ความคิดเห็นที่ 1 หึหึหึ ... หันมาปรับองค์กรภายในดีกว่าครับ และหันมามองให้เห็นหัวคนไทยด้วยกัน บริการเท่าๆกันกับฝรั่ง จากคุณ : ปลาแมว - [ 30 พ.ค. 51 19:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็น Vision ที่แตกต่างของผู้บริหารของสองสายการบินอย่างชัดเจนครับ ในขณะที่สายการบินคู่แข่งข้างบ้านมองเห็นโอกาส กระโดดไปคว้ากลุ่มกำลังซื้อสูงด้วยการปรับที่นั่งเป็นชั้นธุรกิจทั้งลำ ปรับทัพบินต่อและคงจะครองตลาดไปได้ในที่สุด แต่ของเรากลับมองตรงกันข้าม ขาดทุนเส้นทางนี้ก็หาทางออกโดยการเลิกไปเสียเลย ทั้งๆที่เส้นทางเดียวกันนี่ลักษณะภูมิศาสตร์เราก็ได้เปรียบกว่า ชั่วโมงบินก็สั้นกว่า ในเวทีระดับโลกถึงผมจะแอบเชียร์การบินไทย เพราะเป็นสายการบินแห่งชาติของเราอยู่อย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า ทีมบริหารที่ SQ เขาจ้างมา เป็นมืออาชีพระดับโลก Viosin ไกลของจริงครับ (แล้วของเราล่ะครับ?) คำถามต่อไปก็คือ เราจะสู้เขาได้ไหม และจะสู้เขาได้อย่างไร ทั้งๆที่เราเคยดีกว่า เหนือกว่าเขามาก่อน เราจะได้เห็นวันนั้นอีกบ้างไหมครับ หรือเราจะยอมรับว่าเราแพ้เขาแล้วจริงๆน่ะหรือ น่าเสียดายและน่าเสียใจจริงๆครับ จากคุณ : HAL9001 - [ 30 พ.ค. 51 20:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากลองเดินผ่านเกทที่บอร์ดดิ้งเที่ยวบินที่เป็นบิสซิเนสทั้งลำ อยากเห็นหน้าคนรวย อิอิอิ จากคุณ : อะจึ๋ยเคี้ยก - [ 30 พ.ค. 51 20:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 2 ขอแก้ไขคำผิด คำว่า Vision ในย่อหน้าที่สองครับ จากคุณ : HAL9001 - [ 30 พ.ค. 51 20:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าหาว่าอย่างโง้นอย่างนี้นะครับ ถ้า TG ทำ BC ทั้งลำ ก็ไม่วายโดนเหน็บหรอก จากคุณ : วาเนอร์ แบ็กซเตอร์ - [ 30 พ.ค. 51 21:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เราต้องเข้าใจระบบ ของเมืองไทยด้วยครับ จะทำอะไรแต่ละครั้งไม่ได้คิดแล้วทำกันง่ายๆ เหมือนสิงค์โปร์ครับ จากคุณ : ละอ่อนดึก - [ 30 พ.ค. 51 22:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 SQ --> พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส TG --> พลิกวิกฤต...ก็ยังคงเป็นวิกฤตอยู่ "สร้างความแตกต่าง ฉีกหนีคู่แข่ง กล้าทำในสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าไม่น่าจะทำ" จะเป็นของใครดีล่ะครับ...เลือกดู จากคุณ : mix'n match - [ 30 พ.ค. 51 23:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิสัยทัศน์คำเดียวสั้นๆ แล้วก็ถ้ายังให้รัฐบาลถือหุ้นใหญ่การบินไทยอยุ่ ทำยังไงก็ไม่ดีไปกว่านี้หรอก จะทำอะไรก็ต้องเอาเข้าครม.ให้อนุมัติก่อน ถึงจะผ่านฝ่ายบริหารกับบอร์ดมาแล้วก็มาตายที่ครม.อยู่ดี ขายหุ้นออก ให้ก.คลังถือไม่เกิน 20%ก็พอ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ - [ 30 พ.ค. 51 23:30:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ามองแง่นึง แบบมุมบวกอาจจะบอกได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่ใช่เมืองธุรกิจเท่าที่ควร เราจะสู้ SQ ได้หรอ..อันนี้คิดแบบคนดีนะครับ ลองมองอีกแง่นึก สลับกันเอาผู้บริหาร SQ มาอยู่ TG สัก 2 ปี / ผู้บริหาร TG ไปอยู่ SQ สัก 2 ปี ... 55+ จะเป็นยังไงต่อไป อันนี้คิดแบบคนไม่ดีนะครับ คิดเล่นๆ อย่าคิดมาก จากคุณ : LSS (acazia) - [ 30 พ.ค. 51 23:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมขอคิดด้วยคน ผมไม่แปลกใจกับข่าวนี้เท่าใดนัก แต่นอกเหนือจากนั้น ผมก็ยังมองว่า ไม่ควรเปรียบเทียบกัน ระหว่าง TG กับ SQ เพราะผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ลักษณะองค์กรแตกต่างกัน ความสัมพันระหว่างประเทศ ของทั้งสองประเทศ ที่มีต่อฝาหรั่งก็ต่างกัน เราเป้นประเทศมีเอกราช สิงคโปร์มีเอกราช แต่ ลีกวน ยู เลือกที่จะเป็นทาสของอเมริกาโดยสมัครใจ เรื่องเหล่านี้อยู่ในประวัติศาสตร์ TG มีความเป็นรัฐ และประชาชน แต่สิงคโปร์ไม่มี เค้าคือรัฐ 100% และทำเพื่อรัฐ โดยมีประชาชนเค้าเป็นลูกจ้าง 100% เรื่องเส้นทางนิวยอร์ก นั้น ไม่มีอะไรใหม่เลย มันเป็นเที่ยวบินเชื่อมนักธุรกิจของอเมริกาเท่านั้น โดยเป็นเส้นทางคู่ขนานกับ สิงคโปร์-มอสโก-ฮูสตัน เพราะเมืองทั้งหมดนี้ เป็นแหล่งทุนของอเมริกา แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจอเมริกาตกทะเลตอนนี้ ความสามารถลดลง เลยต้องสั่งให้สิงคโปร์ทำ เพราะถ้าคุณไปดูธุรกิจที่สิงคโปร์ มีไม่ถึง 20% ที่เป็นองค์กรของเค้า ส่วนใหญ่ คือบริษัทสาขาภูมิภาคของอเมริกัน หรือ Regional Office เท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปพะวงกับประเทศนี้หรอก สิ่งที่เราต้องมองคือ ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย จีน และมาเลเซีย มากกว่าถึงจะถูก เพราะสิงคโปร์ ไม่มีทางทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะเค้ามีข้อจำกัดเรื่องสินทรัพย์ เค้าจะเหมือนอเมริกา คือ ไม่มีเงินสด ไม่มีสินทรัพย์ มีแต่ตัวเลขและเงินสดไว้เพื่อหมุนระบบเท่านั้น ผมไม่เข้าจริงๆว่า ทำไมต้องไปสนใจเค้า เราต้องสนใจประเทศที่เป็นเหมือนเรา เราจะได้นำข้อดีของเค้ามาปรับปรุงของเราให้มันดี แต่นี่กลับไปมอง และยกย่องดินแดนทาสในเรือนเบี้ย ความเป็นจริงของนิวยอร์ก อีกอย่างที่เราควรจดจำคือ อีกสองปี นิวยอร์ก จะหยุดรับ เที่ยวบินใหม่ในทุกสายการบินแล้ว เพราะเป้นไปตามข้อตกลงกับ ชิคาโก ในฐานะ Second City ที่จะเริ่มเป็น Hub แทน เพราะครบสัมปทานที่นิวยอร์กได้ในฐานะ First City หลังจากนี้ Position ของ NYC จะเปลี่ยนไป กลายเป็น Luxury City คือเน้นเรื่องการเป็นที่พักของเหล่าบรรดานักธุรกิจ โดยจะมีการปรับปรุงสนามบินบางแห่งของนิวยอร์ก ซึ่งยังตกลงไม่ได้ว่าจะใช้ที่ไหน ระหว่าง JFK กับ Newark ให้รองรับเที่ยวบินส่วนตัวมากขึ้น และเที่ยวบินธุรกิจก็ต้องไป Drop ที่ ชิคาโกแทน แลัวชิคาโกก็จะกลายเป็น First City 30 ปี โดยมี Houston เลื่อนระดับจาก Third City เป็น Second City แทน ส่วน LA.,San Fran และ Florida ก็เป็น Commonwealth City ต่อไป เพราะมีคนหลากหลายเชื้อชาติ นี่คือการแบ่งระดับของเมืองต่างๆในเมกา คือเค้าจะไม่เอาอะไรไว้ที่จุดเดียวนานเกินไป เพื่อป้องกันการสูญเสีย อีกทั้งเพื่อสร้างสมดุลย์ประเทศในอนาคต และเค้าทำลักษณะนี้มาตั้ง ร้อยกว่าปีแล้ว ผมเป็นคนที่พูดตรงๆ อาจมีคนไม่ชอบไม่เห็นด้วย ไม่ว่ากันครับ จากคุณ : เด็กคน - [ 31 พ.ค. 51 00:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับเด็กคนค่ะ หึหึ จากคุณ : สุธาสินี - [ 31 พ.ค. 51 01:40:19 A:124.121.108.190 X: TicketID:115358 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าสายการบินแห่งญาติ ยังไม่หยุดรับเด็กเส้นเข้าทำงานที่มีจำนวนมากถึง ร้อยละ 90-95 ก็อย่าหวังจะเห็นความเจริญเลย แทนที่จะรับคนเก่งๆมีความสามรถเพียบพร้อม กับไม่รับ ทำให้คนเหล่านี้ไปทำงานกับองค์กรอื่น ซึ่งส่งผลให้องค์กรเหล่านั้นเจริญ แต่สายการบินแห่งญาติเลือกที่จะรับเด็กเส้นซึ่งไม่มีคุณภาพ เข้ามาทำงาน ก็ต้องดูวันถอยหลังลงคลองอย่างเดียว เรื่องเส้นสายนี่เข้าใจว่าต้องมีกันบ้างในสังคมไทย แต่ไม่ควรจะมีมากเกิน 50% เหมือนที่สายการบินแห่งญาติทำอยู่เป็นประจำตลอดทุกปี... จากคุณ : RS6 - [ 31 พ.ค. 51 03:09:25 A:124.120.166.115 X: TicketID:173342 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านจากข่าวก็ปกตินะครับ ขาดทุนทั้งคู่จากวิกฤตน้ำมัน แต่สิงคโปร์มีทางออกที่สามารถเปลี่ยนเป็นชั้นธุรกิจทั้งลำได้ เพราะคนที่จะมาสิงคโปร์ได้ส่วนใหญ่ก็เป็นนักธุรกิจที่เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ส่วนของการบินไทย ไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะคนที่จะบินมาเมืองไทย ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้เงินของตัวเอง จะบินครั้งละเป็นแสนคงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จะทำให้นักธุรกิจบินมาเมืองไทยเยอะ ๆ เหมือนสิงคโปร์ ก็ต้องทำให้กรุงเทพเป็นเมืองธุรกิจข้ามชาติให้ได้ก่อนครับ ยากไปรึเปล่าเนี่ย. ทางออกก็คือ ถ้าสู้ต่อไม่ได้ ก็ยกเลิกโครงการแล้วกลับไปทำในสิ่งที่เราถนัดมากกว่าแทน ส่วนเรื่องสายการบินแห่งญาติ นั่นก็คนละเรื่องกันครับ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงเช่นกัน แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเส้นทางบินระยะไกล. ปล. ในอดีตสิงคโปร์แอร์ไลน์ก็เคยเช่าคองคอร์ดมาบินระยะไกล เน้นนักธุรกิจเหมือนกัน แต่ดูเหมือนทำได้ไม่กี่ปีก็ไปไม่รอด. จากคุณ : LittleTiger - [ 31 พ.ค. 51 05:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สิงคโปร์มีเงินลงทุน ถ้าเจ๊งเค้าก็ยกเลิก เร็วไปที่จะสรุปว่าโครงการนี้จะสำเร็จหรือเปล่า สำหรับบินไทยคงไม่รวยขนาดนั้น เจ๊งมาอาจมีคนติดคุก โดนยึดทรัพย์ หรือถูกด่าเจ็ดชั่วโคตร ปล.ผมว่าเป็นความภูมิใจแบบผิดๆเรื่องใครเป็นไท ใครเป็นทาส ข้อสำคัญควรมองว่าประชาชนในประเทศใหน อยู่ดีมีสุข มีกินมีใช้ไม่อดอยาก ดีกว่ามั๊ง จากคุณ : วัวทอง - [ 31 พ.ค. 51 05:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขออนุญาตแจมนะครับ ความเป็นจริงนั้น สิงคโปร์ ไม่เคยมีเงินอยู่ในมือเลยครับ ไม่มี เค้าอยู่ในลักษณะเดียวกับอเมริกา คือมีแต่ตัวเลข และเครดิต นี่คือความเป้นจริง เรื่องจริงๆ เวลาลงทุนต่างประเทศ เค้าจะไปกู้เงินแล้วลงทุน โดยเอา ตัวเลขของธุรกิจ และสินทรัพย์นั้นๆ เป้นหลักประกัน เรื่องเส้นทางบิน ผมมีข้อคิดมาฝากนะครับ ซึ่งก็มีคนในวงการบินที่ต่างประเทศ เค้าบอกผมมา ในวงการการบินเค้ามีหลักเรื่องเส้นทางบินว่า " 3 Kings 7 Queens and 6 Knights" หัวข้อดังกล่าวเป็นหลักที่ว่า หากคุณทำธุรกิจนี้ คุณต้องทำให้ได้ นั่นคือ "3 Kings" คือ นิวยอร์ก, ลอนดอน และโตเกียว มีคนเข้าออกสามเมืองนี้รวมกันเกือบ 1 พันล้านคนต่อปีในทุกรูปแบบการเดินทาง เม็ดเงินที่สะพัดอยู่นั้นก็มหึมาที่สุด "7 Queens" คือ อัมสเตอร์ดัม, ปารีส, มิวนิค, ซูริค, แอล เอ,ซิดนีย์ และฮ่องกง จุดเชื่อมหลักๆ ของทุกทวีป "6 Knights" คือ เซี่ยงไฮ้, มุมไบ, กรุงเทพ, ดูไบ,โยฮันเนสเบิร์ก และซานเปาโล จุดสนับสนุนหลักของโลก ไอ้ที่ผมว่านั้น คือสิ่งที่หากคุณทำสายการบินต้องทำให้ได้ และลองกลับมาดูอีกทีนะ ของเรามีทั้งหมด และเรากำลังจะปล่อยโอกาสนันให้หลุดมือ หากการบินไทย จะยกเลิก เส้นทางนิวยอร์ก เพราะค่าน้ำมัน นั่นคือการแก้ต่างที่ไม่ตรงประเด็น ในขณะที่ทั้งโลกต้องการ เรากลับจะสละสิทธิ์ วิธีแก้สำหรับการบินไทยในเรื่องนี้นั้นก็คือ Scramble เส้นทางบินทั้งหมดใหม่ โดยเอาปัจจัยแวดล้อมของเส้นทางบิน การปรับเปลี่ยน Wheel ของเมืองนั้นๆ และพิจารณา Timeline ของการเดินทางเสียใหม่ มันจะแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ เท่านี้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กคน - [ 31 พ.ค. 51 07:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ เรามีครบทุกเส้นทางที่ว่ามาจริงๆด้วย ถ้าจะสละสิทธิ์ซะ มันก็น่าเสียดายนะคะ คิดดีดี..... จากคุณ : Jook^Ka^Jick - [ 31 พ.ค. 51 08:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เสียดายเส้นทางนี้จังถ้ายกเลิกแต่ให้ทำแบบ Singapore Airline ก็ไม่ไหว ถ้าการบินไทยทำ BC ทั้งลำขายตั๋ว 240,000 คิดว่าจะมีคนนั้นเต็มหรอครับ ปกติตอนนี้ BC ก็แสนต้นๆราคากำลังดี ถ้ายังไม่เลิกบินน่าจะเป็นช่วงที่ดีที่จะด้ผู้โดยสาร ECO จาก Singapore Airline มาบิน TG นะครับ (อย่างน้อยก็นิดหน่อยก็ยังดี) จากคุณ : ForGames - [ 31 พ.ค. 51 09:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมคนไทยชอบเอาจำปีไปเปรียบกับลอดช่อง ผมว่ามันไม่ยุติธรรมเลย 15-20 ปีที่ผ่านมานี้ จำปีล้าหลังลอดช่องอยู่หลายขุม จำปี สายการบินชั้นนำในอินโดไชน่า เหมาะสมกับฐานะและระดับการพัฒนาของประเทศแล้ว จากคุณ : kraikl (kraikl) - [ 31 พ.ค. 51 09:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าเปลี่ยนเป็น 747-400 หรือ 777-200ER บินแทนโดยแวะเติมน้ำมันกลางทางจะทำให้บรรทุก ผดส ได้มากขึ้นแทนการยกเลิก ได้หรือเปล่าถามผู้รู้ครับ จากคุณ : cummins (cummins) - [ 31 พ.ค. 51 10:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ลดเที่ยวบิน มันน่าจะง่ายกว่า ยกเลิก หรือเปล่า? หรือว่า? บินก็เต็มทุกเที่ยวอยู่แล้ว แต่ยังขาดทุน ถ้าคนอื่นบิน biz class หมด การบินไทย ไม่ได้มี โอกาสมากขึ้นเหรอ? เพราะเรามี eco อยู่ ก็ถือเอา โอกาสที่คนเข้าใจค่าน้ำมัน ปรับราคาเอาดีไหม? เฮ้อ... มีัโอกาสใหม่มาให้เพิ่ม กลับถอดใจซะ เชื่อว่าการบินไทย ยังจะมี New York Express ให้บริการต่อไปนะครับ จากคุณ : ThaiAviation - [ 31 พ.ค. 51 10:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ชอบเลย ประเทศนี้ ไม่อยากเอ่ยถึง จากคุณ : Grasshopper - [ 31 พ.ค. 51 11:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านแล้วขอแจมด้วยคนค่ะ โดยความคิดเห็นส่วนตัว และชอบอ่านข่าวบ่อยๆ นะคะ ดิฉันเห็นว่าเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ ของ ทีจี กับสิงคโปร์ นั้น ถ้ามองทั่วไปอาจจะเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วไม่เหมือนกันค่ะ สิงคโปร์นั้นทำธุรกิจสายการบินที่ต้องทำกำไร 100 เปอร์เซ็นต์ บริหารจัดการแบบเอกชน รวมทั้งนโยบายต่างๆ ออกมาเพื่อรองรับการขยายตัวของการทำธุรกิจของประเทศ แบบครบวงจร ส่วนการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงกำไร และต้องบริการเส้นทางบินในประเทศเพื่อคนไทยควบคู่กันไปด้วย คือ แม้ว่าจะบินขาดทุนก็ต้องบิน เพราะต้องบริการคนในประเทศที่จำเป็นต้องเดินทางค่ะ  และอีกอย่างกลุ่มตลาดของสิงคโปร์ และไทยก็แตกต่างกัน คนเดินทางไปสิงคโปร์ส่วนใหญ่ไปทำธุรกิจ แต่ประเทศไทย คนเดินทางมาส่วนใหญ่ท่องเที่ยวนะค่ะ ฉะนั้นไม่แปลกที่สิงคโปร์จะปรับเครื่องบิน เอ 340 เป็นแบบธุรกิจทั้งลำ เพราะทั้งทุนก็มาก ตลาดเดินทางก็เป็นนักธุรกิจ แต่ทีจี ผู้โดยสารและตลาดส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว และชั้นที่ขายดีก็จะเป็นชั้นประหยัดสะส่วนใหญ่ ซึ่งเมื้อก่อนนั้นดิฉันเคยอ่านข่าว พบว่า พวกคณะกรรมการของทีจีก็เคยพยายามจะปรับให้ ทีจี เป็นสายการบินสำหรับนักธุรกิจนะค่ะ แต่ก็ไม่ให้สำเร็จสักที เพราะตลาดของประเทศส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว ยังไงก็ตาม อยากให้เพื่อนๆ ลองพิจาณาสักนิดค่ะว่า ตลาดผู้โดยสารที่เดินทางมาประเทศไทย กับตลาดของสิงคโปร์นั้นแตกต่างกันค่ะ ก็อย่าว่าไปว่า ทีจี นักเลย น่าจะให้ความเป็นธรรมกันบ้างนะคะ ดิฉันก็เชื่อว่า พนักงานของทีจีก็อยากทำให้บริษัทฯ  มีกำไรนะค่ะ เขาก็ต้องรักบริษัทฯ เขาบ้างอะคะ ใครจะอยากทำให้เจ๋ง แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 14:57:35 จากคุณ : BABYBOM - [ 31 พ.ค. 51 14:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบ คห คุณเด็กคนมากๆค่ะ ได้ความรู้เพิ่มเติม โชคดีจังที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ จากคุณ : lamerdejoy - [ 31 พ.ค. 51 17:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับหลายๆท่าน   SQ มีลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจเยอะ ผมคิดว่าทำให้เค้ามีกำลังซื้อ เงินแค่ 1-2 แสน สำหรับการเดินทางเพื่อไปเจรจาธุรกิจมูลค่าหลายล้าน มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ  เพราะฉะนั้น เค้าจึงยินดีที่จะจ่าย  การที่นำเอา 340 มาปรับเป็น biz ก็ไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง เค้ามีทุนเยอะ สามารถ run ธุรกิจของเค้าไปได้ ก็ไม่แปลกที่เค้าจะมาใช้สนับสนุนตรงนี้ ซึ่งมันไปกันได้กับกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นนักธุรกิจ TG เน้นนักท่องเที่ยว เนื่องจากรายได้หลักของประเทศเราก็มาจากการท่องเที่ยว เพราะฉะนั้น กลุ่มเป้าหมายมันผิดกัน คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยก็เป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ใช่สไตล์หรูหรามากนัก ผมจึงคิดว่าถ้าเกิดเราใช้ 340 บินแล้วเจ็บตัว ถ้าได้ลองปรับเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างแล้ว มันไม่ดีขึ้น ก็เลิกเถอะครับ  ทำอะไรให้มันไม่เจ็บตัวดีกว่า บางทีการยอมถอยก้าวนึง เพื่อ(หวังว่า)จะเดินไปอีกสอง สามเก้า มันก็ดีไม่ใช่เหรอ จากคุณ : นูนิ - [ 31 พ.ค. 51 17:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เกย์จิ (เกจิ) - [ 1 มิ.ย. 51 01:47:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณเด็กคนให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากเลยค่ะ นึกแล้วก็ให้ใจหาย หากเขาจะยกเลิกเที่ยวบินจริงๆ.. ลดเที่ยวบินได้ไหมคะ หรือ เป็นแวะกลางทางอย่างที่เคยทำสายแอล.เอ.เมื่อสี่ปีก่อน.. ในฐานะใช้บริการสายนี้ปีละสองครั้ง..และมีสามีเป็นอเมริกันที่รักการบินไทยมากกว่าสายการบินใดใด..เสียใจและใจหายมากเลยค่ะ จากคุณ : Panissar - [ 1 มิ.ย. 51 05:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นไปได้ไหมครับ ว่านักธุรกิจที่ใช้เส้นทาง New York จะมีที่ Singapore มากกว่ากรุงเทพนะครับ ? ผมคิดว่าผู้โดยสารของการบินไทยที่ใช้เส้นทางนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว และส่วนใหญ่จะใช้ Economy กัน นี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดทุน นี้คือที่ผมเข้าใจนะครับ แต่โดยส่วนตัวผมยังอยากให้มีเส้นทางนี้ไว้นะครับ อาจจะมีอะไรปรับเปลี่ยนบ้างแต่ไม่น่ายกเลิกเลย จากคุณ : Nick BlueOceaN - [ 1 มิ.ย. 51 12:12:39 A:124.121.230.125 X: TicketID:177601 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คือ อยากเรียนถามผู้รู้ว่า พวก 777 นี่มันบินไกลแบบไม่ต้องพักไปถึง NYC ไม่ได้เหรอคับ ผมว่ามันน่าจะได้นะ เห็นทำสถิติบินได้ไกลที่สุดในโลกโดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมันไม่ใช่เหรอคับ รู้สึกว่าจาก ลอนดอนไปซิดนีย์อ่ะคับ ไม่แน่ใจ แล้วส่วนตัวนะคับ ก็เชื่อว่า อเมริกากลับมาได้อย่างแน่นอนคับ กลับมาแบบยิ่งใหญ่กว่าเก่าด้วย การที่ตอนนี้ชะลอตัวลง เป็นเพียงแผนชะลอทั้งโลกไม่ให้เข้ามาทันตัวเองเท่านั้นคับ เป็นเพียงความเชื่อส่วนตัวนะคับ ไม่มีหลักฐานอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นโปรดอย่าใส่ใจ จากคุณ : คิดต่าง (Nobody loves me.) - [ 1 มิ.ย. 51 12:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าแวะเติมน้ำมันแล้วเปิดเป็นรับผู้โดยสารของประเทศนั้นๆเพิ่มจะช่วยได้มั้ยครับ อย่างแวะที่โตเกียวแล้วก็ลดเที่ยวบินลงหน่อย ให้เหลือสัก 4 เที่ยวบิน ผมคิดว่าการบินไทยมีเสน่ห์นะครับหลายคนหลายชาติก็อยากใช้บริการ จากคุณ : Phoenixle - [ 1 มิ.ย. 51 12:40:18 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ความคิดเห็นที่หลากหลายดีมากครับ การปรับตัวในทิศทางที่ต่างกันของสายการบินระหว่างไทยกับสิงคโปร์นั้น ก็เป็นเพราะว่าพื้นฐานทางด้านฐานลูกค้าของทีจีกับเอสคิวนั้นต่างกัน ทำให้การปรับตัวทางธุรกิจย่อมมองอย่างแหลมคมคนละแบบกัน มีข้อสงสัยและข้อสังเกตถึงคุณ"เด็กคน" ในความคิดเห็นที่ 10 และ 15 ตามลำดับ (ความคิดเห็นที่ 10) "อีกอย่างที่เราควรจดจำคือ อีกสองปี นิวยอร์ก จะหยุดรับ เที่ยวบินใหม่ในทุกสายการบินแล้ว เพราะเป้นไปตามข้อตกลงกับ ชิคาโก ในฐานะ Second City ที่จะเริ่มเป็น Hub แทน" -> ไม่ทราบว่า มีเอกสารอ้างอิงไหมครับ อยากจะลองอ่านดู (ความคิดเห็นที่ 15) "Scramble เส้นทางบินทั้งหมดใหม่ โดยเอาปัจจัยแวดล้อมของเส้นทางบิน การปรับเปลี่ยน Wheel ของเมืองนั้นๆ และพิจารณา Timeline ของการเดินทางเสียใหม่ มันจะแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ" -> เป็นความคิดที่ดีครับ แต่ว่าหากเป็นคนทำหรือกำลังธุรกิจอยู่แล้ว จะทราบว่าทำได้หรือไม่ หากได้รับคำตอบหรือคำชี้แจง คงจะเป็นประโยชน์และความรู้ครับ จากคุณ : Forward Post - [ 1 มิ.ย. 51 16:42:15 A:58.8.159.45 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ^ ^ ^ เอกสารมีครับ แต่คุณต้องไปที่หอสมุดรัฐสภา ที่ DC จะอยู่ที่ห้องเอกสารระหว่างรัฐ The Parliament Rooms ติดพาสปอร์ตไปด้วยครับ เพราะต้องใช้ ในนั้นจะมีเอกสาร หลักฐานทั้งหมดของประวัติศาสตร์อเมริกา ตั้งแต่จดหมายฉบับแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นของประเทศในปี 1781 ก่อนประกาศอิสรภาพในปี 1784 เอกสารการจัดการระบบการปกครองทั้งหมดมีอยู่ที่นี่ รวมไปถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ของโลกทั้งโลก มีทุกประเทศ ทุกยุค ทุกสมัย ของไทยก็มีและมีสำเนาอยู่ในหอสมุดประจำรัฐทุกรัฐทั่วทั้งอเมริกา อ่านได้อย่างเดียว หากคัดสำเนา ต้องมีจดหมายรับรองจากหน่วยงาน แจ้งการนำไปใช้ และห้ามเอาออกนอกประเทศในทุกกรณี และควรจะไปเร็วๆหน่อย เพราะ Section นี้ คนจะเยอะทุกวัน หากฝ่าฝืน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ติดคุกตลอดชีวิต ไม่มีทัณฑ์บน ส่วนเรื่องเมืองนั้น คุณสามารถอ่านที่นี่ได้เช่นกัน ว่าทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ และเป็นจริงหรือไม่ เท่าที่จะสรุปให้ได้ก็คือ คุณต้องเข้าใจพื้นฐานของ "คน" ประเทศนี้ก่อนว่ามีหลายชาติพันธ์ หลายกลุ่มก้อน และไม่สามารถอยู่รวมกันได้ในที่แห่งเดียว นี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดการกระจายการเจริญเติบโตของประเทศไปในทุกพื้นที่ เริ่มตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอร์น ท่านเป็นยอดอัจฉริยะ และเป็นแบบฉบับของผู้นำที่ทุกคนใฝ่ฝัน ท่านรวมประเทศเป็นหนึ่ง แต่แยกเหล่า แยกหมู่ให้พัฒนาตัวเอง โดยมีรัฐคอยควบคุมดูแลอยูห่างๆ ความจำเป็นที่ต้อง Rotate ไปตามเมืองต่างๆ ก็เพราะเค้าถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน มีสิทธิที่จะเป็น First ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับแผนพัฒนาประเทศ ในช่วงนั้นๆ ผมก็มี แต่เอามาที่เมืองไทยไม่ได้ อยากเอามาเผยแพร่ให้ทุกคนได้ดู ส่วนเรื่องการ Scramble นั้น ผมบอกตรงๆ ว่าเป็นความคิดส่วนตัวที่มองว่า ทุกวันนี้ Position ของแต่ละประเทศถูกปรับเปลี่ยน รูปแบบการเดินทางถูกปรับใหม่ ยุคนี้กำลังจะเป็นยุค Portal ดังนั้น รูปแบบการเดินทางแบบเก่าที่แยกกันระหว่าง ท่องเที่ยว กับธุรกิจ จะหายไป ที่จะเกิดมา คือ Business Traveller เพราะทุกวันนี้ คุณไม่สามารถที่จะทำธุรกิจ หรือขายของอยู่กับที่จุดๆ เดียวได้อีกต่อไป พฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ คือ การโยกย้าย ถูกนำมาปรับใช้กับสิ่งรอบตัวมากขึ้น ดังนั้น มนุษย์ต้องย้ายเพื่อความอยู่รอดของตนเอง แต่กับการบินไทย ยังคง Relative แบบเดิมไว้ จำเป้นต้อง Research ทั้งโลกใหม่หมด ดู Position ของแต่ละที่ใหม่ ดูพฤติกรรมของมนุษย์ใหม่ ยังไม่ต้องถึงขั้น Re-Organize องค์กร เพราะเรื่องใหญ่ มีรัฐบาลมาเกี่ยวข้อง แต่การ Scramble ที่ว่าภายในองค์กรสามารถทำได้ด้วยตัวเองนี่ครับ ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่า ไม่ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาล มันก็คือ การ Re-Branding นั่นเองแหละ การบินไทยมีทุกอย่างอยู่ในมือ ที่สำคัญที่สุด การบินไทย มี "หน้าที่" ของการเป็น "สายการบินแห่งชาติ" ต้องคิดเองครับ หากทุกคนทำ "หน้าที่" กันคนละอย่าง ไม่มีทางที่ชาติจะล้มเหลว หรอกครับ จากคุณ : เด็กคน - [ 1 มิ.ย. 51 17:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ^ แสดงว่าคุณอ่านเอกสารเหล่านั้นมาแล้ว มีคำถามถามว่า คุณเห็น(หรืออ่านหรือจำหรือผ่านตา)ประโยคหรือย่อหน้าที่ระบุอย่างชัดเจนว่า จะให้อีกสองปี (แสดงว่าเป็นประมาณปี 2010) นิวยอร์ก หยุดรับเที่ยวบินใหม่ในทุกสายการบินแล้ว เพราะเป็นไปตามข้อตกลงกับ ชิคาโก ในฐานะ Second City ที่จะเริ่มเป็น Hub แทน (ดังในความคิดเห็นที่ 10) ใช่หรือไม่ หรือ คุณตีความในแบบที่คุณเข้าใจไปเอง ซึ่งอาจไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเอกสารดังกล่าว จากคุณ : Forward Post - [ 1 มิ.ย. 51 22:34:14 A:58.8.159.45 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านแล้วอึ้งครับ กับข้อมูลข้างบนของ"คุณเด็กคน" (คาดว่าน่าจะเป็นนักการฑูต)...... เอาเฉพาะประเด็นเรื่องเครื่อง 340-500.... ผมว่าปรับไปใช้รูทยุโรป(สแกนดิเนเวีย/เยอรมัน)/ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์คู่กับ 340-600 หรือ 772 ER มันเวิร์กกว่าที่จะขาย 340-500 ทิ้งซึ่งไม่น่าจะได้ราคาเท่าที่ควร......เพราะฝรั่งยุโรป+ออสซี่ชอบใช้การบินไทย....อัพราคาต่อที่นั่งขึ้น(ให้คุ้มกับโหลดแฟ็คเตอร์ของเครื่อง)   เว้นแต่ จะเป็นวาระซ่อนเร้นของการบินไทย/รัฐมนตรี  อันนี้จนด้วยเกล้าครับ จากคุณ : giant uncle - [ 1 มิ.ย. 51 22:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบคุณ Forward Post ครับ และคุณข้างบนครับ ผมไม่ใช่ทูตครับ แต่เป็นสื่อมวลชนธรรมดาๆ แต่ชอบประวัติศาสตร์ และเคยทำงานสื่อที่โน่น ก็เลยต้องศึกษาเรื่องพวกนี้มากขึ้น และ ทั้งสองอย่างแหล่ะครับ คือเห็น และตีความ คือมันมี City Pact เกิดขึ้นช่วงประธานาธิบดี ลินคอล์น นั่นแหละ ว่านี่เป็นวิธีที่ตกลงกันเในการรวมประเทศ แต่ก็ไม่ได้ระบุไว้ว่ามีเมืองอะไร การจัดสรรเมืองนั้น ขึ้นอยู่กับแผนพัฒนาประเทศของแต่ละยุค แต่ละรัฐบาลที่ขึ้นมา ซึ่งหลังๆก็มีการล๊อบบี้จากพวกนายทุน มากขึ้น เพราะเศรษฐกิจของเมกา ขึ้นอยู่กับนายทุนเป็นหลัก ในช่วงปัจจุบัน การตัดสินเรื่องเมืองนั้น สื่อก็ต้องเอาแผนฯ มาอ่าน มาตีความ โดยก็สอบถามไปตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเราก็จะได้วางแผนการสื่อได้ เพราะสื่อที่โน่นค่อนข้างมีผลต่อประชาชนค่อนข้างมากทีเดียว และมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างครับ ส่วนเรื่องนิวยอร์ก กับชิคาโก มันก็ไม่ได้สำคัญมากนะครับ คือมันเหมือนว่า ที่ผ่านมา ประเทศระดมทุนผ่านตลาดหุ้นมามากแล้ว จำเป็นต้องหมุนเฟืองประเทศแล้ว และ ชิคาโก ซึ่งเป็นแหล่งรวมต้นทางของธุรกิจ และอุตสาหกรรม ก็ต้องรับหน้าที่ไปก็เท่านั้น ระหว่างนี้ NYC ก็ปรับตัวเพื่อรับสถานภาพการเป็นที่พักของนักลงทุน แต่การลงทุน การระดมทุนผ่านตลาดหุ้นก็ยังคงมีต่อไป มันก็มาเป็นที่มาของการย้าย Hub แต่การย้ายนั้นเป้นการย้ายเชิงนโยบายครับ สนามบินที่นิวยอร์กทุกแห่งก็ยังคงให้บริการเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่การหยุดรับเที่ยวบินในอนาคต ก็คือ การปรับเปลี่ยน Wheel หนึ่งเท่านั้นเอง คือมันไม่ได้ร้ายแรงนะครับ เพียงแต่มันเป้นเรื่องภายในที่ สื่อเค้าไม่เสนอให้ต่างประเทศรู้หรอกครับ และรายละเอียดที่ผมกล่าวไปนั้น ก็อาจเปลี่ยนได้อีก ก็ต้องขึ้นกับประธานาธิบดีคนต่อไป ถ้ามาจากเดโมแครต ก็จะไปทาง คือเน้นชนชั้นกลาง แถม ฮิลลารี กับโอบามา ก็ไม่เหมือนกันด้วย ถ้าโอบามา มา เมืองที่มีคนหลายเชื้อชาติอยู่ จะได้ประโยชน์มากๆ แต่ถ้าเป็นฮิลลารี เมืองที่มีบริษัทระดับกลางของประเทศจะได้ประโยชน์ แต่ถ้าแมคเคน มา ก็จะไม่ต่างไรมาก และงวดนี้ ยังไงก็ไม่ใช่รีพับลิกัน แน่นอน แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 51 07:24:51 จากคุณ : เด็กคน - [ 2 มิ.ย. 51 07:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เครื่องบินดีๆมี ไม่เลือกใช้......Boeing ดีที่สูดดดดดดดดด จากคุณ : none (nanomax) - [ 2 มิ.ย. 51 07:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณเด็กคนในความคิดเห็นที่ 34 เป็นความพยายามที่ดีที่จะให้คำตอบ(ซึ่งมาจากคำถามในความคิดเห็นที่ 32)และเป็นประโยชน์บางส่วนในทางกว้าง เพียงแต่สุดท้ายแล้วสำหรับความคิดเห็นที่ 34 ผมอ่านแล้วก็เข้าใจว่าเรื่องนิวยอร์คกับชิคาโกนี้ มันเป็นเรื่องที่คุณเพียงแค่ไปดีซี แล้วเห็นเอกสารบางอย่างมาซึ่งไม่ได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษรอย่าง "ชัดเจน" ว่า จะให้อีกสองปี (แสดงว่าเป็นประมาณปี 2010) นิวยอร์ก หยุดรับเที่ยวบินใหม่ในทุกสายการบิน เพราะเป็นไปตามข้อตกลงกับ ชิคาโก ในฐานะ Second City ที่จะเริ่มเป็น Hub แทน (ดังในความคิดเห็นที่ 10) เพียงแต่คุณเอาความเข้าใจของคุณไปจับเนื้อหาเอกสารบางอย่างมา แล้วมาบอกกล่าวในกระทู้นี้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว มันไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงแต่อย่างใด จากคุณ : Forward Post - [ 2 มิ.ย. 51 09:46:59 A:58.8.159.45 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราก็ปรับเป็น FIRST ให้หมดซิครับ ....... เอาไว้ให้นักการเมือง (มัน) นั่งเล่น .... หรือปรับเป็นห้องสูทให้ (มัน) พาอีหนูไปเที่ยวกัน พวกเหล่านี้ได้รับอภิสิทธิ์ดีจาก TG อยู่แล้ว (ประชดนะครับ) ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ และกระทู้ดีๆ ครับ จากคุณ : พ่อหมีพุงโต (พ่อหมีพุงโต) - [ 2 มิ.ย. 51 10:02:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เสียดาย A340 อ่ะ ขายแล้วไปซื้อ A330 เอามาทำไมไม่รู้ มันตกรุ่นไปแล้วนิ เอามาให้เก่าไปอีกเหรอ เอา 777 มาไม่ดีกว่าเหรอครับ มันน่าจะคุ้มกว่ามั้ย หรือไม่ก็ทำตามที่คุณgiant uncle ว่ามาน่าจะดี นะครับ จากคุณ : korakodsan - [ 2 มิ.ย. 51 10:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เจาะลงไปอีกซิครับว่า 340 มาได้อย่างไร ใครเป็นตัวแทนจริงๆ แล้วก็จะทราบว่า เค้ามาได้อย่างไร ผมเองก็อยากทราบเหมือนกัน จากคุณ : Noflare - [ 2 มิ.ย. 51 10:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถูกต้องครับ คุณ Forward Post เป็นตามที่คุณว่า มันก็เป็นการวิเคราะห์ของผมและเพื่อนๆในวงการเท่านั้น และทุกอย่างที่ผมเอาโพสต์ที่นี่ ก็คือสิ่งพวกเราวิเคราะห์ พูดคุย โดยอาศัยข้อมูลพื้นฐาน และหลักฐานอ้างอิงอื่นๆ ที่หาได้ครับ แต่ทุกอย่างนั้นมันจะจริงหรอไม่ ก็ต้องไปดูด้วยตาครับ ต้องไปหาด้วยตัวเองครับ เพราะตราบใดที่คุณอยู่กับที่ สิ่งต่างๆ รอบคัวที่คุณรับรู้ และเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่คนอื่นอยากให้คุณรู้ และเมื่อใดที่คุณก้าวเดิน สิ่งต่างๆ รอบคัวที่คุณรับรู้ และเข้าใจ นั่นคือสิ่งที่คุณอยากรู้ และหากคุณหยุดเดิน และมองกลับไปยังจุดที่คุณเดินมา สิ่งต่างๆ รอบคัวที่คุณรับรู้ และเข้าใจ คือสิ่งที่คุณอยากจะบอกให้คนอื่นได้รู้ ครับ จากคุณ : เด็กคน - [ 2 มิ.ย. 51 11:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณทุกท่านและคุณเด็กคนสำหรับข้อมูลต่างๆ และด้วยความเคารพสำหรับคุณเด็กคนครับ จากคุณ : Forward Post - [ 2 มิ.ย. 51 12:12:21 A:58.8.159.45 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กลับมาอีกครั้ง ................... สำหรับเมืองไทย มีข้อตกลงระหว่างจังหวัด จังหวัดไหน มีนักการเมืองเป็นนายก ............... จังหวัดนั้นก็จะยก....ซะสูง ขออภัยที่เข้ามากวน ....... (เบื่อการเมือง) จากคุณ : พ่อหมีพุงโต (พ่อหมีพุงโต) - [ 2 มิ.ย. 51 14:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จาก 39  330 ที่จะเข้ามามันเก่าตกรุ่นแต่ก็เป็นเครื่องใหม่ ภายในห้องโดยสารใหม่ ถ้าหลับตาแล้วมาลืมตาในเครื่องมันก็เหมือน 772ER นั่นแหละครับ จากคุณ : aladin34 - [ 2 มิ.ย. 51 18:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่งตั้งกระทู้ ถามเรื่องข่างลือยุบroute New York Express วันก่อนไป แล้วมาเห็นกระทู้นี้ ก็เลยเข้าใจแจ่มแจ้งครับ... ผมโดนกระทบโดยตรงเลยครับ จะเดินทางสิงหาคม จองไว้ เมื่อกลางเดือน พค. กำลังจะไปออกตั๋ว เจ้าหน้าที่บอกว่ายังออกให้ไม่ได้ ต้องคอยประกาศอย่างป็นทางการก่อน ซึ่งก็ต้องยกเลิกอยู่แล้ว ทำไมไม่บอกกันก่อนน้า.. จะได้วางแผนใหม่  เพราะยังไงผู้โดยสารเค้าก็ต้องเดินทางอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยต้องวิ่งหา route ใหม่ เลยจอง LA ไว้ก่อน แล้วหา domestic บินไปต่อเอง  อืม.. ลำบากจริงๆ ครับ แต่ก็สงสารการบินไทยครับ แต่ดูๆแล้ว วิสัยทัศน์ ต่างกันจริงๆ ไม่รู้TG อยู่ได้เพราะบุญเก่าๆ เปล่าน้อ.. จากคุณ : Rohirrim - [ 3 มิ.ย. 51 10:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ว่ากันว่า ทีจี เป็นสายการบินที่มีแบบหรือรุ่นของเครื่องบินมากที่สุดในโลกสายการบินหนึ่ง..........เพราะอะไรหรือครับ......ค่าคอมมิสชั่นก้อนมหึมาไงครับ บวก..............ผู้บริหารทีจี ไม่ช่ายระดับมืออาชีพเท่ากับเอสคิวเขา...... ความจริงไม่น่ามาเปรียบเทียบกันเลยคุณ........ เหมือนประเทศที่คอร์รับชั่นมากติดอันดับโลก มาคู่กับ ประเทศที่มีคอร์รับชั่นน้อยที่สุดประเทศหนึ่งของโลก................ จะมีดีเด่นกว่าอย่างเดียวจริงๆก็คือ นิสัยคนไทยน่ารักกว่าคนประเทศนั้นเยอะมากเลยครับ จากคุณ : ดอม (studsie) - [ 4 มิ.ย. 51 00:42:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ปัญหาของเราคือ เราไม่มีกลุ่มลูกค้านักธุรกิจที่จะบินตรงเยอะมากพอที่จะมาจ่ายค่าตั๋วสองสามแสนต่อเที่ยวบินได้อย่างสิงคโปร์นะครับ ตอนนี้เราก็ปฏิวัติ ประท้วง และวุ่นวายต่างๆ ไม่จบ มันก็เป็นธรรมดา ที่นักธุรกิจต่างชาติจะหนีกันไปประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เรามีดีทุกอย่างแต่ไม่ยอมช่วยกัน ไม่เข้าใจเหมือนกัน จากคุณ : giuseppe (Giuseppe) - [ 7 มิ.ย. 51 06:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 47 น่าจะซื้อ Boeing 777-200LR มาบินตั้งแต่แรก จากคุณ : Davenport - [ 8 มิ.ย. 51 00:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 48 วิสัยทัศน์ต่างกันขนาดนั้นจริงหรือ??????? จริง ๆ แล้ว เทียบกับ SQ โดยตรงก็อาจจะไม่ถูกนัก เราอาจจะมองแต่ว่าทำไมเค้าทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้กันมากไป ถ้าเรามองย้อนไปในข่าวตั้งแต่แรกว่า SQ เองก็ทราบดีว่า ถ้าดื้อดึงบินตรงสิงคโปร์นิวยอร์คในแบบเดิม ก็ขาดทุนเช่นกัน ทางออกคือทำเป็นชั้นธุรกิจทั้งลำซะ แต่ทางออกของ TG คือเลิกบิน ซึ่งไม่ได้แปลว่าของ SQ มีวิสัยทัสน์ดีกว่า การเซฟองค์กรด้วยการตัดค่าใช้จ่ายออกไปไม่ได้แปลว่าไม่มีวิสัยทัศน์ ซึ่งในทางกลับกัน ถ้ายังดื้อดึงบินต่อไปทั้งที่ขาดทุนเดือนละร้อยกว่าล้าน ก็โดนผู้ถือหุ้นถล่มเละเทะแน่นอน เงื่อนไขในการทำธุรกิจของทั้งสองสายการบินมันต่างกัน ที่สิงคโปร์มีนักธุรกิจมากมายที่ยอมจ่ายราคาสูงเพื่อบินตรง ในชั้นธุรกิจ แต่ที่เมืองไทย แต่ขึ้นราคาตั๋วชั้นประหยัด ก็หนีไปบินไฟลท์ไม่บินตรงกันหมดแล้ว ที่นั่้งก็ขายได้น้อยลง ไปอีก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกครับ จากคุณ : shion - [ 8 มิ.ย. 51 10:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 49 #39  340 มาได้เพราะทักษิณ ต้องการค่าคอมมิชชั่น เพราะรุ่นนี้ ไม่มีใครซื้อ เลยให้ค่าคอมมิชชั่นสูง พออยากได้ค่าคอมฯ  ก็เลยต้องหาเส้นทางมารองรับ การบินไทย บินไปเจ๊งไป ขาดทุนตลอด ทุกเที่ยวบิน แต่ทักษิณ  รวยจากค่าคอมฯไปแล้ว 555 จากคุณ : หนุ่มเมืองทอง - [ 8 มิ.ย. 51 22:41:39 ]