PANTIP.COM : E6193343 ถามทางไปอ่างขางค่ะ..จะขับรถไปเอง [ท่องเที่ยวไทย]

ความคิดเห็นที่ 1

หากต้นทางอยู่เชียงใหม่...

วิ่งเส้นอรุโณทัย จากเชียงใหม่ใช้เส้นทาง 107 ผ่านเชียงดาว เจอแยกเข้าเส้นทาง 1178 มาต่อด้วย 1340 ถนนเล็กแต่ไม่ชันครับ ทางโค้งเยอะมาก ใช้เวลามากกว่าทางปกติพอควร เฉพาะอยู่ในช่วงขึ้นเขาน่าจะประมาณ 2 ชม. แนะนำให้ใช้ตอนขากลับเชียงใหม่ เนื่องจากไม่ชัน

หากไปทางไชยปราการ เลยเชียงดาววิ่งทางขวาไปตามเส้นทาง 107 ถนนกว้าง เรียบ ดีกว่าเส้นแรกอยู่มาก ใช้ความเร็วได้มากกว่า เลยไชยปราการไปปะมาณ 10 กว่า กม. ซ้ายมือมีแยกเข้าเส้นทาง 1249 ระยะทางประมาณ 11 กม. ขึ้นทางชันล้วนๆ แต่ใช้เวลาตรงนี้เพียงครึ่งชั่วโมงเอง

แต่หากต้นทางอยู่เชียงราย อันนี้คงต้องขึ้นทางไชยปราการ เส้น 1249 อย่างเดียว เนื่องจากย้อนไปทางเชียงดาวนั้นน่าจะเป็นร้อย กม.

ขึ้นทางชันไม่น่ากลัวเท่าตอนลงครับ เร่งเครื่อง เกียร์ 1 ตลอด

มาฝาก Trip and Trick เล็กๆน้อยๆ ในการขับรถเที่ยวดอย

1. เรื่องการใช้ GPS นำทาง ควรมีแผนที่เป็นเล่มๆ ฉบับที่ปรับปรุงเส้นทางปีล่าสุด แนบไปเพื่อตรวจสอบเทียบกับ GPS เสมอ หากเป็นแผนที่แบบ physical จะดีมาก เนื่องจากจะแสดงลักษณะภูมิประเทศโดยการแทนค่าด้วยสี เช่นภูเขา จะมีสีเขียวอ่อนเข้มตามลักษณะความสูงหรือแนวเทือกเขา จะเป็นประโยชน์ในการขับขี่กลางคืนโดยที่เรามองไม่เห็นลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ

2. มือใหม่ สุภาพสตรี ผู้สูงอายุ หากไม่ชำนาญเส้นทางหรือไม่เคยผ่านมา ไม่มีแผนที่ GPS เลี่ยงการเดินทางกลางคืน เนื่องจากเราจะมองไม่เห็นลักษณะภูมิประเทศโดยรอบ และหากไม่แน่ใจในเส้นทาง ต้องรู้จักที่จะถาม เท่าที่ผมสัมผัสมา ชาวบ้านเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากๆ แต่อาจสื่อสารหรือฟังลำบากสักนิด เนื่องจากสำเนียงของพวกเขา

3. ก่อนเข้าสู่พื้นที่ชนบทในละแวกเทือกเขาสูงชัน ตรวจสอบเชื้อเพลิงให้แน่ใจว่าเพียงพอ เนื่องจากการขับรถขึ้นลงทางชันนั้น "ใช้น้ำมันมากกว่าปกติเยอะมาก"

ยกตัวอย่างกรณีขับขาขึ้นเขา ผมต้องเกียร์ 1-2 บ่อยครัง ใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 3-4 พันรอบ นั่นเท่ากับการใช้ความเร็วบนพื้นราบ 150-180 กม/ชม. เลยทีเดียว ทางลงก็เช่นกัน จำเป็นต้องใช้ Engine Brake เพื่อลด/ชลอความเร็ว ผมต้องเกียร์ 1-2 บ่อยครัง ใช้รอบเครื่องยนต์ประมาณ 3-4 พันรอบเช่นเดียวกัน น้ำมันหายวับไปกับตา และที่จะตามมาคือความร้อนจะขึ้น จึงควรหมั่นมองดูมาตรวัดความร้อนไว้ด้วย เนื่องจากรอบเครื่องสูง ความเร็วต่ำกระแส ลมจะเป่าผ่าหม้อน้ำได้น้อย

4. ต้องมั่นใจในสภาพรถก่อนเดินทาง อย่าใช้คำว่า "น่าจะได้" คุณอาจไม่โชคดีเหมือนผม ทุกอย่างต้องสัมพันธ์กันหมด ใช่ว่าเครื่องดีอย่างเดียว เบรค เกียร์ ระบบพวงมาลัย ต้องไว้ใจได้ด้วย ส่วนสมรรถนะของรถแต่ละรุ่นนั้นเป็นเรื่องรองลงมามากกว่าสภาพความสมบูรณ์ของรถ เนื่องจากผมเห็นยาริส แจ๊ส อาวันซ่า วิ่งกันเกลื่อนดอย

5 . วิธีที่ถูกต้องในการใช้เบรคและขับลงจากดอย ...(ท่านที่ขับบ่อยๆ ชำนาญแล้ว จะเพิ่มเติม Tip and Trick อื่นๆก็เชิญครับ)

ขับรถลงเขาชันๆ ทั้งเสียว ทั้งเครียดและต้องลุ้น เนื่องจากสัญชาติญาณของเรามักจะทำให้คอยแตะเบรคอยู่เสมอ ทำให้เบรคไหม้แล้วเบรคไม่อยู่ หากทางลงชันมากๆ ก็พยายามใช้เกียร์ต่ำสุดช่วยปล่อยไหลลงมา

ผมเจอรถ"เบรคไหม้"หลายคัน เนื่องจากทริปนี้เดินทางหลายดอย (ดอยตุง ดอยแม่สลอง ภูชี้ฟ้า ดอยอ่างขาง) สาเหตุหลักคือเหยียบเบรคตลอดเวลาเพื่อชลอความเร็ว ซึ่งเป็นวิธีการที่ "ผิด"

ที่ถูกคือ หากรถลงทางลาดชันมา ควรเข้าเกียร์ต่ำสุด (1หรือ L) เพื่อเอาแรงต้านของเกียร์มาลดความเร็ว พอรอบเครื่องเริ่มสูงมาก (4 พันรอบ) ให้เหยียบเบรคในแบบที่จะให้รถหยุด (ช้าๆ) พอรถใกล้หยุด ก็ปล่อยไหลลงมาอีก สลับกันไปแบบนี้เรื่อยๆ "Slow But Sure"!!! และหมั่นสังเกตุกลิ่นไหม้ของเบรคด้วยการเปิดกระจกดมๆ ดู หากมีกลิ่น ควัน ควรหยุดตรวจสอบ หรือพักชั่วครู่

ข้อควรจำ!!!!
ขาลง หากเครื่องดับหรือดับเครื่อง "ก่อนลงรถ" ให้ดึงเบรคมือให้สุด หันพวงมาลัยเข้าข้างทาง (ฝั่งตรงข้ามเหว)ไว้เสมอ "อย่าตั้งพวงมาลัยตรงๆ" แล้วลองอยู่ในรถนิ่งๆดูว่าก่อนรถขยับตัวหรือไม่ หากรถอยู่นิ่งค่อยเปิดประตูลงมาแล้วหาหินสัก2 ก้อนมากันหน้ายางไว้ เพราะเวลารถไหลมันจะได้ไม่่พุ่งลงเขามาตามถนน มันจะชนขอบทางแทน อีกทั้งยังสามารถแรงต้านในแนวขวางจากยางไว้ช่วยกันการไหลของรถได้อีกด้วย

6. กรณีฉุกเฉิน...

- ตรวจสอบระดับแบตฯ ของโทรมือถือว่ามีพอและสามารถใช้ในกรณีฉุกเฉินได้
- หมั่นสังเกตุจุดสำคัญที่สามารถบอกพิกัดของตัวเราได้ในกรณีต้องการความช่วยเหลือ เช่นเรากำลังวิ่งอยู่บนเส้นทางหมายเลขอะไร มุ่งหน้าไปไหน มาจากที่ไหน เพืื่อความรวดเร็วในการเข้าช่วยเหลือจาก จนท.

ลองแวะอ่านประสบการณ์ของผมที่ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6184410/E6184410.html ดูครับ

จากคุณ : thebm - [ 2 ม.ค. 51 18:00:55 ]