Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    บันทึกการเดินทางในไต้หวัน ของโหวเหวินหย่ง

    บันทึกการเดินทางท่องเที่ยวในฤดูร้อนปี 2004... ของโหวเหวินหย่ง
    แปลโดย อนุรักษ์ กิจไพบูลทวี

    เมื่อปี 2002 ผมผ่านพ้นวันเกิดปีที่ 40 ในปีนั้นผมแต่งหนังสือรวมความเรียงเล่มหนึ่งชื่อ “ความฝันแห่งวันอัจฉริยะของผม” เป็นหนังสือที่ย้อนรอยหนทางที่ผมเดินผ่านมา จนกระทั่งปี 2003 ได้ตีพิมพ์หนังสือนิยายสะท้อนวงการศึกษาเรื่อง “หัวใจกบฏ” ผมรู้สึกถึงความท้อแท้เบื่อหน่ายชนิดหนึ่งกำลังบ่มเพาะตัวเองอยู่ ตอนที่เขียนเรื่อง “หัวใจกบฏ” จบ ในไต้หวันกำลังเกิดวิกฤติโรค SARS ทั่วไต้หวันคล้ายกับกำลังจะล่มจม ไม่รู้ทำไม ฝันร้ายที่คล้ายกับวันสิ้นโลกนั้น มันขานรับกับความรู้สึกรกร้างว่างเปล่าในใจของผมอย่างแรงกล้า คนอย่างผมที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ในยุคปี 70 ของไต้หวัน ความผูกพันอันสนิทชิดเชื้อกับไต้หวันนั้นแสนพิเศษ สมัยนั้น พวกเรากำลังโต ไต้หวันก็กำลังโต ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง น้ำหนัก ความรู้ อาชีพ แม้กระทั่งประชาธิปไตย อิสรภาพ ความก้าวหน้า รุ่งเรือง... ล้วนเปลี่ยนแปลงไปทุกวันอย่างน่าตกใจ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นยังขาดแคลนสิ่งต่างๆ อีกมาก แต่พวกเรากับไต้หวันกลับอัดแน่นไปด้วยความหวังและพลังชีวิต คล้ายกับว่าความไม่เป็นธรรม ความเลวร้ายทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงได้ ความงดงามทุกอย่างต้องมีวันเป็นจริง ความพยายามและความทุ่มเททุกๆ เม็ด จะต้องมีผลตอบแทน...


    แต่เรื่องราวเหล่านี้ เมื่อเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันหยุดชะงักไปหมด จินตนาการเหล่านั้นที่เราเคยวาดภาพ อุดมการณ์ต่างๆ นานาเมื่อมันกลายเป็นจริง กลับเปลี่ยนไปเป็นการใส่สีตีไข่ ใส่ร้ายป้ายสี แยกพวกแตกคอ เปิดศึกน้ำลาย ระบบการศึกษาที่ปากอย่างใจอย่าง นักการเมืองที่ไร้ความรับผิดชอบ... ความรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งย่ำอยู่กับที่นั้นทำให้ทุกคนรู้สึกหมดกำลังใจ ผมเริ่มสงสัยว่า การ “แก่ตัวขึ้น” มันก็ต้องรู้สึกอย่างนี้ใช่หรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกรกร้างว่างปล่าของผมมันขยายตัวจนทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้กับไต้หวัน หรือว่าความวุ่นวายโกลาหลของไต้หวันเข้ามากระทบความรกร้างว่างเปล่าของผมกันแน่ ผมแก่ตัวขึ้น หรือไต้หวันต่างหากที่แก่ตัวขึ้น หรือว่าเราทั้งหมดกำลังจะแก่ตายด้วยกันทุกคน

    ปี 2004 มีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ หลังการเลือกตั้งคือการประท้วงเขียวน้ำเงิน ผมจ้องมองหน้าจอทีวีอย่างประหลาดใจ เพราะฉากเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในนิยายเรื่อง “หัวใจกบฏ” กำลังกลายเป็นความจริงบนท้องถนนของไต้หวัน อยู่ๆ ผมก็รู้สึกว่า เมื่ออุดมการณ์ความชอบธรรมทั้งหมดที่ผมเคยเชื่อมั่นศรัทธากลายเป็นแบบนี้ ต่อให้ผมจะปลอบใจตัวเองแค่ไหน สรรหาคำอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ผมเริ่มสงสัยว่า ถ้าหากบรรดาความเชื่อที่เคยสร้างศรัทธาให้ผมมากมายล้วนเชื่อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ผมจะยังสามารถเขียนอะไรออกมาขับกล่อมใจคนได้อีกเล่า ผมถึงกับมีความคิดอยากจะแขวนปากกา รู้สึกเพียงว่ายิ่งพูดมากเท่าไหร่ รังแต่จะยิ่งเพิ่มพูนความสับสนอลหม่านให้มากขึ้นเท่านั้น


    อารมณ์ของผมเหมือนกับนางเอกของภาพยนตร์เรื่อง Persona ของ Ingmar Bergman นักแสดงละครเวทีคนหนึ่ง ที่อยู่ๆ วันหนึ่งก็ไม่อยากจะพูดจาอะไรอีกต่อไป สมัยเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยผมเคยดูเรื่อง Persona ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์เช่นนั้น ในปี 2003 ผมทำให้อาเจี๋ยใน “หัวใจกบฏ” ท้ายที่สุดไม่พูดไม่จา พอถึงปี 2004 ผมพบว่านั่นกลายเป็นความรู้สึกจริงๆ และความปรารถนาอย่างยิ่งยวดของผมไปเสียแล้ว

    ผมเริ่มเดินทางท่องเที่ยวทั่วเกาะไต้หวันในฤดูร้อนปี 2004 ด้วยอารมณ์และความรู้สึกประมาณนี้ นั่นแทบจะเป็นปีเดียวในรอบหลายปี ที่ผมไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ ผมกับหย่าลี่ (ภรรยา) ขับรถออกไป ใช้วิธีการเดินทางแบบไม่รู้แน่ชัดว่าจะวิ่งถนนเส้นไหน ไม่รู้แน่ชัดว่าจะหยุดจอดที่ไหน ไม่รู้แน่ชัดว่าจะสิ้นสุดการเดินทางวันไหน เราสองคนเริ่มออกเดินทาง ท่องเที่ยวรอบเกาะกันอย่างนั้น


    ขณะนั้นอุโมงลอดภูเขาเสว่ซันยังสร้างไม่เสร็จ เราใช้เส้นทางตะวันออกเลียบชายหาดตงเป่ยเจี่ยว ตลอดเฃทาง นอกจากหย่าลี่เพียงคนเดียว ในเลนส์กล้องของผมไม่มีบุคคลอื่นอีกเลยแม้แต่คนเดียว ผมพกกล้องซิงเกิลเลนส์ดิจิตอลธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง ตระเวนถ่ายรูปมากมาย ครั้งนั้น ผมถ่ายมาทั้งหมดเกือบหนึ่งพันใบ เป็นรูปของท้องฟ้า ปุยเมฆ ท้องถนน เงาต้นไม้ ชายทะเล เรือตังเก เกลียวคลื่น เสาไฟฟ้า... แสงแดดสดใส ภาพที่ถ่ายออกมาก็มีสีสันงดงาม ที่ประหลาดก็คือ ขณะนั้นผมมีอารมณ์ที่แสนจะแปลกประหลาด มันโปร่งใสและเย็นเยือก แตกต่างเป็นคนละขั้วกับบรรยากาศในภาพถ่าย ขณะนั้นผมไม่ทันได้สนใจมันมาก กลับกลายเป็นว่าหลังจากนั้นอีกนาน ผมจึงพบว่าในการเดินทางของผมทริปนั้น นอกจากหย่่าลี่เพียงคนเดียว ในเลนส์กล้องของผมแทบไม่ติดภาพของคนคนไหนอีกเลยแม้แต่คนเดียว บรรดาท้องฟ้าที่ไม่พูดจา ปุยเมฆที่ไม่พูดจา ท้องถนนที่ไม่พูดจา เงาต้นไม้ที่ไม่พูดจา ชายทะเลที่ไม่พูดจา เรือตังเกที่ไม่พูดจา เกลียวคลื่นที่ไม่พูดจา... อันที่จริงกำลังสนทนาอยู่กับความลึกซึ้งบางอย่างข้างในหัวใจของตัวผมเอง

    จากคุณ : beer87 - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 23:07:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom