ความคิดเห็นที่ 1 จากเรื่องราวที่กล่าวข้างต้น  จึงก่อให้เกิดโครงการจัดการอบรมเยาวชนเพื่อการเรียนรู้สำหรับงานอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อม ของจังหวัดนครนายก โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก ปตท.แห่งประเทศไทยผ่านทางท่านผ้ว่าราชการจังหวัดนครนายก  และมอบหมายให้ศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยวฯเป็นผู้รับดำเนินการครั้งนี้ นครนายก  เป็นจังหวัดเล็กๆที่มีภูมิประเทศด้านทิศเหนือเป็นภูเขาขวางกั้น แบ่งแยกอีสานและภาคกลางอย่างเด่นชัด และแนวภูเขาดังกล่าวก็คือเทือกเขาดงพญาเย็น.....นั่นเอง จากการที่พื้นป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีหนึ่งส่วน เป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบดูแลของนครนายก  เมื่อย้อนอดีตตำบลท่าด่านในครั้งเก่าก่อน  ก็คือตำบลที่มีชุมชนก่อตั้งที่อยู่อาศัยบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณสระน้ำหนองขิง(ลาน ฮ.เก่า)นั่นเอง เท่ากับว่าความผูกพันของชาวนครนายกกับเขาใหญ่มีเป็นมาเนิ่นนานมากทีเดียว  รวมถึงเรื่องราวของเจ้าพ่อเขาใหญ่หรือขุนด่านที่โด่งดังเมื่อครั้งอดีตก้เช่นกัน  วันนี้เยาวชนที่เป็นตัวแทนจากโรงเรียนทั้ง 4 อำเภอของจังหวัดนครนายก  ได้ก่อตั้งจัดเป็นกลุ่มชมรมนักนิยมไพร.... เพื่อเรียนรู้การรักษาสิ่งแวดล้อมและร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าของเขาใหญ่ พร้อมจัดขบวนการสำหรับการจัดการเดินป่าท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างถูกต้องในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเป็นการช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเช่นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ให้พร้อมเพื่อรองรับการท่องเที่ยวกับฤดูกาลหนาวนี้ที่จะมาถึงนั่นเอง พิธีการเปิด  โครงการอบรมเยาวชนนักนิยมไพรเขาใหญ่มรดกโลก รุ่นที่1  จากเยาวชน 4 อำเภอ ( อ.เมือง-อ.ปากพลี-อ.บ้านนา-อ.องครักษ์ ) จำนวน 35 คน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 02:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภายหลังวันที่ 29 ตุลาคม 50  ผมได้เดินทางกลับมาจากการเดินป่าท่องไพรยอดเขาสมอปูน ร่วมกับน้องๆจากBPของเรา กำหนดการจัดอบรมดังกล่าวก็เริ่มขึ้นอย่างเร่งด่วน  เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะกระทำให้สอดคล้องกับโครงการสายใจไทยสู่ภาคใต้ ที่ท่านนายกรัฐมนตรี(คนปัจจุบัน)เป็นผู้จัดการดำเนินโครงการดังกล่าว และที่สำคัญ  โครงการสายใจไทยสู่ภาคใต้ในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของโครงการดังกล่าวที่ดำเนินงานโดยใช้งบประมาณแผ่นดิน ภาพรวมคณะจัดงานดังกล่าวอีกทั้งคณะวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมครั้งนี้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 02:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในด้านความงดงามและ อุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นป่าเขาลำเนาไพร หุบเหว ห้วยน้ำตก หาดทรายชายทะเล เกาะแก่ง ไปจนถึงพันธุ์พืชและสัตว์ป่าทั้งหลาย ซึ่งบางชนิดเป็นพันธุ์หายาก หาได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น  พันธุ์พืชของไทยนั้นมีมากมายหลากหลาย ในภาคเหนือเราจะพบไม้ผลัดใบจำนวนมากที่สลัดใบทิ้งในช่วง 6 เดือนที่เป็นฤดูแล้ง บนดอยหรือที่สูงจะมีทั้งป่าสนและต้นเมเปิล ส่วนพื้นที่ป่าฝนในภาคใต้จะพบตั้งแต่ป่าพรุไปจนถึงป่าดงดิบที่เขียวขจีรายล้อมดงภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาสวยงาม พันธุ์พืชในประเทศไทยยังครอบคลุมไปถึงไม้ผล , ป่าไผ่ , ไม้ยืนต้นเขตร้อน และอีกกว่า 10,000 สายพันธุ์ของไม้ดอก ซึ่งรวมทั้งดอกกล้วยไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ส่วนสัตว์ป่าของไทยนั้นมีหลากหลายเช่นกัน ต่างปรับตัวไปตามสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่ต่างกันออกไปสัตว์ป่าทางภาคเหนือมักจะเป็นแบบอินโดจีน ส่วนทางใต้เป็นแบบมาเลย์เชียและอินโดนีเซีย สัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของไทย เฉพาะสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีเป็นร้อยๆสายพันธุ์ เช่น เสือโคร่ง เสือดาว หมี ช้าง กวาง ลิง กระซู่ และชะมดเป็นต้น ความหลากหลายอันโดดเด่นของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าของไทยนั้น ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ไทยมีอุทยานแห่งชาติร่วม 102 แห่ง (81 อุทยานทางบก และ 21 อุทยานทางน้ำ) , เขตพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าอีก 57 แห่ง, และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอีก 55 แห่งทั่วประเทศ ตัวแทนจังหวัดนครนายก  กล่าวพิธีเปิดโครงการอบรมตั้งแต่วันที่ 2-4 พฤศจิกายน 2550  ณ ศูนย์ฝึกอบรมค่ายกรองแก้ว อช.เขาใหญ่ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 02:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในปัจจุบันกระแสการท่องเที่ยวโลก กำลังมีทิศทางที่มุ่งไปสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่คำนึงถึงการรักษาสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ประเพณี มากขึ้น มุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการท่องเที่ยวที่ให้สาระความรู้มากกว่าความสนุกสนานอย่างเดียว และประชาชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการพัฒนาการท่องเที่ยว แนวคิดของการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Alternative Tourism เพื่อเป็นทางเลือกที่เชื่อกันว่า จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้เชิงเศรษฐกิจ  รวมทั้งมีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมลงสู่ท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็สามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมทั้งวัฒนธรรมประเพณีเอาไว้  ต่อมาได้มีการบูรณาการเป็นการท่องเที่ยวแบบ Ecotourism หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กล่าวต้อนรับคณะวิทยากรสำหรับอบรมนักนิยมไพร รุ่นแรก เพื่อรองรับปัญหาที่จะตามมาจากการท่องเที่ยวเดินป่าท่องไพรที่เขาใหญ่ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:00:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อโลกถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ ใช้เวลาอย่างยาวนาน กว่าจะบังเกิดพืชพรรณไม้สีเขียว อันมีวิวัฒนาการจากตะไคร่น้ำขึ้นมาจนถึงต้นไม้ใหญ่ จากไม้ใบกลายมาเป็นไม้ดอก แล้วหมู่พรรณไม้ได้แยกขยายกระจายพันธุ์ ไปตามสภาพท้องที่ภูมิอากาศต่างๆ  ต้นไม้หยั่งรากลงยึดเหนี่ยว ยึนหยัดลำต้น สยายกิ่งก้าน แผ่ใบออกเป็นเรือนยอด และครอบคลุมแผ่นดิน  ก่อเกิดวงจรในระบบนิเวศที่ซับซ้อนมหัศจรรย์ให้กับผืนโลก สร้างอาณาจักรเป็นผืนป่าที่มีค่ามหาศาล เต็มไปด้วยพรรณพฤกษ์นานา  อันเป็นคลังของยาและอาหาร เป็นแหล่งอาศัยที่สำคัญยิ่งของนกและสรรพสัตว์ ณ ผืนป่าแห่งนี้ก็คือ บ้านของสรรพชีวิตนั่นเอง กลุ่มผองเพื่อนชาวเดินป่ามากหน้าหลายตา มาร่วมงานเพื่อสร้างสรรสิ่งดีๆให้กับเยาวชนนักนิยมรุ่นที่1.....ขอบคุณผองเพื่อนจากใจจริงครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราเริ่มเข้าสู่ขบวนการเรียนรู้  ค่ายเยาวชนเพื่องานอนุรักษ์ แบ่งกลุ่ม-สร้างกฏกติกาในการอยู่ร่วมกันพร้อมกับสร้างความคุ้นเคย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สายใจ.....ด้วยเมล็ดพันธุ์แห่งการอนุรักษ์ เยาวชนกำลังเรียนรู้ถึงโลกธรรมชาติในหลายๆสิ่งที่ก่อเกิดเป็นพืชและสัตว์ โครงสร้างเผ่าพันธุ์แม้นกระทั่งองค์ประกอบทางพืชหมุนเวียน  เราเรียนรู้ถึงผืนป่าที่ผลัดใบจากฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง สัมผัสสายใยของสิ่งแวดล้อมเพื่อหล่อหลอมให้เป็นความรู้สู่เพื่อนๆเยาวชนต่อไป สำหรับโครงการดังกล่าวจะต่อเนื่องสืบสานจากเยาวชนสู่เยาวชน  นั่นคือการนำความรู้ที่ได้รับรู้จากที่นี่ แล้วนำไปขยายผลต่อชุมชนหรือโรงเรียนที่ตนเองศึกษา  เพื่อสร้างเครือข่ายปกป้องสิ่งแวดล้อมที่เหลืออยู่ให้ดีที่สุดต่อไป จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ย้อนรอยดงพญาเย็น-เขาใหญ่ เป็นมรดกโลก.... ผืนป่าเขาใหญ่เปรียบเสมือนคลังมหาสมบัติที่ธรรมชาติได้มอบหมายไว้ให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ไม่เพียงแต่สัตว์ป่า หากเขาใหญ่สูญสิ้นไป ผู้คนริมรอบซึ่งรวมไปถึงกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทยก็จะอยู่ไม่ได้ ระบบนิเวศ ความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่ง ของชุมชนรอบๆ ก็จะสูญหายไป ทั้งทางด้านอุตสาหกรรม การเกษตร และการท่องเที่ยว แต่ในสภาพปัจจุบัน ป่าเขาใหญ่คล้ายอยู่อย่างโดดเดี่ยว ภายใต้การดูแลโดยลำพังของภาครัฐ ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเขาใหญ่ ทั้งจากการลักลอบล่าสัตว์ ตัดไม้ การบุกรุกแนวเขต และจากนักท่องเที่ยวที่ขาดวินัย ผู้คนยังละเลยและขาดความเข้าใจถึงคุณค่าของผืนป่าแห่งนี้ แต่เขาใหญ่จะคงสภาพและคงคุณค่าอยู่ได้อีกนานเท่านาน ตราบเท่าที่เราทุกคนจะให้ความสำคัญ และก้าวเข้ามาเป็นกำลังหลักในการปกป้องดูแลรักษาผืนป่าเขาใหญ่แห่งนี้ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 03:36:38 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นหนึ่งในจำนวนพื้นที่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศที่มีสัตว์ป่าชุกชม เพราะประกอบด้วยถิ่นที่อยู่ และแหล่งอาหารที่เหมาะสมกับสัตว์ป่าเกือบทุกชนิด การสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายประเภท ได้แก่ สัตว์กินเนื้อ 16 ชนิด ช้าง 1 ชนิด สัตว์กีบ 7 ชนิด สัตว์กินแมลง 3 ชนิด สัตว์จำพวกลิง 5 ชนิด กระต่าย 1 ชนิด สัตว์จำพวกใช้ฟันแทะ 6 ชนิด และพวกค้างคาวไม่น้อยกว่า 25 ชนิด ส่วนสัตว์จำพวกนกมีไม่น้อยกว่า 293 ชนิด สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำประมาณ 70 ชนิด แต่การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าเป็นทุ่งหญ้าโดยเฉพาะบริเวณที่ทำการของอุทยานฯ ทำให้สัตว์กินพืชจำพวกกวางป่ากับเก้งมีประชากรหนาแน่นขึ้น ประกอบกับปริมาณสัตว์ผู้ล่า โดยเฉพาะเสือโคร่งและเสือดาว ที่ลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วง ทำให้สัตว์ที่เคยเป็นเหยื่อมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่าสัตว์ป่าหลายชนิดในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้สูญเสียสัญชาติญาณป่า จนไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ป่าอีกต่อไป เช่น ฝูงลิงกังออกมาจับกลุ่มตามถนน เพื่อดักรอรถยนต์ของนักท่องเที่ยว เมื่อรถผ่านมาก็จะเดินเข้าหาทันที และทำตาละห้อยอย่างน่าสงสาร เพียงเพื่อขอเศษขนมและอาหาร ความเปลี่ยนแปลงกับสภาพทั่วไปบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เหล่านี้ นับเป็นปัญหาอีกด้านหนึ่งที่เกิดขึ้นมาควบคู่ไปกับปัญหาการลักลอบล่าสัตว์ที่มีมาเนิ่นนาน ในขณะที่หลายๆ คนอาจชื่นชอบกับความเปลี่ยนแปลงนั้น เพราะทำให้สามารถพบเห็นสัตว์ได้ง่าย และยังเอ็นดูในท่วงท่าขอเศษอาหารจากนักท่องเที่ยวของพวกมัน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 “การอนุรักษ์ที่แท้จริงมิใช่แยกป่าออกจากวิถีชีวิตของผู้คน แต่จะทำอย่างไรที่การใช้ประโยชน์นั้นยั่งยืน และสามารถให้ธรรมชาติมีโอกาสฟื้นตัวทดแทนสิ่งที่เราได้ใช้ประโยชน์ เป็นความผิดพลาดของกฎหมายป่าไม้ต่าง ๆ ที่ออกมาในอดีตหรือไม่ ที่ห้ามคนเข้าไปยุ่งกับป่า ทำให้คนรู้สึกว่าป่าไม่ใช่ของเขา และยังเป็นการทำลายภูมิปัญญาที่สั่งสมกันมาตลอดช่วงเวลาของชาติพันธุ์ ที่รู้ว่าผักอะไรกินได้ อะไรที่เป็นยาได้ อะไรที่ทำเครื่องใช้ไม้สอยได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ในป่า เมื่อห้ามคนยุ่งกับป่า สรรพความรู้ต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมาก็พลันถูกทำลายไป” และจากความรักในธรรมชาติ เส้นขอบของความรักก็เริ่มขยายสู่เพื่อนมนุษย์ และโลก ภาพเช้าวันใหม่ที่สดใสจากธรรมชาติ  ขบวนการเรียนรู้ก็เริ่มขึ้นในตอนเช้าๆ  วันนี้เราจะเรียนการเดินป่าและศึกาธรรมชาติ ที่ต้องได้ประโยชน์เช่นใดบ้าง จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 “เยาวชน หรือคนรุ่นใหม่ของท้องถิ่นนี่แหละที่เป็นหัวใจสำคัญในการอนุรักษ์ธรรมชาติของท้องถิ่นและของโลก การอนุรักษ์เขาใหญ่มีเป้าหมายไกลกว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรของท้องถิ่น แต่หมายรวมถึง ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติของโลก เพื่อการปกป้องธรรมชาติที่สำคัญทั้งในแง่กายภาพ และต่อจิตใจของเขา” “โดยเนื้อแท้ของทุกคนแล้ว ต่างรักธรรมชาติ ไม่มีใครที่ไม่มีความสุขที่ไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แต่บางทีปัญหาต่าง ๆ ดูเหมือนจะไกลตัว และใหญ่เกินไปจนไม่รู้จะทำอะไรได้บ้าง เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งได้ลุกขึ้นมาเพื่อแสดงเจตนารมณ์อันนั้น คนที่คิดเหมือนกันก็จะมารวมตัวกันด้วยความรักในธรรมชาติ และมนุษย์ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของคนอื่น ๆ แม้จะแตกต่างความคิด ความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายจึงเกิดขึ้น” ภาพการสอนและศึกษาการเดินป่าที่ถูกต้อง และต้องบันทึกเรื่องราวทั้งหมดลงในสมุดคู่มือประจำตัว..........การบันทึกทุกๆอย่างที่พบเห็น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "โดยแท้จริงแล้วธรรมชาติภายในกับภายนอกมิใช่สิ่งที่แยกส่วนเลย แม้ว่าสิ่งที่เรามุ่งหวังยังอยู่อีกไกล ป่าธรรมชาติยังมีการทำลายล้างอยู่ทุกขณะจนระบบนิเวศกำลังล่มสลาย สิ่งที่เราทำดูเหมือนสูญเปล่าจนบางครั้งอดที่จะถามกันไม่ได้ ว่าไปทำอะไรที่เห็นมรรคเห็นผลกว่านี้ดีกว่าไหม เพราะยังไง ๆ ป่าก็หมด แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ เติบโตทางความคิดและจิตใจ ความหวังก็ยังมี อย่างน้อยเราก็ยังมีคนที่คิดเหมือนเราเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สักวันกระแสของการรักษาป่าธรรมชาติจะเป็นกระแสหลักของสังคม” นี่คือ ความพร้อมทั้งการแต่งกายและจัดเตรียมเสบียงของมื้อเที่ยงสำหรับการเดินป่า จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บนผืนป่าราบมีทุ่งกว้างอันดารดาษด้วยพรรณพฤกษา ทุ่งหญ้าอันยิ่งใหญ่ไพศาลใจกลางป่าใหญ่ คือแหล่งหากินของฝูงสัตว์ป่า ในช่วงฤดูกาลที่หญ้าระบัดใบ และบางครั้งก็ผลิดอกไม้บานสะพรั่ง เพื่อประชุมฝูงผึ้ง ผีเสื้อ และหมู่แมลง มาดูดดื่มน้ำหวานและทำงานผสมเกสรให้กับต้นไม้ ได้เจริญสายพันธุ์ จากดอกไม้กลายเป็นเมล็ดผล แพร่ขยายออกไป ด้วยเรื่องราวเช่นนี้จึงมีป่าใหญ่ เกิดขึ้นได้ด้วยฝูงแมลงและมวลดอกไม้ แม้ว่าในบางครั้งหมู่นกและสัตว์จะช่วยควบคุมมิให้สิ่งใดมากมายเกินความจำเป็น ก็คงกล่าวได้ว่าทุกสรรพสิ่งอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ และพึ่งพาอย่างสมดุลย์ ตราบกระทั่งที่มนุษย์ยังมิได้เข้าไปเปลี่ยนแปลงวงจรธรรมชาติเหล่านี้ ระหว่างเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ  เราควรรู้จักป่าที่เราเดินและรู้จักพืชพันธุ์ที่พบเห็น  ไม่ละเว้นแม้นกระทั้งท่อนไม่ที่ผุพัง จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม้ใหญ่หยั่งรากลึกลงดิน......... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 03:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากการสำรวจโดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียม ตลอดจนการสำรวจในท้องที่จริง พืชพรรณที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ และมีพันธุ์พืชอยู่ถึง 2,000-2,500 ชนิด 1. ป่าเบญจพรรณ ป่าชนิดนี้ขึ้นอยู่ในระดับความสูง 400-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปรากฏอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยานฯ คือในเขตจังหวัดสระบุรี ไม้ที่สำคัญคือ มะค่าโมงแดง ตะแบกใหญ่ ป่าชนิดนี้ได้รับการบุกรุกมาก และควรจะต้องมีระบบจัดการควบคุมที่ดี 2. ป่าดิบแล้ง ขึ้นอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างราบทางทิศตะวันออก ในเขตจังหวัดนครราชสีมา และปราจีนบุรี มักอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-400 เมตร ไม้ที่สำคัญได้แก่ มะค่าโมง ยางนา พะยอม ตะเคียนแดง กระเบากลัก และตาเสือ 3. ป่าดิบชื้น มักพบกระจัดกระจายตั้งแต่ความสูง 400-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ป่าชนิดนี้พบมากทางด้านตะวันออกของอุทยานฯ ป่าจะมี 3 ระดับชั้น และไม้เลื้อยมากมาย ส่วนไม้พื้นล่างหนาแน่นมาก ไม้ที่สำคัญคือ ไม้ตระกูลยางต่างๆ เช่น ยางนา ยางเสียน ส่วนไม้ชั้นรอง คือ พวกไม้ก่อ อันประกอบด้วย ก่อน้ำและก่อเดือย 4. ป่าดิบเขา ป่าชนิดนี้เกิดขึ้นในที่สูงๆ หรือบนภูเขาสูง ตั้งแต่ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไม้ส่วนมากเป็นพวก gymnosperm ได้แก่ พญาไม้ ขุนไม้ และสนสามพันปี นอกจากนี้มีไม้พวกตระกูลก่อ คือ Lithocarpus sp. และ Quercus sp. ขึ้นอยู่ พวกไม้ชั้นที่สอง ได้แก่ เป้ง สะเดาช้าง และขมิ้น เป็นต้น 5. ป่าหญ้า ป่ารุ่น หรือป่าเหล่า ป่าพวกนี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่น การทำไร่เลื่อนลอย และการตัดถนนในพื้นที่อุทยานฯ พันธุ์พืชที่พบมากในทุ่งหญ้าคือ หญ้าคา พง เลา และแขมหลวง นอกจากนี้ยังพบไม้เนื้ออ่อนขึ้นอยู่คือ พวกปอหูและปอฟาน ในพื้นที่ซึ่งไม่มีไฟรบกวน พวกพรรณไม้ป่าจะบุกรุกเข้าไปในทุ่งหญ้าอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เทือกเขาอันยิ่งใหญ่ คือ ปราการธรรมชาติที่กั้นเมฆหมอกให้กลั่นลงมาเป็นสายฝน ยังความชุ่มชื้นแก่ผืนป่าตามทางสู่ขุนเขาอันทอดยาว จึงเป็นต้นกำเนิดของสายน้ำ ปกคลุมด้วยผืนป่า บนยอดเขาสูงคือจุดเชื่อมโยงของแผ่นดินและแผ่นฟ้า รอบภูผาคือภูมิทัศน์อันวิจิตรตระการ ในความยิ่งใหญ่นี้คือแหล่งที่มาของธรรมชาติทั้งหลาย กล่าวกันว่า สายน้ำคือมารดาของสรรพชีวิต หากเป็นเช่นนั้น ภูเขาคงเป็นบิดรแห่งสรรพสิ่งในธรรมชาติ เส้นทางเดินป่าหนองผักชี  กับหญ้าแข็งที่ปกคลุมผิวดินให้ดำรงค์ไว้ซึ่งความชุ่มชื่นตลอดเวลา จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ยามค่ำคืนกับการสรุปเรื่องราวที่ผ่านมา.......... ล้อมวงรับไออุ่นจากกองไฟ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เปลวแห่งแสงไฟจากกองฟืน  ดุจดั่งแสงสว่างที่จะนำพาให้เหล่าเยาวชนทั้งหลาย  เกิดการตื่นตัวเพื่อปกป้องผืนป่าที่เหลืออยู่ให้สืบทอดต่อๆไป จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เช้าของวันสุดท้ายสำหรับโครงการอบรมในครั้งนี้ ผาเดียวดาย  ที่มองเห็นความโดดเด่นของผืนป่าด้านล่าง เป็นเสมือนการยืนยันว่าพื้นที่แห่งนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ตลอดเวลา จากป่าเขาสูงต้นกำเนิดของสายน้ำที่หลั่งไหลหล่อเลี้ยงชีวิตลงมา คล้ายดั่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของสรรพชีวิต บนเส้นทางแห่งสายน้ำ จากตาน้ำซับ ไหลออกมาเป็นลำธารนับสิบนับร้อยสาย กลายมาเป็นลำน้ำที่ไหลผ่านโตรกผาลงมาเป็นสายน้ำตกใหญ่น้อย ยังความชุ่มชื้นให้แก่ผืนป่า ณ พื้นที่ต้นน้ำลำธารนี้เองที่หลากหลายไปด้วยพืชพรรณไม้และส่ำสัตว์ป่า ราวกับว่าชีวิตมิอาจจะขาดสายน้ำได้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มวลหมู่สกุณาสรรพชีวิตแห่งฟากฟ้า ไม่เพียงสร้างความสมดุลย์ให้กับธรรมชาติแวดล้อม ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความงดงาม ปริศนาในธรรมชาติของนกล้วนชวนพิศวง นับแต่พฤติกรรม โครงสร้างอันมีลีลานุภาพในการบิน ก่อให้เกิดเรื่องราวในชีวิตวัฒนธรรมของมนุษย์ สร้างสรรค์จินตนาการ งานศิลปะ และแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ให้มนุษย์คิดค้นแสวงหาการเดินทางสู่ท้องฟ้าและห้วงจักรวาล  เหล่าปักษา คือ ของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่มีมาในผืนโลก ทุกวันนี้สังคมอาจเจริญก้าวหน้าพัฒนาการมาไกลเกิน จนบางครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นคุณค่าสำคัญของสรรพชีวิตที่อยู่ร่วมกันในโลก ท่ามกลางการทำลายล้างโลกธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นทุกขณะ สรรพชีวิตมากมายสูญสลายชาติพันธุ์ นั่นคือสัญญาณบอกเหตุถึงแหล่งธรรมชาติ และสภาพแวดล้อมกำลังเลวร้ายลงไปอย่างถึงที่สุด ดังกรณีนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่สูญหายไปจากสภาพธรรมชาติเมืองไทย ก็หมายถึง ป่าลุ่มชุ่มน้ำที่เคยมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กำลังจะหมดไปแล้วใช่หรือไม่ ? เส้นทางเดินป่าดูนก  บริเวณใกล้ๆด่านที่ผาตรอมใจ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผาตรอมใจ  หรือยอดเขาเขียว..........จุดที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ณ ที่สายน้ำนับสิบนับร้อยสาย ไหลมารวมกันเป็นผืนน้ำกว้าง จนเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่รวมของพืชพรรณไม้น้ำ สัตว์น้ำจืดมากมาย ตลอดจนนกน้ำหลากหลาย ทั้งหมดนี้มีวงจรชีวิตที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ และเอื้ออำนวยให้เกิดชีวิตขึ้นอีกมากมายนับแสนนับล้าน คอยเกื้อหนุนการดำรงชีวิตมนุษย์ที่อาศัยอยู่รายรอบ ย้อนหลังด้วยภาพความรักความสามัคคีของเยาวชน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ย้อนหลังด้วยภาพก่อนการจากลา.......ภาพของการใช้ชีวิตร่วมกัน เรียนรู้สัมผัสธรรมชาติจนดื่มด่ำและพร้อมที่จะออกไปต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จุดมุ่งหมาย : นอกจากผู้ศึกษาจะได้พบกับความงามของแก่งน้ำตกแล้ว ยังจะได้เห็นสภาพของป่าดิบที่ขึ้นตามริมน้ำ ที่มีลักษณะแตกต่างออกไปกับป่าที่อยู่ห่างน้ำค่อนข้างชัดเจน นอกจากนั้น ยังจะได้เห็นชีวิตของสัตว์ต่างๆ ที่ผูกพันอยู่กับลำห้วยลำธารในป่า ฝูงผีเสื้อและพืชพันธุ์ ที่มีการปรับตัวเพื่อให้ขึ้นได้ริมกระแสธารเชี่ยว แล้วยังจะได้พบเห็นกับ พันธุ์ไม้น้ำแปลกตาหลากหลายชนิดด้วย เส้นทางเดินสายนี้จะใช้สัญลักษณ์เป็นป้ายบอกทางหรือสีทาตามต้นไม้ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เราเรียนรู้ธรรมชาติ ก็เพื่อที่จะได้รู้ถึงถิ่นที่มาของชีวิต รู้ว่า หากปราศจากธรรมชาติ ชีวิตก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ นี่คือคำอธิบายจากเยาวชนเรื่องดินโป่ง ดินโป่ง   คือแอ่งดินเค็มตามธรรมชาติ เป็นดินที่มีเกลือแร่ต่าง ๆ ปนอยู่ เช่น เกลือโซเดียมคลอไรด์ เกลือแคลเซียม แมกนีเซียม หรือ โปตัสเซียมเป็นต้น ดินโป่งมักเป็นดินเนื้อละเอียด แต่บางแห่งอาจมีกรวด กิน หรือ ทรายปนอยู่ เนื้อดินมีสีดำ หรือแดงลูกรัง หรือขาว เวลา ฝนตกมักมีน้ำขังเป็นตมอยู่ในแอ่งกลางโป่ง สัตว์ป่าที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น อีเก้ง กวาง กระทิง ช้าง ฯลฯ ชอบมากินดินโป่งมากเพราะว่าร่างกาย ของสัตว์ป่าเหล่านั้นขาดเกลือแร่ดังกล่าว นอกจากนั้นสัตว์ป่าชนิดที่มีเขายังต้องการเกลือแร่ แคลเซียม ไปบำรุงเขาของมันให้งอกงามและแข็งแรงอีกด้วย จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แล้ววันเวลาแห่งการจากลาก็มาถึง 3 คืน 4 วัน  สำหรับการเรียนรู้กินนอนร่วมกัน มีแบบเบ้าหล่อหลอมจากจุดเดียวกัน........... หน้าที่ในเรื่องราวเหล่านี้จากที่นี่ต่อไป  เยาวชนทั้งหมดจะกลับไปขยายผลจากการอบรมและเรียนรู้ให้กับเพื่อนๆ.... แม้นกระทั้งชุมชนที่ตนเองได้ก่อกำเนิด  ให้เข้าใจถึงวิถีการดำรงค์ชีพของราวไพรทั้งสรรพสัตว์และพันธุ์พืช.... ภาพรวมใจเพื่อก้าวต่อไปที่มั่นคง...... จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เสียงเพลงบทสุดท้ายที่ส่งทาง สำหรับการเดินทางกลับคืนสู่บ้านมอบให้เยาวชน.........ตลอดไปและตลอดกาล จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 28 นี่คือหนึ่งในหลายโครงการที่ทางจังหวัดนครนายก  พยายามจะนำพาให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้สัมผัสและเรียนรู้กับสิ่งดีๆที่เหลืออยู่..... ไม่ว่าสภาวะการณ์นั้นๆจนตกอยู่ในช่วงที่อาจะกล่าวได้ว่า " หัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเยาวชน " หรืออาจจะมองได้ว่าเป็นการสวนกระแสค่าสังคมนิยมที่วัยรุ่นไม่พึ่งกระทำมากนักก็ตาม.... เราเองก็หวังว่าสักวันที่เค้าเติบโตบนโลกใบนี้ ภายใต้ธรรมชาติที่ร่มเย็นจิตสำนึกรักบ้านเกิดก็ย่อมจะย้อนวันเวลาให้เค้าได้คิดถึงสิ่งที่ได้กระทำร่วมกันในวันนี้...วันที่เค้าบอกว่า...เราคือ..นักนิยมไพร เพื่อเขาใหญ่ของเราตลอดไป ขอขอบคุณอย่างสูง.... ปตท.แห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดนครนายก ศูนย์การท่องเที่ยวฯนครนายก ผองเพื่อนคนเดินป่า กลุ่มท่องไปตามใจฝัน สุดท้ายขอขอบคุณ น้องๆเยาวชน 4 อำเภอ 4 โรงเรียน จากจังหวัดนครนายกทุกๆคนครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และขอขอบคุณ..... หน่วยงานวิจัยฯอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกๆท่านครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 04:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ปิดท้ายกับเรื่องที่น่ารู้ครับ ...ภูเขาที่สำคัญในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่...... อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ระหว่างเส้นรุ้งที่ 14 องศา 5 ลิปดา ถึง 14 องศา ลิปดาเหนือและเส้นแวงที่ 101 องศา 50 ลิปดาตะวันออก มีพื้นที่ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี ปราจีนบุรี นครนายก และนครราชสีมา รวมพื้นที่ 2,168 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 1,355,369 ไร่ มีพื้นที่วงรอบแนวเขตอุทยานแห่งชาติระยะทางประมาณ 400กิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศที่ประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน ลักษณะทั่วไปของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีระดับความสูงแตกต่างกันตั้งแต่ระดับความสูงใกล้ระดับน้ำทะเลตามแนวเขตอุทยาน ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้จนถึงระดับความสูง 1,351เมตร จากระดับน้ำทะเล ในบริเวณตอนกลางของพื้นที่ ทางด้านทิศตะวันออก ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นที่ลาดต่ำ ส่วนทางทิศเหนือความลาดชันน้อยจนถึงปานกลาง ทิศทางความลาดชันส่วนใหญ่มุ่งสู่ถนนมิตรภาพ ในขณะที่ทางทิศใต้และทิศตะวันตกมีลักษณะเป็นภูเขาสูงชัน โดดเด่นขึ้นมาจากที่ราบ ซึ่งใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตรนอกเขตอุทยานฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีลักษณะคล้ายเป็นกำแพงภูเขาตามแนวเขตอุทยานฯ จึงเรียกว่า เขากำแพง และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก โดยมียอดเขาที่สำคัญอยู่ 8 ยอดด้วยกัน คือ เขาแหลม (1,326 เมตร) บริเวณทิศเหนือ เขาร่ม (1,351 เมตร) และเขาเขียว (1,292 เมตร) บริเวณตอนกลางเขากำแพง (875 เมตร) บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเขาสามยอด (1,142 เมตร) กับเขาฟ้าผ่า (1,078 เมตร) เมตรและเขาแก้ว (802 เมตร) บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอุทยานฯ เขาร่ม เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความสูง ( 1,351 เมตร)จากระดับน้ำทะเล ขอขอบคุณสำหรับเพื่อนๆที่แวะเวียนเข้ามาทักทายทุกๆท่านครับ สุดท้ายต้องขอบคุณภาพสวยๆภาพนี้จาก อ.อดุล  ขอขอบคุณครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 05:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เยาวชนวัยใสๆแบบผม ก็ไม่พลาดกระทู้เจ๋งๆ แบบนี้แน่นอนครับ จากคุณ : หมาน้อย (smooth_as_milk) - [ 7 พ.ย. 50 05:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แวะเข้ามาทักทาย...อาก๋งครับ จากคุณ : รอชม - [ 7 พ.ย. 50 06:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยอดเยี่ยมมากครับ ผืนป่าเมืองไทยยังคงต้องการหลายร้อยหลายพันดวงใจ ที่จะร่วมร้อยเรียงถักทอสายใยแห่งความรัก ความผูกพันของอนุชนรุ่นหลัง เพื่อการดำรงอยู่อย่างยั่งยืน กับผืนป่าใหญ่นี้ จากคุณ : อ.อดุล - [ 7 พ.ย. 50 06:22:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต่อแถวเข้าห้องเรียนค๊า..อาก๋งขรา จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 06:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รุ่นเดียวกะนู๋ฟ้าต้องรีบต่อแถวเข้ามา   จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 7 พ.ย. 50 06:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 36 :) ขอบคุณที่มีโครงการดี ๆ อย่างนี้ อนาคตเขาใหญ่แม้จะผจญกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน แต่ก็จะได้รับการอนุรักษ์จากเยาวชนในพื้นที่ ที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสำนึกที่ดีในอนาคต อีกหนึ่งกระทู้ที่มีสาระีดี ๆ ผมเก็บเข้าคลังหล่ะครับ ภาพประกอบสวยมาก ๆ ครับ จากคุณ : ThinkMan - [ 7 พ.ย. 50 07:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณป.ต.ท. และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน สำหรับโครงการดีๆอย่างนี้เช่นกันครับ การเริ่มต้นด้วยการให้เด็กๆบริเวณรอบข้างของป่าที่พวกเขาอยู่ น่าจะเป็นผลดีที่สุด ที่จะทำให้เขาเข้าใจในป่า รู้สึกรักและห่วงแหนป่าที่เขาอยู่และคงขยายความรู้สึกนี้ไปทุกแห่งที่เขาได้ไป อยากให้มีโครงการแบบนี้บ่อยๆและขยายไปทั่วๆป่าในเมืองไทยน่ะครับ ขอบคุณ อ.อดุลและน้าสหายสาริกาน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 50 08:11:57 จากคุณ : -อุ่นอารี- - [ 7 พ.ย. 50 08:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เขาใหญ่...โรงเรียนธรรมชาติ ยอดเยี่ยมครับ  แบบนี้เข้าข่าย " กระทู้สร้างสรรค์ " จากคุณ : Draught Beer - [ 7 พ.ย. 50 08:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นเยาวชนเหมือนกันค่ะ รีบเข้าห้องเรียนเลยอ่ะ จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 7 พ.ย. 50 08:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นคนข้างบนมาต่อแถวเข้าเรียนแล้วไม่ต้องถามเลยว่าอายุอย่างนู๋จ๋าเข้าห้องเรียนได้ไหม จากคุณ : noo_jar - [ 7 พ.ย. 50 08:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กิจกรรมดีๆ กับการปลูกฝังจิตสำนึกของเยาวชนรุ่นหลัง.... เป็นโครงการที่ดีมากเลยค่ะ.... ขอบคุณลุงหมูที่เอามาฝากกันค่ะ... จากคุณ : a_o_por - [ 7 พ.ย. 50 08:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แล้วยุวชนอย่างหนูจะอดได้เหรอ ถ้าไม่ตามพี่ ๆ เยาวชนด้านบนมาเข้าห้องเรียน รู้สึกยินดีที่มีกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นค่ะ จิตสำนึกต้องค่อย ๆ ปลูกฝังและซึมซับให้เยาวชนรุ่นหลัง ดีค่ะ ดีมาก ๆ เลย จากคุณ : Kaper - [ 7 พ.ย. 50 09:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับผม............... จากคุณ : ถนนสายนี้เปรี้ยว - [ 7 พ.ย. 50 09:29:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 โจ้ๆๆ  ฟ้าๆๆ  แป๋วๆๆ  โอ๋ๆๆ  จ๋าๆๆ .... มาทายกันดีกั่วว่า จขกท. จะตื่นกี่โมง อ๊ากกกส์   เม้นท์มะมีสาระ..  โพสต์แล้วรีบหนีไป ^_^ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 7 พ.ย. 50 09:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พี่สาริกาสาระเพียบอีกตามเคย โครงการดีมากเลยครับ จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 7 พ.ย. 50 10:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ป้าอิ๋มขรา จนป่านนี้ 11.16 จขกท.ยังเงียบ แสดงว่ายังมะตื่นใช่ไหมคะ จากคุณ : noo_jar - [ 7 พ.ย. 50 11:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 นั่นดิ...จ๋า ปกติ..คนแก่ต้องนอนดึก ตื่นเช้านะ แต่..อาก๋งแก นอนดึก ตื่นสาย เอ๊ะ..หรือแกมองหน้าจอไม่เห็น วิ่งไปมองจากปากซอยนู่น..เลยกลับมาพิมพ์ช้า เพราะ หมดแรง จากคุณ : รอชม - [ 7 พ.ย. 50 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 12.03 น. พี่ว่า   แกนอนเช้าตื่นบ่ายมากกว่านะคะ....รอชม ส่วนไอ้เรื่องตายาวนี่  ทู้ที่แล้วเห็นว่ามองได้ไกลถึงเมืองตราดปู๊นนนน รุ่นนี้ต้องอนุรักษ์อย่างเดียวแล้ว   จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 7 พ.ย. 50 12:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โครงการสร้างสรรค์...น่าสนใจจังค่ะ (แม้วัยจะเลยเยาวชนไปโข อิอิ...) จากคุณ : สมาคมนิยมสุข* - [ 7 พ.ย. 50 12:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณผู้เกี่ยวของทุกท่าน และขอบคุณกระทู้ดี..ดี...แบบนี้ ขอบคุณพี่สาริกา ขอบคุณทุก ๆ คนที่รักธรรมชาติ ขอบคุณตัวเราเองที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ( รึเปล่า ไม่แน่ใจ ) จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 7 พ.ย. 50 13:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 51 พี่อิ๋มขรา..เจ้ามู๋อ้วน อาก๋งตื่นแล้ว ออกไปธุระค่ำๆ กลับมาต่อ งิ. มาว่าอาก๋ง..แก่กันได้งัยเนี๊ย จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 13:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ้าวเพิ่งเห็นมู๋จ๋า..ก็ถามหาอาก๋ง อาก๋งตื่นแล้วออกไปธุระค่ำๆ กลับมาต่ออีกหน่อย จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 13:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 35   รุ่นเดียวกะนู๋ฟ้าต้องรีบต่อแถวเข้ามา   ------------ จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 13:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มาขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ กับความคิดเห็นดีๆสู่น้องๆครับ......ขอขอบคุณ น้องหมาน้อย จากแดนไกลโพ้นท้องทะเลปลายสยาม น้องรอชม เดี๋ยวนี้ผอมขาวแล้วล่ะ ใครว่าดำ ชิมิรอชม น้องเอ๋ (อ.อดุล ณ คลองตะคริว) วันนี้ลาห้องบลูฯไปเชียงราย 2 วันเจ๊า น้องเบียร์  พ่อลูกอ่อนที่น่ารักของน้องแพรวา กับมิตรภาพที่ยั่งยืน คุณ-อุ่นอารี-   สหายเก่าแก่ครับ คุณถนนสายนี้เปรี้ยว  ขอบคุณมากครับ น้องแก่  หนุ่มหน้ามนคนหล่อแห่งกรุงเก่า น้องฉิน  สาวสวยร่ำรวยอารมณ์ขัน ขวัญใจหนุ่มเมืองใต้ คุณสมาคมนิยมสุข*  ขอบคุณมากครับ คุณThinkMan  กับรีวิวที่งดงามจากช่องเขาขาดสู่ถ้ำละว้า และขอขอบคุณอย่างสูงกับพ้องเพื่อนที่มากด้วยมิตรภาพที่ไม่มีวันลืม พี่อิ๋ม  แม่ลาล่ะนะ  เจ้าของโครงการหมู่บ้านลาบ 11-เจ้าของร้านกุ้งเผาสดๆ น้องแป๋ว  เจ้าแม่ตะเคียนทอง ตั้งโต๊ะรับสินบนในตลาด อตก. น้องจ๋า  สาวสวยมาดมั่น กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หูยยยยย น้องโอ๋  เกาะช้างแอดเวนเจอร์  หน้าที่สปายวายคูเลอร์ชัดๆ น้องฟ้า  ลูกสาวคนใหม่ของมหาเศษฐี เจ้าของตุ่มคอนยก น้องโจ้  ว่าที่หลานตะใภ้มหาเศษฐีคอนยก ปล.  ผมตื่นตั้งแต่ 09.00 น.แล้วล่ะครับ  ไปธุระเพิ่งกลับเข้ามาดูกระทู้ ขอขอบคุณทุกๆท่านอีกครั้งครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 13:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 น้องฟ้า  ลูกสาวคนใหม่ของมหาเศษฐี เจ้าของตุ่มคอนยก ----------- โอ้วพระเจ้า...ยอดมากเจงๆ กับฉายาใหม่ นู๋ช๊อบชอบ...รักคุงพ่อมู๋ที่ซู๊ดดดดดดดด รักกัน รักกัน จะไม่แตกทัพ(พี)กันเนาะ..คุงพ่อขรา จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 13:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อุ๊บส์...ออกนอกหน้าอีกแล้วเรา เดี๋ยวมีคนหมั่นใส้ไปทาง PM อีก จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 13:54:38 ]

ความคิดเห็นที่ 57 น้องโอ๋  เกาะช้างแอดเวนเจอร์  หน้าที่สปายวายคูเลอร์ชัดๆ ************ ^ ^ สาขา 2 ของ  สาริกาแอดเวนเจอร์พอยต์ ใครมาว่าอาก๋งแก่...บอกโอ๋มา  เดี๋ยวจัดการให้ (เข้าข้างอาก๋งเต็มที่เล้ย) จากคุณ : a_o_por - [ 7 พ.ย. 50 14:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 7 พ.ย. 50 17:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อิจฉาเด็กนครนายก !! ขอบคุณสำหรับข่าวสาร และสาระค่ะก๋ง จากคุณ : prettyguide - [ 7 พ.ย. 50 20:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณหมูน้อยครับ  หากมีโอกาสดีๆอาจจะไปแถวๆจันทบุรีบ้างก็ได้ครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 7 พ.ย. 50 21:38:56 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ปีใหม่น่าจัดทริป เขาสมอปูน นะครับ อยากไปมั่ง....อิอิ จากคุณ : tgclub - [ 8 พ.ย. 50 08:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ร่วมชื่นชมโครงการดีๆครับ จากคุณ : LIFE AFTER DEATH - [ 8 พ.ย. 50 10:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มาลอก คห.61 ..........            ปีใหม่น่าจัดทริป เขาสมอปูน นะคะ   อยากไปมั่ง....อิอิ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 8 พ.ย. 50 11:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอขอบคุณอย่างสูงครับ ที่แวะมาเยี่ยมเยือน คุณtgclub   สมอปูนช่วงปีใหม่คงลำบากหน่อยครับ  เพราะแหล่งน้ำด้านบนจะแห้งหมดแล้วครับ   LIFE AFTER DEATH  โอกาสหน้าได้ร่วมงานกับครับ พี่อิ๋ม  การบ้านไม่ทำเล่นลอกหยั่งงี้เทอมนี้ตกแน่ๆ  ผมว่าหลานสาวทั้ง4น่ะไปได้  แต่คุณแม่นี่ซิต้องใช้เสลี่ยงแบกขึ้นเขาซะมั่ง อิอิอิ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 พ.ย. 50 13:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 65 น้องจ๋า  สาวสวยมาดมั่น กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หูยยยยย ^ ^ ^ ^ อันนี้ไม่ได้หมายถึงนู๋จ๋าชิมิค่ะ จากคุณ : noo_jar - [ 8 พ.ย. 50 13:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 หมายถึงจ๋าเต็มๆเลยล่ะ อิอิอิ ลดหุ่นให้ดีเลยนะ  ปีหน้าเจอกันที่ธารรัตนา จากคุณ : สหายสาริกา - [ 8 พ.ย. 50 19:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จากคุณ : a_o_por - [ 9 พ.ย. 50 11:39:10 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เอ่อ ทำไมคนชื่อจ๋าต้องอ้วน สงสัยจ๋าคงต้องเปลี่ยนชื่อแล้วอ่ะัอาก๋งจะได้ผอมมั่ง อิอิ เขาใหญ่แหล่งเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ขอบคุณมาก ๆ ค่ะอาก๋งสำหรับเรื่องราวดี ๆ จากคุณ : จ๋าอาโนเนะั (เวสารัช) - [ 11 พ.ย. 50 22:46:20 ]