ความคิดเห็นที่ 1 มาสมัยนี้ หัวหินเปลี่ยนไปมากจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม มีไนท์บาซาร์มาแทนตลาดโต้รุ่ง ส่วนตลาดโต้รุ่งตัวจริงย้ายออกไปทางด้านถนนชมสินธ์ อันความต่างของตลาดโต้รุ่ง กับ ไนท์บาซาร์ คือ อันแรกเป็นที่กินยามค่ำยันดึกของชุมชน ส่วนอันหลัง เกิดมาช่วงบูมการท่องเที่ยว เอาไว้หลอกเอาเงินนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ อาจจะมีของกินบ้าง แต่เน้นพวกเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋าและรองเท้า งานแฟชั่นแบบมีแบรนด์ที่เป็นของปลอม รวมไปถึงพวกของที่ระลึกไร้สาระต่างๆ แบบที่นักท่องเที่ยวบางคนชอบกัน ร้านอาหารไทยหัวมุมหอนาฬิกาหายไป อนุสาวรีย์โผนกิ่งเพชร แชมป์มวยโลกคนแรกของเมืองไทย ก็โดนย้ายไม่รู้กี่ที ทำอย่างกับท่านผู้นี้ไม่เคยเป็นผู้สร้างความภูมิใจแก่คนไทยอย่างยิ่งยวดทั้งประเทศ อนิจจา บ้านเมืองสมัยนี้ คนดีถูกลืมง่ายกว่าคนมีเงิน มีร้านรวงต่างๆ ผุดขึ้นมาแทนร้านค้าแบบเดิมๆที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นหัวหิน มากมายจนไม่ต่างไปจากพัทยาหรือภูเก็ต ทั้ง ร้านเทเลอร์เร่งด่วน กับบาร์เบียร์ ที่ผุดและขยายแผ่วงกว้างขึ้นทุกที โดยเฉพาะบาร์เบียร์ หลังวัดหัวหิน เป็นที่น่าอุจาด อนาถใจ และน่ารำคาญแทนชาวบ้านในย่านนั้นเป็นอย่างยิ่ง อันเรื่องการค้าประเวณีนั้นเป็นสิ่งที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์ ไม่มีวันที่จะหยุดได้ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีกามารมณ์อยู่ แต่คนสมัยก่อนจะกระทำการโดยมิดชิดเรียบร้อยมิให้เป็นที่น่าเดือดร้อนรำคาญใจแก่ผู้คนอื่นๆ ทั่วไปในสังคมที่ไม่ต้องการมาใช้บริการ คงไม่มีซ่องใดสมัยก่อนมาเทียบความเอิกเกริกเถิดเทิงกับซ่องแบบบาร์เบียร์ในยุคนี้ พูดให้เข้าใจง่าย คือ ซ่องสมัยก่อนยังรู้จักเกรงใจชาวบ้านมากกว่าซ่องแบบบาร์เบียร์สมัยนี้ ถ้าเราจะพูดว่า ฝรั่งพัทยา เราก็เข้าใจความหมาย หรือคำว่าผู้หญิงพัทยา เราก็พอจะเดากันออก แต่มันจะน่าเศร้าใจขนาดไหน ถ้าต่อไป คำว่า ผู้หญิงหลังวัดหัวหิน มีความหมายเดียวกับ ผู้หญิงพัทยา จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:05:36 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อสองสามปีก่อน มิตรรักชาวหัวหินท่านหนึ่ง ก็พาไป ทานอาหารที่บริเวณใจกลางไนท์บาซาร์ เป็นร้านอาหารไทย พอเห็นชื่อก็รู้สึกคุ้นเคย ยิ่งดูเมนูแล้วยิ่งคุ้นไปกันใหญ่ พอเฉลยออกมารู้สึกดีใจ เหมือนเห็นเครื่องเบญจรงค์โบราณ เก่าคร่ำ ที่จมดินหายไป แล้วมีคนเอามาขัดล้างขึ้นมาใหม่ เพราะมันคือ ร้านธาราจันทร์ เรียกว่าเป็นแฟนเก่ากันมาดั่งเดิม มาทราบเรื่องจากมิตรชาวหัวหินท่านนั้น ว่า มาช่วงแรกของฟองสบู่ของการท่องเที่ยว ของหัวหินที่เป็นลมหวลหลายปีก่อน ร้านกาแฟดังของอเมริกา กับรองเท้าชื่อเป็นเยอรมัน มาเช่าร้านตรงหอนาฬิกาที่เป็นทำเลทอง เหมือนหัวมุมสามเหลี่ยม ย่านไทม์แสควร์ที่นิวยอรค์ (ดูแล้วคล้ายๆจริงๆ) ไปในราคาเฉลี่ย ค่าเช่าวันละสามหมื่นบาท คุณป้าเจ้าของร้านเลยปิดร้านเข้าวัดทำบุญดีกว่า จะเหนื่อยยากไปใย ต่อมาลูกชายลูกสะใภ้ จบการศึกษามา เลยคิดเอาร้านเดิมของคุณแม่มาทำต่อ พอได้ยิน ใครที่เป็นแฟนเก่าแบบนี้ ย่อมอนุโมทนาสาธุ อยากสนับสนุน ให้กิจการรุ่งเรือง เพราะเราจะได้มีที่กินอร่อยๆ อีกต่อไป แม้บรรยากาศจะดูออกแนวร้านพวกกะฟันฝรั่งจีนจามนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่คนอุดมการณ์ รักเกียรติภูมิ ยิ่งชีพแบบเราไม่ยอมรับ และรับไม่ได้ แต่ก็นั่นมาจากฝรั่งนายหนึ่งที่เมื่อก่อนมาทำเป็นที่หลอกเอาเงินฝรั่งด้วยกัน มาทำสถานที่ไว้ก่อน มันถึงได้อยู่ไม่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวไม่ว่าฝรั่งจีนญี่ปุ่นอินเดียเกาหลี เขาก็มีอารยธรรมเหมือนกัน เขาคงโง่มาให้เราหลอกเอาเงินง่ายๆ กันอยู่ดอกพ่อแม่พี่น้อง ไม่เคยได้ยินดอกหรือ ที่ว่าซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:10:06 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนั้นคิดว่า ยังไงก็น่าส่งเสริมช่วยโฆษณาให้เป็นที่เลื่องลือออกไป ว่าของดีที่มีมาแต่นานแล้วหายไป ได้มาเกิดใหม่ แม้สถานที่จะดูเป็น Tourists Traps แต่ที่จริงเป็นร้านดั้งเดิม เก่าแก่ ข้อสำคัญคือเรื่องรสชาติต้องเป็นเลิศ เพราะคุณป้าคงไม่ยอมเสียชื่อเป็นแน่แท้ ต้องถ่ายทอดสูตรเด็ดเคล็ดลับต่างๆ มาเป็นอย่างดี อีกทั้งมีกำลังทรัพย์แล้ว ย่อมไร้กังวลในเรื่องว่าต้องดิ้นรนทำกำไรจนเกินงาม ดังนั้นไม่ว่าใครจะไปใครจะมาหัวหินในช่วงสองสามปีมานี้ เราก็จะการันตีอย่างมั่นใจ ว่าต้องมากินแกงส้มไข่ปลาริวกิวร้านนี้ให้ได้ หาไม่แล้วท่านได้ขาดการลิ้มรสของอร่อยไปอย่างน่าเสียดาย แม้แต่เพื่อนฝรั่งญี่ปุ่นที่กินแกงส้มไม่เป็น เราก็ขอให้เริ่มที่ร้านนี้แล้วจะติดใจอาหารรสชาติแบบไทยแท้ที่คนไทยชอบกินกันจริงๆ (คนเกาหลีต้องชอบแน่เพราะเขาก็มีแกงส้มคล้ายๆกัน) โอ ... คุณพระช่วย จำไม่ได้ว่าโฆษณาไปกี่ร้อยคน ทั้งเจอคนจริงและแชททางอินเตอร์เนต จนวันอังคารที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องมาหัวหิน เพื่อจะพบกับเพื่อนสนิทชาวยุโรปและครอบครัว พ่อแม่และลูกสองคน ซึ่งเดินทางมาพักผ่อนและตรวจงานก่อสร้างบ้านพักตากอากาศที่มาสร้างไว้ ร่วมกับกลุ่มสถาปนิกอีกสามคน ซึ่งบางคนมีพื้นเพบรรพบุรษ อยู่ที่หัวหินจวบจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเลี้ยงอาหารเย็นต้อนรับ ในเบื้องต้นก็มีการดำริว่าจะไปรับประทานกันที่ เลทซี แต่เนื่องจาก เพื่อนยุโรป นั้นเคยไปกันหลายทีแล้ว อีกทั้งคุณพ่อก็อยากให้ลูกๆ ได้ลิ้มลองอะไรที่มันมีความเป็นไทยแบบชาวบ้านๆ บ้าง ภาระจึงตกมาที่ กลุ่มสถาปนิก ซึ่งออกตัวว่าปกติเวลาอยู่ที่หัวหินก็ต้องกินข้าวบ้านไม่ค่อยนิยมกินนอกบ้าน ท้ายสุดจึงเป็นโอกาสที่จะนำเสนอธาราจันทร์ เป็นอย่างยิ่ง โดยมีการอัดฉีดโฆษณาอย่างเต็มที่เพราะอยากกินแกงส้มที่ว่า และเป็นเหตุบังเอิญที่มิตรชาวหัวหินคนสำคัญซึ่งเป็นผู้แนะนำให้กลับมารู้จักร้านในกาลก่อน มีกิจ ณ นครเวียงพิงค์ศรีเชียงใหม่ หาไม่แล้วท่านต้องมาร่วมรับประทานด้วย เพราะรู้จักกับเพื่อนชาวยุโรปบ้านนี้ เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นก๊วนเล่นกอล์ฟกัน จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:14:30 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จนเมื่อเคลื่อนพล เข้าไปที่ไนท์บาซาร์จนถึงร้านที่ว่า ก็พบกับบรรยากาศที่ชวนให้ถอยหลังกลับออกมา ครบถ้วนทุกขบวนการ เริ่มจากมีแขกมาไล่แขก เดินดักหน้าดักหลัง ตรงหน้าทางเข้า อันที่จริงคงตั้งใจให้มาเรียกแขก และที่เอาแขกเอเชียใต้ หรืออีกทีอาจจะเป็นพม่ามาเรียกแขก เพราะคงพูดอังกฤษได้ และค่าแรงต่ำ แขกเรียกแขกที่ว่าดูผอมมาก อย่างน้อยเป็นร้านอาหารทั้งที น่าจะเลี้ยงลูกน้องให้ดีกว่านี้ วิธีการเรียกแขกแบบนี้ นี้แม้เราคนไทยโดยรวมก็รู้ว่าได้ผลในทิศทางตรงกันข้าม พอหลุดเข้าไป ก็อึ้งกันทั้งกลุ่ม เพราะ โหรงเหรงด้วยลูกค้าฝรั่งสองโต๊ะ ที่ดูหงอยๆ เคว้งๆ เหมือนไม่แน่ใจในอนาคต ดูแปลกๆ ชอบกล แต่ที่เห็นชัดคือไม่แฮบปี้แน่ๆ ที่ร้ายสุดคือมีปาร์ตี้วันเกิดส่วนตัวของพี่ไทย ประมาณร้อยกว่าคนได้ ซึ่งปกติ กลุ่มคนที่ทำตัวเป็นกระเหรี่ยงที่เฮฮาขนาดนี้ ย่อมหามิได้ที่จะคิดกริ่งเกรงใจใครในหล้า โดยรวมแล้ว บรรยากาศเน่ามาก เป็นทุกอย่างที่ชาวเราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพาตัวเข้าใกล้อยู่แล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังกลับ บังเอิญเพื่อนชาวยุโรป เอ่ยว่า เอ...ร้านนี้ดูเหมือนมิตรชาวหัวหิน เคยพามาเหมือนกัน กอปรกับ ภาพแกงส้มไข่ปลาลอยมาในใจ ทำให้ตัดสินใจเชิญแขกนั่งกัน ขณะนั้นคิดว่ารสชาติอาหารคงทำให้ลืมบรรยากาศเน่าๆ รอบตัวได้ โดยเฉพาะเด็กบอกว่ามีโชว์รำไทยด้วย ซึ่งปกติแล้วมักน่าเบื่อ และขัดกับการรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ เพราะเราต้องการสนทนากันมากกว่า จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:18:21 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ่อ....คือว่า อ่านไม่ไหว แยะ เชียว หาคนช่วยสรุปให้ที จากคุณ : ผักกะเฉดใส่ไข่ - [ 27 มี.ค. 51 17:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วทุกคนก็งงๆ กับเมนู เพราะเด็กเสริฟวางเมนูที่เป็นอาหารชุดเท่านั้น ท่านลองนึกภาพดูว่าเราชาวไทยเข้าร้านอาหารที่มีจานเด็ดเลื่องชื่อ แล้วถูกบังคับให้รับประทานอาหารชุดนี่นะ ใครจะรับได้ ตั้งใจมากินแกงส้ม ปลาหมึกผัดไข่เค็ม กุ้งราดน้ำมะขาม แล้วต้องมาเห็นแต่ต้มข่าต้มยำอีกทั้งผัดเม็ดมะม่วงกับทอดมันกุ้ง เปรี้ยวหวาน เนื้อคะน้าน้ำมันหอยอาหารชุดพื้นๆหลอกเอาเงินฝรั่งที่มีทั่วราชอาณาจักร แค่เห็นรายการก็เซ็งแย่แล้ว จำต้องถามเด็กเสริพว่า “เมนูธรรมดาประจำร้านแบบที่พี่เคยมากินมิมีรึ หนู” ก็ต้องพบกับอาการชักสีหน้า สะบัดใส่ และ ครู่ใหญ่ เมนูธรรมดาเก่าคร่ำตั้งหนึ่ง ก็มากองบนโต๊ะ ให้ลูกค้าบริการตัวเอง ระหว่างที่คนไทยสี่คนเริ่มเปิดเมนูดู เพื่อนชาวยุโรป ก็เอ่ยว่า คุณรับหน้าที่สั่งอาหารเหมือนทุกครั้งแล้วกันนะ เพราะเราไม่มีทางสั่งกันได้ดีเท่าคุณหรอก เริ่มอ้าปากจะสั่งแกงส้มปุ๊บ เด็กก็สวนมาก่อนเลยว่า “พี่ๆ ถ้าไม่กินเซ็ต ฝรั่งต้องเสียค่าดูโชว์นะ หัวละ............” (ตอนนั้นหูเริ่มอื้อ เพราะแรงโทสะ อะไรกัน โชว์ที่เราไม่อยากจะดูนี่น่ะนะ จะให้เราเสียค่าดู อีกอย่าง ฝรั่งที่ว่า เขาก็มาเมืองไทยบ่อยจนปลูกบ้านจะเสร็จอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่แกงส้มอย่าหวังเลยว่าจะอยากยอมเสียหูตากับโชว์เชยๆ ที่ดูมาไม่รู้กันกี่รอบแล้ว ถ้าโชว์ได้เท่าสยามนิรมิตร อาจจะพอทำใจรับได้ ถึงจะทำหลอกเอาเงินนักท่องเที่ยวแต่มันก็อลังฯ จริง ก็แพงเวอร์ถึงขนาดนั้นยังขายได้) แรงโทสะพาลให้ต้องออกนามมิตรชาวหัวหินท่านที่ว่าโดยไม่ตั้งใจออกไปว่า “อะไรกันนี่หนู พี่เป็นเพื่อนกับ คุณ*** นะ (เพราะมิตรท่านนี้รู้จักเจ้าของร้าน และเป็นคนพาเรามากินทีแรก) ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้ พี่แค่อยากพาน้องๆ มากินแกงส้ม อุตส่าห์เชียร์มาตลอดทาง เนี่ย บ้านย่าเขาก็อยู่ไม่ไกลหลังวัดหัวหิน ไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่ไหนไกล ไหน ช่วยบอกผู้จัดการที เราเป็นเพื่อนๆ กัน (เสียแรง อุตส่าห์เชียร์มาหลายปี) ถ้าเป็นแบบนี้คงรับไม่ได้” สักครู่ สาวน้อยหน้าหงิก ก็สะบัดใส่มาว่า “ไม่ได้ค่ะ ยังไงฝรั่งก็ต้องจ่ายค่าดูโชว์” เอ หรือเด็กมันพูดไม่รู้เรื่อง วินาทีนั้น เริ่มคิดว่า เราควรไปกินกันที่อื่นดีกว่า แหม ไปเลทซีหรือชมทะเล อีกทีกินมันในฮิลตันที่เพื่อนเขาพักกันนั่นหมดเรื่อง ได้ไม่ต้องเดินกันไกล ยังไงดื่มกันเต็มที่แน่เพราะไม่ต้องขับรถกัน (ชาวเล กับร้านในแถบนั้น เราไม่อยากสนับสนุน เพราะรู้สึกว่าเขาทำลายสภาพแวดล้อม กับเอาเปรียบสังคมมารุกล้ำที่สาธารณะ มานานมากเกินไป อำนาจเงินมันคงล้นฟ้า ค้ำแผ่นดิน รังแกผืนน้ำได้ หรือกระไร) จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:23:37 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เกรียนนะครับ แต่ .... ปาด .... แค่อ่านได้นิดเดียวก็โดนแล้วครับ ... เพราะผมก็เด็กหัวหินเก่าเหมือนกัน .. ยังไปหัวหินบ่อยๆ แล้วก็เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ขัดกับความรู้สึกนึกคิดของผมกับหัวหิน .. ปล. ผมก็ชอบวิ่งเล่นลอดท้องช้างที่โรงแรมรถไฟครับ .. รออ่านต่อ จากคุณ : Dunny - [ 27 มี.ค. 51 17:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่วูบนั้นภาพชามเบญจรงค์ที่หายไป แล้วมาเจออีกครั้ง พร้อมบรรจุแกงส้มไข่ปลา อันสวยงามและน่ากิน แล้วถูกคุณลูกชายเจ้าของชามนั่นแหละ เอาเท้าถีบลงจากโต๊ะ แล้วเหยียบย่ำ ขอคุยด้วยนิดเถอะแบบนี้ แม้รู้ว่าเขาไม่ต้องการพบแล้ว แต่อยากบอกว่า เราเสียใจที่คุณเอาของที่แม่คุณสร้างไว้สวยงาม เป็นความประทับใจดีๆ อันหนึ่งที่เกี่ยวพันกับสถานที่ๆ เรารักมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนี้ที่มีไม่กี่แห่ง มาย่ำยีอย่างไม่เสียดาย คนบางคนแค่เงินไม่เท่าไหร่ ก็ซื้อเกียรติภูมิ ที่บุพการีสร้างมาชั่วชีวิตได้อย่างไม่สมคุณค่าเลย น่าเสียดายนัก เจ้าของบอกว่า..... “คุณ*** ไม่ได้แจ้งไว้ อีกอย่าง เราขายของเรามาแบบนี้แล้วสามปีแล้ว..........” ได้ยินแบบนี้ ในใจ ก็นึกว่า โอ้ งั้นข้อความที่เคยลงสัมภาษณ์ ใน คู่สร้างคู่สม ก็คงเชื่ออะไรไม่ได้ แม้แต่น้อย แต่ก็ได้แต่อึ้ง “แต่เดี๋ยวเรา จะมีส่วนลด (แบบที่ลดให้ไกด์พาแขกมาเอาค่าน้ำ) ให้คุณก็ได้” ยังมีการย้ำอีก ถ้าแบบนี้ คงเห็นว่า เรา(ที่เคยเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ )เป็นไกด์มาเบ่งกินฟรีซินะ ตาต่ำสิ้นดี วูบหนึ่งเกือบโทรไปเชียงใหม่ แล้ววานมิตรชาวหัวหินชี้แจงเพราะเขารู้จักกันดี แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่พอ ป่วยการที่จะให้ชี้แจงให้ข้อมูลใดๆกับคนพรรค์นี้ ประหนึ่งสีซอให้ ควายฟัง หรืออีกที ตักน้ำรดหัวตอ ปลูกถั่วงอกยังง่ายกว่า นี่ถ้ารู้ว่าเพื่อนยุโรปของเราเป็นผู้บริหารระดับสูง ของ องค์กรทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในยุโปเหนือ จะเริ่มคิดเป็นไหม แต่ที่แน่ๆ ในฐานะ เจ้าบ้าน เราอายเพื่อนต่างชาติมาก เพราะเขาเข้าใจความเป็นไปทุกอย่าง และลึกซึ้ง เป็นอย่างดี เรื่องความมักมากในวงการท่องเที่ยวไทยเป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว ผู้ใหญ่ใน ท.ท.ท. โปรด อย่าหลอกตัวเอง จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:27:22 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยามมากแต่ก็รออ่านอยู่ดี หัวหินเดี่ยวนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเยอะ..... จากคุณ : Herzspezialist - [ 27 มี.ค. 51 17:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รับความจริงกันเถิดว่า คนไม่กี่คนทำให้เกียรติภูมิของคนชาติไทยทั้งประเทศ ให้ชาวโลกตราหน้าว่า ขี้โกงเป็นที่สองในเอเชีย รองจากชาวตากาล๊อก เรื่องนี้ ไม่เชื่อถามไทยรัฐได้ เขาลงข่าวไปเมื่อต้นปี เจ็บไหม โดนว่าขี้โกงกว่าคนประเทศหมื่นพันเกาะทางตอนใต้ ( จำตอนมันโกงซีเกมส์ไม่ได้หรือพี่น้อง ช่างไร้อารยธรรมเหลือจะกล่าว) จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:28:51 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่ไม่แจ้ง ไม่คิดบ้างหรือว่า เป็น เพราะเราไม่เคยคิดมากินฟรี เราต้องการมาอย่างติดดิน บริการคนไทยรักสงบเท่าๆ กับกะเหรี่ยงเฮฮาที่กำลังรบกวนลูกค้าฝรั่งที่รู้ตัวแล้วว่าโดนหลอกมากินอาหารชุดแกล้มโชว์บังคับดู (สงสัยว่าไปได้ความคิดมาจากไหนว่า เขาชอบดูโชว์แบบนี้กัน ล้าสมัยหลุดโลก ) แต่จ่ายแพงกว่ากะเหรี่ยงเฮฮาหลายเท่าในอัตราส่วนเดียวกัน ยังจะดีเสียกว่า อีกประการหนึ่งแค่เบียร์ กับไวน์ เครื่องดื่ม ที่เราจะดื่มกันก็เกินเลยค่าโชว์ ไปอย่างมหาศาลแล้ว (ชาย5 หญิง3 ไม่มีเด็ก) ยังไม่นับอาหารที่ตั้งใจจะมากินกัน เกือบทุกอย่างในเมนู ผู้ใหญ่ 8 คน งานนี้ไม่ต่ำกว่าสามสี่พันเป็นแน่แท้ คนที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพประเมินงบได้ แต่วิสัยทัศน์ไม่ใช่สายตา เลสิคไม่อาจช่วยอะไรกันได้ ถ้าเรื่องดูคนแค่นี้ยังแยกแยะไม่ออก ก็ควรเปิดแค่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็น “เราไม่ได้ต้องการส่วนลด (หรือการต้อนรับที่พิเศษกว่าลูกค้าที่อยากจะมาอุดหนุนธรรมดาๆ) แค่คุณขายตามราคาเต็มในเมนูปกติ เราก็ยินดีที่จะจ่ายเต็มราคาอยู่แล้ว (พร้อมทิปเป็นกำลังใจแก่เด็ก เท่าที่เด็กบริการแก่เราอย่างสมเหตุผล) แต่คงรับไม่ได้ ถ้าเราต้องจ่ายให้กับสิ่งที่เราไม่ยินดีที่จะรับ คือเจ้าโชว์ที่ว่า” นั่นคือคำตอบสุดท้าย ที่เรามีให้กับเจ้าของร้านที่ตลอดเวลาก้มหน้าไม่แม้แต่จะมองสบตา อยากบอกว่าคุณเจ้าของร้านนั้นว่า ท่านคือหนึ่งในบรรดากลุ่มคนที่ทำให้ หัวหินหมดเสน่ห์ อย่างน่าเสียดาย อยากรู้นักว่า คนพวกนี้จะเคยรักหัวหิน บ้างหรือเปล่า อายกันไหมที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนหัวหิน คนบางคน บางประเภท เงิน เล็กๆ น้อยๆ ก็ซื้อได้ แม้กระทั่ง เกียรติภูมิ ของบรรพบุรุษ ที่สร้างมาชั่วอายุ และ ที่แน่ๆ ขณะนี้ชื่อ ธาราจันทร์ โดนลบไปจากทำเนียบร้านอาหารดีๆ ของหัวหิน ด้วยเท้าของเจ้าของเอง อย่างไม่มีวันหวลกลับ จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:32:37 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไปคราวหน้าอย่าลืมช่วยกันอุดหนุนคนในท้องถิ่นที่เขาดีๆ นะพี่น้อง อย่ามัวแต่กินของคนอื่น อย่างน้อยๆ กาแฟดอยตุงเจียงฮาย ก็ยังอร่อย พอกันหรืออร่อยกว่ากาแฟชื่ออเมริกัน ที่หัวมุมหอนาฬิกา แพงก็แพง อีกอย่างทั่วโลกก็รู้กันว่าคนอเมริกันโดยมากกินกาแฟจืดและจาง จะมาชงอร่อยเป็นต้นแบบก็เกินไป อันนี้เห็นได้ชัด ตอนเพื่อนยุโรปเลือกที่จะดื่มกาแฟกันที่ร้านอิตาเลี่ยน จากทริปนี้ เพราะเขารู้จริง ควรมิควรแล้วแต่ท่านจะพิจารณา แต่ขอยืนยันว่าเป็นความจริงไม่มีเท็จ และเรามีประจักษ์พยานยืนยันในเหตุการณ์ ที่เข้าใจภาษาไทยอย่างน้อยสามคน ตรวจสอบได้และโปร่งใส ถ้าท่านเป็นคนรักหัวหิน โปรดเล่าต่อเพื่อเตือนกัน ว่าอย่าหลงเข้าไปเป็นอันขาด มันอาจทำให้ท่านเริ่มรักหัวหินน้อยลงโดยไม่ตั้งใจ อย่าให้ความอร่อยมาบดบังความดีงาม ความถูกต้อง หาไม่แล้วท่านจะพบกับความผิดหวังเสียใจ และอาจเจออาหารเป็นพิษ พวกเรา คนอยากทำดีมีอุดมการณ์ต้องรวมตัวกันไว้ อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล หากท่านเห็นงามกับบทความนี้ โปรดส่งต่อในกลุ่มพวกเรา อันความดีนั้นทำได้ยาก และต้องอดทน เหมือนการสลักศิลาหินแข็งเป็นรูปงาม หากแต่ทำแล้วสุขใจนัก หาได้ง่าย ดั่งลิขิตบนแผ่นทราย แค่เท้าลบ กลบสิ้น ไม่มีคืน ขอความสุขสวัสดี อายุ วรรณะ สุขะ พละ จงมีแก่ชาวเราคนรักหัวหิน ผู้รักและเชื่อในความดี ทุกท่าน ทุกประการเทอญ จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:34:52 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอส่งท้ายนิดหนึ่งว่า ตอนเดินกลับมาส่งเพื่อนที่โรงแรม คุณพ่อบ้าน แอบมากระซิบ ว่า ขอบคุณมากที่ตัดสินใจเดินออกมาทำให้พวกเขาไม่ต้องทนดูโชว์ที่ว่า อนึ่ง ขออนุญาตปกปิดชื่อบุคคลบางท่านเนื่องจากผู้เล่าไม่มีเจตนาจะอวดอ้างว่ารู้จักท่านผู้นั้นผู้นี้ และขอถอนโฆษณาสรรพคุณ ทั้งหลายทั้งปวงที่ข้าพเจ้าเคยมีให้กับร้านธาราจันทร์อย่างสิ้นเชิง จากคุณ : โจ - [ 27 มี.ค. 51 17:36:08 A:203.107.168.150 X: TicketID:143420 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาอ่านตามคำบอกเล่าของคุณโจ แล้วก็เห็นภาพตามเลยค่ะ เป็นอีกคนหนึ่งที่รักหัวหิน และรู้สึกว่าหัวหินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างจากพัทยา รวมไปถึงสืบเนื่องจากที่เรามีสามีเป็นคนต่างชาติ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นคนหนึ่งที่มีหน้าที่การงานที่ดี และมีการศึกษา แต่ปัจจุบันทำให้เรารู้สึกได้ว่า หัวหินเปลี่ยนไปจริง ๆ การเป็นคนไทยของเราในปัจจุบันกับสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังเช่นนี้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นประชาชนชั้นสอง แต่ถ้าถาม ก้ออยากบอกว่า ความรักที่มีให้หัวหิน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราเลือกที่จะรักในบางสิ่ง และเลือกที่จะเกลียดในบางสิ่งที่หัวหินเป็น แต่พอมองกลับมา คนไทยอย่างเราเรานี่แหละค่ะ ที่กำลังเป็นคนสร้างรอยด่างให้หัวหินด้วยกันเอง เฮ้อ หรือว่า คนไทยเราเป็นอย่างที่ต่างชาติเค้าคิดกันจริง ๆ ค่ะ อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึก สมเพช คนไทยที่ทำการแบบนั้นกันจริง ๆ พร้อมกับสงสารตัวเองและเข้าใจท่านเจ้าของกระทู้ดี ว่าบางทีการที่เราแนะนำ เชียร์ที่พัก ร้านอาหาร หรือสถานที่ท่องเที่ยวใด ๆ เพราะเราเคยมีความรู้สึกดีดี แต่กลับมาโดนแบบนี้ แต่ทำงัยได้ค่ะ ปลาเน่าตัวเดียว มันก็เหม็นเน่า ไปทั้งบ่อแหล่ะค่ะ จากคุณ : KhunTop - [ 27 มี.ค. 51 18:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เล่าเรื่องได้มันส์มากครับ จากคุณ : let's_relax - [ 27 มี.ค. 51 18:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หัวหิน สมัย ที่ เราเรียนหนังสือ 10 กว่าปี ที่แล้วน่ารักมาก บรรยากาศยังโอเคน่ะ  ตอนนี้กลับไปอีกทีก็ อึ้งๆ น่ะ ร้านนี้รู้จักดีเลย จากคุณ : honeybfit - [ 27 มี.ค. 51 18:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รักหัวหินมาก  เพราะตอนปิดเทอมจะไปพักบ้านเพื่อนที่ออมสิน  มีแต่สิ่งดี ๆ และก็เคยกินร้านตรงหัวมุมหอนาฬิกา (จำชื่อไม่ได้)  คิดว่าเป็นร้านที่คุณบอกมา    หลัง ๆ ไปกับครอบครัวก็ไปกินที่ร้านชาวเล  คุณภาพลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งสวนทางกับราคาที่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ  แล้วนี่จะไปหัวหินอีกเร็ว ๆ นี้  ควรไปกินอาหารร้านไหนดี  แนะนำหน่อยซิ  คนรักหัวหินทุกท่าน  อย่าให้หัวหินสิ้นมนต์เสน่ห์เลยนะคะ จากคุณ : banne - [ 27 มี.ค. 51 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รักหัวหินเหมือนกันค่ะ ถึงจะเป็นคนคอนถมก้อเถอะ คิดจะมีบ้านสักหลังยามแก่เฒ่าที่หัวหินสักหลัง ฟังอย่างนี้ เห็นทีต้องคิดหนัก คิดแล้ว หัวหินก้อเหมือนคนที่เรารัก ต้องดูแลกัน แต่ทุกวันนี้ หัวหินกำลังเปลี่ยนไป หากเปลี่ยนไปเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ย่อมยอมรับได้ แต่หัวหินที่เรารักยามนี้ เริ่มไม่น่ารักเสียแล้ว เหตุเกิดจากความเห็นแก่ตัวเนี่ยแหละ ช่วยกันเถอะค่ะ ช่วยกันทำให้คนที่เรารักอย่างหัวหิน กลับมามีเสน่ห์เหมือนเดิม...(คิดถึงตลาดโต้รุ่งหัวหินวันวานเหลือเกิน) จากคุณ : Misscedia - [ 27 มี.ค. 51 21:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หัวหินเปลี่ยนไปเร็วจริงๆครับ ไม่ได้ไปแค่สองปี กลับไปอีกทีตลาดโต้รุ่งที่ขายผัดไทย น้ำแข็งใสอร่อยๆหายไปเกือบหมด เหลือแต่สินค้าหลอกนักท่องเที่ยววางขายให้เกลื่อน โอ้หัวหินสำหรับผมก็สิ้นมนต์ขลังไปแล้วเหมือนกัน จากคุณ : เอพีไอ - [ 27 มี.ค. 51 23:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณbanne บนถนนแนบเคหาสน์ จะมีร้านอาหารไทยที่ทำมาจากบ้านเก่าริมทะเล หลายแห่ง ส่วนใหญ่จะตั้งชื่อขึ้นด้วยบ้าน อาทิ บ้านอิสระ (เจ้าแรก) บ้านอยู่เย็น บ้านกินลม เป็นต้น จะบอกว่า ร้านไหนดี อันนี้มันขื้นๆลงฮะขึ้นกับเวลาตกฟาก บวกกับดวงชะตาของคุณในวันนั้น เพราะรสชาดอาหารจะไม่หนีกันเท่าใด เป็นเรื่องสถานที่กับบริการมากกว่า โดยเฉพาะอย่างหลังนี่เป็นดวงจริงๆ ขนาดโอเรียลเต็นหรือดุสิตธานี คุณยังอาจซวยได้ขอบอก ดังนั้นใช้สัมผัสที่หกตอนคุณดูเมนู เพราะถ้าไม่เป็นที่พอใจรีบย้ายที่เลย อย่าไปทน แต่ถ้าอยากกินอาหารไทยปนอิตาเลี่ยนที่กลืนกันเนียนมาก ขอแนะนำ พาสต้าแฟคตอรี่ ตอนนี้ย้ายไปทางจะไปเขาตะเกียบ ที่สำคัญร้านนี้คนเสริพมีความรู้ด้านอาหารดีทีเดียว แนะนำไวน์ได้ และเชื่อได้พอควรกรณีคุณว่างเปล่าในด้านนี้จริงๆ แต่ถ้าพอรู้หรือทำการบ้านมาบ้างลองฝึกตัวเองดู เพราะตอนนี้ไวน์ร้านฝรั่งในหัวหินน่าจะมาจาก อีตาอเลก เจ้าของร้านฮาเลก ที่นำเข้าไวน์ เรียกว่าใช้ได้สมราคา ถ้าอยากทาน อาหารอิตาเลี่ยน มีสองร้านที่กินสลับกัน คือ ลาวิลล่า หน้าซิตี่บีช กับ ร้านตรงทางเข้า เฟรชอิน หน้าฮิลตัน อีกร้านเลยมาหน่อย คือซันไชน์ อันนี้เดิมชื่อไบออตโต ตามชื่อสามีเก่าเจ้าของปัจจุบัน ดังนั้นอย่าถามว่าทำไมเปลี่ยนชื่อร้าน อีตาออตโต ถ้าจำไม่ผิดเป็นออสเตียน เลยเป็นอาหารเยอรมันในยุคแรกๆ จำได้ว่าไส้กรอก กับขาหมูเยอรมันอร่อยมากโดยเฉพาะกะหล่ำดองที่มาแนม ขึ้นชื่อขนาดมาตอนหลังต้องทำใส่ขวดขาย เพราะลูกค้าเรียกร้อง เดี๋ยวนี้เพี้ยนๆไปเยอะแต่คนทำกับข้าวเป็นแล้วจับแนวได้ทำอะไรก็พอกินได้แม้จะเพี้ยนไปบ้าง (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 02:53:51 A:58.8.242.48 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ล่าสุดไปกินมา น้องที่เสริฟว่าออกเป็นแนวสแกนดิเนเวีย (ตามปริมาณแขกละซิ) คนขายว่างั้น แต่ไม่เชื่อหรอก ไม่เห็นมีปลาดอง หรือ พิตติปันนา หรือ เชิดบุลหลาด(ลูกชิ้นเนื้อ)เลยมาตีคลุ่ม ว่าเป็นสแกนมิได้ แต่ร้านในชุดนทั้งสามที่ี้ จะบริการดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เหมือนกลุ่มที่ชื่อบ้าน อันนั้นต้องเล่งก้าวขาออกจากบ้านหรือผูกดวงไปก่อน ทานอิ่มแล้วให้เหลือที่ในกระเพาะมาซัดไอติมแบบอิตาเลี่ยนฝั่งตรงข้ามซิตี้บีชด้านติดกับไปรษณีย์ จากคุณ : โจ-เอง - [ 28 มี.ค. 51 03:04:43 A:58.8.242.48 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไอติมที่ว่ากินได้ทั้งสองร้าน อร่อยพอกัน แต่ถ้าอยากกินอาหารรสชาติฝรั่งแท้ๆที่ออกแนวยุโรป พวกสเต๊กสตูต้องออกไปไกลนิด ทางจะไปชะอำโน้นหน้าโรงแรมเมอริออตใหม่(เดิมเป็นโกลเดนแซนด์) ก่อนถึงรีเจ้นชะอำถ้ามาจากหัวหิน ชื่อร้าน บาคุส& ลุค คูลุส เป็นชื่อเทพทำไวน์กับเทพแห่งอาหาร สเต๊กเนื้อ อร่อยมาก แนะนำแบบราดซอสพริกไทกินกับมันทอด กินแกล้มไวน์แดง ถ้าไม่ทานเนื้อ หมูราดซอสเห็ดกับมันทอด ก็อร่อยมาก ทานเบียร์แกล้ม หรือจะเป็น ปลากระพงนึ่งราดซอสครีมกุ้งกินกับมันต้ม อันนี้อาหารสุขภาพ แต่ควรดื่มไวน์ขาวจะเข้ากันมาก ถ้าจำไม่ผิดร้านนี้เขามีหัวมันทำสองสามแบบให้เลือกกินกันคู่อาหาร หรือจะขอรับเป็นข้าวหุงก็ได้ ได้ไม่บังคับเหมือนร้านฝรั่งทั่วไป ที่ทำมันไว้อย่างเดียว เนื้อแกะร้านนี้กินได้ทุกเมนู แต่เราชาวไทยมักไม่นิยมเนื้อแกะ เพราะ กลิ่นสาบแรง ถ้าไม่ชอบเนื้อแกะมาก่อนไม่แนะนำให้ลอง แต่ถ้าท่านเป็นคอนิเซอร์ แกะร้านนี้ดีมากๆ อีกอย่างคือขนมปังร้านนี้จะอบใหม่ทุกวันดังนั้นจะสดหอมและนิ่ม เจ้าของเป็นหนุ่มหล่อผมทองชาวสวีเดนที่อัชฌาสัยดีเป็นกันเองกับลูกค้าน่ารักมากชื่อปีเตอร์ สาวๆที่ไปคุยถูกคอปีเตอร์อาจเลี้ยงไวน์นะจ๊ะ ปีเตอร์พูดไทยได้ จำได้ว่าจบปอหกประมาณนั้น แต่ทุกปี เจ้าของจะกลับประเทศไปหลายเดือน ช่วงเมษา ถึงตุลาจึงปิด ดังนั้นตรวจสอบเวลากันก่อนไป ประทับใจกับการเสริพและรสชาด แบบฝรั่งแท้ๆ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่คือฝรั่ง และเปิดบริการเฉพาะมื้อเย็น ถ้าคุณไปช่วงหลังทุ่มที่เป็นเวลาดินเนอร์ ควรจองโต๊ะ เพราะมักจะเต็ม แล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ในยุโรป ดินเนอร์ในดงฝรั่งล้วนๆ และคุณอาจเป็นคนไทยโต๊ะเดียวในร้าน ดังนั้นยืนยันได้ในเรื่องรสชาดและบรรยากาศ แบบสวีเดน จองโต๊ะกับปีเตอร์ 032 508092 จากคุณ : โจ-เอง - [ 28 มี.ค. 51 03:46:04 A:58.8.242.48 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เหยียบร้านชาวเลกับร้านในย่ายนั้นมาหลายปีแล้ว เพราะคนพวกนี้เป็นผู้ที่เอาเปรียบสังคม รุกล้ำที่สาธารณะ ทำกันมานานมากแล้ว และร่ำรวยจากการเอาเปรียบสังคมแบบนี้มามากแล้ว จนตอนนี้ทรงอิทธิพลมาก นอกจากจะเห็นแก่ตัว เอาเปรียบสังคมแล้วยัง ทำลายสภาพแวดล้อมด้วย ทำไมพวกเรายังจะสนับสนุนให้เขาทำผิดและเอาเปรีบบสังคมอยู่อีก ยิ่งตอนหลังได้ยินมาจากทุกคนว่าไม่อร่อยแล้วแถมบริการยังห่วยแตก ก็ไม่เข้าใจว่ายังมีคนหลงไปกินกันอีกเหรอ ต้องช่วยกันบอกนะเรื่องพวกนี้ จากคุณ : โจ-เอง - [ 28 มี.ค. 51 04:08:42 A:58.8.242.48 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ละเอียดมากๆๆๆ...ชอบๆ ๆ จากคุณ : McDonut - [ 28 มี.ค. 51 07:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชื่นชมคุณโจ-เอง มาก ๆ ค่ะ    ที่แนะนำมาอย่างดี  จะลองพิจารณาดูอีกทีนะคะ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : banne - [ 28 มี.ค. 51 08:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นคนหนึ่งที่เคยกินแกงส้มไข่ปลาริวกิว (หรือเรียวเกียว) ของธาราจันทร์แล้วติดใจมากมาย อ่านแล้วก็ได้แต่ปลง เฮ้อ.. จากคุณ : สาวไกด์ใจซื่อ - [ 28 มี.ค. 51 09:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ..ฤาหัวหินจะสิ้นมนต์ขลัง.. หัวหินเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ใกล้จะเหมือนพัทยาเข้าไปทุกทีแล้ว จากคุณ : viee - [ 28 มี.ค. 51 09:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณโจ ครับ......คุณโจเขียนกระทู้ได้ดีมาก  ต้องขอบคุณที่นำเรื่องจริงมาเล่าสู่กันฟัง... แล้วผมจะไปหาแกงส้มไข่ปลาทานได้ที่ไหนละเนี่ย  รบกวนหน่อยนะ... อีกเรื่องร้านกาแฟ ที่แพงมหาแพง ร้านนั้นน่ะ  คนข้างๆ ชอบแวะซะจริงๆ  มันแพงเกินเหตุไป(ไม่)หน่อย   คุณโจลองช่วยแนะนำร้านอร่อยๆ ในหัวหิน  ในแบบที่เราๆ ไม่ค่อยรู้ทีนะครับ จะไป...จะไป จากคุณ : Art999. - [ 28 มี.ค. 51 10:00:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอทั้งโหวตทั้งเซฟเข้าคลังกระทู้เลยละกันค่ะ รักหัวหินมากๆเหมือนกัน จากคุณ : Gifted_Giftie - [ 28 มี.ค. 51 12:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ก่อนอื่น ขอขอบคุณ คุณ Gifted_Giffie ที่ช่วยโหวต เราควรจะช่วยกันปลุกสำนึกในเรื่องดีๆ และต่อต้านคนชอบเอาเปรียบสังคมกัน และ ขอแก้ข้อมูลชื่อถนน ในหัวข้อแรก ที่ว่าร้านอาโกหัวมุมถนนเพชรเกษม ตัดกับถนนเดชานุชิต ไม่ใช่ถนนดำเนินเกษม เพราะนั้นเป็นถนนหลัก จากสถานีรถไฟ ลงมาทางด้านไปรณษณีย์กับสถานีตำรวจ ไปลงหาดที่ด้านข้างโรงแรมรถไฟเก่า (โซฟิเทล*อยากอนุรัษก์ชื่อเดิม) ทีนี้เลยจะขอตอบ คุณอารต์999 อย่าให้ความอร่อยมาบดบังสายตาแล้วทำให้เราไปสนับสนุนคนทำเลว ยังมีที่กินอีกมาก ทีจริงไม่อยากบอก เดี๋ยวจะโดนว่าแล้วเอามาพูดทำไม (แต่เดี๋ยวโจมีเหตุผลฮะ) ว่าฝีมือแกงส้มของคุณน้าของน้องสถาปนิกที่บ้านอยู่หลังวัดนั้นก็เป็นเลิศ แต่แกไม่ได้ทำขาย เอาไว้เลี้ยงลูกๆหลานๆเวลามาจากกรุงเทพฯ เห็นบ่นเดี๋ยวนี้ไข่ปลามันแพงโลตั้ง800 ดังนั้นคงหากินยากนิดเพราะทำขายไม่ค่อยได้กำไร ดังนั้นเราไปหาอย่างอื่นกินกันดีกว่า (อย่าให้ความอร่อยมาบดบังสัมผัสที่หก และยังมีคนดีมีฝีมืออีกมากมายเราไปกินที่อื่นดีกว่า นั่นคือเหตุผล )เพราะโจเองก็ไม่ใช่ลูกหลานบ้านนั้น อาศัยใบบุญน้องๆเขาเวลามากับเขา ไว้จะสอบถามจากมิตรหัวหินดูอีกทีฮะ แต่ปกติถามคนในท้องที่เรื่องกินนอกบ้านนี่ค่อนข้างยาก ยกเว้นไปเจอพวกสรรค์กินแบบโจ/ คนตจว.ทั่วไปกินข้าวที่บ้านกัน ช่วยกันดันกระทู้นี้ไว้แล้วกัน จะไปสืบหามาบอกกัน แต่เดี๋ยวนี้ร้านเปิดใหม่เยอะมากสงสัยต้องทำ รายการ โอษฐสันจร อีกสักรอบ เอาหล่ะกลับมาเริ่มต้นที่ถนนดำเนินเกษม ตรงหน้าสถานีรถไฟหัวหิน อย่าลืมแวะแสดงความระลึกถึง คุณโผนกิ่งเพชร ท่านยืนตั้งการด์ อยู่แถวนั้น เลี้ยวซ้ายที่ถนนหน้าสถานี บนถนนประชาธิปก เลียบทางรถไฟ ทิศทางล่องใต้ ทางด้านขวาคือทางรถไฟ ทางด้านซ้ายจะเป็น บ้านและสวน บางทีมีร้านอาหารแบบ สวนอาหารเล็กๆ สองสามร้านแล้วมัง ตอนนี้ยังตกสำรวจอยู่ แต่เมื่อยี่สิบปีก่อน มีอยู่ร้านหนึ่ง ชื่อไกรสร เราเรียกร้านไก่ไกรสร เพราะทั้งร้านมีแต่เมนูไก่ ตั้งแต่ไก่ย่าง ไกรสร (แน่นอนมีส้มตำ) ลาบไก่ ไก่ผัดกระเพรา ต้มข่าต้มยำไก่ ไก่ทอด คือทุกอย่างเป็นไก่หมด แต่ที่จำได้ว่าติดใจคือ แกงเขียวหวานไก่ ร้านจะออกแนวสวนอาหารเล็กๆ นั่งกินในซุ้ม กับกระท่อมมุงแฝก มีบ่อน้ำตกน้ำพุ อะไรประมาณนั้น แต่เป็นแบบ ชาวบ้านๆ ไม่ได้อลังฯอะไรมากมาย ซึ่งนั่นแหละคือเสน่ห์ เพราะบรรยากศอบอุ่นมาก ที่สำคัญ อาหารอร่อยและราคาไม่แพง แต่ สักสิบปีก่อนไปหาไม่เจอ ไปเจอเป็นร้านชื่อไทยๆนี่แหล่ะ ดูเหมือนจะเป็นกานดา หรืออะไรประมาณนี้ไม่ขอยืนยัน แต่บรรยากาศเดียวกันเปี๊ยบ ที่สำคัญ เมนูไก่ล้วนๆ เลยคิดว่าเขาอาจเปลี่ยนชื่ออาจจะเปลี่ยนเจ้าของ ซึ่งอันนี้เป็นอุทาหรณ์ ว่าทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง เราอย่าไปยึดติดกับอะไรมากมาย ข้อสำคัญ ต้องใช้สัมผัสที่หก มีสติพิจารณาตลอดเวลา อย่าให้ความอร่อยมาบดบัง ไม่งั้นท่านอาจเจออาหารเป็นพิษทางกาย หรือใจก็ไม่คุ้ม เพราะเราเป็นผู้จ่ายเงิน แต่ยังไงลองไปหาดูนะฮะ ร้านเมนูไก่ล้วนที่ว่า ดีไม่ดีอาจเจอร้านใหม่ๆ จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 13:56:46 A:58.8.172.47 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อีกทีเรามาหาร้านพวกจานเดียวชามเดียว(แต่อาจต่อหลายชาม) กินกันดีกว่า ร้านแรก อยู่ในตลาดฉัตรไชย ทางด้านทิศใต้ ใกล้ๆกับ ที่ขายดอกไม้ อยู่รอบนอก แต่เป็นถนนในตลาด ไม่ใช่ ริมถนนเดชานุชิดที่เป็นไนท์บาซา ตอนเย็น เป็นร้านก๋วยจั๊บธรรมดานี่แหล่ะ เป็นพี่น้องสองสาว(ใหญ่) ชื่อเจ้อะไรจำไม่ได้ แต่มีการันตีจากแม่ช้อย หรือ เชลล์ชวนชิม ของอาหม่อม นี่แหล่ะ ดังนั้นเก๋าจริง อันนี้อร่อยคงที่มากว่าสามสิบปีได้กระมัง เดินออกมาทางทิศตะวันตกเพื่อจะไปเลี้ยวซ้ายออกถนนเดชานุชิด จะมี หาบแบกะดิน ขายข้าวแช่ ทางซ้ายมือ ถูกมากๆ เป็นแบบชุดนึงสิบยี่สิบบาท หรืออะไรประมาณนั้นแต่ตอนนี้คงขึ้นไปเยอะเหมือนกันของแพง คุณอย่าไปหวังว่าจะมีแพคเกตสวยงามอะไรนะฮะเพราะ เป็นแบบชาวบ้านๆ ใส่ถุงพลาสติก อะไรประมาณนั้น สมัยก่อน คงห่อใบตอง แต่ราคาเยาว์ และ อร่อยพอควร ทางขวาจะมีพวกขนมไทยๆ ราคาไม่แพง แบบ พวกแม่อะไรต่อมิอะไร ตรงทางเข้าเมืองเพชรขากลับ หัวมุมซ้ายตรงทางออกจะเป็น ร้านข้าวมันไก่ กับพวกก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้อร่อยลืมโลก แต่แวะอุดหนุน ร้านเก่าๆบ้างเขาจะได้ไม่ปิดร้านให้เซเว่นมาเช่า ไปหมด จำได้สมัยก่อน มีร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา บนถนนเดชานุชิตนี่เหล่ะ แต่เป็นฝั่งโน้น อันนี้อร่อยมีเอกลักษณ์จริง ถ้ามาตอนเที่ยงต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกันสุดริด ขนาดคนหัวหินยังมาเข้าคิวรอกิน ตอนนี้กลายเป็นร้านขายแว่นตา เสียดายจะตาย อ้อ ตรงปากทางออกตลาดด้านทิศใต้ ใกล้ๆกับร้านข้ามมันไก่หมูแดงกระเพาะปลา ที่ว่า จะมีรถเข็นหมูปิ้ง อยู่เจ้า ถ้าบอกว่าโจน้องชายคุณนายเล็ก แนะนำมา แกจะคุยจ้อ รับรอง แต่อย่าไปหวังว่าจะลดจะแถมอะไรเลยนะฮะหมูปิ้งไม้นึงไม่กี่บาท พ่อค้าคงไม่ได้กำไรมากอะไร เราไปช่วยอุดหนุน แต่ที่บอกแบบนั้น เพื่อที่คุณจะได้ หาจุดเริ่มคุย เพื่อหาข้อมูลอื่นๆต่อไปจากคนในท้องที่ เป็นการทุบกำแพงน้ำแข็งตามสำนวนฝรั่ง ยังไงหมูปิ้งอร่อยใช้ได้ฮะ ไม้ใหญ่กัดเต็มคำดี ถ้ากินข้าวเหนียวด้วยก็อิ่มได้กำลังดี ถ้าพวกชามเดียว(แต่อาจต่ออีกชาม) ตอนกลางคืน ก็ต้องไป ตลาดโต้รุ่ง ตัวจริงที่ไม่ใช่ไนท์บาซา ตรง ใกล้ๆ แยกชมสินธ์ ตัดกับแนบเคหาสน์ นอกจากของคาวแล้ว มีแผงขนมไทยๆ พวกน้ำกะทิ ต่างๆ จนพวกที่สมัยก่อนเขาจะห่อใบตอง พวกหม้อแกงเปียกปูนอะไรประมาณนั้น รับรองความอร่อยเหมือนกัน อีกที่คือตรงหัวมุมที่เคยเป็นสภากาแฟยามเช้า แต่ตอนนี้เป็นเหมือนศูนย์อาหารเล็กๆ มีทุกอย่างตั้งแต่หมูสะเต๊ะ ข้าวหน้าหมูแดง ก๋วยเตี๋ยวน้ำ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ผัดไทยขายกันเกลื่อนไปหมด ทั่วราชอาณาจักร เป็นจานดังรองจากต้มยำกุ้ง ในวงการอาหารระดับอินเตอร์ของไทย ขนาดวงมารูน5 มาทัวร์คืนแรกยังซัดไปสองจานติดๆในห้องพัก กลับมาผัดไทยเจ้านี้ ให้5ดาวเหมือนกัน แต่รับรองไว้6เดือนแล้วกันเข็ดแล้วกับการการันตีแบบยั้งยืน ของทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นกับเวลาตฟากของท่าน ข้อเสียคือคนแย่งกันกินอย่างกับโรงทาน ไม่มีระบบจัดการแบบ เอ็มเค ต้องอาศัยความอดทนสูง บางจุดเลยความอดทนเลยคิดว่าไปกินที่อื่นดีกว่า ถ้าร้านไม่แน่นมาก ก็นั่งกันได้ฮะร้านหัวมุมตรงนี้ ที่น่าเสียดายคือสภากาแฟที่หายไป อ้อเกือบลืม บนถนนเดชานุชิตที่กลางคืนเป็นไนท์บาซา เดิน ข้ามแยกที่ตัดกับ ถนนสระสรง หรือถนนหลังตลาด ตรงขึ้นไป ตอนนี้ตลาดของกินเริ่มย้ายร่นขึ้นมา สมัยก่อนมีเป็น รถเข็นข้าวต้ม หรือประมาณมีรถกะบะมาจอด แต่ฝั่งซ้าย จะมีร้านอาหารทะเล ประเภทมี ถาดน้ำแข็งใหญ่ๆวางกุ้งหอยปูปลา ยืนผัดกันหน้าร้านสไตล์ ร้านไข่มุกซีฟูด ที่เมื่อก่อนขายดีมาก แต่ช่วงหลังซาไป ยังไม่ทราบสาเหตุ แต่คงต้องมีอะไรแน่ เพราะคนเลิกไปกินกัน ร้านเขาก็ยังอยู่ที่เดิม กลับมาฝั่งนี้ เจ้าแรกๆของร้านฝั่งนี้ที่เคยไปกิน แล้วคิดว่าใช้ได้ เพราะถูกและดีเกินราคา ของขึ้นจากทะเลสด ทำกับข้าวเป็นและสะอาดพอควร ดูเหมือน จะ ชื่อร้านจ่า อะไรสักอย่าง แต่จำได้ว่าชอบการแต่งร้านจะออกแนว ป่าๆ ทหารๆ ง่ายๆ จะเป็นวัฒนธรรมการเลียนแบบ หรือไม่คิดสร้างสรรค์ของคนหรือไม่ทราบ พอขายดีหน่อย ไม่ทันไรก็มีคนเปิดขายแบบเดียวกันตามเต็มแนว แต่แนะนำนะฮะ ราคาย่อมเยาคุ้มค่า ร้านที่ติดกันก็พอทานได้ รสชาดพอกัน ทีนี้จะกินกันที่บริการนี่แหล่ะ จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 13:57:35 A:58.8.172.47 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ปิดท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง ถ้าจะเด็ดสู้ก.พาณิชย์ที่กรุงเทพฯได้ ต้องร้านป้าเจือที่หน้าฮิลตัน อันนี้ แนะนำว่าถ้าจะกินตอนเย็น ต้องซื้อมาตุนไว้ก่อน เพราะเมื่อก่อนขายหมดเร็วมาก บ่ายยังไม่คล้อยก็ควักหมดกาละมังแล้ว แต่คราวล่าสุดไปเห็นเน้นขายแต่มะม่วงสุก ฝรั่งกินข้าวเหนียวไม่เป็น อันนี้น่าเสียดาย ถ้าป้าเจือจะเลิกทำข้าวเหนียวมาขายมะม่วงล้วนๆ เพราะมันง่ายกว่ากันเยอะ อันนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงที่มาจากอำนาจเงิน และ กระแส ทางธุรกิจการท่องเที่ยว อีกหน่อยคงเหลือแต่ข้าวเหนียวมะม่วงให้กินกันแต่ในห้าง หรือไม่ก็ทำกินกันเอง แต่ที่จินตนาการไปได้เลวร้ายที่สุดคือ ตรงร้านป้าเจือ จะกลายเป็นเจ้า เทเลอร์แบบเร่งด่วน หรือที่แย่สุดคือบาร์เบียร์ จะเทียบกับ พัทยากลางพัทยาใต้ หรือ บางลา ที่ภูเก็ต ไม่ได้ เพราะสองที่ดังกล่าว เมื่อก่อนเป็นทุ่งนา หรือที่รกร้างว่างเปล่า แต่ในชุมชนหัวหิน มันเป็นหมู่บ้านที่มีคนอยู่กันมาหลายรุ่น แล้ว นับไปได้เป็นร้อยปี เพราะฉนั้นสังคมวัฒนธรรมดีๆมันมีมานาน จึงน่าเสียดายที่ถูกกลืนชั่วข้ามปี จบเรื่องเศร้าอีกล่ะ จะไม่เศร้าได้ไง เดี๋ยวนี้มีความรู้สึกว่าไปแล้ว ไม่ค่อยอยากลงมาเดินตลาด ไปแล้วเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แล้วก็อยากไปน้อยลง น้อยลง ความรู้สึกแบบเดียวกับ ตอนพัทยาเริ่มเน่า ใหม่ๆ เลย ขึ้นเขาพระตำหนักแล้วไม่อยากลงมาเลยแต่พัทยาเราไม่ผูกพัน อันนี้เศร้ากว่าเยอะ มาร่วมด้วยช่วยกันอนุรักษ์หัวหินเถิด พ่อแม่พี่น้องผองไท......... เชิด จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 13:58:08 A:58.8.172.47 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆแล้วเข้ามาอ่านเพราะหัวทู้มันตรงใจเรา....เพราะเพิ่งไปกินร้านนี้มา...ตั้งใจไปกินแกงคั่วส้มหน่อไม้ดองใส่ไข่ปลาริวกิวค่ะ.....มันไม่อร่อยเหมือนเก่าจริงๆ....ทำเหมือนคนทำกับข้าวไม่เป็น.....ยังนึกเลยว่ามันเปลี่ยนไปเพราะอะไร...รู้แต่ว่า...มันไม่อร่อยเอาซะเลย...และคงจะไม่ไปกินอีกแล้ว.... แต่เราอยู่พัทยา....ไม่อยากให้ดูถูกคนพัทยา...โดยใช้คำว่าผู้หญิงพัทยา....และใช้คำว่า ...เน่า...กับพัทยา... ทุกที่...ทุกแห่งหนใด....ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ เมืองเล็ก...มันก็มีทั้งที่ดี...และที่ไม่ดี...ปนกันไป....เราก็แยกแยะเอาเองก็แล้วกัน...ว่าเราเหมาะกับสถานที่แบบไหน....ตรงไหนเน่าก็อย่าเข้าไป...ที่ดีๆก็มีเยอะแยะ... ที่ที่เราอยู่..ก็ไม่เห็นจะเน่าตรงไหน..... จากคุณ : แครอทอร่อย - [ 28 มี.ค. 51 17:20:55 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ติดตามอ่านครับ ถึงแม้จะยาวแต่ก็ได้ใจเราดี จากคุณ : toddonthong (toddonthong) - [ 28 มี.ค. 51 17:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ก่อนอื่นต้องขออภัยชาวพัทยาโดยเฉพาะคุณแครอทอร่อย และขอเรียนชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาจะลบหลู่หรือดูหมิ่นชาวพัทยา แต่ขอเวลาเรียบเรียงคำชี้แจงเล็กน้อยนะฮะ รอเป็บนึงจะรีบกลับมาโพส (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 17:30:58 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านไป  คิดตามไปอย่างช้า ๆ  หลับตามองเห็นมุมถนนต่าง ๆ ในอดีตเมื่อเกือบยี่สิบปี (ที่เคยมีโอกาสไปมีความสุขอยู่ที่หัวหินถึงสามปี)  ตามคำบรรยายของคุณโจ   แล้วก็  ... คิดถึงหัวหินในวันนั้นอย่างจับหัวใจ เป็นอีกคนหนึ่งที่เจ็บปวดกับภาพปัจจุบันของหัวหิน  จนไม่เคยแวะหัวหินเลยถ้าไม่จำเป็น   หลัง ๆ มานี่ไปประจวบ ไปสามร้อยยอด ไปบ่อนอกเพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนรักปีละหลาย ๆ ครั้ง   แต่ขับรถเลยหัวหินไปโดยไม่แวะเข้าไปให้หัวใจเจ็บปวดเลย มีสองครั้งเท่านั้นที่แวะเข้าไป(ด้วยจำเป็น)  คือไปธุระที่โรงแรมรถไฟเก่า   กับ ครั้งที่สอง มีคนไปด้วยหลายคนและทุกคนอยากไปอาอะไรกินที่ตลาดโต้รุ่ง  ... สองครั้งนี้  เป็นสองครั้งในเกือบยี่สิบครั้งที่ขับรถผ่านหัวหินไปอย่างไม่ไยดี ตลอดสิบกว่าปีมานี่ คิดถึงความสุขในอดีต  จนทำใจให้มองภาพหัวหินวันนี้อย่างไม่เจ็บปวดไม่ได้  จึงไม่เคยอยากแวะเลยค่ะ ขอบคุณ คุณโจ  ที่เอาเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังนะคะ อ่านแล้ว .. คิดถึงหัวหินจับใจ ... จากคุณ : หมูน้อยสีชมพู - [ 28 มี.ค. 51 17:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แต่เดิม พื้นที่พัทยาในปัจจุบันเป็นหมู่บ้านชาวประมง เล็กๆและห่างไกล แต่มีชายหาดที่สวยงามมากๆ ที่สำคัญ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เรียกกันแต่เดิมว่า บางละมุง ในขณะที่ยุกก่อนหน้านั้น เมืองตากอากาศชายทะเล ไนเมืองไทย จะเริ่มที่หัวหิน(แต่เดิมเรียกกันเป็นภาษาเขมรว่า กบาลถมอ เริ่มเป็นที่นิยมกว้างขวางในวงสังคมชั้นสูง ตั้งแต่ยุคปลายรัชกาลที่6เป็นต้นมา จนเฟื่องฟูที่สุดยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากนั้นก็เริ่มอ่อนกำลังความนิยม ลงไปเป็นลำดับ ตามลักษณะแห่งอานิจจัง ) และมาเป็น บางแสนในลำดับ ต่อมา แต่หาดที่บางแสน ออกจะคับแคบ ไม่ขาวสวย และกว้างเป็นอ่าวเวิ้ง งดงาม แบบ ที่บางละมุง และบางแสนอาจมีชุมชนเดิมที่ใหญ่เกินไป จึงไม่ถูกเลือกให้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนระหว่างการรบของทหารอเมริกัน ที่มารบกับเวียดนามเหนือในยุค สงครามเย็นกับคอมมิวนิส (ช่วงหลังสงครามโลก ลงมาจนยุค รวมนครเบอร์ลิน) เช่นเดียวกับพัฒน์พงศ์ และเข้าใจว่ามีอีกหลายแห่ง ในภาคอีสานที่มีฐานทัพอเมริกัน บางละมุงนั้นอยู่ใกล้จุดยุทธศาสตร์ สำคัญคือ ฐานที่สัตหีบ และอู่ตะเภา จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ในสมัยนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ยังว่างเปล่า และค่อนข้างกันดาร (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 17:55:37 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กามารณ์ เป็นของคู่กับมนุษย์ มาทุกสมัยในประวัติศาสตร์ รัฐบาลอเมริกันเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าท่านจะเดาออกว่า ด้วยเม็ดเงินมหาศาล สามารถพลิกถิ่นกันดารให้เป็น สวรรค์ ของทหารหนุ่มกลัดมันทั้งขาวและดำ (ยุคนั้นเหลืองน้อยเพราะแมคซิกันกับ เปอร์โตริกัน ยังไม่เข้ามายึดฐานด้านแรงงานแบบในปัจจุบัน) ที่เรารู้จักกันในนาม ไอ้หนุ่มจีไอ (Government Issue) (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 18:13:00 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เรียนคุณ แครอทอร่อย เราเป็นอีกหนึ่งคนในความคิดเห็นที่ 14 ที่ได้มีการพิมพ์คำว่า พัทยา แต่คิดว่า เราไม่ได้อ้างอิงหรือพาดพิงสิ่งใดที่ไม่ดีเกี่ยวกับพัทยาเลยสักนิด และอีกนั่นแหละ เราได้มีการพิมพ์คำว่า เน่า ในความเห็นเราเช่นเดียวกัน ซึ่งก้ออีกนั่นแหละว่า เรามิได้มีการอ้างอิง หรือ ลบหลู่ดูหมิ่น สถานที่ ใด ๆ หรือจะอ้างอิงไปถึงพัทยา หรืออย่างไรเลยสักนิดเดียว (เราได้อ่านกระทู้ที่เราตอบซ้ำแล้วซ้ำอีก) แต่ถ้ามีกรณีใดที่ทำให้ท่านหรือผู้ใดสามารถคิดว่าเราได้พาดพิงถึงสถานที่ใด ๆ ก้อตามกับคำว่า เน่า เลยสักนิดเดียว จึงเรียนมาเพื่อทราบค่ะ เพราะไม่อยากให้การใช้สุภาษิตอ้างอิงของเราเอง ไปทำลาย ความคิด หรือชักจูงความรู้สึกใคร ๆ ขออภัย จากคุณ : KhunTop - [ 28 มี.ค. 51 18:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อมีสวรรค์แล้วย่อมมีนางฟ้า เป็นที่แน่นอน ที่ไหนมีความต้องการเมื่อมีกำลังซื้อ ย่อมมีผู้นำเสนอแน่นอน ยุคนั้น การมีสามีเป็นฝรั่งของหญิงเอเชียทุกชาติ ไม่เป็นที่นิยมและยอมรับในสังคมดังเช่นปัจจุบัน อีกอย่างอารยธรรมฟรีเซ็กซ์ของฝรั่งเป็นคนละเรื่องกับที่คนไทยคิด อยากให้ไปอ่านเรื่องของคำว่ากิ๊ก ของ ฝรั่งมองไทย คนที่ออกทีวีรายการสอนภาษา มีเรื่องเกี่ยวโยงกันดี แต่ขอสรุปมาว่า การฟรีเซ็กซ์นั้นเน้นถึง การมีอิสระที่จะเลิกความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมีย เพราะกระทั่งทุกวันนี้ศาสนาคริสต์ก็ยังมีข้อห้ามในเรื่องการหย่าร้าง และการทำแท้งว่าบาปสุดๆ ดังนั้นในยุคฮิปปี้จึงมีการพยายามที่จะปกิวัติความคิดในเรื่องดังกล่าว คือในเมื่อมันอยู่กันไม่ได้แล้วจะทนไปทำไมถ้าไม่มีลูก ดังนั้นการอยู่ร่วมกันฉันท์ผัวเมียของหนุ่มสาวในยุคนั้น โดยไม่เข้าพิธีแต่งงานศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ จึงเป็นที่นิยมเริ่มมาจากจุดนั้น เพื่อที่จะให้ง่ายต่อการเลิกลาหากชีวิตรักเริ่มขม จึงหมายความว่าเขาไม่ได้นอนกันเปรอะไปหมดแบบที่เราคิด หนุ่มจีไอที่มาจากครอบครัวดีๆ กลางๆแม้ไม่เคร่งศาสนามากจึงนิยมที่จะมีคู่ขาที่มีลักษณะเป็นคู่รักมากกว่า นั่นเป็นที่มาของคำว่า เมียเช่า (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 18:31:51 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มจากความรักแท้ๆ แต่เป็นการสนองความพึงพอใจทางเพศแลกกับความจำเป็นทางเศษฐกิจ ส่วนใหญ่ความสัมพันธ์แบบนี้มักไม่ยืด ฝ่ายใดหมดกำลังส่งตามเงื่อนไข ความสัมพันธ์ก็จบลง แต่ผู้หญิงที่มีความจำเป็นทางเศษรฐกิจ แล้วต้องจับผลัดจับผลู มาประกอบอาชีพเมียเช่า ทุกคนย่อมมีหัวจิตหัวใจ จะกระด้างบ้าง จะอ่อนโยนบ้าง เฉกเช่นเดียวกันกับเราท่านปุถุชนทั่วไป อยากให้ไปดูลครเพลงมิสไซ่ง่อน แล้วท่านจะอิน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้า คู่รักแบบที่ว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์แบบที่ว่า ไปเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจ แต่มีน้อยมากที่จะโชคดีดั่งเทพนิยายแบบนั้น จึงมีคดีน่าเศร้าใจอยู่มากมาย (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 18:47:48 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 42 จากบางละมุง มาเป็นพัทยา เหมือนสาวน้อยบริสุทธิ์ ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสาวกร้านโลกในเวลาอันสั้นเกินไป เพราะความโลภของนักขุดทองที่หลั่งไหลกันเข้ามา พัทยาช่วงที่สะพรั่งที่สุด ฮ๊อทที่สุดจะอยู่ช่วงปลายทศวรรษที่70ต่อเนื่องกับต้น80 คือประมาณ พศ.2520ต้นๆ หรือยุคดิสโก้ กับกางเกงขาบาน ถ้าจะนึกภาพนะฮะ จากยุคนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเริ่มต้นของการท่องเที่ยว ในลักษณะอุตสาหกรรม แบบที่เป็นอยูในปัจจุบัน แต่เรียกว่ายุคนี้ ใครๆก็มุ่งมาแต่ที่พัทยา อย่าว่าแต่หัวหินเลยบางแสนยังถูกเมิน (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 19:00:35 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กงเกวียนแห่งวัฏจักร และกฏแห่งอนิจจัง ในยุคที่เฟืองฟู สุดๆ ของนครแห่งความหรรษา ผลพวงจากมูลเหตุ แห่งการสร้างเพื่อสนองการผ่อนคลายความเครียด ของจีไอ ก็ทำให้พัทยาเป็นนครที่มีสีสรรค์ในยามราตรี แพรวพราว พร้อมทั้งแหล่งบันเทิงที่นำเสนออบายมุขในทุกรูปแบบ และเมื่อมีการย้ายฐานทัพอเมริกันออกไปแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้พัทยาเข้ายุคเสื่อมในยุคต่อมาอย่างรวดเร็ว (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 19:11:46 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เมื่ออเมริกันย้ายฐานออกไป ก็เปรียบดั่งท่อก๊อกที่ส่งน้ำเงินมาหล่อเลี้ยงผืนดินอันกันดารนี้ ปิดลง แต่ฟ้าคงยังประสงค์ที่จะต่อความสนุกนี้ต่อไป จึงส่งกระแสแห่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มาท่วมทุ่งบางละมุงอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่สิบปี บางละมุง กลายเป็น เมืองพัทยา นครอิสระเฉกเช่นเดียวกับ กรุงเทพมหานคร มีนายกเมืองพัทยาที่มีจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกันผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้สิทธินี้ นครเวียงพงค์อันเก่าแก่ หรือ โคราช ยังไม่ได้สิทธินี้เลย กราก่อสร้างอาคารสถานบันเทิงจึงมีการลงทุนเกิดขึ้นอย่างมหาศาล เพื่อจะรองรับคลื่นอันมหาศาลของเม็ดเงินจาก อุตสาหกรรทการท่องเที่ยว ที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามา (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 19:24:13 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 45 แต่แสงสีที่แพรวพราวส่องสว่างยามราตรีของ หรรษานคราแห่งนี้เป็นแสงเทียม ที่มาจากหลอดนีออน หาได้มาจากแสงดาวหรือเดือนที่เป็นแหล่งธรรมชาติ เขาปิดสวิทตัดไฟเมื่อไหร่ก็ถึงแก่กาลอวสาน อย่างฉับพลัน ยุคมืดของพัทยามาถึงเมื่อมีการประโคมข่าวอย่างอื้อฉาว ของสื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับ การค้าประเวณีในรูปแบบอุตสาหกรรมและการกดขี่ทางเพศ(สตรี เท่านั้นตอนนั้น ตอนหลังมาตอกฝาโลงกับคดีค้าประเวณีผู้เยาว์)ของ พัทยา ประมาณ ช่วงปลายทศวรรษที่80 (ประมาณพศ.2530กว่าๆ) และ คนประเภทเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงนั้นมีอยู่ทั่วโลก ตอนนั้นเราอยากจะบอกว่า แล้วที่มันยืนขายกันเอิกเริก กันเกือบทุกเมืองหลวง นั่นมันอะไร พี่ไม่ควรเลือกปฏิบัติซิ แต่แน่นอน ยุคนั้นการตื่นตัวในเรื่องนี้สูงมาก ส่งผลให้ พัทยากลายเป็นที่รังเกียจของนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก ยิ่งกว่าติดเอดส์ ในชั่วพริบตา ไฟนีออนได้ถูกปิดสวิทลง (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 19:42:50 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาอ่านที่คุณ โจ-เอง...เขียน ได้ความรู้ ได้ความคิด อีกมาก แถมท้ายด้วยความเข้าใจตามมาด้วย อยากขอบคุณ ที่ช่วยนำเรื่องราวมา กระจาย จากคุณ : KhunTop - [ 28 มี.ค. 51 19:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ยุคมืดของสาวน้อยที่กร้านเกินวัย พัทยาในยุคนั้นปรียบได้ดังนั้น เธอเป็นสาวที่ไม่มีใครต้องการ เหมือนกุหลาบที่เคยงามแต่งอมช้ำไร้กลีบ ในบัดดล ตอนนั้นเราสงสารสาวน้อยผู้นี้จับใจ จะเคยทำตัวแหลวแหลกยังไงเธอก็อยู่บนผืนแผ่นดินที่เรารักสุดชีวิต ราคาห้องพักของโรงแรมที่เคยสูงลิ่วต้องลดลงจนบางครั้งเราสงสัยว่า จะไหวหรือ ช่วงนั้นใครสายป่านธุรกิจไม่ยาวก็ขาดลอยลมกันสิ้น มีที่ไหนในโลกที่ห้องพักระดับห้าดาว ต้องขาย ในราคาสามหรือสองดาวครึ่ง ในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว ดังนั้นเราจึงใช้จุดนี้เชียร์เพื่อหวังว่าอาจจะ ดึงต่อชีวิตเอาไว้ แต่มันกลายเป็นดาบสองคม ที่ต่อมาพัทยาได้กลายเป็น แหล่งฟอกเงินของมาเฟียจากรัสเซีย รวมทั้งกรุ๊ปทัวร์คุณภาพต่ำ เนื่องจากถูกมาก เลยยิ่งช้ำหนักเข้าไปอีก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มักถูกรังแกจากทัวร์ลักษณะนั้น จำได้ว่าช่วงนั้น เซ้งกับการต้องร่วมใช้บุฟเฟ่ต อาหารเช้ากับกรุ๊บทัวร์ชาวนาเกาหลี หรือรัสเซีย ขนาดโรงแรมเขาต้องตั้งโต๊ะ เปิดกระเป๋าทำจุดตรวจ กันตรงทางออกเหล่ะ ท่านผู้อ่าน เคยมีผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมใหญ่ดำริจะใช้ช้อนมีดส้อมพลาสติคช่วงอาหารเช้า เราถึงกับออกปากว่ามันเอากันขนาดนั้นเลยหรือพี่ นึกว่าแค่เม้มแต่อาหาร เคยมีพนักงานเล่าว่าเปิดกระเป๋ามา เจอกล้วยป็นหวี ขนมปัง20กว่าก้อน ผลไม้จัดกระเช้าปีใหม่ได้สบายๆ ช่วงนั้น จำได้ว่าไม่ค่อยมั่นใจเวลาเดินคนเดียวตอนกลางคืน เลยไปพัทยา น้อยลง น้อยลง (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 20:14:06 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 48 The show must go on! กว่าหน่วยงานรัฐบาลจะเริ่มรู้ตัว พัทยาก็โคม่าไปไม่รู้กี่รอบ ฟื้นแล้วสลบฟื้นแล้วสลบ เพราะก็มีเม็ดเงิน มาเลี้ยงอยู่บ้างทางใดคุณคงพอนึกออก จนเมื่อมีการกวาดล้างอย่างชัดเจน จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อยังมีชีวิตก็คงต้องดิ้นกันไป เคยมีคนมาถาม ว่าจะพื้นพัทยาในตลาดการท่องเที่ยวโลกได้อย่างไร เราให้คำตอบว่า คงต้องเปลี่ยนชื่อ อีกทีก็รอขายเจนเนอเรชั่นหน้า เพราะอันชื่อที่เสียไปแล้วลักษณะนี้ ไม่อาจหวลคืน คุณอาจได้ตลาดอื่นๆ แต่ตลาดหลักทางการท่องเที่ยวคือมากันทั้งครอบครัว แบบที่เราเรียก Family type เขาจะไม่มาเด็ดขาด ทั้งที่เราเคยชี้แจงว่าพัทยาเป็นเมืองใหญ่มีที่เที่ยวพักผ่อนมากมาย คุณรังเกียจจุดนั้น ก็ไม่ต้องไปใกล้ มันเป็นแค่ถนนเล็กๆไม่กี่สาย แต่อย่างที่ว่า ปลาเน่าแค่ตัวเดียวทำให้เน่าทั้งข้อง อันนี้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกพิพากษาไปแล้ว ถีงจะเป็นเรื่องเศร้า แต่มันก็คือเรื่องจริง (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 20:29:33 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 49 นั่นเป็นที่มาของคำว่าเน่าของพัทยา ซึ่งจะว่าไปกรุงเทพก็เคยเน่าในสายตาของชาวโลกในยุคหนึ่ง แบบในเพลงOne night in Bangkok* นั่นแหล่ะพี่น้อง ( *เรื่องคำว่าออกเสียงบางกอก เป็น แบงค็อก นี่ระคายหูมากจะขอตั้งไปเป็นอีกกระทู้ทีหลัง โปรดติดตาม) อนึงแม้แต่มหานครลอนดอน โตเกียว นิวยอร์ค ก็เคยโดนตราหน้าว่าเน่าเสียมาแล้วในเรื่องและวาระที่ต่างกันออกไปแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมลภาวะ หรืออาชญากรรม (พัทยานี่หนักเพราะเป็นเรื่องอุตสาหกรรมทางเพศ นี่ถ้าโดนเรื่องอาชญากรรมมาเฟียต่างละก้อ...ถ้าตอนนี้มันตอกฝาโลงไปแล้วต่อไปจะเป็นอะไรละเนี่ย หาใบบัวใหญ่ๆหน่อยแล้วกัน) ตอนแรก เราไม่พอใจมากที่สุด แต่บางครั้ง เมื่อมองถึงข้อเท็จจริง อย่างกลางๆตรงไปตรงมาแล้ว เราจะเห็นภาพจริง ที่ปรากฏ เมื่อทำใจให้เป็นกลางแล้วเราจะเริ่มรับฟังและแยกแยะ ความถูกผิดอย่างไร้คติที่อาจบดบังความจริง จุดบอดของพัทยาเริ่มมาจากการไร้การควบคุม(ที่จริงมันทุกที่แหล่ะ บางลาตอนนี้เน่ากว่าที่ไหนๆแล้ว ไหนจะสมุย เกาะช้างนี่เริ่มแล้ว) และความละโมภของนักขุดทอง ในขณะที่หัวหินเมื่อก่อนไม่มี ปัญหาเพราะ เงินซื้อศักดิ์ศรีความภูมิใจของชาวหัวหินโดยเฉพาะรุ่นพ่อแม่เราไม่ได้ จำได้ว่าสมัยก่อนไม่มีบาร์เบียร์ในหัวหินเลย เนื่องจากคนหัวหินภาคภูมิใจมากที่ได้อยูใกล้กับเขตพระราชฐาน ไม่มีใครกล้าบังอาจมาเปิดทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้คนรุ่นนั้นก็แก่ล้าลง เราคนรุ่นนี้จะรักษาสมบัติพ่อแม่ปูย่าทำมาไม่ได้หรือกระไร ทุกวันนี้ปัญหาใหญ่ของหัวหินก็เริ่มเหมือนพัทยาในยุคก่อน คือ ขาดการควบคุมและ ความละโมภของนักขุดทอง เพราะคนพวกนี้ขุดเสร็จเขาก็ไปทิ้งให้คนข้างหลังมานั่งกลบหลุมบ่อ (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 20:59:14 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อันการค้าประเวณีนั่นมีมาอยู่ทุกอารธรรม ทุกยุคทุกสมัย บางยุคบางอารยธรรม การค้าประเวณีเป็นเรื่องมีเกียรติ และมีรูปแบบที่ละเมียดละมัยไม่หยาบคาย เป็นศิลปอย่างหนึ่ง อยากให้ไปดูหนัง ชื่อ Kamasutra เป็น หนังอินเดียยุคใหม่ ที่เป็นหนังพีเรียด ย้อนไปในยุคโบราณ จะพอเข้าใจนัยนี้ คนญี่ปุ่นให้เกียรติ เกอิชา ไม่ถือว่าเป็นการค้าประเวณี เพราะเน้น การให้ความบันเทิงด้านอื่น แต่ลึกๆแล้วบางทีมันก็หนีไม่พ้น โดยเฉพาะช่วงอัตคัต อยากให้ดู Memoir of a geisha คำว่า หญิงงาม(แห่ง)เมือง (นคราโสเภณี) ทราบไหมว่ามีที่มาอย่างไรท่านผู้อ่านที่เคารพ ในยุคโบราณของชมพูทวีป มีสตรีเลอโฉมนางหนึ่ง เป็นที่หมายปองของชายทั้งเมือง ทำให้เกิดการหมายปองซึ่งนำมาซึ่งความแก่งแย่งกันเพื่อครองนางผู้นี้ โดยเกือบทำให้เกิดสงครามกลางเมืองทีเดียว ราชาแห่งเมืองนั้น ผู้ซึ่งมีวสัยทัศน์ อันกว้างไกลแต่ลึกซึ้งละเอียดอ่อน เล็งแล้วเห็นว่า หากพระองค์จะทรงมอบนางผู้นี้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด อันผู้นั้นก็จะอยู่มิเป็นสุข และต้องอยู่ท่ามกลางการแย่งชิงหาได้ยุติลงไม่ ครั้นพระองค์จะรับนางขึ้นเป็นบาทจาริกาเสียเองก็จะเป็นที่ครหา และอาจก่อให้เกิด ผู้อิจฉาริษยาด้วยเหตุอันมิควร ทำให้พระองค์เองอยู่ในการแก่งแย่งนั้นเสียเอง จึงมีพระบัญชาให้นางผู้นี้มิอาจตกเป็นสมบัติ ของใครได้ แต่เพื่อให้ไม่เป็นการเสียของ(อันนี้เวอร์ชั่นของโจ เอง) นางจะเลือกทอดกายให้ชายใดชมก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจของนางเอง ตอนนี้เลยเกิดการประชันกันในการหาของกำนัลมามอบแก่นางเพื่อที่จะทำให้นางพอใจตน นั่นเป็นที่มา ของคำว่า หญิงงามเมือง ส่วนอันนี้เป็นเวอร์ชั่นของคุณเทาชมพูนะฮะ ตร๊งตรง กับตอนที่สร้างพัฒน์พงศ์กับพัทยา เพียงแต่จำกัดเป้าหมายทางการตลาดแคบลง เหลือแค่พวก จีไอ คำว่า "นครโสเภณี" มาจากอินเดีย ในสมัยโบราณบางแคว้นของชมพูทวีป มีหญิงเหล่านี้เอาไว้เชิดหน้าชูตา เป็นแรงดึงดูดการท่องเที่ยว และนำเงินตราเข้าบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี อย่างในเรื่อง กามนิต ก็ได้กล่าวถึงเอาไว้ว่า นางนครโสเภณีเหล่านี้คือ "มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนี" "บรรดาสิ่งที่ขึ้นชื่อลือชาในกรุงอุชเชนี ไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าหมู่นางคณิกา มีตั้งแต่เป็นนางงามชั้นสูงอยู่ในปราสาท... ในห้องรับแขกจะมีจินตกวี นักละคร แขกเมืองคนสำคัญ บางทีก็มีเจ้านายไปเยี่ยมเยียน นางเหล่านี้ตลอดจนชั้นเลวลงมาล้วนสวยงามทรวดทรง มีกิริยาอ่อนช้อยยียวนใจหาที่เปรียบมิได้ ถึงคราวมีงานสมโภชครั้งใหญ่ ในคราวแห่แหนหรือมีการประกวด นางคณิกาเหล่านี้ จะเป็นอาภรณ์สำคัญประสมอยู่ในวิถีมรรคา... ล้วนพัสตราภรณ์สีแดง ถือพวงมาลารำเพยกลิ่นหอมตลบอบอวล แพรวพราวด้วยมณีรัตน์เครื่องประดับ... นางเหล่านี้พระราชาก็ประทานเกียรติยศ ประชาชนก็บูชา จินตกวีก็กล่าวขวัญเป็นบทเพลงเยินยอ ซึ่งเป็นการสมควรแล้วที่จะขนานนามว่า"มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนีที่สถิตเหนือฐานศิลา" กระทำให้แคว้นใกล้เมืองเคียงต่างๆอิจฉากรุงอุชเชนีเป็นกำลัง นางงามเหล่านี้บางคนที่เลือกสรรแล้วเคยรับเชิญเป็นแขกเมืองไปเยี่ยมแดนต่างๆก็บ่อยๆ" จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 22:02:17 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ยุคต่อมา ในหลายอารยธรรม และ กฏสังคมในแต่ละประเทศ มองว่า หญิงที่มีการร่วมประเวณี กับชายมากกว่าหนึ่งคนเป็นหญิงชั่ว ไม่ว่าจะเด็มใจหรือถูกขืนใจก็ตาม อย่าแปลกใจที่ประเทศอย่างอิตาลีหรือสเปน เมื่อไม่นาน มานี้ หากหญิงม่ายไม่ว่ากรณีใดๆ อย่าว่าแต่มีผัวใหม่เลย หากไม่แต่งดำไว้ทุกข์วันใด อาจโดนรุมประชาทัณท์ อยากให้ดูหนังเรื่อง Medolina ดังนั้นการค้าประเวณีจึงเป็นที่ไม่ยอมรับอย่างสากลในปัจจุบัน ซึ่งโจว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะ เขามองว่าการค้าประเวณีเป็นการกดขี่ทางเพศ โดยเฉพาะยุคนี้ เน้นเรื่อง การละเมิดทางเพศในผู้เยาว์ ซึ่งมันคนละเรื่องกับการค้าประเวณีอย่างเต็มใจ (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 22:16:28 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สรุปว่าในปัจจุบันคำว่า (นครา) โสเภณี แม้จะแปลตรงตัวออกมาตรงตัวว่าหญิงผู้มีความงาม (แห่งเมือง) จึงมีความหมายไปในทางที่ไม่ดี คนส่วนใหญ่ยามโกรธก็จะทำร้ายกันและกันทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เช่นเอ่ยเรียกขานกันในสิ่งที่ตนคิดว่าไม่ดี เช่นผู้หญิงสมัยก่อนคิดว่าการมีหลายผัวเป็นเรื่องผิดบาปร้ายแรง ก็ด่าทอกันว่า “อีหญิงหลายผัว” เป็นต้น สมัยนี้มาด่ากันแบบนี้ อาจได้รับคำตอบว่า “แล้ว มะงึง มีปํญญา หาได้แบบ กะรู รึเปล่า อีปุบผามาลีสีทอง” เป็นความภูมิใจกันไปเสียอีก คำว่า มาลีสีทอง (แปลเอาเองนะท่านเดี๋ยวข้าพเจ้าโดนแบน) เนี่ย ก็มาจากเรื่องเดี๋ยวกัน เพราะ หญิงโคมเขียว (คนจีนโบราณจะแขวนโคมไว้หน้าบ้านปกติสีแดง เวลามีคนตายสีขาว แต่ถ้าเป็นซ่องสีเขียว) ของจีนโบราณ จะ ประดับผมด้วยดอกไม้สีทอง ต่อมาวิวัฒนาการนี้ นำมาเป็นการเอ่ยถึงพาดพิงถึงสถานที่ที่ตั้ง เช่น ในนครพิงค์ศรีเชียงใหม่ เขาก็ใช้คำว่า ผู้หญิงกำแพงดิน เพราะย่านกำแพงดิน เป็นซ่อง ในกรุงเทพฯ สมัยก่อนซ่องจะเยอะแถวสำเพ็ง ก็จะ มีการเรียก ผู้หญิงสำเพ็ง เป็นต้น ดังนั้น ในปัจจุบัน มันก็อัพเดทวิวัฒนาการ ไปตามสถานที่ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ เช่น พัฒต์พงศ์ หรือ พัทยา เป็นต้น ดังนั้น อยากบอกกับคุณแครอทอร่อยว่า อย่าไปโกรธเลย เวลาใครมาเอ่ยชื่อ พัทยาในความหมายที่เป็นแบบนั้น เพราะโจมีพี่เป็นผู้หญิงทำงานที่พัฒพงษ์เธอมีคลีนิคหมอฟันที่นั่น เราก็คิดว่ามันเป็นชื่อสถานที่ แล้วถ้าเราจะ จะเจ็บช้ำน้ำใจไปกับมัน เราคงจะหยุดกระแสโลกไม่ได้ ก็ เปลี่ยนที่ตัวเราแล้วกัน เพราะโจเองบางทีก็บอกคนว่าพี่สาวทำงานที่สีลมซอย6 อะไรประมาณนั้น คุณแครอทก็ติดไปถึงบางละมุงซิฮะ ที่จริงก็เป็นชื่อมาแต่เดิม แต่เราควรยอมรับความจริงกันว่าบางทีชื่อที่มันเสียไปแล้วของสถานที่ เพราะคนบางจำพวก ที่เห็นแก่ตัวเอาเปรียบสังคม มันก็ไม่อาจเอาคืนได้ และอีกอย่าง ปฐมเหตุ แห่งการสร้างเมืองนี้ ก็เป็นไปเป็นมาดังประวัติที่กล่าวมายืดยาว เป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งปฐพี ดังนั้นอย่าไปเคืองเลยฮะ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกว่าเราที่แท้เป็นชาวบางละมุง ยังไงโจว่าคุณแครอทอร่อย เป็นคนรักถิ่นฐานนะฮะ คุณสมบัติแบบนี้ ชาวหัวหินรุ่นใหม่ต้องการ (จบตอนล่ะ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 28 มี.ค. 51 23:40:12 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอ่อ ..... ไม่อยากปาดหรอกครับ แต่ อดใจไม่ไหว ขอปรบมือ ชมเชย ในความพยายาม ทั้งการออกมาบอกเล่าเรื่อง มุมที่กำลังมืดของหัวหิน การที่กำลังพยายามชี้แจงสิ่งต่างๆในเรื่องพัฒนาการของพัทยา ตามโลกาภิวัฒน์ และ การกลืนกิน ของอารยธรรมอเมริกัน ต่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ผมกำลังมองว่า คุณโจ กำลังจะชักเรื่องเพื่อมาบอกกล่าวว่า วันนี้ กบาลถมอ กำลังจะเดินตามรอยเท้าของบางละมุง แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว กบาลถมอ ...มีอดีตที่ไม่เหมือนกับ บางละมุง อะไรก้อตาม .... สิ่งที่ผมแคร์มากที่สุดคือ .....หัวหิน .....เป็นสถานที่ที่มีพระราชวังอยู่ และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแปรพระราชฐานมาประทับ เป็นประจำ ไม่อยากให้สิ่งเหล่านั้น มาเปรอะเปื้อน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกับสิ่งที่พวกเรารักมากที่สุดเลย ทุกครั้งที่ผมขับรถผ่าน พระราชวัง ......ผมต้องคำนับหัวให้...ไม่ว่าพระองค์ท่านจะประทับอยู่หรือไม่ก้อตาม ผมไม่ใช่คนหัวหิน ผมไม่ได้ไปหัวหินบ่อยมาก ผมไม่อาจจะรู้จักหัวหิน ได้มากมายเท่าคนหัวหิน ผมเคยไปหัวหินประมาณ 20 ครั้ง แต่หลังๆมานี้ จะวิ่ง by-pass ไปปราณบุรี เสียมากกว่า ไม่ได้เหยียบย่าง เข้าตัวเมืองหัวหินอีกเลย ...หลายปีแล้ว ................ ผมไม่อยากให้คนหัวหิน ทำลายหัวหิน ด้วยเท้าตัวเอง ถ้าจะมีใครจะพยายามมาทำลายหัวหิน ....ขอให้ไม่ใช่เป็นคนหัวหิน แต่กลับเป็นคนหัวหิน .... ที่ออกมาปกป้อง ต่อสู้......มากกว่า รักหัวหินด้วยคน ครับ จากคุณ : พนบ. - [ 28 มี.ค. 51 23:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณฮะ คุณ พนบ. ไม่ได้พยากรณ์อะไรไปในทางที่ไม่ดีนะฮะ แต่บางครั้งอะไรก็ตามที่ความเป็นมาแม้ไม่เหมือนกัน แต่มันไม่ได้หมายความว่าจุดจบจะเหมือนกันไม่ได้ เราควรนำบทเรียนจากสิ่งที่ผิดพลาดมาเรียนรู้แล้วนำมาแก้ไขก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป นั่นเป็นประเด็นที่ตรงกว่าฮะ ขอบคุณอีกทีนะฮะ ยังไงก็ลองแวะดูซิฮะ ตอนนี้ยังไม่เน่ามาก แค่ ตุ่ยๆ อุ๊ยล้อเล่นนะฮะ จากคุณ : โจ- เอง - [ 29 มี.ค. 51 00:27:30 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แก้ฟลู๊พ และเพิ่มเติม ตอบคุณแครอทอร่อย คห*33 ก่อนอื่นต้องขออภัยชาวพัทยาโดยเฉพาะคุณแครอทอร่อย และขอเรียนชี้แจงว่า ไม่มีเจตนาจะลบหลู่หรือดูหมิ่นชาวพัทยา แต่เดิม พื้นที่พัทยาในปัจจุบันเป็นหมู่บ้านชาวประมง เล็กๆและห่างไกล แต่มีชายหาดที่สวยงามมากๆ ที่สำคัญ อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เรียกกันแต่เดิมว่า บางละมุง ในขณะที่ยุกก่อนหน้านั้น เมืองตากอากาศชายทะเล ไนเมืองไทย จะเริ่มที่หัวหิน(แต่เดิมเรียกกันเป็นภาษาเขมรว่า กบาลถมอ เริ่มเป็นที่นิยมกว้างขวางในวงสังคมชั้นสูง ตั้งแต่ยุคปลายรัชกาลที่6เป็นต้นมา จนเฟื่องฟูที่สุดยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองนับเป็นริเวียร่าของเมืองไทยก็ว่าได้ หลังจากนั้นก็เริ่มอ่อนกำลังความนิยม ลงไปเป็นลำดับ ตามลักษณะแห่งอานิจจัง ทิ้งไว้ซึ่งบ้านพักตากอากาศ มากมายของเหล่าผู้ดีมีเงินและสกุล ในยุคนั้น ที่ตกทอดมาสู่ลูกหลานที่กลายมาเป้นไฮโซ และแซเลบในรุ่นปัจจุบันทำให้หัวหินมีประวัติศาสตร์ที่งดงามกลายเป็นจุดขายสำคัญกับอภิมหกรรมการค้าทางอสังหาริมทรัย์ในหัวหินยุคนี้ ) และกลายมาเป็น บางแสนในลำดับ ต่อมา แต่หาดที่บางแสน ออกจะคับแคบ ไม่ขาวสวย และกว้างเป็นอ่าวเวิ้ง งดงาม แบบ ที่บางละมุง และบางแสนอาจมีชุมชนเดิมที่ใหญ่เกินไป จึงไม่ถูกเลือกให้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนระหว่างการรบของทหารอเมริกัน ที่มารบกับเวียดนามเหนือในยุค สงครามเย็นกับคอมมิวนิส (ช่วงหลังสงครามโลก ลงมาจนยุค รวมนครเบอร์ลิน) เช่นเดียวกับพัฒน์พงศ์ และเข้าใจว่ามีอีกหลายแห่ง ในภาคอีสานที่มีฐานทัพอเมริกัน บางละมุงนั้นอยู่ใกล้จุดยุทธศาสตร์ สำคัญคือ ฐานที่สัตหีบ และอู่ตะเภา จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ในสมัยนั้น พื้นที่ส่วนใหญ่ยังว่างเปล่า และค่อนข้างกันดาร อันกามารณ์ เป็นของคู่กับมนุษย์ มาทุกสมัยในประวัติศาสตร์ รัฐบาลอเมริกันเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจถ้าท่านจะเดาออกว่า ด้วยเม็ดเงินมหาศาล สามารถพลิกถิ่นกันดารให้เป็น สวรรค์ ของทหารหนุ่มกลัดมันทั้งขาวและดำ (ยุคนั้นเหลืองน้อยเพราะแมคซิกันกับ เปอร์โตริกัน ยังไม่เข้ามายึดฐานด้านแรงงานแบบในปัจจุบัน) ที่เรารู้จักกันในนาม ไอ้หนุ่มจีไอ (Government Issue) (จีไอหญิงแบบเดมี่ มัวร์ในหนัง เมื่อก่อนแทบไม่มี) เมื่อมีสวรรค์แล้วย่อมมีนางฟ้า เป็นที่แน่นอน ที่ไหนมีความต้องการเมื่อมีกำลังซื้อ ย่อมมีผู้นำเสนอแน่นอน ยุคนั้น การมีสามีเป็นฝรั่งของหญิงเอเชียทุกชาติ ไม่เป็นที่นิยมและยอมรับในสังคมดังเช่นปัจจุบัน อีกอย่างอารยธรรมฟรีเซ็กซ์ของฝรั่งเป็นคนละเรื่องกับที่คนไทยคิด อยากให้ไปอ่านเรื่องของคำว่ากิ๊ก ของ ฝรั่งมองไทย คนที่ออกทีวีรายการสอนภาษา มีเรื่องเกี่ยวโยงกันดี แต่ขอสรุปมาว่า การฟรีเซ็กซ์นั้นเน้นถึง การมีอิสระที่จะเลิกความสัมพันธ์ฉันท์ผัวเมีย เพราะกระทั่งทุกวันนี้ศาสนาคริสต์ก็ยังมีข้อห้ามในเรื่องการหย่าร้าง และการทำแท้งว่าบาปสุดๆ ดังนั้นในยุคฮิปปี้จึงมีการพยายามที่จะปกิวัติความคิดในเรื่องดังกล่าว คือในเมื่อมันอยู่กันไม่ได้แล้วจะทนไปทำไมถ้าไม่มีลูก ดังนั้นการอยู่ร่วมกันฉันท์ผัวเมียของหนุ่มสาวในยุคนั้น โดยไม่เข้าพิธีแต่งงานศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ จึงเป็นที่นิยมเริ่มมาจากจุดนั้น เพื่อที่จะให้ง่ายต่อการเลิกลาหากชีวิตรักเริ่มขม จึงหมายความว่าเขาไม่ได้นอนกันเปรอะไปหมดแบบที่เราคิด หนุ่มจีไอที่มาจากครอบครัวดีๆ กลางๆแม้ไม่เคร่งศาสนามากจึงนิยมที่จะมีคู่ขาที่มีลักษณะเป็นคู่รักมากกว่า นั่นเป็นที่มาของคำว่า เมียเช่า เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มจากความรักแท้ๆ แต่เป็นการสนองความพึงพอใจทางเพศแลกกับความจำเป็นทางเศษฐกิจ ส่วนใหญ่ความสัมพันธ์แบบนี้มักไม่ยืด ฝ่ายใดหมดกำลังส่งตามเงื่อนไข ความสัมพันธ์ก็จบลง แต่ผู้หญิงที่มีความจำเป็นทางเศษรฐกิจ แล้วต้องจับผลัดจับผลู มาประกอบอาชีพเมียเช่า ทุกคนย่อมมีหัวจิตหัวใจ จะกระด้างบ้าง จะอ่อนโยนบ้าง เฉกเช่นเดียวกันกับเราท่านปุถุชนทั่วไป อยากให้ไปดูลครเพลงมิสไซ่ง่อน แล้วท่านจะอิน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจถ้า คู่รักแบบที่ว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์แบบที่ว่า ไปเป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและจริงใจ แต่มีน้อยมากที่จะโชคดีดั่งเทพนิยายแบบนั้น จึงมีคดีน่าเศร้าใจอยู่มากมาย จากบางละมุง มาเป็นพัทยา เหมือนสาวน้อยบริสุทธิ์ ที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นสาวกร้านโลกในเวลาอันสั้นเกินไป เพราะความโลภของนักขุดทองที่หลั่งไหลกันเข้ามา พัทยาช่วงที่สะพรั่งที่สุด ฮ๊อทที่สุดจะอยู่ช่วงปลายทศวรรษที่70ต่อเนื่องกับต้น80 คือประมาณ พศ.2520ต้นๆ หรือยุคดิสโก้ กับกางเกงขาบาน ถ้าจะนึกภาพนะฮะ จากยุคนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเริ่มต้นของการท่องเที่ยว ในลักษณะอุตสาหกรรม แบบที่เป็นอยูในปัจจุบัน แต่เรียกว่ายุคนี้ ใครๆก็มุ่งมาแต่ที่พัทยา อย่าว่าแต่หัวหินเลยบางแสนยังถูกเมิน กงเกวียนแห่งวัฏจักร และกฏแห่งอนิจจัง ในยุคที่เฟืองฟู สุดๆ ของนครแห่งความหรรษา ผลพวงจากมูลเหตุ แห่งการสร้างเพื่อสนองการผ่อนคลายความเครียด ของจีไอ ก็ทำให้พัทยาเป็นนครที่มีสีสรรค์ในยามราตรี แพรวพราว พร้อมทั้งแหล่งบันเทิงที่นำเสนออบายมุขในทุกรูปแบบ และเมื่อมีการย้ายฐานทัพอเมริกันออกไปแล้ว เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้พัทยาเข้ายุคเสื่อมในยุคต่อมาอย่างรวดเร็ว เมื่ออเมริกันย้ายฐานออกไป ก็เปรียบดั่งท่อก๊อกที่ส่งน้ำเงินมาหล่อเลี้ยงผืนดินอันกันดารนี้ ปิดลง แต่ฟ้าคงยังประสงค์ที่จะต่อความสนุกนี้ต่อไป จึงส่งกระแสแห่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มาท่วมทุ่งบางละมุงอย่างรวดเร็ว ในช่วงไม่กี่สิบปี บางละมุง กลายเป็น เมืองพัทยา นครอิสระ แยกขาดจากชลบุรี ปกครองตนเอง เฉกเช่นเดียวกับ กรุงเทพมหานคร มีนายกเมืองพัทยาที่มีจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกันผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ซึ่งแม้สิทธินี้ นครเวียงพิงค์อันเก่าแก่ หรือ โคราชปุระ ยังไม่ได้สิทธินี้เลย การก่อสร้างอาคารสถานบันเทิงจึงมีการลงทุนเกิดขึ้นอย่างมหาศาล เพื่อจะรองรับคลื่นอันมหาศาลของกระแสน้ำเงินจาก อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เริ่มหลั่งไหลเข้ามา แต่แสงสีที่แพรวพราวส่องสว่างยามราตรีของ หรรษานคราแห่งนี้เป็นแสงเทียม ที่มาจากหลอดนีออน หาได้มาจากแสงดาวหรือเดือนที่เป็นแหล่งธรรมชาติ เขาปิดสวิทตัดไฟเมื่อไหร่ก็ถึงแก่กาลอวสาน อย่างฉับพลัน ยุคมืดของพัทยามาถึงเมื่อมีการประโคมข่าวอย่างอื้อฉาว ของสื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับ การค้าประเวณีในรูปแบบอุตสาหกรรมและการกดขี่ทางเพศ ใน พัทยา (สตรี เท่านั้นในตอนนั้น ตอนหลังมาตอกฝาโลงกับคดีค้าประเวณีผู้เยาว์เข้าไปด้วย) ประมาณ ช่วงปลายทศวรรษที่80 (ประมาณพศ.2530กว่าๆ) และ คนประเภทเกลียดปลาไหลกินน้ำแกงนั้นมีอยู่ทั่วโลก ตอนนั้นเราอยากจะบอกว่า แล้วที่มันยืนขายกันเอิกเริก กันเกือบทุกเมืองหลวงเมืองท่าใหญ่ในโลก นั่นมันอะไร พี่ไม่ควรเลือกปฏิบัติซิ แต่แน่นอน ยุคนั้นการตื่นตัวในเรื่องนี้สูงมาก ส่งผลให้ พัทยากลายเป็นที่รังเกียจของนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก ยิ่งกว่าติดเอดส์ ในชั่วพริบตา ไฟนีออนได้ถูกปิดสวิทลง ยุคมืดของสาวน้อยที่กร้านเกินวัย พัทยาในยุคนั้นปรียบได้ดังนั้น เธอเป็นสาวที่ไม่มีใครต้องการ เหมือนกุหลาบที่เคยงามแต่งอมช้ำไร้กลีบ ในบัดดล ตอนนั้นเราสงสารสาวน้อยผู้นี้จับใจ จะเคยทำตัวเหลวแหลกยังไงเธอก็อยู่ร่วมบนผืนแผ่นดินที่เรารักสุดชีวิต ราคาห้องพักของโรงแรมที่เคยสูงลิ่วต้องลดลงจนบางครั้งเราสงสัยว่า จะไหวหรือ ช่วงนั้นใครสายป่านธุรกิจไม่ยาวก็ขาดลอยลมกันสิ้น มีที่ไหนในโลกที่ห้องพักระดับห้าดาว ต้องขาย ในราคาสามหรือสองดาวครึ่ง ในช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว ดังนั้นเราจึงใช้จุดนี้เชียร์เพื่อหวังว่าอาจจะ ดึงต่อชีวิตเอาไว้ แต่มันกลายเป็นดาบสองคม ที่ต่อมาพัทยาได้กลายเป็น แหล่งฟอกเงินของมาเฟียจากรัสเซีย รวมทั้งกรุ๊ปทัวร์คุณภาพต่ำ เนื่องจากถูกมาก เลยยิ่งช้ำหนักเข้าไปอีก เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มักถูกรังแกจากทัวร์ลักษณะนั้น จำได้ว่าช่วงนั้น เซ๊งกับการต้องร่วมใช้บุฟเฟ่ต อาหารเช้ากับกรุ๊บทัวร์ชาวนาเกาหลี หรือรัสเซีย ขนาดโรงแรมเขาต้องตั้งโต๊ะ เปิดกระเป๋าทำจุดตรวจ กันตรงทางออกเหล่ะ ท่านผู้อ่าน เคยมีผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมใหญ่ดำริจะใช้ช้อนมีดส้อมพลาสติคช่วงอาหารเช้า เราถึงกับออกปากว่ามันเอากันขนาดนั้นเลยหรือพี่ นึกว่าแค่เม้มแต่อาหาร เคยมีพนักงานเล่าว่าเปิดกระเป๋ามา เจอกล้วยป็นหวี ขนมปัง20กว่าก้อน ผลไม้จัดกระเช้าปีใหม่ได้สบายๆ ช่วงนั้น จำได้ว่าไม่ค่อยมั่นใจเวลาเดินคนเดียวตอนกลางคืน เลยไปพัทยา น้อยลง น้อยลงทุกที ทุกที The show must go on! กว่าหน่วยงานรัฐบาลจะเริ่มรู้ตัว พัทยาก็โคม่าไปไม่รู้กี่รอบ ฟื้นแล้วสลบฟื้นแล้วสลบ แต่เพราะก็มีเม็ดเงิน มาเลี้ยงอยู่บ้างทางใดคุณคงพอนึกออก จนเมื่อมีการกวาดล้างอย่างชัดเจน จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เมื่อยังมีชีวิตก็คงต้องดิ้นกันไป เคยมีคนมาถาม ว่าจะฟื้นพัทยาในตลาดการท่องเที่ยวโลกได้อย่างไร เราให้คำตอบว่า คงต้องเปลี่ยนชื่อ อีกทีก็รอขายเจนเนอเรชั่นหน้า เพราะอันชื่อที่เสียไปแล้วลักษณะนี้ ไม่อาจหวลคืน คุณอาจได้ตลาดอื่นๆ แต่ตลาดหลักทางการท่องเที่ยวคือมากันทั้งครอบครัว แบบที่เราเรียก Family type เขาจะไม่มาเด็ดขาด ทั้งที่เราเองเคยชี้แจงว่าพัทยาเป็นเมืองใหญ่มีที่เที่ยวพักผ่อนมากมาย คุณรังเกียจจุดนั้น ก็ไม่ต้องไปใกล้ มันเป็นแค่ถนนเล็กๆไม่กี่สาย แต่อย่างที่ว่า ปลาเน่าแค่ตัวเดียวทำให้เน่าทั้งข้อง อันนี้เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกพิพากษาไปแล้ว ถีงจะเป็นเรื่องเศร้า แต่มันก็คือเรื่องจริง (มีต่อ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 29 มี.ค. 51 00:44:29 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 56 นั่นเป็นที่มาของคำว่าเน่าของพัทยา ซึ่งจะว่าไปกรุงเทพก็เคยเน่าในสายตาของชาวโลกในยุคหนึ่ง แบบในเพลงOne night in Bangkok* นั่นแหล่ะพี่น้อง ( *เรื่องการออกเสียงบางกอก เป็น แบงค็อก นี่ระคายหูมากจะขอตั้งไปเป็นอีกกระทู้ทีหลัง โปรดติดตาม) อนึงแม้แต่มหานครลอนดอน โตเกียว นิวยอร์ค ก็เคยโดนตราหน้าว่าเน่าเสียมาแล้วในเรื่องและวาระที่ต่างกันออกไปแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมลภาวะ หรืออาชญากรรม (พัทยานี่หนักหน่อยเพราะเป็นเรื่องอุตสาหกรรมทางเพศ นี่ถ้าโดนเรื่องอาชญากรรมมาเฟียต่างชาติด้วยละก้อ...ถ้าตอนนี้มันตอกฝาโลงไปแล้วต่อไปจะเป็นอะไรละเนี่ย หาใบบัวใหญ่ๆหน่อยแล้วกันนะพี่) ตอนแรก เราไม่พอใจมากที่สุด แต่บางครั้ง เมื่อมองถึงข้อเท็จจริง อย่างกลางๆตรงไปตรงมาแล้ว เราจะเห็นภาพจริง ที่ปรากฏ เมื่อทำใจให้เป็นกลางแล้วเราจะเริ่มรับฟังและแยกแยะ ความถูกผิดอย่างไร้คติที่อาจบดบังความจริง จุดบอดของพัทยาเริ่มมาจากการไร้การควบคุมที่จริงจัง (ที่จริงมันทุกที่แหล่ะ บางลาตอนนี้เน่ากว่าที่ไหนๆแล้ว ไหนจะสมุย เกาะช้างนี่เริ่มแล้ว) และความละโมภของนักขุดทอง ในขณะที่หัวหินเมื่อก่อนไม่มี ปัญหาเพราะ เงินซื้อศักดิ์ศรีความภูมิใจของชาวหัวหินโดยเฉพาะรุ่นพ่อแม่เราไม่ได้ จำได้ว่าสมัยก่อนไม่มีบาร์เบียร์ในหัวหินเลย เนื่องจากคนหัวหินภาคภูมิใจมากที่ได้อยู่ใกล้กับเขตพระราชฐาน ไม่มีใครกล้าบังอาจมาเปิดทำอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้คนรุ่นนั้นก็แก่ล้าลงตายจากไปมัง เราคนรุ่นนี้จะรักษาสมบัติพ่อแม่ปูย่าตายายทำมาไม่ได้หรือกระไร ทุกวันนี้ปัญหาใหญ่ของหัวหินก็เริ่มเหมือนพัทยาในยุคก่อน คือ ขาดการควบคุมอย่างจริงจังและจริงใจ และ ความละโมภของนักขุดทอง เพราะคนพวกนี้ขุดเสร็จเขาก็ไปทิ้งให้คนข้างหลังมานั่งกลบหลุมบ่อ อันการค้าประเวณีนั่นมีมาอยู่ทุกอารธรรม ทุกยุคทุกสมัย บางยุคบางอารยธรรม การค้าประเวณีเป็นเรื่องมีเกียรติ และมีรูปแบบที่ละเมียดละมัยไม่หยาบคาย เป็นศิลปอย่างหนึ่ง อยากให้ไปดูหนัง ชื่อ Kama sutra เป็น หนังอินเดียยุคใหม่ ที่เป็นหนังพีเรียด ย้อนไปในยุคโบราณ จะพอเข้าใจนัยนี้ คนญี่ปุ่นให้เกียรติ เกอิชา ไม่ถือว่าเป็นการค้าประเวณี เพราะเน้น การให้ความบันเทิงด้านอื่น แต่ลึกๆแล้วบางทีมันก็หนีไม่พ้น โดยเฉพาะช่วงอัตคัต อยากให้ดู Memoir of a geisha คำว่า หญิงงาม(แห่ง)เมือง (นคราโสเภณี) ทราบไหมว่ามีที่มาอย่างไรท่านผู้อ่านที่เคารพ ในยุคโบราณของชมพูทวีป มีสตรีเลอโฉมนางหนึ่ง เป็นที่หมายปองของชายทั้งเมือง ทำให้เกิดการหมายปองซึ่งนำมาซึ่งความแก่งแย่งกันเพื่อครองนางผู้นี้ โดยเกือบทำให้เกิดสงครามกลางเมืองทีเดียว ราชาแห่งเมืองนั้น ผู้ซึ่งมีวิสัยทัศน์ อันกว้างไกลแต่ลึกซึ้งละเอียดอ่อน เล็งแล้วเห็นว่า หากพระองค์จะทรงมอบนางผู้นี้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด อันผู้นั้นก็จะอยู่มิเป็นสุข และต้องอยู่ท่ามกลางการแย่งชิง หาได้ยุติลงไม่ ครั้นพระองค์จะรับนางขึ้นเป็นบาทจาริกาเสียเองก็จะเป็นที่ครหา และอาจก่อให้เกิด ผู้อิจฉาริษยาด้วยเหตุอันมิควร ทำให้พระองค์เองอยู่ในการแก่งแย่งนั้นเสียเอง จึงมีพระบัญชาให้นางผู้นี้มิอาจตกเป็นสมบัติ ของใครได้ แต่เพื่อให้ไม่เป็นการเสียของ(ฮิฮิ อันนี้เวอร์ชั่นของโจ เอง) นางจะเลือกทอดกายให้ชายใดชมก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจของนางเอง ตอนนี้เลยเกิดการประชันกันในการหาของกำนัลมามอบแก่นางเพื่อที่จะทำให้นางพอใจตน นั่นเป็นที่มา ของคำว่า หญิงงามเมือง (happy ending กันทุกคน) ส่วนอันนี้เป็นเวอร์ชั่นของคุณเทาชมพูนะฮะ ตร๊งตรง กับตอนที่สร้างพัฒน์พงศ์กับพัทยา เพียงแต่จำกัดลดเป้าหมายทางการตลาดแคบลง เหลือแค่พวก จีไอ คำว่า "นครโสเภณี" มาจากอินเดีย ในสมัยโบราณบางแคว้นของชมพูทวีป มีหญิงเหล่านี้เอาไว้เชิดหน้าชูตา เป็นแรงดึงดูดการท่องเที่ยว และนำเงินตราเข้าบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี อย่างในเรื่อง กามนิต ก็ได้กล่าวถึงเอาไว้ว่า นางนครโสเภณีเหล่านี้คือ "มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนี" "บรรดาสิ่งที่ขึ้นชื่อลือชาในกรุงอุชเชนี ไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่าหมู่นางคณิกา มีตั้งแต่เป็นนางงามชั้นสูงอยู่ในปราสาท... ในห้องรับแขกจะมีจินตกวี นักละคร แขกเมืองคนสำคัญ บางทีก็มีเจ้านายไปเยี่ยมเยียน นางเหล่านี้ตลอดจนชั้นเลวลงมาล้วนสวยงามทรวดทรง มีกิริยาอ่อนช้อยยียวนใจหาที่เปรียบมิได้ ถึงคราวมีงานสมโภชครั้งใหญ่ ในคราวแห่แหนหรือมีการประกวด นางคณิกาเหล่านี้ จะเป็นอาภรณ์สำคัญประสมอยู่ในวิถีมรรคา... ล้วนพัสตราภรณ์สีแดง ถือพวงมาลารำเพยกลิ่นหอมตลบอบอวล แพรวพราวด้วยมณีรัตน์เครื่องประดับ... นางเหล่านี้พระราชาก็ประทานเกียรติยศ ประชาชนก็บูชา จินตกวีก็กล่าวขวัญเป็นบทเพลงเยินยอ ซึ่งเป็นการสมควรแล้วที่จะขนานนามว่า"มงกุฎดอกไม้หลากสีของกรุงอุชเชนีที่สถิตเหนือฐานศิลา" กระทำให้แคว้นใกล้เมืองเคียงต่างๆอิจฉากรุงอุชเชนีเป็นกำลัง นางงามเหล่านี้บางคนที่เลือกสรรแล้วเคยรับเชิญเป็นแขกเมืองไปเยี่ยมแดนต่างๆก็บ่อยๆ" แต่ยุคต่อมา ในหลายอารยธรรม และ กฏสังคมในแต่ละประเทศ มองว่า หญิงที่มีการร่วมประเวณี กับชายมากกว่าหนึ่งคนเป็นหญิงชั่ว ไม่ว่าจะเด็มใจหรือถูกขืนใจก็ตาม อย่าแปลกใจที่ประเทศอย่างอิตาลีหรือสเปน เมื่อไม่นาน มานี้ หากหญิงม่ายไม่ว่ากรณีใดๆ อย่าว่าแต่มีผัวใหม่เลย หากไม่แต่งดำไว้ทุกข์วันใด อาจโดนรุมประชาทัณท์ อยากให้ดูหนังเรื่อง Medolina ดังนั้นการค้าประเวณีจึงเป็นที่ไม่ยอมรับอย่างสากลในปัจจุบัน ซึ่งโจว่าแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะ เขามองว่าการค้าประเวณีเป็นการกดขี่ทางเพศ โดยเฉพาะยุคนี้ เน้นเรื่อง การละเมิดทางเพศในผู้เยาว์ ซึ่งมันคนละเรื่องกับการค้าประเวณีอย่างเต็มใจ สรุปว่าในปัจจุบันคำว่า (นคร) โสเภณี แม้จะแปลตรงตัวออกมาตรงตัวว่าหญิงผู้มีความงาม (แห่งเมือง) จึงมีความหมายไปในทางที่ไม่ดี คนส่วนใหญ่ยามโกรธก็จะทำร้ายกันและกันทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เช่นเอ่ยเรียกขานกันในสิ่งที่ตนคิดว่าไม่ดี เช่นผู้หญิงสมัยก่อนคิดว่าการมีหลายผัวเป็นเรื่องผิดบาปร้ายแรง ก็ด่าทอกันว่า *อีหญิงหลายผัว* เป็นต้น สมัยนี้มาด่ากันแบบนี้ อาจได้รับคำตอบว่า*แล้ว มะงึง มีปํญญา หาได้แบบ กะรู รึเปล่า อีปุบผามาลีสีทอง* เป็นความภูมิใจกันไปเสียอีก คำว่า มาลีสีทอง (แปลเอาเองนะท่านเดี๋ยวข้าพเจ้าโดนแบน) เนี่ย ก็มาจากเรื่องเดี๋ยวกัน เพราะ หญิงโคมเขียว (คนจีนโบราณจะแขวนโคมไว้หน้าบ้านปกติสีแดง เวลามีคนตายสีขาว แต่ถ้าเป็นซ่องสีเขียว) ของจีนโบราณ จะ ประดับผมด้วยดอกไม้สีทอง ต่อมาวิวัฒนาการนี้ นำมาเป็นการเอ่ยถึงพาดพิงถึงสถานที่ที่ตั้ง เช่น ในนครพิงค์ศรีเชียงใหม่ เขาก็ใช้คำว่า ผู้หญิงกำแพงดิน เพราะย่านกำแพงดิน เป็นซ่อง ในกรุงเทพฯ สมัยก่อนซ่องจะเยอะแถวสำเพ็ง ก็จะ มีการเรียก ผู้หญิงสำเพ็ง เป็นต้น ดังนั้น ในปัจจุบัน มันก็อัพเดทวิวัฒนาการ ไปตามสถานที่ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ เช่น พัฒต์พงศ์ หรือ พัทยา เป็นต้น ดังนั้น อยากบอกกับคุณแครอทอร่อยว่า อย่าไปโกรธเลย เวลาใครมาเอ่ยชื่อ พัทยาในความหมายที่เป็นแบบนั้น เพราะโจมีพี่เป็นผู้หญิงทำงานที่พัฒพงษ์เธอมีคลีนิคหมอฟันที่นั่น เราก็คิดว่ามันเป็นชื่อสถานที่ แล้วถ้าเราจะ จะเจ็บช้ำน้ำใจไปกับมัน เราคงจะหยุดกระแสโลกไม่ได้ ก็ เปลี่ยนที่ตัวเราแล้วกัน เพราะโจเองบางทีก็บอกคนว่าพี่สาวทำงานที่สีลมซอย6 อะไรประมาณนั้น คุณแครอทก็ติดไปถึงบางละมุงซิฮะ ที่จริงก็เป็นชื่อมาแต่เดิม แต่เราควรยอมรับความจริงกันว่าบางทีชื่อที่มันเสียไปแล้วของสถานที่ เพราะคนบางจำพวก ที่เห็นแก่ตัวเอาเปรียบสังคม มันก็ไม่อาจเอาคืนได้ และอีกอย่าง ปฐมเหตุ แห่งการสร้างเมืองนี้ ก็เป็นไปเป็นมาดังประวัติที่กล่าวมายืดยาว เป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งปฐพี ดังนั้นอย่าไปเคืองเลยฮะ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกว่าเราที่แท้เป็นชาวบางละมุง ยังไงโจว่าคุณแครอทอร่อย เป็นคนรักถิ่นฐานนะฮะ คุณสมบัติแบบนี้ ชาวหัวหินรุ่นใหม่ต้องการ (จบตอนล่ะ) จากคุณ : โจ- เอง - [ 29 มี.ค. 51 00:47:36 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โจพิมพ์จนขุนลุกเลยคะ จากคุณ : Peair - [ 29 มี.ค. 51 01:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ยังไม่นอนอีกหรือ คุณPeair ขอบคุณนะฮะ โผล่มาดูยามดึกเนี่ย จากคุณ : โจ- เอง - [ 29 มี.ค. 51 02:32:50 A:58.8.175.95 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตาลาย อย่างยิ่ง อ่านไม่จบอ่ะ เว้นวรรคหรือบรรทัดหรือขึ้นย่อหน้าใหม่สักนิด เด้อ จากคุณ : อินป่า - [ 30 มี.ค. 51 21:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณคุณโจที่ตอบให้....เดี๋ยวละเลียดอ่านอีกรอบนึงนะครับ คุณโจช่วยจัดย่อหน้าอีกสักหน่อยนะครับ จากคุณ : Art999. - [ 1 เม.ย. 51 15:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตอบคุณอาร์ต999 กับคุณอินป่า ขอบคุณนะครับ ต่อไปจะพยายาม ทอนเรื่องลงดีกว่า แต่ผมทำเป็นสารบันให้แทนก่อนแล้วกันนะ กระทู้ที่1-13 เป็นเรื่องหัวหินร้านอาหารมีชื่อเก่าแก่ที่รุ่นลูกมาทำเป็นร้านอาหารโชว์รำไทยไว้ฟันเอาเงินฝรั่ง(และคนไทยที่หลงเข้าไป) กระทู้ที่30-31-32 เป็นเรื่องรำลึกถึงร้านเคยกินอร่อย ของหัวหิน ตอบคุณอารต์999 กระทู้ที่35-52 เป็นเรื่องความผิดพลาดของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยและด้านลบของนามพัทยา เพื่อชี้แจงกระทู้ที่33 กระทู้ที่55-56 เป็น บทรวม (ซ้ำกับ) และ แก้ไขเพิ่มเติ่ม กระทู้ 35-52 จากคุณ : โจ- เอง - [ 4 เม.ย. 51 11:46:16 A:58.8.170.221 X: TicketID:172091 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณ คุณโจมาก ๆ เลยค่ะ แอบเชียร์ในคุณโจ มี Blog จังเลย ไม่อยากให้ความรู้ดี ๆ แบบนี้ต้องตกไปเหมือนกระทู้อื่น ๆ ค่ะ จากคุณ : Netmafia - [ 8 เม.ย. 51 04:10:21 ]