ความคิดเห็นที่ 1 Tour Itinerary on 02-01-2008 The Metropolitan Museum of Art  เมื่อทานอาหารอิ่มง่ายสบายท้องแล้ว  เราก็เดินชมพิพิธภัณฑ์ต่อ ตอนนี้เราจะชมศิลปะของ ชาวเมารี   ซึ่งมีบรรพบุรุษคือชาวโพลินีเชียน  ซึ่งย้ายมาอยู่ที่เกาะนิวซีแลนด์ ตั้งแต่เมื่อ  1100 ปีก่อน คริสตกาล   ผลงานของชาวเมารีส่วนใหญ่จะเป็นงานแกะสลักไม้  มีขนาดใหญ่โต  บ้างก็สูงใหญ่กว่าคนอีก  ลักษณะของชิ้นงานจะดูเรียบง่าย ไม่หรูหรา แต่ก็สะท้อนความมีสุนทรียภาพออกมาด้วยความกลมกลืนของโครงสร้าง แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 51 23:39:41 จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งานแกะสลักไม้ของชาวเมารีโบราณมีอยู่หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนไม่มาก  แต่ที่ยังคงเหลืออยู่และรอดพ้นจากภัยสงครามระหว่างชาวผิวขาวกับเมารี  ก็ด้วยความชาญฉลาดของชาวเมารีที่เอางานศิลปะที่มีคุณค่าเหล่านี้ซุกซ่อนโดยแช่ลงไปในบ่อโคลน และด้วยเหตุที่เป็นบึงน้ำที่ปิดตาย  ไม้เหล่านี้จึงรอดพ้นจากการเน่าเปื่อย ผลงานโดดเด่นต่างๆจึงมีโอกาสอวดโฉมมาจนถึงทุกวันนี้     แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 51 22:52:54 จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นี่คือ คุณชายโด่เด่  เก๋ไก๋ตรงแต่เสื้อ  มีเครื่องประดับรอบคอ   ลักษณะของศิลปะชาวเมารีจะมีเอกลักษณ์ตรงที่ มักจะเป็นงานแกะสลักแบบ 3 มิติ  ส่วนหัว  ร่างกายและส่วนท้องจะมีขนาดใหญ่กว่าสัดส่วนปกติ แต่จะไม่เน้นส่วนขา   นอกจากนี้หุ่นมักจะมีมีลวดลายสวยงามด้วยการลงสีเป็นเครื่องประดับประดาตกแต่ง แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 51 22:54:19 จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ออกจากห้องศิลปะโพลินีเชี่ยนของเมารีแล้ว  เราก็มาดูอะไรที่อะร้าอร่ามแวววาวอย่างทองคำในห้องที่แสดงอารยธรรมทวีปอเมริกาบ้าง  กลุ่มนี้จะเคยรุ่งเรืองช่วงต้นๆของคริสตกาล  ในบริเวณทวีปอเมริกากลางในปัจจุบัน  เช่น ปท. เม็กซิโก หรือ โคลัมเบีย  บอกตรงๆ ผมไม่เคยนึกมาก่อนว่า จะมีอารยธรรมที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งถึงระดับนี้ในแถบนี้เลย จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทั้งห้องนี้แสดงศิลปะชนิดประณีตศิลป์  ในตู้นี้จะเห็นหน้ากากทองคำที่ค้นพบใน ปท. โคลัมเบีย เขาว่ากันว่าบริเวณแม่น้ำคาลิมา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของโคลัมเบียมีแร่ทองคำอย่างมากมาย ซึ่งทำให้สามารถใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับงานประณีตศิลป์ที่ใช้ทองคำและเป็นอารยธรรมยืนยาวถึง สองพันปีเลยทีเดียว หน้ากากทองนี้  ช่างฝีมือต้องใช้ค้อนค่อยๆขึ้นรูปใบหน้าคนจากทองคำแผ่น ที่มีทองแท้อยู่ประมาณร้อยละ 86   เงินร้อยละ 13 และทองแดงร้อยละ 1  สันนิษฐานว่าเจ้าของคงสวมหน้ากากนี้ในการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง  เมื่อเสียชีวิต ผู้อื่นได้นำหน้ากากนี้ฝังพร้อมเจ้าของ ส่วนตรงขวามือ จะเป็นศิราภรณ์ คือ เครื่องประดับศีรษะทองคำที่แสดงฐานะของผู้สวมว่า แม้ไม่ใช่เทวดา ก็ต้องไม่ใช้คนธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงทั่วๆไปแน่  ผู้สวมจะต้องพันผ้าไว้รอบศีรษะก่อนแล้วค่อยบรรจงรัดเครื่องประดับศีรษะนี้ สังเกตดูจะเห็นแผ่นทองเป็นซี่เล็กๆห้อยระโยงระยาง ซึ่งยามเมื่อผู้สวมย่างกราย  มันก็จะแกว่งไกวสะท้อนแสง ให้เป็นที่วูบวาวแก่สายตาที่พบเห็น ด้วยความอิจฉา....เอ๊ย....ศรัทธา     (แหม...ก็ผมอยากได้บ้างง่ะ) จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นี่คือศิลปะเผ่ามายา  อารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองบริเวณเม็กซิโก และกัวเตมาลา  กลุ่มชนที่เลื่องชื่อด้วยปิรามิดขั้นบันใด งานชิ้นนี้ทำด้วยเซรามิค  เป็นกระถางธูป 2 ส่วน  ส่วนล่างจะเป็นที่จุดธูปเครื่องหอม ส่วนบนที่เป็นหุ่นนั้นคือรูปกษัตริย์ทรงเครื่องประดับและมงกุฎจะเป็นปล่องควันคือทางออกของควันธูปเพื่อส่งสัญญาณไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน  สำหรับชาวมายาแล้ว  กษัตริย์จะเป็นผู้ซึ่งสามารถติดต่อสื่อสารกับเทพเจ้าได้ จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เหินข้ามทวีปอเมริกาผ่านเลยอารยธรรมมายาด้วยพลังจิต   พวกเราจึงข้ามมิติแห่งเวลาย้อนไปสู่อารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สู่ลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส (ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเขต ปท อิรัก)   เราจะไปกระทบไหล่ชาวสุเมเรี่ยนผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรลิ่ม   เฮ้อ....เกินขอบเขตแห่งจินตนาการของผมจริงๆ  เมื่อเห็นงานประณีตศิลป์ที่มีอายุเกือบ 4,500 ปี  ยังงดงามวิจิตรพิสดารถึงเพียงนี้   อารยธรรมของชาวสุเมเรี่ยนผู้แม่แบบแห่งอารยธรรมโลก  สมควรแห่งการยกย่องและศิโรราบจริงๆ จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เครื่องประดับชาวสุเมเรี่ยนในตู้โชว์นี้ล้วนขุดค้นได้มาจากสุสานกษัตริย์แถวเมืองเออร์  ยุคเมโสโปเตเมีย นอกจากกษัตริย์หรือมเหสีแล้ว  ยังพบว่ามีผู้ติดตามรับใช้ถูกฝังเพื่อสังเวยอีกด้วย  ซึ่งเครื่องประดับบางส่วนก็ได้มาจากคนรับใช้เหล่านี้ 1. คือ เครื่องประดับศีรษะสตรีที่รัดบริเวณหน้าผาก มีแผ่นทองเล็กๆรูปใบไม้ โดยสายสร้อยจะเป็นหินมีค่าประเภทเพชรตาแมวและหินควอทซ์ 2. คือ เครื่องประดับที่เรียกว่า Choker  รู้จักกันไหม  ใครไม่รู้จักก็แสนเชย  ก็ของมีมาตั้งสี่พันปีแล้วนะ.....อิอิอิ...คือเครื่องประดับเป็นสร้อยที่รัดติดกับลำคอระหง  ส่วนใครที่อ้วนจนไม่เห็นลำคอนั้น  คงไม่มีโอกาสสวม  สายสร้อยประกอบด้วยแผ่นทองคำรูปสามเหลี่ยมที่ทำเป็นลอนร่องสลับกับหินสีฟ้าเข้มอย่างไพฑูรย์ สายสร้อยเส้นนี้ความยาวไม่พอที่จะรัดได้รอบลำคอ  จึงต้องมีผ้าแถบสอดรัดอีกต่างหาก  มิฉะนั้น สายสร้อยนี้ก็อาจจะใช้ยึดบริเวณปกของเสื้อคลุมก็เป็นได้ 3. สายลูกปัดที่ประกอบด้วยลูกปัดทอง ไพฑูรย์ และ ควอทซ์ 4. ต่างหูทองคำรูปจันทร์เสี้ยว โดยขึ้นรูปจากแผ่นทอง จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สรรพสิ่งมีเกิดย่อมมีดับ  ต่อมา  อารยธรรมเมโสโปเตเมียก็ล่มสลายและอารยธรรมของชาวเปอร์เชีย.....อิหร่าน  ก็รุกล้ำเข้ามาแทนที่ ในรูปคือภาชนะสำหรับบรรจุพวกของเหลวเช่น สุรา น้ำ หรือน้ำนม ซึ่งแสดงให้เห็นฝีมือของชาวเปอร์เชียในการถักทอเส้นทองคำและต่อเชื่อมส่วนที่เป็นภาชนะกรวยกับรูปสิงโตเข้าด้วยกัน  โดยที่มองไม่เห็นรอยเชื่อมต่อกันเลย ความดุดันของสิงโตถูกลดลงด้วยลายเส้นที่อ่อนช้อย  สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามันเป็นสิงโตติดปีกบินด้วยนะ  ถ้าไม่ถูกขังอยู่ในตู้กระจกนี้  มันอาจจะบินลัดฟ้ามาเมืองไทยแล้วก็ได้  โอ๊ย....ไม่ใช่อภินิหารหรอก  แต่ว่าผมเองนะมีมือกาวตราช้างเหนียวหนืด  ถ้าได้จับต้องแล้ว  มันก็จะติดมือมาเอง  โดยไม่ได้ตั้งใจทำ จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้คิดว่า ทุกคนเห็นรูปปั๊ปก็รู้ในทันทีว่าเป็นโลงหิน  ใครไม่รู้แสดงว่าไม่ได้ดูตอนก่อนหน้านี้ที่พาชมอารยธรรมอียิปต์ จากลักษณะของรูปแกะสลักทำให้รู้ว่าอยู่ในยุคของชาวเปอร์เซียเรืองอำนาจ จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รูปหินแกะสลักของชาวตะวันออกกลางในยุคนั้น  ทำให้เราได้รู้ลักษณะการแต่งกายของคนในยุคนั้นด้วย จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่งมีโอกาสได้เข้ามาชมเป็นตอนแรก  ได้ความรู้พร้อมๆกับความสนุกสนานจากการท่องเที่ยวผ่านภาพและคำบรรยายของคุณ Fortunism เดี๋ยวจะตามไปเก็บตอนเก่าๆนะคะ ขอบคุณที่ได้นำมาให้ชมกัน จากคุณ : Sydgirl - [ 21 มี.ค. 51 23:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เอาละ  เข้าสู่ยุคที่ใกล้ตัวเราหน่อย  แต่ยังเป็นศิลปะที่ได้รับอิทธิพลของอิสลามร่วมกับศิลปะบาร็อกที่เน้นความหรูหราฟูฟ่า กาน้ำที่หรูเลิศอลังการนี้ทำด้วยเงินประดับด้วยทอง  เป็นเป็นฝีมือแห่งช่างในราชสำนักของกษัตริย์แห่ง Wallachia ทำขึ้นเพื่อเป็นสินสมรสของราชธิดาเพื่อแต่งงานกับเจ้าชายแห่งมัลโดเวอ(Moldova)  ปท. นี้อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโรมาเนีย   เมื่อ ปท ถูกยึดครองโดยรัสเซีย  กาน้ำนี้จึงตกเป็นสมบัติของรัสเซีย  เคยจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก  แล้วต่อมาขายมายังอเมริกาโดยรัฐบาลรัสเซีย เมื่อ คศ. 1932 จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่คือบานประตูกระจกประดับทอง  หรูหราฟูฟ่า  มีลวดลายดอกไม้ สฟิงซ์ เทพธิดา จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โต๊ะหินอ่อนที่ใช้ความหลากหลายสีสันและขนาดของหินมาสร้างเป็นลวดลายงดงาม   เป็นศิลปะโมเสคชั้นเยี่ยมทีเดียว จากคุณ : Fortunism - [ 21 มี.ค. 51 23:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รูปปั้นของสาวยิวแห่งแอลจีเรีย  เป็นผลงานของศิลปินชื่อ Charles Cordier  ชาวฝรั่งเศส   เมื่อ คศ 1862   เขาช่างเลือกวัสดุหลากหลายชนิดมาสร้างสรรค์ผลงานโดยงานชิ้นนี้   โดยประกอบด้วยหินอ่อนลวดลายสวยงามที่กลายมาเป็นลวดลายเสื้อผ้า  ส่วนศีรษะของงานประติมากรรมเป็นสำริด  ลวดลายบางส่วนก็ชุบทอง  นอกจากนี้ยังอาศัยหินสีต่างๆเช่น ควอทซ์สีม่วง (Amethyst) และวิธีการลงยาหลากสี  เพื่อสร้างลวดลายของผ้าโพกศีรษะ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นอกจากงานประติมากรรม ประณีตศิลป์ต่างๆแล้ว  ที่พิพิธภัณฑ์นี้ยังมีงานจิตรกรรมมากมายหลายหลากมาจัดแสดง มีทั้งที่เกี่ยวกับวิถึชีวิตของชาวยุโรป เทพนิยาย และศาสนาคริสต์  ซึ่งสมัยแรกๆ ที่นี้จะมีผลงานแสดงหลักเป็นงานประเภทจิตรกรรม ในภาพนี้จะแสดงเหตุการณ์เมื่อตอนที่พระเยซุเสด็จสวรรคต จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผลงานที่เป็นแบบยุโรปทั้งภาพวาด  เฟอร์นิเจอร์  โต๊ะ  เก้าอี้  ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆมีมากมายเหลือเกิน  ดูไม่จบไม่สิ้น  แต่เนื่องจากเป็นงานศิลปะร่วมสมัยที่เห็นบ่อยจนเจนตา  ผมจึงไม่ค่อยจะสนใจนัก   ว่าแล้ว  ก็ชวนพวกเรามาดูศิลปะทางตะวันออกบ้างดีกว่า  ซึ่งจริงๆแล้วทางพิพิธภัณฑ์จะมีทั้งศิลปะของอินเดีย ขอมและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวม ปท. ไทยด้วย)   แต่วันนั้นเป็นช่วงปีใหม่  ห้องเหล่านี้ จึงเปิดเพียงประตูให้ดู  แต่ไม่เปิดไฟให้เห็นจะจะ  แต่ว่าโชคดีที่เขาเปิดห้องศิลปะจีนซึ่งจะมีทั้งงานประติมากรรม  ภาพวาดหมึกจีน สามารถเข้าชมอย่างทั่วถึง  ผมจึงมีรูปมาอวดพวกท่านครับ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อารยธรรมจีนด้วยสัตว์ในเทพนิยายจีนก็แล้วกัน  ถ้ามองผิวเผิน  ท่านคงจะมองว่าเป็นสิงโต  แต่จริงๆแล้วเป็นสัตว์ในจินตนาการที่ผสมกันระหว่างมังกรกับสิงโต  คือ สัตว์ในเทพนิยายนี้เป็นลูกมังกรครับ  ให้สังเกตที่หัวจะมีเขามังกร  ที่คางก็มีหนวดมังกร  ส่วนรูปร่างกับเท้าทั้งสี่จะเป็นแบบสิงโต เป็นงานแกะสลักหินที่มีชีวิตชีวามาก  เพราะมันดูแข็งแรง  ดุดัน แต่ก็งามสง่าอยู่ในที จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ในห้องนี้เขาจะจัดแสดงศิลปะยุคสำริดของจีนมากมาย  บางชิ้นก็เก่าจนสนิทเขียวขึ้นเกรอะกรัง  แต่พอเห็นเขาจัดเรียงเป็นชุดๆแล้ว  แม้จะเก่าก็ดูขลัง บางชิ้นเป็นภาชนะที่ใช้จริงๆ  บ้างก็เป็นของที่สมบัติที่ฝังไปพร้อมกับเจ้าของ ในรูปนี้เป็นภาชนะสำริดสมัยราชวงศ์ซาง (1600-1100 ปี ก่อนคริสตกาล) 1. คือภาชนะใส่สุรา 2. คือจอกหรือแก้วใช้สำหรับดื่มสุรา 3. คือภาชนะสำหรับใส่อาหาร 4. อันนี้มีจะงอยคล้ายกาน้ำ แต่ไม่ใช่  หากแต่เป็นภาชนะที่ใช้เพื่อผสมสุราและน้ำเปล่า (ก็ยังไม่มีโซดาหรือโค้กนี่นา) ก่อนที่จะรินใส่จอกดื่ม จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ภาชนะสำริดใส่สุรา  ชุดนี้มีขนาดใหญ่ สูงเกือบ 1 ฟุต  จึงน่าจะเป็นภาชนะที่ทำเพื่อใส่ในการประกอกพิธีกรรมหรือสร้างเพื่ออุทิศให้แก่คนตาย ซึ่งย่อมจะเป็นระดับผู้ปกครอง  ในราชวงศ์ซางนี้ จะแบ่งแยกชัดเจนมากระดับผู้นำกับผู้ตาม  และเป็นสังคมที่มีทาสเป็นผู้ใช้แรงงานด้วย จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สถูปหินปูนแบ่งเป็นชั้นนอกและชั้นใน  อาจจะเป็นศิลปะในสมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) ค้นพบที่มณฑลเหอหนาน สังเกตดูจะเห็นงานแกะสลักที่ละเอียดลออ มีเทพทวารบาลอยู่ซ้าย ขวา ด้านหน้า  ส่วนชั้นในจะเป็นส่วนที่วางพระพุทธรูป ด้านบนจะเห็นรูปมังกร และที่สูงสุดจะมีพระพุทธรูปขนาดเล็กเรียงรายอยู่หลายองค์ ซึ่งลัทธิมหายานนั้นจะนับถือพระพุทธเจ้าอยู่มากมายหลายองค์   สำหรับจีนนั้น จะนับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายานแตกต่างจากไทยเราที่เป็นหินยานหรือเถรวาท จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พุทธศาสานาลัทธิมหายานนี้แพร่หลายใน ปท จีน ช่วง ราชวงศ์ฮั่น  ประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล และเฟื่องฟูมากสมัยราชวงศ์ถัง  ในสมัยถังนี่เองที่พระถังซัมจั๋ง ดั้นด้นไปศึกษาพระธรรมที่อินเดีย (แต่เออ...ไม่ได้พาเจ้าลิงเห้งเจียหรือเจ้าหมูตือโป้ยก่ายไปด้วยนะ)  ซึ่งเป็นช่วงที่ลัทธิมหายานกำลังเฟื่อง   ในลัทธินี้จะนับถือพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์มากมายหลายองค์ จะเน้นหนักในเรื่องพิธีกรรมและการสวดมนต์  สาวกจะเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จะเป็นผู้นำพวกเขาไปสู่นิพพานได้ นั่นคือสิ้นสุดการเวียนว่ายตายเกิด   (ขณะที่ลัทธิหินยานของไทยเรานั้น  จะเข้าสู่นิพพานได้ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อรู้แจ้งแล้ว ก็จะหลุดพ้นห้วงทุกข์ได้ด้วยตนเอง) จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นี่คือพระพุทธรูปสำริดปิดทองที่ใหญ่ที่สุดในพิพิธภัณฑ์นี้  สร้างเมื่อ ศตวรรษที่ 5   พระพุทธรูปนี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่เราไหว้กันนะครับ  ไม่ใช่องค์ที่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะนะครับ  งงไหมล่ะ เหมือนผมนั่นล่ะ งงเหมือนกัน  เออ...แล้วจะรู้เรื่องกันไหมนี่   ไม่ต้องห่วงหรอกที่ฐานบริเวณพระบาทานั้นมีภาษาจีนจารึกได้ชัดเจน  อ่านตามแล้วจะรู้แจ้งเห็นจริงเอง เขาจารึกไว้ว่าพระพุทธรูปนี้คือพระศรีอาริยเมตไตรย (คือพระพุทธเจ้าในโลกอนาคตที่จะมาโปรดสัตว์ เมื่อสิ้นกาลแห่งพระศรีศากยมุนีคือพระพุทธเจ้าที่เรานับถือกัน ใน พ.ศ.5000) สร้างเพื่อถวายเป็นราชกุศลแด่พระนางเหวินหมิงไทเฮา ในราชวงศ์เว่ยเหนือ  ซึ่งจีวรของพระพุทธรูปนั้นมีอิทธิพลของชุดแต่งกายแบบตะวันออกกลางผสมอยู่ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คือพระโพธิสัตว์ประทับยืนขนาดสูงใหญ่ เป็นรูปแกะสลักหินทราย สร้างในสมัยราชวงศ์ฉีเหนือ  (ค.ศ.  550-77) โดยค้นพบในมณฑณซานซี (ตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่ง)  เครื่องทรงของพระโพธิสัตว์มักจะมีสายสร้อยสังวาลประดับ  จะเห็นว่าหน้าตาของพระจะคล้ายชาวจีนมากขึ้นกว่ารูปข้างบน   เพราะสร้างในสมัยหลังกว่าเกือบ 50 ปี จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กำลังจะปิดคอมพ์ เห็นกระทู้นี้พอดี ลงชื่อไว้ก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาตามอ่านนะคะ ^ ^ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 22 มี.ค. 51 00:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ประติมากรรมไม้แกะสลักนี้คือพระโพธิสัตว์มัญชุศรี  ชื่อของท่านแปลว่า อ่อนโยน เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีผู้นับถือรองลงมาจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์   ท่านถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งปัญญาและมีหน้าที่คุ้มครองนักปราชญ์ (ชาวเนปาลเชื่อว่า พระมัญชุศรีเป็นผู้นำพุทธศาสนาไปเผยแพร่ในเนปาล)   สังเกตที่พระหัตถ์ขวาจะกุมพระคัมภีร์อยู่  อันเป็นเอกลักษณ์ของพระโพธิสัตว์แห่งปัญญา จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คือเจ้าแม่กวนอิมนั่นเอง( เป็นองค์เดียวกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร )  สร้างจากไม้แกะสลักในช่วงศตวรรษที่ 14-15 เป็นพระโพธิสัตว์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา ทำให้ชาวจีนสร้างรูปพระโพธิสัตว์นี้ในรูปของสตรี  ทั้งๆที่ไม่ว่าในอินเดีย  ธิเบต  ญี่ปุ่นหรือ แม้แต่อาณาจักรศรีวิชัย (แถว อ.ไชยา)   พระโพธิสัตว์นี้จะเป็นเพศชาย   เจ้าแม่กวนอิม ภาษาจีนแปลว่าดูและฟังเสียง  คือท่านจะคอยดูแลช่วยเหลือทุกข์สุขของมนุษย์ ซึ่งท่านจะมีหลายปางมากเช่น ปางพันมือ ปางอุ้มเด็กเป็นต้น   พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นพระผู้ดูแลพุทธศาสนิกชนในพุทธกาลที่มีพระพุทธเจ้าศรีศากยมุนีเป็นพระศาสดา  นั่นคือในพุทธกาลนี้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่รับผิดชอบชาวพุทธทุกๆคนในยุคนี้  ดังนั้นชาวจีนจึงกราบไหว้และนับถือศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พระโพธิสัตว์ไม้ ประทับยืน จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พระโพธิสัตว์ไม้ ประทับนั่งในท่าขัดสมาธิเพชร จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตุ๊กตาดินเผา สมัยราชวงศ์ถัง  ค.ศ. 618-907  ยุคนี้เป็นยุคที่ชาวจีนมีความสามารถในการทำเครื่องเคลือบดินเผาได้ดีมาก  มีศิลปะเครื่องเคลือบดินเผาตกทอดมาถึงปัจจุบันมากมาย รูปคนขี่อูฐนี้  โครงเส้นอ่อนช้อย  ดูให้อารมณ์มีชีวิตชีวาดี   ท่าทางเจ้าอูฐคงจะกำลังประท้วง อาจจะกำลังอ้าปากพูดว่า  .....”ออกไป  ออกไป”..เอ๊ย..น่าจะเป็น   “ลงไป...ลงไป”  มากกว่า จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นแจกันชุดลายครามนี้  ท่านคงเดาถูกว่าเป็นศิลปะจีน  ซึ่งลายครามลักษณะนี้จะเฟื่องฟูมากในสมัยราชวงศ์หมิง จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 33 งานเครื่องเคลือบดินเผานี้ สีสันเย็นตาดี  เห็นแล้วน่าเอามาเป็นหมอนหนุน   ผมว่าน่าจะเป็นหมอนหนุนนอนนะ  แต่คงไม่ได้ใช้จริง  น่าจะเป็นพวกเครื่องเซ่นมากกว่า จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เดินดูมานานแล้ว  อ่านป้ายประวัติต่างๆจนเหนื่อย  แว่บไปนั่งพักผ่อนหย่อนใจในสวนแบบจีนดีไหมครับ ชื่อ Cold Spring Pavilion สวนนี้ลอกแบบมาจากสวนจีนจริงๆ ชื่อ “หวางซือหยวน”(แปลว่า สวนแห่งชาวประมง) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซูโจว ใกล้นครเซี่ยงไฮ้ โดยมีนักออกแบบและช่างรวม 27 คน จากเมืองจีนมาจัดสร้างขึ้นโดยนำวัสดุ ทั้งกระเบื้องและไม้มาด้วย ใช้เวลา 3 เดือน เมื่อ มค-มีค. ค.ศ. 1980 ในสวนนี้จะมีมีระเบียงบ้านอย่างจีน  ที่กลางสวน มีศาลาชมวิวอยู่โดยหลังคาจะโค้งงอนขึ้นด้านบน  อันเป็นแบบของสถาปัตยกรรมจีนทางใต้   มีต้นไม้และก้อนหินปูนรูปร่างแปลกๆจัดวางตามมุมต่างๆ   สมัยก่อน  คนจีนเขาจัดสวนจะนิยมเล่นหิน  ไม่ใช่เอาหินมาเล่นหมากเก็บนะครับ  หากแต่เขาจะคัดเอาหินปูนที่เคยอยู่ใต้น้ำมาประดับสวน เขามีเกณฑ์ 4 ประการ คือ แตก รั่ว ยับ รู   นั่นคือ หินที่สามารถนำมาอวดโฉมในสวนไม้ได้  จะต้องมีรอยแตกหัก มีช่องเล็กๆประปราย ควรจะมีรอยยับย่นย่น  นอกจากนี้จะต้องมีรูเป็นช่องโหว่ใหญ่ในจุดที่เหมาะสม  คนมาถ่ายรูปกันเยอะแยะที่จุดนี้ อาจจะดูสวยสำหรับชาวตะวันตกนะ   แต่ผมว่าสวนนี้สู้สวนที่เมืองซูโจวของจีนไม่ได้เลยแม้สักเสี้ยว เพราะสวนจีนจริงๆจะนิยมใช้ไม้ยืนต้น มีเงาครึ้ม  ของที่นี้ดูแห้งแล้งไปหน่อย เลยไม่ได้ความรู้สึกร่มเย็นแบบฤดูใบไม้ผลิ ตามที่เขาตั้งชื่อไว้.......โอ๊ย..เรื่องมาก  มีให้ดูก็ดีแล้ว     เอ...หน่าย  คราย...บังอาจมาพูดประชด  เดี๋ยวเจอดีหรอก จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หายเครียดแล้ว  เราก็เดินลงมาจากชั้นสอง  จะเห็นความโอ่โถงสูงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์  เขาเลียนแบบสถาปัตยกรรมกรีก  โดยเฉพาะเสาหินอ่อนที่ท่านจะเห็นทันทีที่ก้าวเขามาสู่ที่นี่  ตามมานะครับเดี๋ยวจะพาไปหาสาวงอม...เอ๊ย..งาม ที่จุดติดต่อสอบถาม จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 นี่ครับ  สาวงาม..เอ๊ย...งอม  ประจำ  Information Counter    อิอิอิ...พวกหนุ่มเจ้าชู้โดนต้มเป็นแถวล่ะซิ  ที่อเมริกานี่ เขาให้โอกาสแก่ผู้สูงอายุในการประกอบอาชีพอย่างมากเลยครับ  ตามแหล่งท่องเที่ยวจะเห็นอยู่ประจำเคาเตอร์มากมาย  และขอบอกที่นี้เลย  เวลาจะขอข้อมูลหรือสอบถามอะไร  ให้เลือกคนสูงอายุไว้ก่อน  รับรองว่าจะเขาใจดีและจะให้ข้อมูลละเอียดมากๆ สาวงามคู่ดอกไม้  เห็นกระถางดอกไม้อันเบ้อเร่อที่ดอกไม้บานสะพรั่งไหมครับ  เป็นดอกไม้จริงนะครับ  เขามีป้ายบอกร้านดอกไม้ที่เป็นสปอนเซอร์ด้วยนะ เขาจัดวางไว้หลายจุด  ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวามาก  คุณยายเองก็ดูบุคลิกดี สง่างามสมวัยครับ  ไม่ทำให้ภาพเสียบรรยากาศหรอกว่าไหม แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 00:33:42 จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ก่อนออกจากเดอะเม็ต เราไปดูต้นคริสต์มาสที่หรูเริดอลังการที่สุดในบรรดาต้นคริสต์มาสทั้งปวง  เขาห้ามถ่ายรูปครับ  แต่โชคดีไปเจอในเว็บของพิพิธภัณฑ์  เลยเอามาให้ชื่นชมกันครับ เขาจัดแสดงช่วง 20-11-2007  ถึง 6-1-2008 เท่านั้นครับ  ตอนนี้ใครไปก็คงไม่เห็นแล้ว เราจะเห็นตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อย นุ่งห่มด้วยชุดผ้าไหม แพรพรรณสีสันสดสวย แต่ละตัวคือบรรดาเทพ ล้วนมีปีก โบกบินโผผินไปรอบต้นคริสต์มาส จนถึงยอดประดับดาวประกายทองรองเรือง  ตามต้นคริสต์มาสแซมซ้อนด้วยแสงเทียนวับแวบ  ให้ความรู้สึกที่สูงส่งและสันติในขณะเดียวกัน จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ต้นคริสต์มาสนี้เป็นแบบนิยมของชาวเมืองเนเปิ้ลในอิตาลีในช่วง ศตวรรษที่ 18 ซึ่งจำลองภาพเหตุการณ์แห่งการประสูติของพระเยซู (1) ซึ่งยังเป็นทารกเพิ่งเกิด นอนอยู่ในตะกร้า โดยมีบิดา มารดาชุดขาว ยืนเฝ้าอยู่   ในขณะที่กษัตริย์แห่งอิสราเอล (2)  ผู้กลัวคำทำนายที่ว่า ทารกเพิ่งเกิดจะมาเป็นกษัตริย์แทนตน  จึงมีคำสั่งให้ตามฆ่าทารกเพิ่งเกิดทุกคน  บิดามารดาจึงต้องนำพระเยซูลี้ภัยไปยังอียิปต์   ส่วนบริเวณฐานของต้นคริสต์มาส จะจำลองวิถีชีวิตของคนเดินดินซึ่งมีทั้งคนเลี้ยงแกะ หรือ พ่อค้าที่นั่งอยู่บนหลังอูฐ  อากัปกิริยาของตุ๊กตาแต่ละตัวเสมือนว่ามีอารมณ์ความรู้สึก  ราวกับว่าเคลื่อนไหวไปมาได้  แสงสีที่มลังเมลืองระยิบระยับเป็นจุดๆ ก่อให้เกิดจินตนาการกว้างไกลไพศาล นี่ล่ะคือ ต้นคริสต์มาสที่เป็นอันดับหนึ่งในใจผมเลย แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 51 00:37:17 จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ภาพสำหรับ คห 38 จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:38:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เป็นช่วงเวลาเกือบตกเย็นแล้ว  ผมอำลาพิพิธภัณฑ์ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ   สวยนะใช่  แต่ที่สำคัญได้ใช้ตั๋วเข้าชมอย่างคุ้มค่าแล้ว  ตั้งเกือบ 5  ชม.  ควรออกมาได้แล้ว  ก่อนที่จะหมดแรงเดินเที่ยวต่อไป   เราเดินออกมายัง Central Park เป็นสวนซึ่งอยู่ติดกัน ใหญ่โตกว่าสวนลุมพินีอีก  พอดีเป็นช่วงฤดูหนาว  มีแต่ต้นไม้หัวโกร๋น  จึงไม่ใช้เวลาสำหรับการชมนกชมไม้หรอก  และผมก็พลาดไปอีกนิด  ไม่รู้ว่าที่นี้มี เข็มของราชินีคลีโอพัตรา  ชื่อว่าเข็ม  แต่จริงๆคือ เสาแทนสุริยเทพ Obelisk  ซึ่งจัดเป็นโบราณวัตถุกลางแจ้งที่เก่าที่สุดของกรุงนิวยอร์กเลย  ฝากบอกคนที่อ่านนะครับ อย่าลืมเผื่อเวลาขากลับออกมาดูเสาหินด้วยนะ ฟ้ามืดเร็ว อากาศเย็นจัด ประมาณ ศูนย์องศาเซลเซียสกระมัง  เพราะว่ามีแผ่นน้ำแข็งบางๆเกาะตัวตามพื้นถนน  เราตั้งใจจะเดินให้ตลอดสาย Fifth Avenue สู่  Time Square  มีจุดหมายหลักอีกแห่งที่จะต้องไปให้ได้คือ ไปยัง  Rockefeller center เพื่อไปดูต้นคริสต์มาสชื่อดังอีกหนึ่งต้น  ระหว่างทางเดินชมห้างไปเรื่อย  พอหนาวจนมือเท้าชา  ก็รีบเข้าห้างไปเอาไออุ่นจาก Heater   แล้วเดินต่อ   นักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่มากมาย ในห้างขายเพชรพลอยแพงๆอย่าง ทิฟฟานี  คนก็เยอะราวกับตลาดสด ดูฝรั่งนักท่องเที่ยวที่นี้ส่วนใหญ่แต่งตัวดี เสื้อผ้า กางเกง เสื้อโอเวอร์โค้ต  และรองเท้า  มักจะมีสีสันและรูปแบบที่เข้ากันได้ดี  ท่าทางจะมีเกรดดีกว่าฝรั่งที่เที่ยวแถวบ้านเราที่สะพายเป้ ลากแตะเปื้อนๆ  ใส่เสื้อกล้ามปอนๆ ขาสั้นยับๆ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เดินเกือบ 2 ชม. ครับ ตอนนี้ก็ประมาณ 1 ทุ่มแล้ว ในที่สุดแสงสีแวววาววาบวับทั่วทั้งสวนหย่อมของ Rockefeller center ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่บรรยากาศแห่งเทศกาลคริสต์มาศและวันขึ้นปีใหม่ด้วยเสียงกลองเลื่อนลั่นสนั่นดังจากมือกลองที่เป็นตำรวจครับ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 42 นี่คือนางฟ้า มาเป่าแตร ต้อนรับพวกเราครับ นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันมากมาย จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 43 นางฟ้าเหล่านี้ ทำจากการผูกโยงเส้นลวดเป็นโครงร่าง  แล้วประดับด้วยหลอดไฟขนาดเล็ก  แจ่มจรัสเจิดจ้านักในยามค่ำคืน จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 นี่คือ ลานสเก็ต ด้านล่างของตึก GE (General Electric building)  มีคนวาดลวดลายหลายลีลา  อย่างเด็ดๆต้องเจอกับผมครับ  เหอเหอ...แต่เจอกันที่โรงพยาบาลนะครับ  เพราะกระดูกกระเดี้ยวผมคงจะหักเพราะเล่นไม่เป็น เพื่อความปลอดภัย งั้นก็ใช้สายตาชื่นชมความงามของตุ๊กตาสีทองดีกว่า  เป็นประติมากรรมลอยตัวสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นโดยชาวอเมริกัน ใน คศ. 1934  มีฉากหลังเป็นน้ำพุ   ด้านบนคือต้นคริสต์มาสประดับไฟสีม่วงคราม  ทำไมภาพมันไม่ชัด  แหม...ใครนะช่างบ่นเหลือเกิน   แบตเตอรี่กล้องหมดอีกแล้ว  ใช้มือถือถ่ายเอา  มีมาโชว์ก็เป็นบุญแล้ว  อย่าจู้จี้หน่อยเลย จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สุดยอดค่ะ อยากไปเดินมั่งจัง จากคุณ : cultureclub - [ 22 มี.ค. 51 00:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 46 รูปนี้คงชัดถูกใจ  เอามาจากเว็บของ Rockefeller มาครับ  เพราะกำลังจะเล่าเทพนิยายกรีกให้ท่านฟังอีกหนึ่งเรื่อง  นี่คือเทพ  Prometheus  ความสำคัญของเขาถูกจารึกด้วยตัวอักษรบนแผ่นหินอ่อนสีแดงที่ด้านหลังว่า   "Prometheus, Teacher in Every Art, Brought the Fire That Hath Proved to Mortals a Means to Mighty Ends." ผมแปลว่า  เทพเพอมีธีอุส ปราจารย์แห่งศิลปศาสตร์ทั้งมวล ผู้ได้มอบเปลวไฟซึ่งนำความรุ่งเรืองอย่างมหาศาลแก่มวลมนุษย์ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ชาวกรีกเชื่อว่า เทพเพอมีธีอุสคือผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาบนโลก แต่มนุษย์ได้สร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้นำของปวงเทพคือเทพซีอุส เพราะถวายเครื่องเซ่นสรวงไม่ถูกใจ  เทพซีอุสจึงทำโทษมนุษย์ด้วยการนำไฟออกจากโลกมนุษย์ไปซ่อนไว้  ทำให้โลกหนาวเย็นและมืดมน  มนุษย์จึงตกระกำลำบาก เทพเพอมีธีอุสผู้ชาญฉลาดที่สุดในหมู่เทพเจ้ากรีกเกิดความเวทนา  จึงไปขโมยไฟจากราชรถของสุริยเทพ แอบนำมามอบให้แก่มวลมนษย์ ซึ่งเปลวไฟได้นำความรุ่งเรืองอย่างมหาศาลแก่มวลมนุษย์  เทพซีอุสแม้จะทราบ แต่ก็เอาไฟคืนกลับไปไม่ได้  เพราะเทพจะไม่สามารถเอาสิ่งที่เทพด้วยกันได้มอบให้แก่ผู้อื่นไปแล้วกลับคืน   เทพซีอุสจึงทำโทษเทพเพอมีธีอุสโดยจับไปล่ามโซ่ผูกกับหิน  ต้องทนทุกขเวทนาจากการที่ถูกนกแร้งมาจิกกินตับทุกวัน โดยตับก็จะงอกขึ้นแทนที่ในวันต่อมา  นกแร้งก็จะมาจิกกินอีกในวันรุ่งขึ้น  เทพนี้ต้องทนทุกข์อยู่ สามหมื่นปี  จนกระทั่งเทพบุตรเฮอร์คิวลิสผ่านมาพบเจอ  ในขณะที่จะไปหาผลแอปเปิ้ลสีทอง เฮอร์คิวลิสจึงปลดเทพเพอมีธีอุสให้พ้นจากพันธนาการ  จากนั้นเทพเพอมีธีอุสจึงไปล้วงตับอีแร้งกินเพื่อแก้แค้น  และอวยพรให้เฮอร์คิวลิสประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ประติมากรรมยุคใหม่ หุ่นบางร่างน้อย เทพเพอมีธีอุส มือขวาถือเปลวเพลิง  กำลังร่อนลงจากสรวงสวรรค์ (แทนด้วยวงแหวน)  มายังโลกมนุษย์ (แทนด้วยหินรูปเหลี่ยม) ที่ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร (แทนด้วยน้ำพุ)  โครงสร้างเส้นโค้งที่อ่อนช้อย  หุ่นเทพที่บอบบาง ให้ความรู้สึกเสมือนว่าเทพเจ้ากำลังลอยละลิ่วลงมาสู่โลกมนุษย์จริงๆ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออภัยสำหรับภาพที่ไม่ค่อยชัดนะครับ  เพราะต้นสนนี้สูงมาก  ถ่ายใกล้ๆ มือถือก็เก็บภาพได้ไม่หมด  ครั้นถ่ายไกลก็ดูเบลอและต้นเล็กไปหน่อย  ประติมากรรมด้านหน้าของรูปนี้ เป็นหญิงสาวสร้างด้วยสำริด ต้นคริสต์มาสที่ Rockefeller center ต้นนี้สูงที่สุดในอเมริกาครับ ซึ่งแต่ละปีเจ้าหน้าที่ของทางสถาบัน Rockefeller จะต้องส่งเจ้าหน้าไปแสวงหาต้นสนที่สูงระหว่าง 75-90 ฟุต  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักเป็นสนที่ปลูกโดยคน  ไม่ใช่ขึ้นตามป่าเขา  เพราะสนตามป่ามักขึ้นกระจุกตัว  ทำให้ขนาดไม่สูงพอ  เมื่อได้ตัดต้นสนที่ต้องการแล้ว จะเคลื่อนย้ายมาติดตั้งที่นี้กลางดึก  เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัดเพราะต้องใช้รถพ่วงขนาดยาวมากในการบรรทุกเข้าเมือง ซึ่งในอดีตเคยไปเอาไกลถึงแคนาดา พอเลยเทศกาลปีใหม่ไปแล้ว คุณคิดว่า เขาจะทำอย่างไรกับต้นคริสต์มาสยักษ์นี้  คำตอบคือ ส่วนกิ่งก้านและใบ จะมอบให้แก่องค์การลูกเสือของอเมริกา เพื่อใช้เป็นวัสดุคลุมดินและสร้างทางในแค้มป์  ส่วนของลำต้นจะมอบให้แก่สมาคมม้าแข่งของสหรัฐ ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ เพื่อสร้างเป็นอุปกรณ์กีดขวางสำหรับการฝึกม้าแข่ง จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นอันว่าเสร็จสิ้นภารกิจการตามดูต้นคริสต์มาสในนิวยอร์กแล้ว  จากนั้นเราก็เดินทางด้วยเท้ากลับไปจนถึงบ้านคุณนายบุญหนัก  ซึ่งพูดได้อย่างเดียวว่า ขาลากขาฉีกเลยครับ  เพราะวันนี้เราเดินด้วยเท้าเกือบ 6  กม.   ก็อยากดูแสงสียามค่ำ เพื่อส่งท้ายการเยือนนิวยอร์ก  ต้องอดทนครับ  แต่ไม่ต้องทนอด  เพราะพอถึงที่พัก  อาหารจีนระดับเหลาที่คุณนายบุญหนักอุตส่าห์ลงไม้ลงมือจัดเตรียม  พร้อมที่จะยกเสริฟแล้ว  คุณชาย Nice Guy ก็พร้อมที่กล่าวเปิดงานแล้ว   เมื่อสมาชิกน้อยใหญ่ก็พรั่งพร้อม เราจึงฉลองปีใหม่  พร้อมกับร้องเพลง Happy birthday  ให้แก่ครอบครัวที่วางแผนการเกิดมาอย่างดี  เพราะเล่นเกิดในเดือนเดียวกันถึง 3 คน   สมัยก่อนตอนอยู่เมืองไทย พวกเราก็จะฉลองคริสต์มาสกันที่บ้านคุณนายศักดิ์ใหญ่  ตอนนี้ พวกเราก็มาฉลองปีใหม่กันที่อเมริกา  นับว่าเป็นความทรงจำที่ควรจดจำ  และเกิดความอบอุ่นตื้นตันน้อยๆในมิตรภาพระหว่างพวกเรา   ขอแสดงความขอบคุณ แบบอัฐยายซื้อขนมยาย  โดยเอาภาพดอกทิวลิปกับต้นคริสต์มาสกระจิดริดกระจ่อยร่อยที่สุดซึ่งอยู่ตรงชุดรับแขกบ้านเขานั่นแหละ มาขอบคุณครอบครัวคุณชาย Nice Guyและคุณนายบุญหนัก ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ คิดเงินให้ได้เงิน  คิดทองให้ได้ทอง   โอม....เพี้ยง.... จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 00:59:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นครนิวยอร์ก เจ้าแอปเปิ้ลผลงาม สีสันเย้ายวน  หอมหวลจรุงใจ  แม้นจากไกลยังใฝ่คนึง  รำพึงเป็นอักษร  แทรกสอดด้วยภาพสี  ลาทีลาแล้ว ด้วยแก้วประกายดาว  จะเหินหาวไป  ซานฟรานแล้วหนอ ดึกแล้วคุณขา หมดเวลา ขอลาก่อน จำใจจำจร ให้เร่าร้อน เป็นหนักหนา ดึกแล้วนอนเสีย อ่อนเพลีย ...  หาวหวอดๆ  3 ที  ....ไปนอนจริงๆแล้วนะ จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 01:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อ้าว....มีเหยื่อหลงมาอ่านตอนดึกๆ เหมือนกัน  ดีจังเลยมีเพื่อนร่วมทาง คุณ Sydgirl ครับ.... ยินดีต้อนรับนะครับ  ขอให้เพลิดเพลินกับการอ่านนะครับ คุณ ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน  ครับ... ดีใจมากที่  ณ "คืน"หนึ่งเราได้พบกัน   ขอบคุณนะครับ แม้จะปิดเครื่องยังอุตส่าห์มาทักทาย คุณ cultureclub  ครับ ถ้าคุณชอบเดินละก็  ประหยัดเงินค่ารถได้เยอะเลยล่ะ  แต่ค่าเครื่องบินยังไงๆ ก็ต้องจ่ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย  อิอิอิ.... จากคุณ : Fortunism - [ 22 มี.ค. 51 01:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตามมาเที่ยว the big Apple และเสพความรู้ต่อค่ะ  ติดตามทุกตอน จากคุณ : la liga fan - [ 22 มี.ค. 51 02:28:55 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สวยมากๆเลยค่ะ วางแผนว่าจะไปเที่ยวก่อนเรียน ไม่ทราบว่านั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายไหน แล้ว ลงสถานีไหนเหรอคะ อยากเที่ยวที่นี่มากๆค่ะ เพราะน้องที่จะไปด้วย เรียนโบราณคดี ด้วยน่ะค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : zizzi - [ 22 มี.ค. 51 09:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ยังไม่ได้ไป The Met เลยค่ะ วันนั้นไป central park แล้วก็ไป rockefeller เลย (คนเยอะมาก ช่วงสิ้นปี แย่งม ุมถ่ายรูปกันน่าดู มีคนขอแต่งงานกลางลานสเก็ตด้วย โรแมนติกน่าดู จากคุณ : น้องหนูพันธุ์ดุ - [ 22 มี.ค. 51 23:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ช่วยตอบคุณ zizzi (ไม่แน่ใจนะคะ) subway  4,5,6 to 86th st. ไม่แน่ใจว่า ใกล้-ไกลแค่ไหน ปิดวันจันทร์นะคะ ไปวันไหน ชวนมั่งจิ อยากไป ว่างตลอดเรื่องเที่ยว อิ อิ จากคุณ : น้องหนูพันธุ์ดุ - [ 22 มี.ค. 51 23:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สนุกสนานจัง ถ้าได้ไปเดินท่ามกลางบรรยากาศคริสต์มาสกลางเมืองใหญ่อย่างนั้นคงประทับใจไม่น้อย... (วิธีขอบคุณ กรอบที่ 49 ฮามาก คิดได้ยังไงครับ 555) ปิดท้ายนิวยอร์กได้น่าประทับใจ และผมรอประทับใจต่อที่ซานฟรานซิสโก นะครับ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 51 18:50:36 จากคุณ : หน้าแว่น - [ 23 มี.ค. 51 18:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณคุณ น้องหนูพันธุ์ดุมากๆค่ะ แต่อีก 3 เดือนแน่ะค่ะ กว่าจะไป :D จากคุณ : zizzi - [ 23 มี.ค. 51 20:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณ  la liga fan .... จำลูกค้าเก่าได้ครับ  ไม่ว่าคุณจะเชียร์บอลทีมไหนก็ตาม  แต่คุณต้องตามมาเชียร์ผมทุกตอนนะครับ  อิอิอิ...ขอบคุณครับ คุณ น้องหนูพันธุ์ดุ.... โอ..มีการขอแต่งงานกลางลานสเก็ดด้วยหรือ  ทำไมผมไม่เห็นล่ะ  จะได้กระโดดไปยื่นนิ้วนางซ้ายให้เขาสวมแหวนให้  แหม..จะเอาไปจำนำทำทุนท่องเที่ยวต่อไงล่ะ  ถ้าคุณไปเดอะเม็ตเมื่อไร  ถ่ายรูปของห้องอารยธรรมมายามากๆหน่อยนะ  เอามาโชว์  นึกเสียดายเหมือนกัน  ที่ตอนดูห้องนี้  ถ่ายรูปน้อยไปหน่อย น้อง หน้าแว่น... กำลังคิดถึงว่าจะมาลงชื่อไหม  เจอพอดีเลย  ปิดเทอมแล้วนะ  จะไปเที่ยวไหน  ถ้ามีทำรีวิว  แจ้งมาด้วยนะ   บางทีมาคิดก็อดดีใจไม่ได้  ที่สามารถไล่เก็บต้นคริสต์มาสสำคัญได้หมด  และ ทุกต้นก็จะเป็นอดีตไปเมื่อหมดเทศกาลปีใหม่   จะเหลือแต่ความทรงจำเท่านั้น แต่นั้นแหละ จริงๆชอบใบไม้สีแดงๆส้มๆอย่างที่น้องแว่นชอบ คือชอบฤดูใบไม้ร่วงเหมือนกัน  ตอนเห็นภาพน้องแว่นนั่งใต้ต้นไม้สีแดงบนพื้นสีส้ม  ใบหน้าน้องบอกชัดถึงความสุขอิ่มอกอิ่มใจเลยนะ  แอบอิจฉา จากคุณ : Fortunism - [ 23 มี.ค. 51 21:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ zizzi ครับ.. ถ้าจะไปนิวยอร์ก  มีแผนที่แล้วยังครับ  ถ้าไม่มี ผมมีแผนที่แมนฮัตตันอยู่  จะมีทั้งบัส และรถไฟใต้ดิน  แต่คุณจะต้องส่งซองเปล่าพร้อมแสตมป์มาให้ผมนะครับ ระหว่างนั่งรถไฟใต้ดินกับนั่งบัส  นั่งบัสจะง่ายกว่านะ  เพราะนั่งไป เราจะสามารถนับถนนไปได้เรื่อย  เตรียมตัวลงง่าย  ไม่สับสนอย่างรถไฟใต้ดิน  เพราะคุณจะต้องรู้ว่าลงสถานีไหน  และขึ้นจากใต้ดินมาบนถนนก็ต้องขึ้นให้ถูกทิศอีก  ผมเองไม่มีโอกาสนั่งซับเวย์ครับ  เพราะมัวแต่เพลินกับการนั่งบัส  ซึ่งคุณสามารถชมวิว  ชมถนนได้  ดูวิถีชีวิตคนได้   การเดินทางเองต้องศึกษาแผนที่ก่อนไป แล้วจะไม่เสียเวลากับการหลงทาง ลองเข้า http://maps.google.com/  ดูนะครับ  เราจะรู้ว่าจากจุดนี้ไปนั้น  ระยะทางกี่ไมล์  ช่วยได้มากๆ  อย่างไรก็ตามถ้ามีคนใน พท อยู่  น่าจะคว้ามาเป็นเพื่อนนะ   3 เดือน ไม่นานหรอก  เป็นช่วงเหมาะแก่การวางแผน  ผมก็เตรียมประมาณนั่นแหละ  อย่างคุณน้องหนูพันธุ์ดุ  ชื่ออาจชวนสยองพองขน อิอิอิ  แต่อุตส่าห์มาไขปัญหาให้คุณ  ก็แสดงว่า เขาเป็นคนมีน้ำใจ   รีบคว้า เจ้าถิ่นมาเป็นเพื่อนเลยครับ   จะปลอดภัยในการเดินทาง  เพราะมีคนพันธุ์ดุตามประกบ   ก๊าก... จากคุณ : Fortunism - [ 23 มี.ค. 51 21:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 60 จะไปนิวยอร์กอีกสองอาทิตย์ ได้คุณFortunismรีวิวนิวยอร์กเสร็จทันท่วงทีพอดี ลุ้นแทบแย่ ยังไงรีบรีวิวซานฟรานนะคะ จะได้ก๊อปทัน แต่สงสัยว่าคงจะไม่ได้ไปเดินเดอะเม๊ท เพราะอยากไปบอสตันกับดีซี แต่คงไม่ได้ขับรถไปเองเพราะสาละมีบอก “ฉันขี้เกียจขับ“  ดีเลยจับจ่ายตังค์ซื้อทัวร์ซะเลย ตอนนี้เลยเหลือเวลาที่อยู่ในนิวยอร์กแค่สามวัน เลยไม่รู้ว่าจะได้ไปเดอะเม๊ทหรือเปล่า ประมาณว่่าอะไรที่มันปราณีตละเอียดอ่อนประวัติศาสตร์นี่สมองไม่ค่อยทำงาน ไว้จะแวะมาใหม่นะคะ อ้อรีวิวสุดยอดเหมือนเดิมค่ะ จากคุณ : double9eight (double9eight) - [ 24 มี.ค. 51 15:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ได้เที่ยวตั้งหลายที่ แถมได้ไปช่วงเทศกาลอีก น่าอิจฉามากๆ ครับ ทำให้อยากไปนิวยอร์คอีกรอบขึ้นมาเลย (ตอนที่ผมไป มีเวลาแค่สี่วันกว่าๆ แถมยังเที่ยวคนเดียวแบบมั่วๆ เลยทำให้บริหารเวลาได้ไม่ดีเท่าไหร่) ไงก็ฝากเรื่องบันทึกการเดินทาง NY ของผมที่เขียนไว้ใน blog ของเว็บในรูปข้างล่าง..   ไว้เผื่อเป็นข้อมูลท่องเที่ยวให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ ละกันนะครับ จากคุณ : ฮ่ง - [ 25 มี.ค. 51 00:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คุณ double9eight ครับ.... Surprised อย่างแรง  เนื่องจากที่ผ่านมาคุณใช้อังกฤษด้วยสรรพนาม " I " ล็อกอินของคุณก็เป็นตัวเลขอีก  ฝรั่งบางคนจะแทนตัวเองว่าเป็นแมนจริงๆ ด้วย " Str8 "  ด้วยประการนี้ทั้งปวง  ผมเลยคิดว่าคุณเป็นผู้ชายนะครับ  ที่ไหนได้เป็นคุณสุภาพสตรี  อิอิอิ.....ยินดียินดี.... จะไปบอสตันหรือ  ว่ากันว่าเป็นเมืองเล็กๆที่น่าเที่ยว  อยากเห็นเหมือนกัน  อย่าลืมเอารูปมาโชว์นะครับ   สำหรับนิวยอร์กแค่สามวัน  เป็นเวลาที่น้อยนะ  จำเป็นต้องเลือกเฉพาะคุณชอบใจจริงๆ   แค่ city tour กับหาอาหารอร่อยๆทานก็ สามารถใช้เวลาเป็นวันๆได้แล้ว   วางแผนเส้นทางเดินเท้าสักหน่อย  ก็จะทำให้ใช้เวลาได้คุ้มค่า สำหรับซานฟรานซิสโกนั้น ผมเที่ยวแต่ในเมือง  คิดว่ารีวิวเมืองซานฟรานนี้คงใช้เวลาเพียง 2 ตอน ก็น่าจะหมด  คาดว่าน่าจะเสร็จก่อนคุณเดินทางแน่  สัก 4-5 วันคงจะเริ่มเรื่องได้แล้ว  คิดชื่อไว้แล้วครับ "เส้นทางสายฝนผจญพายุ.....San Francisco " จากคุณ : Fortunism - [ 25 มี.ค. 51 12:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เรียนมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านครับ....แฮะๆๆๆ แจ้งข่าวสำหรับผู้ติดตามนะครับว่า  เนื่องด้วยตอนนี้งานเยอะมาก  มีคนลาป่วย  ข้าพเจ้าเลยตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต   จึงยังไม่มีมือว่างสำหรับพิมพ์ตอนต่อไป  รออีก 4-5 วันนะครับ ขออภัยในความล่าช้าด้วยเน้อ จากคุณ : Fortunism - [ 27 มี.ค. 51 15:26:14 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอนแรกไปเมกาผมยังเฉยๆอยู่ แต่อ่านจบแล้ว The Met อยากไปบ้างคร๊าาาบบบบ จากคุณ : mr_peng (mr_peng) - [ 30 มี.ค. 51 11:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 67 หวัดดีครับ mr_peng......... ไม่มารายงานตัวหลายกระทู้นะ  ต้องทำโทษ  อิอิอิ  แต่ก็ได้ตามไปตอบให้แล้วนะ  ที่ถามไว้นั้นในแต่ละกระทู้   กระทู้หายไป  เพราะตกเข้าคลังกระทู้แล้ว  ได้รับการแก้ไขลิงก์ต่างๆแล้วในตอนที่ 12 นี้  อย่าลืมตามไปอุดหนุนนะ จากคุณ : Fortunism - [ 1 เม.ย. 51 23:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เพื่อนผู้อ่านทุกท่านครับ.... มาแล้วครับตอนใหม่  เพราะติดภารกิจ  อีกทั้งเพิ่งเสร็จจากพิธีกรรมวันเช็งเม้งมา  ในที่สุดก็ได้ตอน 12 มาแล้วครับ นิราศอเมริกา.....เส้นทางสายฝนผจญพายุ*****ตอน 12  San Francisco 1 http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6478592/E6478592.html จากคุณ : Fortunism - [ 1 เม.ย. 51 23:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มีเรื่องอยากแจ้งครับ  เกี่ยวกับค่าเข้าชม The Met คุณสามารถจ่ายเพียง 1 ดอลลาร์  หรือ มากกว่านั้นได้  เสมือนการบริจาค (ตั๋วจริงๆ ราคา สิบกว่า ดอล)   ทั้งนี้เพราะมีท่านผู้อ่านท่านหนึ่ง คือ คุณน้องหนูพันธุ์ดุ ได้แจ้งมา  และเธอก็ได้ไปเยี่ยมชมแล้วครับ  ในราคาเพียง 1 ดอล ความจริงผมเคยทราบมาเหมือนกัน  แต่กลัวฝรั่งตีหัว   สำหรับตอนนี้ มีคนยืนยันแล้วนะครับว่าปลอดภัย จากคุณ : Fortunism - [ 2 เม.ย. 51 21:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ไม่ชอบของโบราณดูแล้ว หวืว...น่ากลัวจัง แต่ชอบบรรยายกาศงานฉลองคริสมาส สวยมากๆ จากคุณ : Sweet Coffee - [ 4 เม.ย. 51 09:50:51 A:58.10.103.179 X: TicketID:166981 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณSweet Coffee ครับ.... ว่าจะชวนไปดูหนังผีซะหน่อย   ดีจัง  ประหยัดดั๋วไปหนึ่งใบ  แต่ว่ากระทู้หน้าต้องชอบแน่  เพราะไม่มีของโบราณ  ยกเว้นเจ้าของกระทู้ จากคุณ : Fortunism - [ วันจักรี 16:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากเลยครับที่แนะนำกระทู้ ดีๆ แบบนี้ให้ผม จะได้คลำทางไปเที่ยวถูก :) จากคุณ : megamount - [ 21 ก.ย. 51 13:05:02 ]