ความคิดเห็นที่ 1 ในกระทู้ที่ว่านั้น คุณ Spoonbill พูดถึงอยู่บ่อยๆ เรื่อง Wallacea และ Wallace's Line ผมพอรู้มานิดๆหน่อยๆ เอามาเล่าฝากกัน ใครรู้แล้วอย่าว่ากันเลยครับ ใครยังไม่ทราบ ก็ถือว่านำมาเล่าสู่กันฟัง รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบก scope หาม เวลาไปดูนก จะได้เล่าให้คนอื่นฟังบ้างไงครับ Wallacea กับ Wallace's Line สองคำนี้มาจากบุคคลเดียวกัน คือ Alfred Russel Wallace (1823-1913) คนนี้มีประวัติและผลงานน่าสนใจเชียวครับ เป็นบุคคลที่ผมชื่นชอบมานาน เก็บรูปเก็บประวัติ ผลงานและเรื่องราวเขาไว้เยอะ ดูหน้าตาสิครับ เหมือนคุณปู่ใจดี พร้อมจะเล่าเรื่องราวสนุกต่างๆให้ลูกหลานฟัง (ความจริงปู่ยังเป็นช่าง มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรม และดาราศาสตร์ ตามเอกสารลายมือ บอกอธิบายเหตุการณ์ Conjunctions ของดาวศุกร์และดาวพฤหัส   ที่จะเกิดในเดือนมีนาคม 1892 ส่งกลับไปเล่าให้ลูกสาวอ่าน) ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 16:30:21 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 17:47:45 จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 17:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วอลเลซ เป็นชาวอังกฤษ เกิดเมื่อ 8 มกราคม 1823 เขามีความสนใจในธรรมชาติมากตั้งแต่วัยเด็ก ตอนเรียนจบอายุแค่ 24-25 คิดโครงการใหญ่ จะออกสำรวจป่าเขตร้อนในบราซิล รูปนี้ตอนหนุ่มไฟแรงมาก ก่อนออกเดินทางไปป่าอเมซอน จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 17:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ออกเดินทางจากลิเวอร์พูลเมืองหงส์แดง แมนยูไม่เกี่ยว เมื่อเดือนเมษา 1848 ข้ามน้ำข้ามทะเลไปอเมริกาใต้เลย เพื่อนสนิทคนที่วอลเลซชวนไปลำบากด้วยกัน น่าสนใจครับ ชื่อ Henry Walter Bates (1825-1892) หลายท่านที่สนใจเรื่องผีเสื้อและแมลงคงรู้จักดี คนนี้ภายหลังเป็นนักกีฏวิทยาชื่อก้องโลก เจ้าของทฤษฎี Batesian Mimicry แปลไทยว่าไงดีล่ะ คล้ายๆ..."ทำตลกเพื่อเอาตัวรอด"..ยังงั้น เป็นพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่รอดของสัตว์ พบมากในแมลง รูป Henry Walter Bates ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 20:50:32 จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 17:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 วอลเลซ และเบทส์ ตะลอนอยู่ในป่าอเมซอนราว 4 ปี ได้พบได้เห็นพืชและสัตว์แปลกๆใหม่ๆที่ไม่มีใครได้เคยพบเคยเห็นมากมาย เก็บตัวอย่างพืชและสัตว์ได้บานเบอะ วอลเลซเดินทางกลับก่อนในปี 1852 แต่ถึงคราวเคราะห์หามยามร้ายจริงๆ เรือที่นั่งกลับอังกฤษเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้เรือป่นปี้เลยครับ อย่าว่าแต่เอกสารบันทึกข้อมูล ตัวอย่างต่างๆจะสูญสลายสิ้นเลย ตัววอลเลซพร้อมคนติดตามก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ลอยเท้งเต้งอยู่ในแอตแลนติคสิบวันบนเศษเรือพาย กว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ส่วนเบทส์เดินทางกลับอังกฤษหลังจากนั้น 7 ปีเก็บตัวอย่างแมลงเพลินไปเลย ตอนนั่งเรือกลับ หวั่นๆว่าจะเกิดเหตุไฟไหม้เรืออย่างกรณีของเพื่อนเกลอ จึงแบ่งของลงเรือมาสามลำครับ จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 18:17:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยังครับ ... ยังไม่เข็ด ด้วยหัวใจของนักสำรวจ บวกเลือดนักสู้ ความกระหายใคร่รู้ สิ่งแปลกใหม่ที่รอการค้นหายังรออยู่ คราวนี้เอาใหม่ ไม่ไปแระ ป่าอเมซอน บุกมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดีกว่า สองปีต่อมา คือในปี 1854 ออกเดินทางมาสำรวจสุมาตรา ชวา หมู่เกาะแถบนี้ทั้งหมด ใช้เวลาแปดปี มีการออกสำรวจที่สำคัญ 70 ครั้งรวมระยะทางกว่าสองหมื่นสองพันกิโลเมตร เก็บตัวอย่างเพื่อการค้นคว้า 125,660 รายการ ได้พบนกชนิดใหม่ 212 ชนิด และอีกร่วมพันชนิดเป็นมดและแมลงชนิดใหม่ของโลก เราคนดูนกมาดูกัน Wallace's Wren Warbbler Wallace's Standardwing Wallace's Fruit Dove Wallace's Scops-Owl Wallace's Owlet Nightjar Wallace's Hanging Parrot  <---ตัวนี้ดูเหมือนว่าจะสูญพันธุ์ไปซะแล้ว ตามนี้ http://www.uwsp.edu/geo/faculty/heywood/geog358/extinctb/WHngParr.htm ....และอีกมากมาย แต่ที่เรานิยมชมชอบ หลายคนเคยเห็น ผมเองเคยลงไปพบที่ทะเลบัน ตัวนี้.. เหยี่ยวหงอนสีน้ำตาลท้องขาว Wallace's Hawk Eagle (Spizaetus nanus) ขอบคุณรูปจาก thairaptorgroup.com แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 50 15:50:00 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 20:58:07 จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 18:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในการสำรวจของวอลเลซ เขาพบว่าพืชและสัตว์มีลักษณะที่แตกต่างกันโดยเห็นได้ชัด ในเขตที่แบ่งแยกกัน ภายหลังแนวเส้นนี้จึงถูกเรียกเป็น Wallace's Line แม้ภายหลังจะมีผู้ให้ความเห็นปลีกย่อยออกไป แต่ก็ยังยึดแนวหลักเดิม ตัวอย่างของกรณีนี้ ผมเคยอ่านเจอนานแล้วว่า นกโพระดก (Barbets) คงใช่นะ มีถิ่นแพร่กระจายบนหมู่เกาะชวาไปสุดแค่เกาะลอมบอค(Lombok) ตรงเส้น Wallace's line นี่แหละ จริงป่าวไม่รู้ใครรู้ช่วยผมหน่อย จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 19:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 บริเวณวอลเลเซียตามรูปจากคุณ Spoonbill ขอบคุณที่ให้ยืมครับ จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 19:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีเกร็ดที่น่าสนใจหน่อยนึง ตอนที่ผมดูกระทู้คุณ Spoonbill คห.6 เห็นชื่อเกาะ Bacan ข้างๆเกาะ Halmahera (เกาะนี้บางตำราเขียนเป็น Bachan บ้าง Batjan บ้างก็มีนะ) ทำให้ผมนึกได้ว่า ผลงานของวอลเลซอีกเรื่องหนึ่งที่แทบไม่ค่อยมีใครพูดถีง คือการค้นพบผึ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนเกาะ Bacan แห่งนี้ โดยในปี 1859 ที่เขาตะลอนไปตามเกาะต่างๆ วอลเลซค้นพบผึ้งนี้ตัวเมียมีขนาดเบ้อเฮิ่ม เขารายงานว่าผึ้งนี้ปั้นยางไม้บางชนิด เพื่อนำกลับไปสร้างรัง เรียกกันว่า Wallace's Giant Bee ภายหลังถูกตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Megachile pluto ขนาดกางปีก 6.3 ซม.ครับ ตัวยาวเกือบ 4 ซม. ผึ้งชนิดนี้ โลกได้รับรู้จากรายงานของวอลเลซตั้งแต่นั้นแล้ว ไม่มีใครเคยได้พบได้เห็นอีกเลย จนเวลาล่วงไป 122 ปี Adam Messer นักชีววิทยาชาวอเมริกันได้พบอีกครั้งในปี 1981 คราวนี้พบรังถึง 6 รังด้วยบนเกาะ Bacan และเกาะใกล้เคียงนั่นแหละครับ เป็นการยืนยันรายงานของวอลเลซให้กระจ่างขึ้น แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 23:32:15 แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 22:37:48 จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 19:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาแผนที่มาให้ดู เผื่อใครหนีไปดูนกแถวนั้น... ไม่ชวนผม ขอให้โดนผึ้งต่อย จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 19:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จากคุณ : *Cookies* - [ 19 ส.ค. 50 19:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ประวัติวอลเลซมียืดยาว เล่ากันเน็ทพังก็ไม่จบง่ายๆ ที่เด่นดังก็มีเรื่องที่เขาคิดทฤษฎีวิวัฒนาการได้พร้อมๆกับ ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin 1809-1882) แต่เขาก็ยอมให้เครดิตเรื่องนี้แก่ดาร์วินโดยตลอด ผลงานที่กล่าวถึงกันมากอีกชิ้นคือบันทึกที่น่าทึ่งชื่อ The Malay Archipelago ตีพิมพ์ปี 1869 วอลเลซจากโลกนี้ไปเมื่อ 7 พฤศจิกายน 1913 มีอายุยืนยาวถึง 90 ปี ภายหลังการเสียชีวิต  ได้รับการกล่าวถึงและยกย่องมากมาย ถือว่าเขาเป็นทั้งนักธรรมชาติวิทยา นักชีววิทยา นักสำรวจ นักมานุษยวิทยา และนักภูมิศาสตร์ แม้จะจากโลกนี้ไปเกือบร้อยปีแล้ว แต่ชื่อเสียง เกียรติคุณของ Alfred Russel Wallace ยังโด่งดัง ด้วยจิตวิญญาณของผู้ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง ทิ้งผลงานที่ได้ทำคุณประโยชน์เหลือคณานับต่อชนรุ่นหลัง ขอบคุณที่ติดตามครับ แก้ไขเมื่อ 19 ส.ค. 50 23:42:31 จากคุณ : พรเลิศ - [ 19 ส.ค. 50 19:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้เยอะจัง  แต่ผึ้งตัวนี้น่ากลัวมากค่ะ จากคุณ : แม่นกลูกดก (ป๋อง ราชบุรี) - [ 19 ส.ค. 50 19:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ   ความรู้มากเลย จากคุณ : นกแก้ว (NAMOON) - [ 19 ส.ค. 50 21:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พาน้องมีนมาเข้าเรียนด้วยสองคนค่ะ ขอบพระคุณค่ะ จากคุณ : แม่น้องมีน (แม่ซากานะ) - [ 19 ส.ค. 50 21:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 วันหลังจะหนีไปดูผึ้งยักษ์บ้าง จากคุณ : เปรี้ยวปิ๊ด - [ 19 ส.ค. 50 23:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ความรู้เช่นกัน จากคุณ : ม่านบาหลี - [ 20 ส.ค. 50 05:17:30 A:202.57.169.173 X: TicketID:107517 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยอดเยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณ จากคุณ : เอื้อ - [ 20 ส.ค. 50 08:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณครับ เคยตามอ่านประวัตินักปักษี ใน Birds magazine เมื่อไหร่จะรวมเล่มครับ จากคุณ : ขมิ้นน้อย (ขมิ้นน้อย) - [ 20 ส.ค. 50 09:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบพระคุณคะพี่พรเลิศ ที่ให้ความรู้แก่น้องๆเสมอมา จากคุณ : Spoonbill - [ 20 ส.ค. 50 10:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดีใจจังเรย  คอมซ่อมเรียบร้อยแล้ว  ไม่ได้เข้ามานานเกือบจะลงแดงอยู่แว้ว  เข้ามาก็เจอกระทู้ดีระดับห้าดาวแบบนี้  รู้งี้หายไปนานกว่านี้ดีกว่า อิอิ ขอบคุณพี่พรเลิศมั่กมากนะครับ  สำหรับความรู้ที่มีมาให้น้องๆเสมอ จากคุณ : jucgroo - [ 20 ส.ค. 50 10:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บริหารสมองมากๆครับ โหวต!! เก็บเข้าคลังกระทู้!! และ Save ^^ จากคุณ : zeromaster - [ 20 ส.ค. 50 14:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สมัยก่อน การเดินทางและการดำรงชีพในป่าคงลำบากน่าดู ต้องใจรักจริงๆ แค่ร้อยกว่าปีผ่านมาเอง หากเทียบกับอายุของโลก ผมว่าเราพัฒนาได้แบบก้าวกระโดด จากคุณ : Mesia_82 - [ 20 ส.ค. 50 16:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากค่ะ พาไปรู้จักคุณ wallace และประวัติของท่าน จากคุณ : pkkk2714 - [ 20 ส.ค. 50 17:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แอบตามมาอ่านห้องดูนก...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Ricola ร่าเริง - [ 20 ส.ค. 50 23:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้ความรู้และเป็นประโยชน์อย่างมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : พนาไพร - [ 21 ส.ค. 50 06:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้ครับ ดีใจที่เป็นประโยชน์ครับ ความรู้แบ่งปันกัน ภาพนี้เป็นพิธีศพของวอลเลซ เขาเสียชีวิตช่วงปลายปี จึงเป็นฤดูหนาวในอังกฤษ หนังสือพิมพ์ลงข่าว ถือเป็นการสูญเสียนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ยุคนั้น จากคุณ : พรเลิศ - [ 21 ส.ค. 50 08:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มีคำถามเรื่อง Batesian Mimicry อธิบายง่ายๆ คือแมลงหลายชนิดมีวิวัฒนาการลอกเลียนแบบ ให้เหมือนกับแมลงชนิดที่มีพิษ ในรูปเป็นตัวอย่างผีเสื้อที่วอลเลสรวบรวมไว้อธิบายเรื่องนี้ แถวขวาสุดเป็นผีเสื้อมีพิษ กินไม่ได้ แถวกลางเป็นผู้ล้อเลียนแบบเฉยเลย ทั้งที่ตัวเองไม่มีพิษ ด้วยเหตุผลของการรอดจากสัตว์ที่จับผีเสื้อกิน วอลเลซเปรียบเทียบไว้เป็นคู่ๆ ขอบคุณภาพจาก Natural History Museum จากคุณ : พรเลิศ - [ 21 ส.ค. 50 08:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ผมพูดไว้ตั้งแต่ต้นว่าวอลเลสมีความรู้ความสนใจดาราศาสตร์ด้วย ภาพนี้เป็นลายมือวาดแสดงการเกิด Planet Conjunctions ของโลก ดาวศุกร์ และดาวพฤหัส ในเดือนกุมภาพันธ์ 1892 ภาพนี้เขียนอธิบายปรากฏการณ์ให้ลูกสาวที่ชื่อ Violet ได้สังเกตดู ยังมีจดหมายลายมือของเขาอีกหลายฉบับที่เขียนอธิบายเรื่องราวทางดาราศาสตร์แก่ลูกสาวคนนี้ แก้ไขเมื่อ 21 ส.ค. 50 08:42:29 จากคุณ : พรเลิศ - [ 21 ส.ค. 50 08:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาเก็บเกี่ยวความรู้ ขอบคุณมากครับพี่   จากคุณ : Woodsman - [ 21 ส.ค. 50 17:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เพิ่งว่างอ่านเมื่อวานตอนเย็นเองครับพี่ พรเลิศ ชอบมากครับ จำได้ว่า เขามีหนังสือฝรั่งที่บอกว่า ใคร เป็นผู้ค้นพบ แล้วใครเป็นคนตั้งชื่อสิ่งต่างๆ ทั้งพืช นก แมลง ด้วยใช่ไหมครับ นี่ผมคลิก เก็บเข้าคลังกระทู้ไปแล้วครับพี่ โหวตด้วยแหละ เดี๋ยวต้อง บันทึกไว้ในแฟ้มส่วนตัวด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : เสือจุ่น - [ 22 ส.ค. 50 06:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับเป็นข้อมูลเชิงวิชาการที่อ่านสนุกมากครับ จากคุณ : win_woodpecker - [ 22 ส.ค. 50 07:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวต เข้าคลังกระทู้เช่นกัน ชอบ คหที่ ๙ มีการสาปแช่งซะด้วย แต่ที่ชวนไปพม่าแล้วไม่ตอบเนี๊ยะ เราแช่งบ้างล่ะ หุ หุ จากคุณ : นกร่าเริง - [ 22 ส.ค. 50 18:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตาม มาเก็บความรู้  ที่ไม่เคยรู้  มาก่อนเลยค่ะ   ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : honeybfit - [ 23 ส.ค. 50 12:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 .... จากคุณ : สเลเต - [ 23 ส.ค. 50 15:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รู้สึกดีครับ เขียนแล้วมีคนอ่าน และพอเป็นประโยชน์บ้าง ต่อไปนี้คงมีคนโทรมาชวนผมไปดูนกมากขึ้น คงกลัวโดนผึ้งต่อยมั๊ง ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องกลัวครับ อยากไปก็แอบไปได้ครับ (ถ่ายรูปมาโพสต์ให้ดูบ้างละกัน) หากจะโดนผึ้งยักษ์ต่อย ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะเค้าว่า... ผึ้งชนิดนี้เหล็กในไม่มีเงี่ยงเหมือนผึ้งทั่วไป แถมต่อยไม่เจ็บด้วยครับ ใครโดนต่อย ช่วยมายืนยันด้วยครับ เกือบลืม ...ชื่อวิทยาศาสตร์เค้าจะใช้ว่า Chalicodoma pluto ไม่ทราบอันไหนเก่า-ใหม่ ลองไปค้นต่อดูครับ รูป วอลเลซถ่ายในสิงคโปร์ ตอนอายุ 39 จากคุณ : พรเลิศ - [ 24 ส.ค. 50 15:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หากเดี๋ยวมีคนขี้สงสัย ถามขึ้นมา... ลายมือของปู่วอลเลซ ที่อธิบายเรื่องดาวศุกร์บังดาวพฤหัส (คห.28) จะตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่านะ ผมก็เลยทดลองเอาข้อมูลยุคปู่วอลเลซไปเข้าโปรแกรมคอมยุคเหลน ใส่ตำแหน่งผู้สังเกตที่กรุงลอนดอนละกัน (ไม่รู้ว่าลูกสาวแกอยู่เมืองไหน) พบว่า เช้าวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1892 ดาวศุกร์บังดาวพฤหัสหมดเลยอะ ในกลุ่มดาว Aquarius ทางซ้าย ส่วนดวงอาทิตย์สีเหลืองอยู่ในกลุ่มดาวมกร (Capricornus) ตามรูปที่ผมถ่ายจากจอคอมพ์ ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จากคุณ : พรเลิศ - [ 24 ส.ค. 50 16:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ากระทู้นี้ได้ความรู้มากเลยค่ะ จากคุณ : pit_phangnga - [ 29 ส.ค. 50 15:37:22 ]