ความคิดเห็นที่ 1 ให้ไวเลย น้องบอล ............... วันนี้ได้นั่งแถวหน้าแระ ...อิอิ จากคุณ : cultureclub - [ 27 เม.ย. 51 19:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มานั่งเบียดปร้านาคนจ๋วยยยยย ขอเป็นแม่ยกด้วยคนน๊าค๊าปร้านา ป้านาคนเดียว.....  ยกน้องบอลมะไหวแน่ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 27 เม.ย. 51 19:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เร่งฝีเท้า เดินตาม " ไกด์กิตติมศักดิ์ "  ครับ   จากคุณ : Draught Beer - [ 27 เม.ย. 51 19:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก้อเกิดอุปสรรคเล็กๆละครับ ฮี่ๆๆ หวัดดีคับพี่นา มาคนแรกทีเดียว ปร้าอิ๋มจ๋า พ่อเบียร์ครับมาด้วยกันครับ แล้วเดินข้ามถนน Park Street ที่ตัดผ่าน Hyde Park จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น่าสนใจจังครับ ไปโบตานิก การ์เด้น ขอตามชมด้วยนะครับ (เคยไปตอน 3 ขวบ จำอะไรไม่ได้เลยยย เห็นแต่ในรูปถ่าย ผมว่าสวยดีครับ) จากคุณ : หน้าแว่น - [ 27 เม.ย. 51 20:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดินต่อมาอีกนิดเดียวก้อจะถึงที่เที่ยวแห่งแรกของเราในวันนี้ครับโบสถ์ St. Mary ‘s Cathedral จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หวัดดีครับคุณหน้าแว่น ตามมาเร็วๆครับ โบสถ์ St. Mary ‘s Cathedral สร้างขึ้นด้วยหินทรายในแบบโกธิค เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1821 โดย Governor Macquarie เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ เฉพาะตัวโบสถ์มาสร้างเสร็จเมื่อปี 1882 และสร้างเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 1928 ครับ ตอนแรกยังไม่มีหอคอยสูงๆยอดแหลมๆนี่หรอกนะครับ หอคอย 2 อันนี้มาสร้างเพิ่มเติมที่หลังโดยการออกแบบของ William Wardell จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 โบสถ์ St. Mary ‘s Cathedral นี่ถือว่าเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียเลยครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนนี้ถ่ายรูปออกไม่สวยเท่าไหร่ครับ เพราะด้านนอกก็กำลังปรับปรุงใหม่เห็นว่าจะทำเป็น Aquatic Centre ครับ ส่วนด้านในก้อกำลังติดกระจกกันกระสุนเพราะว่า พระสัตปาปาจะเสด็จมาในช่วงเดือนกรกฎานี้เพราะปีนี้Sydney จะเป็นเจ้าภาพในการจัด Youth Day อันนี้ฟังจากข่าวโทรทัศน์ตอนที่อยู่ที่โน่นนะครับ เห็นบอกว่าจะปิดถนนในซิดนีย์หลายสายในวันงานสะพาน Harbor Bridge ก็จะปิดคนออกมาโวยวายกันใหญ่ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้ฟังพร้อมรูปสวยๆ ของด้านในโบสถ์ครับ อันนี้ได้ความรู้มาจากพี่ไกด์วันที่เราไปเที่ยวทัวร์แถม City Sight-Seeing ครับ คุณลุงบอกว่าจริงๆแล้วมีการตั้งอาณานิคมกันตั้งแต่ ค.ศ. 1788 แล้ว แต่ตอนนั้นยังไม่มีการสร้างโบสถ์ไม่ใช่เพราะว่าไม่พร้อมแต่ว่าได้รับการต่อต้านจากคริสตจักรในอังกฤษนอกจากนั้นคริสตจักรในอังกฤษยังออกคำสั่งห้ามประกอบพิธีกรรมทางคริสต์ศาสนาอีกด้วย เพราะว่าคนที่ถูกส่งตัวมาที่ ออสเตรเลียนี่จะเป็นคนพื้นเมืองสก็อตเป็นส่วนใหญ่ครับ (อันนี้คุณลุงไม่ได้เล่าต่อครับว่าเนื่องจากเหตุอะไร) เพิ่งจะมีพระที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเมื่อปี 1820 นี้เองครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โบสถ์ St. Mary ‘s Cathedral นี่จะอยู่ตรงหัวมุมถนน College Street – Prince Albert Road และ St. Mary Road ครับ ฝั่งตรงข้ามด้านนึงคือ Hyde Park ซึ่งสามารถมองเห็น Sydney Tower ได้จัดเจนเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนอีกด้านนึงซี่งเรากำลังจะเดินไปทางนั้นพอดีคือ Hyde Park Barrack แต่เราจะยังไม่หยุดเที่ยวกันครับ เราจะเดินเลยไปก่อนครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 20:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาลงชื่อไว้ก่อน รอรีวิวเสร็จ ค่อยอ่านทีเดียวโลดด สัก ตี 2 วันนี้ ค่อยเข้ามาอีกที ดีไหมจ๊ะ อิอิ เอ๊ะ หรือว่าพรุ่งนี้เช้าดี จากคุณ : Invisible Angel - [ 27 เม.ย. 51 20:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ชักช้าแบบนี้....  พี่ว่าพรุ่งนี้ถึงจารีวิวเสร็จอ่า จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 27 เม.ย. 51 21:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่ทันใจวัยรุ่นเล้ย ... ปร้าๆ คอยเหงือกแห้งแล้วเน้อ ........ จากคุณ : cultureclub - [ 27 เม.ย. 51 21:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คาดว่า..วันอังคารประมาณบ่ายๆ น่าจะได้ชมต่อ จากคุณ : prettyguide - [ 27 เม.ย. 51 21:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อืม กระทู้มีสาระดีนะครับ รูปประกอบคำอธิบาย ว่าแต่ทำไมช้าจริงไม่ทันใจวัยรุ่นเลย จากคุณ : john_ - [ 27 เม.ย. 51 21:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ย่องๆ มาแอบดู  ไม่กล้าบอกว่าเพิ่งเห็นกระทู้ของคุณทะน๊ายยยยย  เด่วตามไปทู้หนึ่งก่อนค่ะ จากคุณ : sueko - [ 27 เม.ย. 51 21:39:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แหม ... แก๊งค์ป้าซิ่งนิ จายร้อนเป็นวัยสะรุ่นไปได้ครับ จายเย็นๆสิครับผม เราเดินเลี้ยวขวาตรงหัวมุมถนนและเดินไปทาง Art Gallery แล้วก้อถึงแล้วครับ Royal Botanic Garden จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 21:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หวัดดีครับพี่ Sueko ครับ ผมก้อเพิ่งเห็นกระทู้ของพี่ครับเดี๋ยวโพสของตัวเองเสร็จจะตามเข้าไปดูนะคับ ปัญหาคือ ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ครับ อ่ะๆๆๆ สวนส่วนตรงนี้เรียกว่า The Domain ครับ เป็นสนามเขียวสดกว้างๆ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ เรียงรายตามสองข้างทางมีป้ายให้ความรู้เรื่องต้นไม้เป็นระยะๆ ถนนเส้นนี้ตอนเย็นๆมี Sydneysider มาออกกำลังกายกันเต็มเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 21:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 The Domain นี่ถือว่าเป็น “ลานเมือง” ของ Sydneysiders ครับ เพราะว่างานเทศกาลต่างๆ มักจะมาจัดที่ละครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 21:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เดินต่อมาอีกหน่อยก้อจะถึง Art Gallery of New South Wales อยู่ทางด้านขวามือครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 22:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Art Gallery of New South Wales ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1874 แต่ว่าเพิ่งย้ายมาอยู่ตรงนี้ในปี ค.ศ. 1897 อาคารหลังนี้โดย WL Vernon  ปัจจุบันนี้ก็เป็นที่แสดงศิลปะต่างๆโดยจะแบ่งเป็นโซนๆ เช่น ออสเตรเลีย เอเซีย ยุโรป จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 22:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เคยไปเดินมาแย้วค่ะ ปกติเป็นคนไม่ชอบเดินเลย แต่ไปที่นี่ เดินแล้วมีความสุขมากกก ได้ไปส่องดูค้างคาวด้วยค่ะ คิดว่าถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงปีนี้จะได้ไปอีก จากคุณ : ไอ้แล่ด - [ 27 เม.ย. 51 22:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เดินเลย  Art Gallery of New South Wales มานิดเดียวก้อถึงแล้วครับ  Royal Botanic Gardens จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 27 เม.ย. 51 22:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไปนอนก่อนนะ .. นี่ นี่ นี่ ถามหน่อย พรุ่งนี้จะแอบนายมาโพสท์ต่อป่าว คริ คริ ปล.กระทู้ทัวร์ใต้ของพี่จบแล้วนะ แค่ 9 ตอนเอง ทริปซิดนีย์ของน้องบอลจะเอากี่ตอนดีจ๊ะ จากคุณ : prettyguide - [ 27 เม.ย. 51 22:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รอดูจ๊ะ... จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 28 เม.ย. 51 00:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถามหน่อยเถิดพ่อคุณเอ๋บ หน้าตาอย่างคุณ ออกใกล้แนวอาหรับ ไปยืนถ่ายรูปตามสถานที่สำคัญของเขานี่ ตำรวจเขาไม่เข้ามาถามไถ่อะไรบ้างเลยเชียวหรือนั่น ผมละ หวั่นใจแทนจริ๊งจริง สาบานให้ฟ้าผ่าหัวเสี่ยสากกลางกระบานเลยซีเอ้า จากคุณ : xebec - [ 28 เม.ย. 51 01:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เช้าแล้ว ทำไมยังไม่มา รอ ร้อ รอ ค่ะ จากคุณ : scuba734 - [ 28 เม.ย. 51 07:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มารอต่อหลังพี่ตุ้มค่ะ จากคุณ : ลาเต้แก้วหญ่ายๆ - [ 28 เม.ย. 51 08:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ้าวว คุณทนายหายตัว หรือว่าโดน........ไปซะแล้วเนี่ย... จากคุณ : แมงโม้ไม่โม้ - [ 28 เม.ย. 51 08:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มาลงชื่อเป็นลูกทัวร์ค่า จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง - [ 28 เม.ย. 51 10:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ต้องขอโทษลูกทัวร์ทุกๆท่านนะครับ เมื่อคืนที่บ้านฝนตกหนักมากไฟดับครับ เลยเป็นอันว่าค้างเติ่งมาถึงเช้านี้ครับ นี่ก้อแอบหนีนายมาโพส อย่างที่พี่หมูน้อยว่าอีกแล้วครับ อิอิอิ คุณไอ้แล่ด กะคุณ marzo อย่าแตกแถวสิครับ อิอิอิ อาหมูครับ ... หูยอาหมูอย่าชมผมขนาดนั้นสิครับ เป็นตะวันออกกลางยังดีนะครับ เคยมีคนมาทักบอกว่ามาจากศรีลังกาหรือเปล่า แหม โกรธควันออกหูเลย หน้าตาผมออกไปทางเกาหลี มาทักว่าเป็นแขกไปได้ อ่ะๆๆๆๆ พี่ตุ้ม กะ พี่ลาเต้คราบบ เช้าๆ ทำงานหาเงินไปเที่ยวก่อนครับ นายไม่อยู่ค่อยมาเดินเล่นแถวๆนี้ อิอิอิ คุณแมงโม้ ... อยากรู้จักคนที่จะมาอุ้มครับ มีแนะนำมั่งมั๊ยครับ อ่ะๆๆ คุณหมูอ้วนจอมพลังครับ รับผ้าขนหนู กระเป๋า กระติกน้ำแล้วไปต่อหางแถวเลยนะครับ เราจะออกเดินทางกันต่อแล้วครับผม แต่เรายังไม่เข้าไปครับ เราจะเดินไป Mrs. Macquiries’ Chair กันก่อนครับ เราเดินเลาะรั้ว Royal Botanic Gardens มาอีกอึดใจเดียวก็จะถึงบริเวณที่เรียกว่า Yurong Precint ที่ป้ายอธิบายไว้ว่า Yurong เป็นภาษาอะบอริจิ้น แปลว่า แหลมที่เป็นหน้าผาหิน ภายหลังจึงตั้งชื่อใหม่ว่า Mrs. Macquarie Point ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เอาแผนที่มาฝากครับผมเผื่อว่าจะเก็บไปใช้ประโยชน์ได้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ถึงแล้วครับ Mrs. Macquiries’ Chair ....... จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ไหนหว่า ... หรือว่าจะเป็นตัวนี้ .... จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ใช่ๆครับผม Mrs. Macquiries’ Chair นี่ค่อนข้างขี้อายครับ ต้องเดินไปให้สุดถนน แล้วเดินไปตามทางลาดลงทางขวามือครับ เดินลงไปนิดเดียวก้อเจอแล้วครับ จริงๆ แล้วตรงนี้เป็นสถานที่ที่ทุกทัวร์จะต้องมาถ่ายรูปด้วยครับ เดินตามฝูงคนไปก็ได้ครับ ....... เจอแล้วครับ Mrs. Macquiries’ Chair  .... จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มีเรื่องเล่ากันว่าที่ตรงนี้สมัยก่อนใช้เป็นสวนปลูกพืชผักเพื่อใช้ในครัวของท่าน Governor Macquarie ครับ (อ่าวเล็กๆตรงนี้เค้าเรียกว่า Farm Cove ครับ) ตอนที่ท่าน Governor Macquarie มารับตำแหน่ง Governor ที่ออสเตรเลียนั้นท่านยังหนุ่มยังแน่น แล้วก้อเพิ่งแต่งงานกับสาวสวยนามว่า Elizabeth ครับ พอมารับตำแหน่งท่าน Governor Macquarie ก้อโหมทำงานหามรุ่งหามค่ำส่วนภรรยาสาวสวยก้อไม่รู้จะไปไหน... ก้อแหม... สมัยเพิ่งเริ่มตั้งอาณานิคมใหม่ก้อคงยังไม่มีอะไรให้ดูมากนักช่ายป่ะครับมองไปทางไหนก้อป่า ก้อทะเล ภรรยาท่าน Governor Macquarie ก้อคงจะชอบมานั่ง (แอบน้อยใจ) อยู่แถวๆนี้ ท่าน Governor Macquarie เห็นเข้าก้อนึกว่าภรรยาสุดสวยปลื้มวิวของซิดนีย์ ก้อเลยสั่งให้คนมาสลักหินให้เป็นเก้าอี้ให้ภริยาสุดที่ร๊ากกก ได้นั่งสบายๆ ... อันนี้ก้อเล่ากันไปนะครับ .... ทำเก้าอี้ให้แบบนี้แปลว่าไล่ตรูมานอนนอกบ้านป่าวหว่า .... เอิ๊กๆๆๆๆ   ถ้าจะถ่ายรูป Mrs. Macquiries’ Chair  แบบไม่มีคนต้องรอหน่อยนะครับเพราะจะมีคนมาถ่ายรูปด้วยท๊างวันเลย ผมใช้วิธีซูมเอาครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 แต่เอ๊ ...... เก้าอี้ของจริงตัวไหนครับ ตัวนี้ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หรือว่าจะเป็นตัวนี้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อมาถึง Mrs. Macquarie Point ก็ต้องมาถ่ายรูปภาคบังคับตามลายแทงของ ป๋าilovesassygirl ที่นี่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 วันนี้แดดแรงมากครับแต่ว่ารู้สึกไม่ค่อยร้อนครับเพราะลมเย็นๆพัดตลอดเวลายิ่งมายืนอยู่ริมทะเลแบบนี้แล้วด้วยออกจะหนาวๆเลยครับ มุมจากตรงนี้เราสามารถมองเห็น City Skyline ได้สวยทีเดียวครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขออีกรูปนะครับสวยจัง จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตรง Mrs. Macquarie Point ถ้ามองตรงออกไปจะเห็นเกาะเล็กๆมีลักษณะเหมือนป้อมอยู่กลางทะเลครับ นี่คือ Fort Denison ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เดิมชื่อว่า Rock Island ครับ ต่อมาภายหลังได้สร้างขึ้นเป็น “เรือนจำ” เพื่อกักขังนักโทษคดีร้ายแรงมากๆ นักโทษที่ถูกส่งมาที่นี่มักจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปเลย มีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1796 มีนักโทษคดีฆ่าคนตายที่ชื่อ Francis Morgan ถูกส่งมาที่ Rock Island ได้รับโทษประหารชีวิตโดยการแขวนคอศพของ Francis Morgan ถูกแขวนห้อยต่องแต่งแบบนั้นเป็นปีๆเพื่อเป็นการ “ขู่” ผู้ที่คิดจะกระทำผิดรายอื่นๆ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ป้อมกลมๆ หรือ Martello Tower ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1855-1857 ซึ่งหาชมได้ที่นี่เท่านั้นครับ ต่อมา Rock Island ก้อได้ถูกเปลี่ยนสถานนะจากแดนประหารไปเป็นป้อมและค่ายทหารมีการติดตั้งปืนกลและเปลี่ยนชื่อเป็น Fort Denison ตามชื่อผู้สำเร็จราชการในยุคนั้น จนถึงปัจจุบันนี้ก้อยังมีการยิงปืนตอนเวลาบ่ายโมงของทุกวันเพื่อเป็นสัญญาณในการเดินเรือในอ่าวซิดนีย์ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มองออกไปจะเห็น Garden Island ซึ่งเป็นอู่เรือของกองทัพเรืออออสเตรเลียครับ และส่วนที่เป็นสีเขียวนั่นเป็นค่ายทหารครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 11:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จาก Mrs. Macquarie Point เราสามารถเดินตามทางเท้าเลียบ Farm Cove ผ่านเข้าไปใน Royal Botanic Gardens ได้ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ประติมากรรมชิ้นด้านบนมีชื่อว่า Magnolia โดย Bronwyn Oliver ครับ ทำเป็นลักษณะคล้ายๆดอกตูมของดอกแมกโนเลีย แสดงให้เห็นถึงความเป็นมาของพื้นที่บริเวณนี้ที่เคยเป็นเพียงแค่หาดโคลนเมื่อครั้งที่มีการตั้งอาณานิคมครั้งแรก ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมาย ได้รับเมล็ดพืช แปลกที่พัดเข้ามาจากทะเล หรือผู้อพยบเป็นผู้นำเข้ามาปลูกทำให้ออสเตรเลียมีความหลากหลายทางด้านพืชพรรณ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ต้นไม้ต้นนี้แปลกมากๆเลยครับ มันชื่อ Queensland  Bottle Tree ครับ เป็นพืชพื้นเมืองของทาง Queensland ครับ มีป้ายด้านหน้าเขียนขอโทษคนที่รักต้นไม้ (เค้าใช้คำว่า Tree-hugger ครับ) ว่า ต้องขอโทษด้วย เนื่องจากว่ามีคนมือ (และเท้า) บอน ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ต้นนี้เลยทำให้เปลือกต้นไม้แตกออก (บนขวารูปครับ) ซึ่งมันจะทำให้ต้นไม้ตายได้ ก้อเลยต้องมาล้อมรั้วไว้ครับ ... แหม ฝรั่งนี่ก้อมือ (และเท้า) บอนได้เหมือนกันนะครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ส่วนอันนี้ เบอร์มิวด้า ปาล์ม ครับ ลายสวยดีจัง จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาทราบประวัติความเป็นมาของ Royal Botanic Gardens กันหน่อยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 Royal Botanic Gardens มีเนื้อที่ประมาณ 30 เฮกตาร์ หรือ 74 เอเคอร์ เป็นเขต (suburb) หนึ่งเลยครับ พื้นที่จะคลอบคลุม Farm Cove ทั้งหมด จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1816 ถือว่าเป็นแหล่งสะสมพืชพันธุ์นานาชนิดแห่งแรกของออสเตรเลียเลยรวมไปถึงตัวอย่างพืชที่เก็บโดย Joseph Banks เมื่อตอนที่เดินทางสำรวจชายฝั่งของออสเตรเลียกับเรือของกัปตัน James Cook ด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ที่ไหนๆก้อมี “หมาป่าบิน” Flying Fox อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ในบ่อน้ำนี้มีปลาไหลเยอะมากๆครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 57 มีป้ายเขียนไว้บอกว่าปลาไหลเนี่ยะ ไม่ได้หามาเลี้ยงนะครับ (เพราะมันชอบกินลูกเป็ด... คงกลัวเด็กๆตกใจ) แต่มันมาของมันเอง ขนาดเค้าเดรนน้ำออกเป็นประจำพอเติมน้ำเข้ามาใหม่ไม่นานก้อมีปลาไหลกลับมาอีกแล้ว เค้ายังบอกอีกว่าบางทีช่วงหลังฝนตกมีคนเห็นปลาไหล “เลื้อย” มาลงบ่อนี้จากที่อื่นๆด้วยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:19:51 ]

ความคิดเห็นที่ 58 และแล้วเราก้อมาถึงสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของวันนี้ครับ Sydney Opera House คับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Sydney Opera House ตั้งอยู่บนปลายอีกด้านหนึ่งของ Farm Cove มีชื่อว่า Bennelong Precint ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ถือได้ว่า Sydney Opera House หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า Opera House นี่เป็นความท้าทายทางวิศวกรรมในขณะที่สร้างก็ว่าได้ครับ เพราะไอเดียที่สร้างก็ใหม่ การออกแบบก้อใหม่ ปัญหาต่างๆนาๆในการก่อสร้างก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน จึงใช้เวลาสร้างทั้งหมดถึง 14 ปี งบประมาณตั้งต้น 9 หมื่นเหรียญ แต่มาจบเอาที่ค่าใช้จ่ายสุดท้าย 102 ล้านเหรียญครับ รัฐบาลออสเตรเลียถึงขั้นต้องออกลอตเตอรี่พิเศษเพื่อระดมเงินมาใช้ในการก่อสร้าง Opera House มีพื้นที่รวมกันทั้งหมดประมาณ 2 เฮกตาร์ หรือ 4.5 เอเคอร์ ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 1000 ห้องครับ เป็นอาคารหลังที่ 4 แล้วที่ได้สร้างขึ้นบริเวณนี้ หลักการง่ายๆ (แต่วิธีการซับซ้อนมากๆ) ก้อคือเป็นการสร้างหลังคาที่เป็นรูปเปลือกหอยมาคลุมสถานที่จัดคอนเสิร์ตไว้เท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 13:52:54 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 61 Northern Foyers และ Opera House คับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 62 Northern Foyers นี่จะประกอบไปด้วยพื้นที่ที่เป็นส่วนรับรองก่อนเข้า Concert Hall หรือ Opera Theater ครับ ถ้าเงินถึงก้อเช่าจัดงานต่างๆได้ครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 13:55:07 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Concert Hall นี่ถือว่าเป็น Hall ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดมีที่นั่งทั้งสิ้น 2,679 ที่นั่ง ผนังภายในกรุด้วยไม้พื้นเมืองของออสเตรเลีย และออกแบบเพื่อให้มีการสะท้อนเสียงได้ดีที่สุด ด้านในยังมีออแกนขนาดยักษ์ที่มีท่อลมถึง 10,500 ท่อ ที่ออกแบบและติดตั้งโดย Ronald Sharp ใช้เวลาตั้งแต่ปี 1969-79 แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 51 14:38:46 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ส่วนนี้เรียกว่า Monumental Steps ครับ เป็นลานโล่งสามารถจัดการแสดงได้อีกด้วย หลังคาที่อยู่ด้านซ้ายสุดของรูปเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดใน Sydney ครับชื่อร้าน Guillaume at Bennelong ส่วนหลังคาอันกลางเป็น โรงละครขนาด 400 ที่นั่งครับ จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในแปลนแรกของการสร้าง Opera House ครับ ในหนังสือบอกว่ามันก้อเลยเป็นผลงานอันน่าชื่นชมของปั้นจั่น และฆ้อน ที่ทุบคอนกรีตให้เป็นห้องขึ้นมา (ก็บอกแล้วคนออสเตรเลียช่างประชดครับ) พื้นเวทีสูง 15 เมตร จึงสามารถทำให้ผู้ชมแถวหลังๆมองเห็นการแสดงได้ชัดเจนครับ เชื่อมั๊ยครับว่าห้องนี้ถูกควบคุมอุณหภุมิด้วยการให้ความเย็นกับโครงสร้างอลูมินั่ม (เพราะไม่ได้มีการวางแผนสร้างตั้งแต่แรกเลยทำให้ไม่สามารถใช้ระบบแอร์รวมกับอาคารทั้งหลังได้)  ส่วนหลังคาอันขวามือสุดเป็นส่วนหนึ่งของ Opera Theater ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:51:35 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผู้ออกแบบหลังคาประหลาดนี้ชื่อ Jorn Utzon ครับ บางคนก้อบอกว่าเค้าได้แรงบันดาลใจมาจากต้นปาล์ม บางคนก้อบอกว่าเป็นกลีบส้ม จริงๆแล้วเค้าตั้งใจที่จะออกแบบหลังคานี้ให้สามารถมองได้ทั้งบนพื้นดิน อากาศและจากในทะเลโดยเจ้าหลังคาแต่ละส่วนเค้าแกะออกมาจะวัตถุทรงกลมคล้ายลูกโลก แต่กว่าจะได้เริ่มลงมือสร้างในปี ค.ศ. 1959 ก้อมีข้อโต้แย้งมากมายว่าไม่มีทางที่จะสร้างได้สำเร็จแน่ๆ Jorn Utzon ได้รับความกดดันมากในระหว่างดำเนินการก่อสร้างจนลาออกไปในปี 1966 พระเอกขี่ม้าขาวที่เข้ามาสานต่อโครงการจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1999 ก็เป็นทีมงานชาวออสซี่นี่เอง คงทำให้หนุ่มๆชาวออสซี่ภูมิใจเป็นนักเป็นหนาจนเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง และออกแบบวัสดุประกอบอาคารแปลกๆในปัจจุบัน (อันนี้ผมคิดเอาเองจากการทำงานครับ อิอิอิ) จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ถึงตรงนี้ชักเริ่มเหนื่อยครับเดี๋ยวเราไปพักเท้ากัน ด้วยโค๊กกระป๋องเย็นๆ กับ Potato Wedge กับ Sour Cream กับน้ำจิ้มไก่ตราแม่ประนอมกันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 พักเท้า เติมพลังกันแล้วมาต่อกันที่ลานโล่งๆริมน้ำรอบๆ Opera House กันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 68 Overseas Passenger Terminal ที่เราไปมาเมื่อวานนี้ด้านที่ติดน้ำครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 14:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ฝั่งตรงกันข้ามเรียกว่า Kiribilli Point ครับ เป็นบ้านพักของนายก Paul Rudd วันที่ผมไปถึงซิดนีย์ก้อมีข่าวครึกโครมว่ามีชายสติเฟื่องขับเรือไปจอดใกล้ๆแล้วว่ายน้ำไปที่บ้านพักนายกรัฐมนตรี ผ่าน guard house เข้าไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำได้ง่ายๆเป็นนานสองนานกว่าจะมี รปภ ออกมา แต่ก้อจับตัวไม่ได้นะครับพี่แกหนีออกมาได้ โชคดีที่ตอนนั้นท่านนายกฯไปเยือนจีนอยู่ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 15:06:45 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เราเดินเล่นอยู่ดีๆครับจากที่แดดเปรี้ยงเมื่อกี๊นี้ฟ้าก้อดำมืดอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆฝนก้อตกลงมาโครมเบ้อเร่อครับ เราเข้าไปหลบฝนอยู่ข้างใต้ Forcourt ของ Opera House แล้วก้อเจอกับเจ้านี่ครับ มองดูเผินๆจะเห็นว่าเป็นเสาเหล็กที่ค้าปักเรียงๆกันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้รถผ่าน แต่สังเกตดีๆครับเสาต้นนี้โคนมันหลวมๆครับ ..... มันสามารถผลุบหายลงไปใต้พื้นได้ถ้าต้องการเปิดทางให้รถผ่านครับ เป็นไงครับ เกร๋ปล่าวววว อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 15:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอาละครับฝนหยุดแล้ว เราออกเที่ยวกันต่อครับผม เราเดินย้อนกลับเข้ามาใน Royal Botanic Gardens เพื่อจะไป Government House กันครับ มีป้ายบอกว่าช่วยเดินบนหญ้าทีเห๊อะ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 15:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ระหว่างทางมีดอกไม้ให้ชมเยอะแยะเลยครับ ดอกนี้เค้าเรียกว่า Kangaroo Paw หรืออุ้งเท้าจิงโจ้ครับ ลองสังเกตดูดีๆครับ ลักษณะดอกมันจะเหมือนเท้าหน้า (มือ) ของจิงโจ้มากๆ ยิ่งขนสั้นๆที่ปกคลุมดอกและก้านยิ่งทำให้เหมือนเข้าไปใหญ่ครับ ปกติดอก Kangaroo Paw  ที่เคยเห็นมีสีเหลืองๆส้มๆ กับสีแดงเข้มๆครับ สีหวานๆแบบนี้ไม่เคยเห็นครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 15:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ถ้าเป็นสีเหลืองแบบนี้มีให้เห็นทั่วไปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 15:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณทนายอ้วน ติดใจอะไรที่นั้นบ้างละครับ ว่าแต่ว่าทริปทรหดจริงๆ มีแต่เดินๆๆๆๆ (ดู ดู๊ ดู เธอทำ ๆๆๆๆๆๆๆ ) จากคุณ : redPoTatO - [ 28 เม.ย. 51 16:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สีนี้ไม่เคยเห็นเลยครับ ส้มๆ แดงๆ สงสัยพวกสีแปลกๆจะเป็นพันธุ์ที่เค้าผสมใหม่นะคับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ดอกนี้อยู่ในตระกูล Banksia ครับ มีหลายสีหลายแบบครับเป็นต้นไม้พื้นเมืองของออสเตรเลียครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เดินเลาะมาตามถนนข้างๆรั้วของ Government House ครับ ด้านในจะเป็นสวนของ Government House ครับ ปลุกต้นไม่ ดอกไม้เอาไว้เยอะแยะเลย ดอกชบาฮาวายสีชมพูดอกใหญ่มากๆเลยครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 78 City Skyline จากสนามหน้า Government House ครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:18:21 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ถึงแล้วครับ Government House จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 Government House สร้างขึ้นด้วยหินทรายที่หาได้ง่ายในบริเวณนี้ เมื่อปี ค.ศ. 1837 มาเสร็จเอาปี ค.ศ. 1845 เป็นศิลปะแบบโกธิค เพื่อใช้เป็นบ้านพักของ Governor ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 81 มีหลายคนบอกว่าไม่สวยอลังการสมกับเป็น Government House เหมือนปราสาทผีสิงซะมากกว่า จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สวนของ Government House ก็ไม่ได้สวยงามนักครับเป็นสวนแบบอังกฤษแท้ๆขนาดไม่ใหญ่มากอยู่ทางด้านข้างของตัวบ้าน จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แต่วิวจากสวนนี่สวยจังครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 84 จาก Government House เดินออกมาพ้น บริเวณของ Royal Botanic Gardens ก้อมาถึง Conservatorium of Music ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 85 จริงแล้วถูกสร้างเพื่อใช้เป็นเรือนคนใช้และโรงม้าของ Government House แต่ด้วยความที่มันโอ่อ่าอลังการซะขนาดนี้ ก้อเลยใช้เงินมากในการสร้างจึงเกิดข้อโต้แย้งมากกมายระหว่าง Governor Macquarie และ Francis Greenway ทำให้การสร้างช้าออกไปตั้ง 25 ปี สุดท้ายก้อได้ข้อสรุปออกมาว่าการสร้างอาคารในซิดนีย์จะต้องได้รับการอนุมัติแบบจาก London ซะก่อน  ต่อมาจึงได้ดัดแปลงมาเป็น Concert Hall ในช่วงปี 1908-1915 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตอนนี้เรามายืนอยู่บนถนน Macquarie แล้วครับ ซึ่งเป็นถนนที่มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยที่มีการก่อตั้งอาณานิคม เพราะตึกรามบ้านช่องที่สำคัญๆ ก้อมักจะสร้างอยู่บนถนนเส้นนี้ซะเป็นส่วนใหญ่ ตรงแยกถนน Macquarie นี้มีอนุสาวรีย์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 2 ทรงม้าตั้งอยู่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ฝั่งตรงกันข้ามเป็นอาคาร ABN – AMBRO Building ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เราเดินเลียบถนน Macquarie ครับด้านซ้ายมือของเรายังเป็นเขต Royal Botanic Gardens อยู่ครับ พอสุดเขตของ Royal Botanic Gardens ก้อจะเป็น State Library of NSW ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 89 State Library of NSW นี่แบ่งเป็น 2 อาคารนะครับ อาคารเก่า ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Royal Botanic Gardens หรือที่เรียกกันว่า Mitchell Wing นี่สร้างด้วยหินทรายสีออกเหลืองๆครับ พื้น ที่โถงกลาง (ไม่ได้เข้าไปครับ) ปูโมเสคเป็นแผนที่ประเทศออสเตรเลียที่ทำเลียนแบบแผนที่จริงๆของ Abel Tasman นักเดินเรือชาวดัชท์ ส่วนแผนที่จริงก้อยังเก็บรักษาไว้ที่ห้องบนชั้นสองครับ ส่วนอาคารใหม่เป็นอาคารกระจกทันสมัยประกอบด้วยชั้นเหนือพื้นดิน 3 ชั้น และใต้ดินอีก 2 ชั้น มีหนังสือให้เลือกอ่านมากมายครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ด้านข้างของ Mitchell Wing ที่ดินกับ ถนน Macquarie มีอนุสาวรีย์ของ Matthew Flinders ผู้สำรวจประเทศออสเตรเลียครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 91 หลังอนุสาวรีย์ของ Matthew Flinders ที่ตรงขอบหน้าต่างจะเห็นว่ามีรูปปั้นแมว 1 ตัวครับ คือเจ้า “Trim” แมวของ Matthew Flinders ครับผม จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 28 เม.ย. 51 16:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เข้าใจความรู้สึกของคนที่ไปเรียนเมืองนอก แล้วเห็นภาพเมืองที่ตัวเองเคยไปเรียน ก็คราวนี้เลย คิดถึงจ๊างงงงงงงงงงง Sydneyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyyy ผมจาไปอีกแน่ๆ ชอบมากมาย   อิจฉาคุณพี่ทนายอ้วนจริงๆ กลับมารีวิวต่อได้แล้ว รออยู่ฮับ จากคุณ : เด็กชายสีฟ้าตาดำๆ - [ 28 เม.ย. 51 17:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 93 โอย....ถ่ายรูปได้สวยงาม เนื้อเรื่องก็ เต็มไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ พี่ว่า รวมเล่มขายดีไหม ? ยังไม่ได้ตามไปดูตอน 1 และ 2 เลย เพราะ เพิ่งเจอ ตอน 3...วันนี้เอง ต้องเข้าใจนะว่า...พี่เกลียดคนถ่ายรูปสวย คนพวกนี้เขาทำบุญด้วยอะไร  ชาติที่แล้ว ขอบคุณน้องทนายอ้วน  สำหรับ   Post card   ที่ส่งมาให้ จากคุณ : พี่เจด - [ 28 เม.ย. 51 17:52:17 ]

ความคิดเห็นที่ 94 น้ำจิ้มไก่แม่ประณอมกับ sour cream  หรือจะผสมกับ cream cheese ทำ dip จิ้ม cracker หรือ potato wedge ก็อร่อยทั้งนั้น คอเดียวกันเลย เพื่อนชาวออสซี่ เรียกน้ำจิ้มไก่ว่า magic sauce เค้าอธิบายว่า ใส่ในอะไร อันนั้นก็อร่อย ทาง marmite หรือ vegetamite เพื่อหรือเปล่าคะ จากคุณ : scuba734 - [ 28 เม.ย. 51 18:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เดินเล่นตามพี่ทนายอ้วนสนุกดี ไม่เหนื่อย ....เสาผุดๆโผ่ๆ ในคห. 70 มีทั่วไปคะ สงสัยตอนพี่มาเที่ยวอิตาลีครั้งที่แล้ว มัวแต่มองสาว เลยไม่เหลือใจไว้มองเสา(ผุดๆโผ่ๆ)หรือเปล่าเอ่ย... จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 29 เม.ย. 51 00:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 96 หวัดดีครับน้องเด็กชายตัวสีฟ้า .. อ้าวเป็นเด็กซิดนีย์เหรอออ ... พี่เป็นเด็กแมวบิน (เมลเบิร์น) ครับ อิอิอิ หวัดดีครับพี่เจด .. เอารีวิวเกาะกูดมาแลกกะโปสการ์ดซะดีๆครับพี่ อิอิอิ ... รูปที่พี่เจดถ่ายถ้ามีกระเป๋าสะพายพี่เจดติดมาก้อสวยทุกรูปเลยครับ อิอิอิ พี่ตุ้มคราบ - ผมมีสูตร snack สำหรับ party มาฝากครับ เอาฟิลาเดลเฟียครีมชีสแบบที่มัน spreadable นะครับทาลงบนจานเกลี่ยให้หนาเท่าๆกัน เอาน้ำจิ้มไก่ราดลงไปโรยทับด้วยผักชีเด็ดเป็นใบๆ เอา rice cracker มาจิ้มกินนะครับ แซ่บหลายๆครับผม อิอิอิ คุณmarzo นิ มาหาว่าเราเหล่สาวอิตาเลียน ..... ผมว่าหนุ่มอิตาเลียนน่าเหล่กว่าเป็นไหนๆ กร๊ากกกกกกกก อิอิอิ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่กระทู้พาเที่ยววันที่ 3 นี่มันผลุบๆโผล่ๆ ขาดๆหายๆ พอดีช่วงนี้งานราษฏร์งานหลวงมันเยอะครับ ชั่วโมงทำงานตอนนี้ควบ 2 ตำแหน่งครับ นิติกร ด้วย แล้วก้อเลขานายด้วย เพราะพี่เลขาลาป่วยไปผ่าตัดยาวเลยครับ สงสารแต่นายผม ... ได้ผมไปเป็นเลขาชั่วคราว ... แจ่มละงานนี้ อ่ะๆๆๆๆๆ ผมขอโพสกระทู้ต่ออีกนิดเดียวนะครับ ไม่อยากไปขึ้นใหม่ให้มันเปลืองพื้นที่ครับ ถ้าอย่างนั้น เราไปเที่ยวต่อกันเลยครับ ติดๆกันกับ State Library of NSW ก้อคือ Parliament House ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:28:00 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เดิมอาคาร Parliament House นี่เป็นส่วนหนึ่งของ Sydney Hospital ครับ เป็นอาคารไม้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1811-16 มีการประชุมสภาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1829  ตัวอาคารด้านหนึ่งเป็นที่ทำการของ House of Representative ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ส่วนอีกด้านเป็นที่ทำการของ House of Commons จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ระหว่างทางเดินจาก Parliament House มาถึง Sydney Hospital เจอเจ้าแผ่นนี่บนพื้นครับ  ฝรั่งเค้าเรียกว่า เพลก (Plaque) แต่ไม่รู้ว่าภาษาไทยเค้าจะแปลว่าอ่ะไรอ่ะครับ เค้าเขียนเอาไว้ว่าเพื่อเป็นที่ระลึกถึงว่าที่ตรงนี้เคยเป็นที่ตั้งของ Iron Church  ก่อนที่จะเอาพื้นที่ไปใช้เป็นรัฐสภาครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ถัดไปก้อคือ Sydney Hospital ครับ เป็นอาคารที่เป็นศิลปะแบบวิคตอเรียนแท้ๆ สร้างขึ้นด้วยหินทรายเหมือนกันครับ Sydney Hospital นี่มีชื่อเล่นว่า Rum Hospital นะครับ เพราะว่าคนงานได้รับค่าจ้างเป็นเหล้ารัม กว่าจะสร้างโรงพยาบาลเสร็จก้อติดเหล้ากันงอมแงมเลยครับ อาคารทางด้านทิศเหนือที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลก้อกลายไปเป็น Parliament House ส่วนอาคารทางด้านใต้ก้อกลายเป็นโรงกษาปน์ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ที่ด้านหน้าของโรงพยาบาลมีรูปปั้นหมูป่า ที่เรียกว่า Il Porcellino ที่ก๊อปปี้ตัวจริงที่ตั้งอยู่ที่ Mercarto Centrale ที่ Florence อิตาลี ครับ จมูกหมูก้อถูกลูบเอาไว้ซะมันเหมือนกันเลย (งานนี้ผมได้ลูบทั้งตัวจริงที่ฟลอเรนซ์ และตัวปลอมที่ซิดนีย์ทั้งคู่คับ แอบอธิษฐานขอให้ได้ไปลูบที่ตัวจริงอีกรอบเร็วๆนี้ อิอิอิ) จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ฝั่งตรงกันข้ามกับ Sydney Hospital ก็คือ Martin Place อันมีชื่อเสียง แต่เรายังไม่ไปเที่ยวกันวันนี้หรอกครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:53:54 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อาคารที่ติดๆกันกับ Sydney Hospital ก็คือ The Mint หรือ โรงกษาปน์ ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เดิมก้อเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลครับ เปิดทำการเมื่อปี ค.ศ. 1854 ปิดตัวลงเมื่อปี ค.ศ. 1927 เพราะไม่สามารถสู้ The Mint ที่เมลเบิร์นได้ (เย้ๆๆๆ) ก่อนที่จะมาเป็นพิพิธภัณฑ์นี่ก้อตกต่ำสุดๆถึงขนาดว่าพื้นที่โล่งหน้าหน้าใช้เป็นที่จอดรถครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 แล้วเราก้อเดินมาสุดถนน Macquarie ที่ตรงหน้า Hyde Park พอดีครับ ตรงนี้เรียกว่า Queensquare คับมีอนุสาวรีย์ของ Queen Victoria ตั้งอยู่ครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อีกฝั่งนึงเป็นรูปปั้นของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด พระสวามีครับ อยู่หน้า Hyde Park Barrack พอดีเลย จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 09:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 107 Hyde Park Barrack นี่ก้อเป็นผลงานการออกแบบของ Francis Greenway สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นอีกเช่นกันครับ สร้างเสร็จในปี 1819 ด้วยแรงงานนักโทษเอง ใช้เป็นที่คุมขังนักโทษกว่า 600 คน ภายหลังได้ใช้เป็นที่ทำการศาล และเมื่อปี 1990 ได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 108 นาฬิกาที่อยู่ที่ส่วนบนของอาคารถือว่าเป็นนาฬิกาอันแรกของซิดนีย์ครับ ฝั่งตรงข้ามคือ St. James’ Church ครับ สร้างขึ้นในแบบ Georgian ด้วยหินทราย และแรงงานของนักโทษเหมือนกันครับ ในปี ค.ศ. 1819 ใช้เป็นศาล แต่ว่าพี่ Francis Greenway ถูกอำนาจมืดบังดับให้ดัดแปลงเป็นโบสถ์ในปี 1820 จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ตรงนี้จะมีสถานีรถไฟ St. James ครับ เดี๋ยวเราขึ้นรถไฟไปเที่ยว Kings Cross กันครับผม แป๊บเดียวเท่านั้นครับเราก้อมาโผล่ที่สถานี Kings Cross ครับ ครั้งแรกเลยที่ผมคิดไว้ว่าจะมาแถว Kings Cross นี่เพราะอยากมาดูบ้านตึกแถวสไตล์วิคตอเรียน บน Victoria Street ครับ แต่พอโผล่ออกมาจากสถานีรถไฟแล้วตกใจเหมือนกันครับ บรรยากาศมันไม่น่าโสภาเอาซะเลย ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งบันเทิงยามค่ำคืนซะมากกว่า เราแวะร้านอาหาร take away ร้านนึงครับเพราะนี่ก้อบ่ายแก่ๆแล้ว ท้องร้องแล้วครับผมได้พิซซ่ามา 1 ชิ้น จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอ๊า .... รูปผิดครับ ... เมื่อกี๊เป็นมักะโรนีอบครับ อันนี้ตะหากครับปิซซ่า จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 111 และซีฟู๊ดสลัด 1 กล่องเล็ก มาโซ๊ยเป็นอาหารกลางวันครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 112 คุณป้าเจ้าของร้านเดินเข้ามาถามผมว่ามาเที่ยวเหรอ ผมก้อตอบไปว่าใช่ครับ ป้าแกหัวเราะใหญ่ บอกว่ามาทำไมกลางวันไม่เห็นมีอะไร ต้องมากลางคืนสิบาร์เพียบเลย อ่ะๆๆๆๆ กรำ ป้าเอ๊ย ผมไม่ได้มาเที่ยวแบบน๊านน ... งานนี้พี่ปลาทูรีเควสมาถ่ายรูปคู่กะเจ้าดอกกระถินนี่ครับ El Alamein Fountain ที่สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากการร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ พี่ปลาทูบอกว่า อันนี้เลยที่จะให้พามา ทำไมเหรอพี่ ... อ้าว ... วันก่อนไม่ได้ดูราบการสุริวิภาเหรอ ที่หนูแหม่มพามาตะลุยซิดนีย์ มาดูร้านอาหารของพี่ตุ๋ยอ่ะ ดูดิ... หนูแหม่มมาที่นี่ด้วยเหรอ ช่ายๆ... หนูแหม่มมาที่น้ำพุนี้ด้วย เดี๋ยวคอยดูนะมันจะมีป้ายบอกว่าเมืองไหนห่างจุดนี้กี่กิโล เหรอๆๆ  .... เอาไว้ไปดูร้านพี่ตุ๋ยที่ Manly ด้วยดีป่ะ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:33:12 ]

ความคิดเห็นที่ 113 นี่ไงครับป้ายบอกทาง กลับบ้าน 7537 กิโลเมตรครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ตอนแรกผมน่ะอยากมาดูคฤหาสน์หลังงามที่ชื่อ Elizabeth Bay House ครับผม เราเดินขึ้นเนิน ลงเนิน แป๊บนึงก้อมาถึงครับ แต่ว่า ..... วันนี้ปิดครับผม ... เย๊ยยย ไอ้ทนายอ้วน ... ทำเรื่องอีกแล้ววว ไม่เช็ควันให้ดีก่อนฟระ .... จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ไม่ได้เข้าไปชมในบ้านแต่ก้อได้วิวของ Elizabeth Bay มาฝากเป็นรูปสุดท้ายของวันนี้ก้อยังดีนะคับผม ขอบคุณพี่ ป้า น้า อา ทุกท่าย โดยเฉพาะแกงค์ "ป้าซิ่ง" ที่มาเจิมกระทู้ผมเป็นคนแรกๆตลอดครับ ขอบคุณอาหมูที่ชมว่าผมหล่อเหมือนแขกตะวันออกกลาง ขอบคุณพี่ตุ้ม คุณmarzo น้องจักรยาน น้องจอห์น พี่หมูน้อย เด็กชายสีฟ้า และทุกๆท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อที่มาชมตลอด โปรดติดตามตอนต่อไปครับ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 10:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เพิ่งกลับมาจากหลีเป๊ะ อิอิ แวะมาทักค่ะ โผล่มา คุณพี่ทนายอ้วน ฟาดไป 3 กระทู้แล้ว จะเกาะชายเสื้อตามไปเที่ยวทันป่าวเนี่ย จากคุณ : นู๋ปรางฝันเฟื่องเรื่องเที่ยว - [ 29 เม.ย. 51 12:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 117 หวัดดีครับหนูปรางฯ นั่นแน่ๆ แอบหนีไปเที่ยวหลีเป๊ะๆ มานี่เอง เอารีวิวมาแลกกันดีกว่าครับ อิอิอิ จากคุณ : ทนายอ้วน - [ 29 เม.ย. 51 14:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 118 หนุ่มอิตาลีน่าเหล่กว่าเยอะ..อันนี้ยอมรับ หิหิ... พรุ่งนี้ข้าน้อยจะไปเที่ยวเน้อ ...ถ้าไม่เห็นปรากฎในกระทู้เพราะการนี้แล...กลับมาจะมาเก็บทุกกระทู้นะคะ... จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 29 เม.ย. 51 23:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อูยย เกือบเดินตามคุณไกด์ไม่ทันซะแล้ว บรรยายได้สาระความรู้สมเป็นไกด์กิตติมศักดิ์จริงๆ ^^ จากคุณ : กาแฟขม - [ 30 เม.ย. 51 09:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ไม่ค่อยว่าง เพิ่งเข้ามาอ่าน ตามเก็บข้อมูลค่ะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 30 เม.ย. 51 23:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 121 สุดยอดครับคุณทนาย ผมอยุ่ซิดนี่มา 5ปีผมยังไม่เคย เที่ยวอย่างคุณเลย อิอิอิ จากคุณ : ZimbaX20 (ZimbaX20) - [ วันแรงงาน 08:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 122 Potato Wedge   ไม่เคยกินอ่ะ คล้ายเฟรนซ์ฟรายป่ะ จากคุณ : bicycle_trend - [ 15 พ.ค. 51 20:18:32 ]