ความคิดเห็นที่ 1 โอ...แสงงาม ยามเช้า รวมกับทะเลหมอก บนดอยแม่สลอง แล้วรู้สึกมีความสุข อย่างบอกไม่ถูกเลยครับ เอ้อ...ผมยังหลงกับ ภาพเปิดกระทู้อยู่อีก  เดี๋ยวได้ว่ากันในรายละเอียดถึงการมาเยือนดอยแม่สลองใน ความเห็นถัดๆไป  อดใจรอหน่อยครับ  ตอนนี้ ก็มาว่ากันในเรื่องการเดินทางต่อจาก แม่สาย กางแผนที่ ข้างล่างแล้ว วิ่งตามเส้นลูกศรสีม่วงแล้ว ก็จะเห็นว่า ผมได้ขับรถเลาะชายแดนพม่า เส้นทางสูงๆ ต่ำๆ แคบๆ แถมมีด่านทหารด้วย จนมาถึง พระธาตุดอยตุง แล้ววิ่งออกมายัง อ.แม่จัน ย้อนกลับเข้าไปที่ดอยแม่สลองอีกรอบ  เพราะรถยนต์มีปัญหาไม่กล้าวิ่งผ่านพระตำหนักดอยตุง ลัดไป ดอยแม่สลองโดยตรง ครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 12:20:16 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 12:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามมาชมค่ะ ไปช่วงนี้ร้อนมั๊ยคะ? จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 23 เม.ย. 51 12:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รอโบกรถข้างทาง จากคุณ : บังแอ - [ 23 เม.ย. 51 12:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ป๊าดเร็วตามเคย ครับ ยินดีที่มาต้อนรับ การเปิดกระทู้ครับ คห.2 อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที : ผมเพิ่งลงมาเมื่อ 16 เมย.นี้ อากาศเย็นมากในตอนกลางคืน อาจเป็นเพราะว่า วันที่ไป 15 เมย. มีฝนเล็กน้อย ลมพายุพัดมา เลยทำให้อากาศเย็น ยังกับหน้าหนาวครับ   สอบถามคนที่นั่น เขบอกว่า กลางคืนเย็นสบาย กลางวันร้อนแดดเท่านั้นพอเข้าร่มก็เย็นสบายครับ คห.3 บังแอ : ยินดีให้เกาะรถขึ้นมาครับ ต่อเลยนะครับ  ออกจาก แม่สาย ก็บ่ายสามโมงแล้ว เจอปัญหาอย่างที่เกริ่นไว้ในกระทู้ก่อนว่า รถสตาร์ทไม่ติดเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่ตะลุย ขึ้นลงเข้า จากภูชี้ฟ้ามาก็ไกล แถมยังผ่านราตรี อีกกว่า 9 ชั่วโมง เมื่อคืนก่อนที่จะถึงภูชี้ฟ้า  ต้องรบกวน คนแถวนั้นช่วยกันเข็นสตาร์ท ออกจาก ลานจอดรถของ แม่สายอีก  พอเครื่องยนต์ติดแล้ว ก็ตัดสินใจ ลุยถนนเรียบชายแดนเลย เพราะโอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ จะหาอู่ซ่อมก็ไม่มีปิดเรียบช่วงเทศกาล  เงื่อนไขง่ายๆ ก็คือ ห้ามดับเครื่องไปจนถึงดอยแม่สลองครับ ในภาพ กำลังออกจาก แม่สาย นะครับ เกาะกลางถนนสวยงามมาก รถเยอะ หาที่จอดยาก แต่คนไม่พลุกพล่านนัก อาจเป็นเพราะเขานิยมข้ามไปซื้อของที่ฝั่งพม่ากัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พ้นจากเมืองมาไม่เท่าใด เลี้ยวขวาจากทางแยกแรกที่มาจากแม่สาย ไปทางดอยตุง (ถ้าเลี้ยวซ้ายก็กลับไปที่สามเหลี่ยมทองคำ)  เข้ามาไม่กี่กม. ก็จะได้พบกับ ธรรมชาติป่าเขาสมใจอยากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พอเริ่มเข้าใกล้ชายแดนพม่า ก็เจอด่านทหารไทยเราครับ เขาจะสอบถามก่อนว่า เรากำลังจะไปไหน ผมก็ตอบว่าจะไปพระธาตุดอยตุงครับ แล้วเขาก็ขอบัตรประชาชนของผม (คนขับ) เพื่อไปลงบันทึกประจำวันไว้ และมีการสังเกตุการณ์ว่า ในรถมีใครบ้าง ทะเบียนอะไร และสุดไฮเทคก็คือมีการถ่ายภาพ Capture ลงคอมพิวเตอร์ด้วย ทหารไทยเราสมัยนี้ ไม่ล้าหลังแล้ว พร้อมร่วมรบในสงครามไซเบอร์ (ว่าเข้าไปนั่น) ตรงจุดหน้าด่านนี้ ผมไม่ถ่ายรูปไว้เพราะอาจถือเป็นความปลอดภัย(สงบ)ของชาติ แต่พอผ่านไม้กั้นของด่านเข้ามา ก็เจอกับวิวสวย จนต้องรีบลงไปถ่ายรูปก่อนที่  น้องทหารเขาจะนำบัตรประชาชนมาให้เสียอีกครับ ในรูปจะเห็นควันไฟพวยพุ่งทั่วไปตามเหลี่ยมเขา นั่นไม่ใช่ลาวา แต่เป็นไฟป่าครับ ทางพม่าเขาก็มีปัญหาเรื่องไฟป่าไม่น้อยไปกว่าเราครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ซูมภาพเข้าไปไกลๆ ป่าเขาก็คล้ายกับของบ้านเรา (ที่จริงก็แผ่นดินผืนเดียวกัน เพียงแต่ แบ่งเขตการครอบครองเท่านั้นเอง)  มองไปก็เห็นแต่ต้นไม้ ไร้สิ่งปลูกสร้างใดๆ..นี่ถ้าไม่มีควันไฟป่า ก็คงน่าสูดอากาศสักเฮือกนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:31:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผ่านเข้าไปได้นิดเดียว ก็เจอด่านที่สองอีก เป็นของทหารม้า เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้ม้ากันแล้ว เราเลยไม่เห็นม้าสักตัว  พ้นด่านเข้ามาก็เจอ ค่ายทหาร ซึ่งเราก็ไม่ถ่ายรูปเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของชาติ แต่ก็ไม่วาย ถ่ายกอไผ่ ...มีอะไรอยู่ในกอไผ่.... มองผ่านออกไปก็จะเป็นฝั่งพม่า ตรงนี้ เป็นถนนติดชายแดนเลย จึงเสี่ยงต่อ ชนกลุ่มน้อย ที่ไม่ใช่ชาวพม่า อาจลักลอบเข้ามา หารายได้ เอ๊ย..มา ทำอะไรที่ เราไม่ชอบ ได้ เลยต้องมี ทหารไว้ดูแลปกป้องเขตแดนเราไว้ครับ   น่ากลัวนะครับ ถ้าหากมาตอนกลางคืน  เคยมีเพื่อนๆ ใน Blue Panet  เล่าให้ฟังไม่นานมานี้ ว่าลงจาก ดอยตุง กะจะวิ่งตรงไปแม่สาย เลย โดยไม่ออกมาที่ถนนใหญ่ก่อน ตอนใกล้ค่ำ ไปเจอด่านทหาร ต๊กกะใจหมดเลย นึกว่า ข้ามแดนไปพม่าเสียแล้ว เปลี่ยว ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขับๆ มา ก็เจอ ทางแยกลูกรัง แต่มีรั้วกั้น ที่รั้วมีป้ายเขียนไว้ อ่านแล้วรู้สึกตลก "ผู้เสพยา ผู้ค้ายา ห้ามผ่าน เจ้าหน้าที่เชิญ"  อ้าว...คนที่เสพยาเขาจะบอกเราทำไม ถ้าเขาจะค้ายา เขาก็ต้องลักลอบผ่านเข้าไปอยู่แล้ว..เฮ้อ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตลอดทาง ไม่เห็นผู้คนชาวเขาเลย เห็นแต่ทางแยกไปหมู่บ้านผาหมี กับ ผาฮี้ เท่านั้น เงียบจังเลย เส้นทางก็คับแคบลง จนเกือบจะเป็นถนนวิ่งทางเดียวเลย เวลาเจอรถสวนก็ต้องหลบลงข้างทางกัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทางบางช่วงก็มีต้นไม้สูงท่วมหัว แถมเป็นเนินสูงชันอีก ถ้าหากมีใครคิดจะทำอะไร...ก็เสียวจริงๆ ครับ  ผมจึงวางแผนจะผ่านช่วงนี้ตอนกลางวัน แต่กว่าจะได้ไปจริง ก็บ่ายแก่ๆ แล้ว... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 13:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 น่าจะมีรูปทหารมาฝากกันหย่อยนะ อิอิ โดยเฉพาะทหารพม่าอ่ะ จากคุณ : gazeclub - [ 23 เม.ย. 51 13:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วิวข้างทางสวยโลด... ด้านขวาเป็นฝั่งพม่า แดดตอนนั้นเปรี้ยงเลยครับ  ตาผมต้องคอยชำเลืองดูระดับแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่รถบ่อยๆ เพราะกลัวจะหมด รถก็จะดับกลางป่าได้   (โชคดีที่รถรุ่นนี้มีมิเตอร์วัดไฟแบตเตอรี่ให้ที่คอนโซลหน้าปัดรถด้วยครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คห.12 gazeclub : ถ้าจะเห็นทหารพม่าต้องข้ามไปฝั่งพม่าตรงแม่สายครับ แต่ถ้ามาพบทหารพม่าตรงแถวนี้....บรื๋อย์.....ขนลุกครับ เขาคงไม่ได้มามือเปล่า กลัวจะเอา อาวุธมาฝากด้วยซีครับ..ฮิฮิ ส่วนทหารไทย นั้นผมก็ไม่กล้าถ่าย กลัวเขาจะห้าม เสียความรู้สึกกันไปเปล่าๆ ครับ วิวข้างทาง เลียบฝั่งพม่า อีกรูป เสียวไหมครับ เหวทั้งนั้นเลย ด้านขวามือ แถมยังอยู่นอกเขตไทยอีก ถ้าหล่นไป ใครจะช่วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:07:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขับมาเสียไกล กว่าจะถึงด่านทหารสุดท้าย ตรงนี้ มีจุดชมวิว แต่ผมไม่มีเวลาขึ้นไปชมครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผ่านด่านออกมานิดเดียวก็ถึง สวนรุกชาติแม่ฟ้าหลวง สวนนี้ คนละสวนกับ สวนแม่ฟ้าหลวง ที่เขานิยมเข้าไปกันนะครับ  ผมไม่มีเวลาเข้าไปชม แม้แต่จะเดินเข้าไปตรงช่วงทางเข้า เพราะเวลา ก็สี่โมงเย็นกว่าๆ ไปแล้ว ยังไม่ถึงพระธาตุดอยตุง แล้วเมื่อไรจะถึง ดอยแม่สลองกันเล่า แถมรถยังดับเครื่องไม่ได้อีก...เฮ่อ... จากรูป จะเห็นลูกศรสีม่วง แสดงทิศทางที่ผมผ่านด่านเข้ามาถึงตรงนี้   จากป้ายด้านซ้ายมือไป แม่สาย จะเห็นว่าไม่มีการบอกระยะทางเลย ทำให้คนที่ไม่เคยไป อาจคิดว่าใกล้ แต่ที่จริงไกลไม่น้อยครับ ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลย  สวนรุกชาติจะอยู่ซ้ายมือผม ถ้ามาจากแม่สาย ตรงนั้นเป็นลานจอดรถกว้างมาก แต่เวลานั้นไม่มีรถจอดเลยแม้แต่คันเดียว ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากรูปข้างบน ไม่มีรถจอด..แต่มีคนนะครับ คงมาด้วยรถโดยสารกระมัง  เอาอีกรูป ป้ายหน้าสวนรุกขชาติฯ เห็นดอกไม้สวยดี แต่น่าจะเล็มออกไปบ้าง บดบังป้ายเกือบหมดเลยครับ  ผมลงไปถ่ายภาพคนเดียว สมาชิกในรถไม่มีใครลงไปเลย คงกังวลเรื่องรถไม่ปกติ และกลัวมืดค่ำอีกตามเคยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาถึงแล้ว วัดพระธาตุดอยตุง แต่ เอ....พระธาตุ อยู่ตรงไหนครับ  อ้อ..หยุดรถสักครู่มองหา เห็นป้ายบอกทางไปพระธาตุครับ  ก่อนขึ้น...คำเตือน ให้มองหาห้องสุขาก่อนนะครับ ข้างบนไม่มีนะครับ  งานนี้มีเร่ง เพราะคุณพ่อแฟน และลูก ปวดน้อยปวดใหญ่กันบนโน้น ไม่มีห้องน้ำเลย ต้องลงมาเข้าที่นี่ที่เดียวครับ.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:47:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทางขึ้นสู่พระธาตุ เล็กสมคำร่ำลือครับ มองจากหน้ารถแล้วรู้สึกเหมือนกับว่า รถผมคันเดียวก็เต็มถนนแล้ว โชคดีที่ไม่มีรถสวนลงมาเลย ทางคดเคี้ยวสูงชันด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 14:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาถึงแล้ว ลานจอดรถ ขึ้นพระธาตุดอยตุง มีบันไดนาคให้เดินขึ้น แต่เหลือบเห็นทางขึ้นต่อไปอีก สอบถามคนแถวนั้นเขาบอกว่า สำหรับคนขาไม่ดี ถึงจะเอารถขึ้น  ผมสอบถามคุณพ่อคุณแม่แฟนท่านไม่ขึ้น เพราะเคยมาแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินขึ้น ปล่อยรถติดเครื่องรอไว้ข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หน้าบันไดพญานาค ทางขึ้นสู่พระธาตุดอยตุง สำหรับผู้มุ่งมั่นในการไปสักการะ ครับ งานนี้ แฟนผมสมัครใจเดินขึ้นครับ ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยชอบการเดินขึ้นบันไดเท่าใดนัก กุศลแรงนะครับ..หมายถึง สุขภาพแข็งแรง นะครับ เป็นการออกกำลังกายในสถานที่อากาศบริสุทธิ์ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 รอเกาะล้อตามไปด้วยเจ้าค่ะ .... จากคุณ : Herzspezialist - [ 23 เม.ย. 51 15:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอ้า! วิ่งกันใหญ่ ใกล้จะถึงแล้ว บันไดนาคไม่สูงเกินไปนักครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถึงบันไดขั้นสูงสุดแล้ว เจอยักษ์เขี้ยวโง้งถือกระบองรักษาพระธาตุครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ยังไม่ถึง องค์พระธาตุครับ ยังมีแถวระฆังจำนวนมากเรียงรายกันมากมาย  ให้สังเกตุจากวงกลมสีม่วงในรูปข้างล่าง ว่า มีระฆังทอง แทรกอยู่ ท่ามกลางระฆังอื่นๆ กี่ใบ ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงแล้วครับ องค์พระธาตุ ว่าแต่ต้นไม้เยอะจัง เลยบดบังองค์พระธาตุ ตรงทางขึ้นไปหมดเลย จากรูป พระธาตุจะอยู่ในกรอบวงกลมสีม่วงครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 15:24:56 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:22:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ในที่สุด เราก็มาถึง องค์พระธาตุดอยตุง องค์คู่ ในมุมมองที่เราคุ้นเคยกัน แต่..ช่วงนี้อยู่ในระหว่างการบูรณะเลยไม่ได้ชมความงามอย่างเต็มที่ แถมยังมีเต้นท์มาบังอีก..เฮ้อ..ดูรกๆ อย่างไรชอบกล ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เปรียบเทียบกับภาพเก่าๆ ขององค์พระธาตุ สมัยที่คุณแม่ของผมเดินทางมาเที่ยว ประมาณสิบกว่าปีมาแล้วครับ ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆ คนที่เคยมาสักการะพระธาตุ คงจะคุ้นเคยกับภาพเดิมๆ มากกว่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมพยายามค้นหา องค์พระสังกัจจายน์ ปรากฏว่าท่านถูกย้ายไปอยู่ฝั่งเขาแล้ว ผมได้สอบถามกับ หลวงพี่องค์หนึ่ง ท่านบอกว่า ตำแหน่งเดิมอยู่ตรงทางขึ้นมาจากบันได  ก็คงต้องนับถือผู้บูรณะพื้นที่ ที่สามารถย้ายองค์พระหนัก ขนาดนี้ได้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพถ่ายเปรียบเทียบถึงตำแหน่งเดิมที่ตั้งองค์พระสังกัจจายน์ และตำแหน่งปัจจุบัน ไม่รู้ว่าจะเป็นตำแหน่งถาวรหรือชั่วคราวเพื่อปรับปรุงพื้นที่ ครับ  เพราะตอนนี้ ทำได้สวยมาก ขนาดเพื่อนๆ ผมที่เคยไปยังกล่าวชมเลยครับว่าสวยมาก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นี่ไงสวยไหมครับ บริเวณโดยรอบองค์พระธาตุ ที่ได้ปรับปรุงใหม่ โดยเฉพาะรั้วระเบียงงดงามมากกว่าแต่ก่อนมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 15:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กลับมาเที่ยวชมพื้นที่โดยรอบขององค์พระธาตุจะดีกว่าครับ ในรูปเป็นภาพมุมกว้าง ให้เห็นโบสถ์และองค์พระธาตุ อยู่ใกล้กันอย่างไร บริเวณที่ผมยืนถ่ายภาพอยู่ตรงหน้า องค์พระสังกัจจัยน์ ในรูป คห.30 ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาดูภาพด้านหน้าโบสถ์ จะเห็นว่าหลังคาโบสถ์ได้เอียงไปทางขวาเล็กน้อย แต่ตัวอาคารยังคงเดิม (สังเกตุได้จากกรอบอ้างอิงสีม่วงของผม) และตรงหน้าโบสถ์จะมีกระถางต้นไม้ซึ่งแต่ก่อนได้วางเรียงไว้โดยรอบโบสถ์ แต่ตอนนี้ มีการนำมาวางรวมๆกันไว้ ที่ตัวกระถางนั้นจะมีสัญญลักษณ์อย่างหนึ่งที่เคยมีผู้โพสมาให้ดูครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ้อ...สัญญลักษณ์นั้น ก็คือ โลโก้ของพรรคการเมืองหนึ่ง ที่เคยโด่งดังในอดีต ครับ  ซึ่งเคยมีผู้มาโพสภาพให้ดูว่า พรรคนี้ยังคงมีเหลืออยู่ให้ดู ได้ที่นี่ครับ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นช่วงที่มีการยึดอำนาจกันใหม่ๆ และมีการกวาดล้าง สิ่งต่างๆที่พรรคนี้ได้สร้างไว้ ให้หมดไปสิ้น  แต่.....ยังคงเหลืออยู่ที่นี่ เท่านั้นครับ มาดูกันได้นะครับ....คิดถึง..จังเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:24:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาดูองค์พระธาตุกันเต็มๆ ในมุมมองที่คุ้นเคย จะเห็นว่า องค์ซ้ายได้มีการบูรณะไปแล้ว สวยงามเปล่งปลั่งมาก ถ้าหากบูรณะเสร็จแล้ว จะงดงามขนาดไหนครับ  แต่ผมไม่เห็นป้ายประกาศกำหนดการบูรณะว่า จะเสร็จสิ้นเมื่อใด หรืออาจขึ้นอยู่กับกำลังศรัทธาของผู้บริจาค ก็ได้นะครับ จากรูปนี้ขอกราบสักการะ นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลองเดินรอบๆ โบสถ์ดู จะเห็นลานกว้างที่สามารถรองรับผู้คนไปเดินเวียนรอบได้มากมาย แถมมีการขยายออกไป ด้วยพื้นไม้ด้วย คาดว่ารั้วของเดิมคงแค่แนวกระเบื้องเท่านั้น ทำให้เกิดจุดชมวิวที่สวยงามมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 นี่เป็นมุมมองที่ไปยืนมองวิวตรงระเบียงของรูปข้างบนครับ สวยจนไม่อยากตัดทอน(Crop) บางส่วนของภาพออกไปเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เดินอ้อมพระธาตุมาหน่อย ระเบียงชมวิวตรงนี้ก็สวยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เดินเข้าไปมอง (ถ่ายภาพ) ตรงจุดนี้อีกสักแช๊ะ สวยมากครับ มีคนมายืนถ่ายภาพกันพอควร ถ้าหากมาหน้าหนาวคงต้องรอคิวนานมากแน่ๆ เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หันกลับมามององค์พระธาตุกับโบสถ์ หน่อยครับ จะเห็นว่ามีการขุดลงไปที่ด้านข้างของโบสถ์ด้วยครับ (ถ้าไม่เดินมาตรงนี้ก็คงไม่รู้นะครับ) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โอ..มีบันไดลงมายัง ที่ไหว้สักการะ องค์พระธาตุจากตำแหน่งฐานได้ด้วย  แสดงว่าในอนาคตถ้าหากได้บูรณะเสร็จแล้ว เราคงได้ลงไปสักการะตรงนี้แทนที่เดิมนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 17:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เอาอีกรูปหนึ่ง พระธาตุในมุมมองด้านหน้าเฉียงๆ ที่จะมองเห็นโบสถ์ด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 18:02:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กลับลงไปแล้วครับ ตอนนี้ คุณพ่อแฟนได้โทรมาว่าจะเข้าห้องน้ำ และลูกกับแฟนก็ได้ล่วงหน้าลงไปนานแล้ว (ทั้งสองเลยไม่ได้เห็นมุมมองด้านหลังองค์พระธาตุที่มีพื้นด้านล่าง และจุดชมวิวนะครับ) ซึ่งตอนนี้ เวลาก็แค่ ห้าโมงเย็นกว่าๆ แต่ทำไมฟ้ามืดจัง ลมก็แรง ไอ้หย๋า... เจอพายุฤดูร้อนเข้าให้แล้วซี ต้องรีบไป ดอยแม่สลองแล้ว  พอถึงรถก็ต้องตกใจเพิ่มอีก เพราะเข็มวัดแรงดันไฟแบตเตอรี่ และรอบเครื่องมีการสั่นเต้นไปที่ศูนย์ เป็นบางครั้ง ระบบไฟเราเป็นอะไรไปหว๋า.. นี่เราต้องฝ่าทั้งความมืดและพายุฝนขึ้นดอยแม่สลองกันด้วยนะ.....ตื่นเต้น..ครับ น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพได้ เพราะบรรยากาศมืดมาก แถม ผมอยู่ในสถานการณ์คับขันด้วย  คือสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ เขาแนะนำให้ลงมาที่ถนนใหญ่ ผ่าน อ.แม่จัน แล้วค่อยย้อนขึ้นไปดอยแม่สลองอีกที  ใจตอนนั้นลุ้นอยู่มาก ว่าเราจะไปถึงหรือไม่ ดอยแม่สลองเคยขึ้นชื่อว่า ลื่น แล้วผมกำลังขึ้นขณะที่มีลมฝน แถมพลบค่ำ แล้วรถก็ยังมีสภาพพร้อมดับ (ดับแล้วต้องเข็นลูกเดียวอีก)  จะแวะนอนที่แม่จัน ก็ลำบาก เพราะไม่ได้จองไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหน และที่สำคัญ ถ้านอนก็เป็นอันจบกัน เป้าหมายที่จะไปค้นหาสถานที่ปริศนาในภาพจาก มิวสิควิดีโอ ในกระทู้ ตามค้นหา ดินแดนสวรรค์สันติคีรี ก็เป็นอันจบกันครับ เพราะรุ่งเช้าก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯกันแล้ว จะเอาอย่างไรกันหวา...... ด้วยใจรักการผจญภัย และไม่มีทางเลือกแล้ว เลยต้องค่อยๆ เลี้ยวรถขึ้นมาบนดอยแม่สลองท่ามกลาง สายลมแรงๆ แกมฝนตกนิดหน่อย แต่ใบไม้ร่วงเต็มถนนทำให้รถมีอาการไถลนิดๆ แบบผู้โดยสารไม่รู้ตัว ผมยังไม่ได้ปรับไปขับที่สี่ล้อ เพราะมีคนนั่งมา 7 คน ระยะทางไม่ไกล แต่ ยิ่งเข้าใกล้ดอยแม่สลอง ก็ยิ่งเป็นเขาสูงชัน บรรยากาศก็มืดเต็มรูปแบบพอดี ก่อนถึง ไร่ชา 101 ด้วยซ้ำไป  รถผมเริ่มมีปัญหามากขึ้น เวลาลงเนิน ผมยกเท้าออกจากคันเร่งมาเหยียบเบรค ไฟหน้าก็จะหรี่ลงจนเกือบดับ แถมรอบเครื่องก็ตกด้วย  พอขึ้นเนินไฟหน้าถึงจะสว่าง เฮ้อ...เมื่อใดจะถึงเสียที ดอยแม่สลอง..... ผมไม่เคยมา ยังนึกไปว่า สถานที่ต่างๆ ที่ดอยแม่สลอง จะอยู่บนที่ราบสูง แบบว่าผ่านเขาเข้าไปแล้ว ทางก็ราบเรียบ ที่ไหนได้ แต่ละสถานที่ล้วนเป็นเนินสูงต่ำทั้งสิ้นครับ แผนที่บน GPS Pocket ก็ไม่ได้บอกความสูงของถนนด้วย เลยพาลคิดไปว่าน่าจะเดินถึงกันง่ายๆ  แต่เส้นทางบนโน้น ทั้งโค้งและเนินสูงต่ำ  ผมไปถึง ตรงกลางตลาด เวลาทุ่มครึ่ง บรรยากาศมืดมิด ผู้คนเงียบ เหมือนเมืองร้างเลย อะไรหว่า....ทำไมหน้าเทศกาลแบบนี้จึงไม่มีคนนะ ซ้ำร้ายผมขับรถเลยรีสอร์ทที่จะไปพัก พอจะชลอรถเพื่อกลับรถมองหาทางเข้า เครื่องยนต์เจ้ากรรมก็ดับลงทันที! ดับกันกลางตลาดเลย  แต่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่านมา พอดีมี คุณหมอคู่หนุ่มสาว (มีคนทักเขาทั้งสองว่าเป็นหมอ) ขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านมา อาสานำรถยนต์มาพ่วงสตาร์ทให้ แต่ไม่สำเร็จ ดูเหมือนรถจะเสียมากกว่าที่คิด สักพักก็มีรถคันอื่นๆ มาจอดช่วยกันอีกหลายคน บรรยากาศมืดจนมองไม่เห็นหน้าใครชัดเจน  จะเข็นสตาร์ทลงเนิน ก็มีคนค้านว่าเบรคไม่ทำงาน ก็เลยลังเลอยู่นาน รถหนักมาก พวงมาลัยก็หนัก มืดก็มืดอีก ท้ายสุด ผมนึกได้ว่า เวลาเราใส่เกียร์ถอยหลัง รถจะหน่วงลง ถ้าไม่ติดเราก็เบรคช่วยอีกแรง ก็เลยให้คนหนึ่งเขา เข้าเกียร์ถอยหลังปล่อยให้ไหลลงเนินทำได้สำเร็จครับ  ผมก็เข้าไปนั่ง ให้สมาชิกไปนั่งรถอีกคันหนึ่งพาขึ้นรีสอรท แต่ไม่ทันไรเครื่องรถผมก็ดับอีก ตอนจะกลับรถ ไฟไม่พอครับ ผมเลยดับไฟหน้า เปิดแต่ไฟหรี่และปล่อยให้รถไหลถอยหลังลงเนินอีก (ตอนนี้ผมทำเอง) รถติดเครื่องได้ ท่ามกลางความมืดที่มองไม่เห็นทางข้างหลัง มีแต่คนคอยบอกทางรอบๆ หลายคน ต้องขอบคุณชาวดอยแม่สลองทุกคนในคืนนั้น(วันที่ 15 เมย.51)ด้วยครับ ที่ช่วยให้วิกฤตผ่านพ้นไปได้ ไฟฟ้าดับมาชั่วโมงกว่าแล้ว ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ ยากมาก ผมจึงได้ขับรถตาม รถที่เขามาช่วยพาขึ้นไปบนรีสอร์ท ครับ แม่สลองรีสอร์ท ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง  พอเลี้ยวรถตามเข้าไป ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ว่า ภาพต่างๆ ที่เคยเห็นในมิวสิควิดีโอนั้น มันเป็นจริงแล้ว แต่บรรยากาศตอนนั้นยังมืดอยู่ เห็นลางๆ เหมือนภาพในความฝันเลย ทางเดิน มังกรคู่ และ ศาลา มันอยู่ที่นี่เอง....... แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 19:25:30 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 19:14:06 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 18:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ในค่ำคืนนั้น หลังจากที่ได้เช็คอินแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่บนภูกระดึงอย่างไรอย่างนั้น เพราะอากาศเย็นสดชื่นมาก ท่ามกลางดงสน หน้าที่พักของผม ทำให้ย้อนนึกถึง คราวที่ขึ้นภูกระดึง ที่ต้องเดินกันไกล แถมยังต้องเป็นฤดูหนาวอีก แต่นี่ เดือนเมษา กลางฤดูร้อน มีอากาศแบบนี้ได้อย่างไรกัน  พรุ่งนี้ผมต้องตื่นให้เช้าที่สุดเพื่อมาถ่ายภาพสวยๆของ ดอยแม่สลองให้ได้ เพราะแฟนผม ตั้งใจจะรีบกลับกรุงเทพฯอย่างเดียว เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะหาร้านที่ไหนซ่อมรถได้ และยังต้องทำเวลาเข้ากรุงเทพฯ ให้ทันไปทำงานในวันรุ่งขึ้นอีก..เฮ้อ............. เสียงนาฬิกาปลุก ตีห้าครึ่ง ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ได้ยินเสียง สมาชิกที่พักอีกห้องหนึ่งตะโกนบอกให้มาถ่ายรูป ทะเลหมอกยามเช้า ตะลึง! ครับ หน้าร้อนก็มีทะเลหมอกด้วย ในขณะที่เมื่อวันก่อนผมขึ้นภูชี้ฟ้า ชาวบ้านเขายังบอกว่าไม่มีทะเลหมอกยามเช้าในช่วงนี้หรอก จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 19:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพที่กล้องถ่ายออกมาเบลอๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นลืมตา ครับ  ขอขยายภาพด้านบนที่ด้านซ้ายของภาพ จะเห็นทะเลหมอกอยู่ไกลๆ ครับ ไม่น่าเชื่อ ทะเลหมอกฤดูร้อน...บนดอยแม่สลอง ครับ ไม่รู้ว่าวันอื่นๆจะมีหรือไม่ เพราะเมื่อวานตอนเย็นฝนตก ไฟฟ้าดับครับ  อ้อ..ลืมบอกไปว่า ไฟฟ้ามาตอนสี่ทุ่ม หลังจากผม เข้าพักเล็กน้อยครับ หิวก็หิว ทางรีสอร์ทก็ทำอาหารให้ไม่ได้ถนัด เพราะไฟฟ้าดับ เลยขอไข่เจียวหมูสับ กับข้าวที่ยังพอมีให้ได้ วุ่นวายดี นับเป็นความประทับใจในแรกมาเยือนดอยแม่สลอง ชนิดที่ หลายคนอาจไม่ได้เคยได้สัมผัสครับ... จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 19:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สิ่งแรกที่ทำให้ผมพบว่า ผมมาถูกที่แล้ว แถมยังได้พักใกล้ๆ กับสิ่งที่ต้องการมา ด้วย คือศาลาข้างหน้าครับ โอ...อะไรจะปานนั้น ช่างวางพานมาให้เลย ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นหาเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 19:50:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมขอทำภาพเปรียบเทียบดูข้างล่างนะครับ ว่าใช่แล้ว ที่นี่แหละที่ผมต้องการมาครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ด้วยระยะเวลาที่ห่างกันเกือบยี่สิบปี ทำให้ มีการปรับปรุงศาลานี้ไปเยอะ ไม่ว่ากระเบื้อง และสี ตลอดจนภูมิทัศน์โดยรอบ  อันนี้ยืนยันได้จาก เจ้าของรีสอร์ทครับว่า ใช่แน่นอน ว่าเคยมีทีมถ่ายทำมิวสิควิดีโอ มาขอใช้สถานที่ถ่ายจริง ครับ ศาลานี้ คือ ศาลาเกรียงศักดิ์ มีที่มาสมัยก่อนที่ พณ.ท่าน พล.เอก เกรียงศักดิ์ เป็นผู้สร้าง เพื่อใช้เป็นกองอำนวยการในโครงการปลูกต้นสน เมื่อปี พ.ศ.2518  ในศาลานี้ สามารถมองเห็นภูมิประเทศของ หมู่บ้านแม่สลองได้ชัดเจนด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ยืนยันด้วยป้ายชื่อ ด้านหน้าชัดๆ ครับ  นับเป็นจุดชมวิวมุมกว้างทีเดียวครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 50 นี่คือภาพของ บ้านแม่สลอง ที่มองเห็นจากศาลาเกรียงศักดิ์นี้นะครับ อากาศสดชื่นดีนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 นั่งในศาลา มองภาพกลับไปยังข้างหน้า จะตรงกับประตูของอาคารหนึ่ง อย่างตั้งใจให้สร้างตรงกัน ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่า อาคารนั้นคืออะไรครับ เพราะกำลังตื่นเต้นกับศาลา และวิว ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ก่อนเดินจากศาลานี้ไปยังจุดอื่น แฟนผมได้ลองโพสท่าถ่ายภาพวิวแบบลอยตัวให้ดู ครับ  แหม..จะเอาภาพใหญ่ เกรงใจแฟนครับ กลัวจะสวยเกินวิว ครับ ...ฮิฮิ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ค่อยๆ เดินผ่านอาคารด้านหน้าศาลาออกมา เอ๋..อาคาร บ้านพักอะไรนะ ไม่รู้เปิดให้พัก หรือเปล่า หรือเป็นของรีสอร์ทนะครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 20:32:24 แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 51 20:31:46 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หันหน้าเดินลงมาจากอาคาร ก็เจอบันไดทางลงคุ้นๆ นะ เหมือนเคยเห็นนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:33:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ลงมาอ่านป้ายถึงได้บังอ้อ...ว่า..บ้านเกรียงศักดิ์.. อ้าว..ทำไมบ้านเกรียงศักดิ์นี้มีความเกี่ยวข้องกับศาลาเกรียงศักดิ์ด้วยหรือนี่  เคยในเว็บแนะนำท่องเที่ยว ว่ามาแม่สลองให้มาเที่ยวบ้านเกรียงศักดิ์ ผมยังนึกว่า อยู่ริมถนนใหญ่ข้างล่าง แล้วถ้าขึ้นบันไดไป จะพบคนดูแลบ้านท่าน พลอ.เกรียงศักดิ์ และอาจมีอาหาร ที่ท่านทำเก่งขายให้ คือ แกงเขียวหวาน ครับ  โอ้โฮ..มาเที่ยวคราวนี้ จุดใต้ตำตอ เลยนะครับ จากรูปข้างล่าง แสดงเส้นทางเดินไปยังศาลาเกรียงศักดิ์ แต่ ในบ้านเกรียงศักดิ์ ไม่มีอะไรนะครับ  แต่ถ้าเลี้ยวขวาอ้อมหลังบ้านหลังขวามือ ก็จะถึงบ้านที่ผมพัก อะไรจะฟลุ๊คปานนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 56 วันนี้ขอพักไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะมาต่ออีก เพราะผมกำลังไขปริศนา สถานที่ ในมิวสิควิดีโอต่อ  ครับ ในรูปข้างล่างเป็นด้านหน้าของที่พักของผม  ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ที่คาดไม่ถึง นับว่าคุ้มค่ากับการเสี่ยงเดินทางเข้ามาเมื่อคืน  ทีแรกนึกว่า ศาลานี้ จะอยู่ที่อื่น บ้านเกรียงศักดิ์ก็อยู่อีกที่หนึ่ง ไหงกลายเป็นว่า อยู่ห่างจากที่ผมนอนไปไม่กี่เมตร  ตอนที่ผมเดินเข้ามาพัก มองไม่เห็นอะไรเพราะไฟฟ้าดับ อากาศเย็นสดชื่น เห็นแต่ ป่าสนรอบๆ เท่านั้น คุ้มจริงๆ เท่ากับยิงนกนัดเดียวได้นกสองตัว เลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 23 เม.ย. 51 20:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หวัดดีค่ะ ตามมาชมอีกรอบ ชอบreviewของคุณรอบนี้จังที่ตามรอย MVเก่าๆน่ะค่ะ เห็นดอยตุง นึกถึงเมื่อ 20 ปีก่อนที่เคยไป ยังป.3เห็นจะได้ คิดแล้วอยากไปอีกค่ะ ดอยแม่สลอง ถ้าอากาศช่วงนี้ยังเย็นๆอยู่ก็น่าสนมากมาย เราเคยขึ้นดอยแม่สลองตอนฝนตกและมืดด้วย ทุกคนในรถนั่งหลังไม่ติดเบาะเลย คอยแต่ลุ้นกับคนขับไปด้วยน่ะค่ะ เรื่องราวเป็นอย่างไรคะ? หลังจากรถเสีย จากคุณ : อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที - [ 24 เม.ย. 51 08:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หวัดดีเช่นกันครับ คุณอยากเป็นไกด์ ใครช่วยที ทีแรกผมยังคิดว่ามีผมคนเดียวที่ตามแกะรอย MV ครับ หลังจากรถเสีย อ้อ.. ขับรถขึ้นมาบนรีสอร์ทแบบดับไฟหน้า วิ่งตามรถแถวนั้นนำขึ้นมาครับ พอขนของลงจากรถหมดแล้ว ก็ดับเครื่อง ผมดึงขั้วแบตเตอรี่ออกเลย เพราะกลัวเสียไฟจากหม้อแบตฯอีก  พอรุ่งเช้าก็เข็นสตาร์ท ครับ แต่มีเรื่องตื่นเต้นอีกเล็กน้อย กว่าจะถึงร้านซ่อมรถครับ  คือระหว่างรอซื้อชา ติดเครื่องรอไว้หน้าร้าน ทนเหม็นควันรถไปพลางๆ แต่พอจะออกรถ เครื่องดันดับหน้าตาเฉย!  ยุ่งแล้วละ เลยต้องช่วยกันเข็นให้เจอเนิน ก่อนแล้ว ใส่เกียร์สองสตาร์ท ติด  ตั้งใจไว้ห้ามดับเครื่องครับ  แต่ปัญหาคือ ถ้ายกเท้าออกจากคันเร่งแล้วรอบเครื่องจะตก แต่เครื่องยังไม่ดับ ยังพอยกเท้ามาแตะเบรคได้ วิ่งออกจาก ดอยแม่สลอง มาอีกทางหนึ่ง คือไม่ผ่านไร่ชา 101 เส้นทางไม่ชันเหมือนทางเดิม ครับ ออกมาถึงถนนใหญ่ เป็นอันโล่งอก ของหลายๆ คน แต่ปัญหาคือ วันที่ 16 นี้ บรรดาร้านซ่อมรถยังไม่เปิด!  เข้าใกล้ ตัวจังหวัดเชียงรายแล้ว ก็ยังไม่พบร้านซ่อมไดนาโม    หาจนพบแต่ปิด เครื่องยนต์ดันดับอีก...... เข็นก็ไม่ติด เพราะเป็นทางราบ สมาชิกที่ไปก็มีแต่ คนแก่ เด็ก และผู้หญิง มีหลานชายตัวโตคนเดียว   ไม่มีรถแท๊กซี่และมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เดินไปเรื่อยๆ (เป็นช่วงก่อนถึง ตัวเมืองเชียงรายสัก 2 กิโลเมตร) พอดีเจอคนแถวนั้นเลยสอบถาม เขาก็อาสาจะไปส่งแต่ก็นึกไม่ออกว่ามีร้านตรงไหน เลยช่วยเข็นรถให้ติด  พอติดเสร็จ สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม เพราะยกเท้าออกจากคันเร่งไม่ได้แล้ว ยกปุ๊บเครื่องจะดับท่าเดียว เลยต้องใช้เบรคมือช่วย เวลาเจอไฟแดง รถก็หยุดยาก ไหนจะคอยมองหา ร้านซ่อมอีก สุดท้ายก็เจอจนได้ รถเลยไปอีก เพราะใช้เบรคมือ ก็ไม่อยู่ เลยใช้เบรคเท้า รถเลยดับ แล้วต้องเข็นถอยหลังกลับมาซ่อมที่ร้าน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 10:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาต่อกันนะครับ ตอนนี้ กำลังจะถึงจุดไคลแม๊กซ์ แล้วละ คือ ตามล่าหาป้าย "ดินแดนสวรรค์สันติคีรี"ให้ได้ ครับ ว่าอยู่ตรงไหน แม้ว่าจะทราบคร่าวๆ มาแล้วว่า ถูกรื้อทิ้งออกไปแล้ว แต่ตำแหน่งเดิมละอยู่ตรงไหน ครับ  งานนี้ ก็มีแต่เดินครับ ผมเดินย้อนออกมาทางเข้าแม่สลองรีสอร์ท เกือบถึงถนนใหญ่ เลยวัดสันติคีรีลงมาเล็กน้อย ก็ยังไม่พบป้ายดังกล่าว จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 11:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 60 จากรูปข้างบน ในใจผมคิดว่า ป้ายนี้น่าจะอยู่ริมถนนใหญ่ ผมเลยเดินลงมาเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงถนนใหญ่แล้ว แต่พอดีเจอชาวบ้านแถวนั้น ผมก็เอารูปภาพข้างบนที่พิมพ์ลงกระดาษออกมาให้เขาดู เขาบอกว่า เลยมาแล้ว เคยตั้งอยู่ตรงหน้าวัดสันติคีรีพอดี  เขาพาเดินมาจนถึงตรงนั้นแล้วเดินแยกทางไปยังหมู่บ้านเขาต่อไป ผมต้องขอบคุณเขามากๆ ครับ ที่ช่วยชี้ตำแหน่งให้ครับ ผมก็เลยสามารถถ่ายภาพเปรียบเทียบได้ดังแสดงข้างล่างนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จากรูปข้างบน กากะบาทคู่สีม่วงน่าจะเป็นจุดที่เคยตั้งซุ้มประตู นะครับ เขารื้อออกไปด้วยเหตุผลที่ตรงนี้เป็นที่ของวัด ส่วนป้ายเป็นของรีสอร์ทครับ หลังจากรื้อไปแล้ว ทางรีสอร์ทก็ได้ทำป้ายทางเข้า เลื่อนเข้าไปติดเขตของรีสอร์ทเลย ดังในรูปข้างล่างครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แต่ลักษณะป้ายได้เปลี่ยนไปบ้าง คือไม่มีเสาข้าง เพราะพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย และที่สำคัญคือเปลี่ยนจากคำว่า ดินแดนสวรรค์สันติคีรี มาเป็นชื่อรีสอร์ทเลย  ดูเปรียบเทียบแล้ว คาดว่าจะเป็นการยกป้ายเก่าไปด้วยซ้ำไป เพราะโครงสร้าง ส่วนประกอบต่างๆ เหมือนของเดิมมากครับ โดยมีโคมไฟสีแดงเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 63 จากจุดที่ตั้งป้ายใหม่ กับ ที่เก่านั้นร่มรื่นมาก ผมรู้สึกประทับใจในยามเช้าวันนั้นมาก ลูกกับผมวิ่งเล่นกันสนุกสนาน เลยครับ ระยะทางก็ไม่ไกลนัก   ถ้าใครผ่านมาดอยแม่สลอง อยากให้ลองเดินขึ้นเนินตอนเช้าๆ เพื่อออกกำลังกายดูบ้างนะครับ  ผมยังเห็นมีคนจีนมาเดินออกกำลังกายบนนี้เลยครับ ไม่จำเป็นต้องมาพักที่รีสอร์ทนี้ก็ได้ สถานที่นี้ เขาทำไว้เหมือนกับสวนสาธารณะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ตรงนี้มีอีกภาพหนึ่ง คือ ภาพพระเอกนางเอกมิวสิค เดินลงมาตามแนวถนน ก็คือ ถนนนี้เอง ซึ่งในคืนวันที่ผมขับขึ้นมาแบบมืดๆ ผมก็รู้สึกจำได้ลางๆ ว่าใช่แน่ถนนเส้นนี้เองครับ จากรูปผมถ่ายล้ำหน้ากว่าของเดิมไปหน่อย ที่เขาถ่ายหลังเนิน ครับ (เนินแสดงให้เห็นด้วยลูกศรชี้สีม่วง)  แต่ดูสภาพแวดล้อมแล้วคิดว่าใช่ตรงนี้แหละ เมื่อยี่สิบปีก่อนครับ ผมได้มายืนเหยียบตรงนี้แล้ว..ไม่น่าเชื่อเลย.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ้าว..ยังเหลือป้ายทางเข้าวัดสันติคีรี ที่เคยอยู่ในรูปคห.60 นั้นหายไปไหนครับ   ย้อนกลับมาดูอีกที  จากรูปข้างล่าง ป้ายถูกย้ายจากด้านซ้ายมือไปอยู่บนเนินขวามือ ตามลูกศรสีม่วงครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 15:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ลองเขาไปดูใกล้ๆ ว่าเป็นป้ายเดิมหรือเปล่า  จากรูปเล็กข้างล่าง เป็นป้ายเดิม สังเกตุดูแล้ว น่าจะเป็นป้ายเดิมครับ เพราะลักษณะเสายึดป้าย ตัวอักษร และลักษณะความเก่าของป้าย จนมีรอยผุ นั้นยืนยันว่า เป็นป้ายเดิมแน่นอนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 16:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เนื้อเรื่องในมิวสิค กล่าวว่า มีชายหนุ่มมาหลังรักสาวจีน อุตส่าห์แอบเดินตามสาวคนนั้นขึ้นมาไหว้พระในวัดบนเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความสวนดอกไม้ มีศาลา มีร่มสน มองเห็นทิวเขาได้ไกลๆ เลยทำให้ผมอยากทราบว่าอยู่ที่ไหน เมื่อได้ดูมิวสิคนี้ ประมาณสิบกว่าปีที่แล้วมา สังเกตุเห็นป้ายทางเข้าว่า ดินแดนสวรรค์สันติคีรี ทำให้คิดว่าอยู่แถวๆ จ.ชลบุรี หรือสระบุรี เพราะมีวัดจีนบนเขาเยอะครับ แต่เพื่อนผมเคยบอกว่าน่าจะอยู่แถวๆ จ.เชียงราย ไม่รู้ถามใคร จนในครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสขึ้นเหนือ เลยลองค้นหาดูครับ จากรูปข้างล่าง ผมได้พยายามค้นหาองค์พระพุทธรูป ที่นางเอกมิวสิคไปไหว้ ซึ่งก็พอหาได้ใกล้เคียง แต่สอบถามใครก็ไม่แน่ใจว่าใช่องค์เดียวกันหรือเปล่าครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 24 เม.ย. 51 16:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มาต่อกันนะครับ นำรูปในคห.65 มาดูกันใหม่  ตรงทางแยกนี้ ถ้าเลี้ยวซ้ายก็ไปยังวัดสันติคีรี ที่มีพระพุทธรูปในรูปคห.67 อยู่ครับ  ตรงไปก็เข้าแม่สลองรีสอร์ท เลี้ยวขวาบนก็ขึ้นไปยังพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เลี้ยวขวาล่างก็ไปยัง โบสถ์สร้างใหม่ ครับ แต่อย่าลืมว่า ตรงแยกนี้ต้องเดินเลยขึ้นมาจากถนนใหญ่ของหมู่บ้านประมาณ 300 เมตร นะครับ จะไม่สามารถมองเห็นได้จากถนนผ่านหมู่บ้านนะครับ  (พอดีผมไม่ได้ถ่ายภาพป้ายทางแยกเข้าไป เนื่องจากไปถึงตอนกลางคืน ตอนเช้าก็ลืมขับรถวนมาถ่ายภาพทางเข้า เพราะทางลงแยกคนละทางกับทางขึ้นครับ) ณ.ตรงจุดนี้เคยเป็นจุดที่มีการมาถ่ายรูปกันมาก เพราะชื่นชอบป้ายเก่าในรูป คห.59 แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นจุดสนใจอีกต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 13:48:55 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 13:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ในวัดสันติคีรี นอกจากหลวงปู่ฤาษี ที่มีพระพุทธรูปที่ผมค้นหาในรูป คห.67 แล้ว ยังมี วิหารเจ้าแม่กวนอิม ด้วยนะครับ ตั้งหันหน้ามายังทางเข้าวัดเลยนะครับ มีความวิจิตรสวยงามมากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 13:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ทางแยกในรูป คห.68 เลี้ยวขวาบน ก็จะเห็นบันไดขึ้นไปสักการะ พระบรมธาตุฯ ประมาณ 300 กว่าขั้น ผมไม่ได้ขึ้นไปเพราะไม่มีเวลา  สมาชิกที่มาด้วย มีความกังวลในการหาที่ซ่อมรถ กับ การกลับกรุงเทพฯ ให้ทันทำงานในวันพรุ่งนี้  ทีแรกผมก็คิดจะหาทางรถที่จะขึ้นไป แต่พอขับออกมาจาก แม่สลองก็ไม่เห็นมี เอาไว้เที่ยวหน้าจะขึ้นไปสักการะนะครับ จากรูปข้างล่างนี้ มีทางแยกเลี้ยวขวาตรงไปยังโบสถ์ใหม่ ที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่มีความสดสวย มากครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 71 จากทางแยกขวาล่างในคห.68 (หรือถ้าเดินมาที่เชิงบันไดในรูปข้างบน คห.70 แล้วก็เลี้ยวขวาไปตามรูปได้เลย) มาดูโบสถ์ใหม่นะครับ สร้างได้สวยสดงดงามมาก และตั้งอยู่ เกือบจะตรงกับ ตำแหน่งของ พระบรมธาตุฯ ข้างบนเลยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เข้าไปดูกันใกล้ๆ ในเขตรั้วโบสถ์เลยครับ จะเห็นรายละเอียดของโบสถ์มากขึ้น  ผมชอบสีสรรของหลังคาโบสถ์ ให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กลับเข้าไปยังรีสอร์ท จะเห็นการจัดสวนบนสนามหญ้า และบ้านที่ออกแบบให้กลมกลืนเข้ากับธรรมชาติ ช่วงนี้ถือเป็นนอกฤดูกาลเที่ยวเลยดูเงียบเหงาไปหน่อย แต่ก็สงบสมกับการมาพักผ่อนนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ซุ้มประตูเข้าบ้านพัก โซนบ้านสนสันติ เป็นแบบดั้งเดิม หาดูได้ยากในปัจจุบัน แต่ผมไม่ได้พักโซนนี้นะครับ ผมพักโซนบ้านดอย ในชื่อบ้านยูนาน ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 75 หลังบ้านพักบางโซนก็จัดสวนแบบลาดเอียงลงตามไหล่เขา สวยงามไปอีกแบบหนึ่งครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ตรงบ้านที่ผมพัก จะอยู่ริมเขา ท่ามกลางดงสน ครับ หันหน้าไปยังหมู่บ้านแม่สลอง อย่างในภาพคห.50 ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ยิ่งถ้าได้พักบ้านหลังในสุด (จากรูปข้างบน ก็คือหลังที่อยู่ไกลสุด) ก็จะชมวิวได้สวยกว่าใคร ครับ ในรูปข้างล่าง นอกจากจะเห็นวิวหมู่บ้านแม่สลองแล้ว ยังเห็นทะเลหมอกยามเช้าไกลๆ ศาลาเกรียงศักดิ์ และ สวนต้นไม้เป็นตัวอักษรได้อีก  ตรงสวนนี้ ผมลืมสังเกตุมาว่า เขาอ่านว่าอะไร แต่ลูกผมเขาจำบรรทัดบนได้ว่า "ดอยแม่สลอง" แต่บรรทัดล่างไม่ได้อ่านกัน  ถ้าใครมา ลองมาอ่านให้ครบนะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สาเหตุที่ผมเลือกบ้านแบบยูนาน เพราะดูในรูปภาพของเว็บรีสอร์ทแล้ว ที่นอนเขาวางเรียงกันบนพื้นยกระดับทำให้สามารถอัดได้ 4 คน ต่างจาก ห้องอื่นๆ ที่เตียงวางแยกกัน ถ้ามาเกิน 2 คนก็ต้องนอนพื้นครับ ฝาห้องเขาทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะทาสี ให้ความรู้สึกธรรมชาติดีกว่าผนังปูนซีเมนต์ครับ แถมราคาต่อคืนเพียง 500 บาทเองครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 79 กลับมาไขปริศนาสถานที่ย้อนรอยอดีตจากมิวสิควิดีโอเก่าต่อนะครับ ในภาพข้างล่างเป็นสวนดอกไม้ที่มีศาลาพระเกี้ยวอยู่  ผมพยามเล็งหามุมเดิมให้ได้ โดยเน้นที่ ศาลาพระเกี้ยว โคมไฟฟ้า และภาพต้นสนบนเนินเขาฉากหลังให้ตรงกัน จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 14:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 80 และผมก็มาได้เห็นมังกรคู่ตรงปากทางเข้าสวนดอกไม้ เลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหน่อย  ข้อสังเกตุในวงกลมสีม่วง ผมต้องถือภาพในอดีตที่มิวสิควิดีโอถ่ายไว้ตลอด เพื่อช่วยในการเล็งมุมกล้อง และสอบถามคนในพื้นที่ ว่าภาพนี้อยู่ตรงไหน สนุกดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 15:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ในสวนดอกไม้นี้ จะมีศาลาพระเกี้ยวสีสวยสดใส อยู่ตรงกลางเลย จนสมาชิกที่ไปด้วยอดใจไม่ได้ ต้องเข้าไปแอ๊คชั่นถ่ายรูปกันคนละรูปสองรูป ทั้งๆ ที่ใจอยากจะกลับ เพราะกังวลในเรื่องซ่อมรถ และกลับกรุงเทพฯไม่ทันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 15:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มาที่รูปปราบเซียน เพราะผมเล็งหาอย่างไรก็ไม่เจอ ว่าถ่ายที่มุมไหน เพราะไม่สามารถหาบันไดลงมาได้อย่างในรูปข้างล่างซ้าย ทีแรกยังนึกว่าเป็นบันไดหน้าบ้านเกรียงศักดิ์ แต่ไม่เหมือน  ซึง พอได้คุยกับเจ้าของรีสอร์ทแล้ว ว่าเป็นบันไดร้านอาหาร ผมก็ยังไม่แน่ใจ เพราะบันไดเวลามองตรงๆ ก็เป็นภาพอีกแบบหนึ่ง จนกระทั่งได้เดินเข้ามาในสวนโดยบังเอิญ  เลยถึงบางอ้อ...ครับ ได้มาอย่างภาพข้างล่างนี่แหละครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 16:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 83 จากรูปข้างบน (คห.82) นอกจากบันไดเจ้าปัญหา มองตรงๆ ก็ดูไม่ออก แถมยังมีหลังคาร้านค้าสร้างใหม่ขึ้นมาบดบังอีก และต้นกุหลาบที่หนุ่มสาวยืนคู่กัน ก็ดันโตท่วมหัวแล้ว เลยไม่สามารถเล็งถ่ายภาพในมุมเดิมได้อีก.... บันไดนี้ นำไปสู่ห้องอาหารซากูระ ที่ผมไม่ได้แวะขึ้นไปทาน เพราะห่วงถ่ายภาพและรีบกลับบ้านครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 17:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 84 และนี่ก็เป็นร้านค้าที่สร้างใหม่จากเดิม จำหน่ายชาจาก ไร่ชาอี่เถียน แต่ในช่วงนี้ปิดร้าน เพราะนอกเทศกาล ครับ จะสังเกตุม้าหินในรูปวงกลมสีม่วง น่าจะเป็นตัวเดียวกับที่เห็นในรูปคห.82 ภาพเดิม (OLD) นะครับ เพียงแต่นำมาทาสีใหม่ เพราะปกติม้าหินก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีน้ำหนักมาก ไม่ค่อยจะมีใครอยากย้ายไปไหนไกลๆ หรอกครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 17:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ทีนี้ก็เหลือภาพปริศนาสุดท้าย ที่หาไม่ได้ ถ้าไม่สอบถามเอา  เพราะได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วครับ คือภาพคู่หนุ่มสาวนั่งม้าหินในดงสน ริมเนินเขาครับ อยู่ตรงไหน?  ซึ่งพบว่าได้กลายเป็นบ้านพักที่ผมไปนอนนั่นแหละครับ (รูปในคห.76)  และเจ้าม้าหินที่ต้องสงสัย ก็น่าจะเป็นตัวในรูปข้างล่างนี่ เพราะถูกวางไว้ชิดต้นสน ด้วยเหตุผลเดิมที่ผมคาดคะเนว่า ยากที่จะย้ายไปไหว้ตรงจุดอื่น เพราะมีน้ำหนักมาก ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 18:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ก่อนจะกลับ ผมได้เดินสำรวจอาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่นี่ ซึ่งเคยใช้เป็นที่ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่กู้ชาติของ กองทัพกู้ชาติ คอมมิวนิสต์ยูนาน ประเทศจีน จนปี พ.ศ.2512 จึงได้โอนอำนาจการจัดการกองพลให้แก่รัฐบาลไทย เมื่อหมดภาระกิจปราบปรามผู้ก่อการร้าย บนดอยหลวง ดอยยาว ดอยผาหม่น จึงได้ทะยอยปลดประจำการทหาร และปรับปรุงสถานที่แห่งนี้เป็นรีสอร์ทเมื่อปี 2528  จึงพบอาคารแสดงประวัติรีสอร์ทแห่งนี้ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 18:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ภายในอาคารมีภาพทหารในสมัยก่อนมากมาย แต่ผมไม่มีเวลาดูเท่าใดนัก เดินออกมาก็พบแผ่นหินจารึกประวัติศาสตร์ในภาษาไทย - จีน ใครผ่านไปลองไปยืนอ่านดูก็ได้นะครับ ส่วนผมต้องรีบกลับแล้วละครับ เพราะนี่ก็แปดโมงเช้าครึ่งแล้วครับ ยังไม่รู้ว่าจะเอารถไปซ่อมที่ไหน ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าด้วยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 18:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ก่อนจะลงจากรีสอร์ท ขอ แสดงแผนที่ให้เห็นนะครับ ว่าตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละสถานที่เป็นอย่างไรกันครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ถ้าต้องการรายละเอียดในการเข้าไปพัก ก็คง Search หาจาก Google เองนะครับ เพราะผมไม่ได้ค่าโฆษณาจากทางรีสอร์ท ผมเลยทำง่ายๆ ให้ดูในเชิงการท่องเที่ยวนะครับ หลังจากลงมาจากรีสอร์ทแล้ว  คำเตือนนิดนึง คือ ถนนจะชันมากตอนขาลง เพราะระยะทางใกล้นิดเดียวก็ถึงทางข้างล่างแล้ว ต่างจากตอนขึ้น ถนนจะอ้อมผ่านวัดสันติคีรี แล้วถึงจะไปผ่านป้ายเดิมและใหม่ตามลำดับครับ  ยืนยันครับว่า เราสามารถเข้าไปเที่ยวสถานที่ภายในรีสอร์ทได้ทั้งหมด โดยไม่ต้องเข้าพักอาศัยครับ เพราะสถานที่นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งประวัติศาสตร์ของดอยแม่สลองครับ รถสตาร์ทไม่ติด ทั้งๆ ที่ถอดขั้วแบตเตอรี่ทั้งคืนไม่ให้ไฟรั่วออกไป เลยต้องขอให้เด็กๆ ที่รีสอร์ทมาช่วยเข็น เครื่องยนต์ติด (ต่อไปก็ห้ามดับเครื่องจนกว่าจะถึงร้านซ่อมรถครับ) ผมขับลงมาได้นิดนึงก็เห็นร้านขายชาสวยๆ เลยแวะครับ  เขาทำร้านสวยดี เลยลองแวะเข้าไปชมดูครับ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 20:10:23 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ทางร้านมีเคาท์เตอร์ชงชาให้ชิมฟรีด้วยครับ  เขาใช้วัสดุธรรมชาติร่วมกับวัสดุสมัยใหม่ ทำร้านค้าให้ดูทันสมัยดีครับ  พอดีได้คุยกับเจ๊เจ้าของร้าน เขามีไร่ชาของเขาเอง มีสาขาทีกรุงเทพฯด้วย อยู่ที่ ห้างเสรีเซนเตอร์ ถ้าติดใจก็ไปซื้อได้ที่นั่น ไม่ต้องเสียค่ารถมาถึงดอยแม่สลอง  เจ๊ดูแลไร่ชาเองกับมือ พอดีแวะมาดูร้าน ก็เลยได้คุยกันครับ อัธยาศัยดีครับ ที่จริงก็มีร้านชาอื่นๆเปิดขายบ้างแต่น้อยมาก เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่นั่นครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 91 คณะของเราก็เลยเลือกซื้อกันตามพอใจ ในร้านมีภาชนะ เครื่องเคลือบดินเผาขายด้วย ส่วนผมเองไม่ได้ซื้ออะไรเลย เดินหามุมเหมาะๆ ถ่ายภาพเก็บกลับไปบ้านดีกว่า ไม่เสียตังค์ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ระหว่างที่ผมและเด็กๆ นั่งรอ พวกผู้ใหญ่ชอปปิ้งกันเพลิน ทางร้านก็นำชามาเสริฟให้ฟรี  ผมเลยลองดื่มดู  ทางร้านเขาจะเสริฟให้เป็นถ้วยครอบกันอยู่ ถ้วยเล็กยาวจะคว่ำบนถ้วยกลม เวลาดื่มให้ยกถ้วยบนทันที ผมเผลอค่อยๆขยับถ้วยบน ทำให้น้ำชาร้อนๆ ล้นออกมาเลย  หลังจากยกถ้วยบนแล้วให้ดมกลิ่นชาในถ้วยบน แล้วดื่มถ้วยล่าง ครับ  เห็น พรีเซนเตอร์ ไหม ....แหม..เขินจังเลย จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ที่หลังร้านจะมีห้องน้ำบริการฟรีด้วยครับ  มุมมองบนร้านก่อนจะก้าวลงบันไดไปสู่ห้องน้ำก็สวยสะอาดดีครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 19:55:48 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มองไปข้างหน้า ก็จะเห็นวิวไร่ชา ตามไหล่เขาเลย ไม่ต้องไปไกล เพียงแต่ดูไม่ยิ่งใหญ่อลังการณ์เหมือนไร่ที่นอกชุมชน ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาไปเที่ยวชม ต้องรีบกลับครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เดินมาหน้าร้าน แหงนดู อ้าว...ไหงยังอยู่ใกล้ๆ กับ ศาลาเกรียงศักดิ์อยู่ล่ะ ออกมาตั้งไกลแล้วนะ  สงสัยเส้นทางลงเขา มันวกวน เลยทำให้ดูเหมือนไกล  เกือบจะออกรถแล้ว อยู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับ อุตส่าห์ติดเครื่องทิ้งไว้ทนเหม็นควันตั้งนาน (เพราะถ้าดับเครื่องแล้วต้องเข็นสตาร์ทอย่างเดียว) เลยต้องเข็นกันอีก ต้องขอบคุณน้องๆ แถวๆ นั้นที่ออกมาช่วยกันเข็นรถลงเนิน ติดเครื่องได้  สามารถขับออกมาที่ อ.แม่จัน ถนนใหญ่ โดยรถไม่มีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้เปิดไฟหน้า (เวลากลางวัน) จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ก็อย่างที่เล่าไปแล้วใน คห.58 ว่ากว่าจะถึงร้านซ่อมไดนาโมที่เปิดในวันที่ 16 เมย. ได้ ก็ทุลักทุเล  รถดับเองได้ ถ้าหากไม่คอยเหยียบคันเร่ง ต้องใช้เบรคมือ ที่ยากมากๆ ครับ เพราะถ้าปล่อยให้เครื่องดับก็เบรคยากอีก..เครียด! ผม  คนขับจะกินข้าวก็ต้องกินบนรถ (พอดีแฟนซื้อไก่ย่างไปกินในรถ) ลงรถไม่ได้ เพราะเท้าต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้) ไม่สามารถลงรถเข้าห้องน้ำได้ (โชคดีที่เข้าห้องน้ำไปแล้วที่ร้านขายชา) ขับๆ มาใกล้ ตัวเมืองเชียงราย ก็เจอร้านซ่อมที่ปิด รถก็ดับตรงนั้นด้วย เข็นก็ไม่ไหว เพราะมีแต่เด็ก คนแก่ ผู้หญิง เลยเข้าไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าของร้านที่หลังร้าน แต่เขาไม่สน ไม่ยอมออกมาช่วยดูอะไรให้เลย  ก็เลยได้คนแถวนั้นช่วยเข็นสตาร์ทให้   สุดท้ายก็ได้ ร้านณัฐมอเตอร์แอร์ ขอประกาศเกียรติคุณให้หน่อยว่า เป็นร้านหนึ่งที่เปิดก่อนใครในช่วงปิดยาวแบบนี้ เพราะในยามทุกข์ยากแบบนี้ ถ้ามีใครยื่นมือมาช่วยเหมือนฮีโร่มาโปรดเลยละครับ แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 20:39:40 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:18:21 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ความจริงแล้ว พวกร้านค้าที่บริการแบบนี้ น่าสลับกับเปิดร้าน เพื่อให้บริการฉุกเฉินในช่วงหยุดยาวเทศกาลนะครับ จะเรียกค่าบริการแพงกว่าปกติสักหน่อยก็ได้ เพราะลูกค้าก็คงไม่มาก และตนเองเสียสละไม่ได้หยุดพักไปกับเขาด้วย ผมเลยลงรูปช่างขณะซ่อมให้ดู และที่น่าสรรเสริญก็คือ เขาบอกตรงๆ ว่า ไดนาโมไม่ได้เสีย แค่สายไฟมาต่อเชื่อมเข้ากับขั้วไดนาโมไม่ได้ขันล๊อคด้วยน๊อต วางไว้เฉยๆ...อ้าว!..........แล้วช่างกรุงเทพฯ คนก่อนที่ทำให้ผมก็ชุ่ยนะซี  แถมผมพบปัญหาก่อนมาเที่ยวในวันที่ 12  เช้าวันที่ 13 เอารถไปให้ดูก็ไม่รู้เรื่อง ทำอะไรไม่ได้...อย่างนี้ก็เลิกคบกันเลย  เหมือนกับวางยากให้เกิดปัญหาตรงไหนก็ได้..เฮ้อ...  และดันมาพบปัญหาในช่วงเทศกาลหยุดยาวที่จำเป็นต้องใช้รถเสียด้วย โชคยังดีที่ รถยังวิ่งไปถึงภูชี้ฟ้าตี 3 ได้  คงเป็นเพราะผมเปลี่ยนหม้อแบตเตอรี่ใหม่ทั้งลูก ถ้าลูกเก่า ก็คงเสร็จตั้งแต่ ลำปาง ในคืนวันที่ 13 แล้ว ซึ่งก็หาร้านซ่อมไม่ได้อีก.......เฮ้อ.. สบายใจแล้ว ช่างเขาคิดเงินเพียง 200 บาท ค่าซ่อม และชาร์จแบตเตอรี่ ในใจผมอยากจะให้ 500 บาทด้วยซ้ำไปครับ  เดี๋ยวจะหาว่าดูถูกเขาอีก เขาขอแค่นี้ครับ คงต้องขอบคุณ ช่างณัฐ มา ณ.ที่นี่ ที่ไม่ฟัน(หัว)ผม  แค่เขาบอกว่าไดนาโมเสีย เรียกสัก 5 พันผมก็ต้องจ่ายครับ ในสถานการณ์เช่นนั้นครับ ร้านน้องเขาอยู่เลยจากสนามบินเชียงรายมาประมาณกิโลเมตรหนึ่ง ฝั่งซ้ายมือ ถ้าวิ่งรถจาก แม่จันลงมาครับ คนหากินสุจริตแบบนี้ต้องสนับสนุนกันหน่อยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 98 กระทู้นี้ยาวจริงๆ มีเนื้อหา (ที่คิดว่าอาจไร้สาระ หรือมีสาระ) เยอะแยะไปหมด ผมใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเชียงรายออกมาได้ประมาณสิบกิโล ติดไฟแดง ก็เหลือบเห็นวัดร่องขุ่น ของ อ.เฉลิมชัย  เสียดายครับ ไม่มีเวลาแวะ เพราะตอนนั้นก็บ่ายโมงแล้ว กว่าจะถึงกรุงเทพฯ กลัวแจ้งครับ เอาไว้คราวหน้าค่อยมาอีกที เพราะไม่ได้ขึ้นเขาอะไรมากครับ จากรูปข้างล่าง แหม..มองวัดร่องขุ่นทีไร ทำไมรู้สึกเหมือนมีหมอกขาวๆ วนรอบๆ โบสถ์นะครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขับรถล่องลงมาอีก เลยทางแยกไปเชียงใหม่ (แม่สรวย) ประมาณสิบกิโลเมตรก็เห็นวัดสวยๆ ชื่อวัดทรายขาว ริมถนนอีก เลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน ไม่ได้แวะเช่นเคยครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขับรถเลยจาก อ.งาว ไปไม่ถึงสิบกิโลเมตรก็เห็นวัดสวยๆ ชื่อวัดจองคำ (วัดนี้เห็นตั้งแต่ช่วงขาขึ้นแล้ว แต่มืดเลยไม่ได้ถ่ายรูป ขากลับตั้งใจจะถ่าย เพราะชื่อน่าจะอยู่แถวๆ เชียงใหม่ นะครับ ผมได้แต่จอดถ่ายรูปเหมือนเคย ซุ้มประตูทางเข้าสวยมากนะครับ ถ้ามีเวลาขาขึ้นไปเชียงราย ลองแวะดูก็ดีครับ เพราะวัดอยู่ติดถนน เข้าออกได้สะดวกครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 20:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขับๆ มาเห็นเขารูปแปลกๆ ดี เลยคว้ากล้องถ่ายไว้ก่อนครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 21:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เฮ้อ....ขอพักกล้องไว้แค่นี้นะครับ อีก 51 กม.จะถึงลำปาง เวลาตอนนั้นก็ใกล้สี่โมงเย็นแล้ว อาหารมื้อเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย..... ผมขับเลยตัวเมืองลำปางไปนิดเดียวก็มีร้านอาหารริมทาง และด้วยความที่รักการผจญภัย เลย ตัดสินใจเลือกเส้นทางลุยๆ คือ เด่นชัย - อุตรดิตถ์ - พิษณุโลก - ตากฟ้า อ.อินทร์บุรี  โอย....เส้นทางตั้งแต่ อ.แม่เมาะไป ยังเป็นถนนโบราณที่ รถวิ่งสวนกัน ไปตลอด จนถึง อ.อินทร์บุรี ขับรถเครียด ใช้ทั้งสายตา และสมาธิมาก เข็ดแล้ว ไม่มาทางนี้อีกแล้ว นี่ถือเป็นการสำรวจเส้นทางสายนี้ ที่นานแสนนานแล้ว ทางการไม่ยอมขยายเป็น 4 เลนเสียที เอาแต่ขยาย ถนนด้านเถิน - ตาก - นครสวรรค์ ครับ ถึง อ.อินทร์บุรี ตี 2 กว่าๆ  ขอนอนพักงีบเดียว แล้วก็ขับรถถึง กทม. ตีห้า โดยสวัสดิภาพ ครับ....สวัสดีครับ  ขอบคุณที่ติดตามชม..ทริปนี้ครับ จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 25 เม.ย. 51 21:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 103 รถคันนี้คุ้มจริง ๆ ค่ะ คุณลูกคุณแม่คงสนุกเนอะ....มีคุณพ่อแอดเวนเจอร์แบบนี้ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 14 พ.ค. 51 22:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คห.103 แม่ซากานะ : ก็นี่คือวัตถุประสงค์ของการซื้อรถครับ  ปกติวันทำงาน ผมจะใช้มอเตอร์ไซด์ ครับ แหม! ช่วงนี้ฝนตกทุกเย็นเลย ต้องขี่ลุยฝนกลับบ้าน ครับ  ตามหลักเศรษกิจพอเพียงครับ คือไปคนเดียวก็ใช้รถมอเตอร์ไซด์ ไปหลายคนก็ ใช้รถใหญ่ครับ.. จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 15 พ.ค. 51 11:42:32 ]