ความคิดเห็นที่ 1 เนื่องจากมีผู้ติดตามกันหลายท่าน และมีปะปนกันหลายวัย ทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ เด็กเล็ก สตรี และคนชรา เพื่อให้การพาทัวร์มิวเซี่ยมครั้งนี้เป็นไปด้วยความสันติ รู้รักสามัคคี เหมือนที่เค้ากำลังรณรงค์กันอยู่ในปัจจุบันนี้ ผมจึงขอพาไปดูไล่ตามลำดับในแผนที่มิวเซี่ยมตามรูปนะครับ มิวเซี่ยมจะแบ่งออก เป็น 5 โซน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแบ่งตามอะไร ยังงงงงอยู่ เดาเอาก็น่าจะว่าตามขนาดและความเข้ากันของอาคารและภูมิทัศน์โดยรอบเป็นหลัก โซนที่ 1 และทางเข้าอยู่ตรงด้านล่างนะครับ มิวเซี่ยมนี้สร้างอยู่บนเนินเขาหลายลูก ริมทะเลสาบอิรุกะ ดังนั้นการเดินย่อมต้องขึ้นๆ ลงๆ เป็นธรรมดา ใครกำลังขาไม่ดี เตรียมน้ำมันสะโต๊ค กับ เซียงเพียวอิ๊วติดกระเป๋ามาด้วยนะ จะหาว่าไม่เตือน... แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 23:40:11 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เริ่มจากอันดับที่ 1 กลับไปดูที่ประตูทางเข้า ที่เราเดินผ่านกันมาเมื่อตอนที่แล้ว นี่คือ Main Gate - “Eighth National High School” แปลเป็นไทยแบบคนจบ รร.วัดห้วยขี้หมูไหล ก็จะประมาณว่า เป็นประตูใหญ่ ของ “โรงเรียนมัธยมปลายลำดับที่ 8” ดีจังเนอะ ไม่ต้องคิดตั้งชื่อโรงแรียนให้ต้องเอามาพ่นติดกำแพงบ้านว่า ใครเป็นพ่อใคร สร้างมา 10 โรงเรียน ก็ตั้งชื่อเรียงกันลำดับที่ 1 – 10 ง่ายๆ เลยซ่ะงั้น โรงเรียนนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดนาโงย่า และตัวประตูสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 ครับ แค่ 99 ปีเอง... แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 20:30:30 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ซื้อตั๋วผ่านเข้ามาให้ไปทางขวาก่อนครับ เดินมาชมอาคารหมายเลข 2 กัน Ohi Butcher Shop – ร้านขายเนื้อโอฮิ เคยตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2430 เป็นอาคารแบบตะวันตกผสมญี่ปุ่นตรง “ประตูร้าน” ครับ เสาเป็นโรมัน แต่กรอบและโครงประตูร้านนี่ญี่ปุ้น...ญี่ปุ่น ข้างในบนชั้น 2 เค้าทำเป็นร้านขายสุกี้ยากี้ให้คนมาชมไปสั่งกินได้จริงครับ ตอนแรกผมนึกว่าแค่ทำโชว์เฉยๆ ซ่ะอีก อ่อ... ร้านขายเนื้อสัตว์ร้านใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นส่วนมากตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนี้ จะทำหลังร้าน หรือ ชั้น 2 เป็นร้านอาหารไปด้วย คือสั่งเนื้อปั๊ป ก็ให้ภรรยาเจ้าของร้านทำให้กินได้เลย... แปลกดีครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แต่ละอาคารจะมีป้ายแสดงรายละเอียด วันก่อสร้าง วันรื้อ วันย้าย ขนาด รูปแบบ และ ชื่อเจ้าของอาคารที่บริจาค (หรือขาย) ให้เจ้าของพิพิธภัณฑ์นี้ครบครับแบบ 3 ภาษา ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีครับ ผู้ก่อตั้งเมจิมูระมิวเซี่ยม มี 2 ท่าน คือ Taniguchi Yoshiro เป็น สถาปนิกปลดเกษียณ ที่บังเอิญไปเห็นการทำลายอาคารเก่าๆ ยุคปีเมจิ ระหว่างนั่งรถไฟสายยามาโนเตะที่โตเกียว เกิดความเสียดายและอาลัย เลยไปชวนเพื่อนซี้สมัยเด็ก Moto Tsuchikawa ซึ่งเป็นอดีตรองประธานของการรถไฟจังหวัดนาโงย่า หรือ Meitetsu ให้มาร่วมขันลงแรงสร้างมิวเซี่ยมนี่ขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 นู่น........ ตอนเปิดมีอยู่ 15 อาคารเอง ตอนนี้ทั้งสองผู้ก่อสร้าง ไปอยู่ดูมิวเซี่ยมบนสวรรค์แล้ว ก็ตอนสร้างทั้งสองคนอายุปาเข้าไป 60 ขวบแล้วอ่ะ ตอนนี้มิวเซี่ยมอยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิเครือรถไฟ Meitetsu ครับ เปิดตั้งแต่ 9.00 - 17.00 น. แต่ในฤดูหนาวช่วง พ.ย. ถึง ก.พ. ปิดแค่ 16.00 น. แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 51 12:22:03 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อิอิ.......  แวะมาปาดดดดด    พร้อมขอเกาะตามไปเที่ยวด้วยค่า....  (^ - ^) จากคุณ : DarHip (Monster_number1) - [ 18 มิ.ย. 51 19:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อาคารหมายเลข 3 - Mie Prefecture Normal School หรือ โรงเรียน(น่าจะ)ประถมประจำจังหวัดมิเอะ (สร้าง พ.ศ. 2431) เหลือรอดจากสงครามมาแค่ประตูกลางกับปีกด้านซ้ายด้านเดียว เค้าบอกว่าเป็นอาคารแบบตะวันตกที่ก่อสร้างด้วยเทคนิคแบบญี่ปุ่น... ?!? ไอ้เราก็ไม่ได้เรียนร่ำเรียนมาทางนี้เสียด้วย ดูไม่ออก แต่ก็ชอบครับ ใครที่ชอบดูสถาปัตกรรมแบบผสมผสาน หรือ คนที่กำลังเรียนสถาปัตฯ หรือ แม้แต่วิศว(กรรม)กรเครื่องแกงอย่างผม มาดูแล้วจะต้องร้องซี๊ด..... กันทุกคน แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 19:48:54 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:36:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณปีศาจสาวหมายเลข 1 ยินดีต้อนรับสู่อารมณ์ดีทัวร์ครับ ทัวร์นี้ไปไม่ฟรีไม่คิดตังค์ แต่ต้องส่งยิ้มหวานหวานให้ไกด์(ผี)คนนี้ก็พอ....อิอิ =========================== ข้างในโรงแรียนเข้าไปชมได้เฉพาะชั้นล่าง เค้าไม่ได้เอามาแต่ตัวอาคารอย่างเดียว แต่ไปขุดหาโต๊ะเรียนเก่าๆ ติดมาด้วย รอบห้องเรียนเค้าติดลำโพงชั้นดีแบบเซอร์ราว เปิดเพลงประสานเสียงปลุกใจรักชาติ ที่นักเรียนญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องร้องทุกเช้าก่อนเริ่มเรียนให้ฟังเป็นแบ็คกราวด์ ลองไปนั่งฟังกลางห้อง (คนเดียว) ให้ได้บรรยากาศว่าเด็กๆ ญี่ปุ่นเค้ารู้สึกยังงัย พอนั่งลงแล้วหลับตาฟังเพลง แม้จะฟังไม่ออก แต่...... ผมขนลุกซู่.....เลยครับ กลัวผีเด็กญี่ปุ่นมาเกาะหลัง.....หง่ะ    - -" จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เย้ๆ ได้ไปเที่ยวต่อแล้ว เอ.. ว่าแต่จะมาปาดแล้วทำกระทู้ไกด์พังอีกป่าวเนี่ย ^^ จากคุณ : แฟนอองรี - [ 18 มิ.ย. 51 19:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หมายเลข 3 - Imperial Guard Headquarters' Annex Imperial Palace น่าจะเป็น อาคารที่ทำการใหญ่ของทหารรักษาพระองค์ในวังอิมพีเรียล ที่โตเกียวครับ สร้างในปีเดียวกับโรงเรียนประถมที่ผมนั่งกลัวผีเด็กเมื่อกี้ เป็นอาคารที่สร้างด้วยไม้แล้วโบกด้วยปูนปั้น ด้านหน้าทำเป็นระเบียง คล้อมด้วยหลังคาทรงโค้ง เหมือนเอาศิลปะสเปนปนแขก(มัว)ยังงัยก็ไม่รุ ปล. บางเรื่องผมก็เดามั่วนะ อย่าเชื่อคนบ้า อย่าว่าคนเมา(บอล)นะ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 19:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอา วันนี้มาแต่หัวค่ำเลยแฮะ ตาหนุ่มฯ อาเพิ่งอิ่มข้าว กำลังนั่งพักให้ข้าวเรียงเม็ดก่อน เดี๋ยวค่อยลุกไปเดินสะพาน สักสิบนาที หรือเกือบกิโลเมตร ออกกำลังกายครับ ออกกำลังกาย ฟิตไว้ เตรียมตัวไปญี่ปุ่นอีกที ปลายปีนี้ เพราะไปฮ่องกง เดินบล็อกเดียวก็แย่แล้ว ไม่ไหว เลยต้องกลับมาฟิตร่างกายสักหน่อย จะได้เดินเที่ยวตามตาหนุ่มได้สบายหน่อย จากคุณ : xebec - [ 18 มิ.ย. 51 20:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้างในอาคารกองบัญชาการทหารรักษาพระองค์หลังนี้ จะจัดเป็นนิทรรศการ แสดงประวัติของนายกรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของสมัยนั้น ทำเป็นรูปการ์ตูนน่ารักคิกคุสวยงามตามแบบญี่ปุ่น การเอาการ์ตูนมาผูกติดกับหน้าผู้ใหญ่และบุคคลสำคัญของคนญี่ปุ่นเค้าไม่ได้ถือว่าเป็นการล้อเล่นครับ เค้ามองว่า มันจะช่วยให้เด็กๆ จดจำได้ง่าย และ ไม่คิดว่าท่านเหล่านี้เป็นผู้ใหญ่ที่ไกลตัว น่าเกรงขามจนไม่อยากรู้จักไม่อยากศึกษา..... ช่างคิดครับ มีอยู่มุมนึง ทำเป็นม็อกอัพให้เด็กๆ เข้าไปถ่ายรูปคู่กับอดีตนายกด้วย น่ารักจัง..... ผมหมายถึงเจ้าหน้าที่สาวที่นั่งเฝ้าอยู่ในอาคารนั้นนะ ไม่ใช่รูปนายก!!! จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 20:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รอป้า ด้วยยยย !!!! จากคุณ : หมูน้อยสีชมพู - [ 18 มิ.ย. 51 20:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สายัณสวัสครับอาหมู และ คุณแฟนอองรี อาหมูครับ ทัวร์วันนี้ผมจะเดินช้าๆ ครับ เพราะมีอะไรสวยๆ ให้ดูเยอะแยะไปหมดเลย คุณแฟนฯ กระทู้พึ่งตั้ง ถ้าพังก็ขึ้นใหม่ครับ เพราะใดใดในโลกล้วนอนิจัง แต่ผมก็ยังชอบดูสาวๆ ใสๆ อยู่ดี...สาธุ เจริญโซดาเถอะโยม ============================= ถัดมาที่น่าตาเหมือนโดมวัดแขกนี้คือ หมายเลข 5 - Sentry Box of Akasaka Palace สร้างเมื่อ พ.ศ 2451 เป็นป้อมทหารรักษาการหน้าวังอาคาซากะ (ไม่ใช่อาซาคุซะนะ! นั่นวัด) ซึ่งในอดีตวังอาคาซากะเป็นที่ประทับของมกุฎราชกุมาร ในองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ แต่ปัจจุบันวังอาคาซากะถูกปรับปรุงให้กลายเป็นเรือนรับรองแขกคนสำคัญระดับผู้นำประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่นไปแล้ว มกุฎราชกุมารองค์ปัจจุบัน เจ้าชายนารุฮิโต้ ทรงประทับอยู่ที่ Togu Palace ครับ ( http://en.wikipedia.org/wiki/T%C5%8Dg%C5%AB_Palace ) ถ้าฝนตกฟ้าร้อง ผมจะไม่ยอมไปอยู่ใกล้ป้อมทหารหลังนี้เป็นอันขาด!!!! เพราะหลังคาที่เป็นโดมเขียวๆ นั่นมันทำจากทองแดงครับ!! แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 20:39:50 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 20:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รูปจำลองวังอาคาซากะ (หรือเรือนรับรองของรัฐบาลในปัจจุบัน) ถ่ายจาก Trip ก่อนนู้นของผม ที่ Tobu World Square เมือง คินุงาว่า (นิกโก้) ครับ จำกันได้บ่? เห็นที่ผมวงสีชมพูไว้ไม๊ครับ นั่นคือตำแหน่งของป้อมหลังคาทองแดงที่เข้ายกมาไว้ที่ Meiji-Mura Museum นี่ 1 หลัง เอ๊ะ! ป้อมเค้ามี 2 หลัง เอามาไว้ที่นี่หลังนึง แล้วที่วัง ทหารอีกคนเค้าใช้อะไรยืนหลบฝนกันละเนี๊ยะ....!?! แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 20:49:31 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 20:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับป้าอ้อ...... วันนี้ผมเดินช้าครับ รอไหวอยู่แล้ว ============================ อันดับต่อไป เป็นอาคารที่ตั้งอยู่บนเนิน ต้องเดินขึ้นเนินตัดป่า(ไม่เดียวกัน) นี้เข้าไปดู จริงๆ เค้ามีถนนคอนกรีตอย่างดีให้เดินวนอ้อมเนินขึ้นไป แต่มนุษย์แหกคอกและชอบ Off Road อย่างผม ชอบ “เข้าป่า” ครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 20:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โผล่พรวดออกจากป่าก็เลยเจอด้านข้างของโบสถ์โบราณแสนสวย ชั้นล่างก่อด้วยอิฐแดงแบบโรมัน ส่วนชั้นบนเป็นปูนปั้นสลับกับไม้เนื้อแข็งออกแนวเยอรมันหน่อยๆ เป็นสถาปัตกรรมแบบ Romanesque ( http://en.wikipedia.org/wiki/Romanesque_architecture ) บวกกับ Gothic (http://en.wikipedia.org/wiki/Gothic_architecture ) แนมด้วยองค์ความรู้แบบญี่ปุ่น เพื่อให้เหมาะกับภูมิอากาศชื้นแฉะอย่างญี่ปุ่น ด้วยการบุเพดานด้วย “ไม้ไผ่” ครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 21:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อมมาดูด้านหน้ากันแบบเต็มๆ นี่คืออาคารหมายเลข 6 - St. John's Church จากเมืองเกียวโต (พ.ศ. 2450) ครับ หลังนี้ในคู่มือเข้าบอกว่าเป็น “สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของเมือง” เชียวนะ แล้วไปขอมาตั้งที่นี่ได้งัยวุ้ยเนี๊ยะ....เก่งจัง แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 21:25:13 จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 21:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พูด คนชรา ได้ไงเนี่ย แค่เป็นสาวน้อยเอ็งงง  มันแทงใจดำกันนะ...อิอิ  ตามมาดู จะได้ไม่ต้องไป เพราะดูแค่ในรูปก็พอแหล่ะ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 21:15:12 จากคุณ : คุณแม่ติดเน็ต - [ 18 มิ.ย. 51 21:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้าไปดูด้านใน เฟอร์นิเจอร์ไม้แทบทุกอย่างเอามาด้วยครบ สังเกตที่เพดานโบสถ์ซิครับ เค้าเอาไม้ไผ่ฝานเป็นแผ่นๆ มาปูบุเพดาน แทนการโบกปูน เพื่อให้ระบายความร้อนและไอชื้น เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านญี่ปุ่น ที่ทำการประยุกต์สถาปัตกรรมตะวันตก ให้ใช้งานได้ดีกับภูมิอากาศแถบนี้ เข้าใจทำอีกล่ะ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 21:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หลังที่ 7 เอามาจากโตเกียว ดูแบบผ่านๆ ล่ะกัน คือ Principal's Official Residence, Peers' School น่าจะเป็นบ้านพักครูใหญ่โรงเรียนขุนนาง สมัยนู่น... สร้างเมื่อ พ.ศ. 2452 หลังนี้ด้านหน้าตกแต่งห้องภายในเป็นตะวันตกไว้ตอนรับแขก ส่วนด้านหลังไว้อยู่เอง แต่งห้องเป็นแบบญี่ปุ่น หลังใหญ่หลายห้องนอนทีเดียวครับ สงสัยครูใหญ่โรงเรียนนี้คงมีแขกมาเยี่ยมมาหามาเมาด้วยกันเยอะ จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 21:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เกาะไปด้วยค่ะ จากคุณ : umeboshi - [ 18 มิ.ย. 51 21:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับคุณแม่ฯ โถ...สาวน้อยแบบคุณแม่ฯ ไม่ใช่คนชราหรอกครับ ผมให้เป็น "ผู้อาวุโส" หรอกครับ อิอิ ============================ หลังที่ 8 กับ บ้านไม้สไตล์วิมานลอยหลังนี้เป็นไฮไลท์สำคัญที่คนญี่ปุ่นเข้าแห่กันเข้าไปดูครับ เค้าจัดอันดับเป็น “สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ” อีกล่ะ ที่นี่คือ Reception Hall of Marquis Tsugumichi Saigo House หรือ เรือนรับรองของบ้าน ท่านมาควิซ ซึงุมิชิ ไซโง ครับ ใครฟ่ะ........???????????? ผมไม่ใช่ญี่ปุ่น แต่ก็เออออห่อปลาดิบ เดินตามเข้าไปดูด้วย มาเปิด Wikipedia ทีหลัง ถึงทราบว่าท่านไซโง เป็น จอมพลเรือคนแรกของกองทัพเรือญี่ปุ่น และ เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีสมัยนั้นที่มีบทบาทอย่างสูงมาก สมัยเมจิญี่ปุ่นเปลี่ยนประเทศเป็นระบบประชาธิปไตยอันมีสมเด็จพระจักรพรรดิเป็นประมุขแล้วครับ (แต่บางคนก็บอกว่าเป็นฟาสซิสนะ) คนที่เป็นทหารจะมีทั้งยศในกองทัพ และมีตำแหน่งในรัฐบาลใหญ่โต เหมือนสมัยจอมพล ป. เลย แหะ แหะ... ผมเกิดไม่ทันหรอกครับ ฟังเค้ามาเล่าเฉยๆ ชอบอ่านประวัติศาสตร์ครับ ส่วนคำว่า Marquis เป็นบรรดาศักดิ์ของข้าราชการญี่ปุ่นสมัยนั้นครับ มี 5 ลำดับขั้นคือ Prince / Marquis / Count / Viscount และต่ำที่สุด ก็คือ Baron (Prince ของญี่ปุ่นสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ก็ได้นะครับ เป็นบรรดาศักดิ์ที่เทียบเท่ากับ Duke เท่านั้น) บรรดาศักดิ์พวกนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับมาตรฐานของชาติตะวันตกครับ ก่อนหน้านี้ในยุค Edo (ยุคสุดท้ายของท่านโชกุน และ ไดเมียว และ The Last Samurai) ญี่ปุ่นยังแบ่งวรรณะอยู่เลยครับ คือ ขุนนาง(โชกุนและไดเมียว) / ซามูไร / ช่างฝีมือ / พ่อค้า และ ชาวนา  ส่วนจักรพรรดิถือเป็นเทพ ไม่ใช่มนุษย์ครับ พึ่งมาล้มระบบในสมัยนี้นี่เอง อ่านแล้วเครียดไม๊ครับ.... พักก่อนนะครับ เด๋วดึกๆ ค่อยมาต่อละกัน จากคุณ : NumAromDee - [ 18 มิ.ย. 51 21:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามไปเที่ยวกะเพิ่มความรู้ด้วยคนค่ะ จากคุณ : แมลงสะพายเป้ - [ 18 มิ.ย. 51 22:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พักกินน้ำกินหนมก่อนคร๊าบบ ทั่นผู้โช๊มม !!!     อันนี้  ให้อาหมูค๊าบบ  เอิ๊ก ๆ จากคุณ : หมูน้อยสีชมพู - [ 18 มิ.ย. 51 23:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ฮาโหล๋....  ฮาโหล.....   มีครายอยู่มะค๊า??? โอ๊ะ.......   คุณไกด์ยังไม่กลับมาเลยนี่นา.....    หรือว่าเรายังมาดึกไม่พอเอ่ย???    (^ - ^) จากคุณ : DarHip (Monster_number1) - [ 18 มิ.ย. 51 23:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หนูหมูน้อยสีชมพู ขอเป็นมาตินีไม่ได้หรือ ไอ้ที่ให้มานั่น มันใส่เชอรี่ มาตินีใส่มะกอกดอง อาจำได้ว่า เคยไปนั่งจิบเหล้ากับสาวหนึ่งอยู่ที่ใต้ถุนอาคารแถวเพลินจิต ฟัง The Impossible เล่นดนตรี อาดื่มมาตินี พอเอามะกอกดองใส่ปากคาบไว้ สาวก็เอนตัวมาขอกัดแบ่งคนละครึ่งลูก แบบเอาปากชนกัน แฮะ แฮะ ไอ้เราก็เซ่อ ไม่รู้ว่า เขาทำอย่างนั้นทำไม ฮ่า ฮ่า จากคุณ : xebec - [ 19 มิ.ย. 51 00:12:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีวันใหม่ครับ โผล่มาเพื่อจะบอกว่าผมจะอู้อีกแล้วครับ แบบว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นมา Clear งานแต่เช้า ช่วงนี้เป็นกรรมกรครับ ทำตั้งแต่สากกระเบือยันเรือดำน้ำ ผมส่งท้ายวันพุธต่อเช้าวันพฤหัสด้วยเตียงนุ่มๆ ของท่านไซโงล่ะกัน เด๋วพรุ่งนี้มาต่อครับ เหลืออีกตั้ง 60 อาคาร !!!!!! ฝันดีราตรีสวัสครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 00:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ติดตามชมเรื่อยๆ นะครับ   จากคุณ : Draught Beer - [ 19 มิ.ย. 51 08:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณหนุ่ม พิพิธภัณฑ์นี้น่าดูมากๆๆๆๆ เห็นแล้วเกิดกิเลสอยากไปญี่ปุ่นอีกหลายๆรอบ เดี๋ยววันนี้ขอลางานล่วงหน้าเลยดีกว่า เอาช่วงสงกรานต์ ซักสองอาทิตย์ เที่ยวให้หายบ้าไปเลย เรื่องท่านไซโงเนี่ย เหมือนเคยอ่านมาจากการ์ตูนเล่มไหนไม่รู้ ตอนนี้ลืมๆ ไปและ เดี๋ยวไปค้นมาอ่านอีกรอบ ไม่แน่ใจว่าเรียวม่าหรือเปล่า ว่าแต่ว่า ตอนนี้ ทุกวันเสาร์สายๆ ช่อง NHK มีหนังน้ำเน่าย้อนยุค เป็นช่วงปลายเอโดะพอดี มีวัยหนุ่มของท่านไซโงอยู่ในหนังด้วย ใคนสนใจไปหาดูได้ ให้ตายดิ เมจิมูระเนี่ย น่าไปดูให้ได้จริงๆ น้า เอาไงดีเนี่ยตรู คราวหน้า จะขึ้นเหนือหรือลงใต้ดี อ๊ากกกกกกกกกกกกก จากคุณ : bangkok dream - [ 19 มิ.ย. 51 11:23:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โห นี่พิพิธภัณฑ์จริงจริงหรอค่ะ ??? สุดยอดไปเลย ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ . . มารอ อาคารที่เหลือด้วยคนค่ะ จากคุณ : dark nebula - [ 19 มิ.ย. 51 12:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ห้องเรียนได้บรรยากาศมากกกกก... จากคุณ : ==STeeL WiRe== - [ 19 มิ.ย. 51 13:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ดูแล้วนึกถึงตึกหลายตึกในเมืองไทยแบบบ้านมนังคศิลา  พระทีนั่งวิมานเมฆ ฯลฯ ^^ จากคุณ : ก่วยก๊วยตาลสด - [ 19 มิ.ย. 51 14:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 33 22 & 27 นึกว่าไปเที่ยว Clover House ที่ Nagasaki จากคุณ : Tsuwamono - [ 19 มิ.ย. 51 17:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาตามเฮียหนุ่มพาเที่ยวด้วยคนค่ะ ข้อมูลเพียบเลย พิพิธภัณฑ์สวยและคลาสสิกจังเลย น่าไปมากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวหนุกๆเยี่ยมๆนะคะ (^v^) จากคุณ : โมกุจัง - [ 19 มิ.ย. 51 19:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีครับทุกท่าน ทั้งหนุ่มเบียร์ เจ๊ดรีม คุณดาร์ดฯ คุณSTeeL WiRe คุณก๊วยฯ พี่สั่น(ไม่ได้ทักทายกันนานเลยนะพี่) และ น้องโม วันนี้ขอไปอย่างรวดเร็ว เพราะเหลือรูปอีกเยอะมาก หลังต่อไปลำดับที่ 9 - House of Ogai Mori and Soseki Natsume บ้านพักของ อ.โอไง โมริ และ อ. โซเซคิ นัทซึมิ 2 นักคิด นักเขียน และนักประพันธ์ชื่อดังของญี่ปุ่น หลังนี้เอามาจากโตเกียว ดูเหมือนจะใหม่ แต่สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2430 กว่า 121 ปีแว๊ว...... เป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณแบบธรรมดาที่สามารถเห็นได้ตามบ้านนอกทั่วไป ขัดกับความยิ่งใหญ่ในผลงานของคนทั้ง 2 มั่กๆ บ้านหลังนี้คนญี่ปุ่นเดินมาดูไม่ขาดสายเหมือนกัน อาจารย์ 2 ท่านนี้ท่าทางจะดังมาก โดยเฉพาะอ.นัทซึมิ ที่แบงค์พันเยนของญี่ปุ่นรุ่นก่อน (รุ่นปี 1984) ยังเอารูปวาดหน้าท่านมาลงด้านหน้าแบงค์อยู่เลย อยากอ่านรายละเอียดประวัติ อ.นัทซึมิ ตามไปดูที่นี่นะ http://en.wikipedia.org/wiki/Soseki_Natsume ส่วนของ อ.โมริ ก็ตามนี้ http://en.wikipedia.org/wiki/Ogai_Mori จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาในบ้านของอาจารย์ทั้งสอง ก็พบว่าเป็นบ้านที่เรียบง่ายมาก อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ มีเท่าที่จำเป็น ที่จะเยอะหน่อยก็เป็นห้องเขียนหนังสือ เพราะมีหนังสือกองอยู่เต็มไปหมด ส่วนห้องอื่นๆ มีการตกแต่งในแบบ “น้อยคือมาก” ตามวิถีเซนเป๊ะ! จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อันนี้มิใช่ส่วนหนึ่งของบ้านอาจารย์นะครับ แต่เป็นห้องน้ำของมิวเซี่ยม ให้ลูกทัวร์แวะเข้าห้องน้ำห้องท่ากันก่อน ต้องเดินอีกไกล ถึงข้างนอกจะดูเก่าแต่ข้างในสะอาดใหม่เอี่ยมหอมฟุ้ง ตามมาตรฐานห้องน้ำญี่ปุ่นเลยครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตรงหน้าบ้าน อ.โมริ / อ.นัทซึมิ มีทางเดินเล็กๆ ที่ผมอยากแนะนำให้ลูกทัวร์ที่มากันเป็นคู่ สละเวลาเดินเข้าไปชมกันซักเล็กน้อย หมายเหตุ: ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงปลายหนาวแล้ว อากาศกำลังดี ไม่หนาวมาก แต่ต้นไม้ยังไม่เขียวเท่าที่ควร ดูแห้งแล้งไปนิด ถ้ามาที่มิวเซี่ยมนี้ตอนเดือนเมษา หรือ ช่วงใบไม้แดง บรรยากาศคงโรมันติคแทบละลายแน่ๆ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จะเจอสวนเล็กๆ พร้อมกับศาลาสีเขียวๆ หลังนี้ ที่เป็นอาคารหลังที่ 10 จากโตเกียว - Entrance Porch, Tokyo School for the Blind (พ.ศ. 2453) หรือ ซุ้มทางเข้าของโรงเรียนสอนคนตาบอดโตเกียว อาคารไม้ทาสีเขียวแกะลวดลายดูแปลกตา ซึ่งถ้านั่งมองตรงนี้ หรือจากสวน ก็จะเห็น...... จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 วิวสวยๆ ของทะเสสาบอิรุกะ ให้นั่งปล่อยอารมณ์ แบบนี้ น่าชวนใครบางคนมานั่งกุมมือแล้วอิงแอบซบกันตอนตะวันตกดินจังเลยเนอะ.... ^ ^ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอสลัดความโรแม้นออกจากหัวก่อน ..... เดินกลับมาผ่านหน้าบ้านอาจารย์ แล้วลงเนิน ก็จะเจอ ลำดับที่ 11 คราวนี้ไม่ใช่อาคารแฮ่ะ แต่เป็น Lamp of Nijubashi, Imperial Palace หรือ ซุ้มไฟเสาสะพานนิจูบาชิ (สะพานแว่นตา) หน้าวังอิมพีเรียล ที่โตเกียวครับ ตอนนี้สะพานคงมีการสร้างซุ้มไฟของใหม่มาติดแทนที่ไปแล้ว เพราะอันนี้สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 2431 นู่น..... เป็นงานศิลปแบบ Neo-baroque ( http://en.wikipedia.org/wiki/Neo-baroque ) เมดอินเยอรมันจ้า... สมัยเมจิ เป็นสมัยที่ญี่ปุ่นติดต่อรับวิทยาการจากเยอรมันเยอะมาก มีทั้งส่งคนไปเรียน และจ้างนักวิทยาศาสตร์ หมอ และทหารจากเยอรมันมาถ่ายทอดความรู้ให้คนญี่ปุ่นเป็นพันๆ คน ตอนผมไปเที่ยวที่ Kusatsu Onsen เค้ายังทำรูปปั้นคุณหมอเยอรมัน 2 ท่าน ไว้เป็นอนุสรณ์ที่ช่วยศึกษาและเผยแพร่บ่อน้ำพุร้อนปีศาจ(สีเขียว)ของเมืองเอาไว้เลย ถึงว่าทำไมสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นถึงอยู่ฝ่ายอักษะ และถึงว่าทำไมญี่ปุ่นถึงได้กลายเป็นเจ้าแห่งวิทยาการและเทคโนโลยีเหมือนกับเยอรมัน เค้าเรียนแบบแต่เรื่องดีๆ มานี่เอง จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 รูปสะพานแว่นตา นิจูบาชิ หน้าทางเข้าวังอิมพีเรียล จาก Trip ก่อนนู้นของผมเองครับ ที่เรียกสะพานแว่นตาเพราะถ้ามองลงไปในเงาสะพานในแม่น้ำบวกกับตัวสะพาน  คนญี่ปุ่นจะจิตนาการเป็นแว่นตาทรงกลมๆ ที่คนญี่ปุ่นสมัยก่อนชอบใส่กัน ใครไปเที่ยววังอิมพีเรียลที่โตเกียว อย่าลืมไปแวะชมนะจ้ะ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถัดมาอีกหน่อย คือ อาคารที่ 11 เป็นโรงเรือนโครงเหล็กบุด้วยไม้สีเทา ตัวอาคารยาว มีประตูบานใหญ่เบ้อเร่อทำด้วยเหล็กทั้งแผ่น ตอนแรกนึกว่าเป็นโรงเก็บของ แต่ที่จริงมันคือ Shimbashi Factory of the Japan Railway Bureau – อาคารโรงงานซ่อมหัวรถจักรไอน้ำของการรถไฟญี่ปุ่นที่เขตชิมบาชิ (พ.ศ. 2432) ว่าจะเดินผ่านไปอยู่แล้ว ข้างในไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจ แต่เห็นมีหนุ่มสาวญี่ปุ่นคู่นึงเดินไปแล้วร้อง สึโก้ย..สึโก้ย มาแต่ไกล ไม่รู้เค้าทำอะไรกัน??? ต้องตามไปพิสูจน์..... แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 51 09:14:53 จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ข้างในจัดแสดงตู้รถไฟพระที่นั่งของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีโชเกน (สร้าง พ.ศ. 2453) ตกแต่งข้างในอย่างหรูสไตล์เยอรมันเลยหล่ะ ขอแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์อีกเล็กน้อย สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ ทหารของสมเด็จพระจักรพรรดิ์บุกเข้ายึดประเทศนเกาหลี และล้มล้างระบบกษัตริย์ไปเรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่นแล้ว แถมยังนำตัวเชื้อพระวงศ์ในราชวงศ์ลี (ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี) ไปคุมตัวไว้ที่ญี่ปุ่นทุกคน แล้วสถาปนาสมเด็จพระจักรพรรดิ์เมจิเป็นจักรพรรดิเกาหลีอีกตำแหน่งหนึ่ง มีอำนาจเป็นประมุขโดยชอบธรรมทุกอย่าง แต่มีการแต่งตั้งจักรพรรดิเกาหลี ซึ่งเป็นแค่จักรพรรดิหุ่นเท่านั้น ประเทศนิดเดียว ไล่ยึดไปได้ตั้งแต่ เกาหลี จีนจนถึงมองโกล สึโก้ย.... แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 51 00:09:15 จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:22:46 ]

ความคิดเห็นที่ 45 กลับมาแล้วเหรอคะ???    งั้นเราขอมาตามติดทริปของคุณหนุ่มฯ ต่อนะคะ ป.ล....  รูปออกแนว Alone in Japan นะคะ.....  (^ - ^) จากคุณ : DarHip (Monster_number1) - [ 19 มิ.ย. 51 20:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ถัดมาด้านหน้าโรงเก็บรถไฟพระที่นั่ง เป็นอาคารสีขาวสวยสง่าในระดับ “Important cultural property” อีกหลังหนึ่ง ลำดับที่ 13 - Mie Prefecture Office (พ.ศ. 2422) หรือจะเรียกว่า ศาลากลางจังหวัดมิเอะ ก็พอได้นะ *** แต่จริงๆ แล้วคำว่า Prefecture ของญี่ปุ่น มันมีอาณาเขตใหญ่กว่าจังหวัดบ้านเราเยอะเลยครับ ถ้าเทียบขนาดและอำนาจการปกครองของ Prefecture แบบญี่ปุ่น ก็น่าจะเท่ากับ “มณฑล” ของบ้านเราสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นู้น..... ขออภัยเกิดไม่ทันสมัยไทยมีมณฑล เลยไม่มีรายละเอียด จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 สวัสดีครับคุณปีศาจสาวหมายเลข 1 ดูเหมือน Alone in Japan แต่วีรกรรมของผมหลายๆ อย่างที่นั่นมันคือ Home Alone with Shin-jung ชัดๆ พูดถึง Alone in Japan 2-3 ปีก่อนผมมีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง "Lost in Transation" (ออกฉายปี 2546) หนังที่เอากระจาดไปรอรับรางวัล ของลูกสาวอภิมหาผู้กำกับ ฟราสซิส คอปโปล่า แล้วชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เป็นหนังที่อยากให้คนเหงาที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นทุกคนได้ดู แต่วันนี้เราไม่ได้มาวิจารณ์หนัง เรามาเที่ยวมิวเซี่ยม ไปต่อดีกว่า ========================== เดินอ้อมหลังศาลากลางเมืองมิเอะ ลงเนินเขามา ก็จะเจอ หลังที่ 14 - Auditorium, Chihaya-Akasaka Primary School (พ.ศ. 2440) มันก็คือ หอประชุมโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งที่อยู่แถวๆ ย่านอาคาซากะนั่นแหละ เหมือนไม่น่าในใจ แต่ผมสนใจครับ เพราะผมชอบบ้านไม้ที่มีขอบกันสาดระเบียงโค้งๆ สวยๆ เป็นลวดลายคลาสสิคแบบนี้ แถวลำปางบ้านผม(โปรโมทซ่ะเลย) จะมีถนนสายเก่าแก่เส้นหนึ่ง อยู่ตรงริมแม่น้ำวังกลางเมือง เป็นถนนอนุรักษ์ ที่มีตึกรามบ้านเรือนเก่าๆ แนวนี้อยู่หลายหลัง พอถึงเสาร์-อาทิตย์ ทางเทศบาลก็จะปิดถนนทั้งสาย ให้เป็นถนนคนเดิน มีพ่อค้าแม้ค้าไปขายของ อาหาร แสดงศิลปะพื้นเมืองกันมากมาย..... ใครผ่านไปลำปางอย่าลืมแวะไปเที่ยวนะจ้ะ คนแถวนั้นเค้าเรียก “กาดกองต้า” (ตลาดริมท่าน้ำ) แล้วช่วยไปอุดหนุนคุณแม่ผมที่ขายขอประดับพื้นเมืองที่นั่นกันหน่อยนะ (โฆษณาแฝงอีกละ....) จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 20:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 48 พาเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ดีๆ แวะกลับบ้านที่ลำปางได้งัยก็ไม่รุ ฮิฮิ.... ข้างในหอประชุมไม่ได้มีโต๊ะประชุม แต่มีกล่องประหลาด ที่มีรูให้ส่องดูเป็นช่วงๆ ด้วยความที่ผมนั้นมีจิตใต้สำนึกที่นิยมถ้ำมองเป็นทุนอยู่แล้ว งานนี้พลาดได้งัยครับ! จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 21:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ข้างในก็จะโชว์ภาพถ่ายเก่าๆ ของญี่ปุ่นยุคโบราณ เข้าทำมาในแนวรูป 3 มิติ แบบที่เราเคยมองจากกล้องของเล่นสมัยก่อน (เลยเล่นกันไม๊ครับ คิดถึงจัง) ผมพยายามแอบถ่ายมาได้เท่านี้ มันไม่เป็นรูป 3 มิติแล้วหง่ะ จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 21:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอตัวไปทำอาบน้ำปะแป้งแต่งชุดนอนก่อนนะครับ เด๋วจะยาวจนต้องซักแห้งอีก ปิดท้ายช่วงนี้ด้วยการขอย้อนกลับไปลำปาง แวะไปหาผู้หญิงที่ผมรักที่สุดในโลกแป๊ปนึง ม่ามี๊ผมเอง ... ขอเอาสีดำคาดตาไว้หน่อยนะ เด๋วจะมีหนุ่มๆ แอบไปจีบ อิอิ จะ 60 แล้วครับแม่ผม แต่ยังแข็งแรงขับรถไปขายของที่ตลาดกองต้าแก้หง่อมแก้เหงาทุกเสาร์อาทิตย์อยู่เลย ถ้าเจอแม่ค้าแต่งตัวแนวๆ ไม่เหมือนใครแบบนี้ที่ลำปาง ช่วยแวะอุดหนุนกันหน่อยนะคร๊าบบบบบบบ ว่าแต่ใครเห็นรูปแล้วรู้จักแก อุบไว้หน่อยนะ แกขี้อาย.... ไปล่ะ เด๋วมา จากคุณ : NumAromDee - [ 19 มิ.ย. 51 21:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาเช็คชื่อตามประสาแฟนพันธุ์แท้อีกคนค่ะ เด๋วมาติดตามต่อออ.. อิอิ :D จากคุณ : k i m m i e z - [ 19 มิ.ย. 51 21:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไปดู รัก สาม เศร้า กลับมา แล้วก็มาเที่ยวญี่ปุ่นต่อ อิอิ จากคุณ : แฟนอองรี - [ 19 มิ.ย. 51 23:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีวันใหม่ครับคุณขิม กะคุณ แฟนฯ ชอบมากันดึกทุกคืนเลยนะ 2 สาว ขอบคุณครับที่ติดตาม ผมก็ชื่นชอบฝีมือการถ่ายรูปของขิมมากเลยนะ เข้าไปดูใน blog มาแล้ว สวยชวนฝัน ลัล ล้า.... ดูทีเล่นทีจริงเหมือนดูการ์ตูนดิสนีย์เลย เป็นหิมะที่ดูหนุงหนิงและสดใสให้อารมณ์คริสต์มาสชมัด นี่งัย เข้าถึงบอกว่า "รูปถ่ายบอกอารมณ์คนถ่าย" ของผมถ่ายออกมาที่ไรถ้าไม่ฮาก็เหงา เอาเข้าไป... รัก สาม เศร้า ... ดูและน้ำตาท่วมโรงไม๊ครับคุณแฟนฯ เล่าให้ฟังมั่งดิ เพื่อจะไปดูสร้างอารมณ์โรแมนติคกะเขาบ้าง แล้วตอนนี้เมื่ออองรีไปพร้อมฝรั่งเศสแล้ว คุณแฟนยังดูบอลยูโรอยู่รึเปล่าครับ... ผมหนีไปอาบน้ำ หาอะไรกิน แล้วก็ดู "เป็นต่อ" มาครับ มองหน้าเจ้านายจนเครียดทั้งวัน หาอะไรขำขำ ฮาฮา บ้าบ้า แก้เครียดดีกว่า ==================================== ตึกต่อไป ลำดับที่ 15 - Physics and Chemistry Theaters, Fourth National High School (พ.ศ. 2433) อาคารเรียนฟิสิกส์กับเคมี โรงเรียนมัธยมปลายลำดับที่ 4 โรงเรียนนี้อยู่ที่คานาซาว่าครับ ตอนเข้ามิวเซี่ยม เจอประตูของโรงเรียนมัธยมลำดับที่ 8 ไปแล้ว คราวนี้เป็นอาคารของโรงเรียนอันดับ 4 กันบ้าง จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 00:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ห้องเรียนข้างในทำเป็นที่นั่งสโลปเหมือนที่นั่งเรียนในมหาวิยาลัย ดูแล้วขลังเป็นบ้า เหมือนห้องเรียนนักเรียนแพทย์เลย มีอ้างล้างมือขนาดใหญ่อยู่หน้าห้องตรงข้างโต๊ะอาจารย์ด้วย ถ้ามีศพอาจารย์ใหญ่นอนอยู่บนโต๊ะหน้าห้องซักคน คงจะได้อารมณ์ “โรงเรียนหลอน...” น่าดู จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 00:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อาคารต่อไปเป็นอาคารสวยงามระดับ “สมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ” อีกแล้ว หลังจากผ่านมา 3 อาคาร เลยสรุปได้ว่า อาคารที่เค้าจะให้เป็น “สมบัติวัฒนะธรรมฯ” ก็คืออาคารขนาดใหญ่ที่มีสภาพสมบูรณ์และสวยงาม มีการผสมผสานของศิลปะและเทคนิคทางสถาปัตยกรรมของชาติตะวันตก และของญี่ปุ่นเข้าด้วยกันอย่างกลมกกลืน เหมือนหลังนี้ ลำดับที่ 16 - Higashi-Yamanashi District Office (พ.ศ. 2428) คือ ที่ว่าการอำเภอฮิงาชิ จังหวัด ยามานาชิ เสาเป็นตะวันตก แต่ทรงหลังคาและหน้าจั่วนี่มันปราสาทญี่ปุ่นชัดชัด! จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 01:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ดูกันใกล้ๆ ให้ชัดๆ จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 01:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ข้างในมีนิทรรศการแสดงประวัติของบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นที่ได้รับเกียรติให้นำใบหน้าไปพิมพ์บนแบงค์ญี่ปุ่น รูปซ้ายมือ ก็คือ รูป อ.นัตซึมิ จาก คห. 35 ที่ผมว่ารูปแกอยู่บนแบงค์ 1,000 เยน รุ่นปี 1984 ครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 01:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 และร้านขายของที่ระลึกที่ผลิตโดยคนในชุมชนอินุยาม่า ส่วนมากจะเป็นผ้าพิมพ์ลาย ถุงผ้า และ กระดาษญี่ปุ่นโบราณหน้าตาคล้ายๆ กระดาษสา แต่เนื้อละเอียดกว่า ขอตัดไว้ก่อนเท่านี้ นอนก่อนล่ะครับ ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้จะมาต่อครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 01:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 59 วันนี้อยู่ซะดึกเลย ไม่บอกไม่รู้เลยว่าคุณหม่ามี๊ของพี่อายุจะ 60 แล้ว ดูสดใส แข็งแรงดีจัง แวะมาดูและสูบข้อมูล ที่ผ่านการย่อยมาอย่างดีแล้ว ก็จะไปนอนเหมือนกันค่ะ ถามหน่อยค่ะ พี่ถ่ายหลบคน หรือคนน้อยคะ บางรูป ดูวังเวงเหมือนกันเนอะ จากคุณ : salamanka - [ 20 มิ.ย. 51 02:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เข้าบลูแพลเนท มา ไม่คาดฝันว่าจะเจอรีวิวของคุณหนุ่มอีก คิดว่านั่งดูบอลอยู่ น่าติดตามได้อีกเช่นเคยครับ  ว่างๆ มาต่อนะครับ เอาให้ครบปีหนึ่งเลยครับ ครบแบบว่า จะกลับไปญี่ปุ่นอีกครั้งน่ะครับ จากคุณ : DEKCGN - [ 20 มิ.ย. 51 04:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 61 รัก สาม เศร้า ก็ดีค่ะ ไม่รู้สึกเสียดาย 120 บาท แต่น้ำตาท่วมจอมั้ย ตอบยากแหะ เพราะว่าเราไม่ร้อง แต่เพื่อนที่ไปด้วยนี่ถึงกับตาบวม ส่วนเรื่องฟุตบอล ถึงฝรั่งเศสจะกลับบ้านไปแล้ว ก็ยังดูค่ะ เพราะว่าสิ่งที่ชอบที่สุดในการดูฟุตบอล คือความตื่นเต้นของเกมส์ เพราะงั้นถึงทีมตกรอบไปแล้วก็ยังดูค่ะ ตอนนี้ก็เชียร์ฮอลแลนด์ เพราะมี ฟานเพอร์ซี แล้วก็สเปนเพราะมี เชส ฟาร์เบรกาส ค่ะ จากคุณ : แฟนอองรี - [ 20 มิ.ย. 51 09:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีก่อนกินข้าวเที่ยงน้องซาร่าห์ , DEKCGN แล้วก็ แฟนอองรี มีทั้ง 3 เหตุผลเลยครับน้องซา ที่รูปดูวังเวง - เป็นวันธรรมดา ที่คนมาน้อย และอีกอย่าง มิวเซี่ยมนี้มีพื้นที่ใหญ่มาก หลายร้อยไร่ ถึงเป็นวันหยุด คนก็จะเดินกันหลวมๆ ไม่แน่นมาก ซึ่งแบบนี้ผมชอบครับ เหมือนเอามิวเซี่ยมมาวางไว้ในสวนสาธารณะสวยๆ ให้เดินเล่นเลย - ผมถ่ายหลบคน เพราะอยากให้เห็นความสวยของบ้านหรืออาคารแบบเต็มๆ ครับ - มันไม่ใช่สวนสนุกครับ เป็นสถานที่ที่ออกวิชาการนิดๆ คนก็เลยมาน้อย แต่ก็เห็นคนที่มาเที่ยวมีทั้งหนุ่มสาว(หลายคู่ด้วย) นักเรียน แม่จูงลูก ย่าจูงหลาน มาเดินกันหลายร้อยคนนะครับ เพราะคนญี่ปุ่นเค้าถือว่าการเดินเที่ยวพวกนี้เป็นการพักผ่อนอยู่แล้ว อากาศก็ดีด้วย เดินสบาย วิวสวย ขอบคุณครับคุณ DEKCGN ที่ติดตาม ผมสงสัยอย่าหนึ่งครับ ชื่อ log-in ของคุณนี่อ่านว่าอะไรครับ จะได้อ่านถูก (ขอความหมายด้วยก็ดีนะ แต่ตอบหลังบ้านก็ได้นะครับ) คุณแฟนฯ ตอนนี้กลายเป็นกองเชียร์อัศวินสีส้ม กับสเปน แบบเฉพาะกิจไปแล้วนะเนี๊ย..... ดีครับ มาช่วยกันเชียร์หน่อย ผมดูฟุตบอลเพราะว่า "Passion" ครับ ไม่ว่าทีมที่เชียร์จะห่วย หรือ แพ้ หรือ จะเป็นยังงัย ผมก็จะเชียร์ต่อไป "You're never walk alone" ครับ ไปกินข้าวก่อนนะครับ เด๋วบ่ายมาต่อ... แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 51 14:02:54 จากคุณ : NumAromDee - [ 20 มิ.ย. 51 12:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 มีตึกแหล่มๆ เยอะมากมายเลยอ่ะครับ ขอบคุณก๊าบบ จากคุณ : เด็กชายสีฟ้าตาดำๆ - [ 20 มิ.ย. 51 17:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คุณหนุ่มครับ ตึกเหล่านี้ เขาย้ายมา หรือสร้างใหม่ แบบเมืองโบราณครับ มาบอกว่า คุณแม่ยังสาวมาก จากคุณ : หมอดาริน - [ 20 มิ.ย. 51 18:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีวันใหม่ครับ ดช.สีฟ้าฯ กับ คุณหมอฯ ขอบคุณที่ติดตามครับ ตึกที่เห็นนี่เป็นตึกจริงๆ ครับ ไม่ได้สร้างใหม่ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ครับ ไม่ใช่เมืองโบราณหรือสวนสนุก เป็น Open Museum ที่ผู้ก่อตั้งเป็นสถาปนิกที่ชอบสถาปัตยกรรมสมัยเมจิ ก็เลยชวนเพื่อซี้ที่เป็นนายทุนใหญ่ รวบรวม และขอบริจาคอาคารเก่าๆ เหล่านี้มารวมกันไว้ที่นี่ บางอาคารก็บูรณะเพิ่มให้สมบูรณ์ บางอาคารก็ยกมาแล้วใช้โชว์ได้เลย ป่านนี้หม่ามี๊ผมตัวลอยไปแล้วครับคุณหมอฯ ============================== มาต่อกันครับ... หลังต่อไปดูไกลๆ นึกว่าศาลาวัด(ฝรั่ง) เป็นบ้านที่มีหน้าต่างทรงโค้งแปลกตามาก แถมยังทำแผงข้างประตูทางเข้าด้านซ้ายไว้แปลกๆ มีหลังคาทรงญี่ปุ่นซ่ะด้วย หลังนี้คุณหมอน่าจะชอบ ลำดับที่ 17 - Dr. Shimizu's Office (พ.ศ. 2440) จากจังหวัดนางาโน่ สงสัยว่าคุณหมอชิมิซึคงไปเรียนที่เยอรมันมานาน แกเลยกลับมาปลูกบ้านทรงญี่ปุ่นปนยุโรป แล้วแปลงหน้าบ้านเป็นคลีนิคซ่ะเลย จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ด้านในมี 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นคลีนิคอยู่ด้านหน้า มีห้องพักนั่งรอของคนไข้เป็นแบบญี่ปุ๊น...ญี่ปุ่น จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ส่วนด้านในก็เป็นห้องรักษาคนไข้ มีอุปกรณ์แพทย์สมัยใหม่ครบชุด แถมมีการสร้างห้องปรุงยาอยู่ด้านหลังด้วย คงเป็นคลีนิคคุณหมอสมัยใหม่แห่งแรกๆ ของจังหวัดแน่ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องนอนของคุณหมอ ดูแล้วได้อารมณ์ประมาณมาเยี่ยมบ้านของ ซุปเปอร์ดอกเตอร์ K ยังไงยังงั้น (จำการ์ตูนเรื่องนี้กันได้เปล่า?) จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถัดจากคลีนิคคุณหมอก็จะเป็นสถาปัตกรรมญี่ปุ่นแท้ๆ ในระดับ “สมบัติที่สำคัญของชาติ” อีกแล้ว ลำดับที่ 18 - Tomatsu House (พ.ศ. 2444) จากจังหวัดนาโงย่า เป็นตึกญี่ปุ่นที่หน้าตาแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ด้านหน้าแคบ มีหน้าต่างที่วางโครงไม้เป็นซี่ๆ ครอบไว้ เลยดูทึบๆ ไปหน่อย มีด้านข้างทอดยาวเหมือนกับตึกแถวคนจีนที่ใช้ทำการค้าแถวเยาวราช ซึ่งจริงๆ แล้วอาคารหลังนี้ก็เป็นบ้านของพ่อค้าครับ ไม่ใช่พ่อค้าธรรมดา แต่เป็นพ่อค้าน้ำมัน ในประวัติไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำมันอะไร แต่สงสัยว่าจะเป็นน้ำมันปลาวาฬ เพราะดูข้าวของเครื่องใช้ในบ้านดูดีมีฐานะระดับเศรษฐีเลย อาคารหลังนี้มีคุณป้าตาหยีหน้าตาใจดีเหลือๆ รับหน้าที่เป็นไกด์อาสาสมัครเดินนำชมแต่ละห้องด้วย แต่บรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ นะ พอผมเดินเข้าไปในบ้าน คุณป้าก็เดินถลามาโค้งตัวต้อนรับผม แล้วต้อนหน้าต้อนหลังพาไปชมทันที เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ ผมเลยฟังคุณป้าแกพูดเล่าไปเรื่อยๆ พร้อมกับพยักหน้าร้องไฮ้...ไฮ้ อย่างเดียว พอจบก็โค้งงามๆ 1 ทีแล้ว อาริงาโตะ.... แล้วเปิดแน่บออกจากบ้านทันที ขืนอยู่นานกลัวแกจะจับได้ว่าผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น แล้วแกจะเสีย self ไปซ่ะก่อน จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ในบ้านโทมาซึค่อนข้างมืดเพราะไม่ค่อยมีหน้าต่าง สงสัยกลัวน้ำมันปลาวาฬจะระเหย (ตรงนี้ผมมั่วนะ อย่าจริงจัง) เลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ถ่ายมาแต่ห้องครัวครับ เลยได้เห็นเตาไฟโบราณของญี่ปุ่นด้วย จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:36:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 หลังที่อยู่ติดกันกับร้านขายน้ำมัน คือ อันดับที่ 19 เป็นโรงหมักเหล้าสาเกจากเกียวโต ชื่อร้าน Nakai (พ.ศ. 2413) ซึ่งพวกโรงหมักสาเกพวกนี้จะมีสัญลักษณ์ที่สังเกตไม่ยาก คือ จะมีการแขวนลูกปฎิภาณ ไว้ด้านหน้าร้าน (เจ๊ดดรีมเป็นคนบอกในกระทู้รีวิวบ้านดำที่ทาคายาม่า นะว่าเป็น “ลูกมอส” ถ้าผิดโทษเจ๊แกเลย 555) โดยตอนเริ่มหมัก ก็จะเอาลูกมอสใหม่ๆ สีเขียวๆ มาแขวนไว้  กาลเวลาผ่านไป ถ้าลูกมอสเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเมื่อไหร่ แสดงว่าสาเกที่หมักไว้รุ่นนั้นได้ที่แล้ว เตรียมเมาได้ ว่างั้นเหอะ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อันนี้เป็นหลักฐานนอนยันกระทู้ของเจ๊ดรีม จากโรงหมักสาเกของจริงที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ ซึ่งผมไปเจอที่ถนนบ้านดำ เมืองทาคายาม่า แต่ตอนนั้น (เดือนมีนา) เข้าใจว่าสาเกยังหมักได้แค่ครึ่งทาง เพราะลูกมอสหน้าร้านยังเขียวอยู่เลย... จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แต่โรงหมักสาเกนาไค ที่มิวเซี่ยมตอนนี้ ไม่ได้ทำการหมักสาเกแล้ว แต่เปิดเป็นร้านขายขนมญี่ปุ่นและชุดน้ำชาครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 73 กำลังลมออกหูอยู่พอดี ขอดูเมนูหน่อยซิ มีอะไรน่ากินบ้าง วันนั้นตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายสองกินไปแค่ข้าวปั้นใส้หมูย่าง นมสด กับซอฟท์ครีมรสซากุระเอง ภาษาญี่ปุ่นทั้งน้าน.... ดีที่มีรูปประกอบ แต่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผม เวลาสั่งก็ใช้ท่าไม้ตาย จิ้มลงไปที่รูปแล้วยก 1 นิ้วให้เธอ เป็นอันรู้กันกับคนขาย(สาวน่าร๊าก....อีกล่ะ) จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ก็ได้ชาเขียว ขนมเปี๊ยะญี่ปุ่น และ มันอะไรซักอย่างฉาบน้ำตาลบางๆ มากิน 1 ชุด ราคา 450 เยน ไอ้เจ้ามันฉาบนี้อร่อยมากครับ รสชาติหวานอ่อนๆ กินเพลิน เข้ากับชาเขียวดี เค้ามีแยกขายต่างหากให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านด้วย ไม่อิ่มหรอกครับ แต่พอรองท้องได้ ยังต้องเดินอีกไกล กลัวจุก เก็บไว้กินรวดเดียวมื้อเย็นไปเลยดีกว่า..... ( จริงๆ แล้วไม่มีตังค์ T.T ) จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ได้น้ำชาอุ่นๆ ค่อยสบายท้องมาหน่อย เดินไปดูอีกอาคารที่ติดกัน ตามโพยบอกว่าเป็น อันดับที่ 20 - Aizu Branch of Yasuda Bank (พ.ศ. 2450) ธนาคารยาสุดะ สาขา เออิซึ เป็นอาคารญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีโบราณซ้อนอยู่ คือตัวอาคารส่วนที่เป็นไม้จะฉาบด้วยสารอะไรบางอย่าง ที่จะทำให้ติดไฟได้ยาก ก็ธนาคารเอาไว้เก็บเงิน มีทั้งเอกสารและแบงค์ ถ้าไหม้ไฟง่ายๆ สงสัยจะขนออกมาไม่ทัน จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ชื่อเป็นธนาคาร แต่ตอนนี้ข้างในเป็นร้านรับถ่ายรูปย้อนยุคครับ ให้คนมาเที่ยวได้แต่งตัวแบบโบราณ แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก อยากถ่ายไว้ซักรูปเหมือนกัน แต่ราคาพอคิดเป็นเงินไทยแล้วชวนขนลุก ก็เลยเดินเข้าไปดูแว่บนึง แล้วขอรีบพาลูกทัวร์ไปอาคารต่อไป จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ลืมรูป!!! จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อาคารที่หน้าตาคล้ายป้อมปราการหลังนี้ เป็น “สมบัติที่สำคัญของชาติ” อีกหลัง คือลำดับที่ 21 - Telephone Exchange, Sapporo (พ.ศ. 2441) อาคารชุมสายโทรศัพท์ที่ซัปโปโร่ เกาะฮอกไกโด ครับ ตอนแรกนึกว่าป้อมทหารซ่ะอีก ที่ฮอกไกโด มีหินพวกนี้อยู่มาก ก็เลยเป็นวัตถุดิบสำคัญในการก่อสร้างอาคารหลายอาคารบนเกาะนี้ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 01:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ข้างในก็จัดแสดงโทรศัพท์สมัยโบราณ และอุปกรณ์ตู้ชุมสายสมัยนั้น ที่ยกมาบูรณะพร้อมกับอาคารของจริง ที่นี่ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 02:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 80 แต่ทำไมพอผมเห็นโทรศัพท์เครื่องนี้แล้วพาลนึกถึงโทรศัพท์ของ ดร.เซมเบ้ ยังงัยก็ไม่รุ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 02:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอไปดูบอลก่อนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยมาต่อ ฝันดีราตรีสวัสครับ จากคุณ : NumAromDee - [ 21 มิ.ย. 51 02:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 82 โอ้ว ขอบคุณครับ ตุรกี กะ โครเอเชีย ยัง เสมออยู่เลยครับ ครึ่งแรก จากคุณ : DEKCGN - [ 21 มิ.ย. 51 02:31:01 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ไม่ได้เข้ามาหลายวัน  คุณหนุ่มพาเที่ยวหลายตึกแล้ว  ไม่รู้ทันหรือเปล่า Soseki Natsume  ตามลิงค์ที่คุณหนุ่มให้มาผมรู้จักแต่เรื่อง  Kokoro เรื่องเดียว  พอดีมันมีอธิบายอยู่ใน  Negima  เล่มที่  14  นะครับ  เป็น เรื่องเกี่ยวกับรักสามเศร้า จากคุณ : chemble - [ 22 มิ.ย. 51 22:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขึ้นตอนใหม่แล้วครับทุกคน ไปต่อกันกระทู้นี้นะ จากคุณ : NumAromDee - [ 24 มิ.ย. 51 20:31:42 ]