ความคิดเห็นที่ 1 เที่ยวบินนี้พวกเรา 2 สาว เดินทางกันด้วยเครื่องของ Valueair สายการบินต้นทุนต่ำที่ปัจจุบันถูกซื้อกิจการไปแล้วโดย Jetstar นั่นเอง เป็นเหตุผลว่าทำไมซื้อตั๋ว Jetstar แต่กลับนั่งเครื่อง Valueair ภายในของคุณนกเหล็กลำนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนกน้อยต้นทุนต่ำลำอื่นๆ มากนัก พื้นที่พอดีตัวสำหรับคนตัวเล็ก แต่อาจจะอึดอัดไปซักหน่อยสำหรับคนรูปร่างสูงใหญ่ เบาะหนังนั่งแล้วแอบเมื่อยนิดๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ บินแค่ระยะสั้นๆ เล็กนิดเมื่อยหน่อย แต่เบาเงินในกระเป๋าดีออก ประหยัดเงินไว้ใช้เที่ยวดีกว่า (แต่จะดีกว่านี้ ถ้ากัปตันสุดหล่อจะช่วยลงจอดให้นิ่มนวลขึ้นซักเล็กน้อย เพราะเวลา Landing ที ตับไตไส้กระเพาะมันกระโดดมากองรวมเป็นกระจุกเดียวกันหมดเลย) จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ---ลืมรูป--- จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สองชั่วโมงกว่าๆ บนเครื่อง กับการนั่งใช้เวลาศึกษาเส้นทางและวางแผนการเที่ยวแบบ City Tour ในเขตเมืองของสิงคโปร์สำหรับวันแรกของการเดินทางทริปนี้ จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรือเดินสมุทรจำนวนมากที่แวะเวียนกันนำความมั่งคั่งมาสู่เกาะเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งที่นี่จะยังคงเป็นเมืองท่าสำคัญไปนานตราบจนเท่าที่ประเทศไทยยังไม่สามารถเดินหน้าโครงการขุดคอคอดกระให้ไปถึงฝั่งฝัน เมื่อใดที่การขุดคอคอดกระ (Isthmus) หรือที่หลายคนเรียกว่า คลองคอดกระนี้สำเร็จลุล่วง เรือเดินสมุทรเหล่านี้คงจะเบนหัวเรือเพื่อโยกย้ายเอาความมั่งคั่งมายังส่วนที่แคบที่สุดของแหลมมลายู จ.ระนอง แห่งสยามประเทศนี้ ให้ได้สมชื่อกับคำว่าสุวรรณภูมิ แผ่นดินทองกันเมื่อนั้น จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อมาถึงสนามบิน  Changi International Airport ที่ทางออก Terminal 1 มร.สตีฟ เจ้าหน้าที่ของ Singaporepackage ได้มารอรับพวกเราอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งหลังจากที่ มร.สตีฟ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเราควรจะไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มร.สตีฟ ก็อวดความเป็น Lucky Man ของเค้าให้พวกเราฟังว่า รถยนต์ Honda Fit สีเหลืองสดที่พวกเรากำลังนั่งอยู่นี้ คือรางวัลที่เค้าเป็นผู้โชคดีจากการชิงโชคในร้านจำหน่ายสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ โดยเค้าซื้อทีวีพลาสม่าเพียง 1 เครื่องเท่านั้น!! มร.สตีฟ พาพวกเรามาส่งถึง Hotel 81 Bencoolen ที่พักของเราสำหรับ 4 วัน 3 คืนนี้ หลังจากที่พวกเราได้ห้องพักเป็นที่เรียบร้อยก็ไม่ลืมที่จะโทรกลับไปแจ้งหมายเลขห้องให้ มร.สตีฟ ทราบเผื่อกรณีมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเวลานัดรับพวกเรากลับไปยังสนามบินในวันสุดท้าย จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:51:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แม้ห้องพักที่นี่ขนาดเล็กกว่าที่คิด เครื่องใช้ดูทรุดโทรมไปซักหน่อยเมื่อเทียบกับโรงแรมในระดับเดียวกันของบ้านเรา แต่เรื่องความสะอาดถือว่าผ่านเกณฑ์ใช้ได้ทีเดียว ยังไงซะก็แทบจะไม่ได้ใช้ชิวิตอยู่ในห้องพักอยู่แล้ว ใช้เพียงแค่กลับมาเอนตัวลงนอนเท่านั้นเอง จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เก็บสัมภาระเสร็จ สองสาวก็หิ้วท้องที่หิวโหยมองหาร้านอาหารปะทังชีวิตทันที.. โน่นเลย! ใต้อาคารฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับโรงแรม มีศูนย์อาหารอยู่ อาหารเที่ยงซึ่งนับเป็นมื้ออาหารมื้อแรกของเราที่นี่ คือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำ (Specialty Noodle) ราคา SG$ 3.50 และ ข้าวมันไก่ (Chicken Rice) ราคา SG$ 5.00 แพงไม่ใช่เล่น ส่วนรสชาติค่อนข้างจืดไม่ถูกปากคนไทยอย่างเราเท่าไหร่นิ จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทำความรู้จักกับเงินของสิงคโปร์กันซักเล็กน้อย สำหรับธนบัตรนั้น อันที่จริงมีมูลค่าตั้งแต่ใบละ SG$ 2 จนถึงใบละ 10,000 SG$ เลยทีเดียว แต่ธนบัตรที่ใช้กันบ่อยๆ นี้มีให้เห็นตั้งแต่ใบละ SG$ 2, SG$ 5, SG$ 10, SG$ 50 ส่วนเหรียญมีตั้งแต่ 1, 5, 10, 20, 50 Cents และเหรียญ SG$ 1 (พึงสังเกตในการหยิบใช้ให้ดี เนื่องจากเหรียญ SG$ 1 ดันมีขนาดเล็กกว่าเหรียญ 50 Cents ซะได้) จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อิ่มท้องก็พร้อมเดิน... พวกเราเดินเท้าจากโรงแรมไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานี Dhoby Ghaut เพื่อไปลงยังสถานี City Hall และเดินลัดเลาะตามทางเดินใต้ดินซึ่งเป็นจุดช็อปปิ้งช่วงสั้นๆ ชื่อว่า City Link Mall อันเป็นทางเชื่อมพาไปสู่ตึก Suntec City Mall นั่นเอง ที่ Suntec City Mall นี้ ถูกสร้างเป็นหมู่ตึกจำนวน 5 ตึกที่มีลักษณะเหมือนนิ้วมือทั้งห้า โอบล้อมน้ำพุตรงจุดศูนย์กลางไว้ โดยมีวงแหวนขนาดใหญ่ทำหน้าที่ดูดซับพลังจากท้องฟ้าลงมายังน้ำพุที่รองรับอยู่ด้านล่าง เปรียบเสมือนการกุมพลังทั้งหมดไว้ในอุ้งมือหรือก็คือการกักเก็บเงินเอาไว้ในมือเพื่อเสริมความร่ำรวย จึงเชื่อกันว่าน้ำพุแห่งนี้เป็นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยให้สมปรารถนาตามคำอธิษฐานได้ ผู้คนจำนวนมากจึงนอกจากจะต้องการมาชมความอลังการของน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง (Fountain of Wealth) ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้แล้ว ยังต้องการมาสัมผัสกับน้ำพุแห่งความศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วย * วิธีการอธิษฐานขอพร: ใช้มือขวาสัมผัสกับน้ำพุแล้วตั้งจิตอธิษฐาน จากนั้นเดินวนรอบน้ำพุ 3 รอบเป็นอันสมหวังกันถ้วนหน้า * เวลาปิดน้ำพุเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาอธิษฐานกัน: 9:00-12:00, 14:30-18:00, 19:00-19:45, 21:30-22:00 พวกเราได้แค่สัมผัสและอธิษฐานกับน้ำพุแห่งความมั่งคั่งนี้เท่านั้น ไม่ได้อยู่รอชมการแสดง Laser Show ของน้ำพุนี้ด้วย แต่ได้ยินว่าใช้เวลาในการชมราวๆ 1 ชั่วโมงเห็นจะได้ และยังรู้มาว่า ที่นี่จะมีจุดบริการนำข้อความที่คุณต้องการ ให้ขึ้นโชว์เป็นข้อความตัวอักษรเลเซอร์บนม่านน้ำพุนี้ด้วยนะ หนุ่มๆ ที่อยากจะบอกรักแฟนหรือขอแต่งงาน ก็พาแฟนมานั่งดูพร้อมกับให้ยิงเลเซอร์ขึ้นข้อความขอแต่งงานไปเลย จะได้รู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำพุก็คราวนี้แหละ และที่นี่ยังมีการนำขวดแก้วมาบรรจุน้ำของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์นี้วางขายเป็นที่ระลึกกันอีกตังหาก ไม่มั่งคั่งก็ให้มันรู้กันไป (มั่งคั่งแน่ๆ ... “สิงคโปร์” น่ะนะ) จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับพวกเราแล้ว การมายัง Suntec City Mall นอกจากจะมาสัมผัสกับ Fountain of Wealth นี้แล้ว ก็ยังมาเพื่อลงทะเบียนใช้สิทธิ์ FREE Christmas Light-Up HIPPO Tours ช่วงเทศกาล Fairy Tale Christmas in The Tropics ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-11-2007 ไปจนถึงวันที่ 2-01-2008 อีกด้วย โดยพวกเราได้รับ Voucher นัดให้ไป Check-in ที่ถนนออร์เชิร์ด (Orchard)* ในวันที่ 17-11-2007 เวลา 19:30 น. และเจ้าหน้าที่คนสวยย้ำว่าต้องไป ณ จุดเช็คอินบนถนนออร์เชิร์ด ล่วงหน้าอย่างน้อย 15 นาทีนะจ๊ะ *Orchard หรือ ออร์เชิร์ด ออกเสียงสั้นๆ ว่า “ออ-เฉิด” ไม่ใช่ “ออ-ฉาด” แบบที่เข้าใจกัน... (ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ “คุณอิน” เพื่อนชาวไทยที่เคยไปสิงคโปร์มาก่อน และ “มิสเตอร์สตีฟ” ชาวสิงคโปร์ ที่ช่วยให้ความรู้นี้) จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กลับลงไปยังทางเดินใต้ดิน City Link Mall กันอีกครั้ง เพื่อเดินเชื่อมไปยัง The Esplanade หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า ตึกทุเรียน (The Durian) ด้วยเพราะลักษณะของตึกที่มีปลายแหลมเหมือนกับหนามทุเรียนนั่นเอง ซึ่งภายในทางเดินไปสู่ตึก The Esplanade นี้ มีส่วนแสดงงานศิลปะหมุนเวียนนำมาแสดงอยู่ตลอดตามทางเดิน ซึ่งในครั้งที่เราไปนี้เป็นการนำเอาผลงานสร้างสรรค์ที่คิดว่าคงจะเป็นของคุณหนูๆ มาแสดงไว้อย่างสวยงามเลยทีเดียว จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 12 The Esplanade นับเป็นโรงละครริมน้ำ (Theatres on the Bay) และศูนย์แสดงศิลปะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งแต่เดิม The Esplanade เป็นอาคารกระจกที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งกลมใสเพื่อให้ความรู้สึกโล่งและกว้างขวาง แต่เพราะความร้อนจากแสงแดดที่ส่องผ่านเข้ามา ต่อมาจึงได้ติดตั้งแผ่นอลูมิเนียมกันแดดที่มีหน้าตาเหมือนหนามแหลมๆ เข้ากับโครงเหล็กของหลังคา ทำให้กลายเป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น จนถูกจัดให้เป็น Landmark ของสิงคโปร์ไปโดยปริยาย จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบถนนที่มีลักษณะเส้นคู่ยึกยือเป็นฟันปลานี้ เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้รู้ว่า “ห้ามจอดบริเวณนี้ตลอดเวลา” แต่หากเป็นเส้นขอบฟันปลาเส้นเดียวเดี่ยวๆ แล้วล่ะก็ จะหมายถึง “ห้ามจอดบริเวณนี้ในเวลาที่ระบุแจ้งไว้บนป้ายห้ามจอด” จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:56:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Ice-cream Wafer รส Chocolate Chip ยี่ห้อ Magnolia อันละ SG$ 1 รสชาติธรรมดาเหมือนไอติมรถเข็นบ้านเรา จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จาก The Esplanade พวกเราจะไปทักทายกับ Landmark ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับ 1 แห่งเมืองสิงหปุระ นั่นก็คือ Merlion ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก โดยรอบบริเวณนี้ถือเป็นศูนย์รวม Landmarks ของสิงคโปร์เลย ไม่ว่าจะเป็น The Esplanade, The Merlion รวมถึง The Fullerton Singapore ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ Five-star Luxury ที่ปรับปรุงมาจากอาคารที่ทำการไปรษณีย์เดิม ปัจจุบันถือเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ส่วนในภาพมุมซ้ายบน นอกจากจะได้เห็น The colorful Floating Stadium สีสันสดใสแล้ว ยังเห็น สิงคโปร์ ฟลายเออร์ (Singapore Flyer) อยู่ไกลๆ ซึ่งเป็น Landmark ชิ้นใหม่ล่าสุดของสิงคโปร์ ที่มีระดับความสูงถึง 165 เมตร ตั้งอยู่บริเวณมารีน่าเบย์ (Marina Bay) บนชั้น 3 ของห้าง Retail Terminal คาดว่าจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสขึ้นชม Panorama View ของสิงคโปร์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 นี้ จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ณ The Merlion Park แห่งนี้ มี Merlion อยู่ 2 ตัวด้วยกัน ถูกขนานนามว่า สิงโตทะเลแม่และลูก (The Merlion and its cub) โดยสิงโตทะเลทั้งสองตัวนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1971 แล้วเสร็จและมีพิธีติดตั้งขึ้นในปี 1972 ในอดีตนั้นสิงโตทั้งสอง ถูกตั้งอยู่บนพื้นดินส่วนที่ยื่นออกไปนอกชายฝั่งบริเวณ Elizabeth Walk แถบปากแม่น้ำสิงคโปร์ (the opening of the Singapore River) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันเพียง 120 เมตร จนกระทั่งปี 1997 เมื่อสะพาน The Esplanade Bridge ได้ถูกเปิดใช้งาน ทำให้ต้องมองหาที่ตั้งใหม่ที่เหมาะสมสำหรับรูปปั้น Merlion นี้ ไม่ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกบดบังจากสะพานได้ โดยใช้เวลากว่า 2 ปีจึงจะได้บทสรุปที่ตั้งแห่งใหม่ในปัจจุบัน ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าที่ตั้งเก่า (The Old Merlion Park) ถึง 4 เท่าตัว สิงโตทะเลแม่ลูกคู่นี้ ทรุดโทรมลงเนื่องจากกาลเวลารวมถึงเกิดการชำรุดเนื่องจากการเคลื่อนย้าย จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซม โดยทำการชะล้างและขูดชั้นสีเก่าของรูปปั้นสิงติงทะเลตัวแม่ออก ส่วนรูปปั้นสิงโตทะเลตัวลูกนั้นได้รับการเปลี่ยนเอากระเบื้องลายครามที่เปลือกนอกออก แล้วแทนที่ด้วย จาน ชาม ช้อนและที่เขี่ยบุหรี่ซึ่งได้รับบริจาคมาจากโรงแรม Fullerton Singapore นั่นเอง จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รูปปั้นสิงโตทะเลตัวแม่นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็น The Main Merlion โดยตำแหน่งที่ตั้งนี้เชื่อว่าเป็นตำแหน่งฮวงจุ้ย (Feng-Shui) ที่เป็นมงคลอย่างยิ่ง โดยมีคำจารึกไว้ด้วยว่า "The Merlion has been erected as a symbol to welcome all visitors to Singapore" จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ข้างใต้ Esplanade Bridge สะพานต้นเหตุที่ทำให้สิงโตทะเลแม่ลูกต้องระหกระเหินออกจากบ้านเก่า จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 18:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Anderson Bridge สะพานสุดคลาสิค ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1910 พาเราข้ามไปยัง Victoria Theatre & Memorial โรงหนังที่มักจะมีการจัดแสดง Symphony Orchestra ขึ้นอยู่เป็นประจำ และเป็นที่ตั้งของรูปปั้น Bronze ของท่านเซอร์สแตมฟอร์ด ราฟเฟิล (Sir Stamford Raffles) จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อาคารที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นก็คือ Victoria Theatre & Memorial และเป็นที่ตั้งของรูปปั้น Sir Stamford Raffles หรือชื่อเต็ม ว่า เซอร์ โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ (Sir Thomas Stamford Bingley Raffles) ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ แต่เดิมนั้นเกาะสิงคโปร์ มีชื่อเป็นภาษาชวาว่า "เทมาเสก" (แปลว่า เมืองทะเล) เป็นเมืองค้าขายที่สำคัญมาก กระทั่งภายหลังความเจริญทางการค้าเสื่อมถอย จนร่องรอยของเมืองเทมาเสกแทบจะเลือนหายไป และอีกหลายปีต่อมาได้เกิดสงครามระหว่างชาวมาเลย์กับโปรตุเกสขึ้น เมื่อสิ้นสุดสงครามเกาะเทมาเส็กตกอยู่ในการครอบครองของโปรตุเกสอยู่ร่วม 100 ปี และเปลี่ยนมือมาเป็นของฮอลันดาอีกร่วม 100 ปี จนกระทั่ง ปี พ.ศ. 2362 แรฟเฟิลส์ได้แล่นเรือมาขึ้นเกาะ และเล็งเห็นศักยภาพทางการค้าของเกาะแห่งนี้ นอกจากนี้แรฟเฟิลส์ยังเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสิงคโปร์ สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้ามการพนัน และการค้าทาส นับแต่นั้นมาสิงคโปร์ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในอาณัติของอาณานิคมอังกฤษ และกลายเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษอย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา ในระยะหลัง แรฟเฟิลส์ เริ่มเบื่อหน่ายการเมืองจึงมุ่งความสนใจไปในด้านธรรมชาติวิทยาและออกเดินทางกลับประเทศอังกฤษ ซึ่งอันที่จริงแล้ว แรฟเฟิลส์ อยู่ดูแลการก่อตั้งสิงคโปร์จริงๆ เพียงไม่นาน แต่แรฟเฟิลส์ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ก่อตั้งสิงคโปร์อย่างแท้จริง “มองเห็นท่านเซอร์ฯ กันมั้ยนะ... ยืนกอดอกตากลม (กอด-อก-ตาก-ลม อ่านยากจริงๆ) ตัวเล็กจิ๊ดนึงอยู่หน้าอาคาร Victoria Theatre โน่นแน่ะ” จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จากนั้น มื้อเย็นของเราก็ไปจบลงที่อาหารต้องลองเมื่อมาเยือนเกาะสิงคโปร์แห่งนี้ เนื่องจากเป็นอาหารที่นิยมกันอย่างมาก นั่นก็คือ บักกุ๊ดเต๋ (Bak Kut Teh) พวกเราเลือกลิ้มลองอาหารลือชื่อนี้ ที่ร้าน “Song Fa Bak Kut Teh” บนถนน New Bridge รายการอาหารที่สั่ง:   - ซุปบักกุ๊ดเต๋ซี่โครงหมู (Pork Ribs Soup) = SG$ 7.00   - ไส้หมู (Pig’s Intestines) = SG$ 5.00   - คะน้ำน้ำมันหอย (Kai Lan / Oyster Veg.) = SG$ 3.00   - ปาท่องโก๋ (You Tiao / Fried Dough Fritter) = SG$ 1.00 บักกุ๊ดเต๋ (Bak Kut Teh) แปลตามตัวอักษรได้ว่า “Pork Bone Tea” โดยทั่วไปแล้วจะเสิร์ฟพร้อมข้าวเปล่าและปาท่องโก๋ (You Tiao) โดยจะจุ่มปาท่องโก๋ในน้ำซุปก่อนรับประทาน เป็นอาหารที่นิยมเป็นอย่างมากในประเทศมาเลย์เซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และที่อำเภอหาดใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งจะมีกรรมวิธีในการปรุงที่แตกต่างกันไปตามชาวจีนแต่ละเชื้อชาติ ในประเทศสิงคโปร์ มีบักกุ๊ดเต๋ อยู่ 3 ชนิดด้วยกัน ส่วนมากแล้วจะเป็นบักกุ๊ดเต๋แบบแต้จิ๋ว (Teochew) สีน้ำซุปจะใสแต่จะมีรสเผ็ดจัดของพริกไทย ต่อมาคือบักกุ๊ดเต๋แบบฮกเกี้ยน (Hoklo หรือ Hokkien) ชาวฮกเกี้ยนนิยมรับประทานอาหารรสเค็ม ทำให้มีรสชาติเค็มนำและเนื่องจากปรุงด้วยซีอิ๊วทำให้น้ำซุปมีสีเข้ม สุดท้ายคือบักกุ๊ดเต๋แบบกวางตุ้ง (Cantonese) ซึ่งมีวัฒนธรรมนิยมการบริโภคซุป มักจะปรุงยาสมุนไพรหลากหลายชนิดลงในน้ำซุปเพื่อให้น้ำซุปมีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้น นอกจากนี้ แท้จริงแล้วบักกุ๊ดเต๋ยังมีอีกชนิดหนึ่งที่มีปริมาณไขมันต่ำ จะปรุงด้วยไก่ จึงถูกเรียกว่า ชิคกุ๊ดเต๋ (Chik Kut Teh) จัดเป็นอาหารฮาลาล (Halal) สำหรับชาวมุสลิมที่ไม่รับประทานเนื้อหมูนั่นเอง (ขอยืมภาพมาจาก : www.sbestfood.com/songfa.htm) แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 51 19:20:59 จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 หลังจากมื้อเย็นถูกลำเลียงลงไปนอนอุ่นอยู่พุงของพวกเราเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเท้าไปยังท่าเรือคลาร์กคีย์ (Clarke Quay) กันต่อ... ในบริเวณ Quay Area นี้ (คำว่า Quay อ่านว่า “คีย์” หมายถึง ท่าเรือ) แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ Boat Quay, Clarke Quay และ Robertson Quay ซึ่งในปัจจุบัน Quay Area นี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการบูรณะอาคารเก่าไว้ให้คงสภาพเดิมเหมือนในสมัยศตวรรษที่ 19 ให้มากที่สุด โดยบริเวณท่าเรือคลาร์กคีย์ (Clarke Quay) นี้ เป็นโกดังท่าเรือเก่าที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขึ้นมาเป็นแหล่งรวมภัตตาคาร และไนท์คลับ จำนวนมากเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์ อีกทั้งเป็นแหล่งช็อปปิ้ง และมีสิ่งบันเทิงต่างๆ มากมาย นอกจากนี้ ยังมีเครื่องเล่นสไตล์ X-Treme สุดท้าทายไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกันด้วย นั่นก็คือ “G-MAX Reverse Bungy” สามารถเล่นได้ทีละ 3 คน โดยผู้เล่นจะนั่งอยู่ในแคปซูลเหล็กเปิดโล่งที่ยึดเข้ากับเสาสองต้นด้วยเส้นสลิงบันจี้ จากนั้นสลิงจะถูกดึงให้ตึงแล้วดีดแคปซูลขึ้นฟ้าสูงถึง 60 เมตร ด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ริมสองฝั่งแม่น้ำสิงคโปร์นี้ นอกจากจะเต็มไปด้วยภัตตาคารและไนท์คลับจำนวนมากแล้ว ยังเต็มไปด้วยคู่รักจำนวนมากที่พากันมานั่งโรแมนติกกันริมฝั่งน้ำเป็นที่น่าอิจฉาชะมัดยาด จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 The Central เป็น Contemporary Shopping Mall ที่ตั้งอยู่ในบริเวณ Central Area ริมแม่น้ำสิงคโปร์ ฝั่งตรงข้ามกับ Clarke Quay และถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นช็อปปิ้งมอลล์ในแบบ Nihongo Style หรือ Japanese Theme ที่เป็นแหล่งรวมอาหารญี่ปุ่นนานาชนิดเข้าไว้ด้วยกันที่นี่ การเดินทางมายัง Shopping Mall แห่งนี้ ก็เพียงแค่มาลงที่สถานี Clarke Quay MRT Station เท่านั้น เนื่องจาก The Central นี้ ตั้งอยู่เหนือสถานี Clarke Quay นี้นี่เอง จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขากลับพวกเราต้องลงที่สถานี Dhoby Ghaut เพื่อเดินเท้าต่อกลับไปยังโรงแรมที่พัก แต่เมื่อออกมานอกสถานีพวกเราก็เปลี่ยนใจ ขอแวะช็อปใน “Plaza Singapura” The Shopping Mall อันถือได้ว่าเป็น One-stop Shopping Mall ที่มีพร้อมทุกสรรพสิ่งที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านอาหาร, แฟชั่น, เสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน ฯลฯ เช่น Carrefour , Mos Burger, Starbucks Coffee, Yoshinoya, Levi’s, Charles & Keith, The Body Shop, G2000, Best Denki เป็นต้น แล้วในที่สุดก็ต้องเสียเงินให้กับรองเท้า Charles & Keith คู่ละ SG$ 26.01 มาคู่นึงจนได้ พอใจละ...ได้ช็อปปิ้ง กลับโรงแรมหลับชาร์ตพลังไว้ไปลุยต่อที่เซนโตซ่า (Sentosa) กันในวันรุ่งขึ้นดีกว่า จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 19:03:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตามไปเที่ยวด้วยคนค่า จากคุณ : เหงาจับใจ - [ 15 มี.ค. 51 20:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอแอบมาเก็บข้อมูลหน่อยล่ะกันนะคะ จากคุณ : SuPer GLUE (SuPerHyPerOverUltraGLUE) - [ 15 มี.ค. 51 20:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 "คุณ เหงาจับใจ" ตามไปเที่ยวด้วยกันต่ออีกกระทู้ด้วยนะคะ~ ei ei "คุณ SuPer GLUE" ยินดีให้เก็บข้อมูลเต็มที่เลยค่ะ จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 22:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 "กระทู้ ภาคต่อ" นะจ๊ะ “Singapore” ย่ำเท้าไปในดินแดนสิงหปุระ (Sentosa-Bugis Street) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6425924/E6425924.html จากคุณ : J@de Ornament - [ 15 มี.ค. 51 22:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รอชมค่ะ เผื่อมีที่กำลังหมายตาไว้ จากคุณ : ป้าหนอน - [ 15 มี.ค. 51 22:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีเงินด้วย ขอมาเป็นที่ระลึกโหน่ยย จากคุณ : ของ่ายนิ - [ 15 มี.ค. 51 22:49:49 A:203.118.120.181 X: TicketID:130166 ]

ความคิดเห็นที่ 31 "คุณ ป้าหนอน" & "คุณของ่ายนิ" ขอบคุณที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมกระทู้นะคะ ----------------------------------------------------------------------------- กระทู้สุดท้ายค่ะ : “Singapore” ย่ำเท้าไปในดินแดนสิงหปุระ (Jurong-Orchard-Mustafa) http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6426590/E6426590.html จากคุณ : J@de Ornament - [ 16 มี.ค. 51 13:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ชอบตรงบริเวณทางเดินใต้ดิน City Link Mall ที่จัดงานศิลปะจัง จัดได้น่ารัก สวยดี เพิ่งรู้ว่าเง็กกะหลิงไปพักที่เดียวกับเราเลยแฮะ บังเอิญจัง จากคุณ : IN (nu_annie_zaa) - [ 16 มี.ค. 51 15:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 นั่นสิ...บังเอิญจัง พักที่เดียวกันด้วย...คงไม่บังเอิญขนาดพักห้องเดียวกันด้วยหรอกนะ..ฮ่า ฮ่า จากคุณ : J@de Ornament - [ 17 มี.ค. 51 09:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โหวตเก็บคลังกระทู้เก่าดีก่า มีประโยชน์และละเอียด มากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากคะ จากคุณ : yakyingnuk (yakyingnuk) - [ 17 มี.ค. 51 13:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 "คุณ yakyingnuk" ขอบคุณนะค๊า~ ที่เห็นว่ากระทู้นี้สามารถเป็นประโยชน์ให้กับคุณ yakyingnuk ได้บ้าง... ขอเอาคำตอบที่ตอบคำถามคุณ yakyingnuk เกี่ยวกับบัตร Hello Card ของ SingTel มาตอบไว้ในกระทู้นี้ด้วยเลยแล้วกันนะคะ... เผื่อจะมีคนอื่นๆ อยากทราบข้อมูลเหมือนกันจ๊ะ~ คำถาม เกี่ยวกับ อัตราค่าโทรด้วยบัตร Hello Card กลับมาประเทศไทยนะคะ * อันนี้เป็นผลการเสิร์ช "อัตราค่าโทรด้วยบัตร Hello Card กลับมา กทม. นะคะ" * https://icclink.singtel.com/ratescheck/rcsinet_result_HELLO_all.jsp?prod_code=HelloCard&serv_code=PPC_HelloCard&pac=false&rate_type=con&line_type=F&orig_ctry_code=65&countries=66*2&number=1 * อันนี้สำหรับลองเสิร์ชดูกรณีโทรกลับมา ตจว. ค่ะ (จะมีลิสต์รายชื่อจังหวัดให้เลือก)* https://icclink.singtel.com/ratescheck/rcsinet_main_HELLO.jsp?prod_code=HelloCard&rate_type=con ใครอยากทราบรายละเอียดอัตราค่าโทรฯ ลองดูได้นะคะ จากคุณ : J@de Ornament - [ 17 มี.ค. 51 14:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 จากคุณ : My life in Japan. - [ 17 มี.ค. 51 15:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 รีิวิวละเอียดมากกๆครับ จากคุณ : bicycle_trend - [ 17 มี.ค. 51 17:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กำลังจะไปพอดีเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : กล่องทิชชู่ - [ 17 มี.ค. 51 23:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 39 น่าไปจังเลย ภาพสวยมากๆ ครับ จากคุณ : aunosk - [ 18 มี.ค. 51 14:47:33 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ...ขอบคุณ... "คุณ My life in Japan", "คุณ bicycle_trend", "คุณ กล่องทิชชู่", "คุณ aunosk" ...ที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ... จากคุณ : J@de Ornament - [ 18 มี.ค. 51 18:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาดูครับ จากคุณ : oumbkk - [ 24 มี.ค. 51 12:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 .. กำลังวางแผนว่าจะไปเที่ยวในเดือนมิ.ย.นี้ค่ะ กระทู้คุณ J@de Ornament ให้ประโยชน์ดิฉันมากๆ ว่าแล้วก็ตามไปดูภาคต่อ ขอบคุณค่ะ .. จากคุณ : Ain't no sunshine - [ 27 มี.ค. 51 20:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 43 "คุณ oumbkk" ... ขอบคุณที่แวะมาดูนะค๊า~ "คุณ Ain't no sunshine" ... ยินดีนะคะที คุณ Ain't no sunshine คิดว่ารีวิวนี้พอจะเป็นประโยชน์ได้ อิอิ และขอขอบคุณที่แวะมาดูรีวิวกันนะค๊า~ จากคุณ : J@de Ornament - [ 29 มี.ค. 51 21:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ถ่ายรูปสวยมากนะคับ อยากรู้ว่าใช้กล้องรัยอ่าคับ คือกำลังจะซื้อกล้องนะ จากคุณ : northin - [ 22 ก.ค. 51 22:29:38 ]