ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่าอิสตันบูลเป็นเมืองขลัง ไม่ใช่ขลังแบบเล่นของแต่เป็นขรึม ขลังสมกับเป็นเมืองหนึ่งที่เก่าแก่ที่คนเรายังใช้ชีวิตอยู่กับมันได้ แต่ผมก็รู้สึกว่าการนั่งเครื่องบินนานๆนี่มันช่างปวดหลังเสียนี่กระไรถึงจะมีคนอุทิศตักให้เป็นหมอนก็ตามที และตอนที่แท็กซี่สนามบินเลี้ยวเข้าไปที่ถนนเล็กๆหลังสุเหร่าสีฟ้า (Blue mosque) คนที่ไปกับผมเขาก็บีบมือผมแน่น ผมก็เลยหันไปถามเธอว่า "เป็นอะไร" เธอหันมายิ้ม ทั้งๆที่หน้าตายังดูง่วงๆจากการหลับๆตื่นๆบนเครื่องนานสิบชั่วโมงตอบผมว่า "ถนนเป็นพื้นหินค่ะ ชอบจัง" ผมก็ได้แต่ขำในใจ ดูตื่นเต้นกับเรื่องรอบตัวไปหรือเปล่า ผมน่ะรู้ว่าเธอชอบทัวร์ศิลปะวัฒนธรรม แต่ใครจะไปคิดว่าถนนหินเธอก็อินได้ และเมื่อเราสองคนตัดสินใจออกเดินเที่ยวเพราะที่พักอยู่แค่ด้านหลังของสุเหร่าสีฟ้านี่เอง เธอก็หอบกล้องตัวโตเท่าบ้านเป็นที่น่าครั่นคร้ามต่อชาวประชายิ่งนักขึ้นมาถือ ผมก็อึ้งๆไปหน่อยหนึ่งเพราะเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ หวาดเสียวจะคอหักจากน้ำหนักกล้องใช่น้อย และเมื่อเริ่มออกเดินเที่ยวผมก็ได้รู้ว่าเธอพร้อมมากครับ พร้อมแวะได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่แวะกินหรืออะไร แวะถ่ายรูปต่างหาก ซุ้มกุหลาบขาวหอมอ่อนๆที่อยู่หน้าร้านอาหารเธอก็ยังถ่ายเลยดูซิ *********************** *Blue mosque สุเหร่าสีฟ้าจากด้านหลัง แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 09:20:15 จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:55:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 และเมื่อถึงด้านหน้าของสวนหย่อมระหว่างฮาเกียโซเฟียกับสุเหร่าสีฟ้า ผมก็ต้องทำตัวเป็นคนดีนั่งรอเธอถ่ายรูปต่อไปก่อนทั้งๆที่หิวไส้จะขาดเป็นหลายๆท่อน และแล้วเวลาผ่านก็ไปอีกสิบนาที............ ผมหิว ผมหิว ผมหิว เสียงท้องร้องอุธรณ์แบบไม่ปรานีปราศัยจนสุดท้ายผมก็ทนไม่ไหวทั้งๆที่ก็อยากทำตัวเป็นคนดีจึงต้องเอ่ยปากว่า "นี่คุณ ผมหิว ไปหาอะไรกินก่อนได้ไม๊" เธอทำหน้าขอโทษขอโพย บอกว่าลืม! โธ่.... ลืมกินเนี่ยนะ ผมชักจะเห็นแววอดอยากรำไรของทริปนี้เสียแล้ว ********************************* *รูปฮาเกียโซเฟียจากด้านหน้าสวนหย่อม *แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 09:19:26 จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พูดถึงอาหาร อาหารก็มา ว่ากันถึงอาหารตุรกีคั่นเวลาระหว่างกินก่อนดีกว่า... อย่าให้ผมเซดเลย ผมน่ะเป็นพวกกินง่ายนะ เคบับ ดอนเนอร์อะไรนี่ก็ไม่ใช่ไม่โปรด แต่เจอทุกมื้อก็อาจจะไม่ไหว คิดถึงน้ำพริกกะปิบ้านเราได้ คนไปด้วยก็คงไม่ต่างกันหรอกในเรื่องนี้ เคบับหากินได้ตามหัวมุมถนนทั่วๆไป แต่จะหาอร่อยๆจริงๆผมว่ายาก ตอนที่นั่งกินเคบับด้วยกันเธอบอกผมว่าตอนที่เห็นไม้เสียบย่างเคบับครั้งแรกคิดว่าเนื้อก้อนอะไร อยู่ส่วนไหนของตัวสัตว์กันนะมันถึงได้ใหญ่โตมโหราฬปานนั้น กว่าจะรู้ว่าไอ้ที่มันเป็นก้อนใหญ่ๆน่ะเขาเอาเนื้อมาเรียงซ้อนๆกันเป็นชั้นแล้วย่างก็ใช้เวลานานโขอยู่ ฟังแล้วผมก็ขำจนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ นี่เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งนะว่าคนเราไม่ได้รู้เสียทุกเรื่อง ผมเห็นเธอรู้จริงรู้จังเหลือเกินกับว่าสุหร่านี้ใครสร้าง สร้างไปทำอะไร หรือแม้แต่เรื่องเกร็ดนิทานเล็กๆน้อยเกี่ยวกับรูปภาพหรือสถานที่ต่างๆ เอาน่า... มันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ไม่งั้นก็ไม่สนุกซิ ใช่ไหม ******************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แถมเมืองนี้เป็นอิสลามเสียส่วนใหญ่ หมูเขาก็ไม่กินกัน มีแต่เนื้อ ไก่ และอาหารทะเลก็ค่อนข้างแพงเสียด้วย ซึ่งดูเป็นเรื่องน่าแปลกเพราะเมืองอยู่ติดทะเลไม่น่าจะแพงมากนัก ที่ผมรู้เพราะว่าลองไปสั่งดูแล้วก็แพงได้ใจจริงๆ มิน่าเล่า บนสะพานที่ข้ามช่องแคบบอสฟอรัสถึงได้มีประชาชนมาตกปลากันเพียบ เป็นเพราะปลามันแพงนี่เอง ตกเสร็จแล้วก็เอากลับไปกินที่บ้านต่อเลย ******************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราจบมื้ออาหารมื้อแรกลงด้วยการตกลงกันว่าจะไปหาอะไรดูก่อน เราเลือก Basilica Cistern เป็นที่แรกเพราะมันร้อนเหลือเกิน เจ้าโรงเก็บน้ำโรมันโบราณนี้น่าจะเย็นดีก่อนที่จะไปเดินลุยที่อื่นกันต่อ ******************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เด็กกลุ่มใหญ่เข้าไปก่อนเราเป็นแถว วันนี้ต้องเป็นวันสำคัญอะไรสักอย่างแน่ๆเพราะผมเห็นว่ามันไม่ได้มีแถวนักเรียนแบบนี้แค่แถวเดียวเสียที่ไหน เราสองคนซื้อตั๋วค่าผ่านประตูคนละ 10 ลีร่าเพื่อเข้าชม เสียงหัวเราะเงียบลงไปเมื่อผมและเธอก้าวเท้าลงบันไปไปสู่ใต้ดิน ท้องพระโรงแห่งเสานับร้อยต้นที่ค้ำยันเพดานหินโค้งภายใต้แสงสลัวอมส้มแดงของดวงไฟทำให้เราเก็บคำพูดคำจากันโดยไม่ยาก ผมก้มดูใต้พื้นน้ำเรียบสะท้อนแสงไฟจากโคนเสานั้นมีปลาตัวซีดว่ายวนไปวนมาอยู่และมีเหรียญชาติต่างๆนอนอยู่ที่พื้น สงสัยที่ตัวปลาซีดขนาดนี้เพราะแทบไม่เคยเจอแสงเลยละมัง ส่วนเรื่องเหรียญ ผมเข้าใจว่าคนทำกันเป็นเทรดดิชั่นแบบน้ำพุเทรวี่ โยนเหรียญลงไปแล้วจะได้กลับมาอีก ผมจับมือเธอไว้เพราะกลัวว่าเธอจะลื่น พื้นที่นี่มีน้ำหยดลงมาตลอดเวลาจนเปียกไปหมด เธอหันมายิ้มขอบคุณก่อนที่จะปล่อยมือผมแล้วหันไป... แน่นอนครับ ถ่ายรูปอีกเช่นเคย ***************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นางเอกของบาซิลิกา ซิสเทิร์นนี้เป็นหินสลักรูปเมดูซ่าที่ถูกเอามาทำเป็นเสา มีป้ายบอกทางไปและเล่าตำนานของเมดูซ่าไว้หลายตำนานทีเดียว ผมอ่านผ่านๆเพราะไม่ค่อยสนใจแต่ท่าทางเธอจะสนเพราะยืนอ่านอยู่นาน นางเมดูซ่าสองหัวรออยู่ที่สุดด้านหนึ่งของทางเดิน คนเยอะมาก สงสัยมีแต่คนอยากดูผู้หญิงหัวเป็นงู "อย่าดูงูมากนะคะ เดี๋ยวกลายเป็นหิน" เธอแซวผม "งูมีเยอะแล้ว ไม่อยากดูหรอก" ผมตอบกลับพร้อมทั้งทำท่าคลำงูบนหัว (จริงๆผมไม่หัวงูขนาดนั้นหรอก) ************************* จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แต่อีกเสาหนึ่งที่ดูน่าจะมีคนสนใจแต่กลับมีคนใส่ใจน้อยกว่ากลับกลายเป็นเสาที่สลักเป็นรุปหยดน้ำทั้งต้น เธอหยุดที่เสาต้นนี้นานทีเดียวแต่ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะนัก ผมจึงถามเธอว่า "คิดอะไรอยู่" "คิดว่าคนทำนึกไงถึงแกะเสาทั้งต้นเป็นรูปหยดน้ำ เหมือนเสากำลังร้องไห้ยังไงก็ไม่รู้" เธอตอบ ผมเลยทำหน้าตาย บอกเธอว่า "ผมคิดถึงเสาตะเคียนตกน้ำมันบ้านเรามากกว่า" เธอหัวเรากิ๊ก.... แล้วเราก็เคลื่อนที่ต่อไปตามทางเดินมืดๆชื้นๆนั้น ****************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 08:59:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แดดจ้ามากเมื่อเราออกจากโรงเก็บน้ำโรมันจนเราต้องหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวม ที่นี่หน้าร้อนแดดจัดใช่น้อย เราแวะฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sofia) เป็นที่ถัดไป เธอบอกผมว่า "ฮาเกีย โซเฟีย แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า The church of the devine wisdom คุณจำได้ไหมว่านางเอกเรื่อง Da vinci's code ก็ชื่อโซเฟียเหมือนกัน" "จำไม่ได้" ผมตอบหน้าตาเฉย เธอเลยค้อนให้ทีหนึ่งแล้วก็ตัดสินใจว่าไม่พูดอะไรดีกว่า ระหว่างทางเดินเข้าไปในฮาเกียโซเฟียเธอก็เล่าเรื่องการสร้างที่นี่ให้ผมฟังว่าจักรพรรดิ์จัสติเนียนเป็นผู้สร้าง ตอนสร้างเสร็จพระองค์บอกด้วยว่า พระองค์สามารถเอาชนะกษัตริย์โซโลมอนได้แล้ว แต่สุดท้ายผู้ยึดก็เป็นสุลต่านเมเหม็ดผู้พิชิต หลังจากนั้นโบสถ์ก็เลยถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิด มีพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระอัลเลาะห์มาประดับไว้ ในฮาเกียโซเฟียจึงเป็นลักษณะแบบผสมผสาน ************************************ จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 09:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ข้างในฮาเกียโซเฟียเย็นยะเยือกใช้ได้ ช่วงนี้ดูเหมือนเขากำลังซ่อมแซมอยู่และมีนิทรรศการอะไรสักอย่างจัดแสดงอยู่ภายในด้วย ผมคุ้นเคยกับแชนเดอร์เลียร์ลอยสูงอยู่กลางโดมแบบฝรั่งแต่ที่นี่แชนเดอร์เลียร์หรือโคมไฟจะอยู่ระดับสูงกว่าศรีษะคนไม่มากหรือไม่งั้นก็ระดับใกล้เคียงกับศรีษะของคนเราเลยทีเดียว ทำให้ได้แสงที่นุ่มนวลตาเสียเหลือเกิน ยิ่งได้พื้นและผนังหินอ่อนสะท้อนแสงไฟจนออกเป็นสีทองๆจางๆยิ่งสวยเข้าไปใหญ่ คิดว่าถ้าเป็นสมัยก่อนเปลี่ยนหลอดไฟเป็นเทียนนับร้อยน่าจะดูขรึมขลังมลังเมลืองกว่านี้อีก เธอตั้งท่าถ่ายรูปอีกแล้วล่ะครับหลังจากชื่นชมความงามของฮาเกียโซเฟียอยู่นาน ส่วนผมก็เตร่ไป.... ไกด์หนีไปถ่ายรูปแล้วนี่ ******************************** จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 09:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพโมเสคอยู่ที่ชั้นสองเสียส่วนใหญ่ ผมคิดว่าเราขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก็คงจะถึงแล้ว แต่เรื่องมันยากกว่านั้น มันไม่มีบันได...... มันเป็นแค่ทางลาดขึ้นวกๆวนๆหลายต่อหลายรอบเพื่อจะขึ้นไปชั้นบน มันทำให้ผมเหนื่อยแฮกแทบตายแต่เธอกลับทำท่าฟิตเสียจนผมอดขวางไม่ได้ ผมรู้น่าว่าเธอชอบ แต่การเอาคนตัวโตๆที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมาเดินขึ้นที่สูงแบบนี้มันก็ทรมานสังขารใช่น้อยหรือ ผมยอมเดินขึ้นมาก็เพราะเห็นว่าเธออยากหรอกนะนั่น จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 09:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ด้านบนของฮาเกียโซเฟียเป็นหินอ่อนทั้งหมด เรามายืนอยู่ที่หน้าโมเสครูปหนึ่งซึ่งเป็นรูปของพระเยซูตรงกลางมีจักรพรรดิ์อะไรสักองค์อยู่ด้านซ้ายและมีจักรพรรดินีอีกพระองค์อยู่ด้านขวา ผมก็ชักจะสงสัยเพราะปกติไม่ค่อยเห็นผู้หญิงมีอิทธิพลอะไรในงานใหญ่ๆแบบนี้ เธอชี้มือไปที่จักรพรรดินีหญิงหน้าเด็กในโมเสคนั้น แล้วถามผมว่ารู้ไม๊ว่าเธอเป็นใคร ผมจะไปรู้เหรอ เธอก็รู้นะว่าผมไม่รู้แล้วจะถามไปทำไม "พระนางชื่อโซ (Zoe) ตอนที่พระนางขึ้นครองราชย์พระนางอายุ 50 แล้ว" "อืม.... ก็แก่แล้วซิ แต่รูปนี้ยังสวยอยู่เลยนะ" ผมพยักหน้า ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆนี่ "ใช่ๆๆ แต่ที่เด็ดน่ะคือพระนางแต่งงานครั้งแรกตอนขึ้นครองราชย์กับผู้ชายอายุน้อยกว่า แต่งครั้งที่สองกับผู้ชายที่อายุน้อยลงไปอีก" เธออมยิ้ม "นี่อาจจะเป็นเหตุว่าทำไมพระนางถึงดูเด็กอยู่ตลอดก็ได้" เข้าท่าทีเดียวจักรพรรดินีพระองค์นี้ แต่พอผมฟังต่อผมก็หุบยิ้ม ก็เธอเล่นพูดว่า "แสดงว่าเด็กเป็นยาอายุวัฒนะ หามั่งถ้าจะดี จะได้เป็นสาวสวยสองพันปี" อ้า.... อย่างนี้ไม่ค่อยจะดีมั๊ง ปล. จริงๆยังมีโมเสคอีกหลายรูปกว่านี้จ้ะ แค่นี้รีวิวก็ยาวแย่แล้วล่ะ *********************************** To Be continue+++ จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 09:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทำไมรูปไม่ไปอะ....T_T ตอนนี้ไม่สามารถทำรูปได้อะค่ะ เดี๋ยวจะมาโพสรูปอีกทีตอนค่ำๆนะคะ *กรีดน้ำตาจากไป* จากคุณ : agarwaen - [ 7 มิ.ย. 51 09:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาตามชมเอเซีย ที่เป็นยุโรป จากคุณ : เพียงสายลมพัดผ่าน - [ 7 มิ.ย. 51 09:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านเพลินค่ะ จากคุณ : บัวนลิน - [ 7 มิ.ย. 51 11:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านเพลินเลยคะ จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 7 มิ.ย. 51 16:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รีวิวน่ารักจัง จากคุณ : Klimae - [ 7 มิ.ย. 51 19:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตาม ตาม ตาม รูปสวย อ่านสนุก น่ารักมาก จากคุณ : euro_mania - [ 8 มิ.ย. 51 00:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บรรยายเจ๋งสุดๆไปเลยครับ นึกว่าอ่านนวนิยายอยู่ ชอบๆๆ ว่าแต่ปาดน้ไตเสร็จแล้วมาโพสรูปต่อด้วยน่อ จากคุณ : โอ๊ต-ครับ-ผม - [ 8 มิ.ย. 51 02:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ยังรออยู่นะคะ จากคุณ : ติรติรา - [ 8 มิ.ย. 51 16:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาแลกรูปดูกันครับ แวะไปได้ที่ http://yuth1127.hi5.com http://yuth1127.ไม่อนุญาตให้โฆษณา ตุรกียังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผมอยากกลับไปเยือนอีกครั้งครับ จากคุณ : Jump - [ 8 มิ.ย. 51 22:30:05 A:58.8.38.177 X: TicketID:152638 ]

ความคิดเห็นที่ 22 บรรยายได้น่ารักมากเลยค่ะ รอติดตามชมต่อไปด้วยคนค่า จากคุณ : จุดจุดจุด - [ 10 มิ.ย. 51 13:28:26 A:202.242.187.154 X: TicketID:022178 ]