์สุดกับคนข้างหลัง ขอบคุณมากนะครับ จากคุณ : น้าถาพร - [ 25 ก.ค. 50 20:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 31 .....Anchorage...!!เมืองที่สวยงามที่มีภูเขาที่มีหิมะปกคลุมเป็นแบ็คกราวน์อยู่ด้านหลังMtอะไรจำชื่อไม่ได้เสียแล้ว...ความหลังที่เลือนลาง ทำให้ต้องย้อนกลับไปคิดถึงอีก...Yukon river.... อาจาร์ย์Xebec ไปเมื่อไหร่ล่ะครับ ขับรถcamperไปเที่ยวให้สนุกเลย ตามที่คุณโหน่งบอกมา จากคุณ : Red Fox - [ 25 ก.ค. 50 21:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สนใจมากๆค่ะ ไม่ทราบว่า ใช้งบคร่าวๆสักเท่าไรคะ จากคุณ : aspire - [ 26 ก.ค. 50 02:19:56 A:24.136.17.161 X: TicketID:102388 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณไก่แก่แม่ปลาช่อน  -ขอบคุณที่มาเที่ยวกระทู้นี้เช่นกันครับ   คุณกาแฟขม  -ได้เลยครับ คุณป้าหนุ่ย (Nuiamc)  -ถ้าจะถามอะไรเพิ่ม เกี่ยวกับที่ที่ผมไปถามได้เลยนะครับ คุณOatta (SF-The KOP)  -ทำความฝันให้เป็นจริงเร็วๆ นะครับ ผมจะได้ชมภาพสวยๆ จาก 350D อีก คุณJOYJARI  -ขอบคุณนะครับที่จะติดตามชม :) คุณxebec  -ไม่น่ากังวลครับ ผมเห็นคนสูงอายุมาเที่ยวเยอะมาก ดูกระฉับกระเฉงและสนุกได้เท่าๆ กับวัยอื่น ที่สำคัญน่าอิจฉาตรงที่มีทุนหนากว่าวัยอื่นมากครับ คุณscuba734  -อาการนี้ ผมก็เป็นบ่อยๆ ครับ คุณninabella  -ดีใจที่ชอบครับ คุณน้าถาพร  -ผมก็ตั้งใจอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับเพื่อนๆ ในห้องนี้ครับ เคยได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากที่นี่ก็เลยอยากตอบแทนบ้างครับ คุณRed Fox  -ที่ต้ังเมืองแองเคอริจสวยครับ ติดนำ้แล้วยังมีภูเขาเป็นแบ็คกราวด์อีก คุณaspire  -ถ้าอยากทราบงบต้องติดตามทริปผมต่อไปครับ :) กระทู้ต่อไปกำลังร่างครับ แต่อาจมาช้าหน่อยครับ เพราะเสาร์อาทิตย์นี้อากาศดี คงไม่ได้อยู่ติดบ้าน จากคุณ : <โหน่ง> - [ 26 ก.ค. 50 15:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาลงชื่อเข้าชม และตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ รอกระทู้ต่อไปด้วยใจระทึก !!!   ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : หมูน้อยสีชมพู - [ วันอาสาฬหบูชา 10:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาช้าไปไหมเนี่ย ไปด้วยค่ะ สวยจัง ขอบคุณนะคะ จากคุณ : บักมี่ - [ วันอาสาฬหบูชา 11:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากๆเลยครับ เห็นแล้วอยากไปมั่ง ชอบธรรมชาติครับ จากคุณ : Esprite - [ วันอาสาฬหบูชา 22:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เป็นที่ๆน่าไปเที่ยวมากเลยค่ะ โดยเฉพาะหน้าร้อน...คิดถึง จากคุณ : น่ า น ฟ้ า (Nanfah) - [ 6 ส.ค. 50 10:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ต่อตอนสองที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6012930/E6012930.html จากคุณ : <โหน่ง> - [ 16 พ.ย. 50 01:58:43 ]