จากคนไม่เคยรู้ แล้วมีโอกาสได้รู้ เลยอยากเล่าสู่กันฟังค่ะ
ก่อนอื่นดิฉันต้องออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้เป็นพนักงานของสายการบินใดๆทั้งนั้นค่ะ เป็นเพียงบุคลากรทางด้านสุขภาพ แล้วบังเอิญ มีสามีเป็นพนักงานของสายการบินแห่งหนึ่งค่ะ ทำให้ดิฉันได้มีบุญนั่งเครื่องบินกับเค้าด้วยราคาที่พอตะกายถึง จากการสังเกตุ ยังมีบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในบางเรื่อง หรือทราบอยู่แล้วแต่ไม่ตระหนัก ซึ่งมันอาจส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ตัวท่านเองและบุคคลอื่นได้ค่ะ
ดิฉันจึงขออนุญาต พื้นที่ในกระทู้นี้มาเล่าสู่กันฟัง และแชร์ประสบการณ์ ซึ่งหากท่านใดมีความคิดเห็นเพิ่มเติม หรือมีข้อโต้แย้งประการใดก็เชิญได้เลยนะคะ เนื่องจากเรื่องที่ดิฉันจะบอกต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ซึ่งอ้างอิงเหตุผลทางหลักวิชาการที่ดิฉันมีความรู้ และสามี ได้คอยอธิบายให้ทราบ ก็จะสงสัยนู่นนี่ อาศัยมีคนให้ถามก็คอยถามไปเรื่อย
อ่ะ ว่าน้ำมาซะยาว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า บางเรื่องถ้าท่านไหนทราบอยู่แล้วก็ขออภัยนะคะ
** การคาดเข็มขัดนิรภัยบนเครื่องบิน **
ที่เค้ามีการประกาศให้คาดก่อนเครื่องขึ้นและเครื่องลง และบอกให้คาดไว้จนกว่าไฟรัดเข็มขัดจะดับลง ดิฉันเห็นหลายๆท่าน พอไฟรัดดับลงก็รีบปลดออกทันที ความจริงควรคาดไว้ตลอดเวลาจะดีกว่าค่ะ เพราะ เวลาเกิดภาวะอากาศแปรปรวน ที่ศัพท์เทคนิคเค้าเรียก " Turbulence " นั่นแหละค่ะ หากมันรุนแรงมาก อาจทำให้ตัวคุณเหวี่ยงไปมาได้ แฟนบอกเคยมีคนหัวกระแทกคอหักตายเลยนะคะ หรือตอนเครื่องลงยังไม่ทันจอดสนิทดี ไฟแจ้งเตือนยังไม่ทันดับ ก็ปลดเข็มขัดซะแระ เกิดมีการไถลรุนแรงขึ้นมา อันตรายนะคะ ดิฉันว่า เข็มขัดมันไม่ได้ทำให้เราอึดอัดซักเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับความปลอดภัย คาดไว้ตลอดจะดีกว่าค่ะ
** การนำสัมภาระขึ้นมาบนเครื่องบิน **
ถ้าเป็นไปได้ โหลดไปจะดีกว่าค่ะ หรือถ้านำขึ้นมาควรเก็บไว้ในช่องสัมภาระด้านบนค่ะ ซึ่งมันก็อาจจะอยู่สูง หรือของชิ้นใหญ่เกินไป เราก็ไม่สะดวกจะยกเองอีก และพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ก็ไม่ได้มีหน้าที่จะมายกของพวกนี้ให้เรานะคะ เพราะหน้าที่หลักของเขาคือ การดูแลด้านความปลอดภัยค่ะ ลองคิดดู อันนี้ไม่ได้ว่าตามกฎระเบียบใดๆ นะคะ เกิด ไฟล์นั้น พวกเค้ายกของจนหลังเดี้ยง หมดแรง เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา คนที่เป็นหลักสำคัญในการช่วยเหลือผู้โดยสาร คือพวกเค้านะคะ ดิฉันว่าให้เค้าพร้อม เฟรช อยู่ตลอดไฟล์จะดีกว่าค่ะ และการวางกระเป๋าไว้บนพื้นก็ไม่สมควรค่ะ ใต้เก้าอี้ก็เถอะ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น สัมภาระพวกนี้แหละ จะเหวี่ยงมาทำร้ายเราและคนอื่น และเกะกะทางออกฉุกเฉินอีกต่างหาก
** การปิดไฟ บนเครื่องขณะกำลังขึ้นหรือลงจอด **
ตอนแรกดิฉันสงสัยค่ะ ปิดทำไมอ่ะมันมืด ถามเลยค่ะ ถามคุณแฟน เค้าบอกว่าดวงตาจะได้ปรับสภาพไง ดิฉันถึงบางอ้อ เลยค่ะ ด้วยหลักการในเรื่องของการตอบสนองต่อแสงของรูม่านตาไงคะ ที่เวลาเราอยู่ในห้องมืด ตอนแรกจะมองไม่เห็น แล้วซักพักก็จะเห็นได้มากขึ้นไงคะ เพราะรูม่านตาคนเรา พอแสงมาก ก็จะหดลง แสงน้อย ก็จะขยาย เค้าปิดไฟไว้เพื่อให้รูม่านตาเราขยาย หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ม่านตาเราก็ขยายพอที่จะทำให้มองเห็นและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไงคะ เท่าที่สังเกตุบางท่านจะเปิดไฟ อ่านหนังสือต่อ ดิฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ว่าความเข้มแสงของไฟที่ว่านี้ จะทำให้ม่านตาหดลงได้มากแค่ไหน เอาเป็นว่า ส่วนตัวดิฉันขอนั่งมืดๆ ให้ม่านตาขยายดีกว่าค่ะ
** การเปิดม่านหน้าต่าง ขณะเครื่องขึ้น - ลง **
อันนี้ก็ว่าด้วยเรื่องการปรับสภาพตาเหมือนกันค่ะ และในเรื่องของความปลอดภัย ที่ทำให้เราได้สังเกตุเหตุการณ์ภายนอก และเตรียมพร้อมได้ทันค่ะ
นอกจากนี้ ก็ยังมีในเรื่องของการปรับพนักเก้าอี้ให้ตรง การพับโต๊ะหน้าที่นั่ง การงดใช้เครื่องมือสื่อสาร และอุปกรณ์อิเลคโทรนิค เป็นต้น ดิฉันคิดว่า เรื่องเหล่านี้ เราๆท่านๆอาจจะรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ควรทำ แต่ยังขาดความตระหนักในอันตรายของมันรึเปล่า ดิฉันเห็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ต้องคอยบอกกล่าวเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ ทั้งๆที่มันเป็นสวัสดิภาพและความปลอดภัของเราเองแท้ๆเลยเชียว
แก้ไข ดีกว่า ตามคำแนะนำค้า
แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 13:11:01
แก้ไขเมื่อ 25 เม.ย. 51 13:07:50