ความคิดเห็นที่ 1 สนามบิน Tegel ที่เบอร์ลินนี่อย่างฮาเจ้าค่ะ เดินออกจากเครื่องบินมาก็เจอบูธ immigration แถมหลังบูธยังเป็น baggage claim เลย สรุปว่าเดินออกจากเครื่องไม่ถึง 10 ก้าวก็ได้กระเป๋าแล้ว โอ้วพระเจ้าจอร์จ ของเขายอดจริงๆ สิ่งหนึ่งที่เราสองคนสังเกตคือ สถานีรถไฟที่นี่ โดยเฉพาะอันที่ไม่ได้อยู่ใต้ดินนั้น ใหญ่โตมโหระทึก แถมยังดูใหม่และสะอาดสะอ้านมาก ถึงสถานีที่นี่จะไม่มีเครื่องตรวจตั๋ว เพื่อนๆก็อย่ามั่วนิ่มเชียว เพราะเราสองคนเจอพนักงานขอดูตั๋วในรถ subway มาแล้ว แต่เรามี 72-hr pass ค่ะ (แต่ถึงจะเป็น pass ก็อย่าลืม activate ตั๋วนะคะ ไม่งั้นอาจซวยได้) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราเข้าโฮสเทลเพื่อเอากระเป๋าไปทิ้ง แล้วก็เริ่มออกหาของกินทันที! จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเที่ยวซะที เราประเดิมทริปกันที่ landmark สุดดังของกรุงเบอร์ลิน Pariser Platz จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตรงที่ Pariser Platz มีคนถือป้าย Free Walking Tour อยู่ (คห.ที่ 3) เราสองคนเลยลองไป join กะเขาดู พี่ไกด์ของเราชื่อนิโคไล (จอนได้ใจมากค่ะพี่) เป็นหนุ่มบัลแกเรียแต่ไปโตที่ชิคาโก เวลาแกเล่าประวัติศาสตร์แกจะอินสุดๆ แต่ก็ไม่วายปล่อยมุขตลอด ส่วนคำถามที่ว่าทัวร์นี้ฟรีจริงรึเปล่า พี่นิโคไลว่าฟรี แต่แกไม่ปฏิเสธทิปครับ ชอบมากทิปมาก ไม่ชอบไม่ต้องทิป จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พี่นิโคไลเริ่มทัวร์โดยการเล่าถึง Brandenburger Tor(Gate) อันโดดเด่นเป็นสง่า บนยอดของ Brandenburger Tor นั้นมีรูปหล่อที่ชื่อ Quadriga ซึ่งเป็นเทพีแห่งชัยชนะนั่งบนรถม้า ตอนที่นโปเลียนตีเบอร์ลินได้ แกชอบเจ๊ Quadriga มากถึงขนาดยกกลับไปฝรั่งเศส แต่พอนโปเลียนแพ้สงคราม ชาวเบอร์ลินก็ไปเอาเทพีของพวกเขากลับมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่ฝรั่งเศสทำแสบกับคนเยอรมัน ตอนที่เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ฝรั่งเศสก็เรียกเก็บค่าปฏิกรรมสงครามจนเยอรมันแทบกระอักเลือด เงินไหลออกนอกประเทศจนเกิด Hyperinflation (จาก 1 USD = 4.2 mark เป็น 4.2 trillion mark พิมพ์ไม่ผิดหรอกค่ะ 4.2 ล้านล้านมาร์ค จริงๆ) ดังนั้นเทพี Quadriga เธอจึงหันหน้าไปทาง... จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:42:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ...สถานฑูตฝรั่งเศสที่ตั้งอยู่บน Pariser Platz พอดี!! ประมาณว่า I’ll keep my eyes on you จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เบอร์ลินนั้นจัดว่าเป็นเมืองใหม่พอสมควร ก่อตั้งประมาณปี ค.ศ.1237 ภายหลังได้กลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร Prussia ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมประเทศเยอรมันในปี ค.ศ.1871 เบอร์ลินจึงกลายเป็นเมืองหลวงของเยอรมันไปโดยปริยาย ประชาธิปไตยในเยอรมนีช่วงแรกก็ลุ่มๆดอนๆ ยิ่งมาเจอพิษเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 คนก็เลยหันไปหาทางเลือกใหม่นั่นก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์ กับพรรคนาซี ประธานาธิปดีของเยอรมันในช่วงนั้น ทนกระแสมวลชลไม่ไหว ก็เลยแต่งตั้งฮิตเลอร์เป็น chancellor เพราะคิดว่าจะคุมง่ายกว่าพรรคคอมมิวนิสต์ ผลก็อย่างที่รู้กันอยู่ อันนี้คือ Reichstag หรือ รัฐสภา ซึ่งโดนไฟไหม้หลังจากฮิตเลอร์ได้เป็น chancellor ไม่นาน นาซีใช้โอกาสนี้โยนขี้พร้อมกับกวาดล้างพรรคคอมมิวนิสต์ ว่ากันว่าคนที่เผา Reichstag ก็คงไม่พ้นพรรคนาซีเองนี่แหละ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พอเราเดินลงใต้ Reichstag มาเรื่อยๆ เราก็จะเจออนุสรณ์สถานของชาวยิวที่ถูกฆาตกรรมในยุโรป พี่ไกด์บอกว่าคนออกแบบได้ไอเดียมาจากสุสานชาวยิวในกรุงปราก ว่าแล้วก็ปล่อยให้ลูกทัวร์ได้เดินไปเดินมาข้างใน จากนั้นเดินลงมาอีกไม่ไกลก็จะเจอ Apartment blocks ของชาวเยอรมันตะวันออกในอดีต พี่ไกด์เราก็ชี้ให้ดูโลเคชั่นของบังเกอร์ที่ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายตอนจะแพ้สงคราม ปรากฎว่ากลายเป็นลานจอดรถไปซะแหล่ว! พี่นิโคไลว่าคนอย่างฮิตเลอร์ ก็สมควรแล้วที่จะไม่มีคนสร้างอนุสรณ์ให้ หรือไม่คนเยอรมันก็อยากจะลืมๆมันไปซะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาเบอร์ลิน มีหรือจะพลาดกำแพงเบอร์ลิน หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 เบอร์ลินถูกแบ่งให้กับประเทศสัมพันธมิตรทั้ง 4 ได้แก่ อังกฤษ, อเมริกา, ฝรั่งเศส และรัสเซีย ได้ดูแล ภายหลังบรรยากาศสงครามเย็นเริ่มมาคุ อังกฤษ, อเมริกา, ฝรั่งเศส เลยรวมตัวกันเป็น West Berlin คนจากฝั่ง East Berlin ก็อพยพเข้าฝั่งเวสต์เรื่อยๆ แม้จะมีการพยายาม seal border แล้ว จนรัสเซียทนไม่ไหว ก่อกำแพงเบอร์ลินซึ่งมีความยาว 160 กม. ภายในคืนวันที่ 13 ส.ค. 1961 แค่คืนเดียว ซึ่งก็สมใจพี่หมีขาว เพราะหลังจากนั้นหาคนหนีข้ามฝั่งได้ยากเต็มทน จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่พอมาในยุคกอร์บอชอฟ อดีตปธน.หัวก้าวหน้าของรัสเซีย ก็ช่วยกดดันผู้นำเยอรมันตะวันออกให้เปิดประเทศ บวกกับชาวเยอรมันตะวันออกเองก็ประท้วงเย้วๆกันอย่างไม่หยุดหย่อน ในที่สุดพรมแดนก็เปิดในเดือน พ.ย. 1989 ส่วนที่เห็นนี่คือ Checkpoint Charlie อดีตพรมแดน East Berlin กับเขตของอเมริกา ส่วนพี่ที่ถือธงอยู่เนี่ย ใช่คนอเมริกันรึเปล่ายังไม่รู้เลย จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อันนี้ไม่เกี่ยว โพสเอาฮาอย่างเดียว จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาดูอะไรเบาๆกันบ้าง พี่ไกด์พาเรามายังลาน Gendarmen Markt ฝั่งหนึ่งของลานเราก็จะเห็น Franzosische Dom ที่สร้างให้ชุมชนโปรเตสแตนท์ชาวฝรั่งเศส จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ซึ่งพอสร้างของฝรั่งเศสเสร็จ โปรเตสแตนท์ชาวเยอรมันก็อยากได้โบสถ์แบบนั้นบ้าง คิงบอกได้เลย จัดให้ ออกมาเป็น Deutscher Dom เหมือนกันจนน่าจับไปทำ photo hunt จริงๆ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนนี่เป็นมหาลัยเก่าแก่ของเบอร์ลินที่ชื่อ Humboldt Universitat ค่ะ ลานตรงข้ามตึกคือ Babelplatz ซึ่งนาซีบุกเข้าไปในห้องสมุดมหาลัยแล้วเอาหนังสือที่เขียนโดยชาวยิว หรือชาวเกย์ออกมาเผาเป็นพันๆเล่ม จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากนั้นเราก็เดินตามถนนสายหลัก Unter Den Linden มาเรื่อยๆจนถึง Berliner Dom อันใหญ่บะเริ่มเทิ่ม พี่ไกด์ก็เล็คเชอร์ประวัติศาสตร์เบอร์ลินทิ้งทวน ศิริรวมทัวร์นี้เดินขาลากไป 4 ชั่วโมงครึ่ง เราสองคนทิปพี่นิโคไลไป 20 ยูโร เพราะแกทุ่มเทมั่กๆค่ะ (บวกกับแอบสืบราคามาว่าทัวร์จ่ายตังค์เขาคิด 15 ยูโร/คน ) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีคนมาเล่นดนตรีตรงลานหน้าโบสถ์ด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาดูภายในโบสถ์บ้าง จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:53:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อันนี้โดม จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ออกจาก Berliner Dom เราสองคนก็มุ่งหน้าไปสู่ห้างสรรพสินค้า KADEWE ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปภาคพื้นทวีป (ไม่นับอังกฤษ) อ๊ะอ๊ะ อย่าคิดว่าเราจะไปช้อป เราไปกินตะหาก ชั้นบนของห้างมี Food Court ใหญ่โต แต่ราคาแพงน่าดู มีแบบที่เป็นบุฟเฟท์ที่คิดราคาตามน้ำหนัก (แล้วมันบุฟเฟต์ตรงไหนฟะ) อิฉันด้วยความหิวเลยหน้ามืดตักไปเยอะ กลายเป็นว่ามื้อนี้ อิฉันจ่ายแพงที่สุดในทริปเลยค่ะ! กรุณาอย่าถามว่าหมดไปเท่าไหร่ คิดแล้วมันแค้นนนนนนนน จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:54:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 กลับไปนอนเลียแผลใจที่โฮสเตลดีก่า ขอเชียร์เจ้าค่ะ East Seven hostel ราคาไม่แพง (25 ยูโร/คน/คืน) แชร์ห้องน้ำ แต่ว่าสะอาดมาก ทำเลใช้ได้ใกล้ subway ค่าโทรศัพท์/ internet อย่างถูก (1 ยูโรได้ซัก 15-20 นาที) มีบริการซักผ้า เหมาเป็นตะกร้าละ 5 ยูโรเท่านั้น แถมแถวนั้นร้านหน้าตาน่ากินเพียบเลยค่ะ (ไม่น่าไปกินห้างเลยตรู ) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาพี่ชอ-น้องปอตะลุยเบอร์ลินกันต่อ เดินจากโฮสเตลไปจนเจอ Hackesche Hofe ซึ่งเป็นลานสไตล์อาร์ตนูโวสีสันสดใส จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนที่จะถึง Reichstag เป้าหมายสำคัญของเรา ก็แวะถ่ายรูปตึกรัฐบาลเบอร์ลินกันก่อน อันนี้คือ Paul Lobe Haus จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ซึ่งเชื่อมกับ The House of World Cultures ด้วยสะพานข้ามแม่น้ำ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มุมด้านหน้าของ The House of World Cultures จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หลบหน่อยพระเอกมา นี่ด้านหน้าของ Reichstag เจ้าค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนที่เยอรมันรวมประเทศ เบอร์ลินก็ได้กลับมาเป็นเมืองหลวงของเยอรมันอีกหน สถาปนิกชื่อดัง Sir Norman Foster ชนะการประกวดปรับปรุง Reichstag ในปี 1992 ถึงตัวตึกด้านนอกจะเป็นของเก่า แต่ข้างในดูใหม่เอี่ยมอ่องเลยค่ะ อ้อ Reichstag นี่ไม่เสียตังค์ค่ะ ใช้แค่ความอดทนต่อคิวก็พอ (ฮา) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Sir Norman Foster แกเกิดไอเดียว่าอยากให้ประชาชนได้ใกล้ชิดกับรัฐบาล เลยออกแบบเจ้าโดมกระจกนี่ขึ้นมา ให้เราๆท่านๆสามารถเข้าไปเหยียบสถานที่ราชการแบบนี้ได้ (ขอบคุณนะค๊า ) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ข้างล่างโดมนี่เป็นที่ประชุมสภาพอดี อยากรู้จังว่าถ้า สส.แอบสัปหงกแล้วคนข้างบนจะเห็นหรือเปล่า จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ในโดมมี ramp ให้ขึ้นไปเดินเล่นด้วยค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เท่จริงๆ ตอนพลบค่ำคงสวยขาดใจ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 08:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จาก Reichstag เราก็เคลื่อนขบวนไปยัง Museumsinsel (Museum Island) อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีระดับเวิรลด์คลาสหลายอัน ประเดิมด้วย Altes Museum ซึ่งจัดแสดง Egyptian art จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:00:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มุมด้านหน้าค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 งานที่จัดแสดงด้านใน จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:01:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พิพิธภัณฑ์อียิปต์ถ้าไม่มีมัมมี่มาโชว์ คงต้องมีการเงินคืนกันล่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:02:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดาวเด่นของ Altes Museum เห็นจะไม่พ้น bust ของ Nefertiti ชื่อของเธอนั้นมีความหมายว่า ‘The most beautiful one has arrived’ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นว่านี่เป็นรูปปั้นที่หน้าตา symmetry มากๆ เสียอย่างเดียว ตาโบ๋ไปข้าง (มิน่า รูปตามไกด์บุคถึงต้องมีเงาตกกระทบทุกรูป) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 09:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จาก Altes Museum ก็ถึงเวลาของอัครมหามิวเซียม Pergamon (หรือที่น้องปอนิคเนมว่า โปเกม่อน) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ซื้อตั๋วเสร็จ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เข้าไปก็เจอ Pergamon Altar ทันที เล่นเอาพวกเราอึ้งไปเลย อันนี้เป็นซากอารยธรรมสมัยกรีก สร้างไว้ตั้งกะสมัย 170 BC จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ส่วนนี่เป็นรูปแกะสลักประดับรอบ altar ซึ่งเป็น feature ที่โด่งดังมากของ altar นี้แม้จะขาดๆหายๆแต่ก็จัดว่าค่อนข้างสมบูรณ์ ขนาดที่ออดิโอไกด์เอามาเล่าเป็นเรื่องได้เป็นฉากๆ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 นี่เป็นโมเดลของ altar เต็มๆ (ที่เอามาโชว์นั้นแค่ประมาณ 1/3 ของของจริงเท่านั้น) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ต่อจากวิหารสมัยกรีก มาอีกห้องก็เจอตลาดโรมัน จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ยังไม่สะใจ เดินไปอีกเจอ Gate of Ishtar อันนี้มาจากบาบิโลน เขาว่าทำมาจากหินสีน้ำเงินตามธรรมชาติ หันไปบอกน้องปอว่า กลับโรงแรมกันเหอะ ได้ดูแค่ 3 อันนี้ ก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ล้อเล่นค่ะ กลับได้ไง เสียชื่อทัวร์ถึกหมด นอกจากซากชิ้นใหญ่ยักษ์ทั้ง 3 แล้ว ใน Pergamon museum ยังมีโบราณวัตถุให้ดูกันอีกเพียบ อย่างอันนี้ ถ้าจำไม่ผิดเป็นเทพเจ้าปกป้องเมืองของอารยธรรม Assyrian จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แถมชั้นบนยังเป็นที่แสดงศิลปะของอิสลามอีกต่างหาก ดูกันจนตาลาย (จริงๆ) จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าใครเป็นคอโบราณวัตถุ ออกจาก Pergamon แล้วขอเชิญต่อกันด้วย Bode Museum อันนี้เป็นที่แสดงศิลปะยุค Byzantine แต่พี่ชอน้องปอของบายก่อนล่ะค่ะ แค่นี้ก็จะละเมอออกมาเป็นภาษาอียิปต์อยู่แล้ว ไว้ติดตามเบอร์ลินภาค 2 ต่อตอนหน้านะคะ จากคุณ : ha-meow - [ 27 ก.ย. 50 10:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มาชื่นชมเจ้าของกระทู้ค่ะ ขยันมากๆ ทั้งขยันเดิน และขยันโพสท์ ภาพสวยสบายตา มีสาระด้วย ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 22:57:31 จากคุณ : salamanka - [ 27 ก.ย. 50 22:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 โอ้ แจ่ม ทั้งภาพ ทั้งบรรยาย ขอยกนิ้วโป้งให้เลยจ๋องนิ้ว เก่งจริง ๆ จากคุณ : CHLOROPHYLL - [ 27 ก.ย. 50 23:43:13 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณคุณ salamanka และคุณ CHLOROPHYLL ที่อดทนอ่าน และเป็นกำลังใจให้นะคะ เด๋วทัวร์จะทวีความโหดมันฮาขึ้นเรื่อยๆค่ะ เอิ๊ก จากคุณ : ha-meow - [ 28 ก.ย. 50 07:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สนามบอลล่ะเจ๊ ลืมไรไปป่าว จากคุณ : ปอ.2 - [ 29 ก.ย. 50 06:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่า กลับมาตามดูจากทู้ภาค 2 ค่า จากคุณ : bangkok dream - [ 29 ก.ย. 50 13:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ปาร์มาแข่งกับเบอร์ลินหรือคะ ( แหม.แหม..แหม.. แซวเล่นนคะ) จากคุณ : marzo (marzo) - [ 29 ก.ย. 50 18:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จขกท.ครับ ท่าทางค่าอาหารใน Food Court จะแพงจริงนะครับ น้องที่ไปด้วยกันนั่งหน้าเครียดเชียว ปล.แต่ก็น่ารักดีครับ มีแฟนหรือยังก็ไม่รู้ อิอิ จากคุณ : แฟนไม่มา แฟนไม่มี - [ 3 ต.ค. 50 07:02:18 A:128.61.129.124 X: TicketID:156894 ]