ความคิดเห็นที่ 1 "เขาพระวิหาร" เป็นชื่อที่คนไทยเรียกและคุ้นเคยมานาน ส่วนกัมพูชาเรียกตามภาษาเขมรว่า "เปรี๊ยะ วิเฮียร์" (Preah Vihear) ตั้งอยู่บนหน้าผาของเทือกเขาพนมดงรัก (ภาษาเขมรเรียกว่า "พนมดงเร็ก" หรือ "พนมดองแร็ก" หมายถึง "คานหาบ" ซึ่งน่าจะเป็นเพราะสัณฐานของภูเขาที่แบนราบนั่นเอง) ตามแนวเหนือใต้ มีความยาว 800 เมตร ด้านหน้าและทางขึ้นลงปราสาทฯ อยู่ในฝั่งไทย บริเวณหมู่บ้านภูมิซร็อล ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ อันเป็นหนทางที่สะดวกและปลอดภัย ส่วนปราสาทประธานหรือปรางค์ประธานอันเป็นจุดสูงสุดของปราสาทฯ ตั้งอยู่ตรงยอดเขาทางตอนใต้สุด เรียกกันว่า "เป้ยตาดี" (เป็นภาษาเขมร แปลว่า ชะง่อนผา หรือโพรงผา) มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 657 เมตร ตรงชะง่อนผาเป้ยตาดีจะมีรอยสักพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ว่า "118 สรรพสิทธิ" แต่ก่อน ณ จุดนี้ ธงชาติไทยเคยโบกไสวปลิวสะบัดตามแรงลมเพื่อแสดงอาณาเขตเมื่อกว่า 46 ปีก่อน ปัจจุบันคงเหลือแต่ฐานไตรรงค์ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 01:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "เป้ยตาดี" ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงาม มองเห็นได้กว้างไกลตา รวมทั้งมองเห็นพื้นที่ราบเบื้องล่างที่เรียกกันว่า "เขมรต่ำ" อยู่ในพื้นที่ อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร ของกัมพูชา ซึ่งพวกเขามองขึ้นมาจะเห็นปราสาทฯเหมือนวิหารสวรรค์ ลอยอยู่บนฟากฟ้า (โดยมีความสูงจากพื้นราบเบื้องล่างประมาณ 447 เมตร) จึงมีเรื่องเล่าของชาวกัมพูชาถึงวิหารสวรรค์งามราวเนรมิต แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน นอกจากเชื่อกันว่าคือ "เทวาลัย" ณ เขาพระวิหารแห่งนี้ แต่ก่อนหากชาวกัมพูชาต้องการขึ้นสู่เขาพระวิหารทางดินแดนฝั่งเขา โดยไม่ผ่านไทย ก็ต้องอาศัยผ่านช่องเขาแคบ ๆ ที่สูงชันและอันตรายมาก เรียกว่า "ช่องบันไดหัก" ต่อมาในปี 2546 กัมพูชาได้สร้างถนนทางฝั่งบ้านเขา ตัดไหล่เขาที่ชันดิกขึ้นสู่เขาพระวิหารเป็นที่เรียบร้อย ปราสาทฯ แห่งนี้เดี๋ยวปิดเดี๋ยวเปิด อันเกิดจากปัญหาการเมืองภายในประเทศของเขาเป็นส่วนใหญ่ เมื่อ 4-5 ปีก่อน ก็ปิด โดยอ้างว่าเรามีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเข้าปราสาทฯ ซ้ำซ้อน คือเราก็เก็บ เขาก็เก็บ เราก็งุนงงสงสัยว่าเราไม่สามารถจัดเก็บได้หรือ? ในเมื่อนักท่องเที่ยวทุกเชื้อชาติต่างเดินทางเข้ามาทางบ้านเราทั้งสิ้น ซึ่งเราก็ใช้งบประมาณไปไม่น้อยในการสร้างถนนหนทางสู่ปากทางเข้าปราสาทฯ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 01:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 50 พวกเขาก็ส่งทหารพร้อมอาวุธครบมือ จำนวน 200 นาย มาเสริมกำลังกับตำรวจและทหารที่รักษาการณ์อยู่บนเขาพระวิหาร พร้อมทั้งประกาศห้ามไม่ให้ทหารพราน ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการทุกหมู่เหล่าของไทย แต่งเครื่องแบบขึ้นไปบนปราสาทเขาพระวิหาร โดยไม่มีการยกเว้น ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น เหตุที่พวกเขาคิดและกระทำการเช่นนั้น เนื่องมาจากในวันที่ 27 มิถุนายน มีนักศึกษาวิชาทหารรักษาดินแดน (ร.ด.) แต่งเครื่องแบบด้วยชุดร.ด. ประมาณ 50 คน มาจาก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พากันขึ้นไปเที่ยวชมบนเขาพระวิหารและถ่ายรูปจนกระทั่งค่ำ ทำให้เจ้าหน้าที่กัมพูชาเข้าใจผิดคิดว่าทางการของไทยส่งกำลังทหารขึ้นไปตรึงกำลังบนเขาพระวิหาร เพื่อที่จะยึดเขาพระวิหารกลับคืน ทางเราจึงได้ประกาศเตือนชาวบ้านรอบๆพื้นที่ และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมา ให้ได้รับรู้ ด้วยเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย แต่ก็ไม่ได้สั่งปิด หากจะมีผู้ใดต้องการจะขึ้นไปชมปราสาท จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 01:44:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ก็มีข่าวรั่วออกมาว่าพวกเขาได้บรรลุข้อตกลงเซ็นสัญญาให้บริษัทเอกชนในประเทศญี่ปุ่น สร้างกระเช้าลอยฟ้าจากยอดเขาพนมฉัตรลอยฟ้าสู่เขาพระวิหารในอนาคตข้างหน้านี้ รวมทั้งมีแผนสร้างโรงแรมระดับ5ดาวที่มีบ่อนคาสิโน (เพื่อไว้รองรับคนไทย จำพวก "แมงเม่าบินเข้ากองไฟ") อีกด้วย หากโครงการดังกล่าวเป็นจริงตามข่าว การขึ้นเขาพระวิหารของชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติที่ส่วนใหญ่อาศัยทางฝั่งไทย ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว ดีไม่ดี..พวกเขาอาจบังคับให้ชาวไทยที่ต้องการจะขึ้นเขาพระวิหาร เพื่อสักการะบูชาตามความเชื่อของฮินดู จำต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลัดช่องเขาเข้าเขมรที่ "ช่องตาเฒ่า" ก่อน เพื่อจะได้แวะเล่นบ่อนคาสิโน ก่อนค่อยขึ้นกระเช้าลอยฟ้าอีกทอดหนึ่งก็เป็นได้ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 02:09:15 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลงชื่อจองคิวไว้ก่อนชื่อแรกค่ะ แต่คงอ่านตอนนี้ไม่ไหว เพราะตาจะปิดแล้ว เด๋วพรุ่งนี้เข้ามาอ่านนะค พี่สาริกา ปล. ดูแลตัวเองด้วยนะคะพี่ เป็นห่วงค่ะ แล้วกู๊ดไนท์ค่ะ.... จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 29 พ.ค. 51 02:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นั่นก็เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งที่ได้เกิดขึ้นก่อนปัญหาอีกหลายๆอย่างจะตามมา  แต่ตอนนี้เรามาทำความรู้จักและทราบถึงลักษณะที่สำคัญๆของปราสาทเขาพระวิหารกันบ้างครับ ปราสาทเขาพระวิหาร (Prasat Preah Vihear) ก่อสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ พ.ศ.1545 - พ.ศ.1593 ซึ่งเป็นสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ทรงสร้างและสถาปณา "ศรีศิขเรศวร" อันหมายถึงที่ประทับของพระอิศวร โดยจำลองให้เขาแห่งนี้เสมือนเป็น "เขาพระสุเมรุ" (เชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาล) อันเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ตามคติความเชื่อของชาวฮินดู ต่อมาได้ทำการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกหลายรัชกาล จนเป็นเขาพระวิหารในทุกวันนี้ แต่แท้จริงแล้วการสร้างนั้นก็มีเหตุผลเพื่อรวบรวมอำนาจและความเชื่อของคนในละแวกนั้นเข้าด้วยกัน เพราะในอดีตบริเวณนี้มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่รวมกัน พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 จึงโปรดให้สร้างเขาพระวิหารขึ้น เพื่อเป็นจุดยึดเหนี่ยวและศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน อันทำให้การปกครองง่ายขึ้นด้วย ปราสาทเขาพระวิหารมีความยาว 800 เมตร ตามแนวเหนือใต้ และส่วนใหญ่เป็นทางเข้ายาว และบันไดสูงถึงยอดเขา จนถึงส่วนปราสาทประธาน ซึ่งอยู่ที่ยอดเขาทางใต้สุดของปราสาท (สูง 120 เมตรจากปลายตอนเหนือสุดของปราสาท และ 525 จากพื้นราบของกัมพูชา) แต่โครงสร้างปราสาทแห่งนี้ก็ยังแตกต่างอย่างมากจากสถาปัตยกรรมปราสาทหินของหินโดยทั่วไปที่พบในพระนคร เพื่อจำลองเขาพระสุเมรุ อันเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ตามคติความเชื่อของฮินดู ทางเข้าสู่ปราสาทประธานนั้น มีโคปุระคั่นอยู่ 5 ชั้น แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 02:29:59 จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าว..!!!! สวัสดีน้องฉิน  ยังไม่นอนอีกเหรอครับ  และขอขอบคุณในห่วงใยจากน้องสาวคนนี้เสมอๆด้วยนะครับน้องฉิน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทางเดินขึ้นไปยังศาสนสถานจะมีบันไดศิลาใหญ่ทอดตัวขึ้นไป 162 ขั้น กว้าง 8 เมตร ยาว 75.50 เมตร บางขั้นก็สกัดหินลงบนภูเขาธรรมชาติ สองข้างบันไดมีฐานสี่เหลี่ยมตั้งเป็น "กระพัก" (แปลว่า ไหล่เขาเป็นชั้นพอพักได้) ขนาดใหญ่เรียงรายขึ้นไป ใช้สำหรับตั้งรูปสิงห์ทวารบาลเพื่อเฝ้าดูแลรักษาเส้นทาง สะพานนาคราชหรือลานนาคราชอยู่เลยถัดเข้ามา ปูด้วยแผ่นหินเรียบ มีขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 31.80 เมตร สองข้างสะพานนาคราชสร้างเป็นฐานเตี้ย ๆ บนฐานมีรูปพญานาคคชเศียร 7 เศียร หัวโล้น จำนวน 2 ตัว แผ่พังพานหันหน้าไปทางทิศเหนือ และมีลำตัวเลื้อยอยู่บนฐานทั้งสอง ส่วนหางของนาคราชชูขึ้นเล็กน้อย ลักษณะของนาคราชดูคล้ายงูตามธรรมชาติ อันเป็นลักษณะของนาคราชตามศิลปะขอม แบบปาปวน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทางเข้าสู่ปราสาทประธานนั้น มีโคปุระ (หรือซุ้มประตู) คั่นอยู่ 5 ชั้น (ปกติจะนับจากชั้นในออกมา ดังนั้นโคปุระชั้นที่ 5 จึงเป็นส่วนที่ผู้เข้าชมทางฝั่งไทยจะพบเป็นส่วนแรก) โคปุระแต่ละชั้นก่อนถึงลานด้านหน้า จะผ่านบันไดหลายขั้น โคปุระแต่ละชั้นจึงเปลี่ยนระดับความสูงทีละช่วง นอกจากนี้โคปะรุยังบังมิให้ผู้ชมเห็นส่วนถัดไปของปราสาท จนกว่าจะผ่านทะลุแต่ละช่วงไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถแลเห็นโครงสร้างปราสาททั้งหมดจากมุมใดมุมหนึ่งได้ โคปุระชั้นที่ 5 เป็นศาลาจตุรมุข รูปทรงกากบาท ไม่มีฝาผนังกั้น มีแต่บันไดและซุ้มประตูทั้ง 4 ทิศ สร้างอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุม แต่ส่วนหลังคากระเบื้องนั้นหายไปหมดแล้ว บันไดทางขึ้นเป็นบันไดหินที่ค่อนข้างชัน ด้วยความเชื่อกันว่าการที่จะเข้าเฝ้าเทพนั้น จำต้องแสดงอาการเคารพนพนอบในลักษณะหมอบคลานเข้าไป ส่วนหน้าบันและทับหลังต่างๆเป็นภาพเทพนั่งชันเข่าที่เลือนรางจนดูไม่ออกว่าเป็นเทพอะไร พบรูปสิงห์แกะสลักที่ปรักหักพังแล้วได้ทั่วไป ด้านซ้ายมือหรือทางทิศตะวันออกของโคปุระชั้นนี้มีเส้นทางขึ้นคล้ายบันไดด้านหน้า แต่ค่อนข้างชันยิ่งกว่า และชำรุดทรุดโทรมไปหลายตอนหลายช่วง ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้น-ลงของชาวกัมพูชาเท่านั้น เรียกว่า "ช่องบันใดหัก" จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ช่วงนี้จะพบ "บาราย" (เป็นภาษาเขมร หมายถึง สระสรง หรือแหล่งเก็บน้ำ) อยู่ทางด้านซ้ายมือหรือทางทิศตะวันออก เป็นสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 16.80 เมตร ยาว 37.80 เมตร กรุด้วนท่อนหินเป็นชั้น ๆ คล้ายขั้นบันได เพื่อใช้เป็นที่ชำระร่างกายก่อนที่จะกระทำพิธีทางศาสนา อนึ่งปราสาทขอมทุกแห่งย่อมมีบาราย จึงถือว่าบารายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของปราสาทขอม โคปุระชั้นที่ 4 เป็นศาลาจตุรมุขที่มีขนาดใหญ่กว่าและทึบกว่าชั้นที่ 5 อันเป็นศิลปะสมัยหลัง คือ แคลง/บาปวน มีกำแพงด้านทิศใต้เพียงด้านเดียว หน้าบันด้านนอกของทิศเหนือเป็นรูป "พระศิวะเหนือหน้ากาล" ส่วนด้านในมีทับหลังเป็นรูป "พระกฤษณะยกภูเขาโควรรธนะ" เมื่อเดินผ่านออกมาทางด้านหลังก็จะพบว่าหน้าบันของโคปุระด้านทิศใต้ ถือเป็น "1 ในผลงานชิ้นเอกอุของปราสาทเขาพระวิหาร" คือเป็นภาพของการกวนเกษียรสมุทร ซึ่งแกะสลักได้สวยงามมาก และด้านล่างเป็นภาพของ "พระนารายณ์บรรทมสินธุ์อยู่เหนืออนันตนาคราช" นอกจากนี้ตามพื้นทางเดินและสองข้างทางขึ้นลงตามบันไดจะพบรอยสกัดลงในพื้นศิลาเป็นหลุมกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณฟุตเศษ ๆ เพื่อไว้ใส่เสาทำเป็นปะรำพิธี โดยมีประธานในพิธีนั่งอยู่ในปะรำพิธีเพื่อดูการร่ายรำบนเส้นทางดำเนิน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โคปุระชั้นที่ 3 มีลักษณะคล้าย ๆ กับชั้นที่ 5 และชั้นที่ 4 แต่มีฝาผนังกั้นล้อมรอบความใหญ่โตมากกว่าเยอะ ซึ่งการที่มีฝาผนังกั้นหรือกำแพงแก้วล้อมรอบนี้ นักโบราณคดีจะเรียกว่า "ปราสาท" จึงมักเรียกโคปุระชั้นนี้ว่า "ปราสาทหลังที่ 1" เป็นโคปุระที่มีขนาดใหญ่สุด และยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด ตัวโคปุระขนาบด้วยห้อง 2 ห้อง อันเป็นห้องบรรณาลัยหรือห้องสมุด เพื่อไว้ใช้เก็บคำภีร์ทางศาสนา ผ่านโคปุระชั้นที่ 3 เข้ามา ทางเดินยกระดับสูงขึ้นมา เป็นทางเดินขนาดใหญ่ ปูด้วยหินศิลาทราย กว้าง 11.10 เมตร ยาว 275 เมตร สองข้างทางเดินทำเป็นเขื่อนยกสูงขึ้นเล็กน้อย บนสันเขื่อนปักเสาศิลาทรายหรือที่เรียกว่า "เสานาง" อยู่เป็นระยะ ๆ แต่ละต้นห่างกันราว 2.15 เมตร ซึ่งหลายต้นอยู่ในสภาพปรักหักพังไปมากแล้ว โคปุระชั้นที่ 2 หรือปราสาทหลังที่ 2 อยู่ในสภาพที่ผุพังไปมากแล้ว อันเกิดจากแผ่นดินทรุด ชั้นนี้ประกอบด้วยหลายส่วน และจะมีตัวหนังสือขอมโบราณสลักลงบนแผ่นศิลาบริเวณกรอบประตูด้านทิศเหนือ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เดินต่อมาอีกราว 50 เมตร ก็จะถึงโคปุระชั้นที่ 1 หรือ "พระมหามณเฑียร" เพื่อใช้เก็บข้าวของเครื่องใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตรงนี้จะมีผนังค่อนข้างทึบและมิดชิด ก่อด้วยหินทรายแกะสลักทั้งหมด ภายในเราจะเห็นว่าหินบางก้อนที่ฝาผนังนั้น มีการสกัดเป็นรู ๆ หลายคนเข้าใจผิดว่าเอาไว้ใส่สลัก แต่จริง ๆ แล้วสันนิษฐานว่าเป็นที่ฝังเครื่องเพชร พลอย และหินสีต่าง ๆ บริเวณพระมหามณเฑียรนี้มีหน้าบันเป็นลวดลายต่าง ๆ บอกเล่าเรื่องราวที่รวม ๆ กัน ทั้งที่เกี่ยวกับกษัตริย์ ซึ่งคาดว่าเป็นพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 และบางส่วนเป็นเรื่องราวตามคติฮินดู บริเวณโดยรอบได้ปรักหักพังไปตามกาลเวลา รวมทั้งขาดการบูรณะที่ถูกต้องอย่างน่าเสียดาย เดินไปตามซุ้มโคปุระก็จะเป็นทางเชื่อมเข้าสู่ "ส่วนระเบียงคด" ที่ล้อมรอบปรางค์ประธานเอาไว้ ซึ่งตัวปรางค์ประธานได้พังทลายลงมาหมดแล้ว คงเหลือเพียงมณฑปที่เชื่อมต่อกันเท่านั้น บริเวณทางเดินเต็มไปด้วยก้อนหินทรายที่เคยเป็นส่วนประกอบขององค์ปรางค์ ส่วน "ฐานโยนี" ซึ่งเคยใช้ประดิษฐานศิวลึงค์ สิ่งที่สำคัญที่สุดของที่นี่ กลับกลายเป็นเพียงก้อนหินที่วางให้ผู้คนเหยียบก้าวเดินขึ้นสู่มณฑป เห็นแล้วก็พอจะสรุปได้ว่าพวกเขามิได้มองเห็นคุณค่าความสำคัญของมรดกเก่าแก่เหล่านี้เท่าใดนัก หากปัจจุบันนี้..เขาพระวิหารยังอยู่ในความดูแลของไทย มันคงไม่ทรุดโทรมเช่นนี้ กลับน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าปราสาทพนมรุ้งหรือปราสาทพิมาย รอบ ๆ ระเบียงคดเป็นทางเดินภายใต้ซุ้มหลังคาหินทรายที่แข็งแรงมั่นคง ด้านขวามือจะมีทางออกสู่บริเวณภายนอก เพื่อชมทิวทัศน์ริมหน้าผาเป้ยตาดี อันเป็นสุดเส้นทางของเขาพระวิหาร และหากมองย้อนกลับไปยังตัวปราสาท ก็จะมองเห็นทั้งในส่วนของพระคลังซ้าย พระคลังขวา และระเบียงคด ซึ่งล้อมรอบองค์ปรางค์ประธานเอาไว้ทั้งหมด จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 หลังจากเราพอจะทราบถึงความหมายต่างๆของเขาพระวิหารแล้ว  ช่วงท้ายๆนี้  คงต้องขอมาย้อนถึงเรื่องราวที่ทำให้เกิดข้อพิพาทไทย-เขมรกันบ้าง คือในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2502 สมเด็จเจ้านโรดมสีหนุแห่งกัมพูชา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อเรียกร้องอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทฯ โดยยื่นฟ้องทั้งหมด 73 ครั้ง ด้วยข้ออ้างที่ว่าชนชาวขอมเป็นผู้สร้างปราสาทนี้ขึ้นมา จึงต้องเป็นขอม สมัยนั้นชาวไทยทุกคนต่างยอมรับไม่ได้ มีการปลุกกระแสรักชาติ เรียกร้องเอาเขาพระวิหารกลับคืน มีการเรี่ยไรบริจาคเงินสบทบทุนคนละ 1 บาท เป็นค่าใช้จ่ายให้ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นำคณะทนายความไปต่อสู้ในศาลโลก ก่อนท้ายที่สุดจะตกเป็นของเขมร ผลการตัดสินของศาลโลก มีข้อกำหนด 3 ประการ สำหรับรัฐบาลไทยที่มี "จอมพลสฤษด์ ธนะรัตน์" เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น คือ ให้ขีดเส้นแบ่งเขตแดนที่จะต้องยกให้กัมพูชาจำนวน 150 ไร่ โดยยึดสันปันน้ำเป็นตัวแบ่งเส้นเขตแดน (แต่จวบจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ) , ให้คืนวัตถุโบราณจำนวน 50 ชิ้น และให้ถอนทหารและตำรวจออกจากพื้นที่เขาพระวิหาร จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลำดับเหตุการณ์กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา เรื่องเขาพระวิหาร เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2492 ฝรั่งเศสและด้วยความเห็นชอบของกัมพูชาได้มีการคัดค้านอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือเขาพระวิหารอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก ฝรั่งเศสประท้วงว่าไทยไม่ควรส่งคนไปรักษาเขาพระวิหาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากไทยไม่ยอมรับข้อแนะนำของคณะกรรมการประณีประนอม ณ กรุงวอชิงตันในปี พ.ศ. 2490 วันที่ 5 สิงหาคม 2501 รัฐบาลไทยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางชายแดนไทย-กัมพูชา รวม 6 จังหวัดคือ จันทรบุรี ปราจีนบุรี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 1 ธันวาคม 2501 รัฐบาลกัมพูชาประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูต หลังจากทั้งสองฝ่ายเจรจาไม่ยุติข้อขัดแย้งไม่สำเร็จ วันที่ 6 ตุลาคม 2502 รัฐบาลกัมพูชายื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศขอให้ศาลวินิจฉัยให้ไทยถอนกำลังติดอาวุธออกจากบริเวณเขาพระวิหารและขอให้ศาลชี้ขาดว่าอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารเป็นของ กัมพูชา รัฐบาลไทยแต่งตั้งหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชเป็นทนายแก้ต่างให้รัฐบาลไทย ในคดีพิพาทเกี่ยวกับเขาพระวิหาร วันที่ 15 มิถุนายน 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้พิจารณาลงความเห็นด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ว่า ซากปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนดินแดนภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา ทั้งนี้เป็นไปตามแผนที่ซึ่งฝรั่งเศสทำขึ้นตามสนธิสัญญาปี พ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2450 โดยอาศัยเหตุผลว่า ไทยเพิกเฉยมิได้ประท้วงแผนที่ดังกล่าวนั้น ขณะที่ฝ่ายไทยได้ยืนยันต่อศาลโลกตลอดว่า รัฐบาลไทยถือสันปันน้ำเป็นเขตแดนตามข้อกำหนดในสนธิสัญญาทุกฉบับที่พาดพิงถึง หนึ่งเดือนถัดมา รมต.กระทรวงมหาดไทยกล่าวคำปราศรัยเกี่ยวกับการปฏิบัติงานเพื่อยกเขาพระวิหารให้แก่กัมพูชาว่า "...วันนี้จะเป็นวันหนึ่งซึ่งประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้ว่า ไทยจำเป็นต้องสละอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร" ขณะเดียวกันไทยได้ถอนทกสิ่งทุกอย่างออกนอกบริเวณเขาพระวิหาร บริเวณที่คงเหลืออยู่ในเขไทยคือ สถูปสี่เหลี่ยมสองอัน ซึ่งตั้งอยู่บนเนินดินลึกเข้ามาจากเขตแดนใหม่ไทยประมาณ 500 เมตร บนหน้าผาชันซึ่งเป็นที่ประดิษฐานธงชาติไทยซึ่งได้ย้ายลงมาจากที่เดิมซึ่งเคยประดิษฐานบนเป้ยตาดีด้านหลังปราสาทเขาพระวิหาร เนื้อที่ซึ่งกัมพูชาได้จากกรณีพิพาทนี้เป็นเนื้อที่พร้อมปราสาทเขาพระวิหารมีอาณาเขตไม่เกิน 150 ไร่ นับตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์รนะหว่างสองประเทศก็ถูกกั้นด้วยแนวลวดหนามตลอดระยะเวลาร่วมหนึ่งทศวรรษช่วง พ.ศ. 2518-2540 หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลลอนนอล กัมพูชาได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นภายในประเทศระหว่างเขมรฝ่ายต่าง ๆ มีการตั้งหน่วยทหารบนเขาและวางกับระเบิดโดยรอบเขาพระวิหาร ปราสาทหินแห่งนี้ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมเป็นช่วงสั้นๆ ในปี พ.ศ. 2535 แต่ปีต่อมาก็ถูกเขมรแดงเข้าครอบครอง จากนั้นก็เปิดอีกครั้งจากฝั่งประเทศไทย เมื่อปลายปี พ.ศ. 2541 และเมื่อ พ.ศ. 2546 กัมพูชาก็ได้ตัดถนนเข้าไปจนสำเร็จสมบูรณ์หลังจากรอคอยเป็นเวลาช้านาน จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 02:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ ณ วันนี้ เขาพระวิหารกลับมาอยู่ในกระแสความสนใจอีกครั้ง เมื่อกัมพูชายื่นเรื่องให้ยูเนสโก ประกาศรับรองเขาพระวิหารเป็น "มรดกโลก" ของประเทศกัมพูชา โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับไทย มันจึงกลายเป็นข้อพิพาทใหญ่โตเหมือนเมื่อ 50 ปีก่อน ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยยูเนสโกจะมีการประชุมใหญ่เพื่อพิจารณาเห็นชอบในเรื่องนี้ในเดือนมิถุนายน ทางไทยจึงจำเป็นต้องรีบยื่นเรื่องให้ยูเนสโกชะลอการอนุมัติให้เขาพระวิหารเป็น "มรดกโลก" ไว้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนในอดีต เนื่องจากที่ตั้งของปราสาทเขาพระวิหาร เป็นพื้นที่ทับซ้อนราว ๆ 7 ตร.กม. ของไทยกับกัมพูชา ซึ่งทั้ง 2 ประเทศยังไม่ได้เจรจาปักปันเขตแดนอย่างเป็นทางการ และในเดือนมิถุนายน ศกนี้ หากที่ประชุมใหญ่ของยูเนสโกอนุมัติเห็นชอบให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว ก็เท่ากับประเทศไทยต้องเสียดินแดนในส่วนที่ทับซ้อนกันอยู่!!!! หากจะประกาศเป็น "มรดกโลก" ผมเห็นว่าทั้ง 2 ประเทศควรต้องเป็นผู้เสนอร่วมกัน เพราะไทยก็มีสิทธิ์ในเขาพระวิหารครึ่งหนึ่ง การที่กัมพูชายื่นเรื่องไปแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงไม่เป็นการสมควร หลายคนอาจแย้งอย่างรุนแรงว่า "ไปยอมได้อย่างไร มันต้องเป็นของเราแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะในอดีตเป็นของเรามาก่อน" มันก็จริงครับ แต่อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ยากจะที่คายออก การทำเช่นนั้นมีแต่ก่อให้เกิดปัญหาข้อพิพาทระหว่าง 2 ประเทศอย่างมิรู้จบสิ้น จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 03:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เท็จจริงแล้วเรื่องนี้ควรจับเข่าพูดคุยกันด้วยเหตุผล เนื่องจากการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตแดนของกัมพูชาเพียงอย่างเดียว เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ ย่อมไม่ชอบด้วยเหตุผลทางวิชาการของการเป็นพื้นที่มรดกโลก จริงอยู่ที่ศาลโลกตัดสินให้เขาพระวิหารตกเป็นสมบัติของกัมพูชาตามเส้นแบ่งเขตแดน แต่องค์ประกอบสำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่งของเขาพระวิหาร ยังอยู่ในเขตแดนไทย โดยอยู่ในความดูแลของอุทยานฯ เขาพระวิหาร ไม่ว่าจะเป็นปราสาทโดนตวล บรรณาลัย สถูปคู่ สระตราว และโบราณสถานอื่น ๆ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของฝ่ายไทย จึงมีความเห็นว่า "ถ้าจะให้เกิดความสมบูรณ์ทางวิชาการและหลักประวัติศาสตร์ของเทวาลัยที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก จำต้องรวมองค์ประกอบทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน จึงควรประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา เพราะต้องมีการทำแผนอนุรักษ์และจัดการพื้นที่ หากได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นมรดกโลก รวมทั้งต้องมีการทำเขตกันชนพื้นที่มรดกโลกระหว่างกัน โดยก่อนหน้านี้ทางเราเคยมีความพยายามในการเจรจาทางการทูต แต่กัมพูชาก็ไม่ยอมหารือกับไทย แต่อยู่ ๆ จะทำเรื่องเสนอเข้าไปอีกครั้ง เราก็คงไม่ยอมเช่นกัน" อันที่จริงเรื่องกัมพูชาเสนอต่อยูเนสโกให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับไทยนั้น มีมาหลายครั้งแล้วครับ อย่างเมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว เขาก็ได้ยื่นเรื่องดังกล่าวในการประชุมยูเนสโกที่เมืองไครซ์เชิร์ท ประเทศนิวซีแลนด์ แต่ไทยก็ได้ทักท้วงคัดค้าน และยูเนสโกก็ได้เลื่อนการพิจารณา โดยขอให้ทั้งสองประเทศหาข้อยุติระหว่างกันให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยนำเสนอใหม่ในการประชุมในเดือนมิถุนายน ศกนี้ แต่ทางเราก็ได้รับรู้มาว่าเมื่อกลางเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ยูเนสโกได้ส่งเจ้าหน้าที่ชาวฝรั่งเศส 2 คน เดินทางมาตรวจสอบข้อมูลสถานที่ เขตแดน และสภาพแวดล้อมของปราสาทเขาพระวิหารแล้ว อันเป็นขั้นตอนเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 03:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มีท่านผู้รู้บางท่านบอกผมว่า ... เรื่องนี้ไม่น่าจะขยายวงความขัดแย้งเหมือนเช่นที่เคยเกิด น่าจะพูดคุยตกลงทำความเข้าใจร่วมกันได้ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกันจากพื้นที่นี้ ทั้งไทยและกัมพูชาต้องไม่มองให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย แต่ควรมองในแง่ของความเป็นวัฒนธรรมมากกว่า ไม่จำเป็นที่ไทยและกัมพูชาจะต้องเดินตามที่กฎหมายขีดเส้นกำหนดไว้ว่าพื้นที่นี้ของไทย พื้นที่นี้ของกัมพูชา เพราะวัฒนธรรมนั้นไม่มีการขีดเส้นอยู่แล้วว่าจำกัดแค่พื้นที่ไหน โดยถ้าทำตามกรอบนี้ได้ก็จะช่วยให้บรรยากาศโดยรวมดีขึ้น เกิดการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน ผมเองก็อยากให้ทั้ง 2 ชนชาติคิดเห็นแค่เพียงว่า หากเขาพระวิหารได้เป็นมรดกโลก ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ การศึกษา รวมถึงวัฒนธรรม อย่าลืมว่าเศรษฐกิจของเขาก็ผูกพันอยู่กับประเทศไทย ฝ่ายกัมพูชาก็ควรจะยกเครดิตบางด้านให้ไทยมากขึ้น แต่เราเองก็จำต้องยอมรับว่าเขาพระวิหารเป็นสมบัติของเขาเช่นกัน ทั้งเราและเขาต้องไม่พยายามยกข้อกฎหมายมาหักล้าง แต่ควรชี้เหตุผลในเรื่องความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมระหว่างกันจะดีที่สุดครับ แต่นี่เป็นเพียงความคิดเห็นบางส่วนจากผมในอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้นครับ  ซึ่งมันยังไม่ใช่ข้อบทสรุปใดๆตามที่กำลังเกิดมีกระแสทั้งเห็นชอบและไม่เห็นชอบดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ ผมเองก็หวังเพียงแค่ว่า  อยากให้ทุกๆอย่างบนโลกใบนี้ได้ความเกิดสันติสุขต่อมวลมนุยษ์ด้วยกันเท่านั้นเองครับ  ต้องขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เข้ามาแสดงความเห็นอย่างสันติและหลีกเลี่ยงอันที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหา ขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริงครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 03:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลงชื่อจองไว้ก่อนเหมือนกันจ๊ะลุงหมูจ๋า... พรุ่งนี้กลับบ้านจะเข้ามาอ่านจ้า.. งานยุ่งสุดๆ เห้อๆๆๆ... ^0^ ทักทายพี่ฉินคนสวยด้วยจ้า...อิอิ จากคุณ : นายประภาคาร - [ 29 พ.ค. 51 04:13:42 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ความรู้อีกแล้ว จากคุณ : หัวโต๊ะโต่ะ~ - [ 29 พ.ค. 51 04:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สรุปว่า เราโง่เอง เสียดินแดนยังไม่พอ ยังจะไปเปิดจุดผ่านแดนถาวรตามแผนของ เขาอีก แทนที่จะเปิดเฉพาะจุดทางขึ้นเขาพระวิหารเดิมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ใครจะ ไปเขาพระวิหารจากทางด้านไทย ต้องผ่านจุดนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องคาสิโนก็เป็นความโง่ ของเราอีก แทนที่จะตรวจเข้มกับคนที่เข้าออกชายแดน ไม่สนับสนุนให้คนไปเล่นการ พนัน กลับกลายเป็นเหมือนส่งเสริม ทั้งรถบริการทั้งไม่ตรวจคนที่ข้ามไป สรุปว่าอย่า ไปโทษเขมร เพราะเขาทำเพื่อประเทศชาติเขา เพื่อเงินเข้าประเทศเขา แต่ไทยเราโง่ เองครับ จากคุณ : ปลาแมว - [ 29 พ.ค. 51 05:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้ความรู้ดีๆ เอ้าโหวต จากคุณ : [Cha] - [ 29 พ.ค. 51 07:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากค่ะคุณสหายสาริกา จากคุณ : หมอกหนาว - [ 29 พ.ค. 51 07:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ติดตามเรื่องราวดีๆ ด้วยความรู้สึกที่แสนเสียดาย และหวงแหนครับ จากคุณ : 3KKK - [ 29 พ.ค. 51 08:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอขอบคุณ สำหรับข้อมูล และมุมมองต่างๆ ที่ดีเสมอมานะครับ  ท่านสหายสาริกา   จากคุณ : Draught Beer - [ 29 พ.ค. 51 08:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาร่วมแสดงความไว้อาลัย กับการสูญเสีย เขาพระวิหาร แม้นานมาแล้ว แต่ไปครั้งใด ก็ยังรู้สึกเสียดาย เคยคิดเลย (ส่วนตัว) ให้ศาลรื้อฟื้นคดีใหม่ การสูญเสียก่อนหน้า ยังสร้างความคลางแคลงใจ (คาใจ) แม้จะมีความเคารพ คำตัดสินศาลก็ตาม ครั้งหนึ่ง ก็มากพอแล้ว อย่าให้ มีครั้งต่อไป กับการสูญเสียอธิปไตย ของไทยอีกครั้ง อาจจะมองว่า.. ไม่ดี ที่ทวงถามบุญคุณ ที่กัมพูชาเกิดสงคราม แตกซ่านเซน มาอาศัย แผ่นดินไทย นานนับปี ยังไม่มีคำว่าสำนึกบุญคุณ เผาสถานทูตไทย แล้วยังจะเหิมเกริมที่จะทึกทัก บริเวณข้างเคียง พ.ท.เขาพระวิหาร เพื่อยกเป็น มรดกโลก.. ไม่ใช่เรื่องฝ่ายผู้เกี่ยวข้องที่ต้องติดตาม เท่านั้น แต่เป็นเรื่องเราชาวไทยทุกคน ควรติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด ที่จะให้การดำเนินการขอให้เขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก ไม่ส่งผลกระทบต่อไทย แต่ผู้มีหน้าที่ควรตระหนัก และติดตาม พร้อมนำความ คืบหน้า การเจรจารตกลงกับทางกัมพูชาเสนอสู่ ประชาชนได้ทราบทุกระยะ คงทำใจลำบากหาก การดำเนินการเงียบ แล้วมารู้ข่าว(เศร้า) กับการ ที่เราต้องยอม เสีย พ.ท. (อีกครั้ง) .... ขอบคุณ จขกท. ได้นำเรื่องราว เกล็ดความรู้ มาเผยแพร่ให้้ได้ทราบ ปล.เพียงแสดงความเห็นส่วนตัว... จากคุณ : ผ่านมา - [ 29 พ.ค. 51 08:47:14 A:125.25.208.166 X: TicketID:002805 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ยอดเยี่ยมครับพี่สาริกา ได้ความรู้อย่างมากเลยครับ อ่านแล้วเข้าใจปัญหาแบบกระจ่างชัดเลย โหวตด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 08:55:28 จากคุณ : แก่ กรุงเก่า - [ 29 พ.ค. 51 08:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เข้ามาโหวตและเก็บเข้าคลังก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่าน ขอบคุณพี่สหายสาริกาครับ ที่นำเรื่องดีๆ มาเล่าขาน จากคุณ : pongkam - [ 29 พ.ค. 51 08:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 29 พ.ค. 51 09:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รอฟังข่าวต่อไป...... อย่างคราวที่สู้ความกันในศาลโลก    เรายังพาลไปนึกว่า...ที่เราแพ้นั้น สาเหตุอย่างนึงก็คือ  เราคล้ายจะสู้กะฝรั่งเศสมากกว่าจะสู้ตัวต่อตัวกะเขมร ซึ่งมานก็ยากจะชนะ    ยิ่งเป็นสมัยก่อนนะคะ บ้านเราก็เคยต้องเก็บกระเป๋าขนข้าวขนของมาจากพระตะบอง   ...ก็เพราะฝรั่งเศสนี่แหล๊ะ   ปล.  คห.5   วิ๊ดวิ๊วววววววว   ปาดเป็นคนแรกของกาทู้....ก็นะคะ  จขกท.นี่จัดว่าหนุ่มน้อยเกือบสุดแล้วในห้อง พี่ยกให้ฉิน.ปาดคนแรกแล้วกันค่ะ   จากคุณ : แม่เพื่อนมีน (แม่ซากานะ) - [ 29 พ.ค. 51 09:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเรียนถามคุณสหายสาริกาค่ะ ได้ยินข่าวว่า การยื่นเรื่องให้เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกครั้งนี้ รัฐบาลไทย ยังทำนิ่งเฉย ไม่ได้ยื่นเรื่องคัดค้านต่อศาลโลก เหมือนประวัติศาตร์จะซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งเสียอธิปไตยคราวก่อนหรือป่าวคะ เพียงแต่ครั้งนี้มีผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลมาเกี่ยวข้อง ไม่ทราบคุณสหายสาริกามีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ประการใดคะ ไม่ลืมกดให้ 1 โหวตค่ะ จากคุณ : ขออยู่ใกล้..แค่สายลม - [ 29 พ.ค. 51 09:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 vote จากคุณ : ronnapob_w - [ 29 พ.ค. 51 09:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณที่เล่าเรื่องราวให้ฟังค่ะ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 09:41:22 จากคุณ : Happy Holiday - [ 29 พ.ค. 51 09:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สงสัยเหมือน คุณ...ขออยู่ใกล้..แค่สายลม คคห ที่ 30 ด้วยค่ะ แล้วก็ขอ Vote ด้วย จากคุณ : พะยูนอ้วน - [ 29 พ.ค. 51 09:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณมากค่ะ เป็นเรื่องน่าสนใจมาก ตอนเด็กๆ บ้านอยู่จังหวัดแถวนั้น โตขึ้นมากับคำของผู้ใหญ่ที่ว่า "เขาพระวิหารเป็นของไทย" ผนวกสำเนียงรักชาติรุนแรง ...ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรกับเขา แต่หลายปีมานี้ เมื่อมานึกดู ก็เห็นด้วยกับคนที่บอกว่า เขาพระวิหารเป็นของชนชาวขอม... ค่ะ มนุษย์เราควรหาวิธีอยู่ร่วมกันอย่างสุขสงบ มากกว่าจะมาทะเลาะกันนะคะ จนปัจจุบัน ได้ฟังเรื่องราวไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันกับเขาพระวิหารของผู้มีอำนาจในตอนนี้ ดิฉันเกลียดรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว รู้สึกว่าถ้าออกความเห็น ต้อง Bias อย่างแรง (เดี๋ยวคงมีคนมาบอกให้ไปราชดำเนิน ) งั้นเอาแค่นี้แล้วกันค่ะ จากคุณ : cultureclub - [ 29 พ.ค. 51 10:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ปร้านาขรา ถึงจะไปตั้งห้อง ราชดำเนิน แต่ถ้าเป็นพวกที่มีข้อติชมรัฐบาลชุดนี้ ถ้าเชิงบวกทู้คงอยู่ได้ แต่เชิงลบไม่แน่ใจค่ะ เพราะเมื่อวานเผลอคลิกเข้าไปห้องราชดำเนิน ไล่เรียงกระทู้ไปเรื่อย ๆ ให้เกิดอาการคลื่นเหียนเวียนหัว มิอาจอ่านต่อได้แม้เพียงทู้เดียว เลยกลับมาเฮฮาห้องบลูเมื่อเดิม ไม่เชื่อเชิญพิสูจน์ได้ค่ะ ^^" จากคุณ : ขออยู่ใกล้..แค่สายลม - [ 29 พ.ค. 51 10:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ เสียดายมากค่ะถ้าจะต้องตกเป็นของกัมพูชา เอาใจช่วยประเทศไทยค่ะ ขอให้ตกลงกันได้ด้วยดี แต่ว่าจะเป็นไปได้มั้ยเนี่ย ปล. จขกท.เตรียมตัวตัดลองกองรอไว้ได้แล้วนะคะ จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 29 พ.ค. 51 10:08:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณพี่นากับคุณขออยู่ใกล้..แค่สายลม ถ้าคุยเรื่องรัฐบาล สงสัยเราคงจะคุยกันได้นานเลยค่ะ ท่าทางจะคอเดียวกัน ปล. อิชั้นเลิกเข้าห้องราชดำเนินนานแล้วค่ะ เพราะเข้าไปทีไรก็มักจะเกิดอาการเดียวกับคุณขออยู่ใกล้..แค่สายลม ทู้กกกที จากคุณ : สันกาลาคีรี - [ 29 พ.ค. 51 10:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อดึต คือ อดีต ไม่รื้อฟื้น ดีกว่า มันไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ ปัจจุบัน อยากให้ทำให้ดีที่สุด สิ่งใดเป็นของเรา ก็ควรเป็นของเรา เหมือนเดิม ไม่เพิ่ม และ ไม่ลด อยากให้อยู่กันอย่างสันติ ไม่เบียดเบียนกันและกัน แค่นั้นพอ เขาจะทำอะไรในบ้านเขา ก็เรื่องของเขา แต่อย่ามายุ่งในบ้านของเราก็พอ เออ พวกปร้าๆ ข้างบนครับ ผมก็ไม่เคยเข้าห้องราชดำเนิน เลยครับ เพราะมันเป็นอะไรที่พูดยากส์ ว่ามะ ไม่เอาดีก่า เดี๋ยวยาว เพราะเรามันคอเดียวกานนนนนนนน แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 10:23:22 จากคุณ : จังเกิ้ล - [ 29 พ.ค. 51 10:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จริงจ้ะ ปร้าแป๋ว เมื่อวานหลงเข้าไปแปปเดียว อยากระโดดถีบคอมฯตัวเองระบายอารมณ์ ขออภัยคุณสหายสาริกา ค่ะ **แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 10:29:13 จากคุณ : ขออยู่ใกล้..แค่สายลม - [ 29 พ.ค. 51 10:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เคยมอง(ด้วยความอยากขึ้น)อยู่ลิบๆจากผา "มออีแดง" ตอนที่เค้ากั้นลวดหนามอยู่พอดี จริงๆประเทศเพื่อนบ้านกันก็ไม่น่าจะต้องแก่งแย่งกันถึงขนาดนี้นะ ถ้าคิดว่าประเทศเขาพัฒนาช้ากว่าเรา อาจจะเป็นการดีที่ให้เขาครอบครองเขาพระวิหาร อย่างน้อยมันก็นำรายได้เข้าประเทศเขาได้มากขึ้น จากคุณ : Klimae - [ 29 พ.ค. 51 10:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากคะสำหรับข้อมูล จากคุณ : Sun2005 - [ 29 พ.ค. 51 10:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณคุณสหายสาริกาครับ ผมแวะมาขอเล่าเหตุการณ์เจ็บปวดหัวใจคนไทย 15 มิถุนายน 2505 ศาลโลกตัดสินให้เขาพระวิหารตกอยู่ในดินแดนกัมพูชา จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ นายกรัฐมนตรีโกรธมาก สมัยนั้นไม่มีทีวีดูไม่งั้นคงเห็นควันออกหู เพราะเขมรประกาศตัดสัมพันธ์กับไทยไปตั้งแต่ปลายปี 2501 นายกฯประกาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยในตอนค่ำ เสียงดังฟังชัดลำโพงแทบแตก "...พี่น้องชาวไทยทุกคน ข้าพเจ้า จะไม่ยอมให้เขมรรุกล้ำเข้ามาถอนหญ้าแม้แต่ต้นเดียว..." ช่วงนั้นกระแสรักชาติรุนแรงมาก คนไทยสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว บ่ายวันถัดมา ครูมาบอกพวกผมว่า เย็นนี้กลับบ้านไปเขียนข้อความประท้วงกัมพูชา รัฐบาลเรียกร้องให้เดินขบวนทั่วประเทศ โดยพร้อมเพรียง วันพรุ่งนี้ไม่มีเรียน ทุกคนจะเดินขบวนไปชุมนุมกันที่ที่ว่าการอำเภอ เหตุการณ์ครั้งนั้น เรารับทราบข้อมูลจากผู้ใหญ่ด้วยความเจ็บปวด แม้เป็นเด็กประถม ผมก็ยังมีความรู้สึกหวงแหนเขาพระวิหาร เช้าวันรุ่งขึ้นแบกป้ายไปรวมกันที่โรงเรียน เพื่อนแต่ละคนเขียนข้อความเจ็บแสบ (คงลงในนี้ไม่เหมาะ) เดินตะเบ็งเสียงร้องเพลงสยามานุสติไปตลอดเส้นทาง เพลงปลุกใจให้รักชาติ หลายต่อหลายเพลงถูกแจกจ่ายไปตามโรงเรียนต่างๆ ประชาชน ข้าราชการ นักเรียนเดินกันเต็มถนน ไม่อยากให้เหตุการณ์สูญเสียอย่าง 46 ปีก่อนเกิดขึ้นอีก หมายเหตุ 1.เท่าที่จำได้ 3เสียงที่โหวตให้ไทย มีจีนไต้หวัน อาร์เจนติน่า และอีกหนึ่งชาติจำไม่ได้ครับ 2.สี่เดือนถัดมาในปีเดียวกัน คนไทยต้องสูญเสียญาติพี่น้องไปอีก   25 ตุลาคม 2505 พายุแฮเลียต ถล่มแหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ราบเรียบ 3.ปีถัดมา 8 ธันวาคม 2506 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ นายกรัฐมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 11:34:35 จากคุณ : พรเลิศ - [ 29 พ.ค. 51 11:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ้า... ดีใจได้เจอปร้าๆ คอเดียวกัน วันไหนเรานัดไปนั่งโซ้ยไก่ย่าง แถวๆหน้า UN   (ถนน) ราชดำเนิน ท่าจะดีไม่น้อย อย่างนี้เค้าเรียก "วอน" รึมิใช่.... จากคุณ : cultureclub - [ 29 พ.ค. 51 11:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณหมู ,สหายสาริกา สำหรับเรื่องราวดีๆ จากเขาพระวิหาร อีกครั้ง.... จากคุณ : Red Fox - [ 29 พ.ค. 51 11:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณครับที่เอามาให้อ่าน แต่จากที่ผมมองดู พื้นที่ของปราสาทเป็นแนวยาว ซึ่งเป็นบันไดทางขึ้น เท่าที่เคยอ่านผ่านๆมาบ้าง ผมก็จับใจความได้อย่างนั้น ผมเลยเกิดความสงสัยขึ้นว่า เค้ามาสร้างทางขึ้นในฝั่งไทยยังไงอ่ะครับ รบกวนน้าๆช่วยหน่อย เพราะผมเกิดไม่ทันคดีความนั้นครับ จากคุณ : เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ - [ 29 พ.ค. 51 11:58:36 A:125.27.70.188 X: TicketID:176876 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณพี่หมูสำหรับ เรื่องราวดีๆ ที่นำมาแบ่งปันเสมอๆ ครับ ................... เรื่องเขาพระวิหาร ... มันเป็นเรื่องน่าเศร้าในอดีต ... ที่อาจจะกำลังซ้ำรอยแผลเก่าอีกครั้ง อย่างที่ไม่น่าจะเป็น บางครั้งการเป็นประเทศที่ด้อยกว่า เล็กกว่า แต่กลับที่จะกล้าเรียกร้องต่อสู้สิทธิบนเวทีโลก มากกว่าประเทศ ที่ได้ชื่อว่าได้รับการพัฒนาไปดีกว่าแล้วทุกๆเรื่อง ... จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน และ ตชด. ผามออีแดง ว่านอกเหนือปัญหา เขตแดนทับซ้อน และไม่สามารถปักปันลงได้  ประชากรชาวไทย ซึ่งตั้งหมู่บ้าน ด้านล่างเขาพระวิหาร ยังต้องเจอกับปัญหามลพิษ น้ำเสีย  จากหมู่บ้านชาวกัมพูชา ที่ย้ายมาตั้งเหนือต้นน้ำบนเขาพระวิหาร และถ่ายเทน้ำเสียลงมาฝั่งไทยอีก ... เรื่องนี้ ก็ไม่มีใครแก้ได้ มันมองดูแล้ว ต้องเศร้าใจและช้ำใจ ... ยิ่งถ้ามองเลยเถิดไปถึงปัญหาการบริหารงานภายในประเทศ ซึ่งไม่อาจจะหวังพึ่งพิง ฝากผีฝากไข้ ไว้ได้ภายในภาวะแบบนี้ ... จากคุณ : อ.อดุล - [ 29 พ.ค. 51 12:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับลุง  กันเรื่องราวดีๆ                              อย่าลืมนะครับ  รักษาสุขภาพด้วย  เป็นห่วงครับ จากคุณ : ป๋อหลาง - [ 29 พ.ค. 51 12:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณค่ะ นี่สิ ของจริง จากคุณ : แหม่มกะปิสวิส คนเดียวกันกับ>>> (แตนต่อย) - [ 29 พ.ค. 51 12:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าลองมองความสมบูรณ์ในเชิงประวิติศาสตร์ และวัฒนธรรม  ตลอดจนสภาพการดูแลรักษาและการอนุรักษ์ ปราสาทเขาพระวิหาร มีสภาพความทรุดโทรม จากภาวะสงครามภายในประเทศ ซากปรักหักพัง หลายๆแห่ง ไม่ได้เกิดจากความเสื่อมโทรมตามธรรมชาติ แต่เกิดจากสงคราม .... ซึ่งถ้าเราลองหันมามองปราสาทเขาพนมรุ้ง ... เราจะพบกับความสมบูรณ์แบบของศิลปะ ประวิตศาสตร์และวัฒนธรรม ที่มีมากกว่า แล้วทำไม "ปราสาทเขาพนมรุ้ง" .... จึงเป็นมรดกโลก ไม่ได้สักทีครับ ... จากคุณ : อ.อดุล - [ 29 พ.ค. 51 12:26:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ลงชื่อเข้าชมก่อนนะครับ.... เดี๋ยวเข้าอ่านรายละเอียด  อีกครั้งนึง...... จากคุณ : Art999. - [ 29 พ.ค. 51 12:58:26 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เยี่ยมค่ะ  ขออนุญาตเซฟไว้ก่อนนะคะ  เดี๋ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : la liga fan - [ 29 พ.ค. 51 13:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ จากคุณ : noo_jar - [ 29 พ.ค. 51 13:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอนที่คุณพรเลิศบอกว่า จอมพลสฤษดิ์ ประกาศทางสถานีวิทยุประเทศไทยนั้น ก็มีออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เหมือนกันครับ พวกผมนั่งดูโทรทัศน์กันอยู่ที่บ้าน จำได้ว่า เราดูกันเงียบสนิท ความโกรธแค้นกับทุกสิ่งที่ประเทศไทยต้องรับนั้น ระอุอยู่ในอกทุกคนเหมือนกัน แต่เมื่อท่านประกาศว่า สักวันหนึ่ง ท่านจะเอาแผ่นดินไทยกลับมาเป็นของไทยอีกครั้งหนึ่งให้ได้ เราก็ต้องสงบนิ่ง รับฟังเอาไว้เฉยเฉย แต่ความรู้สึกเสียดายแผ่นดินไทย ยังคงฝังใจเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วันนี้ ผมอยู่นอกแผ่นดินไทย แต่อีกไม่กี่วันก็จะกลับไป หวังว่า กระทู้ยังคงอยู่ เพื่อจะได้แสดงความคิดเห็นอีกครั้ง ให้เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่านี้นะครับ คุณสหายสาริกา จากคุณ : xebec - [ 29 พ.ค. 51 13:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วรู้สึกเศร้าใจจริงๆ ค่ะ ขอบคุณอาก๋งที่นำเรื่องราวดีๆ มานำเสนอค่ะ จากคุณ : a_o_por - [ 29 พ.ค. 51 14:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เราคงต้องยึดหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  ละการยึดมั่นถือมั่น ของเขา ของเรา ล่ะครับ ทุกสิ่งในโลกล้วนไม่เที่ยง ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใดอย่างแท้จริงทั้งนั้น  เป็นเพียงผลัดกันครอบครอง  มีได้มาย่อมเสียไป มีเกิดขึ้นย่อมมีดับเสื่อมสูญ จากคุณ : David_kop - [ 29 พ.ค. 51 14:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาอ่านประวัติศาสตร์และลำดับเหตุการณ์เรื่องเขาพระวิหารครับ ขอบคุณพี่สาริกาที่นำเสนอเรื่องราวดีๆมีความรู้ ผมเองเคยไปเยื่อนมาแล้วเมื่อปี 47 ครับ อยากให้เรื่องราวจบลงด้วยดี จากคุณ : อาร์ตตะลอน (Athlons) - [ 29 พ.ค. 51 14:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 57 กระทู้ยอดเยี่ยมครับ ขอโหวตครับ  และขอบคุณ จขกท สำหรับเนื้อหาทั้งหมดครับ .................................. มีความรู้สึกเดียวกับ คคห 35  และ  39 ของคุณขออยู่ใกล้..แค่สายลม เลิกเข้าไปอ่านนานแล้วครับ จากคุณ : Lowepro - [ 29 พ.ค. 51 14:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เฮ้อออ!!  ไทยหนอไทย.. จากคุณ : JADE&GUY - [ 29 พ.ค. 51 14:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณนะคะที่มาถ่ายทอดเรื่องราวให้ได้รับรู้ความเป็นมาค่ะ จากคุณ : orange scooter - [ 29 พ.ค. 51 15:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ลงชื่อไว้ก่อนค่า พรุ่งนี้มาอ่านต่อ ขอโหวตด้วยอ่ะ จากคุณ : townthara - [ 29 พ.ค. 51 16:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อยากให้ทุกคนได้อ่าน ขอโหวตนะคะ จากคุณ : Francsmama - [ 29 พ.ค. 51 18:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เขาพระวิหาร นับเป็นเป็นโครงการท่องเที่ยว ที่แรก ที่ผมไปเที่ยวกับภรรยาและลูก เพราะเป็นสถานที่ในความฝัน ที่เคยเห็นภาพวาดสมัยเรียนชั้นประถม ว่าเป็นปราสาทเก่าที่อยู่บนปลายหน้าผาที่ยื่นไปบนฟ้า คล้ายๆกับ ภูชี้ฟ้า จนเมื่อ 4 - 5 ปีนี้ เองผมก็อยากไป แต่ทางเขมร เขาปิดห้ามเข้า เลยเกิดความรู้สึกกลัวว่าจะไม่ได้ไป หรือไปแล้วเขาไม่ให้เข้าอีก เลยต้องรีบไป ครับ  ฟัง จขกท. บรรยายแล้ว ทำให้ทราบความเป็นมาได้ดีครับ ยกเว้นในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ ตำแหน่ง Layout ของแต่ละส่วน ผมยัง งงๆ อยู่ครับ  ตอนนั้นที่ผมไปก็ไม่รู้เรื่องอะไร เพราะไม่ได้ศึกษามาก่อน ถ่ายรูปไปงั้นๆ(เห็นอะไรสวยๆ แปลกๆ ก็ถ่าย)  ถ้าหากมีโอกาสไปเที่ยวอีก จะทำรีวิวมาให้ดู ชัดๆ เลย ว่า อะไรคืออะไร ส่วนไหนคือส่วนไหน ของ ปราสาทเขาพระวิหารครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 51 19:19:37 จากคุณ : มิราชช (vilaithong) - [ 29 พ.ค. 51 19:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เสียดาย จากคุณ : meaw_1985 - [ 29 พ.ค. 51 20:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 64 โหวตครับ แต่เดี๋ยวมาคุยด้วยจ้า พรุ่งนี้มีสอบ อ่านไม่ทันแล้ว >< จากคุณ : TASoccer - [ 29 พ.ค. 51 20:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณครับพี่หมู สำหรับเรื่องราวความรู้ประวัติศาสตร์ มากดโหวตด้วยคนครับ จากคุณ : ชานไม้ชายเขา - [ 29 พ.ค. 51 20:38:55 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เอากลอนของคุณตาหม่อมคึกฤทธิ์ สมัยนั้นมาแปะครับ "  สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่  ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน  ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน   กะลาครอบมานานโบราณว่า  พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน  ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป   อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม  เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้ ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย  ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด   เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู  ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร  แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี   ไทยก็อมตามใจไม่ดึงดื้อ  เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่ คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี  ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน   หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต  เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น? ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน  องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?   เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง  ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา  สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง   ได้เเดชไทยไปคุ้มกะลาหัว  จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง  ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา   ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์  ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา  เพราะทรงพระกรุณาประทานไป   มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ  ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้ สมกับคำโบราณท่านว่าไว้   อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย..." ==================================== ถ้ามองในมุมของฝั่งเขมรนี่ แม้ว่าการเมืองไทยจะแย่แค่ไหน การเมืองกัมพูชาเลวร้ายยิ่งกว่าหลายเท่านัก เรื่องขึ้นทะเบียนมรดกโลกยังอยู่ในขั้นตอนเอกสารครับ โดยฝ่ายไทยให้กัมพูชาไปกำหนดเขตพื้นที่ที่จะขึ้นทะเบียนมาใหม่ แล้วค่อยมาคุยกัน ส่วนฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าอาจจะขึ้นทะเบียนแค่ตัวปราสาทเท่านั้น ไม่รวมส่วนอื่นๆที่อยู่ในเขตแดนไทย ก็ต้องดูกันอีกทีครับว่าการเจรจาจะเป็นไปอย่างไร คือถ้าเป็นอย่างนั้นจริงว่าจะขึ้นทะเบียนแค่ตัวปราสาท ก็ขึ้นไปครับ เห็นด้วย สนับสนุนให้ขึ้นไปเลย เพราะอย่างไรเสีย ไทยก็ได้ประโยชน์อยู่ดี แต่ถ้าจะมาติ๊งต่างว่าในส่วนของไทยเป็นของเขาแล้วเหมารวมขึ้นทะเบียนนี่ อันนี้อาจจะต้องมีเฮกันเล็กน้อย ส่วนถ้าว่าจะขึ้นทะเบียนร่วมกัน อันนี้ก็ยิ่งดีครับ แต่กรณีหลังเนี่ยค่อนข้างมั่นใจว่าเขมรจะไม่เอาด้วย -_-' ... รอดูการประชุมกันรอบต่อไปช่วงเดือนมิถุนาฯครับ ไปอ่านหนังสือจริงๆแล้ว... สอบตกแน่เลย >< จากคุณ : TASoccer - [ 29 พ.ค. 51 20:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ,,,อ่านจบพอเห็นภาพเลยครับ. สหายสาริกา..ยามน้องลำบากบากหน้ามาพึ่ง พอเริ่มลืมตาอ้าปากได้ ก็ลืมไมตรีเสียสิ้น...พนมรุ้งที่เสียหาย เป็นการจงใจหรือเปล่าที่จะลายความเชื่อมั่นว่าเราไม่สามรถดูแลได้....คิดกันเล่นๆอีกมุม  ครั้งเดียวก็คงเกินพอสำหรับการเสียเขาพระวิหาร....ตื่นเถิดชาวไทย!!! จากคุณ : Red Fox - [ 29 พ.ค. 51 22:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่านครับ  สำหรับความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ   และทุกๆคนยังไม่เคยลืมบาดแผลในใจ แม้นว่ากาลเวลาจะล่วงมานานถึง 46ปีแล้วก็ตาม ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆอีกครั้งครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 29 พ.ค. 51 23:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ลุงหมูจ๋า... ขอบคุณมากค่ะ..        1 โหวตจ้า... จากคุณ : นายประภาคาร - [ 30 พ.ค. 51 00:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีค่ะ..อาก๋งขรา จากคุณ : นังนู๋ฟ้า - [ 30 พ.ค. 51 08:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อปลายปีที่แล้ว มีโอกาสได้ไปนอนที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้นั่งคุยกับผู้ใหญ่ของอุทยานฯ ท่านหนึ่ง ท่านเล่าให้ฟังท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บและลมหวีดหวิวบนเนินว่า เมื่อก่อนเมื่อเราเสียรู้เขาไปแล้ว* และเสียเขาพระวิหารให้เขมรไปนั้น เราจึงยึดตำคำตัดสินของศาลโลกที่ว่า ให้เขมรมีสิทธิและอธิปไตยเหนือ"ปราสาท"เขาพระวิหาร เราจึงเอาทหารของเราไปเฝ้าเป็นกันชนเอาไว้ ณ พื้นที่บริเวณที่ไม่ใช่ปราสาทฯ (ซึ่งควรเป็นของไทยทั้งหมดจริงไหม?) แต่เมื่อมีอดีตนายกฯ ท่านหนึ่งไม่นานมานี้ ต้องการจะเข้าไปลงทุนในบริษัทโทรคมนาคมของกัมพูชา จึงปรากฏคำสั่งให้ถอนทหารที่ประชิดปราสาท ร่นลงมาจนถึงบริเวณผามออีแดง ทันทีทันใด เขมรเอากำลังทหารรุกคืบเข้ามาตรึงเอาไว้ทันที ... ประเทศไทยเสียดินแดนไปอีกเป็นจำนวนหลายร้อยไร่อย่างที่ประชาชนไทยไม่มีโอกาสได้รับรู้ ... เพราะคนบางเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่ใช่ประโยชน์ของประเทศชาติ *หมายเหตุ เขมรอ้างเหตุต่อศาลโลกว่าไทยเคยรับรองความเป็นเจ้าของปราสาทฯ ของเขมรดังนี้ คือ 1. เอารูปถ่ายครั้งที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปเที่ยวปราสาทเขาพระวิหาร ... เขมรบอกว่าเห็นไหมเจ้านายไทยยังรับรู้ 2. ถือเอาเหตุที่ว่าฝรั่งเศสเคยส่งแผนที่ฉบับที่ฝรั่งเศสทำซึ่งแผนที่ฉบับนั้นอ้างหลักเขตของกัมพูชาครอบคลุมดินแดนส่วนที่เป็นปราสาทเขาพระวิหารเข้าไปด้วย ฝรั่งเศสเคยส่งแผนที่ฉบับนี้มาให้ไทย แล้วไทยก็รับไว้แต่ไม่คัดค้าน (ก็เข้าใจว่าเป็นธรรมเนียมคนไทย ว่าถ้าไม่ได้แจ้งเรื่องราวเฉพาะเจาะจงมาว่าส่งมาทำไม ไทยเราก็รับไว้เฉยๆ แน่อยู่แล้ว) เท่ากับว่าไทยยอมรับอธิปไตยของเขมรต่อปราสาทฯ นี้ จากคุณ : Dragon - [ 30 พ.ค. 51 18:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ข้อมูลเยี่ยม voted จากคุณ : ก็แค่พอพึงใจ - [ 30 พ.ค. 51 19:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โหวตให้ครับ หวังว่าคงไม่เสียอะไรให้เขมรเพิ่มไปอีกนะครับ แค่นี้ก็ปวดใจมากพอแล้ว จากคุณ : คึกคัก15 - [ 30 พ.ค. 51 19:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณ ท่านสหายสาริกา มากครับ ที่นำเอาบทความดีๆอย่างนี้มาให้อ่าน สำหรับเรื่องนี้ผมว่ามีโอกาสเจรจากันได้นะครับ ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แผ่นดินไทย ไม่สมควรที่จะเสียให้ใครอีกเเล้วครับ จากคุณ : ArM-ApA - [ 30 พ.ค. 51 20:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณที่นำความรู้ดี ๆ มาให้ค่ะ จากคุณ : แม่พริกขี้หนู , น้องอ้วนจัง - [ 30 พ.ค. 51 20:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณค่ะที่นำมาแบ่งปัน ไม่คิดว่าใครควรได้ครอบครอง แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นและเป็นอยู่อย่างปัจจุบันแล้ว อยากให้ช่วยกันดูแล รักษาให้คงสภาพดีๆ อยู่ต่อไปมากกว่าค่ะ ปล.ความเห็นส่วนตัวนะคะ จากคุณ : หมวยแก้มป่อง - [ 30 พ.ค. 51 21:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถึงเราไม่ต้องถูกเป็นเมืองขึ้นของใคร แต่เราก็สูญเสียสิ่งมีค่าไปมากมายจาก พวกล่าอนานิคมที่อ้างตัวเองว่าเจริญแล้ว จากคุณ : MoonHouse - [ 30 พ.ค. 51 22:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไม่รู้เป็นไร  ผมอ่านกระทู้นี้แล้วเศร้าอ่ะ โหวตให้สำหรับสาระและความเศร้าครับ จากคุณ : ท.ทหารหัวแตก - [ 30 พ.ค. 51 22:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณครับ  สำหรับข้อมูลดีแบบนี้ จากคุณ : เฮียเครียด - [ 31 พ.ค. 51 09:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เคยมีคนเล่าให้ฟังว่าวันที่ศาลโลกตัดสินว่าเป็นของเขมร คนไทยเสียใจทั้งประเทศ ทางกองทัพเรากำลังจะเข้ายึดคืน แต่ด้วยพระบารมีที่ทรงขอให้ยุติจึงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ฟังเค้ามานะครับ จากคุณ : fog_tgr - [ 31 พ.ค. 51 11:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ได้รู้อะไรอีกหลายอย่างเลยค่ะ โหวตต่อ จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 31 พ.ค. 51 12:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 82 การตัดสินของศาลโลก กับคดีเขาพระวิหาร ถูกยกเป็นตัวอย่าง เรื่อง"กฎหมายปิดปาก" ให้นักศึกษากฎหมายของไทยจำได้ไม่มีวันลืม ทั้งที่สมัยนั้นฝรั่งเศส คือประเทศเจ้าอาณานิคมที่มีอิทธิพลมากในแถบอินโดจีน ใครหือพี่แกก็ปิดปากอ่าว ยึดเมืองชายทะเลเรา สมัยนั้นเราคงถูกปิดปากด้วยอิทธิพลมากกว่า ยิ่งถ้ากันพูชา จะไปพัฒนาแหล่งคาสิโนอะไรตรงนั้น เราก็ไม่น่าจะไปเปิดจุดผ่านแดนผ่อนปรนให้ เพราะอนาคต เราคงไม่ได้เดินทางขึ้นปราสาทตามทางขึ้นปกติได้แน่นอน ต้องเอาเงินไปทิ้งที่คาสิโนก่อน จากคุณ : หมอดาริน - [ 31 พ.ค. 51 14:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ให้ตัวปราสาทเป็นของเขมร แล้วทางขึ้นมันอยู่ที่ไทย งัยๆขึ้นศาลโลกก็แพ้ ดันมีรัฐบาลห่วยๆ ส่งไปเจรจาแล้วล้มเหลว กลับมาเมืองไทยหน้าตาชื่นบานบอกว่าเจรจาสำเร็จแล้ว ฝากกระทู้ของราชวงศ์ชินวัตรครับ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P6659140/P6659140.html จากคุณ : chilired - [ 31 พ.ค. 51 14:45:00 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ่านแล้วเศร้าใจมาก...............สงสารบรรพบุรุษชาติไทยที่ได้เสียสละชีวิตปกป้องแผ่นดินไทยไว้ จากคุณ : Tanoshii - [ 31 พ.ค. 51 16:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คห อื่นที่เกี่ยวกะการเมืองและ คห 83 ด้วยความเคารพ ห้องนี้ไม่น่านำการเมืองเข้ามาเกี่ยวนะครับ เรามองตามหลักการ ตามที่ จขกท นำมาตั้งแต่ต้นนั่นดีแล้ว ขอบคุณ ปอลอ โหวตด้วยครับ จากคุณ : dodoman - [ 31 พ.ค. 51 16:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 86 มาลงชื่อครับ ... จากคุณ : ทะเลทะเล - [ 31 พ.ค. 51 19:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ มาร่วมโหวตด้วยครับ จากคุณ : fqmm1974 - [ 31 พ.ค. 51 21:16:37 ]

ความคิดเห็นที่ 88 มาช่วยโหวตครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ครับ เหตุการณ์นั้นสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ผมยังเป็นเด็กอยู่เลย ผมเองก็เคยสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้ .... จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 1 มิ.ย. 51 00:19:20 ]

ความคิดเห็นที่ 89 มาติดตามข่าวสารค่ะอาก๋ง จ๋าเคยไปมาแล้วนานมากเมื่อ 10 กว่าปีก่อนได้ ตอนนั้นไปแบบเด็กเลยไม่ได้มีข้อสงสัยว่าเป็นของใครเพราะอะไรถึงมีด่านเก็บเงิน 2 ด่านเดิน ๆ ไป ทหารก็บอกให้ระวังอย่าเดินนอกเส้นทางระเบิดยังเก็บไม่หมด น่ากลัวมาก แต่พอขึ้นไปถึง สวยจริง ๆ บรรยากาศด้านบนทั้งร้อน ทั้งสวย งดงาม น่าเกรงขามมาก ๆ ขนาดจ๋ายังเด็กยังเห็นถึงความยิ่งใหญ่เลย แล้วทำไมฝั่งทางโน้นเค้าถึง จะมองไม่เห็นแล้วก็อยากได้ไว้เป็นของตัวเอง แต่เมื่อมองกลับไปภาพด้านบนเสียดายจังที่เค้าไม่ดูแลรักษาไว้ให้ดี ให้สมกับที่เค้าอยากได้ ขอบคุณมากค่ะอาก๋งสำหรับข้อมูลดี ๆ จากคุณ : จ๋าอาโนเนะ (เวสารัช) - [ 1 มิ.ย. 51 00:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล เยี่ยมมาก จากคุณ : PiGsPy - [ 1 มิ.ย. 51 01:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 91 น่าสนใจมากครับ ไม่เคยไปเลย คงต้องโอกาสขึ้นไปเยี่ยมชม ก่อนที่อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ จากคุณ : West-Songkhla - [ 1 มิ.ย. 51 02:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คิดถึงเหตุการณ์ในอดีตแล้วพูดไม่ออก แล้วยิ่งคิดถึงประเด็นยกเข้าพระวิหารขึ้นเป็นมรดกโลก แล้วจะรวมถึงบริเวณรอบอาณาเขตรอบที่เป็นของไทยอาจถูกตีเหมาว่าเป็นพื้นที่ของเขมรแล้วเจ็บใจ ชนชาติเค้าว่าคบไม่ได้ ถ้าจะเป็นจริง จากคุณ : นายอบอุ่น - [ 1 มิ.ย. 51 10:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 93 รูปเขาพระวิหาร จุดสีแดงตรงกลางคือ จุดสิ้นสุดของถนนไทย (ในรูป คห.ที่17 ) เส้นสีขาวเป็นเส้นแบ่งดินแดนไทยและกัมพูชาที่เรายอมรับหลังคำตัดสินของศาลโลก ฝั่งบน เป็นของไทย ฝั่งล่างเป็นของกัมพูชา แสดงระดับความสูงชันของเขาพระวิหาร จริงๆถ้าเอาตามแผนที่ฝรั่งเศส เราจะเสียดินแดนเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ รวมทั้งผามออีแดง อีกด้วย หากยังมีเอาเรื่องการเมืองภายในประเทศมาเกี่ยวข้อง ตอนนี้การเจรจาใช้พื้นที่รวมกันในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจะดีกว่าที่จะต้องมาแบ่งแยกเขาพระวิหาร. จากคุณ : Glight - [ 1 มิ.ย. 51 19:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มาขอบคุณเพื่อนๆทุกๆท่านอีกครั้งครับ  ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นในทิศทางที่หลากหลายต่อปัญหาในเรื่องนี้ ขอบคุณทุกๆท่านจากใจจริงครับ จากคุณ : สหายสาริกา - [ 2 มิ.ย. 51 00:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ....ขอลงชื่อ...ก่อนอ่านนะค่ะ.. จากคุณ : KRATAIPA - [ 2 มิ.ย. 51 07:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เคยไปเที่ยว เขาพระวิหารมาเมื่อ 2ปีที่แล้ว สภาพโดยรอบทรุดโทรมและสกปรกกว่าที่คิดไว้มาก ทั้งเปลือกลูกอม ถุงขนม ขวดน้ำ ทิ้งกันให้เพียบ (คงไม่ปฏิเสธว่าความสกปรกส่วนหนึ่งก็มาจากนักท่องเที่ยวคนไทยนี่แหละ ) มีการขายของภายในปราสาทด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกว่าความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทลดน้อยลงไปมาก     แต่พอไปเที่ยวที่ปราสาทเขาพนมรุ้ง ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างมาก แค่พอเข้าไปในตัวปราสาทก็รู้สึกถึงว่าสงบและศักดิ์สิทธิ์ น่าเสียดายที่ปราสาทเขาพระวิหารไม่ได้อยู่ในความดูแลของไทยตั้งแต่แรก จากคุณ : นู๋อร - [ 2 มิ.ย. 51 07:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 97 โดยหลักสากลมาแต่โบราณ... เมื่อมีการแบ่งปันเขตแดน มักจะใช้แนวเขตจากธรรมชาติมาเป็นตัวกำหนด เช่นแม่น้ำ ภูเขา ตัวอย่างเช่น แม่น้ำโขงเป็นจุดแบ่งชายแดนระหว่างไทยและลาว ในกรณีภูเขา ก็จะใช้ 'สันปันน้ำ' ของแนวเขาเป็นตัวแบ่งเขตให้ชัดเจนว่าดินแดนตรงไหนจะเป็นของใคร คือถ้าฝนตกมาบนยอดเขาแล้วไหลลงฝั่งไทย ดินแดนตรงนั้นจะเป็นของไทย และในกรณีกลับกัน ตรงไหนน้ำไหลลงฝั่งเขมร ก็เป็นของเขมร สิ่งที่ศาลโลกตัดสินนั้น ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานสากลอย่างนี้ เพราะดินแดนส่วนเขาพระวิหารนั้น ถ้ายึดตามหลักเขตสันปันน้ำแล้วเป็นของไทยแน่ๆ ศาลโลกตัดสินเอาตามคำฉ้อฉลจากทางฝรั่งเศสเป็นหลักมิได้เที่ยงตรงยุติธรรมแต่ประการใด อีกประการ ทนายผู้เป็นตัวแทนของเขมร ก็เป็นทนายฝรั่งเศสที่ฝรั่งเศสจัดหาให้อีกนั่นแหละ ถ้าจำไม่ผิดผู้พิพากษาก็มีเชื้อสายฝรั่งเศสเสียอีกด้วยครับ จากคุณ : Dragon - [ 2 มิ.ย. 51 09:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 นอกจากได้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ วันนี้ยังมีความคิดอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับโจ้อีกมากมายค่ะลุงหมู ทางออกแบบสันติวิถีมีแน่นอน ถ้าไม่มัวแต่จ้องมองกันในเรื่องผลประโยชน์ จากคุณ : Kaper - [ 2 มิ.ย. 51 09:47:21 ]

ความคิดเห็นที่ 99 "บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป...." เชื่อว่าคนไทยเก่ง มีความสามารถ ถ้าจะป้องกันการเสียดินแดน(เพิ่มเติม) น่าจะทำได้ค่ะ คงไม่มีคนไทยคนไหนยินยอมสมัครใจที่จะเสียดินแดนของไทยอีกอย่างแน่นอน (แก้ไข - ขออภัยค่ะ รีบไปหน่อย สะกดผิดนิดนึงค่ะ ) แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:15:15 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 10:14:15 จากคุณ : เบื้องญวณ - [ 2 มิ.ย. 51 09:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เข้ามาอ่านค่ะ ได้ความรู้มากมาย จากกระทู้นี้ ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ขอบคุณค่ะ คุณสหายสาริกา โหวตให้หนึ่งเสียง จากคุณ : Ning_999 - [ 2 มิ.ย. 51 10:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตั้งแต่รู้ข่าวนี้ครั้งแรกในชีวิต....ก็รู้สึกเสียดายจนถึงทุกวันนี้ค่ะ ยิ่งมาอ่านกระทู้นี้แล้วยิ่งหดหู่  .....เจ็บปวดกับการสูญเสียครั้งนั้น ขอบคุณสหายสาริกานะคะที่นำเรื่องดี ๆ มาฝาก...เราคงได้อยู่ดูชมอีกไม่นานแต่อยากให้อยู่กับรุ่นลูก รุ่นหลานตลอดไปค่ะ คห.34-36 บอกเลยว่าเราคอเดียวกันค่ะ.... จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (tigor) - [ 2 มิ.ย. 51 12:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ได้ความรู้มากมาย รู้แล้วก็เสียดายจริงๆ แต่ไม่โทษใครสำหรับสิ่งที่เกิดที่เป็นมาในอดีต เพียงแต่จะต้องทำวันนี้ให้ดี ให้รัดกุมขึ้น จากคุณ : kanawan - [ 2 มิ.ย. 51 12:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ น้ามาทุกครั้งก็จะมีข้อมูลดีๆมาให้ทุกคนได้อ่าน เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับน้าสหายสาริกา ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยครับ นอนดึกเชียว จากคุณ : -อุ่นอารี- - [ 2 มิ.ย. 51 14:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เสียดายและออกจะเจ็บแค้นใจ นั่งอ่านไปน้ำตาก็ซึมไป บรรพบุรุษเราเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อปกป้องประเทศ แต่กลับถูกกลุ่มคนผู้มีอำนาจ(ซึ่งอยู่เบื้องหลัง)ยึดไป ตามความคิดเห็นผมแล้ว 1.อยากให้รื้อฟื้นคดี (แต่ก็จะเกิดข้อพิพาทขึ้นมาอีก) 2.หากอ้างว่าปราสาทเป็นของขอม แล้วต้องเป็นของกัมพูชา เราไม่ต้องยกเขาพนมรุ้งกับพิมายไปให้ด้วยหรือครับ 3.ทุกวันนี้ผมไม่มองว่าปราสาทเป็นปราสาทเสียแล้ว เนื่องจากอยู่ในสภาพซากปราสาทเสียมากกว่า ตามที่ความเห็นข้างบนว่ามาครับ ไทยและกัมพูชาควรจับมือกัน หากจะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ต้องครอบครองร่วมกัน แล้วทั้ง 2 ก็จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน อย่ายึดเอาเป็นประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งอย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ รักกันไว้ครับ จากคุณ : รอยเท้ากับทางเดิน (รอยเท้ากับทางเดิน) - [ 3 มิ.ย. 51 10:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณ คุณสหายสาริกามากคะ ที่ไม่ทำให้เรารู้แต่ฝ่ายคุณนพดล ปัทมะ แต่อย่างเดียว เราดูรายการ ตาสว่าง คุณ นพดลพูดให้เราคนไทยฟังเหมือนกับว่าดีใจได้ ทางขึ้นต้องขึ้นทางประเทศไทย ก็เท่านั้น ไม่บอกว่าจะต่อสู้เพื่อชาติยังไงบ้างเลย ประเทศใคร ใครก็รัก ถ้าสมมุติว่าคุณมีบ้าน แล้วข้างบ้านมาขออยู่ด้วยบอกว่าจะสร้างห้องรับแขกเพื่มให้ใหญ่กว่าให้สวยกว่านี้จะได้เป็นหน้าเป็นตากับเราทั้ง 2 ถามว่าคุณยอม และเต็มใจอย่างนั้นเหรอ ??? เรื่องเขาพระวิหาร เรารู้สึกเสียใจและเสียดายมาตั้งนานแล้ว อย่ามองเเต่เรื่องผลประโยชน์ ประเทศนี้เมืองนี้มีประชากรที่มีชีวิตจิตใจ รู้จักรักชาติ รู้จักเสียใจ ถ้าจะเพื่อธุรกิจของใครก็อย่าเอาแผ่นดินไทยไปแรกเลย จากคุณ : กะหลาป๋า - [ 3 มิ.ย. 51 10:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อยากจะบอกว่าผมเป็นคนในพื้นที่ครับแต่อยู่ในตัวอำเภอสมัยยังเรียนอยู่นี่เจ็บปวดมากเวลาที่ขึ้นไปเที่ยวเพราะไปทุกครั้งมีแต่ทรุดโทรลงเรื่อยๆไม่เห็นวี่แววความพัฒนาเลยให้ตายสิ  จะเอาแต่ประโยชน์แต่ไม่เคยคิดปรับปรุงพัฒนาอะไรไม่รู้มันจะเอาไปหาพระแสงของ้าวอะไร แล้วอีกอย่างนี่แถวนั้นยิงกันบ่อยด้วยนะครับแต่ไม่มีข่าวออกเฉยๆ ตอนนี้ผมทำงานประจำที่ กทม เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อเดือน ก.พ.ได้ข่าวว่าพวกเขมรบางกลุ่มมาปักหลักถางป่าบนภูเขาล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อทำไร่หลายสิบไร่พอสมควรแต่ไม่เห็นมีใครไปขัดขวางผมก็แปลกใจจะให้มันยึดทั้งประเทศก่อนรึไงถึงจะตื่นตัว จากคุณ : เซ็ง (god batigoal) - [ 3 มิ.ย. 51 12:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แยกประเด็นครับ 1. ประเด็นเสียเขาพระวิหารไปเมื่อ 46 ปีที่แล้ว...เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นบทเรียนครับ ที่เรายอมรับความผิดพลาด ที่ฝรั่งเศสทำ ให้เป็นความถูกต้อง...โดยเฉพาะเรื่องแผนที่ ปักปันเขตแดน...ซึ่งมันก็เป็นแค่ กระดาษที่คนจงใจวาดขึ้นมา แต่สมัยก่อนรัชกาลที่ 5 นั้น เรายังไม่เห็นความสำคัญของแผนที่ เพราะเราถือคติแบบโบราณว่า...ที่ใดที่เราแผ่ขยายอำนวจไปถึง (คือ ต้องส่งบรรณาการให้ราชสำนักสยาม) ที่นั่นเป็นประเทศราชของไทย...มันก็ต้องเป็นดินแดนไทยอยู่วันยังค่ำ.... ....ตรงกันข้าม ฝรั่งมันไม่คิดแบบนั้น มันเชื่อว่าต้องมีเขตแดนที่แน่นอน แถมตอนส่งแผนที่มาให้เรา...มันก็มีเรือปินจ่อปากอ่าวอยู่ แล้วใครมันจะกล้าปฏิเสธ 2. ประเด็นขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก...ไม่รู้สิ ผมอยากให้เป็นมรดกโลกนะครับ เพราะ เมื่อเป็นมรดกโลกแล้ว สิ่งที่ตามมาขึ้น ยูเนสโก จะต้องเข้ามาจี้ ในเรื่องการอนุรักษ์ การดูแล บำรุง ไม่ใช่ปล่อยให้พังลงๆๆๆๆ ทุกวัน...ส่วนเรื่องกระเช้า กะคาสิโน...เอ่อ ถ้าเราไม่เข้าไปเล่น ซะอย่างใครจะดันทุรังสร้างให้เจ๊ง แต่นี่เค้ารู้ว่านิสัยชอบการพนัน มันมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน (ไม่เชื่อพนันกันได้)...แล้วยิ่งคนไทยก็เก็บกดที่ในประเทศมันเล่นแล้วผิกกฏหมาย... ถึงต้องดิ้นรนไปเล่นในต่างประเทศ เรื่องคาสิโนนี่ไม่ต้องแก้ครับ...เพราะถึงเราไปนครวัด ผ่านโรงเกลือ ปอยเปต...ถ้าเราไม่เข้าซะอย่าง...มันก็ไม่มีทางได้ตังค์เรา....ส่วนเพื่อนร่วมชาติที่จะเล่น...พูดอย่างหยาบๆครับ ว่า "ปล่อยมัน" โตแล้ว คิดเองได้ครับ จากคุณ : donatt76 - [ 3 มิ.ย. 51 12:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 108 คคห#107 " ประเด็นขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก...ไม่รู้สิ ผมอยากให้เป็นมรดกโลกนะครับ เพราะ เมื่อเป็นมรดกโลกแล้ว สิ่งที่ตามมาขึ้น ยูเนสโก จะต้องเข้ามาจี้ ในเรื่องการอนุรักษ์ การดูแล บำรุง ไม่ใช่ปล่อยให้พังลงๆๆๆๆ ทุกวัน..." ผมก็อยากให้เป็นเหมือนกัน ประเด็นน่าจะอยู่ที่เรื่องความร่วมมือทั้งสองฝ่ายมากกว่า อย่างที่คุณ donatt76 พูดในข้อ 1 ตอนนี้ก็คงเป็นคนละประเด็นแต่มีเรากลับพยายามเอามาให้มีผลต่อข้อ 2 แต่ถ้าเป็นมรดกโลกแล้ว ไม่รู้ว่าจริงๆ ทั้งสองประเทศจะดูแลได้จริงหรือ ประเทศเขาคงไม่ดูแลจริงจังเพราะไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก แต่สำหรับเรา เพิ่งได้เห็นได้ยินข่าวของวิหารมงคลบพิตรที่อยุธยา ก็เศร้าใจแล้วครับ ขนาดอยุธยาเป็นมรดกโลกมานานแล้วนะครับ เมื่อเช้าฟังทางกรมศิลปากรพูดเรื่องงบประมาณที่มีน้อยมากมีเฉพาะการดูแลรายวัน และอำนาจของเทศบาลเจ้าของที่ที่มีมากกว่าทำให้กรมศิลปากรดูแลได้ไม่เต็มที่ ก็ไม่รู้จะทำไงดีเลยครับ จากคุณ : Lowepro - [ 3 มิ.ย. 51 13:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมละเกลียดไ้อ้พวกเขมรแบบสุดๆ ชาติไรวะขี้ขโมย ,เห็นแก่ตัวเองแบบสุดๆ ถ้าผมเลือกให้ชาติใดชาติหนึ่งหายไปจากโลกได้ ผมเลือกเขมรแน่นอน ไม่ลังเลด้วย จากคุณ : gouppa - [ 3 มิ.ย. 51 17:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เพิ่งไปเยือนมา เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาีนี้เอง และได้เดินชมสถานที่แห่งประวัติศาสตร์ บอกตามตรงกว่า   ตอนเดินชมดูนะ..  จับ ๆ ดู รู้ได้เลยว่า มันน่าจะประมาณศตวรรษที่ 16 แต่น่าเสียดาย  ที่นั่นไม่มี information ไว้เผยแพร่ความรู้  ได้แต่เดินถ่ายรูปมองดูด้วยความสงสัยมาตลอด ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่เอื้อเฟื้อความรู้นะคะ ตามไปดูรีวิวทริปอีสานตอนใต้ได้เลยนะคะ **  แก้เพิ่ม   ลืมใส่ลิงก์ค่ะ  http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6654634/E6654634.html แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 21:58:15 จากคุณ : KJ_FBI - [ 3 มิ.ย. 51 21:57:35 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อ่านแล้วน้ำตาซึมเลย ขอบคุณมากๆจ้า จากคุณ : senses - [ 3 มิ.ย. 51 22:16:31 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ตอนอ่านข่าวเค้ามารายงานผลการเจรจาล่าสุด.....ก็ฟังแปร่งๆ หู ทำไมประเทศเราต้องมีเรื่องกับประเทศถูกสาปแบบนี้ด้วย !! ทำไมเค้าขี้ตู่....ทำไมเค้ากล้าทำขนาดนี้......แล้วทำไมผู้ใหญ่บ้านเราถึงยอมให้เค้าเอาไปได้ สงสัยต้องพาผู้ใหญ่บ้านเราไปที่นั่นสักครั้ง.....ถ้าได้ไปยืนบนจุดสูงสุดนั้น อาจจะเข้าใจ อาจจะซาบซึ้ง และทุ่มเทกับการปกป้องแผ่นดินของเรามากขึ้นละมัง สำหรับตัวหนู....เกิดไม่ทัน  เลยอาจจะรุ้สึกสูญเสียไม่เท่าคนรุ่นที่ได้รับรุ้กันมาหลายสิบปี แต่หนูสะกดคำว่าเสียดายเป็น !! จากคุณ : โหวตค่ะ (fly-girl) - [ 3 มิ.ย. 51 22:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาอ่านแบบจริงจัง และ โหวตค่ะ.... ขอบคุณพี่สาริกาค่ะ ที่นำความรู้มาฝากกัน... อ่านแล้วน้ำตาซึม เลือดรักชาติก่อตัววิ่งวนอยู่ในหัวใจ แต่ก็สงสัยว่า ทำไมข่าวคราวต่าง ๆ ถึงได้เงียบเชียบแบบนี้ ฤาเราจะเสียดินแดนเขาพระวิหารที่มีเพียงน้อยนิดไปจริง ๆ สำเนียกความเงียบจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง.... ทำให้เรารู้สึกหดหู่ใจ สังหรณ์ใจอย่างไร บอกไม่ถูกเลยยยยย... เลยเถิดไปคิดถึงแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ....มันช่างเหมือนกับว่า เราเสียดินแดนสยามไปทีละนิด...ทีละนิด..... ปล. ฉินก็คอเดียวกับปร้า ๆ ทั้งหลายจ้ะ ว่าง ๆ นัดคุยกันนะ จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 4 มิ.ย. 51 00:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เลือกรักชาติ..ทวีเพิ่มขึ้น ขอบคุณค่ะ จากคุณ : extrajeab - [ 4 มิ.ย. 51 08:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 115 อ่านแล้วปวดใจมากค่ะ ในฐานะที่เป็นคนศรีสะเกษ เคยไปเขาพระวิหารมาประมาณ4-5ครั้งแล้ว แต่ปัจจุบันไม่ได้ไปแล้วมา10ปี ไปครั้งล่าสุดแล้วไม่อยากไปอีกเลย เนื่องจากเหตุผลหลายประการ 1. 10 ปีก่อน เก็บค่าบำรุง ไทย 5 บาท เขมร 30 บาท (จำไม่ได้แล้วแต่รู้สึกว่าเยอะกว่าไทยมาก) เงินเข้าไปบำรุงประเทศเขมรเยอะกว่าไทยรู้สึกเสียดายตังค์ 2. ไม่มีการบำรุงรักษาเลย เป็นมายังไงก็ไม่มีการทำนุบำรุงแถมยังมีการทำลายมากขึ้นอีก เช่น บริเวณเต็นท์ขายของขายกันบริเวณปราสาทเลย ไม่น่าดู และไม่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง และได้ดูรูปที่ โพสมาแล้วเห็นร่มขายของตามบันไดแล้วยิ่งน่าเกลียดไปใหญ่ 3. ไปแล้วรู้สึกตลอดเวลาว่าเสียดายพื้นที่ของชาติไทย เจ็บใจเขมรกับฝรั่งเศสมาก และที่สำคัญได้ของดีไปแต่กับไม่มีการดูแลที่ดี วันนั้นดูข่าว ไทยPBS เรื่องเขาพระวิหารแล้วก็คิดถึงเรื่องนี้อีกค่ะ ปล. ไม่ทราบว่าไทยจะได้สิทธิในเขาพระวิหารคืนไหมค่ะ แล้วทางรัฐจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไงค่ะ จากคุณ : townthara - [ 4 มิ.ย. 51 10:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 116 วันที่ 6 มิ.ย. นี้  กัมพูชาจะส่งแผนที่แนวเขตของพื้นที่ที่จะเสนอมรดกโลกให้เราค่ะ   ถ้า...แผนที่นั้น  ไม่ใส่พื้นที่ทับซ้อน  ประมาณ  4.6  ตร.กม.  เข้าไป  ทางไทยคงยอมให้เขาเสนอในเดือนกรกฎานี้   แต่ถ้าใส่พื้นที่ทับซ้อนตรงนี้เข้าไป  ไทยจะคัดค้านค่ะ ตรงพื้นที่ทับซ้อนตรงนี้  ไทยกำลังจะทำรายงานเสนอชื่อเป็นมรดกโลกด้วย  เพื่อรวมกับทางกัมพูชา  แต่คงไม่ทันปีนี้   ตรงนี้เป็นกลุ่มปราสาทหินตัดค่ะ ส่วนน้ำเสียที่ไหลมาจากกัมพูชา  แล้วลงฝั่งไทย  เราเคยจะสร้างฝายชะลอความสกปรก  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะยังไม่ได้แบ่งเขตแดนที่แน่นอน โดยส่วนตัว  คิดว่าในที่ประชุมมรดกโลกที่แคนาดา  ตอนเดือนกรกฎา  ปราสาทเขาพระวิหารคงได้เป็นมรดกโลก   ผู้สนับสนุนที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางขึ้น  เป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จากคุณ : flintflight - [ 4 มิ.ย. 51 17:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ    เคยไปเห็นที่ลานก๋อนขึ้นตัวบันได มีแต่เขมร มาตั้งรกราก บ้าน เพิง ขายของ แถมชักธงกัมพูชา   ทหารไทย (เอ หรือ นักการเมือง ห่วยๆ หว่า ) ไม่ทันเขาเลย  หน่วยทหารก็เป็นทหารพราน ไม่ใช่ทหารกองกำลังประจำ ผมว่าท่าทีไทยเรา ปวกเปียกไปนะครับ   อเมริกาที่เสียงดัง ได้เพราะมีกำลังอำนาจ  ทำแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ เสียใจ และ เสียดายแผ่นดินไทย โวตครับ จากคุณ : birdeyeview - [ 4 มิ.ย. 51 21:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เข้ามาร่วมรับชม เกิดไม่ทันค่ะ ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวเลย ได้รับรู้แล้วก็ให้เสียดายจริงๆ จะรอฟังความคืบหน้าในครั้งนี้ค่ะ ต้องขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆจากคุณสหายสาริกาอีกครั้งนะคะ จากคุณ : piscespair - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 08:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อ่านแล้วอยากร้องไห้ ประเทศไทยแผ่นดินไทยเป็นของพ่อหลวงและคนไทยทุกคน ถ้าเป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองบางกลุ่มที่จะยอมเฉือน ผืนแผ่นดินไทยขายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ขอบคุณวีรชน บรรพบุรุต ของไทยที่สร้างดินแดนศักสิทธิ์ให้เราได้อยู่อาศัย และพักพิง แต่คนชาติชั่วหน้าโง่กลุ่มนึงมันก็จ้องทำลายเพราะประโยชน์ของมัน ขอร้องว่าอย่าเลยและขอสาบแช่งแค่คิดก็ผิดแล้ว ขอให้ลูกชายลูกสาว ผัวเมีย ญาติโยมคนรู้เห็นกับพวกมันโดนรถชนตายเหมือนหมาข้างถนนด้วยเทอญ ขอบคุณสหายสาริกา ที่นำข้อมูลดีๆมาให้คิด และเราจะได้ไม่ฝันกลางวันไปกับ รมต ต่างประเทศตาเหร่ ใจdog บิดเบือนเพื่อนายหมาเจ้าของฝูงของมันมัน<โห....ขึ้นเลยๆ> จากคุณ : Chatelaine - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 14:29:30 ]

ความคิดเห็นที่ 120 สมัยเรียน ไปศึกษาที่เขาพระวิหาร บอกตามตรงค่ะ สังเวชและอนาถใจกับสภาพของปราสาทและการค้าขายตลอดทางขึ้นเขาฝั่งเขมรมาก ู หรือถ้าได้ขึ้นเป็นมรดกโลกก็จะยิ่งดีค่ะ จะได้บูรณะไม่ปล่อยให้ทรุดโทรม ปราสาทประธานก็ปลูกดอกไม้ซะบานสะพรั่งแต่ตัวคานจะพังแหล่ไม่พังแหล่ วิวสวยมากค่ะ ระหว่างทางลงก็ "โป๊ 20" ตลอดเลย เซ็ง จากคุณ : หมากเม่าน้อย - [ วันสิ่งแวดล้อมโลก 22:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เรื่องนี้ก็เป็นเครื่องเตือนใจ เป็นบทเรียนว่า ถ้าเห็นอะไรผิด ก็ต้องคัดค้านกัน ไม่ยอมตาม จะได้ไม่่เสียสิทธิ เพราะคำตัดสินของศาลโลก อ้างภาษิต ลาตินว่า... ผู้ที่เงียบเฉยอยู่ ย่อมถือว่ายินยอม ถ้าเขามีหน้าที่ที่จะพูด และสามารถจะพูดได้... สมัยก่อนก็รู้เพียงว่า เราแพ้เพราะถูกโกงเรื่องแผนที่ ไม่รู้ว่ามีคณะกรรมการร่วมสำรวจเขตุแดนไทยฝรั่งเศสสมัยรัชกาลที่ ๕ แล้วไทยเรา ปล่อยให้ฝรั่งเศสเป็นคนเขียนพิมพ์แผนที่ฝ่ายเดียว ่ฝรั่งเศสไม่ใช้ีเส้นสันปันน้ำเป็นเขตุแดน ตามที่ตกลงกัน ่ฝรั่งเศส ขีดเขียนแผนที่ ให้ตัวประสาทไปอยู่ในเขตเขมร ตอนหลังๆ มีการประชุมเรื่องเขตุแดนกันอีก ที่ใช้สันเขาปันนำ้เป็นหลัก ปราสาทอยู่ในเขตไทย แต่ศาลโลกบอกว่า ไทยก็ยังใช้แผนที่เดิมที่่ฝรั่งเศสเขียน แม้กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ตอนประชุมเรื่องเขตุแดนกัน ฝ่ายไทยก็ไม่คัดค้านเรื่องแผนที่เดิม ตอนนี้ไปค้นพบรายละเอียดคำพิพากษาศาลโลก ที่ไทยเราแย้ง เพิ่มว่า มีแค่ข้าราชการผู้น้อยที่เห็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำผิด โดยฝรั่งเศสไม่ทำตามข้อตกลง ที่ให้ใช้ีเส้นสันปันน้ำเป็นเขตุแดน แต่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ไมรู้่ไม่เห็น จึงไม่ได้คัดค้าน ศาลบอกว่า...จะเห็นได้ชัดจากหนังสือจากอ้ครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ที่ส่งไปยังเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศในกรุงเทพ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม คศ ๑๙๐๘ ...ว่าได้มีผูู้็นำแผนที่ชุดหนึ่งมามอบให้เพื่อจัดส่งต่อไปยัง เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศสยาม...รวมทั้งแผนที่บริเวณทิวเขาดงรัก อย่างละ ๕๐ ชุด อ้ครราชทูตลงท้ายด้วยว่า จะเก็บไว้ที่สถานอ้ครราชทูต อย่างละ ๒ ชุดและจะได้ส่งไปยังแผนที่อย่างละชุดไปยังสถานอ้ครราชทูต ณ กรุงลอนดอน กรุงเบอร์ลิน ประเทศรัสเซียและสหรัฐอเมริกา..... ..ข้อที่ว่าเจ้าหน้าที่สยามโดยการประพฤติปฏิบัติของตนเอง-ได้ตอบรับและ ทราบดีถึงลีกษณะของแผนที่เหล่านี้พร้อมทั้งสิ่งที่แผนที่เหล่านี้แสดงนั้น จะเห็นได้ชัดจากการที่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ทรงขอบพระทัยอ้ครราชทูตฝรั่งเศส ณ กรุงเทพฯ สำหรับแผนที่เหล่านั้น และได้ทรงขอแผนที่ต่ออ้ครราชทูตเพิ่มเติมอีกย่างละ ๑๕ ชุด เพื่อทรงจัดส่ง ไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆของสยาม"......... ....จะเห็นได้ชีดว่าได้มีบุคคลอาทิ เช่น สมเด็จกรมพระยาเทวงศ์ฯ เสนาบดี กระทรวงต่างประเทศ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย สมาชิกสยามในคณะกรรมการผสมชุดแรก และสมาชิกสยามในคณะกรรมการ ที่ได้ทรงเห็นหรือได้เห็นแผนที่เหล่านี้ และยังต้องสันนิษฐาน ด้วยว่า แผนที่ภาคผนวก ๑ นี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดขุขันธ์ซี่งเป็นจังหวัดของสยามทีีมีเขตติดต่อกับอาณาบริเวณเขาพระวิหาร ก็ได้เห็นแล้วด้วย.....บุคคลดังกล่าวข้างต้นนี้ไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยเลย ทุกท่านหรือเกือบทุกท่านมีความรู้เกี่ยวกับท้องถื่นนี้ดี บางท่านคงต้องรู้มีความเกี่ยวกับอาณาบริเวณเขาดงรัก เป็นที่ชัดแจ้งจากเอกสารหลักฐานในคดีนี้ดีว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงสนพระทัยเป็นพิเศษในการปักปันเขตแดน และทรงมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับโบราณสถาน ........... อ่านเหตุผล คำตัดสินยอ่ ของศาลโลกได้ที่ http://www.icj-cij.org/docket/index.php?sum=284&code=ct&p1=3&p2=3&case=45&k=46&p3=5 จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 00:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 122 แผนที่มาตราส่วน 1:50,000 บริเวณเขาพระวิหาร โดยใช้ีเส้นสันปันน้ำ เป็นเขตุแดน ตามที่ตกลงกันระหว่างระหว่างไทยกับฝรั่งเศส พบว่าระดับ จุดสูงสุด จากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร แล้วลาดลงไปทางทิศเหนือเข้าสู่ไทย ประสาทเขาพระวิหารอยู่ทางทิศเหนือของจุดสูงสุด จึงควรอยู่ ในเขตุไทย ตามแผนที่นี้  ที่ไทยใช้ในศาลโลก จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 01:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 123 แผนที่ภาคผนวก ๑ ที่เขมรใช้ในศาลโลก เป็นแผนที่ที่ไทยปล่อยให้ฝรั่งเศส เขียนพิมพ์แผนที่ฝ่ายเดียว ไทยได้รับแผนที่เมื่อปี พศ ๒๔๕๑ โดยฝรั่งเศส เขียนเส้นแบ่งเขตุแดนไทยกับเขมร แล้วให้ตัวประสาทเขาวิหารอยู่ทางทิศใต้ของเส้นสันปันน้ำ นอกเขตุแดนไทย ไปอยู่ในเขตแดนของเขมร จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 01:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 124 จอมพลสฤษฎ์ บอกว่า "จะเอาคืน" จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 02:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 125 หลังคำตัดสินของศาลโลก จอมพลสฤษฎ์ บอกว่า "จะเอาคืน" จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 02:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ภาพแผนที่ทางอากาศ จาก Google Earth โดยตรง เส้นเขตุแดนแบบคร่าวๆ จะเห็นว่า มันแหว่งแถวนั้นชัดเจน จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 03:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 127 สิ่งที่คนไทยควรทำก็คือ ถอย ๑ ก้าว ผูกผ้าขาวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และคิดเสียว่าเป็นกรรมเก่า ชาติที่แล้วเราไปเอาของเขามา ชาตินี้ก็ควรคืนเขา ให้ดี ควรออกค่าโอนให้ด้วย จากคุณ : กรรมเก่า - [ 6 มิ.ย. 51 11:03:40 A:58.8.62.106 X: TicketID:174932 ]

ความคิดเห็นที่ 128 126 ดูแผนที่ แล้วก็เห็นความน่าเกลียดจริงๆ  มีเว้าเปนของมันได้ไง 71 แค่เอาทหารมาเฝ้า ไม่ได้แปลว่า แผ่นดินเปนของเขานะครับ ไม่งั้นเขาแอบเอาทหารเดินป่ามาเกินเขต เรา แล้วเฝ้าไว้ ก็กลายเป็นดินแดนเขาเลยสิครับ ตามประวัติ ตามความจริงที่ คุณ จขกท หามาให้ชม ถูกต้องแล้วครับ อย่าเอาการเมืองข้างๆ คูๆ มาใส่เลยครับ จากคุณ : GreenEyes - [ 6 มิ.ย. 51 16:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เคยไปมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นที่ที่สวยงามจริงๆ แต่ก็เศร้าใจเพราะบริเวณรอบๆ ไม่ได้รับการดูแลเลย ตัวปราสาทก็ดูโทรมลงกว่าในรูปที่เคยเห็น เคยสงสัยเหมือนกันว่าถ้าได้เป็นของไทยที่นี่คงได้รับการดูแลดีกว่านี้ แต่นั้นก็เป็นเรื่องอดีตไปแล้ว............ ถ้าการได้เป็นมรดกโลกจะทำให้ปราสาทได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ผมก็เห็นด้วยครับ แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ ความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ก็ได้แต่หวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีทางออกให้ทั้ง 2 ฝ่าย แล้วก็ขอให้ใช้บทเรียนจากอดีตเป็นเครื่องเตือนความทรงจำด้วย จากคุณ : MIT (Mitsuaki) - [ 6 มิ.ย. 51 17:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คำตัดสินของศาลโลกบางตอน......ในเรื่องนี้เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดประกอบด้วยการเสด็จไปเยี่ยม พระวิหารใน คศ ๑๙๓๐ ( พศ ๒๔๗๓ สมัยรัชกาลที่ ๗---ธนิตา)ของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ อดีตเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และในขณะนั้นทรงเป็นนายกราชบัณฑิตยสถานแห่งประเทศสยาม และทรงรับหน้าที่เกี่ยวกับหอสมุดแห่งชาติและโบราณสถาน การเสด็จไปเยี่ยมนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของการ เดินทางไปสำรวจโบราณสถาน โดยพระบรมราชานุญาตของพระมหากษัตริยฺสยามและเห็นได้ชัดว่ามี ลักษณะกึ่งราชการ เมื่อเสด็จในกรมฯเสด็จถึงพระวิหาร ทรงได้รับการต้อนรับเป็นทางการจากข้าหลวง ฝรั่งเศสของจังหวัดกัมพูชา ที่ติดต่อกับชายแดนในนามของข้าหลวงใหญ๋ฝรั่งเศสโดยมีธงฝรั่งเศสชักไว้ สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ไม่น่าที่จะไม่ทรงสังเกตเห็นผลที่เนื่องมาจากการรับรองในลักษณะนี้ การยืนยันสิทธิทางด้านอินโดจีนฝรั่งเศสที่ชัดแจ้งกว่านี้ นึกคิดได้ยาก แต่ฝ่ายไทยก็ได้กระทำอะไร นอกจากนั้น เมื่อสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เสด็จกลับมาถึงกรุงเทพฯแล้ว ยังได้ประทานรูปถ่าย ที่ระลึกไปให้ข้าหลวงฝรั่งเศส พระองค์ทรงใช้ภาษาที่ดูเหมือนจะยอมรับว่า โดยการกระทำของ ข้าหลวงฝรั่งเศสผู้นี้ ฝรั่งเศสได้กระทำเป็นประเทศเจ้าภาพ ศาลได้พิจารณาเห็นว่า คำอธิบายของทนายฝ่ายไทยเกี่ยวกับการเสด็จของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ครั้งนีฟังไม่ขึ้น เมื่อพิจารณาเหตการณฺ์เสด็จโดยตลอด การกระทำเช่นนี้ก็เท่ากับการยอมรับ โดยปริยายจากฝ่ายสยามในอธิปไตยของกัมพูชา (ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส)เหนือพระวิหาร จากคุณ : ธนิตา - [ 6 มิ.ย. 51 20:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 131 คำตัดสินของศาลโลก ต่อจากความคิดเห็นที่ 130....โดยการที่ไม่มีปิฏิกิริยาในทางใดๆ ในโอกาสที่จะต้องแสดงปฎิกิริยา เพื่อยืนยันหรือรักษาไว้ซึ่งกรรมสิทธ์ของตนในเมื่อมีข้อเรียกร้อง ของคู่แข่งขันที่ประจักษ์ สิ่งที่ปรากฏชัด คือว่าตามความเป็นจริง ประเทศสยามไม่ได้เชื่อว่า ตนมีกรรมสิทธิ์ใดๆ และ ข้อนี้ย่อมสอดคล้องกับท่าทีของไทยที่มีต่อแผนที่ ภาคผนวก ๑ ตลอดมาและภายหลัง หรือมิฉะนั้นไทยก็ตกลงใจที่จะไม่อ้างสิทธิ ซึ่งก็หมายความอีกว่า ไทยได้ ยอมรับข้อเรียกร้องของฝรั่งเศส หรือยอมรับเส้นเขตแดน ณ พระวิหาร ตามที่ลากไว้บนแผนที่......... เป็นที่น่าสังเกตุว่า ๑ ในคณะผู้พิพากษา ๑๒ คนชุดนี้ เป็นชาวฝรั่งเศส จึงไม่แน่ใจว่า เขาอาจจะชักชวนเป็นการส่วนตัวใ้ห้คนอื่นออกเสียงคำพิพากษาำตามเขา จากคุณ : ธนิตา - [ 7 มิ.ย. 51 06:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 132 127 ครับ  ว่างนักก็ไปนั่งเคี้ยงเอื้องซะ อย่ามาสะเออะ แถวนี้ ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่ชื่นชอบและหลงไหลในศิลปะ ครับ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ช่วงที่ฝรั่งเศสเรืองอำนาจในแถบนี้เขาจึงอยากได้ปราสาทเป็นของเขา ถ้าใครเคยไป ลูฟ คงเห็นครับว่าฝรั่งเศสไปตักตวงศิลปะและวัฒนธรรม จากประเทศที่เป็นอาณานิคมมากขนาดไหน ส่วนตัวผมคิดว่าควรจะปกครองและบริหารร่วมกันมีสิทธิและเสียงเท่าๆกัน  หรือไม่ก็ฟ้องร้องศาลโลกรื้คดีขึ้นมาใหม่ว่าด้วยหลักของเหตุผล ทางขึ้นอยู่บ้านเรา แต่แหนตัวประสาทจึงเป็นของเขา เทคโนโลยีสมัยใหม่น่าจะช่วยให้การตัดสินง่ายขึ้น ข้างล่างว่าไงครับ? จากคุณ : Kobae - [ 7 มิ.ย. 51 13:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ข้างล่างบอกว่า "รักชาติได้ แต่อย่าคลั่งชาติครับ" EU รบกันมาเป็นร้อยๆปี ตอนนี้ก็ยังรวมกันได้ เพราะเขารู้ว่าอะไรที่เป็นผลประโยชน์ต่อชาติของเขา ถ้าเขาคิดว่าสมัยก่อนรบกันแล้วต้องแก้แค้นให้ได้ ดินแดนโดนเอาไปแล้วต้องเอาคืนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ป่านนี้รบกันไปหลายคู่แล้วครับ อย่างเยอรมันนี่โดนไปเยอะ ตุรกีก็ด้วย จากคุณ : Nexus - [ 7 มิ.ย. 51 20:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 134 อยากรู้จัง ว่า มีกี่กรณีที่ศาลโลก ตัดสินแล้ว ทุกประเทศคู่กรณียอมรับทุกครั้ง จากคุณ : C a e l u s - [ 7 มิ.ย. 51 21:40:10 ]

ความคิดเห็นที่ 135 #132 เอ่อ ... แรงไปมั้ยคับ แก้หน่อยดีมั้ยคับ ไอ้คำว่า "ว่างนักก็ไปเคี้ยวเอื้อมดาว" เนี่ย แค่ความเห็นแตกต่าง ไม่ได้แปลว่า ไม่มีหมองนะคับ คือ อาก๋ง จขกท แกขอไว้น่ะคับว่า "ต้องขอขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เข้ามาแสดงความเห็นอย่างสันติและหลีกเลี่ยงอันที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหา" คืองี้คับ ผมเองก็โคตรจะไม่เห็นด้วยกับ คห.132 ของคุณเลยคับ แต่ผมก็ขอแสดงความเห็นอย่างสุภาพอย่างงี้แล้วกันคับ คือไอ้ที่คุณเขียนว่า "ฝรั่งเศส เป็นประเทศที่ชื่นชอบและหลงไหลในศิลปะ ครับ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ช่วงที่ฝรั่งเศสเรืองอำนาจในแถบนี้เขาจึงอยากได้ปราสาทเป็นของเขา ถ้าใครเคยไป ลูฟ คงเห็นครับว่าฝรั่งเศสไปตักตวงศิลปะและวัฒนธรรม จากประเทศที่เป็นอาณานิคมมากขนาดไหน" ผมไม่เห็นด้วยอะคับ มองอย่างงั้นมันโรแมนติกนิยมไปหน่อยปะคับ คือ ผมก็ไม่เคยไป ลูฟ หรือไป ลูบ ลูบ คลำๆ ศิลปะ ศิลเปรอะ ในพิพิธภัณฑ์ไรนั่นหรอกนะคับ แต่คืองี้คับ เมื่อดูจากเหตุการณ์กรณีพิพาทเขาพระวิหารน่ะ มานเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2492 คือ ช่วงนั้นเนี่ย เอ่อ.... ด้วยความเคารพครับ ฝรั่งเศสมานไม่ได้เรืองอำนาจในแถบนี้คับ มานโคตรสะบักสะบอมจากพิษสงครามโลกครับ มานกำลังเละเลยคับ กำลังพยายามฟื้นตัวคับ มานรบแพ้ไทยคับ มานเสียดินแดนเขมรให้ไทยบานเลยคับ นับรวมเป็นจังหวัดใหญ่ๆ ได้ 4 จังหวัดเลยคับ แถมดินแดนอาณานิคมในลาว ยังโดนไทยบอมบ์เละเลยคับ ผมก็เลยสรุปง่ายๆ แบบคนไม่โรแมนติกว่า มานไม่ได้คลั่งไคล้ศิลปะไรหรอกคับ มานแค้น มานเจ็บ มานก็จะหาเรื่องเอาคืนกะเรา อะคับ ขอบคุณอาก๋งที่ช่างสรรหาเรื่องราวดีๆ มีสาระ มาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วคับท่าน ยินดีแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยตามวิถีสุภาพชนคับ \\(O*v*O)// จากคุณ : I love หมอหญิงซินปี - [ 8 มิ.ย. 51 05:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 136 135 ขอบคุณมากครับ ที่เตือนสติผม ผมก้อ่านแบบรวกๆ ไม่ได้คำนึงถึง timeline มากนัก มานั่งคิดดีๆ ก็จริงอย่างที่พี่ว่าจริงๆ ผมไม่แน่ใจว่าตกลงจริงๆ แล้วเราแพ้คดี เพราะอะไรหรอครับ จากคุณ : Kobae - [ 8 มิ.ย. 51 12:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ถึง คุณGreenEyes ความคิดเห็นที่ 128 กรุณาไปอ่านที่ผมเขียนให้ดีๆ ผมไม่ได้บอกว่าเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาเพราะเขาเอาทหารมาเฝ้า ผมบอกว่าการให้เขาเอาทหารรุกคืบดินแดนเข้ามาได้ และทางรัฐบาลเราก็เฉยๆ เสีย ทั้งๆ ที่รู้ ก็เท่ากับเราเสียอธิปไตยบนดินแดนส่วนนั้นไป การเมืองข้างๆ คูๆ ที่คุณว่าคืออะไร? กรุณาอย่าพูดอย่าเขียนเอาง่ายๆ ตีขลุมไปแบบนั้น จะกล่าวหาคนอื่นกรุณาเขียนเหตุผลสนับสนุนให้ชัดเจน .. คนเราโตๆ กันแล้วครับ คุณคิดหรือว่าการที่ไทยเสียเขาพระวิหารเนื่องจากถูกศาลโลกตัดสิน ไม่เกี่ยวกับการเมือง ?? คิดอะไรตื้นๆ เด็กๆ ไปนะครับ .. จากคุณ : Dragon - [ 8 มิ.ย. 51 19:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันคับ คุณ Kobae ผมก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเกี่ยวกับกรณีนี้มากนัก ก็แค่เดามั่วๆ ไล่ไปตามตรรกะของจังหวะเวลาช่วงนั้นเท่านั้นคับ จะถูกจะผิด ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันคับ เพราะงั้นที่ถามว่า ตกลงจริงๆ แล้วเราแพ้คดี เพราะอะไร ตอบฟังธงได้เลยว่า ไม่รู้ เกิดไม่ทัน และที่สำคัญ ผมยังไม่แก่ ไม่ต้องมาเรียกผมพี่ \\(O*v*O)// จากคุณ : I love หมอหญิงซินปี - [ 9 มิ.ย. 51 04:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ทำไปทำมา ก็จะวางมวยกันซะแล้ว....ว่าจะแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างซักหน่อย ก็คงโดนยำเหมือนกัน แค่อ่านดีกว่า.... จากคุณ : bussabongkot - [ 10 มิ.ย. 51 10:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 140 กระทู้เยี่ยมมาก ๆ ขอบคุณมาก ๆ จากคุณ : superturbo - [ 10 มิ.ย. 51 16:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 141 กาสิโนที่ปอยเปตมีแต่อาม่า,อากง,อาเจ่ก,อาอึ้ม,รวมทั้งพี่หลวง,พี่บ่าว,อี่น่อง,อี่พี่,ผู้บ่าว,ผู้สาวคนไทยทั้งนั้นล่ะครับ.....เพิ่งเข้าแวะไปกินข้าวเที่ยงที่ทรอปิคาน่ามาหลังจากกลับจากนครวัดครับ.....ขนาดคนเล่นอะไรไม่เป็นซักอย่าง....อย่างผมยังละลานตา....รถไปส่งที่หน้าด่าน ตม.ก็ฟรี...แท็กซี่วีออสนะครับ.....ไม่ใช่รถสองแถว..... ถนนโลกพระจันทร์จากปอยเปตไปถึงเสียมเรียบ(ที่เราเรียกว่าเสียมราษฐ์นั่นแหละ)คนพื้นที่การันตีว่าอีก5เดือนกลับมารับรอง...ร้อยกว่าโลจากเมืองไทย(สระแก้ว)แค่นี้จิ๊บๆ...ขี้คร้านหลับไม่ถึงชั่วโมงบ่ายๆก็เข้าไปเล่นคาสิโนในเสียมเรียบสบายๆ....เพราะคนลงทุนไม่ใช่คนเขมร....หากแต่เป็นคนชาติใหนอะไรมั่งก็ไม่รู้....ถนนช่วงนี้พี่ยุ่น...ช่วงนั้นเมืองเบียร์ ช่วงโน้นเมืองอะไรต่อมิอะไรให้มั่วกันหมด.... ตัวองค์ปราสาทที่นครวัดเองชั้นบนสุดมีปัญหาเรื่องการรั่วซึมของน้ำ...เค้าก็ปิด...ผมเห็นเครนรอกแบบมีรางติดโลโก้เยอรมันชัดแจ่มมาช่วยซ่อมอำนวยความสะดวก....(เห็นว่าฟรี) ไม่ต้องนับอังกอร์เนชั่นแนลมิวเซี่ยมที่ไกด์บอกอย่างภูมิใจว่าบริษัทคุ้นหูของไทยลงทุนไป17ล้านเหรียญยูเอสเพื่อแลกมิวเซี่ยมอลังการปานสุดยอดสปา....ไม่นับรวมกับศิลปะคุ้นตามากๆ...พวกกนกไฟ...กระจัง....กับสิทธิในการลงทุนในที่ดินแดนอธิปไตยเขมร....ผมไปเห็นของข้างในบางทียังอึ้ง.....พระพุทธรูปบางองค์เห็นแล้วต้องถามไกด์ว่า....นี่มันศิลปเขมรยุคใหน?.....เหมือนองค์ทรงเครื่องกษัตริย์บ้านผมเลย....กนกไฟนี้พริ้วเชียว... เอาแบบรากหญ้ามั่งก็ได้.....เสื้อผ้ามือสองที่พวกเฮพวี่หน้ารามนิยมใส่แบบคุยไปสามวันแปดวันที่เรียกกันว่าบิ๊กอีอะไรนั่นน่ะ......คนเขมรที่ใหนเขาใส่กัน...เค้ามองอย่างดูแคลนด้วยซ้ำว่ายูเอ็นบริจาคมา.....คนส่วนใหญ่เค้าไม่อยากใส่....นึกอะไรไม่ออกก็เอามาขายคนไทย....แล้วไฮโซหน้ารามก็เอามาตื่นเต้นกันยกใหญ่....นึกว่าได้ของดีราคาถูก.... ผมคิดว่าเค้ากล้าพัฒนาอย่างนี้ได้ก็เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องของคนในชาติ...รัฐบาลเบ็ดเสร็จมีคนตัดสินใจอยู่ไม่กี่คน...ราษฏรที่ผมไปเห็นมีชีวิตไม่ค่อยสะดวกสบาย.. ชอทานเยอะจนผมไม่กล้านับ....แต่ทุกคนดูเหมือนจะมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ในดวงตา... คือปราถนาที่จะมีชีวิตให้อยู่รอด.... แล้วคนไทยล่ะ....นอกจากอยากจะทะเลาะกันสามเวลาหลังอาหารแล้วอยากทำอะไรเพื่อตัวเองกันบ้าง.....ของง่ายๆที่ในหลวงขอก็คือให้สามัคคีกัน... คำนึงที่เจ็บมากแต่ไม่อยากเถียงกับเค้าก็คือ.....คนไทยไปถึงใหน....พังที่นั่น.... ในมิวเซียมเค้านั่นแหละ....ผมถามว่าทำไมไม่ปิดทอง....เค้าบอก....มันจะไปทำลายองค์พระ... ผมบอกว่าคนไทยอยากทำให้ดีขึ้น..สวยขึ้น...เค้าบอกว่าสวยมากๆแล้วก็ถูกนายทุนคนไทยออกใบสั่งซื้อ..... เลยไม่รู้จะเถียงมันอย่างไร.... แค่เล่าสิ่งที่พบเห็นมานะครับ..... จากคุณ : คุณภาค - [ 11 มิ.ย. 51 03:00:08 ]

ความคิดเห็นที่ 142 อ่านไม่ครบ นาครับ เท่าที่รู้รายละเอียด ศาลโลกตัดสินในลักษณะที่ว่า ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของเขมร แต่ไม่ได้ตัดสินว่าดินแดนที่ตั้งตัววิหารเป็นของเขมรครับ ฉะนั้น ดินแดนที่ตั้งวิหารยังคลุมเครือ ถ้ามองในมุมมองคนไทย ถือว่าที่ดินเป็นของไทย แต่วิหารที่สร้าง ศาลโลกตัดสินเป็นของเขมร ถ้าว่าแบบนักเลงก็บอกว่า งั้นเขมรก็รื้อตัววิหารไปสิเอามาตั้งบนดินแดนไทยทำไม   แต่ตอนนี้ปัญหามันบานปลายออกไป  เป็นว่าดินแดนรอบๆวิหาร มีทั้งสระทั้งอะไรต่างๆและที่ว่างปล่าวรวม4.6ตารางกม. เขมรตามมาอ้างเพิ่มว่า  เป็นของเขมรตามแผนที่เดิมของฝรั่งเศสที่ขีดไว้ ทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปลงตัว เขมรก็จัดแจงเกณฑ์ชาวบ้านมาสร้างเพิงสร้างบ้านในที่ประมาณ 500 คน ซึ่งน่าเกลียด   แต่ที่น่าเกลียดกว่าคือ   ทหารไทยยืนมองตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้   แถมยังไม่คิดจะแย้งเรื่องกับทางยูเนสโกเป็นทางการ แล้วยังเพิกเฉยกับแผนที่ที่ทางเขมรยื่นไป แต่กลับมาออกข่าวในประเทศไทยว่า  คุยแล้วดำเนินการแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานเอกสารชี้แจงเป็นกิจะลักษณะว่า ดำเนินการอะไรไปบ้าง พอถึงเวลา ก็เหมือน ปี2505 อีกนั่นแหละ ไทยต้องยอมรับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อืดเฉี่อยกับเรื่องแบบนี้ไปทำไม ตี๋อย่างผมก็ยังสงสัยอยู่ จากคุณ : หนุ่มเทื้อ - [ 11 มิ.ย. 51 12:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 143 แปะ จากคุณ : เก่งกว่าผมตายไปหมดแล้ว - [ 11 มิ.ย. 51 14:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณ จขกท.,ทุกความเห็นที่ให้ข้อมูล เป็นความรู้ที่ดีมากค่ะ.. vote kha ! จากคุณ : ^^คนดีของฉัน^^ - [ 11 มิ.ย. 51 16:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 145 . . . เศร้าใจครับ T_T ... . จากคุณ : bb_area - [ 18 มิ.ย. 51 16:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 146 แปลกใจนะครับ ที่ตอนนี้อะไรยังไม่ชัดเจนสักอย่าง ยังไม่รู้เลยว่ารัฐมนตรึต่างประเทศของเรา       กรมแผนที่ทหาร คณะนายทหารที่ร่วมประชุมกับเขมร จะสรุปว่ายังไง แต่ก็เห็นมีแต่พวกกินหญ้าแถวราชดำเนินตีโพยตีพายว่าขายชาติ เสียดินแดน เอาเขาพระวิหารไปแลกสัมปทาน             บางคนโดยเฉพาะ คห. 119 คุณ CHATELAINE ไปสาปแช่งเขาอีกต่างหาก ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไรสักอย่าง             ผมไม่รู้ว่าเวลาเขาประชุมเรื่องพวกนี้ เขาประชุมกันกี่คน หรือมีแค่นายนพดลเข้าร่วมประชุมคนเดียว           ถ้าเข้าประชุมเป็นคณะ แต่ละคนนั่งบื้อใบ้อะไรอยู่เหรอครับ ถึงไม่คัดค้าน ผมไม่เชื่อหรอกครับว่า คณะที่ร่วมประชุมที่มีทั้งข้าราชการประจำในกระทรวงต่างประเทศ พวกกรมแผนที่ จะยอมยกดินแดนให้คนอื่นเขา ถ้ามันไม่ได้เสียดินแดนแม้แต่นิ้วเดียวเนี่ย ไอ้พวกที่สาปแช่งเขาก็ขอให้มันย้อนเขาหาตัวแล้วกัน ผมไม่ได้ชอบทักกี้มากมายอะไรนัก แต่ทักกี้ฉลาดกว่าพอที่จะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันทำได้รึเปล่า ปล. ผมเคยไปเขาพระวิหารตอนประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ขึ้นจากฝั่งไทย เดินไปจนสุดตัวปราสาทที่หน้าผาในฝั่งเขมร ก็เห็นทหารเขมรมาประจำตรงสุดประตูรั้วแล้วนะครับ ห่างจากตัวปราสาทตั้งเยอะ ตรงแถวบันไดขั้นแรกเลยละ ตอนนั้นเหลี่ยมยังไม่เป็นนายกด้วยซ้ำ ไอ้พวกที่หาเรื่องนะ เคยไปกันรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือพอศาสดาบอกก็เชื่อโดยไม่คิดอะไรเลย จากคุณ : ZOFFY - [ 18 มิ.ย. 51 17:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เห้อ เศร้าใจจริงๆ --" จากคุณ : โอวาแป๊ะ (โอวาแป๊ะ) - [ 18 มิ.ย. 51 22:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ความคิดเห็นที่ 146      แปลกใจนะครับ ที่ตอนนี้อะไรยังไม่ชัดเจนสักอย่าง ยังไม่รู้เลยว่ารัฐมนตรึต่างประเทศของเรา            กรมแผนที่ทหาร คณะนายทหารที่ร่วมประชุมกับเขมร จะสรุปว่ายังไง      แต่ก็เห็นมีแต่พวกกินหญ้าแถวราชดำเนินตีโพยตีพายว่าขายชาติ เสียดินแดน เอาเขาพระวิหารไปแลกสัมปทาน                  บางคนโดยเฉพาะ คห. 119 คุณ CHATELAINE ไปสาปแช่งเขาอีกต่างหาก ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไรสักอย่าง                  ผมไม่รู้ว่าเวลาเขาประชุมเรื่องพวกนี้ เขาประชุมกันกี่คน หรือมีแค่นายนพดลเข้าร่วมประชุมคนเดียว                ถ้าเข้าประชุมเป็นคณะ แต่ละคนนั่งบื้อใบ้อะไรอยู่เหรอครับ ถึงไม่คัดค้าน ผมไม่เชื่อหรอกครับว่า      คณะที่ร่วมประชุมที่มีทั้งข้าราชการประจำในกระทรวงต่างประเทศ พวกกรมแผนที่ จะยอมยกดินแดนให้คนอื่นเขา      ถ้ามันไม่ได้เสียดินแดนแม้แต่นิ้วเดียวเนี่ย ไอ้พวกที่สาปแช่งเขาก็ขอให้มันย้อนเขาหาตัวแล้วกัน      ผมไม่ได้ชอบทักกี้มากมายอะไรนัก แต่ทักกี้ฉลาดกว่าพอที่จะรู้ว่าเรื่องพวกนี้มันทำได้รึเปล่า      ปล. ผมเคยไปเขาพระวิหารตอนประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว ขึ้นจากฝั่งไทย เดินไปจนสุดตัวปราสาทที่หน้าผาในฝั่งเขมร      ก็เห็นทหารเขมรมาประจำตรงสุดประตูรั้วแล้วนะครับ ห่างจากตัวปราสาทตั้งเยอะ ตรงแถวบันไดขั้นแรกเลยละ      ตอนนั้นเหลี่ยมยังไม่เป็นนายกด้วยซ้ำ      ไอ้พวกที่หาเรื่องนะ เคยไปกันรึเปล่าก็ไม่รู้ หรือพอศาสดาบอกก็เชื่อโดยไม่คิดอะไรเลย      จากคุณ : ZOFFY - [ 18 มิ.ย. 51 17:50:56 ] ฉลาดสุดๆ เมก้าเคลฟเว่อร์ จากคุณ : Cowboy_Punkrock - [ 19 มิ.ย. 51 16:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 149 หุหุ พออ่าน คห146 เสร็จ กะลังมัน ... ก็หมดละ รออ่านต่อ ปล. เห็นบางความเห็น กระแซะเหน็บแนมเข้าเรื่องการเมืองจนได้ แล้วก็คุยตอบกันไปกันมา เหน็บเรื่องการเมือง (ทำไมไม่คุยหลังไมค์หว่า) ขอประนามไว้เล็กๆละกัน **เพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 51 17:55:42 จากคุณ : LAPD21 - [ 19 มิ.ย. 51 17:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 150 คุณ LAPD21 ขอโทษครับ ความเห็นผมอาจจะวกเข้าการเมืองนิดนึง แต่เพราะการเมืองมันทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมานะครับ ผมถามคนที่ออกมาประท้วงนะครับว่า ถ้าตัดรำคาญมันไปเลย ปิดด่านและทางขึ้นเขาพระวิหารเอาไว้ คนไทยที่ชายแดนเดือดร้อนรึเปล่าครับ จะมีนักท่องเที่ยวรึเปล่า เขมรก็คงไม่อยากทำแบบนั้น ทำไมคิดแบบ WIN-WIN ไม่ได้รึไงครับ จากคุณ : ZOFFY - [ 20 มิ.ย. 51 09:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ไม่อยากให้ประวัติสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง อ่านจากนักวิชาการ ของธรรมศาสตร์ เรื่องพื้นที่ทับซ้อนในกรณีชุมชนชาวกัมพูชามาตั้งรกราก รัฐบาลไทยน่าจะทำอะไรมากกว่านี้ ฮ้าๆๆๆ คุณ ZOFFY ทางออกทางการทูตก็มีตั้งเยอะถ้าคิดจะทำ ไม่ต้องถึงกับต้องปิดด่านและทางขึ้น จากคุณ : koy_lucky - [ 20 มิ.ย. 51 12:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 152 ขอบคุณสำหรับสิ่งที่ดีดีที่นำมาเสนอให้รับรู้กันเหมือนเดิม ครับ จากคุณ : Nature-blue - [ 20 มิ.ย. 51 14:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 153 เศร้าใจค่ะ โหวต....... จากคุณ : หมูอ้วนจอมพลัง - [ 20 มิ.ย. 51 15:16:56 ]

ความคิดเห็นที่ 154 vote ค่ะ จากคุณ : i_lllive - [ 20 มิ.ย. 51 15:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 155 เข้ามาโหวตค่ะ จากคุณ : ป้าเกษ (inhouse) - [ 20 มิ.ย. 51 16:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 156 โหวตอีกรอบค่ะ กำลังน่าติดตาม.... จากคุณ : แม่ซากานะ - [ 20 มิ.ย. 51 18:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ตามอ่านอย่างตั้งใจ พร้อมกดโหวต จากคุณ : ฉินเมิ่งเหยา - [ 21 มิ.ย. 51 09:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 158 มองในอีกมุมหนึ่ง "พระวิหาร. ก็ถือเป็นสมบัติและวัฒนธรรมของชาวเขมร แต่ที่ดินจากแผนที่ ดูแล้วมันเป่งฝั่งของเรา(มันก็เป็นเส้นที่กำหนดโดยคน อีกนั่นละ)  แต่มองถึงศิลปกรรม มันของเขมรหนะ ฉะนั้นก็ วิหารของเขมร (เอ้า อยากได้ก็รื้อเอา อิ อิ) ส่วนที่ถกกันมาแต่อดีต ก็เพื่อที่ว่าใครจะได้ครอบครอง ซึ่งถ้ามองเรื่องประวัติศาตร์ของศิลปกรรม รวมถึงวัฒนธรรม ก็เห็นแล้วว่าของเค้าทั้งนั่น ในฐานนะมนุษยชาติ คนหนึ่ง ตอนนี้ ใครจะอยาก ได้ จะอยากเอาไม่ว่า แค่ขอให้ช่วยทำนุบำรุง ฟื้นฟู ให้ ปราสาทเขาพระวิหาร เป็นสมบัติของมวลมนุษยโลก ก็เพื่อมนุษย์ตาดำๆ อย่างเราจะได้ขึ้นไปเที่ยวชม เรียนรู้ประวัติสาท ได้อย่าง อิ่มใจ (คงไม่ตามกระทิบ อิฉันน่ะค่ะ) ก็ว่าตามที่คิดหนะค่ะ แฮะๆๆ รักประเทศไทย ค่ะ จากคุณ : Mee (K.Makok) - [ 21 มิ.ย. 51 10:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 159 คิดอะไร win win แบบตื้นๆ คิดเองเออเอง แบบ "ผมไม่คิดหรอก ผมไม่เชื่อหรอก" แล้วใครไม่คิดอย่างคุณ ก็ไปด่าเค้า ก็ไม่ไหวนะ คุณ ZOFFY รู้ความจริงหรือ? ว่าในที่ประชุมมีใครกล้าหรือไม่กล้าค้านนายนพดล? ... อ่านแค่นี้ก็รู้แล้ว ว่ามีวิธีคิดแบบมีเหตุผลหรือเชื่ออะไรเข้าข้างตัวเอง งมงายมากเกินไป แสดงว่าคิดไม่เป็น จากคุณ : ลมรำเพย - [ 21 มิ.ย. 51 10:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ขอตั้งข้อสังเกตนิดนึงนะครับ ประเด็นกรณีที่ผู้ใหญ่ (ทั้งใหญ่จริง และอยากจะใหญ่) เค้าเถียงกันเรื่องเขาพระวิหาร.... เรื่องนี้มันสิ้นสุดไปตั้งแต่ที่ศาลโลกตัดสิน แล้วเราแพ้คดี ซึ่งหลังจากนั้นอีก 40 กว่าปัก็ไม่ได้มีการคัดค้านอะไรอย่างเป็นชิ้นไปอัน...กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป...เงียบไปเลยจริงๆนะครับ แบบว่าไม่มีใครพูดถึงอีกเลย จนมามีเรื่องมรดกโลก เกิดขึ้น...ก็มึการขุดเรื่องนี้มาพูด มาเป็นประเด็นกันอีก...เพื่ออะไรครับ เพื่อชาติ เพื่อพิทักษ์ดินแดน หรือเพื่อเหตุผลแอบแฝงทางการเมือง (อันนี้ต้องให้ NGO บางหน่วยมาตอบ) --------------------------------------------------------------------------- กลับมาที่ประเด็นขอเป็นมรดกโลก... ก็ยืนยันคำเดิมตั้งแต่ #107 ครับว่า ไม่น่าไปค้านเค้า...ถ้าอยากเห็นเขาพระวิหารยังตั้งอยู่ในโลกนี้ และเป็นโบราณสถาน ไม่ใช่เป็นสำนักนางชีที่ไหน หรือเป็นตลาดชายแดนอย่างในปัจจุบัน... ถ้าเราเชื่อมั่นในแผนที่ ก็ยึดในแผนที่ครับ...ตอนนี้เราไม่ความรู้ทางด้านแผนที่ยุทธศาสตร์แล้ว ไม่ใช่เป็นรองรู้ไม่เท่านั้นฝรั่งอย่างในสมัยก่อนอีกต่อไป...แค่เรื่องเป็นมรดกโลก มันเป็นคนละเรื่องกับการแบ่งดินแดนนะครับ --------------------------------------------------------------------------- เรากลัวอะไรหรือครับถ้าเค้าประกาศเป็นมรดกโลก....ประกาศให้โบราณสถานเป็นมรดกโลกนะครับ ไม่ได้ประกาศให้เสียดินแดน หลักการณ์ คือ ประกาศเพื่อให้ช่วยกันรักษาของไว้...ไม่ใช่เพื่อให้แย่งของกัน... จากคุณ : donatt76 - [ 21 มิ.ย. 51 12:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 161  .. มาเก็บข้อมูลส่งท่านประธาน จากคุณ : แมวหง่าวอายาโร่ (Ayaro) - [ 21 มิ.ย. 51 12:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 162 อ่านแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อก >_< คิดว่าทางออกมันน่าจะมีหลายทาง ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกทางไหน แต่ตอนนี้เคืองประเทศเพื่อนบ้านรายนี้มากๆ รู้สึกเหมือนจะทำให้ย้อนกลับไปอยู่ในยุคล่าอณานิคมยังไงก็ไม่รู้ เพียงแต่ใช้วิธีการล่าที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเท่านั้นเอง จากคุณ : ตุ๊กตาไขลาน - [ 21 มิ.ย. 51 14:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 163 เห็นด้วยกับ 158 ค่ะ แต่ในฐานะคนไทย ชาตินี้ขอไม่เหยียบแผ่นดินเขมร (ถึงแม้ชาติที่ผ่าน ๆ มาอาจจะเป็นขะแมร์ก็ได้ หุหุ) จากคุณ : CHLOROPHYLL - [ 21 มิ.ย. 51 16:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 164 เรื่องนี้มันไม่น่าจะเป็นประเด็นการเมืองเลยจริงๆนะ เพราะมันทำให้เกิดอคติในการตัดสินใจที่จะรับฟังในระดับของเหตุผล สุดท้ายเมื่อคนไทยแตกแยกกันเอง แล้วเราจะได้อะไร จากคุณ : S40 - [ 21 มิ.ย. 51 16:15:40 ]