ความคิดเห็นที่ 1 ขอกางแผนที่เดินทางก่อนเลย เอาตอนแรกนี่นะ (ช่วงจาก กทม. ไป ตาก ไป ลำปาง ไป พะเยา นี่ ก็ใช้เส้นทางปกติที่ ผู้คนทั่วไป เขาไป กันนะครับ  เลยไม่ต้องเอามาแสดงในแผนที่)  แสดงโดยเส้นสีน้ำเงิน จาก พะเยา ไป ภูชี้ฟ้า ผ่านเส้นทางที่ผมเคยไปสมัยเรียนจบใหม่ๆ ที่เชียงใหม่ ประมาณยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ผ่าน อ.เชียงคำ ไปจนถึง ภูชี้ฟ้า ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไปด้วยค่ะ คิดถึงภูชี้ฟ้า อยากไปอีกจัง จากคุณ : AKiNdO - [ 18 เม.ย. 51 15:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทริปนี้ ถูกนำทางด้วย Pocket PC GPS ครับ เจ้าตัวนี่แหละ ที่ทำให้ผมกล้า ไปในที่ๆ ไม่เคยไป โดยไม่กลัวหลงทาง และไม่เหงา ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหลดสัมภาระขึ้นรถกันได้แล้ว  เช้าตรู่วันที่ 13 (เมย.) พอดี  กะจะออกจาก กรุงเทพฯ เช้ามืด แต่รถยนต์มีปัญหาสตาร์ทไม่ติด ตั้งแต่ เมื่อคืนวันที่ 12 พอดี ต้องพ่วงแบตเตอรี่ก่อนสตาร์ทรถ   เช้าขึ้นมาเลยต้องวิ่งหาอู่ซ่อมรถยนต์ ซึ่ง ปิด! ครับ (รถชอบมาเสียในช่วงปิดยาวนี้ บ่อยๆ ครับ ทั้งที่ได้ตรวจเช็คดูก่อนหน้านี้แล้ว)  สายๆ หน่อยก็ไปเปลี่ยนหม้อแบตเตอรี่ และไปปลุกอู่ซ่อมรถให้ช่วยดู ไดชาร์ท  ไม่พบปัญหา เลยออกจาก กทม. เกือบ 3 โมงเช้า แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 15:33:24 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พร้อมออกเดินทางแล้ว สัมภาระกระเป๋าต่างๆ ต้องนำขึ้นไว้บนหลังคารถ พร้อมใส่ถุงดำไว้กันน้ำอีกที แล้วใช้ ตาข่ายสายรัด ครอบไว้อีกที   นั่งสบายดีครับ ไม่ต้องแออัดกับ กระเป๋าสัมภาระต่างๆ อย่างที่เคยเป็น (กับรถคันก่อน ก็เจ้า มิตซู โคลท์ มิราช ไงครับ) แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 15:39:28 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แหม! ใส่รูปผิด เลยต้องเลื่อนมาอีก คห. ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ได้เวลาหม่ำข้าวเที่ยงกันแล้ว พอดี มีการทำกับข้าวเตรียมมาทานกลางทาง เลยต้องหา จุดพักกางเต้นท์ เอ้ย.. จุดพักปิ๊คนิ๊ค กันบ้าง  แดดก็ร้อน จะเข้าปั๊มก็หาที่นั่งทานไม่ได้ ก็เลยต้องขออาศัย ศาลาพักผู้โดยสารข้างถนนแทน  คำเตือน เป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามเลียนแบบ น่าเกลียดครับ..ฮิฮิ. แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 15:50:27 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขับรถผ่านมาถึงแยกชัยนาท ก็พบเจ้านกยักษ์ สองฝั่งถนน รู้สึกตกใจ ถ้าหากเป็นนกจริงๆ คงจะโฉบพาคนเราขึ้นไปบนท้องฟ้าได้แน่นอน  หุ่นฟางครับ เหมือนมากจริงๆ ฝีมือคนไทยเรานี่ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 15:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมใช้เส้นทาง บางบัวทอง - สุพรรณบุรี - ชัยนาท - อุทัยธานี - นครสวรรค์ เส้นทางสายนี้ มีข้อดีคือ มีรถวิ่งน้อยกว่าเส้น ผ่าน อ่างทอง สิงห์บุรี แถมยังมีคลองคู่ขนานไปเป็นบางช่วง ทำให้ไม่รู้สึกแห้งแล้ง  สมัยนี้เป็น 4 เลนแล้วนะครับ ขับสบาย แต่ อาจจะมีระยะทางยาวกว่าหน่อย และบางช่วงก็มีจุดแยกเลี้ยวบ้างเล็กน้อยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผ่านนครสวรรค์มาแล้ว ประมาณบ่ายสาม ใกล้จะถึง จ.กำแพงเพชร สดุดตา กับป้าย ต.ปากดง นี่  ที่จังหวัดนครราชสีมามี อ.กลางดง  ใกล้บ้านผมมี หมู่บ้านชื่อ ท้ายดง  ใกล้กับ อ.ตะพานหินมี ต.หัวดง และที่เชียงใหม่ มี อ.หางดง โอ้โฮ มี ปากดง ด้วย ไม่รู้ว่าต่อไปจะมี ส่วนอะไรของดง อีกนะครับ ที่ ตำบลปากดงนี้ ญาติผมเคยเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ที่นี่ (แต่ตอนนี้ย้ายไป กทม. นานกว่ายี่สิบปีแล้ว)  ชื่อปากดงนี้ ไม่มีอยู่ใน แผนที่นะครับ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว ผมเคยมาค้นหา เจอแต่ชื่อ ตำบลไตรตรึง แทน  แต่มาวันนี้ มาเห็นป้ายนี้อีก เลยรู้สึกงง ว่าเอาอย่างไรกันแน่ ใช้ชื่อใหม่ หรือเก่า จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่จะว่าไปแล้ว ซุ้มประตูวัดปากดง (ชื่อใหม่ คือ วัดไตรตรึงษาราม) นี้ก็สวยดีนะครับ คาดว่าสร้างมาไม่นานนัก  มาเมื่อสิบปีก่อน ไม่อลังการณ์อย่างนี้เลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รูปนี่ก็เทห์ไม่เบา..แฮ่..แฮ่..  พอดีแวะเข้าปั๊มแถว จังหวัดตาก เห็นภาพการจัดสวนสะท้อนในกระจก เลยเกิดไอเดีย หยิบกล้องออกมาถ่ายให้เห็น ดูแปลกตาดีครับ  (จะสังเกตุเห็นกล้องที่ผมใช้นะครับ จัดว่าเล็กกระจิ๋ว ใช้มือเดียวถ่ายได้สบาย ครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาค่ำเอาแถวๆ อ.สบปราบ ยังอีกไกลกว่าจะถึง ภูชี้ฟ้า ไม่รู้ว่าจะได้ไปค้างบนโน้นหรือเปล่า จากตรงนี้ เลยไม่ได้ถ่ายรูปอีกจนพรุ่งนี้เช้า  เพราะมืดแล้ว  ผมถึงลำปาง เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เข้าบิ๊กซี และเลี้ยวรถไปดู สถานีรถไฟ นครลำปาง ที่เคยเห็นสมัยที่เดินทางโดยรถไฟ ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ออกจาก ลำปาง ก็มุ่งสู่  อ.งาว และ จ.พะเยา  ก็ปาเข้าไปตั้ง 5 ทุ่มแล้ว  จะเอาอย่างไรกันแน่ จะหาที่พักที่พะเยา หรือ ลุยต่อไปดี  ด้วยใจที่รักการผจญภัย เลยทำให้ เลี้ยวรถไป อ.ดอกคำใต้ ที่สามแยกก่อนเข้าเมืองพะเยา (ในรูป คห.1)  ผ่าน อ.จุน ถึง อ.เชียงคำ ก็ปาเข้าไปถึง ตี หนึ่งแล้ว  ที่นั่นผมเคยมีแฟน เอ๊ย..เพื่อนสาว อยู่ด้วย ตอนนี้ เธอได้ย้ายไปอยู่ จ.บุรีรัมย์แล้ว  บ้านเรือนแถวนั้นดูเงียบเหงา แต่ไฟสว่างดี  ตัวอำเภอเชียงคำใหญ่ไม่เบาเลย เจริญไปกว่าที่เคยเห็นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมได้มุ่งหน้า ท้าความมืด (และความง่วง) ไปที่ ภูชี้ฟ้าเลย ทางช่วงแรกๆ จาก อ.เชียงคำ ก็มีบ้านคนอยู่ตลอดเส้นทางไปเรื่อยๆ ตามเส้นสีน้ำเงินในรูปข้างล่าง จนก้าวเข้าสู่รอยต่อ จังหวัดเชียงราย ก็ไม่พบบ้านคน มีแต่เขา กับเขาในความมืด ถ้าหากคนไม่เคยขับรถในเขา ก็จะรู้สึกกลัวไปต่างๆ นาๆ ไหนจะกลัวพวกดักปล้นบ้าง ไหนจะกลัวตกเหวบ้าง ไหนจะกลัวรถเสียบ้าง พวกที่ไปด้วยกัน ยกเว้นลูกผม ไม่มีใครหลับตาลงได้เลย ลุ้นระทึกตลอดทาง เส้นทางวกวน สูงชัน เลยทำให้ รถต้องค่อยๆ กระดืบๆ ที่เกียร์สอง ด้วยความเร็วที่ป้วนเปี้ยนแถว 15 กม./ชม.  ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะถึง ตีสอง เลยยืดยาวไปใกล้ๆ ตีสาม .......ผ่านบ้านเรือนของชาวเขาที่ดูแปลกตา ...ในที่สุด ก็ถึงจนได้  ภูชี้ฟ้า เวลาตีสองห้าสิบ ไม่พบใครเลย ตั้งแต่ อ.เชียงคำ ผมเลยยกหูโทรศัพท์เข้าหา รีสอร์ท "ภูชี้ฟ้าพาณิชย์" ที่เคยได้โทรจองกันไว้ และคอนเฟิร์มอีกครั้ง เมื่อตอนที่รถจะออกจาก ลำปาง หนาว...พอสมควร แม้จะเป็นหน้าร้อนก็ตาม พื้นที่แถวๆ รีสอร์ท ไม่เป็นไปอย่างที่คิด สูงๆ ต่ำๆ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน เหมือนแถวๆ ภาคกลาง   ขนสัมภาระลงจากรถในบรรยากาศมืดๆ กว่าจะนอนได้ ก็เกือบตีห้า... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 16:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตื่นเช้ามาเวลา 8 โมงเช้า ในบรรยากาศเย็นสบาย ไม่หนาวเกินไป  ได้นอนแค่ 3 ชั่วโมง  จากรูป ในวงกลมสีน้ำเงิน คือ บ้านพักของ ภูชี้ฟ้าพาณิชย์ ที่กลุ่มของเราไปพักกัน ห้องใหญ่ 3 เตียง นอนได้ 7 คน แค่ 500 บาท คุ้มสุดๆ แต่ มีปัญหาที่เครื่องทำน้ำอุ่นหน่อย ที่ติดๆ ดับๆ ในขณะอาบ เลยทำให้ผมต้องอาบน้ำเย็นตอนตี 4 ครับ (อยู่บ้านผมอาบน้ำอุ่นตลอด แต่ถ้าไปเที่ยว ไม่กลัวครับน้ำเย็น  ขนาดไปภูกระดึงยังอาบมาแล้วทุกคืนครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มองลงมาจากห้องพักข้างบน เห็นวิวหมู่บ้านรอบๆ เชิงเขาทางขึ้น ภูชี้ฟ้า  ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ท ทั้งนั้น และก็พบคำตอบว่า ทำไมตอนที่ผมโทรมาจองห้อง แล้วไม่มีใครรับสาย ก็เพราะเขาปิดให้บริการในช่วงนี้หลายรีสอร์ท ภูชี้ฟ้าพาณิชย์นี้ เป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่ยังคงเปิดให้บริการในช่วงฤดูร้อน แต่ก็บ่นเหมือนกันว่า คนมาน้อย ในช่วงหยุดยาวครั้งนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แหงนมองขึ้นไปบนเขาข้างหน้า ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเพราะเห็นรถยนต์วิ่งขึ้นลงเขา ตามแนวเส้นสีน้ำเงิน ยิ่งทำให้ใจฮึกเหิมใหญ่ เพราะดูสูงชันมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทางขึ้นรีสอร์ท (โดยเท้า แต่ถ้าเป็นทางรถยนต์จะขึ้นด้านหลัง) สวยไม่น้อยเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เก็บของขึ้นรถ เตรียมขึ้นภู! ตื่นเต้นจังเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลงมาจากที่พัก มาถ่ายภาพ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ดูสวยงามสดุดตาแก่ผู้มาเยือนได้ดีครับ แต่ช่วงนี้เงียบๆ คงเป็นเพราะไม่ใช่หน้าเทศกาลครับ ทางขวามือจะเป็นจุดชมวิว ซ้ายมือจะเป็นแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงเวลาเติมพลังงาน ทานข้าวเช้าก่อนขึ้นภูครับ ร้านอาหาร ภูชี้ฟ้าพาณิชย์ ตรงข้ามกับ ศูนย์บริการฯ พอดีครับ (สังเกตุได้ว่า มีร้านอาหารอยู่หลายร้าน แต่ มักจะปิดกันเกือบหมดครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในระหว่างทานอาหาร เหลือบไปเห็น ฝักถั่วยักษ์ครับ เลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย เจ้าของร้านยืนยันว่าเป็นของจริง ไม่ใช่ของประดับสร้างขึ้นมาเอง  ใครพอบอกได้ไหมว่า เป็นฝักของต้นอะไรครับ (ถ้าเป็นผมเอง ก็คงต้องเดาว่า ต้นเถาวัลย์ แต่ไม่รู้ชื่อว่าต้นไม้อะไรครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 17:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตรงจุดทางแยกขึ้น ภูชี้ฟ้า จะเห็นอาคารสวยๆ ทันสมัย ตั้งอยู่ แต่ปิดอยู่ มีป้ายข้างบนบอกว่า ร้านกาแฟ แสดงว่า ช่วงเทศกาลจะมีคนมาเที่ยว และดื่มกาแฟมากขนาดนี้เลยเชียว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หันไปทางขวามือจะเห็นทางรถยนต์ขึ้นไปบนภูชี้ฟ้า  ระหว่างทางจะเจอจุดจอดรถเป็นระยะ ถ้าไม่ต้องการแวะพัก ก็ให้ขับรถขึ้นไปจนสุดทางเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ระหว่างทางขึ้น ถ้าไม่ต้องการแวะพัก ให้ขับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดจอดรถ บนสุดเลย  ผมเกือบจอดรถทิ้งไว้ที่จุดกางเต้นท์แล้วเดินขึ้นไปแล้ว เพราะนึกว่าเขาห้ามนำรถขึ้นไปอีก เพราะมีไม้กั้นอยู่ กลัวทางเจ้าหน้าที่เขาว่าให้ แต่ก็สังเกตุเห็นรถคันอื่นๆ วิ่งลงมาเรื่อยๆ แสดงว่า ขึ้นได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่ก็เป็นการดีเหมือนกันที่ได้มาจอดตรงจุดกางเต้นท์ ในรูป ข้างบน เพราะได้เห็นแผนที่ภายในอุทยาน เลยถ่ายมาให้เห็น  วงกลมสีน้ำเงินคือ จุดกางเต้นท์ ในรูป ข้างบน ซึ่งจะเห็น ตำแหน่งที่ผมไปพักด้วย  นอกจากนี้ก็จะเห็นเส้นทางไป อ.เวียงแก่น ที่สามารถไปออก เชียงแสนได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 18:23:33 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาถึงแล้วจ้า ทางเดินขึ้นภูชี้ฟ้า ที่จะแสดงให้เห็นในแผนที่ข้างบน เป็นสี่เหลี่ยมสีม่วงอ่อน (ลานจอดรถ) จะมีร้านค้าเรียงรายกันให้เห็น เท่าที่สังเกตุมีแต่ขาย เครื่องดื่มร้อนๆ  ไม่เห็นมีขายเครื่องดื่มเย็นๆ เลย (ยกเว้น น้ำอัดลมกระป๋อง)  คงจะเหมาะสมกับ ฤดูหนาว หรือบรรยากาศยามเช้ามากกว่า  แต่ตอนที่ผมขึ้นนี่ เวลาห้าโมงเช้าครึ่ง ใกล้เที่ยงแล้ว เลยไม่รู้สึกอยากอยากทานของร้อนเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อนจะขึ้นภู มีน้องๆ มารายได้พิเศษอาสาเป็นไกด์ ให้ด้วย  แต่ในกลุ่มผมไม่ได้จ้าง   แหงนขึ้นไปมองป้ายจะเห็นว่า ระยะทางเดินขึ้น ประมาณ 760 เมตร เลยทำให้ หลายคนไม่ขึ้น ยอมนั่งรอที่รถดีกว่า ปล่อยให้ผม แฟน และลูก เดินขึ้นไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขึ้นไปเล็กน้อยแล้วหันลงมามองข้างล่างตรงทางขึ้น จะเห็นรถที่จอด  มีให้ไม่มากนัก ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาล ฤดูหนาว รถคงจอดกันแน่นล้นออกไปข้างล่างแน่นอนครับ นับเป็นข้อดีที่มาเที่ยวนอกฤดู ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เริ่มเดินขึ้นกันแล้ว ช่วงแรกๆ ทางจะชันมาก ไม่มีขั้นบันไดให้ก้าวด้วย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 หนทางไม่ไกลอย่างที่คิด มาถึงทางแยกไป ภูชี้ฟ้าที่ต้องผ่าน หน่วยต้นน้ำฯ กับ ไปภูชี้ฟ้า โดยตรง ซึ่งเรานิยมเลือกเดินไปทางตรง เพราะใจร้อนอยากจะเห็นภูชี้ฟ้าเร็วๆ เลี้ยวขวาครับ   (ในรูปจะเห็นภูชี้ฟ้า แหลมๆ อยู่ทางด้านซ้ายมือ แสดงให้เห็นชัดๆ ด้วยวงกลมสีน้ำเงินของผมครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตรงป้ายบอกทาง ในรูปข้างบน นั้นจะมี เด็กๆ แต่งชุดชาวเขา มายืนถ่ายรูป ค่าบริการแล้วแต่จะให้ครับ แฟนผมเอาด้วย แต่ขอหมวกเด็กๆ มาสวมแทน คงคิดว่าจะกลมกลืนกับพวกเขานะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 18:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เดินต่อไปอีกไม่นาน เส้นทางราบกว่าเดิมมาก ก็จะถึงป้าย เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ป้ายนี้มีข้อดี ที่จะมองเห็นยอดภูชี้ฟ้าด้วย (ในวงกลมสีน้ำเงิน) และให้สังเกตุเวลาที่ พิมพ์ไว้มุมล่างของรูปภาพด้วย (ปลายลูกศรีน้ำเงิน) ว่าเกือบจะเที่ยงตรงแล้ว อากาศยังเย็นสบาย เหมือนตอนเช้าเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เส้นทางบางช่วงก็จะมีขั้นบันไดที่ทำจากดินธรรมชาติไว้ให้ก้าว  เกือบจะถึงแล้ว ภูชี้ฟ้า..... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ใกล้เข้ามาแล้ว ปลายลิบๆ โน่น  มองเห็นคนตัวเล็กๆ เหมือนมด ยืนอยู่บนยอดภู จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมรีบแวะลงไปในป่าหญ้าข้างทางทันที เพื่อมองหามุมกล้องที่จะได้ ลักษณะของภูชี้ฟ้า ชี้ขึ้นฟ้ากันจริงๆ ครับ ตามที่เคยเห็นเพื่อนๆ บางคนถ่ายมาลงในเน็ตให้ได้เห็นกันมาแล้วครับ จากรูปข้างล่างนี่ ชี้ไหมครับ  มองๆ ดูแล้วเหมือนหัวตะพาบ กำลังแหงนคอ ออกจากกระดองมากกว่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใกล้เข้าไปอีกนิด ผมเลยแสดงท่าให้ดูกันเลยว่า ภูนั้นชี้ฟ้าอย่างไร ภาพนี้จะเห็นวิวข้างล่าง เป็นหมู่บ้านชาวลาว ที่มองไม่ค่อยชัด เพราะมีหมอกบางๆ ทั่วไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รูปนี้ ผมซูม ดึงเข้ามาให้เห็นชัดๆว่ายอดปลายของ ภูชี้ฟ้า ที่เราเรียกกันว่า หัวสิงห์ นั้นเป็นอย่างไร  ประกอบด้วยหินชั้น ที่เรียงกันแน่น แล้วมีการโก่งตัวขึ้นไป  จนดูเหมือนการชี้ขึ้นไปบนฟ้า และจากรอยหยักทำให้ดูคล้ายกับหน้าตาของสัตว์ในเทพนิยาย คือ สิงห์ ไม่ใช่สิงห์โตนะครับ สิงห์ที่ถูกนำมาใช้เป็นโลโก้เบียรไงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39 นับเป็นรูปแบบของเขาที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ ที่มักจะขอบลาดลงไป แต่นี่กลับพุ่งแหลมขึ้นไปเหมือนกับเขาที่ขาดหายไปตรงๆ ครับ น่าอัศจรรย์เหมือนกับครับ  หน้าผาที่คล้ายกับ ภูชี้ฟ้ายังมีให้เห็นในประเทศไทยอีก คือ ดอยม่อนจอง ครับ เพียงแต่ ดอยม่อนจองนั้น เราจะมองไม่ค่อยเห็นด้านข้างสักเท่าใดนัก แต่หนทางไปนั้นยากกว่ากันเยอะ เพราะต้องใช้เวลาเดินด้วยเท้าค่อนข้างนาน การเข้าไปต้องขออนุญาตกับ ทางอุทยานแห่งชาติ ด้วย  ดอยม่อนจองอยู่ จ.เชียงใหม่ ตรง อ.อมก๋อย ผมเองยังไม่เคยไป ดูจากภาพแล้วรู้สึกเสียวๆ เวลาเดินไปหัวสิงห์ ที่นั่น เพราะทางเดินแคบๆ อยู่ระหว่างเหวสองข้าง ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปสักครั้ง เหมือนกับที่อยากไป เขาช้างเผือก กับ เขาใหญ่ (อช.เขาแหลม) โน่นครับ  แต่เงื่อนไขคือ...ต้องไปกางเต้นท์ และไปกับ จนท.อุทยานฯ เท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรามาต่อกัน ที่ ภูชี้ฟ้านะครับ ขอขยายความ ในคห. 37 ถึงหมู่บ้านชาวลาวเบื้องล่าง ว่าเป็นอย่างไร   ก็จะเห็นถนนสีแดงๆ พาดผ่านกลางหมู่บ้าน ซึ่งถ้าวันอากาศดีๆ จะเห็นชัดกว่านี้   ไม่น่าเชื่อว่า จุดที่เรายืนอยู่บนภู จะสูงมาก ขนาดมองเห็นภูเขาข้างล่างเล็กไปถนัดตา  ถ้าตกลงไป........นึกไม่ออกว่าจะเหลืออะไร  นี่ถ้าจะให้ดี น่าจะลองไปถ่ายภาพจากข้างล่างขึ้นมาข้างบนบ้าง จะได้เห็นหน้าผาชัดๆ เลยว่าเป็นลักษณะเช่นใด ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 19:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าหากมองไปทางขวามือจากภาพข้างบนหน่อย ก็จะเห็นภูเขาทางฝั่งลาวที่มีขนาดใหญ่ ในระดับใกล้เคียงกับภูชี้ฟ้า อยู่ไกลๆ  จากรูปจะเห็นหมอกบางๆ  ถ้าหากเป็นหน้าหนาว จะเป็นหมอกหนาๆ คล้ายเมฆ ที่นิยมเรียกว่า ทะเลหมอก เต็มแน่นไปหมดในยามเช้า แต่เอ...นี่ก็เที่ยงตรงพอดี ทำไมไม่มีแสงอาทิตย์เลยนะ.. ทั้งๆที่มองไปไกลๆ ฝั่งไทย (ตรงกันข้าม) จะดูสว่างกว่ากันเยอะ แสดงว่า ถ้าลงไปข้างล่างคงเจอแดดแน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอ้า..เดินขึ้นต่อไป แต่เอ๊ะ..นั่น ควันไฟอะไรพัดมา ไม่ใช่ครับ หมอก หรือเมฆ ก็ได้แล้วแต่จะเรียก กำลังพัดผ่านเส้นทางไปหัวสิงห์พอดี ผมเลยกดแช๊ะไว้ 1 ภาพ ครับ มาทั้งที ไม่มีทะเลหมอก มี ดงหมอกแทนก็ได้ เหมือนกับคราวที่ไป เขาพระวิหาร หมอกลงจัดมาก จนมองแทบไม่เห็นทางเลย สดชื่น แปลกดีครับ เหมือนฉากในภาพยนต์เลย แต่ถ้าลงจัดมากๆ ต้องระวังในการเดิน หรือไปยืนถ่ายรูป อาจพลัดตกลงไปได้นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 หันกลับมามองเหว โอ้ว..นั่นอะไรกัน หมอกครับหมอก ผมมองไม่เห็นอะไรเลยข้างล่าง  มันไม่ได้ดูสวยอะไรเลย แต่น่ากลัวมาก ถ้าหากมีหมอกฟุ้งขึ้นมามากๆ จนมองไม่เห็นทาง ท้องฟ้ามืดลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่เวลาเที่ยงตรง นับเป็นปรากฏการณ์แปลกไปจาก ที่เคยเห็นกันตอนเช้าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 หันกลับไปดูทางขึ้นมา หมอกพุ่งขึ้นมาจากเหวข้างล่างหนาแน่นมากครับ จนมองไม่เห็นระหว่างหน้าผากับท้องฟ้า เลย  ผมถ่ายรูปเกือบจะต้องใช้แฟลชช่วยกันแล้ว ให้สังเกตุหน้าคนในรูปข้างซ้าย ดูมืดมาก ต้องรอให้หมอกจางหน่อยแล้วค่อยเดินต่อไปครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พอหมอกจากลง แฟนผมและลูก ก็รีบสาวเท้า ก้าวขึ้นไปยอดภู เลยครับ มีขั้นบันได ครับ ไม่ต้องกลัวลื่น จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มองไปทางขวา จะเห็นแนวรั้ว กันคนตกลงไป พร้อมคำเตือนครับ เพราะชอบมีคนกล้า ท้าแข่งกันยืนขอบหน้าผา และกับคนถ่ายภาพที่มักลืมมองพื้นข้างล่าง เนื่องจาก มีกอหญ้าบังตาอยู่ เลยอาจขาดทัศนียภาพธรรมชาติไปบ้างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตรงจุดนี้ มองเห็นหัวสิงห์ชัดๆ และใกล้ที่สุดที่จะมองเป็นรูปหัวสิงห์ ถ้าหากใกล้กว่านี้ก็ไม่สามารถมองเห็นแล้ว เพราะเราจะอยู่บนหัวสิงห์กันแล้วครับ รูปข้างล่างเป็นภาพต่อกันครับ เพราะผมได้เข้าไปใกล้หัวสิงห์มาก จนไม่สามารถถ่ายให้ครอบคลุมถึงภาพข้างล่างได้ครับ ดูเสียวๆ เหมือนกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 20:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตอนใกล้ๆจะถึงหัวสิงห์ จะสังเกตุเห็นช่องหิน ดังในรูปข้างล่าง  ผมขอเรียกว่า ช่องมรณะ ครับ เพราะเคยมีคนตกลงไปเสียชีวิต เป็นข่าวครึกโครมมาเมื่อปลายปีที่แล้วครับ สาเหตุก็เพราะ มีชะง่อนหินที่มีผู้นิยมไปนั่งถ่ายรูป ตรงด้านขวาครับ การจะขึ้นไปนั่งถ่ายรูปตรงนั้น ก็ต้องเดินตรงๆ เข้าไป แต่ถ้าหากเดินเอียงไปนิดเดียวก็จะต้องเหยียบกอหญ้า รอบๆ ชะง่อนหิน ซึ่งก็จะทำให้ลื่นตกลงไปในช่องนี้ได้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมลอง ชะโงกลงไปที่ช่องมรณะนี้ ก็จะเห็นว่า โล่งโจ่ง เลยครับ  ถ่ายภาพได้แค่เท่าที่เห็น เพราะรู้สึกกลัวตกลงไปเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ทาง อุทยานฯ ได้ทำรั้วลวดขึงไว้แล้ว น่ากลัวจริงๆ ถ้ามองในเวลากลางวัน แต่เนื่องจาก ในช่วงเทศกาล ผู้คนขึ้นมาบนนี้มาก แน่นไปหมด ต่างก็แย่งกันหาจุดถ่ายภาพเจ๋งๆ และ ด้วยสภาพอากาศตอนเช้ามืดที่ไม่ชัดเจน จึงไม่ค่อยเห็นความน่ากลัวตรงจุดนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:06:57 ]

ความคิดเห็นที่ 50 และนี่เป็นตัวอย่างของ การถ่ายภาพ ณ.จุดช่องมรณะ ที่สมัยก่อนทำกันเป็นเรื่องปกติ  ซึ่งจะเห็นจากในภาพว่า เป็นแค่ผู้หญิง และเด็ก ก็ยังกล้าไปนั่งตรงนั้นกัน ไม่ใช่ผู้เก่งกล้าที่ไหน จึงต้องมีการพลาดท่าตกลงไปได้สักวัน ซึ่งก็เกิดขึ้นแล้ว ทาง อุทยานฯ จึงต้องทำรั้วกั้นไว้ตลอดแนว ห้ามข้ามไปนั่งถ่ายภาพตรงจุดนี้อีก ผมมองภาพนี้แล้วรู้สึกเสียวจริงๆ ครับ เพราะผมเองได้ไปยืนมองชะง่อนหินนี้ด้วยตนเองแล้วครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผมขอนำภาพชะง่อนหินนั้นมาให้ดูอีกภาพชัดๆ ครับ ว่าปัจจุบันได้มีรั้วกั้นห้ามเดินเข้าไปนั่งถ่ายภาพอย่างเด็ดขาดครับ ดูจากมุมนี้ไม่รู้สึกเสียวเท่าใด เพราะมีกอหญ้าบังตาไว้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมขอนำรูป ช่วงเทศกาลมาให้ชมกันเพื่ออ้างอิงนะครับ รูปซ้ายมือข้างล่างนั้นแสดงให้เห็นว่าผู้คนเยอะจริงๆ จนแทบไม่มีที่จะยืนแล้ว  กับรูปขวามือล่าง แสดงให้เห็นว่า จุดที่คนยืนถ่ายภาพนั้น หมิ่นเหม่ ของขอบหน้าผา และบรรยากาศขมุกขมัวมาก จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะพลัดตกลงไป ก่อนที่ ทาง อุทยานฯจะทำรั้วให้  แต่ไม่แน่เหมือนกัน ว่า ในช่วงคนเยอะ อาจมีคนกล้า เดินออกไปนอกรั้ว แอ๊คท่าถ่ายภาพก็ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ อุทยานฯ อาจไม่เห็น ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาถึงแล้ว ยอดหัวสิงห์ ก็ขอถ่ายภาพรวมหมู่ไว้หน่อย (ใช้ขาตั้งกล้อง) จะเห็นว่า ด้านหลังผู้หญิงสองคนนั่ง และผู้ชายที่สวมแว่น นั้นเป็นที่โล่ง ครับ ไปถ่ายตรงจุดนั้นก็ไม่เห็นอะไร เห็นแต่ท้องฟ้าขาวๆ  ครอบครัวผมเลือกที่จะมานั่งลึกเข้ามาหน่อย เลยเก็บบรรยากาศได้ครบดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เหวอีกด้านของ หัวสิงห์ (ด้านซ้ายมือ  ปกติจะเห็นภาพจากด้านขวามือ ที่มีช่องมรณะอยู่)  จะเห็นวัยรุ่นสามคนไปนั่งปล่อยอารมณ์ตรงหน้าผานั่น เสียวแทนครับ ถ้าใครลุกขึ้นมาไม่ระวัง อาจล้มลง แล้วพาเพื่อนๆ ที่นั่งใกล้ๆลงไปด้วย  วัยรุ่นทั้งสามนี้ นั่งนานมากครับ ไปบดบังทัศนียภาพคนอื่นเขาหมด..เฮ้อ.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 55 พอวัยรุ่นสามคนนี้ลุกปุ๊บ ผมเอามั่ง ให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร.....ฮิฮิ.... ดูจากมุมนกล้องแล้วรู้สึกเสียวๆ แต่ ถ้าไปยืนตรงนั้นไม่เสียวนะครับ เพราะยังมีหินยื่นไปอีก ไม่ใช่หน้าผาตัดตรงไป เท่ห์ไหม....... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ยืนยันว่า ยังมีหินยื่นลงไปอีกด้วยภาพข้างล่าง ในช่วงเทศกาล มีวัยรุ่นไปนั่งคุย ตรงข้างล่างได้อีก เพื่อดูทะเลหมอก อย่างไม่สนใจใครเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอ้าชะโงกกล้องลงไปถ่ายเหวกันหน่อย  จะเห็นผืนแผ่นดินประเทศลาวชัดๆ  แต่หน้าผาจะไม่ยื่นลงไป เป็นการหลอกตาเหมือนกันว่า ไม่ถึงขอบหน้าผาเสียที กว่าจะไปถึง อาจหล่นลงไปได้ เพราะหน้าผาจะค่อยๆ ลาดลงไปอย่างไม่รู้ตัวครับ นี่ถ้าแฟนผมไม่ห้ามไว้ ก็คงได้ภาพเด็ดๆ กว่านี้ ด้วยท่ากดกล้องถ่ายภาพแบบจิ้งจกคลานครับ (ตั้งชื่อเองนะครับ)  และถ้าจะให้เจ๋งกว่านี้ก็ต้องใช้เครื่องมือช่วย คือ ใช้ไม้ยาวๆ ผูกกล้องไว้ที่ปลาย แล้วยื่นออกไปถ่ายภาพแบบตั้งเวลาที่หน้าผาครับ ผู้ที่ดูภาพจะได้รู้สึกเสียวๆ (ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไรนะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ้อ..มองไปทางซ้ายมือของ หัวสิงห์ ก็จะเห็น หัวลูกสิงห์เล็กๆ ยื่นไปเช่นกันครับ (แฟนผมตั้งชื่อให้)  ทางอุทยานเว้นรั้วไว้ให้ไปนั่งถ่ายภาพได้  ดูคล้ายๆ กับ ผาหล่มสักเล็กนะครับ แบบว่า มองเห็นข้างล่างโล่งๆ ครับ  ต่างจากหัวสิงห์ที่มีขนาดใหญ่หนา และไม่สามารถถ่ายด้านข้างได้เสียวๆ ตามที่เห็นในรูปที่ 47 ครับ แต่ไม่เห็นมีใครไปโพสท่าถ่ายภาพเลย กลัวหัวลูกสิงห์จะหล่นลงไปจังเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 21:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาถ่ายป้ายดีกว่า ตรงที่ใกล้ๆ กับยอดหัวสิงห์จะมีป้ายให้มายืนถ่ายเป็นที่ระลึกกันครับ ตรงจุดนี้ ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาล คงไม่ง่ายที่จะได้ถ่าย อาจต้องรอนานหน่อยถึงจะได้ถ่ายนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 รูปนี้แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของตำแหน่งที่ตั้งป้าย และหัวสิงห์ ตลอดจน ทิศทางที่ขึ้นมาจากข้างล่างครับ  ถ้าหากไปที่นั่นแล้วแล้ว อาจถ่ายภาพที่หัวสิงห์เพลิน ลืมถ่ายกับป้ายได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 51 02:08:35 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หินทาสีขาว จะพบได้ทั่วไปตามขอบหน้าผา ที่มีหญ้าปกคลุม และไม่มีรั้วกั้น เพื่อที่จะได้มองเห็นตอนเช้ามืด  มาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ได้ถูกนำมาใช้ แต่ถ้านานไปไม่มีการซ่อมแซม ปรับปรุง อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ทาง อุทยานฯ จึงต้องคอยดูแลสม่ำเสมอครับ  อ้อ..อุทยานฯ ที่นี่ เข้าฟรี ไม่มีการเก็บเงินนะครับ ทางราชการจึงต้องหางบประมาณมาบริหารจัดการเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กลับลงมาหน่อย หันไปมองหัวสิงห์อีกที อุเหม่..มีคนกล้าไปยืนบนจมูกสิงห์เลยนะครับ เสียวจริงๆ ครับ มนุษย์เราหนอ ชอบหาความตื่นเต้นทำกันจริงๆ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อีกสักภาพหนึ่ง ภูชี้ฟ้า ก่อนกลับลงมา มองเห็นเส้นทางเดินขึ้นลงชัดๆ เป็นแนวพุ่งไปยังหัวสิงห์ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 64 กลับลงมา ระหว่างทางเดินจะเห็นต้นสนสามใบ ที่พบเห็นบนยอดภูกระดึง ทำให้คิดไปว่า ได้มาเดินบนภูกระดึง ครับ ในรูปนี้ แฟนผมกะจะไปหลอกเพื่อนๆ นะครับ ว่ามาแวะภูกระดึงด้วย..ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ลงมาด้านล่างจะมีร้านค้าเล็กๆ ของเด็กๆ วางเรียงกันลงไป เพื่อขายของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจ กับรูปภาพโปสการ์ดครับ ผมยังอุดหนุนมาหลายอัน อันละ 20 บาทเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขับรถลงมา ผ่านหน้าที่ทำการอุทยาน จะมี แผงแสดงอุณหภูมิ เวลาปัจจุบันให้ดู ด้วยระบบดิจิตอล  แหม..ก้าวหน้าจริงๆ ครับ ไอเดียเจ๋งจริงๆ อุทยานฯ ภูชี้ฟ้านี่  แต่ถ้าจะให้ดี น่าจะแสดงอุณหภูมิต่ำสุดของแต่ละวันด้วย ก็จะเจ๋งมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขับรถลงมาจากภูชี้ฟ้า มาจอดถ่ายภาพ ร้านกาแฟ ในรูป คห. 23 อีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเลี้ยวรถ ไปเชียงแสน ตามเส้นทาง เวียงแก่น - เชียงของ ผมขอจบ ตอนแรก ภูชี้ฟ้าไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะมาต่อกัน ในเส้นทางเลียบชายแดน ทั้ง ลาว และ พม่า ครับ ก่อนที่จะ ไปค้นหาปริศนาสถานที่ บนดอยแม่สลอง  คอยติดตามชมต่อไปนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 18 เม.ย. 51 22:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตามมาชมครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวสวยๆครับ จากคุณ : โบริโบริ - [ 19 เม.ย. 51 10:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 คห.2 AKiNdO : ยินดีครับ ที่ได้ร่วมทางในรอบรีวิวนี้ครับ คห.68 โบริโบริ : ยินดีต้อนรับครับ ที่เข้ามาชม แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 51 16:50:15 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 19 เม.ย. 51 14:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านเพลินดีจังครับ ได้ความรู้ดีด้วย ขอบคุณนะครับ จากคุณ : ตะพานหิน - [ 20 เม.ย. 51 02:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตามไปเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : รักจังเมืองไทย - [ 21 เม.ย. 51 01:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คห.70 ตะพานหิน : ขอบคุณเช่นกันครับ ใจผมอยากให้ ผู้เข้ามาชมได้รับความเต็มอิ่ม ไม่ว่าสาระ และมุมมอง เสมือนกับที่ได้มาเที่ยวด้วยกันครับ  อ้อ.. คุณ ตะพานหินนี่ คงใช่ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร หรือเปล่าครับ เพราะ ปกติ ถ้าเป็นคำนามปกติที่ถูกต้อง ก็คือ สะพานหิน   ผมเป็นศิษย์เก่า รร.ตะพานหิน คนหนึ่งเหมือนกันครับ คห.71 รักจังเมืองไทย : คอยตามตอนสองนะครับ เร็วๆนี้ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 51 11:33:51 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 เม.ย. 51 04:04:24 ]

ความคิดเห็นที่ 73 มาต่อตอนสองแล้วนะคร๊าบ เลียบชายแดน ไทย-ลาว-พม่า จาก ภูชี้ฟ้า- สามเหลี่ยมทองคำ-แม่สาย-ดอยตุง ครับ เชิญคลิ๊กได้ที่ Link ข้างล่างนี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6535089/E6535089.html จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 21 เม.ย. 51 14:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาเที่ยวก๊าบจากระนองสู่เชียงราย จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 23 เม.ย. 51 16:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สวัสดีครับ คุณ อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที นับเป็นแฟนพันธุ์แท้ ของผมตัวจริง ครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 09:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เห็นความตั้งใจมากๆเลยค่ะ ที่แบ่งปันข้อมูล อย่างละเอียดละออจริงๆ  กำลังคิดจะไปเที่ยวเชียงรายพอดี ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ธารน้ำรัก - [ 11 พ.ค. 51 10:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ตามมาเที่ยวภูชี้ฟ้าด้วยคนก๊าบบบบบบ   ยังไม่เคยไปเลยค่ะ มีเวลาทีไรก็มัวแต่จะพุ่งไปเชียงใหม่ซะเรื่อย เป็นพี่นะคะ....  นอนมันตั้งกะลำปางแว๊วววววว ใจกล้ากันทั้งครอบครัวเลยนะเนี่ยยยย ไม่แค่มืดนะ...แถมดึกอีกตะหาก   ยังฝ่ากันไปจนด๊ายยยยยยนิ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 14 พ.ค. 51 22:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คห.76 ธารน้ำรัก : ยินดีครับ อยากให้ข้อมูลมากๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่เคยได้ไป หรือไม่มีโอกาสได้ไป จะได้มีความรู้สึกร่วมทางไปด้วยกันครับ และผมเองก็ได้รับประโยชน์ในการบันทึกความทรงจำ เผื่อไปคราวหลังด้วย และที่สำคัญคือ เวลาที่มานั่งทำรีวิว  ผมเองรู้สึกว่าได้ย้อนกลับไปเที่ยวอีกครั้ง ครับ คห.77 แม่ซากานะ : สวัสดีครับ ปกติภูชี้ฟ้าต้องไปหน้าหนาว ถึงจะได้เห็นทะเลหมอกแน่นเต็มสุดๆ  ผมเพิ่งทราบว่า ที่ใกล้ๆ กัน ดอยผาตั้ง ก็มีทะเลหมอกที่สวยไม่แพ้ภูชี้ฟ้าครับ  แต่ผมไปเที่ยวนี้เพื่อเป็นการศึกษาเส้นทาง ทางหนีทีไล่ ครับ ไม่งั้นนึกไม่ออก ถ้าหากไปช่วงเทศกาลไหนคนจะเยอะอีก กะเวลายากกว่านี้มากครับ ใจผมก็อยากนอนลำปาง เพราะรถส่อเค้ามีปัญหาตั้งแต่คืนก่อนวันที่ออกเดินทางแล้ว ทำให้ ตอนเช้าเสียเวลาไป 3 ชั่วโมง แต่ ถ้าหากเลือกนอนลำปาง Schedule ที่วางไว้ก็คลาดเคลื่อนไปหมด  เที่ยวนี้ก็ไม่ได้ไปนอนแม่สาย เพราะไหนจะต้องนอนบ้านญาติที่เชียงแสนก่อน และยังไม่ได้ไปไขปริศนาภาพมิวสิควิดีโอที่เชียงแสนด้วย  ก็ต้องตัดสินใจเลือกครับ สำหรับครอบครัว เขาไม่รู้หรอกครับว่า เส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร (คล้ายๆ กับถูกหลอกนั่นแหละ..อิอิ) แต่เขาพอทราบนิสัยผมว่า ชอบลุย ท้าทาย เสี่ยงครับ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ เยอะครับ  อ้อ..ในตอนต่อๆ ไปยังมีตื่นเต้นกว่านี้เยอะครับ ก็เพราะรถสภาพไม่ปกตินี่แหละ ทำให้ต้องมีลุ้นตลอด จนวันกลับเลยครับ(เหมือนแกล้ง พอหมดเทศกาล อู่เปิด รถก็ใช้ได้ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 15 พ.ค. 51 11:31:01 ]