ความคิดเห็นที่ 1 ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อม บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเริ่มค้าขายตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงช่วงประมาณ 12.00 น. แต่ตอนที่พวกเราไปถึงก็ประมาณ 11 โมงเศษแล้ว ตลาดแทบจะวายไปแล้วครับ เพราะตลาดแห่งนี้จะคึกคักที่สุดในช่วง 7-8 โมงเช้า หลังจากนั้นก็จะวายลงเรื่อยๆ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 11:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมตลาดแห่งนี้ มักจะทำ คือ การล่องคลองชมตลาดน้ำดำเนินสะดวกครับ... ตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 200-300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 11:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ระหว่างทางล่องเรือ จะพบกับร้านค้ามากมายครับ...สินค้าที่ขายดูแล้วคล้ายๆกัน และมักจะเป็นสินค้าที่เน้นขายให้ชาวต่างชาติเสียมากกว่า...บางร้านถึงกับรับบัตรเครดิตด้วยนะครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 11:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สินค้าหลากหลายที่วางขายกันริมคลองดำเนินสะดวก... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 11:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรือพายพาพวกเรามาแวะดูการทำน้ำตาลสดครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 11:59:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนนี่ก็เป็นน้ำตาล อีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของต้นตาล... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 และผลไม้สดๆเป็นอีกหนึ่งสินค้าเด่นของจังหวัดราชบุรีครับ...มีพ่อค้าแม่ขายพายเรือมาขายผลไม้กันมากมาย จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การเดินทาง รถยนต์  จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกได้ 2 เส้นทาง คือ 1. เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1  กิโลเมตร 2. เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตร  เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร  ทางเข้าตลาดน้ำอยู่ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรกออกตั้งแต่เวลา 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ  2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์  จากนั้นสามารถโดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0 2435 5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0 2435 5036 นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่นได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี (สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถวซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออกทุก 10 นาที จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถัดจากตลาดน้ำดำเนินสะดวก ที่เที่ยวแห่งใหม่ที่ผมจะพาไปแนะนำ คือ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม จังหวัดราชบุรีครับ  ซึ่งห่างจากตลาดน้ำดำเนินสะดวกไปประมาณ 19 กิโลเมตรเท่านั้น... อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม  แบ่งออกได้หลายโซน ได้แก่ 1.อาคารเชิดชูเกียรติ เป็นอาคารที่นำเสนอเรื่องราวรูปปั้นขี้ผึ้งบุคคลสำคัญ 2.ถ้ำชาดก 3.กุฏิพระสงฆ์ 4 ภาค 4.บ้านไทย 4 ภาค 5.ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ก่อนอื่นต้องซื้อบัตรเข้าชมก่อนครับ  ค่าเข้าชมราคา 50 บาท แต่สำหรับเด็กและพระสงฆ์ ค่าเข้าชมเพียง 20 บาทเท่านั้นครับ... แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 17:10:41 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามเกิดขึ้น จากความตั้งใจ และความคิดของท่านผู้ก่อตั้งซึ่งมีรากฐานการเริ่มต้นของงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ นับจากอดีตจนสู่ปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า ๔๐ ปีที่ผ่านมา จากประสบการณ์ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ และรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้เริ่มก่อตั้ง โครงการอุทยาน หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ และด้วยความ มุ่งมั่น ที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ จากความเชื่อมั่น ในคำสอน เรื่องทำความดี ความศรัทธาในบุคคล กำลังใจจากครูอาจารย์ เพื่อนมิตรและครอบครัว ทำให้โครงการ อุทยานหุ่นขี้ผึ้ง ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะนำเสนอ งานสร้างสรรค์ ด้านศิลปะ วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมไทย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อสืบทอด สิ่งดีงามเอกลักษณ์ ของไทยให้คงอยู่สืบต่อชนรุ่นหลัง... จุดแรกที่พวกเราเข้าเยี่ยมชม คือ  อาคารเชิดชูเกียรติ เป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างของอาคารจัดแสดงเรื่องราวรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส ของบุคคล สำคัญทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคครับพื่อให้การนำเสนอเรื่องราว ของบุคคลสำคัญดังกล่าวสมจริง ทางอุทยานฯ ได้แบ่งการจัดแสดง หุ่นขี้ผึ้งออกเป็นห้องๆ แต่ละห้องถูกสร้าง และตกแต่งให้ เหมือนสถานที่ทำงานจริง ของบุคคลท่านต่างๆ ในอดีตอย่างมากที่สุด เท่าที่จะ ทำได้ เช่น บ้านโสมส่องแสง ของอาจารย์มนตรี ตราโมท ห้องทำงานของศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ้งภากรณ์ ในธนาคารแห่งประเทศไทย ในสมัยที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย ยังตั้งอยู่ ณ วังบางขุนพรหม บ้านของลุงโฮ หรือ ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ในหมู่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม ขณะที่เข้ามา พำนักในประเทศไทยในระหว่างการกอบกู้เอกราชเวียดนาม เป็นต้น เริ่มต้นจากบุคคลสำคัญท่านแรก   ศาสตราจารย์ มล.ปิ่น มาลากุล เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2446 สถานที่เกิด ณ บ้านพักถนนอัษฎางค์ กรุงเทพฯ ผลงานที่ได้รับการยกย่อง   ด้านการศีกษา ริเริ่มก่อตั้ง ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา และร.ร.ฝึกหัดครูชั้นสูง แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 16:49:59 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 12:22:02 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฯพณฯ ศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ นักกฎหมาย ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งสูงสุด ทั้งทางฝ่าย ตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2450 สถานที่เกิด ณ บ้านหลวงศักดิ์โยธาบาล จ. ธนบุรี ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย - ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกาก่อนดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2458 สถานที่เกิด ตลาดน้อย กรุงเทพฯ ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นเวลา 12 ปี - ริเริ่มการพิมพ์ธนบัตรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ครูมนตรี ตราโมท เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2443 สถานที่เกิด ต. ท่าเอี้ยง อ . เมือง จ. สุพรรณบุรี ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - เป็นผู้ร่วมฟื้นฟูและก่อตั้ง โรงเรียนศิลปกร หรือนาฏศิลป์ในปัจจุบัน จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครูโต ขำเดช เป็นบรมครูท่านหนึ่งแห่งชุมชนบ้านช่างหล่อ ซึ่งตั้งอยู่ในซอยบ้านช่างหล่อ ถนนพรานนก แขวงบ้านช่าง หล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ตรงข้ามกับวัดวิเศษ ใกล้ สี่แยกศิริราช แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 17:07:27 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณสืบ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 สถานที่เกิด ต. ท่างาม อ. เมือง จ. ปราจีนบุรี ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - เป็นหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเป็นครั้งแรกในเมืองไทย - เขียนรายงานนำเสนอ องค์กรยูเนสโก เพื่อให้ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและป่าห้วยขาแข้งให้เป็นมรดกโลก จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ประธานาธิบดี โฮจิมินห์ (ชื่อเดิม เหงียน ทัด ทันห์) เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1880 สถานที่เกิด หมู่บ้านคิมเลียน อ. นามดาน มณฑลเหงียน ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - ท่านสามารถเรียกร้องเอกราชและเสรีภาพให้กับประชาชนชาว เวียดนาม ได้เป็นผลสำเร็จ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แม่ชีเทเรซ่า ชื่อเดิม Agnes Gonxha Bojaxhiu เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1910 สถานที่เกิด เมือง Skopje ประเทศ Macedonia ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - เริ่มงานดูแลตั้งศูนย์คนโรคเรื้อนที่ประเทศอินเดียจนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประธานาธิบดี เหมาเจ๋อตุง เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1893 สถานที่เกิด มณฑลเสฉวน ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - เป็นประธานาธิบดีที่สามารถรวบรวมประเทศจีนได้เป็นปึกแผ่น จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประธานาธิบดี เติ้งเสี่ยวผิง เกิดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1904 สถานที่เกิด เมืองกว่างอัน ประเทศจีน ผลงานที่ได้รับการยกย่อง - เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และนำพา ประเทศจีนสู่ความทันสมัย จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ดังที่เห็นไปแล้วนะครับ ว่าหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญแต่ละท่านปั้นได้เหมือนจริงเอามากๆ ราวกับว่าหุ่นมีชีวิตจริงๆ .... สำหรับข้อมูลผมคัดลอกมาจากเวบไซต์ของทางอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ท่านใดสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม เข้าไปชมได้ที่ http://www.scppark.com ครับ แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 12:26:00 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จุดที่สองที่จะพาไปเยี่ยมชม คือ ลานพระสามสมัย... สมัยอยุธยา พระพุทธรูปในสมัยนี้ ส่วนใหญ่ ยังได้รับ อิทธิพลมา จากสมัยสุโขทัย แต่มีการ นำเอา ศิลปะ ดังกล่าวมา ประยุกต์ ให้เหมาะสม กับท้องถิ่น ของอยุธยา สันนิษฐานกันว่า ในสมัยอยุธยา บ้านเมืองอยู่ใน ภาวะศึก สงคราม รบราฆ่าฟัน กันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ สกุลช่าง สมัยอยุธยาไม่มีโอกาส ที่จะได้ สร้างสรรค์ ผลงานได้อย่าง เต็มที่ จึงทำให้ พระพุทธรูป แข็งกระด้าง ไม่อ่อนช้อย เหมือนสมัยสุโขทัย และในสมัยนี้ ยังพบ พระพุทธรูป ทรงเครื่อง อีกด้วย     การสร้าง พระพุทธรูป ในสมัยอยุธยา สามารถแบ่งออก เป็น ๒ ช่วง คือพระพุทธ รูป ศิลปะแบบ อู่ทอง (พุทธศตวรรษที่ ๑๘ -๒๐) แบ่งเป็น ๓ รุ่น รุ่นที่ ๑ พระพักตร์เหลี่ยม มีไรพระศก เป็นกรอบ รอบวงพระพักตร์ แบ่งส่วน พระเกศา กับพระนลาฏ เส้นพระเกศา ละเอียด พระหนุค่อนข้างแหลม พระนาสิก ค่อนข้าง แบน พระโอษฐ์แบะ ชายสังฆาฏิยาว ชายขอบ อันตรวาสก(สบง) ด้านบนเป็นสัน ขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ แสดงปางมารวิชัย รุ่นที่ ๒ ลักษณะส่วนใหญ่เหมือนรุ่นแรก ที่ต่างกันคือ มีรัศมีเป็นเปลว พระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยมมากขึ้น พระนาสิกโค้งมากขึ้น พระหนุสี่เหลี่ยม รุ่นที่ ๓ ได้อิทธิพลจากศิลปะสุโขทัยเป็นส่วนใหญ่ พระพักตร์รูปไข่ เกิดจากพระนลาฏแคบ มีไรพระศกกับ พระรัศมีมีแถบกั้นระหว่างพระนลาฏกับพระสก มีรัศมีเป็นเปลว พระวรกายเพรียวบางแบบศิลปะสมัยสุโขทัย พระพุทธรูปสมัยอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๓) พระพุทธรูปในสมัยนี้ ส่วนใหญ่มีพระพักตร์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แบบอู่ทอง บางองค์พระพักตร์เป็นรูปไข่ตามแบบ สุโขทัย มีเกตุมาลาเป็นรัศมีเปลว ชายจีวรใหญ่ และยาวถึง พระนาภี ปลายตัดเส้นตรง ส่วนมากมีพระศก มีการพบพระพุทธรูปทรงเครื่องในสมัยนี้อีกด้วย จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สมัยสุโขทัย อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ นับตั้งแต่ พ่อขุนบางกลางหาว ได้รับสถาปนาเป็นเจ้าเมืองสุโขทัย และประกาศอิสรภาพ ไม่ขึ้นกับขอม มีกษัตริย์ ปกครองกรุงสุโขทัย ต่อเรื่อยมาอีกหลายพระองค์ จนอาณาจักรสุโขทัย เป็นปึก แผ่น ในช่วงเวลานี้ พระมหากษัตริย์ ทรงทำ การทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา เป็นอย่างดี พุทธศาสนาในยุคสมัยนี้ จึงเจริญรุ่งเรือง บรรดาพระสงฆ์ พากันไปศึกษา พุทธศาสนา ในลังกาเป็นอันมาก พระพุทธรูป ในยุคนี้ ได้รับแบบอย่าง มาจากลังกา อีกทั้งบ้านเมือง ในสมัยสุโขทัย ไม่ค่อยมีศึก สงคราม ทำให้ สกุลช่างสุโขทัย สามารถสร้างสรรค์งาน ได้อย่างเต็มที่ พระพุทธรูป สมัยนี้ได้รับ การยกย่องทั่วไป ว่าเป็นยุคที่มี การสร้าง พระพุทธรูป ได้สวยงามมากที่สุด มีลักษณะคือ รัศมียาว เส้นพระศก (ผม)ขมวดก้นหอย พระขนง(คิ้ว)โก่ง พระนาสิก(จมูก)งุ้ม พระหนุ(คาง)เสี้ยม ชายสังฆาฏิยาวปลายมี ๒ แฉก และย่น เป็นเขี้ยวตะขาบ ฐานส่วนใหญ่ เป็นแบบฐานเอียง กลางโค้งเข้า ด้านใน ตรงข้ามกับสมัยเชียงแสน พระพุทธรูป ในสมัยนี้ถือได้ว่าแบ่งออกเป็น ๓ รุ่น ด้วยกัน รุ่นแรก มีวงพระพักตร์กลมแบบลังกา รุ่นที่สอง มีวงพระพักตร์ยาว และ พระหน ุเสี้ยม รุ่นที่สาม น่าจะเริ่มสร้าง ในรัชสมัย พระมหาธรรมราขาหรือพระเจ้าลิไท เกิดพระพุทธรูป แบบสุโขทัยขึ้น แบบหนึ่ง ได้แก่ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ วงพระพักตร์รูปไข่คล้าย แบบอินเดีย ปลายนิ้ว พระหัตถ์ เสมอกันทั้ง ๔ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สมัยเชียงแสน (สมัยล้านนา)     อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๒๒ อยู่ทางตอนเหนือ ของประเทศไทย หรือจังหวัด เชียงราย ในปัจจุบัน ชาวไทย ได้เข้ามา ตั้งรกรากอยู่ ในพื้นที่ บริเวณนี้ มาแต่โบราณ ดังนั้น พระพุทธรูป ในพื้นที่ นี้ จึงได้ชื่อว่า “สมัยเชียงแสน” ซึ่งเป็น ฝีมือ ช่างไทยแรกเริ่ม พระพุทธรูป ในสมัยนี้ จึงถือว่า เป็นการเริ่มต้นของศิลปะ ไทย อย่างแท้ จริง และมีอิทธิพล มาถึง ศิลปะ ในสมัยสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ อีกด้วย พระพุทธรูป แบบเชียงแสน แบ่งได้ เป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ รุ่นสิงห์หนึ่ง สันนิษฐานกันว่า น่าจะได้รับอิทธิพล จากศิลปะ แบบปาละของอินเดีย องค์พระอวบ พระพักตร์สั้น พระขนงโก่ง พระโอษฐ์ เล็ก พระหนุป้าน ชายสังฆาฏิสั้น อยู่เหนือ พระอุระด้านซ้าย ตรงชายทำเป็นแฉก หรือ แบบเขี้ยว ตะขาบ ส่วนมากเป็น พุทธรูปปาง มารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร รุ่นสิงห์สอง ส่วนใหญ่เหมือนรุ่นแรก แต่องค์พระ จะอวบน้อยกว่า และชายสังฆาฏิจะยาวลงมา อยู่เหนือพระนาภี รุ่นสิงห์สาม เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นแรกค่อนข้างมาก เพราะทำตามแบบสุโขทัยเป็นส่วนใหญ่ คือ พระรัศมีเป็นเปลว เส้นพระศกละเอียด มีไรพระศกระหว่างเส้นพระเกศา กับพระนลาฏ ชายสังฆาฏิยาว ถึงพระนาภี ฐานแบบเอียง โค้งออก ส่วนมากเป็นปางมารวิชัยนั่งขัดสมาธิ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จุดต่อไป คือ ถ้ำชาดก... ภายในถ้ำเป็นการแสดงหุ่น ที่เล่าเรื่องราวของ พระเวสสันดร ที่ได้บำเพ็ญเพียรทานบารมี เป็นเรื่องที่มี คติธรรม ที่สอนในเรื่อง ของการให้ ระหว่างพระเวสสันดร ผู้เสียสละโดยเป็นผู้ให้ และชูชกเป็นฝ่ายรับ และไม่รู้จักคำว่าพอ ชูชก มีอาชีพ ขอทานจนร่ำรวย แต่ก็ยังคงออกขอทานต่อไป เพราะไม่รู้จักพอ จึงนำเงินไปฝากไว้ ที่เพื่อน เพราะกลัวเงิน จะสูญ หาย ชูชกออกขอทาน เป็นเวลานานจนเพื่อนคิดว่า เสียชีวิตแล้วจึงนำเงินไปใช้จนหมด จึงต้องยก อมิตดา ให้เป็นภรรยาชูชก เป็นการใช้หนี้ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มิตดาปรนนิบัติชูชกเป็นอย่างดี จนทำให้ชูชกลุ่มหลงและสงสาร จึงเดินทางไป ขอกัณหา และชาลี เพื่อมาเป็น คนรับใช้ และพระเวสสันดรก็ยกบุตรทั้งสองให้ ตามคำขอของชูชก จากสิ่งที่ชูกชก กระทำขั้นต้น อันเนื่องมา จากความ ลุ่มหลง ความเจ้าเล่ห์และความโลภ ในที่สุดชูชกก็ต้องชดใช้ ผลแห่งการกระทำนั้น ด้วยชีวิต จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หลังจากเดินชม ถ้ำชาดก แล้ว พวกเราก็แวะร้านกาแฟครับ เพื่อไปหาน้ำดื่ม และกินไอติมโบราณเล่นๆ ไปเจอเจ้าเครื่องนี้ครับ โอ้โห..นึกถึงสมัยเด็กๆเลย เอาเหรียญหยอด หมุนๆแล้วไข่จะตกลงมา  เปิดดูในไข่จะมีของเล่นครับ  หากใครอายุสัก 30 ปีขึ้นไป คงจะพอเคยเห็นเจ้าเครื่องนี้เหมือนผม... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 และยังมีตู้เย็นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองมาโชว์ด้วย อันนี้เกิดไม่ทันแน่ๆครับ เห็นน้องพนักงานเค้าบอกว่าเป็นตู้เย็นที่ใช้แก๊สครับ ยังงงๆอยู่เลยว่าตู้เย็นใช้แก๊สมีด้วยเหรอเนี่ย... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 12:41:45 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถัดจากถ้ำชาดก เราจะพบกับ ส่วนที่เรียกว่า กุฏิพระสงฑ์ 4 ภาคครับ ในภาพเป็นกุฏิพระสงฑ์ภาคเหนือ เมื่อเข้าไปจะพบกับหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่แหวน และ ครูบาศรีวิชัย ในภาพนี้ คือ หุ่นขี้ผึ้งครูบาศรีวิชัย ซึ่งมีประวัติดังนี้ครับ... ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ครูบาศรีวิชัย ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบุญแห่งล้านนา ไทย เดิมชื่อเฟือน หรืออินท์เฟือน บ้างก็ว่าอ้ายฟ้าร้อง เนื่องจาก ในขณะที่ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑ ที่หมู่บ้านปาง ต.แม่ตื่น อ.ลี้ จ.ลำพูน นั้น ปรากฏว่าเกิด พายุฝน ฟ้าคะนองอย่างหนัก ท่านบรรพชา เป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๘ ปี ที่วัดบ้านปาง ซึ่งเป็นพระ อารามเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน และ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ มีพระครูสุมโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา ว่า “สิริวิชโยภิกขุ” มีนามบัญญัติว่า พระศรีวิชัย เมื่ออุปสมบท แล้วได้ศึกษากรรมฐานและวิชาอาคม กับ ครูบาอุปละ วัดดอยแค อ.แม่ทา จ.ลำพูน (ปัจจุบันอยู่ ใน ต.เหมืองจี้ อ.เมือง จ.ลำพูน) เป็นเวลา ๑ พรรษา ก่อนกลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านปาง เมื่อได้รับ การแต่งตั้ง เป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ย้ายวัดไปยังสถานที่ที่เห็นว่า เหมาะสม คือบริเวณเนินเขาด้านทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของ วัดใน ปัจจุบัน เพราะเป็นที่วิเวก สามารถปฏิบัติธรรมได้ เป็นอย่างดี โดยได้ให้ชื่อใหม่ว่า วัดจอมศรีทรายมูลบุญ เรือง แต่ชาวบ้าน ทั่วไปยังนิยมเรียกวัดบ้านปางตามชื่อ หมู่บ้าน          ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยม เจียมตัว พูดน้อย งดฉัน เนื้อสัตว์ ตั้งแต่อายุ ๒๖ ปี และฉันเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็น ผักต้มใส่เกลือกับพริกไทยเล็กน้อย บางทีก็ไม่ ฉันข้าวเป็นเวลานาน คงฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 และต่อด้วยกุฏิพระสงฆ์ภาคอีสาน... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ด้านในกุฏิพระสงฆ์ภาคอีสานจะพบกับหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เหรียญ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย       แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 12:55:42 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งแห่งนี้ คือ บรรยากาศภายในครับ บรรยากาศภายในร่มรื่นมาก มีต้นไม้มากมาย เดินสบายๆ ไม่ร้อนครับ และที่สำคัญจะมีบทเพลงในอดีตคอยขับกล่อมตลอดภายในอุทยานเลย แถมในส่วนของลำโพงเค้ายังใส่ใจในรายละเอียดดัดแปลงให้เข้ากับบรรยากาศสวนด้วย เช่น ในรูปนี้ลำโพงทำเป็นรูปตอไม้ครับ...แสดงให้เห็นถึงความใสใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างดีเยี่ยมมากๆครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 12:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ไฟสนามก็ดัดแปลงเอาตะเกียงมาทำครับ...เรียกว่าใส่ใจกันทุกรายละเอียดจริงๆ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จุดต่อไปที่จะพาไปเที่ยว คือ บ้านไทยสี่ภาค บ้านไทยสี่ภาค เป็นการ จำลองบ้านไทยตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เด่นชัดจาก ๔ ภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอิสาน และภาคใต้ ภายในบ้านแต่ละหลังจำลองวิถีชีวิตความเป็น อยู่ของคนไทยในแต่ละภาค ที่สอดคล้อง กับสภาพสังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม บ้านไทยภาคเหนือ ลักษณะภูมิอากาศทางภาคเหนือค่อนข้างหนาวเย็น พื้นที่ส่วนใหญ่โอบล้อมไปด้วยหุบเขา ทำให้บ้านเรือนไทยภาคเหนือ ถูกออกแบบ ให้มีลักษณะมิดชิดเพื่อกันลมหนาว ผสมผสานกับ ความเชื่อ และวัฒนธรรมในท้องถิ่นเป็นตัวกำหนด ทำให้เกิดเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรม แบบง่าย ๆ ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นหรือพื้นบ้าน ตามแบบ วัฒนธรรมล้านนา แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 13:04:13 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรือนไทยภาคเหนือมักจะมีตุ่มน้ำไว้ตักทานหน้าบ้านครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รายละเอียดเรือนไทยแต่ละภาคมีค่อนข้างมากครับ  ท่านใดสนใจลองไปเยี่ยมชมดูของจริงดีกว่าครับ เค้าจำลองมาได้สวยงามและน่าเที่ยวเอามากๆ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 และจุดสุดท้ายภายในอุทยานแห่งนี้ คือ ลานพระโพธิสัตว์อวโลกกิเตศวร.. องค์ที่จำลองขึ้นมานี้ เป็นเพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือ กวนซิอิมผ่อสัก เป็นศิลปะแบบกลาง ปลายสมัยราชวงศ์ซ้อง ของจีน เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านั่งมหาราชลีลา ลักษณะเป็นบุรุษเพศ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:08:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สำหรับท่านที่สนใจมาท่องเที่ยวอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม แต่ไปไม่ถูกลองดูแผนที่ครับ ไปไม่ยากเลยใช่ไหมครับ... เวลาจำหน่ายบัตร วันจันทร์-วันศุกร์ : ๐๙.๐๐-๑๖.๓๐ น. วันเสาร์,วันอาทิตย์ : ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น. วันหยุดนัตขฤกษ์ : ๐๘.๓๐-๑๗.๐๐ น. ที่อยู่ 41/1 ม.3 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160 โทรศัพท์ 032381401, 032381404 โทรสาร 032381403 E-mail : info@scppark.com Website: www.scppark.com จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จุดต่อไปที่ผมจะพาไปเที่ยวชม คือ โบสถ์พระแม่บังเกิด โบสถ์คริสต์ที่ว่ากันว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โบสถ์พระแม่บังเกิดเป็นโบสถ์คาธอลิคของศาสนาคริสต์ ที่มีอายุกว่าร้อยปี ที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5 โดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โบสถ์แห่งนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า อาสนวิหารแม่พระบังเกิด ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามจัดเป็นอาสนวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย เนวัดประจำของพระสังฆราชประมุขของสังฆมณ ราชบุรี ( ประกอบด้วย จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี และสมุทรสงคราม ) ในยุโรป เรียกวัดประเภทนี้ว่า Cathedral ภายในอาสนะวิหารแห่งนี้จะมีบัลลังก์พระสังฆราช ซึ่งเป็นเครื่องหมายของอำนาจในการปกครอง ทุกๆ ปี พระสังฆราชประมุขของสังฆมณฑลราชบุรี จะต้องมาประกอบพิธีมิสซา ที่อาสนวิหารแม่พระบังเกิด ในเทศกาลปาสกา อาสนวิหารแม่พระบังเกิดบางนกแขวก เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค คือรูปแบบการก่อสร้างจึงมีโครงสร้างสูง ที่ยอดเป็นหอสูงแหลมอยู่ข้างบน ( ใช้เป็นหอระฆัง ) ทำให้รูปร่างสูงระหงขึ้นสู่ฟ้า เพดาน ซุ้มประตูหน้าต่าง และซุ้มภายในมีส่วนโค้งที่แปลกกว่าส่วนโค้งของศิลปะอื่นใด คือเป็นส่วนโค้งที่มีจุดตัดอยู่บนสุด รูปแบบภายนอกของอาสนวิหารได้สัดส่วนสวยงามมากที่สุดในประเทศไทย ภายในอาสนวิหารมีสิ่งหนึ่งที่เด่นหาดูยากและสวยงามที่สุดในประเทศไทยเช่นกัน นั่นก็คือ กระจกสี ตามช่องซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นภาพรวมกันอยู่ภายในกรอบ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 การเดินทาง         ไปตามเส้นทางสาย สมุทรสงคราม-บางนกแขวก (เส้นทางเดียวกับ ตลาดน้ำยามเย็นที่อัมพวา และอุทยาน ร.2) อาสนวิหารแม่พระบังเกิด อยู่เลยแยกสะพานสมเด็จพระอัมรินทร์ไปประมาณ 100 เมตร แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 13:17:36 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อาสนวิหารแห่งนี้ เป็นวัดที่สร้างมานานกว่าหนึ่งศตวรรษมาแล้ว เป็นศิลปะแบบโกธิค ของประเทศฝรั่งเศส สร้างด้วยอิฐเผา ฉาบด้วยปูนตำกับน้ำเชื่อมจากอ้อยใสสีดำ ภายในประดับด้วยกระจกสี ที่สวยงามจากประเทศฝรั่งเศส เป็นเรื่องเล่าของพระนางมารีพรหมจารีย์จากพระคัมภีร์ และภาพของบรรดานักบุญชายหญิง มีรูปปั้น ธรรมาสน?เทศน์ อ่างล้างบาป ขาเทียนลักาณะต่างๆ และรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติในพระคัมภีร์คริสต์ศาสนา นับเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า โทรศัพท์ 034-761347 แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 17:17:07 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จาก อาสนวิหารแม่พระบังเกิด ขับรถไปตามทางประมาณ 10 กว่า กม.เท่านั้นก็จะถึงตลาดน้ำอัมพวาครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:19:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตลาดน้ำยามเย็น         ตลาดน้ำยามเย็น จะมีทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป         ตลาดน้ำโดยทั่วไปมักจะจัดขึ้นในเวลากลางวัน แต่ตลาดน้ำยามเย็น ที่อัมพวาแห่งนี้ จะจัดขึ้นในช่วงงเวลาเย็นเรื่อยไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นตลาดน้ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่จัดในลักษณะเช่นนี้ ในตอนเย็นชาวบ้านจะเริ่มทยอยพายเรือนำสินค้าหลากหลายนานาชนิด อาทิ อาหาร ผลไม้ พืชผัก ขนม ของกินของใช้ มาขายให้กับนักท่องเที่ยว หรือคนในท้องถิ่นที่สัญจรไปมาที่ตลาดอัมพวา ทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติของชีวิตของชุมชนริมน้ำ ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถที่จะหาซื้ออาหารมานั่งรับประทาน บริเวณริมคลองอัมพวาติดกับตลาดน้ำ ซึ่งได้มีการจัดสถานที่ไว้ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:20:57 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สิ่งที่โดดเด่นของอัมพวา เห็นจะเป็นของกินมากมายครับ...เช่นรูปนี้ ส้มตำทอดกรอบๆ อัมพวา เวลากินก็ราดน้ำยำลงไปในมะละกอทอดกรอบๆ แหมน่ากินชะมัดเลยครับ... แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 17:24:35 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หมูสะเต๊ะก็น่ากินมากครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ส่วนอันนี้ของแปลก..ข้าวแกงทอดครับ เค้าจะเอาข้าวไปคลุกเครื่องแกง แล้วเอาไปทอด ลูกละ 5 บาท อร่อยดีครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 และก็ขนมหวานในหม้อดินเผา 3-4 หม้อ ต่อ 100 บาทครับ น่ากินมากมาย... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วก็ขนมเปี๊ยะที่อัมพวาครับ  ขอบอกว่าอร่อยมากเลย ซื้อมาชิมแล้วติดใจ ไว้คราวหน้าไปซื้อกินใหม่ดีกว่าครับ อิอิ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 51 กินไปเยอะ ก็ต้องหาน้ำอร่อยๆมาดื่มแก้คอแห้งครับ  และหากคุณชอบกาแฟเย็น ชาเย็น ต้องเจ้านี้เลยครับ  สมานการค้า รสชาติกลมกล่อม อร่อยมากครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 และตอนที่เราไปก็เจอฝนครับ...เลยนั่งมองในคลองเจอกับ สาวน้อยอัมพวา... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 53 และเมื่อมีสาวน้อย ก็ต้องมี "หนุ่มน้อยอัมพวา" ครับ...กำลังนั่งสีไวโอลิน ขับกล่อมอัมพวาครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กับตู้ไปรษณีย์แดงหน้าร้านกาญจนาพานิช ใครไปใครมาก้อต้องถ่ายรูปเจ้าตู้ไปรษณีย์แห่งนี้ครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มาอัมพวาก็หลายรอบ ผมพึ่งรู้ว่าที่อัมพวามีพิพิธภัณฑ์ด้วยนะ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ภายในก็เป็นที่รวบรวมของเก่าๆที่มีอยู่ในอัมพวาแห่งนี้ล่ะครับ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เห็นกระป๋องลูกอมแบบนี้แล้วให้คิดถึงครับ สมัยนั้น 3 เม็ดบาทเดียว จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:33:33 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ป้ายโฆษณาที่เป็นปฏิทินในตัวด้วย วันที่ผมไป คือ 31 พฤษภาคมครับ แต่ปฏิทินยังเป็นวันที่ 29 อยู่เลย... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 59 และนี่คือ นกหวีดสังกะสีเคลือบ ครับ เป็นของที่สั่งมาจากต่างประเทศ สมัยนี้คงหาดูได้ยากแล้วครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:35:33 ]

ความคิดเห็นที่ 60 น่าเสียดายที่แบตเตอรี่กล้องผมหมด จริงๆอัมพวายังมีอีกหลายสถานที่ๆน่าสนใจ อยากให้ลองไปเที่ยวกันครับ สำหรับตอนนี้ก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่เข้ามาติดตามนะครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 13:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอปาดดดส์ พิพิธภัณฑ์  สุดยอดมากค่ะ ขอบคุณที่นำรูปมาให้ชม ทำแผนที่ให้ด้วย  ไม่พลาดแน่ค่ะ จากคุณ : la liga fan - [ 1 มิ.ย. 51 13:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 พิพิธภัณฑ์อัมพวา....อยู่ตรงไหน พลาดไปได้ไงเนี่ย...ชอบเดินดูของแบบนี้แหละ จากคุณ : ป้าพาฝัน - [ 1 มิ.ย. 51 14:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 63 พิพิธภัณฑ์อัมพวา....อยู่ตรงไหน อยู่ทางที่จะไปโฮมสเตย์ชื่อดังทั้งหลายนั่นแหละครับ  หากลงสะพานมาซ้ายมือจะเห็นร้านกาแฟกาญจนาพานิช ส่วนขวามือจะเห็นท่าเรือคุณย่าและร้านข้าวแกงคุณย่า  นั่นแหละครับเลี้ยวขวาไปทางท่าเรือคุณย่าและเดินตรงไปเรื่อยๆ (ไกลนิดหน่อยครับ) จะเจอพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ ใกล้ๆกันเป็นร้านชานชาลา เดินทะลุไปได้จะมีร้านรวงที่พึ่งเปิดใหม่อีกหลายแห่ง และมีร้านครูเอื้อ สุนทรสนาน (สุนทราภรณ์) มาเปิดใหม่ด้วยครับ... ภาพนี้ผมก็ถ่ายจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เช่นกัน กล่องยาอมแบบเหล็ก  (ไม่แน่ใจว่าใช่โบตันไหม) สมัยนี้คงไม่เห็นแพคเกจแบบนี้อีกแล้ว... แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 16:46:59 จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 16:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ไหนๆก็มีบางท่านถามถึงพิพิธภัณฑ์อัมพวา ผมมีภาพเหลืออยู่นิดหน่อย เลยขอเอามาลงให้หมดละกันครับ ผงซักฟอกเปาบุ้นจิ้นแบบซอง เดี๋ยวนี้คงไม่เห็นแล้ว เพราะเค้าเปลี่ยนชื่อเป็น เปา เฉยๆแล้ว จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 17:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตาชั่งแบบโบราณ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 17:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เครื่องเล่นวิทยุเทปคาสเซ็ตต์โซนี่ในยุคแรกๆ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 17:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 67 วิทยุธานินทร์ อายุกว่า 30 ปีที่ยังเปิดใช้งานได้จริงๆ จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 17:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ปิดท้ายพิพิธภัณฑ์อัมพวา จริงๆด้วยรูปนี้ครับ... จากคุณ : wut3616 - [ 1 มิ.ย. 51 17:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เค้าอายุไม่ถึง 30 ยังเคยเห็นเครื่องที่หมุนๆ แล้วมีไข่ออกมาเลย :-P จากคุณ : swensen - [ 1 มิ.ย. 51 21:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อยากไปมั่งจังค่ะ แต่ถ้าไม่เอารถส่วนตัวไปค่ะลำบากเหมือนกันช่ายป่ะค่ะ จากคุณ : โมกะทอส (tik_tos) - [ 1 มิ.ย. 51 21:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 71 น่าเที่ยวมากๆ ชอบอัมพวามากค่ะ ของกินอร่อย ไม่ใหญ่มาก เดินได้ทั่วถึง จากคุณ : middleme - [ 1 มิ.ย. 51 21:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อยากไปอีกจัง จากคุณ : DJ BrYaN - [ 2 มิ.ย. 51 04:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ตรงหุ่นขี้ผึ้ง......... ไม่ได้ไปเดินตรงโซนที่เปิดใหม่เหรอครับ...... เห็นว่าเปิดเพิ่มอีก 40 ไร่ครับ ด้านหลัง จากคุณ : naykainui - [ 2 มิ.ย. 51 08:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณสำหรับรูปสวยๆ อธิบายอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามได้ละเอียดมาก แล้วจะตามไปค่ะ จากคุณ : ktu (ktu) - [ 2 มิ.ย. 51 12:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 75 แง้... ไปวันเดียวกันเลย ^^ เจอ nujoom ไหมคะ ? จากคุณ : nujoom - [ 2 มิ.ย. 51 18:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76 แง้... ไปวันเดียวกันเลย ^^ เจอ nujoom ไหมคะ ? ฮ่าฮ่าฮ่า จากคุณ : nujoom ผมไปตอนบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงโดยประมาณครับ อาจจะเจอกันก็ได้ แต่ไม่รู้คนไหนเป็น nujoom เห็นหลายคนพกกล้อง DSLR 1 ในนั้นอาจเป็น nujoom ก็ได้นะครับ ^__^ จากคุณ : wut3616 - [ 2 มิ.ย. 51 22:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 77 แป่ว ! nujoom เข้าตลาดน้ำอัมพวาตอนประมาณบ่าย 3 - บ่าย 3 ครึ่งค่ะ ละก็มะด้ายสะพายกล้องด้วย ^_^ แต่ว่า nujoom เข้าพิพิธภัณฑ์ตอนประมาณเกือบ ๆ บ่ายโมงอ่ะค่ะ สงสัยไม่ได้เจอกันแหง ๆ ป.ล. เจอพิม ซาซ่า ที่อัมพวา ด้วยล่ะ ^^ จากคุณ : nujoom - [ 3 มิ.ย. 51 07:59:23 ]