ความคิดเห็นที่ 1 เราแลกตั๋วรางวัลกับการบินไทย โดยเดินทางขาไป ไปลงที่ปารีส แต่ขากลับเราจะขึ้นเครื่องกลับจากเอเธนส์ ตั๋วขากลับไม่มีปัญหา แต่ขาไปนี่ซิ แน่ตลอด (ขนาดว่าจองตั้งแต่มกราคม กันเลยเชียว) เจ้าหน้าที่การบินไทยบอกกับเราว่า ตั๋ว BKK - CDG นะ ขายดีมาก ทำให้ตั๋วรางวัลมีจำกัด แถมวันที่เราอยากได้ตั๋วก็เต็ม จัดอยู่นาน กว่าจะได้ มาลงตัวที่ ไฟลท์ TG 930 ของวันที่ 31 may 08 ส่วนขากลับก็ออกจากเอเธนส์วันที่ 16 jun 08 เรารีบชิงออกตั๋วเลยตั้งแต่กุมภาฯ เพราะกลัวว่าเค้าจะตัดที่นั่งเราไปขาย ปรากฎกลับเป็นโชคเพราะเราประหยัดค่าน้ำมันไปได้คนละเกือบ 3000 บาท เราออกเดินทาง จากกรุงเทพฯ เวลา 00.25 น. เที่ยวบินนี้เต็ม คนแน่นเชียว แถมเป็นเครื่องแบบเก่าอีกต่างหาก คุณแอร์และสจ๊อตบนเครื่องบอกว่า เที่ยวปารีสนะ ต้องใช้จัมโบ้เครื่องเก่าเท่านั้น เพราะผู้โดยสารเยอะ ผิดกับเที่ยวที่ไป Frankfurt ซึ่งอาจจะมีการนำเครื่องใหม่มาใช้ เราก็ไม่เป็นไร ไม่มีทีวี เราก็นอนเอาแรงกันดีกว่า การบริการบนเครื่องดีมากทุกอย่างเลย ยกเว้นอาหาร (แหม ก็อย่างที่รู้ ๆ อาหารบนเครื่อง ก็งั้น ๆ แหละ ดีนะว่าเรากินไปเผื่อ ตอนที่อยู่ที่เล้าจ์ของการบินไทย) มื้อแรกเราขอกินแพนงไก่ ส่วนมื้อที่สองซึ่งเป็นมื้อเช้า เราก็กินแพนเค้ก เพราะจากประสบการณ์ เราว่าแพนเค้กนะ อร่อยกว่าออมเล็ตอีก (อันนี้เป็นความชอบส่วนบุคคลนะคะ) ไม่มีทีวี เอารูปท้องฟ้าที่เราถ่ายจากเครื่องบินไปดูแล้วกันค่ะ รูปนี้ถ่ายตอน 1 ชั่วโมงก่อนเครื่องลงจอดที่ CDG, Paris จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 18:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรามาถึง CDG เมื่อเวลา 6.30 น. ของวันที่ 31 may 08 ตามเวลาท้องถิ่น พอลงจากเครื่องเราก็ต้องมาต่อแถวเพื่อผ่าน ตม. หากใครที่เคยไปปารีสจะทราบว่า แต่ก่อนเค้ามีการแยกแถว ประชากรของ EU กับประชากรนอก EU แต่วันที่เราไป ไม่รู้ทำไม เค้ารวมกันหมด แถมมีเจ้าหน้าที่ แค่ 3 คน ในขณะที่มีผู้โดยสารมาถึงพร้อมกันประมาณ 3-4 เที่ยวบินไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นวันเสาร์ หรือเพราะเค้าเปลี่ยนกฎ ผลก็คือผู้คนยืนรอต่อแถวกันล้นหลาม เราเองก็รอประมาณเกือบชั่วโมงเหมือนกันกว่าจะถึงคิว (ขนาดว่าวิ่งมาอย่างเร็ว จาก Gate ที่เครื่องลงแล้วเชียวนา) เจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ถามอะไรเลย ไม่ต้องมีเอกสารอะไรกรอกด้วย พอถึงคิว ยื่น พาสปอร์ตไปให้ เค้าก็ Stamp กลับมา เป็นอันเสร็จพิธี ใช้เวลาไปไม่เกิน 3 นาที เร็วเหลือเชื่อ หลังจากไปรับกระเป๋าแล้ว เราก็มาปรึกษากับแฟน (ต่อจากนี้จะขอเรียกว่า คุณ H) ว่าจะไปไหนกันดี เพราะกว่าจะขึ้นเครื่องไปมาดริดอีกที ก็โน่น ห้าโมงเย็น แต่นี่เพิ่งจะแปดโมงเอง คุณ H ตอนแรกอิดออด ขออยู่สนามบินด้วยความที่แกขึ้เกียจ แถมเกลียดปารีสเป็นการส่วนตัว อาเฮียแกเลยไม่อยากไปเที่ยวไหน แถมมาอำเราว่า เดินทางเข้าปารีสไกล และลำบาก เราเลยยื่นคำขาด เธอไม่ไป ฉันไปคนเดียว สุดท้ายเราก็เลยเข้าเมืองกันด้วยรถบัสของ Air France ซึ่งมีบริการไปจอดตามจุดต่าง ๆ ในเมือง ราคาก็คนละ 14 ยูโร โดยรถบัสนี้จะจอดอยู่ทางด้านนอกตัวอาคารของสนามบิน เวลาที่เราเดินออกมาก็ถามเจ้าหน้าที่ได้เลย หาไม่ยาก แถมจอดรับทุก terminal เลยค่ะ จริง ๆ เราคิดว่า การเดินทางเข้าเมืองปารีสจาก CDG โดยรถบัสสะดวกกว่า (แม้ว่า บางทีรถอาจติดมาก และอาจใช้เวลานานเป็นชั่วโมงกว่าจะถึง) แต่ข้อดีก็คือ ถ้าใครมีสัมภาระก็ไม่ต้องยกขึ้นยกลงให้เมื่อยตุ้ม เหมือนกับการขึ้นรถไฟใต้ดิน แถมเรายังได้ดูวิวข้างทางไปด้วย เวลาผ่านไปแค่ 30 นาที เราก็มาถึง Etoile ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับประตูชัย วันเสาร์เช้าๆ อย่างนี้ แถบจะไม่มีคนเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 12:52:44 แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 51 19:03:39 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 18:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอ เข้าเมืองแล้ว ทำอะไรดีหว่า เช้า ๆ อย่างนี้ ไม่มีอะไรเปิดเลย ถนน Champs Elysee ก็มีแต่คนทำความสะอาดถนน กับพวกที่เพิ่งกลับมาจากดิสโก้ คุณ H พยายามติดต่อเพื่อนที่อยู่ปารีส เผื่อจะไปหาข้าวกลางวันกินกันก็ติดต่อไม่ได้ (คุณ H บอก สงสัยเพื่อน คงเพิ่งกลับจากปาร์ตี้ และนอนเป็นตาย) เราก็ไม่เป็นไร เดินเล่นไปเรื่อย ๆ แล้วกัน ไม่มีจุดหมาย ถ้าเจออะไรน่าสนใจค่อยแวะ จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดินไปเรื่อย ๆ เผื่อเจอ ATM จะได้กดเงิน เพราะเราออกเดินทางจากเมืองไทยด้วยเงินแค่ 30 ยูโร แถมเงินก็จ่ายค่ารถไปแล้ว เดินจนสุดถนน Champs Elysee ก็ไม่มีวี่แววของตู้ ATM หรือ ธนาคารใด ๆ นอกจากร้านค้า จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากกดเงินได้แล้ว คุณ H เสนอว่า มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำแซนด์ เดินเลาะแม่น้ำแซนด์เพื่อไปหอไอเฟลดีกว่า เราเห็นดีตามนั้น เพราะอากาศเย็น ๆ อย่างนี้ แถมลมแรง ยืนเฉย ๆ คงหนาวตาย ออกกำลังยืดเส้นยืดสายคงดี (ก่อนมา เพื่อน ๆ บอกว่า อากาศร้อน ไม่ต้องเอาแจ็กเก็ตมาก็ได้ ที่ไหนได้ อุณหภูมิแค่ 10 องศาเอง เนื่องจากอากาศเปลี่ยน และฝนตกช่วงนั้น ภาวะโลกร้อนเนี่ย ทำให้เราคาดเดา อากาศแทบไม่ได้เลย) จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดินข้ามสะพาน Alexander II เพื่อไปยังอีกฝั่ง จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ระหว่างทาง แวะกินกาแฟ ไล่ความง่วง ตอนกินกาแฟนะไม่เท่าไหร่ ยังหลับ ๆ ตื่น ๆ ตอนจ่ายเงินสิ ตื่นเลย กาแฟอะไรฟะ แค่คาปูชิโนสองแก้ว ราคาตั้ง 11 ยูโร โอ้ย ไม่อยากจะคิดเป็นเงินไทย เดินมาถึงหอไอเฟลแล้ว จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เราเดินดูบรรยากาศรอบ ๆ หอไอเฟล นักท่องเที่ยวเยอะมาก มีรถบัสจอดเต็มไปหมด คุณ H บอกว่า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว จากเยอรมนีและยุโรปตะวันออก เพราะเดี๋ยวนี้ EU มีสมาชิกเพิ่มขึ้น คนในประเทศนั้น ๆ ก็เลยมาเที่ยวปารีสกันมากขึ้น ที่หอไอเฟล ถ้าใครเคยสังเกตและมองขึ้นไปจะเห็นว่า เค้ามีการสลักชื่อคนต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวหอไอเฟล คุณ H ไปสืบมาพบว่า บุคคลเหล่านั้น เป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับฝรั่งเศสในช่วงที่มีการสร้างหอไอเฟล หรือช่วงก่อนหน้านั้น เดินไปเดินมา เวลาปาเข้าไป 11 โมงแล้ว คุณ H เสนอว่า เราคนขึ้นรถไฟ หรือ Metro เพื่อไปยัง Opera House แล้วหาข้าวกลางวันกินแถวนั้น และจากตรงนั้น เราสามารถขึ้น Airport Bus เพื่อกลับไปขึ้นเครื่องได้ บรรยากาศหน้า Opera House จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ H บอกว่า ที่ฝรั่งเศส ถ้าอยากกินของอร่อย ๆ ที่ราคา reasonable ต้องเดินไปถนนเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังของถนนสายหลัก เค้าบอกว่า ร้านอาหารบนถนนหลักส่วนมากแพงและเป็นพวก Modern Style หรือ Junk food... เราก็เดินวนไปมาแถว Opera house 2-3 รอบ เข้าไปในถนนเล็ก ๆ สายหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้านหลังของ Operahouse พอดี บนถนนสายนั้น มีร้านอาหาร Bistro อยู่ประมาณ 4-5 ร้าน เราเลือกมาร้านหนึ่ง ซึ่งมีคนแก่ ๆ อยู่ ประมาณ 4-5 คน ตอนที่เราไปถึง ประมาณ 11.50 น. เค้ายังจัดอาหารกันไม่เสร็จเลย บรรยากาศในร้านน่านั่งทีเดียว หวังว่าอาหารคงน่ากินด้วยนะ จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราเลือกนั่งโต๊ะตรงหน้าร้าน แถวประตูทางเข้า เนื่องจากเราต้องการที่วางกระเป๋า พอเรานั่งและสั่งอาหารเสร็จ คุณป้าก็เอาขนมปังมาเสร็จให้กิน ช่วงรออาหารมาเสิร์ฟ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 12:57:03 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ H สั่ง Pate & Asparagus Salad เพื่อเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนอาหารจานหลัก ก็คือสเต็กนื้อ ราดซอสหอมแดง จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เครื่องดื่มเป็น house wine และ คัสตาร์ดเป็นของหวาน เราสองคนกินจนอิ่มแปล้ เพราะอาหารอร่อยทุกอย่าง ระหว่างที่เรากินอาหาร คุณป้าและคุณลุงก็เข้ามาถามว่า พวกเรามาจากไหนและจะไปไหนกัน (คงเพราะหน้าตาเรา ที่บอกยี่ห้อ ว่า Asian) แต่ทุกคนก็เป็นมิตร และกระตือรือร้นถามคุณ H เกี่ยวกับเมืองไทยซะยกใหญ่ ว่าเหมือนที่ปารีสหรือเปล่า แล้วคนที่เมืองไทย กินอยู่ พูดภาษาอะไร เราก็คุยกับเค้าสนุกสนาน มื้อนี้เราจ่ายไปที่ 50 ยูโร สำหรับสองคน ซึ่งถือว่าไม่แพงเท่าไหร่ สำหรับอาหารในปารีส เราเดินกลับมาขึ้นรถที่หน้า Opera house รถบัสนี้เป็นของ Airport เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ราคาถูกกว่ารถบัสของแอร์ฟรานซ์ คือราคาคนละ 8 ยูโร และรถคันนี้ก็จะจอดส่งผู้โดยสาร ตาม Terminal ต่าง ๆ โดยผู้โดยสารต้องแจ้งกับคนขับรถ ตอนที่จ่ายเงิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที เราก็มาถึง Terminal 2D เพื่อ ต่อเครื่อง ของ Easy Jet ไปยังเมืองกระทิงดุ การบริการของ Easy Jet ในยุโรป ถือว่าไม่ค่อยดี (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับที่ ออสเตรเลีย) ขนาดว่าเรามาก่อนเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง กว่าเราจะเช็คอินได้เข้าไปใน Gate ก็เป็นเวลาบอร์ดดิ้งพอดี ส่วนตัวคิดว่า การเช็คอินขึ้นเครื่องไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ทำให้เที่ยวบินล่าช้า (หลังจากเที่ยวนี้ เราก็ต้องใช้บริการ easy jet อีก ซึ่งช้าเหมือนกัน ก็เลยสรุปเองค่ะ ว่าการทำงานของสายการบินนี้ค่อนข้างช้า) แต่ก็ถือว่าเป็นสายการบิน low fare ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม ตามกำหนดการ เราควรถึงมาดริดตอน 18.30 น. ของวันที่ 31 May แต่เนื่องจากเครื่องดีเลย์ และต้องรอกระเป๋านาน กว่าจะได้ไปขึ้น Metro ก็เกือบสองทุ่มแล้ว เราเดินทางเข้าเมืองด้วย Metro หรือรถไฟใต้ดิน ซึ่งเสียคนละ 2 ยูโร เท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เราก็มาถึง สถานี Grand Via ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่เราจะพักในช่วงที่อยู่มาดริดเป็นเวลา 3 วัน โรงแรมที่เราพักก็คือ Senator Grand Via ซึ่งอยู่ค่อนข้างใจกลางเมืองและสะดวกในการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 51 19:52:18 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ราคาห้องพักที่นี่ก็ประมาณ 150 ยูโร ต่อคืน รวมอาหารเช้าสำหรับสองคน แต่ถ้าพักนาน ๆ ประมาณ 4-5 คืน โรงแรมเค้าก็จะมีราคาพิเศษเหลือแค่ประมาณ 70-80 ยูโร เพื่อน ๆ สามารถจองได้จากอินเตอร์เน็ท ส่วนตัวเราเลือกจองกับ  www.booking.com เพราะไม่ต้องจ่ายเงินก่อน และก็สามารถ Cancel ได้หนึ่งวันก่อนวันเข้าพัก ความพิเศษของโรงแรมนี้ก็คือเค้าไม่ชาร์จค่าเครื่องดื่มในตู้เย็น ซึ่งเค้าจะเตรียมไว้ให้แต่ละห้อง เครื่องดื่มก็คือ mineral water 3-4 ขวด น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เบียร์ 2 กระป๋อง และไวน์ขวดเล็กหนึ่งขวด หากใครต้องการ Mineral Water ก็สามารถขอเพิ่มได้ ไม่เสียเงิน (แต่อย่างอื่น ต้องเสีย) เป็นโรงแรมแรกเลย ที่เราไม่เสียค่า mini bar ในห้อง ประหยัดค่าน้ำไปได้เพียบ มาดูหน้าตาห้องพักกันดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 19:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เกือบทุกห้องจะมีระเบียง ที่สามารถมองเห็นวิวของถนน Grand Via จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วิวจากห้องของเรา จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราปิดท้ายการเดินทางของวันแรก ด้วยการไปกินอาหารที่ร้านอาหารไทยของเพื่อนชาวสเปน ซึ่งตอนแรกเพื่อนบอกกับเราว่าไม่ไกล แต่พอเราเรียกแท็กซี่ พูดคุยเรื่องที่อยู่ ถึงได้รู้ว่า มันห่างจากโรงแรมเราตั้งเกือบ 25 กิโล (นึกในใจว่า ไม่รู้ค่าแท็กซี่จะปาเข้าไปเท่าไหร่เนี่ย ทำไมเพื่อนไม่บอกให้ไป metro ฟะ) แต่สุดท้าย ตัดสินใจ ไปไหนไปกัน ไหน ๆ มาแล้ว ต้องไปเยี่ยมเพื่อนซะหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี แท็กซี่ก็พาเราไป พอถึงร้านอาหารของเพื่อนที่ชื่อ Thai Plaza ก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม (ซึ่งถือว่าเป็นเวลาดินเนอร์ปรกติของคนสเปน) จ่ายค่าแท็กซี่ไป 16 ยูโร (อะ ไม่แพงอย่างที่คิดแหะ ถูกกว่าปารีสตั้งเยอะ) เพื่อนต้อนรับด้วยอาหารไทย อร่อยมาก พร้อมกับไวน์ของสเปนซึ่งรสชาดค่อนข้างเข้ม (ถ้าจะเทียบกับไวน์ของฝรั่งเศส หรือออสเตรเลีย) กิน ดื่ม พูดคุยกันอิ่มหนำ สำราญ เพื่อนก็ขับรถมาส่งที่โรงแรมตอนเกือบตีสองของวันใหม่แล้ว ......... เฮ้อ ! เหนื่อยจัง จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วันที่สอง (1 jun 08) เราตื่นเช้ามา ก็ประเดิมด้วยการไป Breakfast ที่ห้องอาหารโรงแรม อาหารเช้าของคนสเปนก็จะเน้นไปที่แฮมแบบต่าง ๆ ชีส ผลไม้ ขนมปัง ด้วยความที่อยากกินแฮมมาตั้งแต่อยู่เมืองไทย เราก็เลยกินแต่แฮมและนมเท่านั้น (ไม่อยากกินอย่างอื่น เพื่อไปตัดกำลัง และกินเนื้อที่ในท้อง) อาหารเช้าของโรงแรมจัดได้ว่าดีมากทีเดียว ถ้ามีใครมาให้แนะนำก็คงจะแนะนำที่นี่ เพราะโดยรวมแล้วเราประทับใจกับทุกอย่างเลย หลังจากที่เต็มพลังแล้ว คุณ H ชวนเดินชมเมือง ซึ่งเหตุก็เนื่องมาจาก คุณ H เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจจะจำทางซักเท่าไหร่ เฮียแกกลัวว่าจะไป meeting วันจันทร์ไม่ทัน เพราะมัวหลง อย่ากระนั้นเลย ไปศึกษาเส้นทางก่อนดีกว่า เพราะยังไงช่วยกันหา 2 คน ก็ดีกว่า มั่วอยู่คนเดียว แถมเฮียแกก็พูดได้แค่ภาษาอังกฤษ กับฝรั่งเศส แต่คนมาดริดแถบจะไม่พูดภาษาอื่นเลย นอกจากภาษาสเปน คุณ H ก็เลยต้องอาศัยเราเป็นล่ามให้ตลอดเวลา 3 วันที่อยู่ที่นี่ ออฟฟิศของบริษัท Corte Ingles ซึ่งเป็นลูกค้าของคุณ H นั้น ตั้งอยู่ในย่าน Calle de Goya ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งเหมือนกัน เราก็เลยถือโอกาสเดินเล่นด้วย เผื่อได้ซื้ออะไรติดไม้ติดมือ เราเดินทางโดย Metro จาก Grand Via ไปที่ Goya แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 51 20:22:28 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จาก Goya เราก็เดินไปเรื่อย ๆ แต่ร้านรวงต่าง ๆ ไม่ค่อยเปิด ยกเว้นพวกซุปเปอร์มาร์เก็ต เท่านั้น เราก็เลยเซ็ง ๆ เพราะตั้งใจว่าจะมาช้อปซะหน่อย สงสัยจะไม่มีเวลา อากาศก็หนาว (แม้ว่าแดดจะแรง) โดยเฉพาะเวลาลมพัด เดิน ๆ ไป โบสถ์นี้สวยดี จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อุ๊ย ลืมโพสต์รูป จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 พอเรารู้สถานที่ตั้งของบริษัทฯที่คุณ H ต้องมาประชุม เราก็เริ่มสอดส่าย สายตามองหาร้านอาหาร แต่ส่วนใหญ่จะเต็ม เพราะเนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ใคร ๆ เค้าก็ออกมากินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว สุดท้ายเราเลือกเข้าร้าน Silma Cafe Bar ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Corte Ingles Department Supermarket อาหารก็เป็นพวก Tapas ประเภทต่าง ๆ เราสั่งอาหารมา 3 อย่าง พร้อมเบียร์ และโค๊กอย่างละหนึ่ง (จริง ๆ อยากสั่งมากว่านี้ แต่คุณพี่คนเสิร์ฟไม่ยอม บอกว่าเยอะเกิน กินไม่หมดเสียดายของ เอ๊ะ! มีอย่างนี้ด้วยแหะ) จานแรกเเหมือน Paella แต่ไม่ใช่ รสชาดอร่อยม๊ากกกกกกกกก จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จานที่สองเป็น ปลาหมึกชุบแป้งทอด ตอนกินเราก็ว่าเด็ดแล้วนะ แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ เราไปกินปลาหมึกชุบแป้งทอดที่เกาะ Spetsis เราว่ามันอร่อยกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แหม มาถึงเมืองที่คนนิยมการกินแฮมเป็นบ้า เป็นหลัง ขนาดว่าร้านขายแฮมนะใหญ่ ๆ พอ ๆ กับร้านเสื้อดัง ๆ เราก็เลยสั่ง รวมมิตรแฮม มากินซะเลย จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อิ่มหนำ สำราญ กลับมาเซียสต้า (นอนกลางวัน) ที่โรงแรมก่อนออกไปช้อปปิ้งแถว Porta Del Sol ซึ่งสามารถเดินไปได้จากโรงแรม แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 51 14:44:35 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:40:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตึกแถวนี้ เป็นตึกที่ยังคงสถาปัตยกรรมแบบเก่าอยู่ เราเดินไปเรื่อย ๆ ตามถนนหลัก จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไปหลายที่เลย ดีจังค่ะ ตามเที่ยวต่อนะคะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 21 มิ.ย. 51 20:44:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เดินมาเรื่อย ๆ จนถึง Plaza de dos de Mayor ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สำคัญ ในวันที่อากาศดี คนจะมานั่งตามร้านอาหารรอบ ๆ และมีคนมาแสดงเปิดหมวก และมีคนมาขายของแผงลอย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ คุณ H บอกว่าคนพวกนี้ บางคนก็มีเอกสารถูกกฎหมาย สามารถอยู่ในยุโรปได้ แต่หลายคนก็หลบหนีเข้าเมืองมา ตอนที่เราไปถึง Plaza De Dos De Mayor มีตำรวจขับมอร์เตอร์ไซด์ไล่จับคนผิวดำพวกนี้ คนพวกนี้ก็วิ่งหนีกรูกันไปตามซอกตึกเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ ตอนนั้นเรารู้สึกสงสารเค้ามากเลย ที่ชีวิตเค้าต้องเจออะไรแบบนั้น ยิ่งเราเคยไปทำงานที่แอฟริกา และก็รู้จักคนแอฟริกามาบ้าง เราก็ว่าเค้าก็เหมือนคนอื่น ๆ คือมีทั้งคนดี คนชั่ว ปะปนกัน และสาเหตุที่คนผิวดำ ต้องหนีเข้ามายุโรปก็เพราะเค้าไม่สามารถอยู่ในบ้านเมืองของเค้าได้อย่างสงบสุข เท่าที่เราสังเกต คนสเปนแถวนั้นก็ให้การช่วยเหลือคนผิวดำให้รอดจากการจับกุม เราอดที่จะถามคุณ H ถึงสาเหตุการไล่ล่านี้ไม่ได้ ซึ่งคุณ H ก็บอกในมุมมองของเค้าว่า ประเทศ EU เริ่มเข้มงวดและรัฐก็เริ่มจับกุมคนพวกนี้มากขึ้น บ้านเกิดของคุณ H ที่เมือง Bayonne ก็คงเหมือนกัน แต่เราก็เถียงว่าคงไม่เสมอไป เพราะตอนที่เราไปอิตาลีเมื่อเดือนธันวาปีก่อน เราไม่เห็นว่า จะมีตำรวจมาไล่จับคนผิวดำเลย แถมเพื่อนเราคนอิตาลี ยังบอกว่า คนผิวดำอพยพเข้ามาก็ดีกว่า พวกคนตุรกี หรือพวกยุโรปตะวันออก เพราะพวกคนผิวดำเค้าจะขยันทำงาน หาเลี้ยงตัวเอง พยายามปรับตัวและเข้ากับคนพื้นที่ได้ดี ผิดกับ คนยุโรปตะวันออก ซึ่งมัวแต่รอให้รัฐช่วยเหลือ ให้เงิน เลือกงาน ทั้ง ๆที่ ไม่มีความสามารถอะไร (ซึ่งอันนี้เป็นมุมมองของแต่ละคน ซึ่งบางท่านอาจจะเห็นด้วย หรือเห็นแตกต่างกันไป) จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จากจุดนี้ เราเดินออกไปทางตรอกเล็ก ๆ ตรงมุมหนึ่งของ Plaza De Dos De Mayor เพื่อมุ่งหน้าไปหาที่กิน ดื่ม แถว ย่าน Lalita ซึ่งเพื่อนคนสเปนที่ทำงานเมืองไทย บอกว่าเป็นย่าน ฮิบ เหมือนถนนพระอาทิตย์บ้านเรา ที่จะมีร้านและบาร์เล็ก ๆ อยู่รอบ ๆ บริเวณ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 13:06:01 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 20:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ร้านอาหารออกมาตั้งโต๊ะกันกลางถนน จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราเดินไปเรื่อย ๆ ตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ เพื่อหาร้านกินข้าว แต่เดินไปเดินมา ก็เจอแต่ร้านเหล้าหลบตัวอยู่ตามตึกพวกนี้ จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เราสุ่มเลือกเอาร้านนึง ซึ่งเป็นร้านที่เน้นให้ดื่มและเทสต์ไวน์ เราก็สั่งไวน์ต่าง ๆ มาลอง พร้อมกับ สลัดและ Tortilla เป็นกับแกล้ม จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หลังจากกินดื่ม พอหอมปากหอมคอ เราก็เดินกลับที่พักแม้ว่าจะยังหัวค่ำอยู่ คือประมาณสี่ทุ่ม เพราะเราทั้งสองเหนื่อยมาก ยังไม่ได้พักตั้งแต่ออกจากเมืองไทย ขากลับผ่าน Plaza De Dos De Mayor เราก็เลยถ่ายรูปยามค่ำมาฝาก จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอตามติดไปเที่ยวด้วยคนนะคะ จากคุณ : Aorora - [ 21 มิ.ย. 51 21:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วันที่สาม (2 Jun 08) วันนี้ คุณ H ต้องไปประชุม เราก็เลยใช้เวลาว่างไปเดินเล่น รอบ ๆ โรงแรมอีกครั้ง เพราะเมื่อวานยังเดินไม่จุใจ แถมอากาศเมื่อวานก็ไม่ค่อยดีเพราะฝนตกเกือบจะตลอดวัน ผิดกับวันนั้นที่อากาศสดใส เรานัดเจอกับ คุณ H ที่ โรงแรมตอนบ่ายโมงครึ่ง หลังจากที่เราเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมและฝากกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ไว้กับเจ้าหน้าที่รีเซฟชั่น เราก็ประเดิม มิสชั่นแรกด้วยการหาซื้อของฝากให้กับครอบครัวของคุณ H ซึ่งคนยุโรปส่วนมากเค้าจะชอบซื้ออาหารพื้นเมืองฝากกัน เวลาที่ไปต่างเมือง หรือไปต่างประเทศ เราก็เลยตั้งใจว่าจะซื้อ ham cheese และ chorizo ตั้นตำรับไปฝาก ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังร้านที่เราหมายตาไว้ตั้งแต่เมือวาน จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พอเข้าไปในร้านก็ต้องตกตะลึง และละลานตาไปด้วย Ham Chesse Chorizo และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหมู ดูแล้วเลือกไม่ถูก แถมมีแต่คนมุงที่เคาน์เตอร์ เราจะทำยังไงดีหละ มองไปมองมา เจอคุณยายท่าทางใจดี ไม่รอช้า รีบส่งภาษาสเปนที่ยังพอจำได้บ้าง ถามแกไป แกก็ใจดีจัดการกดบัตรคิวให้เราเรียบร้อย ไหนไหนก็ไหนไหน เราก็เลยขอความรู้จากยายไปเลยว่า ซื้ออะไรไปฝากคนที่บ้านดี แกหันกลับมามอง แถมถามว่า คนเอเซียเค้ากิน แฮมกันด้วยเหรอ คนเวียดนามที่มาเป็นคนใช้บ้านแกนะ ไม่ยอมแตะเลย เราก็เลยต้องอธิบายว่า หนูเอาไปฝากพ่อแม่แฟนที่ฝรั่งเศสค่ะ เท่านั้นแหละคุณยายจัดการอธิบาย แถมเลือกชี้ให้เสร็จสรรพ แถมมีการถามเพื่อให้แน่ใจว่าเราจำได้จริง ๆ ว่าต้องซื้อชิ้นไหน แถมคุณยายยังฝากฝังเรากับคุณพี่คนขายให้ช่วยดูแล คุณยาย "นี่พ่อหนุ่ม ช่วยเทคแคร์หนูคนเอเซียด้วยนะ แกจะซื้อของไปฝากคนที่บ้าน อย่าให้มีปัญหานะ" คุณพี่คนขาย "แน่นอนคุณผู้หญิง เพราะน้องสาวนะเค้าเป็นผู้หญิง เราดูแลดีแน่นอน ถ้าเป็นผู้ชายอย่างสองคนเนี่ย (หันไปทางนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี) ก็ไม่แน่ อาจจะไม่ขายให้" Travel Animal " Gracias hermanito" ขอบคุณค่ะพี่ชาย (พร้อมยิ้มหวานแบบสาวไทย) เล่นเอาคนที่มาต่อคิวซื้อของฮากันไปตาม ๆ กัน อะไหน ไหน ก็ไหน โชว์ความหล่อและเท่ห์ของคุณพี่คนขายแฮมซะหน่อย จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หลังจากได้ของฝากเป็น Ham 1 kg., Cheese 1 kg. และ chorizo อีก 3 ขีด เราก็ไปเดินเล่นบนถนน Mayor ในรูปเป็นรถที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว รถนี้จะไปรอบ ๆ เมืองเก่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่ไม่อยากเสียเหงื่อ บนรถมีไกด์บรรยายด้วย จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตามถนนที่มีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่ ซึ่งมีของให้นกท่องเที่ยวเลือกซื้อมากมายหลากหลาย ตั้งแต่ของชิ้นเล็ก ๆ เช่น พวงกุญแจ ไปจนถึงชุดประจำชาติแบบสเปน เราได้ตุ๊กตาระบำสเปนมาฝากแม่ และของฝากเพื่อนอีกสองสามชิ้น ของที่ระลึกนั้น เหมือน ๆ กัน เกือบทุกร้าน แต่ที่ต่างกันก็คือราคา ถ้าเพื่อน ๆ ไปเดินก็ลองเปรียบเทียบราคาดู เพราะบางชิ้นก็ราคาต่างกันเป็น 10 ยูโรเลย แนะนำว่าให้ลองซื้อตามร้านเล็ก ๆ รอบ ๆ Plaza De Dos De Mayor ราคาจะย่อมเยากว่าร้านใหญ่ ๆ จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 บริเวณ Plaza De Dos De Mayor ในวันที่อากาศดี คนก็ออกมานนั่งเล่นกัน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งคนพื้นที่เค้าต้องไปทำงาน จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หลังจากที่เราเดินเล่นจนถึงเวลานัด เราก็มาเจอคุณ H เพื่อที่เราจะได้เดินทางไปสนามบิน จุดหมายของเราก็คือเมือง Toulosse ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของฝรั่งเศส โดยจากเมืองนี้เราคาดว่าจะสามารถหารถไฟเพื่อต่อไปยังเมือง bayonne การเดินทางคราวนี้ก็คือ Easy Jet อีกเช่นเคย ค่าตั๋วประมาณคนละ 35 ยูโร ซึ่งถูกกว่าการนั่งรถไฟมาก เราไปถึงก่อนเวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง แต่เรารอต่อคิวเพื่อเช็คอิน เป็นเวลา 2 ชั่วโมง (อย่างที่บอก Easy Jet ให้บริการช้า ผู้โดยสารทุกคนบ่น แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าเป็นสายบินราคาถูก) เมือง Toulousse เป็นเมืองใหญ่ น่าจะอันดับหกของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เป็นที่ตั้งของบริษัทเครื่องบินที่เรารู้จักกันดีก็คือ Air Bus คุณ H แม้จะเป็นฝรั่งเศส แต่ก็ไม่เคยมาที่ Toulousse เลย ดังนั้นเราเลยต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนี้ ซึ่งมีเขียนไว้ในแมกกาซีนบนเครื่องของ easy Jet จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 21:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เรามาถึงเมือง Toulousse ช้ากว่ากำหนดเดิม 45 นาที เมื่อเราได้รับกระเป๋าแล้ว เราก็เดินออกมาจากอาคารผู้โดยสารเพื่อต่อรถเข้าไปในเมือง ค่ารถคนละ 6.5 ยูโร ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว แต่ยังไม่มืด (ช่วงนี้ที่ฝรั่งเศส พระอาทิตย์ตกตอนประมาณสี่ทุ่ม) เราก็เลยได้เห็นวิวสองข้างทาง ซึ่งสวยมาก มีตึกโบราณที่เค้าเอามาดัดแปลงเป็นร้านค้าสมัยใหม่ เนี่ยถ้าไม่ติดว่าเหนื่อยและอยากไปถึง bayonne เร็ว ๆ เราอาจจะพักที่นี่หนึ่งคืน แต่เราก็เกือบจะต้องค้างที่ Toulousse จริง ๆ เพราะเนื่องจากไม่มีรถไฟไป bayonne แล้ว คุณ H สอบถามก็ทราบว่าไม่มีรถไฟตรงจาก Toulousse ไปที่ bayonne (ซึ่งจริงๆ ถ้าขับรถก็ใช้เวลาแค่ สามชั่วโมงเอง) ถ้าจะนั่งรถไฟต้องไปต่อที่ Bordeaux ซึ่งใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 6 ชั่วโมง เราก็เริ่มหงุดหงิด อะไรฟะ ทำไมไม่เห็นเหมือนเยอรมนีเลย ไปเมื่อไหร่ก็ได้ แถมรถไฟก็มีจนดึกดื่น เที่ยงคืน ไม่เห็นจะเหมือนที่นี่ แถม TGV ก็ไม่สามารถจองทางอินเตอร์เน็ทได้ ซึ่งต่างจากรถไฟของเยอรมันที่ใคร ๆ ก็ซื้อตั๋วทางอินเตอร์เน็ทได้เลย (มิน่า ตอนที่พยายามจองจากเมืองไทย เราถึงจองไม่ได้ ตอนนั้นก็นึกว่าคอมพ์ หรือ link มันมีปัญหา เพิ่งถึงบ้างอ้อ ว่าคุณพี่เค้า Low Tech) คุณ H ได้ข้อมูลมาก็เริ่มหน้าเสีย เพราะอาเฮียแกมั่นใจว่ามีรถไฟชัวร์ (นี่หละน้า บอกให้เช็ค ให้เช็คตอนอยู่เมืองไทย ไม่ยอมทำ) ไม่เป็นไร ไหน ๆ แล้ว ไปเช่ารถขับกลับบ้านดีกว่า พอเดินไปที่เคาน์เตอร์ hertz ซึ่งเป็นออฟฟิศเดียวที่ยังเปิดอยู่ตอนเวลา 20.45 น. เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสก็มองมาพร้อมบอกว่า ปิดแล้ว อะไรฟะ เขียนหน้าออฟฟิศว่าเปิดถึง 21.30 น. ไหงมาปิดซะงั้น เราไม่ยอมไปโวยวาย (ทั้งที่ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่ออกซักคำ) สุดท้ายได้ความว่า ไม่มีรถเหลือแล้ว เจ้าหน้าที่ดั้นมีหน้ามาบอกให้หารถกลับไปแอร์พอร์ตเพื่อจะได้ไปเช่ารถที่นั่น เราก็มองด้วยสายตาพิฆาตกลับไป อะไรฟะ คนเพิ่งมาจากแอร์พอร์ต จะให้วนไปอีกเนี่ยนะ คิดได้ไงเนี่ย มองหน้า คุณ H เอาไงดี คุณ H โทร กลับบ้าน ให้คุณแม่ช่วยเช็ค ก็เลยรู้ว่ามีรถไฟไป Bordeaux เที่ยวสุดท้ายตอน 21.40 น. เราทั้งคู่ไม่รอช้า กลับไปที่ห้องขายตั๋วอีกที แต่เจ้าหน้าไม่ยอมขายให้ และบอกว่าไม่มีรถไฟแล้ว ให้เรารอพรุ่งนี้เช้า แต่คุณ H ก็ดันทุรัง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่บอกว่ามีเที่ยวสุดท้ายอีก 15 นาที แต่พวกยูนะไปขึ้นรถไฟไม่ทันหรอกเลยไม่อยากขายให้ (แนะ คิดเอาเองอีกแล้ว ไม่ถามเราซักคำ ว่าได้ไม่ได้) สุดท้ายเจ้าหน้าที่ยอมขายตั๋วให้ ค่าตั๋วรถไฟคนละ 37 ยูโร เป็นรถไฟชั้นสอง เราไปถึง Bordeaux ก็เกือบตีหนึ่ง น้องสาวของคุณ H ที่ทำงานอยู่ที่นี่มารอรับอยู่แล้ว เราก็เลยมุ่งหน้าไปที่ Bordeaux ทันที เนี่ยเป็นครั้งที่สองของทริปที่เราเดินทางกันข้ามเมือง ข้ามประเทศจนแทบไม่ได้พักเลย จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 22:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 วันที่สี่ (3 Jun 08) เราตื่นกันแต่เช้าเพราะต้องเดินทางต่อไปยัง bayonne ซึ่งครอบครัวของคุณ H รออยู่ เมือง Bordeaux เป็นเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของฝรั่งเศส เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมาตั้งแต่อดีต ธุรกิจเชิดหน้าชูตาที่คนไทยรู้จักดีก็คือ การผลิตไวน์และการส่งออกไวน์ เดี๋ยวนี้ Bordeaux ก็ยังเป็นศูนย์กลางการค้าไวน์ที่สำคัญ เมืองรอบๆ จะปลูกองุ่นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ ตัวน้องสาย คุณ H ก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ทำการตัดต่อสายพันธุ์ และพัตนาพันธุ์พืชอยู่ที่เมืองนี้ นอกจากนี้ในอดีต Bordeaux ก็มีชื่อเสียงในเรื่องการค้าทาสกับเอเซียตะวันออกไกล เป็นแหล่งรวมทาสจากแอฟริกา ก่อนที่จะลงเรือข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังอเมริกา และเอเซีย ในรูปเป็นบริเวณเมืองเก่า ถ่ายจากรถ Tramp แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 12:05:59 จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 22:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หน้าตารถ Tramp ที่คน Bordeaux ใช้ในการเดินทางในเมือง จากคุณ : Travel Animal - [ 21 มิ.ย. 51 22:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : vic_mom (vic_mom) - [ 21 มิ.ย. 51 23:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ติดตามอยู่นะคะ เล่าเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ จากคุณ : เด็กชายหัวตะปู - [ 22 มิ.ย. 51 01:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณสำหรับภาพบรรยากาศค่ะ ว่าแต่..ไม่ได้ช้อปเสื้อร้านดังของสเปนเหรอคะ จากคุณ : cultureclub - [ 22 มิ.ย. 51 09:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ Red-Rose-14 Feb, คุณ Aorora, คุณ Vic_mom, คุณเด็กชายหัวตะปู และคุณ Cultureclub ขอบคุณที่ติดตามมาเที่ยวนะคะ ขอให้สนุกนะคะ ติชมได้นะคะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษ ก็บอกได้ ถ้ามีข้อมูลจะตอบค่ะ ส่วนซื้อเสื้อ ก็เข้าแต่ Zara กับ MNG เองค่ะ เพราะเวลาไม่พอ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 14:35:47 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรามาเที่ยวต่อกันดีกว่า พอดีเมื่อวานเหนื่อยเลยแอบไปงีบก่อน ความเดิมก็คือ เรานั่งรถบัส และ Tramp จากบ้านน้องสาวคุณ H เพื่อไปยังสถานีรถไฟ หรือ Gare de Bordeaux เข้าไปเช็คปรากฎว่ามีรถเที่ยว 10.30 น. ตอนที่นั่ง Tramp มาเราก็ใจตุ้ม ๆ ต้อม ๆ ว่า เอ มันจะมีรถไฟหรือเปล่า แล้วถ้าเราพลาดเที่ยวเช้า เราจะไปได้อีกทีเมื่อไหร่ เพราะจากประสบการณ์เมื่อคืนก่อน ทำให้เรารู้ว่า รถไฟในฝรั่งเศสนะ ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนที่เยอรมนี แต่คุณ H ก็บอกให้สบายใจว่าไม่ต้องเป็นห่วง จาก Bordeaux มีรถไฟเกือบทุกชั่วโมงไป bayonne (แต่ที่ไหนได้มีแค่วันละ 3 เที่ยวเอง ดีนะเนี่ยว่าเรามาทันเที่ยวแรก พอเราไปบอก คุณ H ก็แก้ตัวว่าแกมาอยู่เมืองไทยนานแล้ว ไอ้ตารางมันอาจเปลี่ยนแปลงแล้วแกไม่รู้ หนอยมาหลอกเรา เชอะไม่รู้ซะแล้ว ว่าเจอเซียนนักเดินทาง หลอกยังไม่ได้ง่าย ๆ หรอกเฮีย.... 555) คุณ H ได้ตั๋วชั้นหนึ่งมาที่ราคา 49 ยูโร แกบอกว่า ราคามันต่างกับชั้นสองแค่ 8 ยูโร แกก็เลยซื้อชั้นหนึ่งมาเลย อะไรฟะ แปลงเงินโดยใช่เหตุ แต่ก็ดีจะได้นั่งสบาย ๆ พอได้ตั๋วเราก็ลากกระเป๋า ไปรอรถที่ชานชาลาหมายเลข 5 รถไฟที่ยุโรปเค้าจะจอดตรงที่เดิมทุกครั้ง เพราะฉะนั้นผู้โดยสารไม่ต้องไปเดินหาตู้โดยสารให้เมื่อย ที่ชานชาลาทุกแห่งจะมีแผนผังของรถไฟแต่ละขบวน ซึ่งเราสามารถดูจากแผนผังได้ว่า ตู้หรือขบวนรถของเราจะจอดประมาณช่วงไหน เราก็ไปยืนรอตรงนั้นเลย แล้วเวลารถไฟมาถึง จะได้ขึ้นได้เร็ว ไม่ต้องเสียเวลา เพราะบางครั้ง ในบางสถานีรถไฟก็จอดแค่ 2-3 นาทีเท่านั้น เราเช็คดูจากตั๋วก็รู้ว่าตู้โดยสารของเราจะมาจอดตรงช่อง G ของชานชาลาที่ 5 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ลืมรูปอีกแล้วซิ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 หลังจากเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึง Gare de Bayonne, ซึ่งคุณแม่ของคุณ H มารอรับเราที่สถานีอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งซึ่งเราสังเกตได้ก็คือสถานีนี้เป็นสถานีเล็ก ๆ ซึ่งน่าจะใหญ่แค่ หนึ่งในสิบ เมื่อเทียบกับสถานีรถไฟที่ Bordeaux แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันก็คือ ที่นี่มีร้านขายขนม อาหาร และแซนวิชเยอะมาก เรียกได้ว่านอกจากห้องขายตั๋วแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ในสถานีล้วนขายอาหารทั้งสิ้น คุณ H บอกว่า เรื่องอาหารการกินเนี่ยสำคัญมากสำหรับคุณฝรั่งเศสทางใต้ เค้าถือว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องไฮโซนะเรื่องเล็ก จากสถานี เราขับรถต่อไปอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงบ้านของคุณ H ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 15 กิโล แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 12:36:24 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อาหารมื้อแรก ต้อนรับการมาเยือน basque country เป็นสเต๊กกับสลัดผักร็อคเก็ต และสตอเบอร์รี่พร้อมวิปคริม จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หลังจากมาบ้านไม่ทำอะไร นอนเล่นดีกว่า เพราะเหนื่อยจากการเดินทางไปมาหลายเมืองแล้ว ส่วนตอนเย็นลุงป้า น้าอา และคุณยายของคุณ H ก็มาทานอาหารด้วย ซึ่งคุณแม่ทำเป็ดอบแอ๊ปเปิ้ลเป็นอาหารรับรองแขกวันนี้ คนฝรั่งเศสเนี่ยมีชื่อเสียงในการเลี้ยงเป็ดมาก เพราะเป็ดที่นี่จะเนื้อนุ่ม หวานและไม่มีกลิ่นเหม็นคาว ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบการกินเป็ดเลย ยกเว้นเป็ดย่างเอ็มเค แต่พอมากินเป็ดอบที่นี่ ก็ต้องยอมรับว่า อร่อยมากๆ จนแทบลืมเป็ดเอ็มเคไปเลย จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:42:58 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เป็ดอบแอ็ปเปิ้ล กินแกล้มกับซอสซึ่งทำจากมะเขือเทศและพริกระฆัง (bell pepper) จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ส่วนของหวานเป็น ฟรุ๊ตสลัดรวมมิตรเบอร์รี่ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 54 วันแรกของการมา Basque Country ก็อิ่มแปล้ขนาดนี้ สงสัยว่า กลับเมืองไทยไปน้ำหนักคงขึ้นน่าดู จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 วันที่ห้า (4 Jun 08) ตื่นสายมาก เพราะขี้เกียจและจริง ๆ มันก็เป็นวันหยุดพักร้อน ซึ่งตั้งแต่มายุโรปยังไม่ได้พักอย่างจริงจังเลย เราก็เอาเหตุผลนี้มาเป็นข้ออ้าง ตื่นมาก็เกือบถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว คุณแม่กำลังง่วนกับการทำอาหารซึ่งก็นำอาหารที่เหลือจากเมื่อคืนมาปรุงใหม่เป็นข้าวอบรวมมิตร หน้าตาน่ากิน รสชาดก็อร่อย คุณ H บอกว่า คนที่นี่ไม่ค่อยกินทิ้งขว้าง เค้าจะมีการสั่งสอนเรื่องทำอาหารมา คือสามารถนำของที่เหลือ ๆ ในตู้เย็นมาดัดแปลง หรือแม้กระทั่งช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีการถนอมอาหารใส่ไว้ในขวดโหล หรือใส่กระป๋อง เพื่อเก็บไว้กินในฤดูหนาว หรือปีที่ผลผลิตไม่ค่อยดี โฮ ฟัง ๆ ดูแล้ว เหมือนเกษตรกรไทยบ้านเราเลย ที่บ้านแม่เราทางใต้ของไทยเค้าก็มีการถนอมอาหารเก็บไว้กินเหมือนกัน จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 12:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พอกินข้าวเสร็จ คุณ H พาเราไปเดินชมในเมือง Bayonne Bayonne เป็นเมืองซึ่งอยู่ทางใต้ ห่างจากปารีสประมาณ 5 ชั่วโมง โดยรถไฟ เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักร basque ในสมัยก่อน ยุโรปไม่ได้มีการแบ่งแยกเป็นประเทศเหมือนในปัจจุบัน ดินแดน basque นี้ก็กินอาณาเขตฝรั่งเศสตอนใต้ (ใต้เมือง Bordeaux เป็นต้นมา) จนไปถึงสเปนตอนเหนือ (แถว ๆ San Sebastian, Bilbao) มีวัฒนธรรมที่ค่อนข้างเฉพาะตัวและมีภาษาเป็นของตัวเอง เราอาจจะยังพอเจอคนแก่ ๆ ที่นี่พูดคุยกันเป็น ภาษา basque ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาสเปนมากกว่าภาษาฝรั่งเศส ผู้คนแถบนี้ก็จะหน้าตาโน้มเอียงไปทางสเปนด้วยเช่นกัน เราก็เลยสื่อภาษากับญาติบางคนของคุณ H เป็นภาษาสเปนแทน บ้านเมืองเค้าก็มีลักษณะพิเศษที่ต่างไปจากเมืองอื่น ๆ ในฝรั่งเศส ผู้คนที่นี่ชอบทาบ้านเป็นสีขาว ตัดขอบด้วยสีแดงหรือสีเขียว ซึ่งเป็นสีที่มีอยู่ในธงชาติด้วย แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 13:03:56 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โบสถ์หลักของเมือง bayonne จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ร้านขายของพื้นเมือง สำหรับให้นักท่องเที่ยวซื้อไปเป็นของฝาก จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:09:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ร้านขายของเล่นที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจ เพราะมีพรีเซ็นเตอร์เป็นพี่หมีมาเป่าลูกโป่งอยู่หน้าร้าน จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ถนนในส่วนของเมืองเก่า จะเป็นถนนเล็ก ๆ แคบ สร้างด้วยอิฐและถนนแทบทุกสายจะมุ่งหน้าเข้าสู่โบสถ์หลักของเมือง คุณ H บอกว่า นี่เป็นลักษณะการวางผังเมืองแบบสมัยก่อน โดยถือเอาโบสถ์ หรือ Cathedral เป็นจุดศูนย์กลาง จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตามประวัติศาสตร์ Bayonne มีความสำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่  3 ในฐานะเป็นเมืองท่าที่เป็นการพบกันของแม่น้ำสองสาย คือ Nive และ Adour และเป็นเมืองที่เชื่อม มหาสมุทรแอตแลนติก และ Mediterranean Sea เป็นจุดการคมนาคมที่สำคัญ และเป็นจุดที่พวก viking (บรรพบุรุษของชาวเดนมาร์ค) บุกเข้ามาเพื่อเดินทางไปยังเมือง Tortosa ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าทาสในสมัยนั้น ระหว่างปี 1151 - 1452 bayonne เป็นเมืองท่าสำคัญแต่อยู่ภายใต้การดูแลของอังกฤษ ต่อมาเมื่อ King Charles VII ของฝรั่งเศสสามารถเอาชนะอังกฤษได้ในสงคราม Hundred Years' War Bayonne ก็กลายมาเป็นเมืองท่าสำคัญ และมีการขุดคลอง ขยายการคมนาคมไปยังเมืองรอบ ๆ Bayonne มีความสำคัญจนถึงช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 เมื่อฝรั่งเศสมีการรวมศูนย์การปกครองต่างๆ ไปไว้ที่ปารีส bayonne ก็เลยกลายมาเป็นเพียงแค่เมืองเกษตรกรรมที่ส่งผลผลิตไปเลี้ยงคนเมืองหลวงเท่านั้น เดี๋ยวนี้ bayonne เริ่มมีการทำอุตสาหกรรมมากขึ้น และเกษตรกรรายย่อยก็เริ่มหายไป การเกษตรได้มีการพัฒนาเป็นการทำฟาร์มขนาดใหญ่แทน ซึ่งคุณ H บอกว่าเสียดายเหมือนกัน เพราะในความเห็นของคุณ H การทำฟาร์มขนาดใหญ่เป็นการทำร้ายเกษตรกรรายย่อย และในขณะเดียวกันก็เกิดปัญหาสังคมด้วย เพราะคนหนุ่มสาวสมัยใหม่ ไม่ต้องการทำงานในไร่อีกต่อไป ตึกที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำ Nive จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณแม่มารับเราอีกครั้ง ตอนห้าโมงเย็น แต่เนื่องจากยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะไปบ้านคุณป้าที่เปิดเป็น Bed & Breakfast ที่เมืองใกล้ ๆ คุณแม่เลยพาเราไปเที่ยวเมือง Biarritz ซึ่งอยู่ห่างจาก Bayonne ไปแค่ 20 นาที เท่านั้น Biarritz กลายเป็นเมืองชายทะเลสำคัญของฝรั่งเศส แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่มากมาย สายการบินที่บินไปลงที่ Biarritz ก็มี Air France, Easy jet, Ryan Air ชายหาดของ Biarritz ก็จัดว่าสวยใช้ได้ (แต่ถ้าเทียบกับประเทศไทยคงสู้ไม่ได้) แต่คลื่นลมแรง และน้ำในทะเลก็เย็นจัด แต่แค่นี้สำหรับชาวยุโรปก็ถือว่าเป็นเมืองสวรรค์แล้วค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โรงแรมที่หรูที่สุดใน Biarritz คุณ H บอกว่า ค่าห้องน่าจะประมาณ คืนละ 800-1000 ยูโร อะไรมันจะแพงขนาดนั้น คุณ H บอกว่า พวกราชวงค์หรือไฮโซของยุโรป เวลามา Biarritz ก็จะพักที่นี่ทั้งนั้น จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 64 พวกเราเดินชมชายหาดไปเรื่อย ๆ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ภาพอ่าว Biarritz จากทะเล จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 66 บริเวณที่จอดเรือ อยู่ไม่ไกลจากหาด Biarritz จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เล่าเรื่องได้สนุก น่าติดตามมากค่ะ Spain,France,greece เป็นroute ในฝันค่ะ จะต้องไปให้ได้ในอีกสองปีนี้ อาจจะหลังไมไปขอคำแนะนำเพิ่มเติมนะคะ จขกท เพราะอยากเที่ยวฝรั่งเศสและกรีซให้ครบทุกภาค จนจัดเส้นทางไม่ถูกเลยว่าต้องเรื่มอะไรก่อนหัลงอย่างไร เรื่องรถไฟและ Easy jet ด้วยค่ะไม่แน่ใจว่าอย่างไหนจะคุ้มและประหยัดกว่า รวมไปถึงค่าใช้จ่ายคร่าวๆหากอยู่ฝั่งเศส 10 วัน สเปนห้าวัน และกรีซสัก 10 วัน รบกวนแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : lamerdejoy - [ 22 มิ.ย. 51 13:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เดินมาเรื่อย ๆ จะเป็นส่วนที่มีแก่งหิน ทำให้ไม่สามารถเล่นน้ำได้ และคลื่นก็แรง จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 69 จุดชมวิวจุดหนึ่งของเมือง เป็นแง่งหินที่งอกขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปถ่ายรูปได้ ที่ยอดบนสุดมีสัญลักษณ์ของพระแม่มาเรีย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:44:25 ]

ความคิดเห็นที่ 70 โบสถ์ของเมือง bairritz จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณ lamerdejoy ถ้าอยากถามอะไร หลังไมค์ได้เลยค่ะ ยินดี กรีซและฝรั่งเศสมีที่เที่ยวเยอะมาก ขนาดเราไปกรีซคราวนี้ตั้ง 8 วัน เรายังไม่จุใจเลย ว่าจะจัดไปใหม่ในอนาคต เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 72 พอเราเดินเล่นจนได้เวลาพอสมควร คุณแม่ก็พาไปเยี่ยมคุณป้า ซึ่งทำกิจการ Bed & Breakfast ในเมืองเล็ก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Biarritz เรานั่งรถไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ที่นี่เคยเป็นโรงนาเก่ามาก่อน คุณลุงและคุณป้าไปซื้อต่อมาแล้วเอามาปรับปรุงทำกิจการ B&B แต่ตอนนี้จะเน้นขายแต่อาหารเพราะห้องพักยังไม่เรียบร้อย คุณลุงบอกว่า ไม่รีบค่อย ๆ ทำ ค่อยเป็นค่อยไป ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่คุณลุงบอกว่าได้รับความช่วยเหลือจากทุก ๆ คนในครอบครัว ซึ่งแกก็ซึ้งในน้ำใจของพี่น้อง ลูกหลานมาก จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 73 บรรยากาศภายในร้านอาหาร จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:55:30 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ที่ร้านมีเซ็ทเมนูให้ลูกค้าเลือกได้สองแบบ พวกเราก็สั่งอาหารต่างๆ กันไป รอชมนะคะว่าจะน่ากินและอร่อยขนาไหน จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 13:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 75 จานนี้เป็น gambas sauvages grillies a la planchar.... แปล เป็นไทย น่าจะใกล้เคียงกับกุ้งกระเทียม แต่กุ้งกระเทียมที่นี่ผัดในน้ำมันมะกอก และกินกับขนมปังแทนข้าวค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 14:02:19 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 76 จานต่อไปก็ยังเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยอยู่ คือ Smoked salmon กับสลัดบีทรูท จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 77 จานนี้ คุณ H แกเป็นคนสั่ง น่าจะเป็นหมูทอดอบซ๊อสอะไรซักอย่าง ชื่อยาวมาก จำไม่ได้ค่ะ ตอนแรกเราก็เกือบสั่งเหมือนกัน แต่เห็นว่าเสิร์ฟมากับขนมปัง เราก็เลยขอบาย เพราะไม่อยากเน้นแป้งมากเกินไป มันจะตัดกำลัง 555 เดี๋ยวกินอาหารอื่นไม่ได้ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คราวนี้ก็มาถึง อาหารจานหลักกันบ้าง จานนี้เป็นของคุณพ่อค่ะ ปลากระพงขาว ครีมซ๊อส เสิร์ฟมากับข้าวสวย จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ตัวเราสั่งสเต็กเนื้อ ในรูปที่เห็นด้านบน คือ Foie Gras หรือที่เรารู้จักกันในนามของตับเป็ดฝรั่งเศส จริง ๆ เป็นคนไม่ชอบกินเลย เพราะไม่ชอบกินอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับเป็ด และก็สงสารเป็ดด้วยเมื่อรู้กรรมวิธีการผลิต Foie Gras สงสารมันงะ..... แต่ในเมื่อมันอยู่ในจานแล้วเราก็ต้องเปิบพิสดารกันหน่อย ก็อร่อยมาก แต่ถ้าเลือกได้ คงจะพยายามเลี่ยงมากกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ส่วนคุณ H สั่งเป็ดราสซ็อสพีช เสิร์ฟมากับ ลาซานยาผักโขม จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 81 กลับมาติดตามชมอีกครั้งค่ะ อาหารฝีมือคุณแม่ของคุณ H รวมทั้งที่ B&B ของคุณป้าของคุณ H น่าทานทั้งนั้นเลยนะคะ ไม่เคยได้เห็น Review เมือง bayonne แล้วก็เมืองรอบๆ มาก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวต้องไปเปิดดูแผนที่ซะหน่อยว่าอยู่ตรงไหนน๊า บ้านของคุณลุงและคุณป้า ทำด้วยหิน คล้ายๆ กับบ้านของครอบครัวคนข้างๆ ตัวเราเลยหละคะ จากคุณ : Aorora - [ 22 มิ.ย. 51 14:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เราไม่ได้กินขนมต่อ เพราะอิ่มมากแต่คุณ H สั่ง Rice with Milk soup เพราะเห็นว่าเป็นสูตรของคุณยาย ที่คุณยายเคยทำให้กินตอนเป็นเด็ก ๆ หน้าตาดูดีมาก ๆ แถมอร่อยด้วย แต่ถ้าเรากินเข้าไปอีก รับรองเป็นชูชกท้องแตกตายกลางโต๊ะอาหารแน่นอน จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ Aorora, ดีใจค่ะ ที่คุณเข้ามาชมกระทู้อีกครั้ง ถ้าได้มีโอกาสไปฝรั่งเศส ลองไปเที่ยวแถว Bayonne, Biarritz ดูนะคะ เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก แล้วก็ผู้คนอัธยาศัยดีมาก ๆ ค่ะ บางครั้งเรายังรู้สึกเค้ามีลักษณะเหมือนคนไทยเลย ส่วนเรื่องอาหาร ครอบครัวนี้เค้าสืบทอดกันมาตั้งแต่คุณยายเลยค่ะ คุณ H บอกว่า เพราะคุณยายและคุณตาเป็นชาวไร่ชาวนา เค้าก็จะมีเวลาทำอาหารเยอะค่ะ เราเองก็พยายามหัดทำอยู่ ไม่รู้ว่าจะได้ซักแค่ไหน จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ได้เห็นอาหารกันไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูหน้าตาเชฟดีกว่า เชฟก็คือคุณลุงพี่ชายคุณแม่ของคุณ H นั่นเอง ท่านบอกว่า สูตรอาหารส่วนใหญ่เอามาจากคุณยายค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 51 16:36:44 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 85 กินอาหารกันอิ่มแล้ว ต้องยืดเส้นยืดสายซะหน่อย เราก็เลยถือโอกาสขอชมห้องพักกันไปเลย ห้องนี้เป็นหนึ่งในหกห้องที่มีให้บริการค่ะ จะมีห้องน้ำในตัวด้วย จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:24:33 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อันนี้ก็เป็นมุมหนึ่งของห้องน้ำค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 87 และปิดท้ายการทัวร์ B&B ของคุณลุงด้วย ห้องรับแขกซึ่งเป็นส่วนกลางไว้ให้คนมาพักได้ใช้บริการค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 88 วันที่หก (5 Jun 08) วันนี้ตื่นมาแต่เช้า เพราะต้องเตรียมตัวไปปิกนิกบนเขา คุณ H บอกว่า ครอบครัวไม่ได้ทำแบบนี้มาเป็น 10 ปีแล้ว ตั้งแต่คุณ H จากฝรั่งเศสไปอยู่ประเทศอื่น คุณ H ก็พลอยรู้สึกสนุก เหมือนย้อนเวลากลับไปตอนเป็นเด็ก แต่อากาศเจ้ากรรมไม่เป็นใจเลย ดูพยากรณ์อากาศบอกว่าท้องฟ้าครึ้มและอาจมีฝนตก ได้ยังไงเนี่ย เซ็งเลย เราก็ได้แต่หวังว่า ตอนที่ขับไปถึงภูเขาอากาศคงไม่เหมือนกับที่บ้าน คุณพ่อขับรถไปทางตะวันออกของ bayonne เพื่อมุ่งหน้าไปยัง Mt. Lhune บรรยากาศสองข้างทางก็ประมาณนี้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เราขับรถวนไปรอบ ๆ ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ เพื่อหาที่พักกินข้าวกัน มาได้ที่ตรงนี้ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 14:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ว่าแล้วไม่รอช้าเรามาตั้งโต๊ะกินข้าวกันดีกว่า อาหารวันนี้เป็นสลัดมะเขือเทศ ใส่ไข่ต้ม Ham และ Chorizo ที่ซื้อมาจากสเปน และลูกเชอร์รี่ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 91 หลังจากที่กินข้าวกลางวันแล้ว เราก็ต้องไปออกกำลังกายกันหน่อย ด้วยการขึ้นไปที่ยอดเขา ซึ่งอยู่สูงและไม่สามารถขึ้นได้จากทางฝรั่งเศส เราก็เลยต้องนั่งรถรางอันนี้ขึ้นไป จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:26:56 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อรถรางไต่ระดับขึ้นไปสูง ภาพที่เราเห็นเบื้องหลังคือ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 93 พอใกล้ถึงยอดเขา เราก็มองเห็นเมือง Biarritz อยู่ลิบ ๆ ที่อีกฝั่งหนึ่ง แต่หมอกลงจัด อากาศไม่เป็นใจ รูปที่ถ่ายมาก็ได้แค่นี้ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:31:33 ]

ความคิดเห็นที่ 94 พอถึงยอดเขา แทบมองอะไรไม่เห็นเลย เห็นแต่หมอกสีขาวบังตาไปหมด ขนาดแกะตัวนี้อยู่ใกล้นิดเดียวยังเห็นไม่ชัด คุณ H บอกว่า เหมือนเป็นผีแกะในหนังสยองขวัญเลย จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 95 รอชมต่อคะ จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 22 มิ.ย. 51 16:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เราอยู่บนยอดเขาได้แป็บเดียว ก็ต้องมาต่อคิวรถรางเพื่อลงเขา เพราะเที่ยวนี้จะเป็นเที่ยวสุดท้าย ถ้าเราขึ้นไม่ทันก็ต้องค้างอยู่บนเขา ซึ่งก็มีที่พักไว้บริการ แต่กลับบ้านดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 วันที่เจ็ด (6 Jun 08) วันนี้ไม่มีอะไรทำ แค่ไปช้อปปิ้งซื้อของกลับเมืองไทย กับของไปฝากเพื่อนที่กรีซ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวน์และอาหาร กับข้าวมื้อเที่ยงวันนี้เป็นหมูอบซ็อส ซึ่งทำไม่ยากเลยค่ะ ก่อนอื่นก็ทอดหมูที่หมักเกลือกับกระเทียมในน้ำมันมะกอก พอหมูเหลืองทั่วกันดีก็ใส่เหล้า Porto ซึ่งเป็นเหล้าที่ใช้ทำอาหาร แล้วก็ใส่ครีมลง รอให้น้ำซ๊อสซึมเข้าไปในเนื้อ และเหลือเป็นน้ำขลุกขลิกก็เป็นอันใช้ได้ เราจะเอาสูตรนี้ไปทำอาหารเลี้ยงเพื่อนที่เมืองไทยบ้างดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คุณ marzo คนชอบเที่ยว มาพอดีทันอาหารกลางวันเลยค่ะ ขอให้สนุกกับการเที่ยวนะคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ตอนบ่ายเราไปร้านซุปเปอร์ขายอาหารและของจากเอเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 40 นาที เป็นร้านเอเซียแห่งเดียวในย่านนี้ เจ้าของเป็นคนลาวเชื้อสายจีนที่อพยพมาอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว พอเค้าเห็นเราเค้าก็เข้ามาทัก เค้าบอกว่าที่รู้ว่าเป็นคนไทย เพราะเห็นซื้อเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำผัดไทย โดยเฉพาะใบกุ่ยช่าย และหัวไชโป๊ที่ฝรั่ง เค้าจะไม่ค่อยรับประทาน พอกลับมาถึงบ้าน เรากับคุณ H ก็ช่วยกันทำอาหารให้ครอบครัวคุณ H ทานเป็นการส่งท้าย ก่อนจะจากกัน เพราะเราจะไปเที่ยวประเทศกรีซกันต่อ เมนูอาหารวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก คือ ผัดไทย แกงกะหรี่ไก่ และยำเนื้อย่าง ทุกคนชอบกันใหญ่ แต่เราว่ารสชาดโอเค ไม่เสียชื่อสาวไทยนะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 10:49:59 จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 100 กินอาหารเย็นเสร็จ ล้างจาน ก็นอนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาจัดกระเป๋าเพื่อเดินทางต่อไปยังกรีซ แล้วก็กลับเมืองไทยในอาทิตย์ถัดไป จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 16:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ลองติดตามการเดินทางของเรา ณ ประเทศกรีซ เมืองพันเกาะ ในตอนที่ 2 นะคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 22 มิ.ย. 51 17:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 102 มาชมเมืองที่ไม่เคยมีใครพาเที่ยวครับ ขอชมว่าเป็นกระทู้ที่ข้อมูลเยี่ยมและภาพสวย ขอบพระคุณครับ จากคุณ : น้าถาพร (เจ้าเก่า) - [ 22 มิ.ย. 51 23:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 103 โอว์ สวัสดีครับ ขอตามคุณ Travel Animal ไปเที่ยวด้วยคนครับ ภาพสวย บรรยายสนุกครับ ทริปนี้อาหาร น่าตาน่าทานมากๆครับ อิจฉาครับ ตามเที่ยวกระทู้ต่อไปครับ จากคุณ : เชียงชุน - [ 23 มิ.ย. 51 07:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณน้าถาพร และคุณเชียงชุน ขอบคุณค่ะ สำหรับคำชม ขอให้สนุกนะคะ รับรองตอนหน้ายังมีอะไรให้ดูอีกเพียบเลยค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 09:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 105 นึกว่าอยู่ห้องอาหารการกินนะเนี่ยหึๆๆ จากคุณ : bicycle_trend - [ 23 มิ.ย. 51 11:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 106 คุณ Bicyle_trend ตอนแรกเราตั้งใจว่าจะเขียนกระทู้อาหารแยกต่างหาก แต่ว่ากลัวว่าเรื่องมันจะไม่ต่อเนื่องนะ เพราะจริง ๆ ช่วงที่อยู่ฝรั่งเศสก็เน้นกินเป็นหลัก ก็เลย เลยตามเลย เราก็เลยรวบเป็นกระทู้เดียวกัน เพื่อความประหยัดจำนวนกระทู้นะคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 11:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ตามมาเก็บข้อมูลไว้ด้วยคนค่ะ จากคุณ : kan_akiko (kan_akiko) - [ 23 มิ.ย. 51 17:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 108 จะตามไปชมค่ะ รูปสวยทุกรูปเลย ท่าทางครอบครัวคุณ H จะน่ารักมากๆๆ ถ้าจะไปเที่ยวจะมาขอคำแนะนำหลังไมค์นะคะ อยากไปบัก B&B ของคุณลุง จากคุณ : duangrts - [ 25 มิ.ย. 51 17:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 109 คุณ duangrts ขอบคุณค่ะ ถ้าอยากทราบอะไรเกี่ยวกับฝรั่งเศสทางใต้ก็หลังไมค์มาได้เลยคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 18:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สุดยอดของการเดินทางเลย ... อาหารน่าทานมากๆ... ทริปหน้า...จาปายด้วย... บีบสิว .. จากคุณ : CNX_ACCORD - [ 8 ก.ค. 51 19:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อยากไปบ้างจังค่ะ จากคุณ : แม่น้องเอเอ - [ 9 ก.ค. 51 00:17:53 ]