ความคิดเห็นที่ 1 ด่านเจดีย์สามองค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองลู ก่อนถึงตัวอำเภอสังขละบุรี 4 กิโลเมตรครับ มีทางแยกขวาไปด่านเจดีย์สามองค์อีก 18 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสาย พระเจดีย์สามองค์นี้ เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทย ในสมัยโบราณก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่เขตพม่า ต่อมาในปี 2472พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้นำชาวบ้านสร้างเป็นเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้บริเวณด่านเจดีย์สาม องค์ยังเป็นช่องทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปชมตลาด ชายแดนในเขตประเทศพม่าได้อีกด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 50 23:57:29 จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:21:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อีกรูปกับด่านเจดีย์สามองค์ครับ จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตมะ เจดีย์พุทธคยาตั้งอยู่ที่บริเวณฝั่งมอญ แถวๆ หากขับรถข้ามสะพานปูนไปฝั่งมอญ แล้วเลี้ยวซ้ายไปวัดหลวงพ่ออุตมะ ผ่านโรงเรียน ผ่านหมู่บ้านชาวมอญไป จะมีแยกซ้ายและขวา เลี้ยวขวาไปวัดหลวงพ่อ ซ้ายไปเจดีย์ จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราแวะไปทางเจดีย์กันก่อน จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจดีย์พุทธคยาตั้งอยู่ที่บริเวณฝั่งมอญ แถวๆ หากขับรถข้ามสะพานปูนไปฝั่งมอญ แล้วเลี้ยวซ้ายไปวัดหลวงพ่ออุตมะ ผ่านโรงเรียน ผ่านหมู่บ้านชาวมอญไป จะมีแยกซ้ายและขวา เลี้ยวขวาไปวัดหลวงพ่อ ซ้ายไปเจดีย์ ให้เลี้ยวซ้ายครับ เจดีย์นี้ หลวงพ่ออุตมะจำลองมาจากประเทศอินเดีย ริเริ่มสร้างเมือปี พ.ศ. 2521 งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคกันมาครับ โดยใช้คนงามชาวมอญชายหญิงในหมูบ้านกว่า 400 คน ปี 2525 ได้เริ่มก่อสร้างจริงเจดีย์เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาว 42 เมตร สูง 59 เมตร มีเสาเหล็ก 4 ทิศจำนวน 16 ต้น ในปี 2532 พระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน มาประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกหัวแม่มือขวา สององค์ขนาดเท่าเม็ดข้าวสารมีสีขาวอมเหลืองเป็นเงาบรรจุในผอบ 3 ชั้น ซึ่งหลวงพ่ออันเชิญมาจากประเทศศรีลังกาและฉัตรทองคำหนัก 40 บาท ขึ้นสู่ยอดพระเจดีย์ เจดีย์นี้สวยงามมากเป็นทองเหลืองเป็นประกาย สามารถเดินชมได้โดยรอบ จะมีพระแบบมอญและไทยประจำวันเกิดตั้งอยู่รอบๆองพระเจดีย์ และมีชาวมอญจะมานั่งสวดมนต์ในวันพระเป็นภาษามอญครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 00:02:13 จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกรูปนึง จากคุณ : FullTime - [ 6 พ.ย. 50 23:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เมืองบาดาล ผืนน้ำกว้างไกล มีความหมายแห่งชีวิต และเรื่องราวเล่าขาน ตำนานเมืองสังขละบุรีที่เลือนหายอยู่ใต้ผิวน้ำชั่วนิจนิรันดร์ ราวเมืองบาดาล ใครจะเชื่อว่าเมื่อน้ำลดเมืองบาดาลทั้งเมือง ก็ปรากฏให้เห็น หรือใครดิ่งดำลงไปก็จะเห็นลวดลายแสนวิจิตร ของวิหารแห่งเมืองใต้บาดาล จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กำแพงโบสถ์ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกรูปครับ น้ำลึกประมาณ 4-5 เมตรได้ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บรรยากาศก่อนค่ำสะพานมอญ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บรรยากาศยามเช้าจากห้องพัก (พักที่สามประสบรีสอร์ท) จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆ กำลังจะไปเหมือนกัน  ขอแอบมาเก็บข้อมูลนะคะ จากคุณ : iamchula - [ 7 พ.ย. 50 00:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพมุมไกล ถ่ายสะพานมอญ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อีกบรรยากาศลองซูมดูครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อีกรูปครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนเช้าได้แวะไปทำบุญที่วัดวังก์วิเวการาม กราบหลวงพ่ออุตตมะ หลวงพ่ออุตตมะ เป็นชื่อหรือฉายาในพระบวรพระพุทธศาสนาของท่าน คือ อุตตมะหรืออุตตโม เราทั้งหลายจึงมักนิยมเรียกนามท่านตามฉายาสงฆ์ดังที่กล่าวมานี้ หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ชอบเดินธุดงค์อยู่ป่าดงมากกว่าอยู่วัดวาอาวาส ท่านถือแนวทางการประพฤติปฏิบัติพระกรรมฐานเยี่ยงพระอริยเจ้าทั้งหลายที่เคยได้กระทำมาแล้ว พร้อมกับเป็นขวัญใจของชาวไทยและชาวรามัญองค์หนึ่งในยุคนี้ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชาติภูมิของท่าน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุน เวลา ๖.๐๐ น. ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๔๒ ณ หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบล เกลาสะ อำเภอเย จังหวัดมะละแหม่ง ประเทศพม่า โยมบิดาชื่อ นายโง โยมมารดาชื่อ นางทองสุก มีอาชีพทำนา-สวน และนามเดิมของท่านนั้นบิดามารดาตั้งไว้ว่า “เอหม่อง” กาลต่อมาท่านเจริญวัยมากแล้ว บิดามารดาได้นำท่านมาอยู่วัด (เป็นเด็กวัด) เพื่อศึกษาอบรมบ่มนิสัย ให้ประพฤติตนเป็นคนดีต่อไป เมื่ออายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดโมกกะเนียง ประเทศพม่า อันเป็นวัดใกล้บ้าน โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:45:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 การดำเนินเข้ามาสู่ร่มกาสาวพัสตร์นี้ เป็นไปด้วยใจรักและเคารพ สามเณร เอหม่อง ท่านมีความปีติยินดียิ่งนัก เพราะตนเองมีความเข้าใจว่า “ได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เป็นโลกของศีลธรรมเป็นโลกที่องค์พระศาสดาเจ้าตรัส สรรเสริญ คือ เป็นโลกที่ละบาปกรรมทำชั่วแล้วทั้งปวง” ภายหลังจากบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านได้มานะอบรมศึกษาเล่าเรียนธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมโท อายุครบที่จะอุปสมบทได้ โยมบิดามารดา จึงขออนุโมทนาให้อุปสมบทต่อไป พิธีจึงจัดขึ้น ณ วัดโมกกะเนียง ต.เกลาสะ อ.เย จ.มะละแหม่ง โดยมีพระเกตุมาลาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระ นันทสาโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวิสารท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า “อุตตโมภิกขุ” จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลังจากบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว หลวงพ่ออุตตมะมีความพยายามศึกษาพระปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญ ๘ ประโยค เมื่อสอบเปรียญจนรู้ผลไปหมดสิ้นแล้ว ท่านได้หันจิตใจออกประพฤติปฏิบัติธรรม ด้วยการเที่ยววิเวกไปตามป่าเขา หยุดพักปักกลดในป่าในเขา เจริญตามเยี่ยงอย่าง กุลบุตรพุทธชิโนรสเจ้าไม่อาลัยกับชีวิตและความเหน็ดเหนื่อย ท่านถือการปฏิบัติธรรมเป็นใหญ่ ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง เสี่ยงตายเพื่อแลกมาซึ่งความดีงาม จากประเทศพม่าดั้งด้นย่นป่าเข้ามาประเทศไทย ไปทางภาคเหนือ พักอยู่วัดสวนดอก ชั่วคราวจากนั้นเดินธุดงค์ต่อไปจังหวัด แม่ฮ่องสอน แล้วย้อนกลับมาทางเชียงใหม่ หลวงพ่ออุตตมะ ได้สนทนาธรรมกับศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตหลายองค์ เช่น หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่แหวน สุจิณ?โณ นอกจากนั้นแล้วท่านยังได้เข้านมัสการและปรารภธรรมกับ หลวงปู่คำแสน อินทจักโก จ.เชียงใหม่ เป็นต้น หลวงพ่ออุตตมะ ท่านได้ผจญกับความเจ็บป่วยไข้ป่าที่ร้ายแรง และบรรดาสัตว์ป่าที่ ดุร้ายมาหลายแห่งหลายถิ่น แต่ท่านมิได้ไปสู้รบตบมือกับพวกมัน ท่านมีอาวุธธรรม เป็นเครื่องป้องกัน อาศัยจิตใจอันแน่วแน่มั่นคง เชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วดำเนินตาม อันเป็นที่สุดแห่งการปฏิบัติคือ “พระนิพาน” ในปัจจุบันนี้ หลวงพ่ออุตตมะท่านได้ละถิ่นกำเนิดในประเทศพม่า มาอยู่เป็นร่มโพธิ์ทองให้แก่มวลมนุษย์ผู้ใคร่ในธรรม และจะเป็นแดนชีวิตของท่าน คือ ประเทศไทย ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้น ท่านไม่ได้ถือเหล่าเผ่าพันธุ์ ท่านไม่ถือชาติถือตระกูล ท่านมีแต่ธรรมะคำสั่งสอนเป็นที่อาศัยให้จิตใจชื่นบาน ท่านไม่อาลัยแม้ชีวิตจะเป็นไป ถือความดีงามนั้นเท่านั้น เป็นที่อยู่และที่ไป หลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นพระนักเดินธุดงคกรรมฐาน เป็นนักต่อสู้กิเลสภายในชั้นยอดองค์หนึ่ง ขณะที่ท่านดำเนินชีวิตในเพศสมณะ ท่ามกลางป่าเขาอยู่นั้น ท่านได้น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า “ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่าสิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญา จึงไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงไปแล้วมาตามไม่ควรหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้น เฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้น ๆ ใครจะพึงรู้ว่า ความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าสู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยู ความตาย ซึ่งมีเสนาใหญ่นั้นมิได้เลย ฉะนั้นความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแลเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญดังนี้” หลวงพ่ออุตตมะ ได้อาศัยการเดินธุดงค์ ไปอยู่บำเพ็ญธรรมบนเขาหมู่บ้านชาวเขาก็หลายครั้งและเป็นเวลานาน ๆ ทางที่ท่านได้มุ่งหมายไปนั้น เป็นทางตรงที่บริสุทธิ์ ไม่มีโค้ง หรือมีซอยเล็ก ๆ ต่อไป ท่านหลวงพ่ออุตตมะ ท่านเป็นนักปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง ท่านได้ออกเที่ยววิเวกไปในเขตเมืองทวาย และได้ผ่านเข้ามาทางประเทศไทย หลวงพ่ออุตตมะต้องผจญกับภัยอันตรายจากโจรป่า สัตว์ป่า ไข้ป่าต่าง ๆ มากมาย จนสามารถฟันฝ่ากับอุปสรรคนั้นได้ ก็ด้วยพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แม้ปัจจุบันนี้ หลวงพ่ออุตตมะ ก็มีความชราภาพลงไปมากแล้วหลวงพ่ออุตตมะ ก็ไม่เคยทอดทิ้งองค์แห่งการปฏิบัติเลย ขณะนี้หลวงพ่ออุตตมะ ยังเป็นขวัญจิตขวัญใจของเราชาวพุทธทุกคน ท่านยังรอต้อนรับผู้จะปฏิบัติธรรมกับท่าน แม้ท่านที่มองเห็นคุณค่ามหาศาลนี้ ก็ขอให้เดินทางไปนมัสการที่  วัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี คงจะได้พบกับแสงสว่างในธรรมะอย่างสิ้นสงสัย หลวงพ่ออุตตมะ นับว่าเป็นพระอริยบุคคลผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่งในปัจจุบัน จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:47:03 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากนั้นกลับยังที่พักถ่ายรูปที่สะพานมอญอีกครั้งก่อนที่ออกเดินทางไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ครั้งนี้ที่มาก็ถือว่าโชคดีที่เราไม่เจอฝนขณะตอนไปเที่ยว ฝนจะตกตอนกลางคืนทุกคืน ตอนเช้าก็จะหยุดตกพอดีครับ แต่ภาพที่ออกมาจะไม่ค่อยสดใสเท่าไรเพราแทบจะไม่เห็นแสงเท่าไร จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สะพานมอญ มุมจากที่พักครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลองซูมดูอีกรูปครับ ก่อนออกเดินทาง จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สะพานมอญ อยู่ในตัวอำเภอสังขละบุรี เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง 850 เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลียสำหรับให้ประชาชนฝั่งตัวอำเภอสังขละบุรีและฝั่งหมู่บ้านชาวมอญเดินข้ามสัญจรไปมา บริเวณสะพานแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณที่สวยงามสามารถมองเห็นลำห้วยสายต่างๆ คือ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตี ที่ไหลมารวมกันเป็นสามประสบ สะพานไม้แห่งศรัทธา สะพานนี้มีชื่อเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เพราะหลวงพ่ออุตมะ ให้สร้างโดยใช้แรงงานของชาวมอญ ไม่ต้องจ้าง รถยนต์ข้ามไม่ได้ ต้องเดินข้าม จอดรถทิ้งไว้ เดินข้ามลำน้ำซองกาเรีย ซึ่งจะเดินข้ามไปยังชุมชนชาวมอญ สะพานยาว ๘๕๐ เมตร เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย บริเวณสะพานนี้เป็นจุดชมวิวที่จะมองเห็น ๓ แม่น้ำ มาบรรจบกันคือ แม่น้ำซองกาเรีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมารวมกันจึงเรียกว่า "สามประสบ เดินข้ามสะพานไม้ชมวิถีชาวมอญ อำเภอสังขละบุรี การเดินข้ามสะพานไม้ไปเที่ยวฝั่งมอญ ควรไปแต่เช้า เดินไปตามสะพานไม้ที่คดเคี้ยวพลิ้วไหว ในลำน้ำมีเรือชาวบ้านแล่นผ่านไปมา พระอาทิตย์สีส้มดวงโตผุดขึ้นเหนือหมู่บ้าน ท่ามกลางหมอกสีขาว โอบล้อมด้วยขุนเขา บ้านหลังเล็กๆ ปลูกแบบเรียบง่าย เรียงรายอยู่ริมน้ำ ไล่ขึ้นไปถึงเนินเขาเตี้ยๆ ด้านบน ในหมู่บ้านยังมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้เห็น ผู้ชายนุ่งโสร่ง ผู้หญิงใส่เสื้อแขนกระบอก นุ่งผ้าซิ่น ประแป้งสีเหลือง เสียบดอกไม้ที่มวยผม เทินสำรับอาหารไว้แล้วเดินเป็นแถวไปทำบุญที่วัด วัดหลวงพ่ออุตตมะหรือวัดวังก์วิเวการาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวมอญ ลองเดินชมศิลปกรรมวิจิตรแปลกตาในวัด และเจดีย์พุทธคยา เลือกซื้อของฝากของที่ระลึกในตลาดข้างเจดีย์แล้ว ขากลับแวะไปเที่ยวตลาดมอญ ตลาดสดเล็กๆ ของหมู่บ้าน หรือจะลองชิมอาหารแบบมอญ เลือกซื้อปลาสดๆ จากทะเลสาบ พืชผักพื้นบ้าน ฯลฯ ไปเป็นของฝาก จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 00:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 และก็ออกเดินทางไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เส้นทางไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น วิ่งตรงเลยทางแยกเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ไป สู่บ้านท่ากระดาน ,ไปจนสุดทางจะพบทางลงแพขนานยนต์ ถ้าขี้เหนียวหรืออยากชมวิวก็ให้วิ่งไปทางขวาอ้อมไปประมาณ ร่วม 10 ก.ม.ก็จะมาบรรจบกับเส้นทางที่ขึ้นจากแพขนานยนต์ วิ่งต่อไปอีกประมาณ 15-20 ก.ม.จะเจอป้ายบอกทางลงแพขนานยนต์ทางซ้ายมือไปสู่น้ำตกแม่ขมิ้นวิ่งไปตามทางลูกรังน่าจะประมาณสัก 6-7 ก.ม. ลงแพขนายยนต์ไปขึ้นฝั่งตรงข้ามแล้ววิ่งตามทางลูกรังไปอีกร่วม 10 ก.ม.ก็จะถึงที่ทำการ อช.ศรีนครินทร์ อันเป็นที่ตั้งของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น มีป้ายบอกตลอดทางครับ...... ที่กล่าวมาเป็นทางที่ดีครับ แต่ผมไปทางจากเขื่อนศรีนครินทร์ โดยไปทาง 42 กม. ทางสุดยอดครับ ไม่แนะนำรถเก๋งเด็ดขาด แต่ทางนี้ไม่ต้องขึ้นแพขนานยนต์ ทางรถกระบะหรือ Offroad ไปได้สบายมาก จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น้ำตกห้วยขมิ้น ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ ห่างจากกาญจนบุรีประมาณ 108 กิโลเมตร น้ำตกห้วยขมิ้นมีสภาพสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทั่วบริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด น้ำตกแบ่งออกเป็นหลายชั้น แต่ละชั้นมีความสูงและความงดงามต่างกันไป อุทยานฯ ได้ทำทางเดินเท้าสำหรับขึ้นไปชมน้ำตกแต่ละชั้น ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวอยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ การเดินทางไปน้ำตกห้วยขมิ้นโดยทางรถยนต์ จะใช้เส้นทางสายกาญจนบุรี-เอราวัณ ผ่านถ้ำพระธาตุห้วยพุมุด (วัดพุมุด) เข้าถึงบริเวณน้ำตกรวมระยะทางประมาณ 104 กิโลเมตร ควรใช้รถสภาพดีมีกำลังขับเคลื่อนสูง หรือจะเช่ารถสองแถวจากตัวเมืองหรือที่ตลาดเขื่อนศรีนครินทร์ หรือเดินทางทางเรือโดยลงเรือที่ท่าหม่องกระแทะหรือท่าเรือท่ากระดาน ซึ่งอยู่ห่างจากทางแยกเข้าเขื่อนศรีนครินทร์ประมาณ 12 กิโลเมตร ในบริเวณอุทยานฯ มีบ้านพักและสถานที่กางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยว รายละเอียดติดต่อกองอุทยานแห่งชาติ โทร. 579-0529, 579-4842 จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไปครั้งนี้ไม่ได้นอนเต้นท์ แต่เอาเต้นท์ไปเผื่อเหมือนกัน พอดีไปถึงก็มืดพอดีและได้บ้านพักของทางอุทยานฯ พอเข้าห้องพักฝนก็ตกพอดีครับโชคดีอีกตามเคย ดีนะครับไม่ได้ตกตอนที่ขับทาง 42กม ไม่งั้นขับลำบากเพราะรถไม่ใช่ 4WD เพราะรถ CR-V ลุยไม่ได้มาก เจ้าหน้าที่อุทยานใจดีมากครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บรรยากาศตอนเช้าหลังฝนตกเมื่อคืนครับ ถ่ายตรงระเบียงที่ห้องพัก จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อีกรูปตรงระเบียงเช่นกัน จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่นั่งเล่นแถวข้างๆบ้านพัก ถ้ามีเวลาคงมานั่งเล่น ได้บรรยากาศดีครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเพียง 100 เมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เกิดจากลำห้วยแม่ขมิ้นที่ไหลผ่านเทือกเขาหินปูนลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ก่อให้เกิดน้ำตกที่สวยงามทั้งหมด 7 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อเรียกเรียงลำดับจากชั้นที่ 1 - 7 ดังนี้ คือ ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า ระยะทางรวม 2,270 เมตร จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 01:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตรงจุดที่กางเต้นท์จะอยู่พอดีกับชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว (เขาว่าสวยที่สุดในชั้นนี้) จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พวกเราเริ่มจากเดินขึ้นไปชั้นที่ 5 6 และ7 ก่อน ภาพนี้เป็นน้ำตกชั้นที่ 5 "ไหลจนหลง" จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชั้น6 ครับ "ดงผีเสื้อ" จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ชั้น 3 " วังหน้าผา" จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มุมไหน?? ลืมซะแล้ว จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หลังจากที่เดินกันจนเมื่อย ก็พักทานข้าวเที่ยงก่อนที่จะออกเดินทางกลับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถ่ายรถกับป้ายซะหน่อย กว่าจะมาถึงได้ก็เลอะไปทั้งคัน จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 02:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ออกเดินทางกลับ ครั้งนี้ไม่ได้กลับทางที่มา แต่กลับทางแพขนานยนต์ครับ วันที่กลับเป็นวันจันทร์ เงียบมากๆ แพขนานยนต์ช่วงแรก ไม่มีรถมาขึ้นด้วยเลยจึงต้องเหมาข้ามไป จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:12:34 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดาราหน้ากล้อง คิดว่าผู้ที่มาเที่ยวแล้วผ่านทางแพขนานยนต์นี้คงได้เห็นกันทุกๆคน จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:15:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แปลกนะ ทำไมมี 3 ตัว จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แถมอีกรูป จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มีคันเดียวครับ ช่วงนี้ก็ชมบรรยากาศ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 46 3 ตัวอีกครั้ง จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพนี้ก่อนขึ้นแพขนานยนต์อีกครั้ง สังเกตก้อนเมฆเหมืนอะไรเอ่ย?? จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ท้องฟ้า กะ ท้องน้ำ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ท้องน้ำ กะ ท้องฟ้า ขอจบรายงานแต่เพียงเท่านี้ครับ ยินดีที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 03:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ภาพสวยครับ แต่อุตส่าห์ไปถึงด่านเจดีย์สามองค์ น่าจะข้ามด่านไปวัดเสาร้อยต้น ที่หลวงพ่ออุตตมะเป็นผู้สร้าง และตลาดพญาตองซู จากคุณ : laser - [ 7 พ.ย. 50 03:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ และภาพสวย ๆ ค่ะ จากคุณ : scuba734 - [ 7 พ.ย. 50 04:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ภาพสวยงาม ระดับ Gallery และขยันเล่าเรื่องจริง ๆ ครับ จากคุณ : หมอดาริน - [ 7 พ.ย. 50 08:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ภาพสวยงามมากๆ อยากไปบ้างจังเลย จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 7 พ.ย. 50 09:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ว้าวดีจะ กะลังจะไปตามรอย เจอรีวิวนี้พอดี รูปสวยด้วย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ดวงดาว หัวใจ ดอกไม้ ชายทะเล - [ 7 พ.ย. 50 13:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 55 รูปสวยมากค่ะ ต้อง login เข้ามาชื่นชมเลย จากคุณ : รักแม่ดีกว่า - [ 7 พ.ย. 50 13:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ภาพสวย เนื้อเรื่องเยี่ยมครับ นับถือ... จากคุณ : pixa - [ 7 พ.ย. 50 13:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถ่ายรูปส่วยๆอย่าง lens มุมกว่างอย่างนี้ ยังมาบอกว่าสู้กล้องผมไม่ได้ ไม่จิงอ่ะ ของพี่ก็สวยรูปผมออกจะมืดไปด้วยซ้ำ แล้วค่อยไปเจอกันที้ผ้าห่มปกดีกว่า แล้วไหงรูปเจดีย์ไม่เอามาแต่เจดีย์ละ เอาผมเข้าไปทำไม้ เมฆนุ่มๆน้ำตกนุ่มๆแล้วก็รีเจนซี่นุ่มนะ ต้องขอเบิกกะใครอ่ะ คุณFullTime จากคุณ : Run (Oly Lan) - [ 7 พ.ย. 50 15:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ภาพสวยงามมากๆเลยค่ะ เห็นแล้วอยากไปที่สุดค่ะ จากคุณ : janeko - [ 7 พ.ย. 50 22:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 59 รูปสวยมากเลยนะคะแต่ขอรบกวนถามหน่อยว่ามีคนไปกางเต็นท์บ้างไหมคะแบบว่ากำลังจะไปสิ้นเดือนนี้ค่ะ จากคุณ : kikgle (kikgle) - [ 7 พ.ย. 50 22:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบคุณ kikgle หมายถึงลานกางเต้นท์ที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นหรือป่าวครับ ถ้าใช่เรื่องลานกางเต้นท์ ไม่ต้องกลัวครับมีคนไปกางเต้นท์แน่นอนครับ ช่วงที่ไปฝนตกก็ยังเห็นมีคนกางเต้นท์เลยครับ และไปช่วงหนาวนี้ไม่มีฝนด้วยเหมาะที่สุดเพราะลานกางเต้นท์บรรยากาศดีมากๆครับ จากคุณ : FullTime - [ 7 พ.ย. 50 23:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 61 สวยจริงๆค่ะภาพอ่ะ ขอบคุณที่เก็บมาฝากนะคะ กะลังคิดจะไปเที่ยวกาญพอดี รูปสวยจริงๆค่ะ จากคุณ : nongmuu - [ 8 พ.ย. 50 07:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณมากนะคะคุณfulltimeที่ไห้ความกระจ่างในเรื่องลานกางเตนท์ค่ะ จากคุณ : kikgle (kikgle) - [ 8 พ.ย. 50 22:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ภาพสวยมากๆครับ จากคุณ : รักจังเมืองไทย - [ 10 พ.ย. 50 16:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สุดยอดครับ .. จากคุณ : จอบบ้อน - [ 26 พ.ย. 50 15:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 65 รูปงามมากๆค่ะ กำลังคิดจะไปสังขละบุรีอยู่เลย เห็นรูปแล้วยั้งใจไม่อยู่ ^^ จากคุณ : noomai (noomai) - [ 27 ธ.ค. 50 17:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 รูปสวยมากเลยคะ ว่าจะไปปีใหม่นี้คะ จากคุณ : oxozia - [ 30 ธ.ค. 50 19:56:14 ]