ความคิดเห็นที่ 23
....ขอบคุณมากๆครับทุกๆท่าน....ผมขอเล่ารายละเอียดให้ทุกท่านที่กำลังจะเริ่มทำงานครั้งแรกไว้เป็นอุทาหรณ์สักนิดนะครับ....มันแก้อะไรของผมไม่ได้อีกแล้ว...ผมได้แต่จำเป็นบทเรียนและต้องไม่ทำผิดพลาดแบบนี้อีก...คิดว่ามันคงมีประโยชน์กับหลายๆท่านครับ...:D
...องค์กรที่ผมทำงานก่อตั้งมาเกือบครึ่งศตวรรษ...ค่อนข้าง Conservative มากๆ...ผมเองเป็นคนดื้อด้านและเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากเกินไป...ข้อหาที่ผมโดนไม่ต่อสัญญาคือ ทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้, ไม่ให้เกียรติผู้ร่วมงาน และเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้แก่คนในองค์กร.....ผมจำประโยคที่หัวหน้าบอกผมได้วันที่โดนให้ออก...."องค์กรเราจ้างคุณมาด้วยค่าจ้างที่สูงมากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ...เราหวังให้คุณเป็นแบบที่เราต้องการ...แต่เวลาที่ผ่านมาเราได้ล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงคุณให้เข้ากับองค์กรของเรา...คุณน่าจะเหมาะกับองค์กรอื่นมากกว่า.."....สั้นๆง่ายๆแค่นี้เองครับ....ข้อสรุปสำหรับงานที่ผมทำมาเกือบสองปี....:D ....งานที่ผมทำต้องติดต่อลูกค้ามาก...และผมเองเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า...ถ้าผมทำผลงานออกมาดี....ก็ไม่มีใครทำอะไรผมได้....ซึ่งผมเข้าใจผิดอย่างมาก....ผมทำงานอย่างละเอียด....ไม่เคยโดนลูกค้าร้องเรียนหรือโวยวาย....งานของผมต้องดีที่สุดและ"เร็ว"ที่สุดเสมอ....ซึ่งประเด็นหลังทำให้ผมเกิดปัญหา....งานผมที่ต้องเกียวข้องกับแผนกอื่น...ผมจะลงไปจัดการเองทุกระดับชั้น...ตั้งแต่งานเอกสารจนถึงงานปฎิบัติ...ทำเองหมด....นั่นคือข้อหาแรกที่ผมทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้....ผมคิดเอาเองว่างานที่ดีคือทำอย่างเต็มที่....ถ้าจะให้ดีมันต้องทำเอง...ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลำบากใจอยู่บ่อย...เขาไม่บอกผมหรอกครับ....มีหนังสือร้องเรียน...บัตรสนเทห์ส่งให้หัวหน้าผมอยู่เรื่อยๆ...ผมเห็นเอกสารเหล่านี้แล้วพูดไม่ออก....บางคนที่เขียนเป็นคนที่ผมไว้ใจ...เป็นรุ่นพี่บ้าง...เป็นคนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนบ้าง....นั่นหละผู้ร่วมงานของผม....ผมเองยอมรับว่าการทำงานที่เร่งรีบและมีความสำคัญ..ผมเองไม่ใช่คนอารมณ์เย็นนัก...บางทีมีกระทบกระทั่งกับหน่วยอื่นๆบ้าง...และทุกครั้งผมคิดว่าเรื่องมันจบเพราะเป็นแค่งาน....ไม่ใช่ครับ....เขาไม่ด่าผม...เขาร้องเรียนผมแทน...ซึ่งผมไม่เคยรู้เลย....และการที่ผมโดนให้ออกนี่...เป็นสิ่งที่ทางหลายๆฝ่ายอยากทำมานานแล้ว....แต่ไม่มีโอกาส....เพราะผมไม่เคยทำผิดร้ายแรง...ไม่เคยโดนลูกค้าด่า....ไม่เคยชกต่อยกับใคร....ไม่มีเรื่องชู้สาว...จังหวะที่ต้องต่อสัญญาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด....ผมเห็นผลการประเมินของผมเอง...ให้คนจากหลายๆแผนกซึ่งเคยมีปัญหากับผมทั้งนั้นเป็นคนประเมิน....เคยเห็นการประเมินจาก 1-10 ไหมครับ....ดีให้ 10....แย่ให้ 1....ผมเคยประเมินคนอื่น...ถ้ารู้จักผมก็ให้ 8-9...ถ้าไม่รู้จักผมก็ให้กลางๆไม่เคยต่ำกว่า 5.....ของผมเอง...ทุกหัวข้อ...ผมได้ 1....1 แบบทุกอัน...ผมก็คิดว่าผมเองคงไม่ดีนัก....แต่ไม่คิดว่าจะให้กันแบบนี้...คะแนนรวมออกมาแทบจะไม่อยากเห็นเลย....ผมเห็นคนประเมินและเห็นผลประเมินแล้ว...ผมไม่มีอะไรเถียง...ผมรับสภาพครับ....ล้มแล้วมีแต่คนรุมกระทืบ...ผมยอมรับผิดและไม่แก้ตัวใดๆเลย....เพราะรู้ว่าผมมีข้อบกพร่องมากมาย....ผมเองผิดที่อยากจเเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ดีขึ้น[ผมคิดเอาเองนั้นหละว่าการทำงานแบบนี้น่าจะได้ผลดีต่อลูกค้ามากกว่า]...แต่มันไม่ใช่ครับ...ที่องค์กรต้องการคือการสามัคคี...ทำงานร่วมกันได้...และเข้าอกเข้าใจผู้ร่วมงาน....ที่ผมยอมรับว่าผมไม่เคยคิดตรงนี้มาก่อนเลย....ส่วนงานทางองค์กรคิดว่า...อาจจะช้าบ้างไม่เป็นไร....ลูกค้าจะบ่นบ้างก็ไม่เป็นไร...ต้องเข้าใจระบบราชการ....ซึ่งผมไม่เข้าใจเลย....:D ...หลังการสรุปครั้งสุดท้าย....รุ่นพี่ของผมที่นั่งทำงานข้างผมมาตลอดเกือบสองปี....ผมไว้ใจแกที่สุด....เพราะแกเห็นผมทำงานมาตลอด...แกประเมินให้ผมดีมาตลอด...แกมาคุยกับผมและบอกว่า...ไม่มีประโยชน์ที่จะช่วยผมได้....เพราะมีแกคนเดียวที่เห็นแบบนั้น....แกเตือนผมแบบผู้ใหญ่ว่า...ผมยังเด็ก....เพิ่งเริ่มทำงาน...มันเด่นและขัดแข้งขาคนอื่นมาก...ข้ามหัวรุ่นพี่ๆคนอื่นๆเขาไม่พอใจ....ผมอาจจะเก่งที่ไม่ทำงานพลาดเลย...แต่ผมไม่เห็นหัวผู้ใหญ่มันก็แบบนี้หละครับ...ส่วนประเมินแบบนี้ออกมา...มันเป็นไปตามระเบียบองค์กร...คงโต้แย้งอะไรไม่ได้....เพราะระเบียบราชการมันเขียนไว้แล้ว...ถ้าประเมินไม่ผ่านก็ไม่ต่อสัญญา...การทำงานของผมอาจจะดีที่ยึดลูกค้าเป็นหลัก....แต่องค์กรนี้มันไม่ใช่...มันอยู่มานานแล้ว..การเปลี่ยนแปลงอะไรเหล่านี้มันทำภายในไม่กี่เดือนไม่ได้หรอก...ผมคงต้องไปตั่งบริษัทเอาเองถ้าอยากทำแบบนี้....แกแนะนำที่ทำงานใหม่ให้....และบอกว่าถ้าต้องการหนังสือแนะนำให้มาบอก...แกจะเขียนให้....และเตือนว่าอย่าไปขอคนอื่นที่ไม่แน่ใจ.......ผมพูดอะไรไม่ออก....เพราะส่วนตัวผมเองทำงานแบบนี้ยังเคยคิดเลยว่า...ผมเอาเปรียบแก...แต่แกก็ยังยินดีที่จะช่วยผม...แกเคยไปคุยกับหัวหน้าให้ผมแล้ว....แต่แก้อะไรไม่ได้...เพราะหัวหน้ายืนยันตามระเบียบ...ผมอยากจะกอดแกและร้องให้ตรงนั้นเลย....เพราะผมไม่เคยใส่ใจแกเลย....คิดว่าแกเป็นรุ่นพี่ที่หมดไฟอยู่ตลอดวันๆเอาแต่นั่งดูดบุหรีอยู่กับโต๊ะ....แต่คนที่ผมเชื่อใจกลับขายผม....เพียงเพราะความก้าวหน้าในการทำงาน....มันเป็นข้อสรุปที่ผมได้จากองค์กรนี้....ประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้ในห้องเรียนมหาวิทยาลัย....ต้องเจอเองแล้วจะเข้าใจ.....เฮ้ออออออออออ......:D .....แค่นั้นหละครับ....ทุกวันนี้ผมยังไปทำงานอยู่...เพื่อนผมยังถามอยู่เลยว่ามาทำไม....เป็นมันมันเอาวันลาที่เหลือมาลาให้หมดไปแล้ว....มานั่งทำงานทำไมให้คนดูถูก....ผมไม่สนใจอะไรอีกแล้วครับ....ผมแค่คิดว่าอย่างน้อยก็ไม่ไห้ใครมาว่าได้ว่า..."เห็นไหมหละพอโดนไล่ออก มันก็ไม่มาทำงาน"....ผมจะไม่ลาสักวันเดียวจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาเลยครับ....บ้าก็บ้า...ใครจะว่าไม่สนใจ....อยากดูถูกก็มองไป....อยากนินทาก็ทำไป...ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วครับ....:D....ขอบคุณนะทุกๆท่านครับ...มะรืนนี้ผมจะไปให้พ้นจากประเทศนี้สักพัก....คงสบายใจขึ้นบ้างแล้วกลับมาทำงานตามเวลาที่เหลืออยู่ต่อ...:D.....จะไปหัดถ่ายรูปสวยๆจาก Berlin มาให้ได้มากๆด้วยครับ...:D
จากคุณ :
Death
- [
11 เม.ย. 51 11:27:58
]
|
|
|