ความคิดเห็นที่ 1 เราเดินทางสู่อิตาลีโดยทางรถไฟเส้นกลางคืนค่ะ เราจองตู้นอนแบบ 4 ที่นอนไว้ ราคาประมาณ 80 USD จองทางเว็บการรถไฟออสเตรียที่นี่ค่ะ http://www.oebb.at/vip8/pv/en/Travel_within_Europe/SparSchiene/ สายที่ไปอิตาลีจะออกจากสถานี Wien Sudbahnhof ยิ่งรีบจอง (ประมาณ 2 เดือนล่วงหน้า) ราคายิ่งถูกเจ้าค่ะ อาจจะดูลำบากเล็กน้อยเพราะดันมีแต่ภาษาเยอรมัน แต่ก็ใช้โปรแกรมแปลภาษา online ถูๆไถๆไปได้ (ท่ามกลางความสยองของน้องปอ ว่าอีพี่ชอจะพาซวยจองผิดหรือเปล่า ) อ้อ สำหรับสาวๆ เขามีห้องสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะด้วยนะคะ ส่วนนี่เพื่อนร่วมห้องเราในคืนนั้น เป็นสาวใหญ่จากอลาสก้า เธอเล่าว่ามีสาวเลี่ยนเตือนเธอก่อนขึ้นรถให้ระวังไว้ให้ดี เพราะเส้นเวียนนา-โรมนี่โจรชุกมาก แต่ห้องที่เราจองมีที่ล็อคประตูค่ะ เลยอุ่นใจได้หน่อย แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 50 20:49:53 จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนแรกเราไม่ได้วางแผนที่จะมาฟลอเรนซ์ เพราะจขกท.เพิ่งไปเที่ยวกับป๊ะป๋ามาหยกๆ แต่น้องปอโดนน้องสาวไซโคมาว่าสวยมาก เลยงอแงจะมาให้ได้ เราก็เลยพบกันครึ่งทางว่าจะไปเดินเล่นในฟลอเรนซ์ครึ่งวัน แล้วมาลุยโรมต่อตอนบ่าย รถไฟมาถึงสถานี Santa Maria Novella ตอน 6 โมงครึ่ง หลังจาก จขกท. ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีปล้ำกับโทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรไปเบิร์ทเดย์ป๊ะป๋าที่เมืองไทย พวกเราก็เริ่มรายการ(ชะโงก)ทัวร์ฟลอเรนซ์ทันทีที่เวลา 6 โมง 45 ! จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สตอปแรกก็คือ Florence Duomo หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Santa Maria del Fiore ปกติลานด้านหน้าดูโอโม่ คนจะเยอะมากถึงมากที่สุด แต่ตอนที่เราไปไม่มีแม้แต่แมวซักตัว (แหงสิ) สามารถชมความงามของโบสถ์ได้อย่างชิลๆ จุดขายที่สำคัญที่สุดอยู่ที่โดมขนาดยักษ์ที่สร้างโดย Filippo Brunelleschi สถาปนิกอัจฉริยะแห่งคศ.ที่ 15 และมักจะถูก refer ว่าเป็น Brunelleschi’s dome จขกท.เคยเขียนถึงฟลอเรนซ์ไว้แล้ว ขี้เกียจเล่าใหม่ ใครอยากอ่านแบบละเอียดๆก็ตามไปนี่นะคะ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2007/06/E5477200/E5477200.html จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:51:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนสร้าง มันเป็นโดมที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Pantheon ในกรุงโรมซึ่งสร้างมาตั้งกะคศ.ที่ 2 โน่น หลังจากศาสนาคริสต์ครองเมือง ศิลปะและเทคโนโลยีโรมันก็สาบสูญไป (คงแค้นที่สมัยก่อน ชาวโรมเข่นฆ่าชาวคริสต์ยังกะผักปลา) แต่บุรุษเรเนอซองส์สุดเดชอย่าง Brunelleschi ก็ไปนั่งศึกษาซากโรมันในกรุงโรม แล้วเอาความรู้มาประยุกต์ใช้ในการสร้างโดมอันนี้ โดมที่ฟลอเรนซ์นี่สร้างยากกว่าที่ Pantheon มากค่ะ เพราะอันโน้นอัดผนังซะหนา (23 ฟุต ถ้าจำไม่ผิด) เพื่อช่วยรับแรง แต่ที่ฟลอเรนซ์ผนังบางกว่าจม แถมอาคารยังสูงกว่าเยอะด้วย แต่บรูเนลเลสคี่ก็ทำได้สำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยการสร้างโดมสองชั้น ด้านนอกไว้รับลมฝน โดมด้านในมี chain ที่ทำด้วยหิน เหล็ก และไม้ฝังอยู่ข้างใน แถมฉาบด้วยอิฐที่วางเรียงแบบพิเศษเพื่อกระจายแรงโดยเฉพาะไว้ด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นี่คือโฉมหน้าของบรูเนลเลสคี่ค่ะ แกเฝ้ามองโดมที่แกภาคภูมิใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันข้างๆวิหารนี่เอง :D ใครอยากอ่านเรื่องราวของการก่อสร้างโดม และความฉลาดของบรูเนลเลสคี่ ขอแนะนำให้หาหนังสือ Brunelleschi's Dome: How a Renaissance Genius Reinvented Architecture ของ Ross King มาอ่านนะคะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นอกจากโดมยักษ์แล้ว ก็ยังมี facade หินอ่อนที่สวยสดงดงามสีสันคัลเลอร์ฟูลอีกด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยังไม่พอข้างๆวิหารก็จะมีหอระฆัง (Campanile ในภาษาอิตาเลี่ยน) ที่สีสันกุ๊กกิ๊กไม่แพ้กัน ออกแบบโดย Giotto ศิลปินยุคก่อนเรเนอซองส์ มีคนเคยบอกว่าถ้า Giotto ไม่เสียชีวิตด้วยโรคระบาดซะก่อน ศิลปะเรเนอซองส์จะถือกำเนิดเร็วขึ้นประมาณ 100 ปีได้ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ซาบซึ้งกับความงามของดูโอโม่แล้ว เราสองคนก็เดินชมเมืองฟลอเรนซ์ในยามเช้าตรู่ปราศจากนักท่องเที่ยวกันต่อ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พร้อมกับหยุดซื้อกาแฟข้างทาง เพื่อกินแกล้มกับข้าวเช้าของเรา Macaron จากร้านขนมสุดอร่อย Oberlaa แห่งเวียนนา คนขายย้ำนักหนาว่าให้กินภายใน 24 ชม. เคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังถึง the perfect Macaron ว่ากัดเข้าไปต้องกรอบนิดๆเหมือนเปลือกไข่ โอ้ นี่แหละใช่เลย รสชาติก็อร่อย ไม่หวานจนเกินไปด้วย Perfect Macaron makes Perfect Morning จริงๆ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 และเราก็มาถึง Piazza della Signoria จนได้ ตรงบริเวณเพียซซ่าจะมีรูปปั้นของศิลปินชื่อดัง(ของจริงบ้าง จำลองบ้าง)เต็มไปหมดเลย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แวะทักทายกับเจ๊เมดูซ่าที่อยู่แถวนั้นซะหน่อย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตรงบริเวณ Piazza della Signoria เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Uffizi ไปถึงเจอทัวร์ริสต์เป็นกองทัพเลยค่ะ แต่เราก็ไม่หยั่นเพราะจองตั๋วไว้แร้น โฮะๆ (โทรไป +39 055294883 เบอร์เดียวจองได้ทุกมิวเซียมในฟลอเรนซ์ มีเมนูภาษาอังกฤษ ค่าจอง 3 ยูโรคุ้มจะตายค่ะ ไม่ต้องยืนรอเป็นชั่วโมงๆ) อันนี้ด้านในมิวเซียม เมื่อก่อนเคยเป็น'ออฟฟิส'ของตระกูลเมดิชี่มาก่อน เลยมีชื่อว่า Uffizi จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท.เคยเขียนถึงงานศิลปะใน Uffizi อย่างละเอียด แต่กระทู้หายไปซะแล้ว ไม่เป็นไรเขียนใหม่ก็ได้ฟะ! ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ศิลปะอิตาเลี่ยน ขอบอกว่าห้ามพลาดเด็ดๆค่ะ มีงานของ Italian old masters ครบ ไม่ว่าจะเป็น Botticelli, Raphael, Da Vinci หรือ Michelangelo โดยเฉพาะภาพวาดสไตล์เรเนอซองส์ ซึ่งที่มิวเซียมนี้เป็นคอลเลคชั่นที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนอื่น มาเริ่มดูศิลปะสไตล์ International Gothic ซึ่งเป็นยุคก่อนเรเนอซองส์กันซะก่อน ภาพ Annunciation นี้วาดโดย Simone Martini ศิลปะสไตล์นี้จะเน้นการประดับประดา แต่ไม่เน้นความสมจริง และรูปจะค่อนข้างแบนไม่มีมิติ ปล.ใน Gallery ห้ามถ่ายรูป จขกท.เลยขโมยรูปในเนตมาแปะให้ดูนะคะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นวัตกรรมของศิลปะเรเนอซองส์อยู่ที่การคิดค้น mathematical perspective (วัตถุที่อยู่ใกล้มีขนาดใหญ่กว่าวัตถุที่อยู่ไกลๆ) และ foreshortening (ลองนึกภาพคนนอนแบบเอาเท้าหันมาด้านหน้า หัวไปด้านหลัง) ทำให้ภาพมีมิติและสมจริงชนิดศิลปะยุคก่อนๆทำไม่ได้ คนที่คิดค้นหลักการนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ Filippo Brunelleschi เจ้าเก่านั่นเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าศิลปินเรเนอซองส์สมัยนู้น ‘เห่อ’ perspective แค่ไหน ดูได้จากภาพ The Battle of San Romano ของ Paolo Uccello ได้ค่ะ ทั้งม้าทั้งหอก ล้มเรียงไปสู่ Central Perspective (เส้นรวมสายตา) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 20:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นอกจากนี้ สมัยเรเนอซองส์ยังเป็นการปลุกผีศิลปะแบบกรีก-โรมัน ให้กลับมามีความนิยมอีกครั้ง เราจึงได้เห็นภาพเกี่ยวกับเทพนิยายกรีกโรมันและภาพนู้ด รีเทิร์นสู่ผืนผ้าใบ ดังเช่นในภาพสุดดังภาพนี้ Birth of Venus โดย Botticelli เป็นต้น จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนนี่เป็นภาพ Annunciation ฝีมือ Leonardo Da Vinci สมัยยังเอ๊าะๆ เขาว่าดา วินชี่วาดปีกของเทวดามาจากปีกนกจริงๆแทนที่จะวาดตามแบบภาพสมัยก่อน Annunciation นั้นเป็นธีมสุดฮิตของศิลปินชาวฟลอเรนซ์ เป็นเหตุการณ์ที่เทวดาเกเบรียล นำสานส์มาบอกพระแม่มารี(ซึ่งเป็นสาวบริสุทธิ์) ว่าเธอกำลังจะตั้งครรภ์บุตรของพระเจ้า แถมไม่ได้มามือเปล่า เทวดาเกเบรียลนำดอกลิลลี่มาด้วย และดอกลิลลี่นั้นก็เป็นตราประจำเมืองฟลอเรนซ์เสียด้วย (นึกถึงตราลูกเสือ หรือไม่ก็ โลโก้สโมสรฟิออเรนติน่า) แล้วก็ให้สังเกตค่ะว่าภาพ Annunciation ของ Simone Martini นั้น เทวดาไม่ได้ถือดอกลิลลี่ แต่มีแจกันลิลลี่อยู่ข้างๆแทน เพราะคนวาดมาจากเซียน่า ซึ่งเป็นเมืองเพื่อนบ้านคู่รักคู่แค้นของฟลอเรนซ์ กั่กๆ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:02:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพนี้คือภาพ Holy Family ฝีมือของ Michelangelo ตัวของมิเคลันเจโล่นั้นไม่ชอบวาดรูปเท่าไหร่ (แกเคยทะเลาะกับดาวินชี่ด้วยค่ะ เพราะดาวินชี่มาหาว่างานปติมากรรมนั้นเป็นงานเลเบอร์ แกเลยตอกกลับไปว่า งานวาดรูปนั้นเป็นงานของผู้หญิงชัดๆ ) อันนี้รู้สึกจะวาดเพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงานให้เพื่อนสนิท ด้วยความที่มิเคลันเจโล่เป็นปติมากร แกเลยชอบวาดรูปคนที่มีท่วงท่าบิดเบี้ยว บิดตัว โชว์กล้ามเนื้อกันสุดฤทธิ์ ดังภาพนี้ แทนที่พระเยซูจะอยู่บนตักพระแม่มารี กลายเป็นพระแม่มารีต้องบิดตัวเอื้อมมือข้ามไหล่ไปอุ้มพระเยซูแทน ศิลปินรุ่นหลังเห็นเข้าเลยวาดตาม และนักวิชาการก็เลยเรียกสไตล์แบบนี้ว่า Mannerism (Manner แปลว่าจริต ที่เหลือแปลเอาเอง ) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนนี่ Ponte Vecchio มองจาก uffizi เป็นสะพานอันเก่าแก่ของเมืองที่รอดจากการถูกบอมบ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาได้อย่างเหลือเชื่อ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราใช้เวลาที่ Uffizi ไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง (โดยดูเฉพาะแต่ไฮไลต์ ฮา) แล้วก็ออกมาเดินเล่นในเมืองต่อ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อันนี้เป็นวิวจากกลางสะพาน Ponte Vecchio จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จากนั้นเราก็เดินไปโบสถ์ Santa Maria Novella กัน เพราะ จขกท. พลาดไปงวดที่แล้ว เราเดินผ่าน Via Tornabouni อย่างระมัดระวัง เพราะถนนสายนี้มีภูติผีปีศาจเต็มไปหมด ทั้งผี Gucci ผี Ferragamo ผี Armani ผี Prada (แต่ไม่มีผีกาก้านะคะ – เล่นมุกแป้กอีกแล้วตู ) น้องปอเกือบเสียท่า โดนผีๆทั้งหลายกวักเข้าร้าน เกือบไปเหมือนกัน จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลุดพ้นทางโลก เราก็เข้าสู่ทางธรรมที่ Santa Maria Novella เห็นด้านหน้าแล้วเข่าอ่อนเลยค่ะ เพราะกำลังซ่อมผนังอยู่ ตอนนี้ Santa Maria Novella เลยเป็นโบสถ์มัมมี่โดนคลุมโปงทั้งตึกไปซะ ด้านในนั้นอุดมไปด้วยภาพวาดฝาผนังระดับ Masterpieces มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Trinity โดย Massacio ซึ่งจัดว่าเป็นภาพวาดภาพแรกในโลกที่ใช้ Mathemetical perspective มาช่วยวาด รวมทั้งเฟรสโก้ใน Tornabouni chapel ของ Ghirlandaio แต่ห้ามถ่ายภาพค่ะ เลยเอารูปสวนหย่อมมาแปะให้ดูขำๆแทนละกัน จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คราก่อนที่มาเยือนฟลอเรนซ์ จขกท.ได้มีโอกาสมาหม่ำที่ร้าน Trattoria Mario แห่งนี้ที่อยู่ตลาดนัด Mercato Centrale แล้วติดใจมาก งวดนี้เลยลากน้องปอมากินด้วย ร้านนี้เปิดขายเฉพาะกลางวัน จัดว่าดังพอสมควร หน้าร้านมีรีวิวจากหนังสือพิมพ์นิตยสารต่างๆติดรับประกันคุณภาพเป็นตับเลยค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 บรรยากาศในร้านก็แนวกันเองๆ บ้านๆดี เหมือนร้านข้าวมันไก่ตึกแถวที่เมืองไทยไหมคะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:09:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อิจฉาคุณ ha-meow จริงๆค่ะ ได้ไปอิตาลีบ่อยๆ จากคุณ : Sydgirl - [ 21 ต.ค. 50 21:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เมนูจานเด็ดสำหรับผู้ที่ไม่ได้ห้อยเจ้าแม่กวนอิมมา ต้องนี่เลย Bistecca alla Fiorentina เป็นทีโบนสเต็กเอาไปย่างน้ำมันมะกอก, เกลือ แล้วก็พริกไทย ยิ่งตอนบีบมะนาวใส่ยิ่งอร่อยน้ำตาแทบไหล ของแท้ต้องเสิร์ฟแบบ Rare เท่านั้น (ที่ร้านก็มีติดป้ายไว้เหมือนกัน ถ้าผ่าไปสั่งแบบ well done ไม่รู้จะโดนไล่ออกมาหรือเปล่า ) เราสองสาวไปถึงสั่ง Bistecca มา 8 ขีดทันที (ต่ำกว่า 7 ขีดไม่ขายค่ะ) สร้างความฮือฮาให้กับกลุ่มทัวร์ริสต์ชาวเลี่ยนวัยชราโต๊ะข้างๆมาก บางคนถึงกะลุกขึ้นยืนมาดู แล้วก็สั่งตามมั่งค่ะ คริคริ น้องปอบอก ‘มิน่าล่ะ พี่ชอถึงยอมพาหนูมาฟลอเรนซ์ ที่แท้ก็เห็นแก่กินนี่หว่า’ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากนั้นเราก็กลับไปยังสถานี Santa Maria Novella เพื่อนั่งรถไฟมายังกรุงโรม รถไฟคนเย๊อะเยอะ แต่ดีอย่างที่เป็นขบวนรถด่วน ด่วนจริงๆค่ะ ตั้งแต่ฟลอเรนซ์ยันโรม มันไม่หยุดสักกะป้ายเลย! คลานออกมาจากสถานีหลัก Roma Termini จากนั้นเราก็ไปเก็บกระเป๋าล้างหน้าที่โรงแรม และออกปฏิบัติการตะลุยกรุงโรมทันที จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชะแว้บบบบบบ ขอข้าม Rome day 1 มาเป็น day 2 ก่อนเด้อ เพราะถ้าเล่า day 1 กับ day 3 ด้วยกันแล้วมันจะต่อเนื่องกันค่ะ วันรุ่งขึ้น พี่ชอน้องปอก็นั่งรถเมล์ไปดูซากอารยธรรมโรมันกันค่ะ ลงมาก็จ๊ะเอ๋กับเจ้าโคลอสเซี่ยมทันที จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สมัยก่อนมีจักรพรรดิโรมันจอมทรราชย์ชื่อ Nero ตาคนนี้สร้างวัง Domus Aurea เสียใหญ่โตหลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรม (ที่บางคนบอกว่าเป็นเนโรนี่แหละที่เผาไล่ที่ชาวบ้าน) นอกจากจะมีวังแล้ว เนโรยังสั่งให้ขุดทะเลสาปเทียมขึ้นมาข้างๆวัง พอเนโรตาย จักรพรรดิ Vespasian ก็จัดการถมทะเลสาปเอามาสร้างเป็นโคลอสเซี่ยม ซึ่งก็เอาไว้ใช้จัดงานต่อสู้ระหว่าง Gladiator, บรรดาทาส, นักโทษ แล้วก็สัตว์ป่าทั้งหลายแทน จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คนเยอะอีกแล้ว คิวซื้อตั๋วเข้าข้างในโคลอสเซี่ยมก็ยาวมากๆ มีวิธีลัดคิวอย่างไม่ผิดกฎหมายอยู่ 2 วิธีเจ้าค่ะ 1. ซื้อ Roma Pass ราคา 20 ยูโร สามารถเข้าที่เที่ยวในลิสต์ได้ฟรี 2 ที่ หลังจากนั้นก็จะได้เป็นส่วนลดแทน พร้อมแถมตั๋วขึ้นรถเมล์รถไฟใต้ดินได้ฟรี 72 ช.ม.อีกด้วย 2. ถ้าใครจะเที่ยว Palatine Hill ด้วย ก็ไปซื้อตั๋วเข้าชม Palatine Hill ก่อน เพราะตั๋วใบเดียวเข้าได้ทั้งสองที่ค่ะ เราเลือกออปชั่น 1 ค่ะเพราะกะจะไป Galleria Borghese ด้วย ก็เท่ากับเท่าทุน 20 ยูโรแล้ว จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เข้าไปก็ได้ขนลุกในความใหญ่โตมโหระทึกของโคลอสเซี่ยมทันที จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นอกจากจากจะใหญ่แล้ว โคลอสเซี่ยมยังจัดเป็นแม่แบบให้กับสนามกีฬาสมัยใหม่ด้วยค่ะ เพราะมีประตูทางเข้าออกมากมาย ให้ผู้ชม 50,000 คนสามารถออกจากสนามได้ภายในเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่อย่างที่เล่าไว้ค่ะ ว่าหลังอาณาจักรโรมันล่มสลาย ซากโรมันก็ถูกปล่อยทิ้งขว้าง มีอยู่ช่วงหนึ่งถึงกับมีการเอาโคลอสเซี่ยมมาเป็นแปลงปลูกดอกไม้ ปลูกผัก หรือแม้กระทั่งเลี้ยงไก่! แถมยังมีคนเอาหินจากโคลอสเซี่ยมไปรีไซเคิลสร้างวังสร้างโบสถ์ในกรุงโรมอีก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาจริงๆ -_- จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จบจากโคลอสเซี่ยม เราก็เดินมายังโบสถ์ San Clemente กันต่อ เพราะมันจะปิดตอนเที่ยงถึงบ่ายสามโมงค่ะ (ก่อนไปเที่ยวโบสถ์ เช็คเวลาเปิดปิดดีๆนะคะ เพราะส่วนมากจะปิดตอนเที่ยงถึงบ่ายสามบ่ายสี่) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ด้านหน้าของ San Clemente โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ 3 ชั้นเจ้าค่ะ ด้านบนเป็นสไตล์ Byzantine คศ.ที่ 12 ภายหลังมีการขุดเจอว่าด้านล่างเป็นโบสถ์ในสมัยคศ.ที่ 4 ยังไม่สะใจ พอขุดลึกลงไปอีกก็พบว่าด้านล่างเป็นบ้านคนสมัยคศ.ที่ 2 ตอนที่ไปยังเห็นมีนักโบราณคดีนั่งขุดอยู่เลยค่ะ คาดว่างวดหน้าคงเป็นเจอซากไดโนเสาร์แล้วกระมัง จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ข้างในให้อารมณ์เงียบสงบปนขลัง สมกับเป็นโบสถ์เก่าแก่จริงๆเลย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ภาพโมเสกหลังแท่นพิธี จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท.ชอบการเล่นลวดลายหินอ่อนบนพื้นโบสถ์จัง กุ๊กกิ๊กซะไม่มี จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หลังจากเที่ยวโบสถ์ San Clemente เสร็จ เราก็หาอะไรกินง่ายๆ แล้วก็กลับมายังโคลอสเซี่ยม จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 40 งานนี้เราจะเข้าไปเดินเล่นในโรมัน ฟอรั่มกันแทนค่ะ ก่อนอื่นแวะถ่ายรูปกับ Arco di Constantino กันก่อน จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถึงแล้วจ้า โรมันฟอรั่ม จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ต้นไม้นี้แปลกดี เห็นอยู่ทั่วไปในกรุงโรม ใครรู้ว่ามันเป็นต้นอะไรช่วยบอกที จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Roman Forum เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรโรมัน ที่มีทั้งวิหาร ศาลพิจารณาคดี หรือแม้แต่ตลาด อันนี้คือ Basilica di Massenzio สร้างในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนติน ไกด์บุคบอกว่าเมื่อก่อนเป็นโบสถ์ผนังหินอ่อนขนาดใหญ่บึ้ม ตอนนี้เหลือแต่ซากอิฐ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ส่วนนี่ Temple of Antoninus and Faustina ด้านหน้าเป็นซากเสาโรมัน ส่วนตัวโบสถ์ด้านหลังถูกปรับปรุงในคศ.ที่17 เลยออกมาเป็นสไตล์บาโร้กตามสมัยนิยม -_- จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Temple of Castor and Pollux...เหลือให้เห็นแต่ซาก จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 46 โรมันฟอรั่มมองจาก Capitoline Hill จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตรง Capitoline Hill มีจัตุรัส Campidoglio ที่ออกแบบโดยมิเคลันเจโล่อยู่ค่ะ จัตุรัสนี้เป็นที่ตั้งของ Musei Capitolini พิพิธภัณฑ์ที่ใช้แสดงงานศิลปะของกรุงโรม มีตั้งแต่รูปปั้นโรมัน ยันภาพวาดของคาราวาจโจ้ น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้เข้าไปเยี่ยมชม จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อันนี้ด้านหน้า มีรูปปั้นของ Castor กับ Pollox จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ที่ไหนๆในกรุงโรม เราก็จะเห็นตัวอักษรย่อ 4 ตัวนี้ SPQR ย่อมาจาก Senatus Populusque Romanus (The Senate and Roman People)ตอนนี้ใช้เป็นตราประจำกรุงโรมไปซะแล้ว (แฟนทีมโรม่าอาจจำได้ว่า ช่วงต้นฤดูกาลตอนที่ทีมยังหาสปอนเซอร์ไม่ได้ พี่เล่นแปะ SPQR คาดอกเสื้อซะเลย เท่เจงๆ) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จากนั้นเราก็นั่งรถเมล์เพื่อไป Galleria Borghese กัน Galleria Borghese เป็นแกลอรี่ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่คุณภาพคับแก้ว ก่อตั้งโดยพระคาร์ดินัล Scipione Borghese ซึ่งจัดว่าเป็นนักสะสมศิลปะที่ตาแหลม และหัวก้าวหน้ามาก (อย่างภาพของคาราวาจโจ้ที่ว่ารุนแรงเกินกว่าที่จะแขวนตามโบสถ์ พอได้ข่าวแกก็รีบไปขอซื้อต่อทันที) แต่เวลาเปิดเข้าชมของมิวเซียมนี้ก็แปลกเอามากๆคือเปิดเป็นรอบ 9-11, 11-13, 13-15, etc ครบสองชั่วโมงปุ๊บ จะโดนอัปเปหิออกจากมิวเซียมทันที ถ้าใครอยากมาขอแนะนำให้จองก่อนค่ะ (www.ticketeria.it) จะไม่จองก็ได้ แต่เห็นคนที่มาตายเอาดาบหน้าจะโดนจับยัดรอบถัดไป และมิวเซียมก็ตั้งในสวนสาธารณะ ที่ไกลจากที่เที่ยวอื่นๆเสียด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ข้างในห้ามถ่ายภาพ จขกท.จึงขโมยรูปจากในเนตมาเขียนตามระเบียบ อันนี้เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนสไตล์นีโอคลาสสิค Pauline Bonaparte โดย Antonio Canova เจ๊พอลลีนซึ่งเป็นน้องสาวของนโปเลียนนั้นได้มาแต่งงานกับคนตระกูลบอร์เกเซ่ค่ะ ตอนที่รูปนี้แกะเสร็จ ก็สร้างความฮือฮาให้กับวงสังคมกรุงโรมมาก สามีของคุณเธอก็โมโหว่าเมียตัวเองมาแก้ผ้าโพสท่าแบบนี้ได้ไง เจ๊พอลลีนตอบหน้าตาเฉยว่า ‘ก็ในสตูดิโอมันร้อนนี่คุณ’ เพดานเหนือรูป จะเป็นภาพวาด Judgment of Paris ซึ่งเกี่ยวกับเจ้าชายปารีสแห่งกรุงทรอย ที่ต้องมาเป็นกรรมการจำเป็น ตัดสินมอบแอปเปิ้ลทองคำให้ระหว่างเทพีจูโน มิเนอร์ว่า (หรืออเทน่า) หรือวีนัส ว่าใครเป็นเทพีที่งามที่สุด ผลคือวีนัสชนะได้แอปเปิ้ลไป และท่านผู้ชมสังเกตสิคะว่ามือซ้ายเจ๊พอลลีนถือลูกอะไรอยู่ คิดได้ไงเนี่ย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 งานชิ้นต่อมาเป็นอันโปรดของ จขกท. ดูจากด้านหลังก่อนค่ะ เพื่อนๆเห็นอะไร? ผู้ชายคนนี้กำลังวิ่งไล่ใครคนนึงอยู่? จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อยากทราบคำเฉลยต้องดูจากด้านหน้าเจ้าค่ะ นี่คือ Apollo and Daphne รูปสลักหินอ่อนสไตล์บาโร้ก เป็นเรื่องราวของเทพอะพอลโล ที่โดนคิวปิดหมั่นไส้ ยิงศรทองเข้าใส่ให้ไปหลงรักสาวงามนามว่า Daphne ที่ในทางกลับกันโดนคิวปิดสุดแสบยิงศรตะกั่วเข้าไป ทำให้เธอรังเกียจอะพอลโล และวิ่งหนีเขาอย่างไม่คิดชีวิต แต่พออะพอลโล่ใกล้จับตัวเธอไว้ได้ Daphne ก็ร้องขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งแม่น้ำซึ่งเป็นพ่อของเธอ เทพแม่น้ำเลยเสกให้เธอกลายร่างเป็นต้น Laurel มือและผมของเธอกลายเป็นใบไม้ เยื่อไม้เริ่มจับที่ลำตัว และนิ้วเท้าของเธอก็เริ่มหยั่งรากลึกลงบนพื้นดินเสียแล้ว แต่ดูเหมือนอะพอลโล่จะยังไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาแสดงความดีใจที่กำลังจะได้นางไม้สาวสวยมาครอบครอง งานชิ้นนี้เป็นงานที่ดังที่สุดชิ้นหนึ่งของปฏิมากรอัจฉะริยะ Gian Lorenzo Bernini ซึ่งนอกจากฝีมือการแกะสลักจะยอดเยี่ยมระดับเซียนแล้ว ยังถนัดมากในการจับโมเมนต์ที่ให้อารมณ์มากที่สุดมานำเสนอ ก่อนหน้าแบร์นินี่ ไม่มีใครกล้าแกะสลักเรื่องราวของ Apollo and Daphne เพราะมันยากเกินไป นอกจากนี้ความสนุกในการชมงานของ Bernini อยู่ที่การเดินรอบๆรูปแกะสลัก เพราะทุกองศาหมายถึงมุมมองใหม่ๆที่กำลังรอให้เราค้นพบอยู่ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 Pluto and Proserpina ชิ้นนี้ของ Bernini ก็ดังไม่แพ้ Apollo and Daphne จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดู detail กันให้ชัดๆ สาบานค่ะว่านี่เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนจริงๆ ถ้าใครไปเที่ยว แล้วเซ็งกับการที่มีมหาชนแย่งกันชื่นชมงานของแบร์นินี่ จขกท.ค้นพบเคล็ดลับในการดูอย่างสงบๆแล้วค่ะ นั่นคือรอจนใกล้ๆครบโควต้าสองชั่งโมง แล้วค่อยเดินกลับมา ถึงตอนนั้นคนจะหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ท่านและรูปสลัก (และพี่ยาม ฮา) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คาร์ดินัล Scipione ผู้ก่อตั้งมิวเซียม นอกจากจะตาแหลมแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องนโยบาย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งงานศิลปะ อย่างภาพ The Deposition ภาพนี้ วาดโดยราฟาเอลตอนที่เขายังเป็นศิลปินหน้าใหม่ไฟแรง และก็แขวนอยู่ในโบสถ์ซาน ฟรานซิสโกที่เมืองเปรูจาบ้านเกิดอยู่ร้อยปี วันดีคืนดีมันได้อันตรธานหายไปจากแท่นพิธี มาโผล่ที่บ้านตระกูลบอร์เกเซ่หน้าตาเฉย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อันนี้ภาพโปรดน้องปอ Sacred and Profane Love ของ Titian ที่แสดงถึงความสมดุลย์ระหว่าง Spiritual (ทางจิตใจ) และ Profane (ทางโลก) Love จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จาก Galleria Borghese เราก็ออกมาเดินในสวนของตระกูล Borghese ที่ตอนนี้กลายมาเป็นสวนสาธารณะที่ขนาดใหญ่พอๆกับสวนลุมไปซะแล้ว จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มีสนามให้ว่าที่นิวต็อตติได้เตะบอลด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เดินๆอยู่ในสวนปรากฎหลงค่ะ -_- จากตอนแรกว่าจะออกกำลังกายโดยการเดินไปยัง Piazza del Popolo ก็เลยเปลี่ยนเป็นขึ้นรถเมล์มาแทน Piazza del Popolo เป็นด่านแรกที่ผู้แสวงบุญจากทางเหนือจะต้องเจอเวลามากรุงโรม มีโบสถ์คู่แฝดคนละฝา Santa Maria dei Miracoli และ Santa Maria di Monte Santo ตั้งอยู่ ส่วนถนนเส้นที่ตัดตรงเข้าไปชื่อ Via del Corso ทั้งเส้นอุดมไปด้วยร้านเสื้อผ้า (และวัยรุ่นโรมันหน้าตาเอาเรื่อง ฮา ก็มันจริงง่ะ เด็กโรมหน้าตาดุ๊ดุ) จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แต่ถ้าอยากดูงานศิลปะแล้ว ทีเด็ดอยู่ที่โบสถ์ Santa Maria del Popolo เล็กๆ หน้าตาบ้านๆ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโบสถ์แฝดคู่นั้นเจ้าค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ด้านในโบสถ์ค่ะ ตอนนั้นกำลังมีคนสวดมนต์อยู่ข้างในพอดี จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เลยยิ่งเป็นการ build อารมณ์การชมภาพเขียนคาราวาจโจ้ Crucifixion of St. Peter ภาพนี้ ซึ่งหลบอยู่ใน Cesari Chapel เวอร์ชั่นภาพหัวข้อนี้ก่อนหน้า Caravaggio มักจะวาดโดยไม่ให้เห็นหน้าที่แสดงอารมณ์เจ็บปวดของเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งโดนจับตรึงกางเขนกลับหัว แต่ยี่ห้อคาราวาจโจ้จอมขบถซะอย่าง เขาทำให้เราเห็นหน้าเซ็นต์ปีเตอร์ชัดๆ แต่ภาพนี้ให้ความรู้สึกเศร้าสร้อยและซึมลึกมากกว่าที่จะช็อกคนดู จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อ้อ ใครอยากจะดูงานศิลป์ในโบสถ์กรุงโรม อย่าลืมเตรียมเหรียญไปเยอะๆนะคะ เอาไปหยอดตู้เปิดไฟส่องรูป จะได้ชื่นชมกันชัดๆ ต่อค่ะต่อ ตรงข้ามกับ Crucifixion of St. Peter ก็เป็นภาพ Conversion of St. Paul (ทั้งสองคนจัดว่าเป็นบิดาผู้ก่อตั้งโบสถ์ในกรุงโรม) เป็นเรื่องของเซนต์พอล ที่เห็นนิมิตพระเยซูจนตาบอดชั่วคราวเลยตกจากหลังม้า จะเห็นความกล้าของคาราวาจโจ้ที่เอารูปม้ากินที่ไป 2 ใน 3 ภาพ ส่วนเซนต์พอลกลับนอนอยู่ด้านล่างภาพแทน และเทคนิคที่เหมือนเอาสปอตไลท์ส่องมายังตัวเซนต์พอล ก็เป็นเครื่องหมายการค้าของคาราวาจโจ้ ที่ใช้แสงเงาเป็นตัวขับเน้นดราม่าของภาพ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 65 นอกจากนี้ ในโบสถ์ยังมี Chigi Chapel ซึ่งออกแบบโดยราฟาเอล และประดับด้วยรูปแกะสลักของ Bernini อีกด้วย จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 66 วันนี้เดินชมซากกรุงโรม กับดูงานศิลปะทัวร์วัดจนเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลาหาข้าวเย็นกินเสียที เราเลือกร้าน Matricianella ที่อยู่ไม่ไกลจากด้านใต้ของ Via del Corso เพราะอยากลองชิม Roman Cuisine ดู ประกอบกับร้านนี้ดังมาก เป็นที่แนะนำของไกด์บุคแทบทุกสำนัก สำหรับ Primi พี่ชอสั่ง Carbonara ซึ่งเป็นสปาเก็ตตี้ใส่เบคอนตีกับไข่ค่ะ หั่นเบคอนได้ชิ้นใหญ่สะใจดีแท้ (จนแทบจะเอาไปผัดคะน้าหมูกรอบได้) ส่วนน้องปอโดนเด็กเสิร์ฟเชียร์ให้สั่ง Roman Specialty สปาเก็ตตี้ Pajata ออกมาเป็นพาสต้าใส่ไส้ลูกแกะแบบที่ยังมีน้ำนมอยู่ข้างใน ฟังชวนอ้วกแบบนี้ แต่จริงๆรสชาติพอกินได้อยู่ ที่แปลกอีกอย่างคือพาสต้าจะต้มเส้นแบบแข็งๆหน่อย ไม่เหนียวนุ่มอย่างที่เคยกินที่อื่น คนโรมันเขากินกันแบบนี้เหรอเนี่ย ส่วน Primi น้องปอสั่ง stock fish ออกมาแข็ง+เค็มเล็กน้อย ส่วน จขกท. เป็นไก่อบโรสแมรี่ รสชาติอร่อยค่ะ แต่อาหารร้านนี้ ทั้งพาสต้าทั้งจานเนื้อมันรสชาติ intense เหลือเกิน กินแล้วหนักท้องจนแทบจะคลานออกมาจากร้าน น้องปอบอก เข็ดแล้วค่ะ ไม่เอา Roman Cuisine อีกแล้วค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 21 ต.ค. 50 21:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ตามมาเที่ยวฟลอเรนซ์ด้วยคนอีกรอบค่ะ จากคุณ : Yai Kaew - [ 21 ต.ค. 50 21:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สวยมากกก ดีจังได้มีโอกาสไปถึงเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในโลก น่าจะได้ไปดูวาติกันด้วยนะคะ น่าสยใจไม่แพ้กัน จากคุณ : moonshine19 - [ 21 ต.ค. 50 22:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เห็นชื่อกระทู้ดีใจดังได้แก้ว .. มีเรื่องสนุกๆ ให้อ่านอีกแล้ว แต่..แต่ .. เริ่มง่วงอ่ะ ลงชื่อไว้ก่อน แล้วจะผ่อน เอ๊ย ..ตามอ่านทีหลังนะจ๊ะ ^ ^ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 21 ต.ค. 50 22:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คิดเหมือน คคห. 69 คุณ ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน เลยค่ะ เห็นทู้แล้วดีใจ  เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆพอเห็นทู้นี้แล้วหายเหนื่อยเลย ได้ดูรูปศิลปะสวยๆกะอาหารน่ากินๆ อีกแระ ขอตามดูตามกิน (ฟรี) นะคะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 21 ต.ค. 50 23:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไปเที่ยวโรมกัยคุณ ha-meow มันร์กว่าไปเองซะอีก เรามันความรู้เท่าหางอึ่ง ดูแล้วก็ผ่านๆ ยิ่งเจอมหาชนอลเวง ความอยากหายไปเกือบครึ่ง... ว่างๆจะไปใหม่ เผื่อจะซาบซึ้งงานศิลปะของท่านเบอร์(Bernini)มากกว่านี้....นะ จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 22 ต.ค. 50 00:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ต่อค่ะต่อ เมื่อกี้โพสๆอยู่ โดนเพื่อนลากออกไปจากบ้าน ขออภัยนะก๊า หลังจากกินข้าวเย็นอิ่มท้องจะแตก เราสองคนก็เลยเดินย่อยอาหารไปจนถึงบันไดสเปนที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ตอนนั้นจะสามทุ่มแล้วค่ะ ร้านรวงทั้งหลายปิดหมดแล้ว น้องปอเลยอด shopping เลย (ส่วนพี่ชอแอบ yes! เบาๆ ฮา) แต่ก็ยังมีคนนั่งหน้าสลอนอยู่เต็มบันไดเลยค่ะ บ้านช่องไม่รู้จักกลับกันรึไง จากคุณ : ha-meow - [ 22 ต.ค. 50 03:50:27 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สั่งลาโรมวันที่สอง ด้วยน้ำพุเรือรั่วหน้าบันไดสเปนอันน่าเอ็นดู ไว้ตอนหน้าพี่ชอน้องปอจะพาไปทัวร์วัดในกรุงโรมนะคะ แฟนๆแบร์นินี่ห้ามพลาดเด็ดๆ ขอบคุณแฟนทั้งขาประจำขาจรที่ติดตามอ่านค่ะ จากคุณ : ha-meow - [ 22 ต.ค. 50 03:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ติดตามตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่ค่ะ ตอนที่ 1 - BERLIN : ขาลากที่ Berlin http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5859434/E5859434.html ตอนที่ 2 - BERLIN : The Aftermath http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5866441/E5866441.html ตอนที่ 3 - PRAGUE : Sensory Overloaded http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5875958/E5875958.html ตอนที่ 4 - PRAGUE : Prague Castle http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5882639/E5882639.html ตอนที่ 5 - HALLSTATT : I came, I saw, I fell in love with Hallstatt http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5891069/E5891069.html ตอนที่ 6 - VIENNA : เจี่ยะบ่เจ๊งทัวร์ตะลุยเวียนนา http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5902455/E5902455.html ตอนที่ 7 - VIENNA : Wien, Wein & Wagner http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E5915679/E5915679.html จากคุณ : ha-meow - [ 22 ต.ค. 50 03:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณคุณ Sydgirl ที่แวะเวียนมาทักทายค่ะ จริงๆทริปที่ไปกับน้องปอทริปนี้ ตอนแรกว่าจะไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เผอิญเกิดเหตุฉุกเฉินจนต้องเลื่อนมาปีนี้แทน ทำให้ดูเหมือนไฮโซ (ฮา) แต่จริงๆตอนนี้ จขกท. ก็นั่งกินแกลบพิมพ์กระทู้อยู่นะคะเนี่ย (โฮ) ได้เลยค่ะคุณ Yai Kaew พี่ชอน้องปอการท่องเที่ยวยินดีรับใช้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณ moonshine19 จริงๆเราสองคนว่าโรมเป็นเมืองที่บ้าๆบอๆมากกว่าสวยโรแมนติกกุ๊กกิ๊ก แต่ก็ทำให้เที่ยวสนุกดีค่ะ (น้องปอบอก ถ้าแต่งงานหนูจะไม่มาฮันนีมูนที่โรมชัวร์ๆ เพราะมันปากกัดตีนถีบเกินไปนิด ฮา) ส่วนวาติกัน รับรองมีให้ดูแน่นอน โปรดติดตามชม โอ๋โอ๋คุณ ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน ไม่ต้องหักโหมนะคะ จขกท.ไม่หนีไปไหน ยังคอยหลอกหลอนทุกท่านไปอีกซักพัก ขอบคุณค่ะคุณ Red-Rose-14Feb จขกท.พิมพ์เหนื่อยๆ เจอคำชมจากแฟนประจำแบบนี้ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเหมือนกันค่ะ คุณ marzo คนชอบเที่ยว ขา เผอิญ จขกท.เป็นแนวเที่ยวแบบ Obsessive Compulsive คือถ้าตั้งใจจะดูงานของศิลปินคนไหน ต้องศึกษาซะละเอียดและตามดูให้ครบ จนบางทีเผลอพลาดสิ่งดีอื่นๆข้างทางก็มีค่ะ ต้องให้น้องปอตบกะโหลกซักป้าบ จะทำให้พอบรรเทาอาการไปได้เล็กน้อย แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 04:43:19 จากคุณ : ha-meow - [ 22 ต.ค. 50 04:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณครับที่นำภาพสวยๆพร้อมความรู้มาให้ชม จากคุณ : rs (ruangt) - [ 24 ต.ค. 50 16:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตามมาดูแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและความรู้ดีๆค่ะ ชอบอิตาลีแต่เรื่องศิลปะนี่ไม่ได้เรื่องเลยค่ะ ถ้าเรื่องของกินนี่ถึงไหนถึงกันเลย ป.ล. อยากเห็นโบสถ์ที่ต๊อตติแต่งงานค่ะ ไม่รู้ว่าอยู่ข้างบนหรือเปล่า จำชื่อไม่ได้แล้วด้วย จากคุณ : d_totti - [ 27 ต.ค. 50 20:52:46 ]