ความคิดเห็นที่ 1 วันที่สิบสี่ (13 jun 08) วันนี้ตื่นมาตั้งแต่ตีสามครึ่ง เพราะว่าต้องอาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านเพื่อไปขึ้นเครื่องให้ทันตั้งแต่ตีสี่ เดชะบุญจากบ้านเพื่อนซิ่งรถสปอร์ตมาแค่อึดใจกว่า ๆ (15 นาที) เราก็มาถึงสนามบินของกรุงเอเธนส์ ซึ่งเครื่องจะออกตอน 5.20 น. สาเหตุที่เลือกไฟล์ทนี้ก็ไม่ใช่ว่าขยันอยากไป Santorini แต่เช้า แต่เนื่องจากมันไม่มีเที่ยวบินแล้ว มีทางเลือกแค่ บินเที่ยวนี้กับ สายการบิน Aegean Airlines หรือ อีกเที่ยวหนึ่งตอน 5.15 น. กับสายการบินแห่งชาติของกรีกสายการบิน Olympic Airlines หลังจากดูราคาแล้ว เราก็เลือก Aegean เลย เพราะราคาถูกกว่ากันประมาณ คนละ 7 ยูโร (ค่าตั๋วเที่ยวเดียว คนละ ประมาณ 110 ยูโร ซึ่งรวมทุกอย่างแล้ว) แหม 7 ยูโรก็ 350 บาทแล้วนา เก็บไปเป็นค่ารถดีกว่า การซื้อตั๋วก็ไม่ยาก สามารถซื้อได้ทางอินเตอร์เน็ท ตัดเงินผ่านบัตรเครดิตได้เลย และก็ต้องถือว่าเป็นโชคที่เราเลือกสายการบินนี้ เพราะเครื่องบินตรงเวลา บริการดี (ไม่เหมือน Olympic ขนาดออกก่อนนะ เครื่องเพิ่งจะแลนด์ถึง Santorini ตอนที่เราขึ้นแท็กซี่ออกจากสนามบินแล้ว อะร้าย จะเป็นสายการบินหวานเย็นขนาดนั้น) เพื่อนบอกว่า คนกรีกนะ เลือกได้ไม่ค่อยมีคนขึ้น Olympic หรอก เพราะเค้าไม่มั่นใจในตัวเครื่องบิน และความปลอดภัย เราก็เอออ..... ไงก็ได้ เพราะคงไม่มีเครื่องบินที่ไหน จะหน้ากลัวและเสียวไส้เท่าที่แทนซาเนียแน่นอน (ผ่านวิกฤตนั้นมาแล้ว อะไรอะไรก็ทนได้) อะ โชว์เครื่องบินซะหน่อย จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 15:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนที่เรามองลงมาจากหน้าต่างเครื่องบิน เราก็ว่า เกาะอะไรหว่า ทำไมมันหน้าตาแปลกประหลาด คือมีลักษณะแบนราบ ทอดตัวอยู่บนทะเล แต่แล้วอยู่ก็มีภูเขาปูดโปนขึ้นมาตรงกลางเกาะ เหมือนคนหัวโนซะงั้น คิดยังไม่ทันจบ คุณแอร์สุดสวยก็ประกาศว่าเครื่องกำลังร่อนลงจอดที่สนามบินของ Santorini เอ๊ะ เข้าใจอะไรผิดอะป่าว ไอ้เกาะนี้เนี่ยนะ ที่เค้าว่าโรแมนติกนักหนา ดูยังไง ๆ ก็ไม่เห็นเหมือนเลย ในรูปอาจจะเห็นในส่วนที่แบนราบไม่ชัด เพราะถ่ายไม่ทันค่ะ อยู่คุณนักบินเกิดเปลี่ยนเส้นทางเพื่อเตรียมลงจอดกะทันหันนะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 15:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วกัปตันก็นำเครื่องลงจอดอย่างปลอดภัย พร้อมกับเสียงปรบมือของเหล่าผู้โดยสาร สนามบินนี้สวยมากเลยหละ โดยเฉพาะวิวอีกฝั่งซึ่งเห็นทะเล และเกาะที่มีลักษณะเหมือนหน้าผา (Caldora) คุณ H บอกว่า สนามบินนี้เหมือนสนามบินที่สมุยเลย ซึ่งเราก็ว่ามันคล้าย ๆ กันที่บรรยากาศ คงเพราะเป็นสนามบินบนเกาะเล็ก ๆ เหมือนกันมั้ง ? หลังจากที่เรารับกระเป๋าแล้ว เราก็ไปโบกแท็กซี่ซึ่งจอดรอรับผู้โดยสาร เพื่อไปยังโรงแรม Thea Studio ที่เราจองไว้ผ่านทางอินเตอร์เน็ท ตอนแรกเราก็เลือกอยู่นานเหมือนกัน เอาโรงแรมไหนดีฟะ อยากอยู่ที่สวย ๆ ก็อยากอยู่ แต่ก็เสียดายตังค์ แค่คืนเดียวเอง แถมสงสัยไม่มีเวลาอยู่โรงแรมหรอก คิดไป คิดมา เอามันที่นี่แหละ (เพื่อนก็เชียร์ด้วย เค้าบอกว่า มันคลับคล้ายคลับคลา ว่าเคยเห็น และคิดว่ามันใช้ได้) ราคาตกคืนละ 70 ยูโร สำหรับห้อง Superior Studio (จริง ๆ มีอีกแบบ ถูกกว่า คือ Standard Studio ราคา 55 ยูโร ซึ่งเราก็ไม่รู้มันต่างกันตรงไหน แต่เพื่อนบอกว่าไม่ควร จองห้องถูกมาก เราก็เลย เอาอันนี้แหละ) ในรูปกัปตันนำเครื่องลงจอดตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะพ้นน้ำพอดี จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 16:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ได้คุณพี่ใจดี แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ถามว่าจะไปไหน เราบอก "FIRA" ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักของเกาะนี้ แล้วก็บอกชื่อโรงแรมไปแต่แกไม่รู้แฮะ สุดท้ายคุณพี่คนขับรถแวะถามคนขายหนังสือที่แถวกลางเมือง (ที่นี่ก็เงี้ย แทบทุกคนล้วนรู้จักกัน แล้วก็ช่วยเหบลือกันตลอดเลยค่ะ เราสองคนจะพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มากขึ้น ตอนเที่ยวรอบเกาะ) หลังจากส่งภาษาจนรู้แล้วว่าโรงแรมอยู่ที่ใด คุณพี่ก็ค่อย ๆ พาเราจากตัวเมืองมาอย่างช้า ๆ โดยลงมาตามเนินเขา (ถนนที่นี่เป็นเนินทั้งนั้น) เราก็ เอ ไหนในอินเตอร์เน็ทมันบอกว่าอยู่ในเมือง ทำไมมันขับห่างออกไป ห่างออกไป แต่ไม่ไกลเท่าไหร่ เราก็มาถึงโรงแรม Thea Studio ตอนที่เรามาถึงไม่มีใคร โรงแรมดูเงียบพิกล มีคุณป้าแม่บ้าน พูดภาษาอังกฤษไม่ได้หนึ่งคืนยืนอยู่ไม่ไกลจาก บริเวณที่เราคาดว่าน่าจะเป็นห้องอาหารเพียงห้องเดียวของโรงแรม แล้วคุณป้าก็จับตัวฉันให้ลงไปนั่งที่เก้าอี้ ในขณะที่ตัวเองก็วิ่งปรู๊ดออกไปอย่างเร็ว ไม่พูดอะไรเลย ซักพัก มีเด็กหนุ่มเดินเข้ามาถามว่า What's your name? แล้วก็เดินหายไปไหนออฟฟิศ แล้วก็กลับมาด้วยใบจองโรงแรม ปึกย่อม ๆ (สงสัยจะหาชื่อเราไม่เจอ) เราก็เอามาดู ๆ จนได้ใบที่เป็นชื่อเราส่งให้ไป น้องเค้าก็ไม่พูดไม่จา เดินไปหยิบกุญแจ พร้อมกับพาเราไปยังห้องพัก ห้องพักของเราเป็นห้องที่อยู่ช่วงกลางของตึก มีประตูที่สามารถเดินไปยังสระว่ายน้ำได้เลย เฟอร์นิเจอร์ในห้องก็เป็นไม้ธรรมดา มีซิ้งค์ซึ่งใช้ทำอาหารและเครื่องใช้ในครัวอยู่ในลิ้นชัก ก็จัดได้ว่าโอเค แต่ไม่ค่อยประทับใจตรงที่มันไกลนี่แหละ แล้วตอนดึก ๆ จะไปกินข้าวไงเนี่ย รูปโรงแรมจากวิวสระว่ายน้ำ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 17:18:30 จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 16:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อันนี้เป็นวิวจากห้องนอนค่ะ ที่เห็นลิบ ๆ นั่นรู้สึกจะเป็นเกาะอีกเกาะหนึ่ง จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 16:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนแรกตั้งใจว่าจะออกไปเช่าคอว์ตไบค์มาขับเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่พอเห็นเตียงนอนนุ่ม ๆ น่านอนก็อดใจไม่ไหว เพราะเมื่อคืนก็ไม่ค่อยได้นอน สุดท้ายมองหน้าคุณ H ต่างคนต่างนอนกันดีกว่า เดี๋ยวไม่มีแรงซ่าคืนนี้ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบ ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียกระเพาะร้องของเราเอง 5555 มีนาฬิกาในตัวก็เงี้ย ถึงเวลาไม่ได้กินต้องส่งเสียงเตือน เราก็เลยรีบปลุกคุณ H เพื่อชวนกันเข้าเมืองไปเช่ารถขับดีกว่า เดินออกมาจากห้องเจอน้องคนเดิม ตอนนี้รู้แล้วว่า ที่แกไม่ค่อยพูดนะ เพราะแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วตูจะถามข้อมูลยังไงหละเนี่ย สุดท้ายใช้ภาษาใบ้ จนได้เบอร์ร้านที่ให้เช่ารถ กะว่าจะเช่าแล้วให้เค้าขับมาให้ที่โรงแรมเลย แต่สุดท้ายเช่าไม่ได้ เพราะคุณ H ดันไม่เอาใบขับขี่มา เพราะคิดว่าไม่ต้องใช้ ส่วนเรานะไม่ได้อยู่แล้ว เพราะใบขับขี่สากลทำไม่ทัน ไม่มีเวลาไปทำก่อนจากเมืองไทยมา เราก็เลยเซ้ง และกำลังกลุ้มว่า จะเอาไงกับชีวิตดี แล้วฉันจะไปเที่ยวยังไง ให้นอนอยู่โรงแรมทั้งวัน ไม่ได้หรอกนะ เสียเงินมาเที่ยวทั้งที คุณ H ก็ปลอบให้ใจเย็น ๆ ค่อยไปหาร้านใหม่ในเมืองดีกว่า ซักพักมีอีกหนุ่มนึงขับรถเข้ามา แนะนำตัวว่าเป็น Hotel Manager เราก็เออ นึกว่าเป็นน้องเด็กหนุ่มนั่นซะอีก คนมาใหม่นี้ท่าทางพูดภาษาอังกฤษใช้ได้ เค้าอาสาพาเราไปส่งในเมือง แถมพาตระเวนหาร้านให้เช่ารถด้วย สุดท้ายไม่มีใครให้เราเช่าเลย เพราะเราไม่มีใบขับขี่ เราก็แย้งว่าที่อื่น อย่าง Spetses ไม่เห็นต้องใช้เลย ทำไมที่นี่ต้องหละ เค้าก็บอกว่า ที่นี่ตำรวจดุมาก และถ้าร้านไหนให้คนไม่มีใบขับขี่ ตำรวจก็จะปรับเจ้าของด้วย เป็นเงิน 400 ยูโร ขนาดเช่าจักรยานยังต้องมีใบขับขี่เลย กำลังเศร้าใจกับชีวิต เพราะไม่อยากเดินเล่นแค่ใน FIRA นะ อยากไปที่อื่นด้วย โดยเฉพาะ IA ซึ่งเพื่อนบอกสวยนักหนา สุดท้ายคุณ H คงรู้ว่าเราอารมณ์เริ่ม บ่ จอย เค้าก็เลยเสนอว่า ไม่เป็นไร เราไปเรียกแท็กซี่ก็ได้นะ อยากไปไหนก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องกังวล (เราก็เอ แล้วงบการเที่ยวตรู ไม่บานปลายไปไหนต่อไหนหรือนั่น ขนาดนั่งมาจากสนามบิน แท็กซี่ยังฟันไปตั้ง 20 ยูโรเลย) ไหนบอกว่าต้องเก็บตังค์ เอาเงินมาใช้ฟุ่มเฟือย ได้ไงหละ กำลังเดินคอตก คิดหาวิธีการและหาแท็กซี่ พลันสายตาเหลือบไปเห็น ออฟฟิศของ Tourist Information ก็เลยชวนคุณ H เข้าไปถามเค้าดีกว่า เผื่อเค้าจะมีรถให้เราเช่า หรือมีทัวร์ไปเที่ยวรอบเกาะ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 17:19:25 จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 17:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เจอสาว (ตัว) ใหญ่สองคน ท่าทางใจดี พอเราบอกความประสงค์ของเรา เค้าก็ตอบกลับมาว่า ทำไมเราไม่ไปขึ้นรถบัสหละ ประหยัดกว่ากันตั้งเยอะ ไม่ต้องไปเช่ารถ หรือแท็กซี่ให้เมื่อยตุ้มหรอก อยากไปไหน รถบัสก็มีไปทั้งนั้น แล้วก็มีวิ่งเกือบทั้งวันเลย โอ ดีใจมากเลย ในที่สุ่ด เราก็ไปเที่ยว Explore เกาะได้เหมือนเดิม หลังจากสอบถามทางเป็นที่เรียบร้อยเราก็รีบบึ่งไปยังสถานีรถบัสอย่างเร็ว พอไปถีงมีรถกำลังจะออกไป IA ซึ่งเป็นสถานที่ขึ้นชื่อ พอดี ตอนแรกเราอิดออดเพราะอยากไปตอนเย็นกว่านี้ เนื่องจากเพื่อนบอกว่าไปดูพระอาทิตย์ตกที่ IA นะสวยที่สุด แต่คุณ H บอกว่าไปเถอะ ไม่ต้องไปรอรถคันอื่นให้เสียเวลา ไอ้เราก็กลัวจะอดไป ก็เลย ไปก็ไปวะ เสียค่ารถคนละ 1.6 ยูโร รถวิ่งออกไปตามถนนหลักซึ่งมีแค่สายเดียวไปทางเหนือเพื่อมุ่งหน้าไปยัง IA ระหว่างทางเราก็จะเห็นป้ายรถเมล์เป็นระยะ ๆ แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 51 17:49:02 จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 17:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพื่อให้เข้าใจกระทู้นี้และการเดินทางของเราสองคน ก็จะขอโพสต์แผนที่คร่าว ๆ ให้ชม ซึ่งตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือสู่หมู่บ้าน IA (หรือ OIA) ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 17:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามเที่ยวแบบเกาะติดค่ะ  เรื่องสนุกดีนะคะ ได้ข้อมูลเยอะแยะอีกด้วยค่ะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 23 มิ.ย. 51 17:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาติดตามครับ ฟ้าใส ทะเลสวย น่าไป จากคุณ : ต้น (CLTB) - [ 23 มิ.ย. 51 17:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Santorini เป็นหมู่เกาะที่เป็นส่วนหนึ่งของ Cyclades Islands ซึ่งอยู่ใต้สุดพอดี ประกอบด้วยเกาะหลัก SNATORINI (THIRA) และเกาะเล็ก ๆ อีก 4 เกาะ คือ Thirasia, Aspronissi (ซึ่งไม่มีในแผนที่), Palea Kameni และ Nea Kameni ซึ่งสองเกาะสุดท้ายเป็น Volcanic Islands หรือภูเขาไฟที่ดับแล้ว (แก้ไขตามคำแนะนำของคุณกระทู้ที่ 14) Santorini อยู่ไม่ไกลจากเกาะ Crete ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของกรีซ หากนักท่องเที่ยวมาเที่ยว Crete ก็สามารถซื้อ One Day Tour มาเที่ยวที่ Santorini ได้ แต่ในความเห็น เราว่าไหน ๆ มาแล้ว อยู่เที่ยวซักสองสามวัน ดีกว่า เพราะว่าที่ Santorini มีอะไรให้ดูเยอะแยะ เที่ยวไม่เบื่อเลยค่ะ รถบัสพาเราชมวิวไปเรื่อย ๆ แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 15:00:53 จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 17:40:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ Red-Rose-14Feb : ขอบคุณที่ติดตามมาโดยตลอดค่ะ คุณ ต้น (CLTB) : กรีซสวยมาก ๆ ค่ะ เหมาะกับการพาคนรู้ใจไปเที่ยวมากเลยค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 17:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ในที่สุดรถบัสก็พาเรามาสุดถนนที่จัตุรัสกลางหมู่บ้าน ซึ่งรายล้อมด้วยร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร เราก็ เอ เอาไงดีหละ เป็นกะเหรี่ยงมาก ๆ เดินไปมั่ว ๆ ตามทางเดินที่เห็นนักท่องเที่ยว ไปเยอะ ๆ แล้วกัน บ้านส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นสีขาวน่ารักและก็มีแต่ถนนแคบ ๆ เป็นถนนขึ้น ๆ ลง ๆ เราเดินกันไปเรื่อย ๆ ซึ่งก็จะเห็นร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวเป็นย่อม ๆ กระจายอยู่ทั่วไป จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุญาตแก้ไข fact ให้นะคะ Caldera หมายถึง volcano ค่ะ Taxi จาก airport ไป fira 20 ยูโร ไม่เรียกว่าฟันนะคะ เป็นราคามาตรฐาน จาก airport ไป oia ก็ 25 ยูโค่ะ เกาะภูเขาไฟนี่เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วนะคะ หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า extinct volcano ลอง search ใน google ดู จากคุณ : ^o^ - [ 23 มิ.ย. 51 18:10:51 A:58.8.16.88 X: TicketID:072662 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เดินไปเดินมา ชักหิวเข้าจริง ๆ และเวลาคนโมโหหิวนะ น่ากลัวมาก ซึ่งคุณ H รู้ดี ว่าถ้าไม่รีบหาอาหารมาใส่ปากเรารับรอง ได้มีทะเลาะกันแน่นอน ก็แหมมันปาเข้าไปบ่ายโมงครึ่งแล้ว จะไม่ให้หิวได้ไง เดินไปใช้สัญชาตญาณช่วย มาเจอป้ายร้านอาหาร ชื่อ POKA เราตัดสิ้นใจเดินตามลูกศรไป เดินไปเลี้ยวสองรอบ ไม่เจอแฮะ เจอลูกศรบอกทางต่อ ไอ้ร้านอาหารมันอยู่ตรงไหนเนี่ย อย่างกะเล่นเขาวงกต เลี้ยวไปมาอีกสองสามทีเราก็มาเจอร้านเล็ก ๆ มีแค่ 5 โต๊ะอยู่ที่ระเบียงซึ่งมองเห็นวิวทะเลได้ถนัด พอเข้าไปสื่อภาษาว่ามากินข้าว ปรากฎมีคนรีบเดินออกมาจากครัวบอกว่า อาหารยังไม่เสร็จ ให้มาอีกซัก 40 นาที อะไรเนี่ย จะบ่ายสองอยู่แล้ว ไม่กินข้าวเที่ยงกันหรือไงเนี่ย (คนกรีกกินข้าวเที่ยงตอนบ่ายสอง และข้าวเย็นตอนสี่ทุ่ม โดยประมาณ ดังนั้น ถ้าเข้าร้านเร็วแล้วเค้าบอกว่าไม่มีอาหารไม่ต้องตกใจค่ะ แต่ถ้าเป็นตามเมืองใหญ่ หรือร้านอาหารต่างชาติก็อาจเปิดเร็วกว่านี้ เช่นพวกร้านฟาสต์ฟู๊ด จะเปิดตลอด แต่เราไม่เข้าค่ะ ไม่นิยม) เราอยากจะนั่งรอ จนร้านเปิด เพราะจากกลิ่นที่ลอยมา รับรองได้ว่า อาหารอร่อยชัวร์ แต่คุณ H ซิ บอกว่าเสียเวลา ไปเดินเที่ยวดีกว่า ก็ได้ เพราะถ้าให้เรานั่งรอ โดยมีกลิ่นมายั่ว เราคงต้องไปทะเลาะกับพ่อครัวแน่เลย จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อุ๊ย ขอบคุณ คุณความเห็นที่ 14 นะคะที่เข้ามาช่วยเสริมและแก้ไขให้ ทำให้กระทู้เราสมบูรณ์มากขึ้น แต่เรื่องแท็กซี่เนี่ย เราก็คิดว่ามันคงราคานี้ แต่มันแพงนะ เรานั่งจากท่าเรือ Piraeus ไปบ้านเพื่อนที่ Varkiza ในเอเธนส์ยังไม่แพงเท่านี้เลยนะ และมันก็แค่ไม่ถึง 10 นาทีนะ ยิ่งคิดเป็นเงินไทยไม่ต้องคุยกันเลย แต่ก็สนุกมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สุดท้ายไปเดินเที่ยวดีกว่า ภาพบรรยากาศของถนนเล็ก ๆ ใน IA จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:24:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โบสถ์สีสันสดใส จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เกาะขอบจอ.... เกาะแซงโตรินี่ หมู่บ้านเอีย นี คาเมนี่... แอร๊ยยยย มันอยูในนิยายของเรา ขาดแต่พระเอก...T_T นั่งดูไปนึกถึงนิยายไป ภาพมันชัดมากๆเคยคร่า จากคุณ : patj - [ 23 มิ.ย. 51 18:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เดินมาจนถึงจุดชมวิวที่คนนิยมไปถ่ายรูป วิวด้านขวามือเป็นแบบนี้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ Patj มาได้เวลาเลย ตอนนี้กำลังโชว์หมู่บ้านเอียอยู่เลย หวังว่าคงทำให้การอ่านนิยายของคุณ Patj ได้อรรธรสมากขึ้นนะคะ ไปดูวิวทางซ้ายบ้างดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตรงริมๆเขานี่มีบ้านพัก หรือโรงแรมเล็กๆหรืเปล่าคะ แบบแว่....อยากไปนอนโณงแรมแบบริมเขาอ่ะค่ะ น้ำลายหกเลอะกระทู้หมดแย๊ว จากคุณ : patj - [ 23 มิ.ย. 51 18:36:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนมุมที่เราจะเห็นกันบ่อย ๆ ก็น่าจะเป็นมุมนี้นะคะ จริง ๆ วันนั้นตอนเราไปที่เอีย ท้องฟ้าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ (มันสวยได้กว่านี้นะ ถ้าเป็นมาตรฐานของกรีซ) เพราะจริง ๆ อีกซักพักฝนก็จะตกแล้ว จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อมูลเยอะดี เข้ามารออ่านค่ะ ยังชวนคุณแฟนไปเที่ยวบ้าง แต่เขาบอก เขาไปมาหลายครั้งแล้ว สักวัน ๆๆๆ ท่องไว้ เพราะบินจากที่นี่ไปก็ไม่กี่ชม.เอง จากคุณ : คนไทยออสโล - [ 23 มิ.ย. 51 18:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ Patj โรงแรมตามไหล่ผานะ มีเยอะแยะเลยหละ เราตอนแรกก็เล็ง ๆ ไว้เหมือนกัน แต่เสียดายเงิน พอดีว่าไปเที่ยวครั้งแรก และเราคิดว่าเราคงไม่ค่อยได้อยู่โรงแรมเท่าไหร่ เราตั้งใจว่าถ้าไปอีก เราจะไปพักที่หมู่บ้านเอีย แทนฟิร่าค่ะ ที่เราเช็คในเว็บมันประมาณ คืนละ 200-300 ยูโรนะ อย่างในรูปบนที่ห็นอยู่มุม ๆ ทางด้านล่างขวามือ จะมีป้ายสีฟ้า ๆ นะคะ ที่นั่นเป็นโรงแรม ส่วนใหญ่แขกที่พักเป็นคนอเมริกัน เรายังไปขอเค้าเดินผ่านเลย (คือพอดีไม่ได้ตั้งใจ แต่เดินไปเดินมา หาทางออกไม่ได้ แล้วแขกคนอเมริกันเค้าใจดี เสนอตัวให้คนที่โรงแรมมาเปิดประตู เราก็เลยนั่งกินกาแฟกับเค้านะคะ) หรืออย่างรูปในความเห็นที่ 20 ที่อยู่มุมซ้ายแล้วมีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ อันนั้นก็โรงแรมเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณคนไทยออสโล ขอบคุณค่ะ ก็พยายามเท่าที่จำได้นะคะ เพราะอยากให้เพื่อนได้ใช้เป็นข้อมูลด้วย แต่ไปเที่ยวที่กรีซไม่ยากเลยค่ะ (แต่ก็จะสนุกกว่านิดหน่อย ถ้ามีเพื่อนเป็นคนพี้นที่ เพราะเค้าจะพาไปที่แปลก ๆ) ถ้าจะไปแล้วหาข้อมูล หลังไมค์มาได้ค่ะ เราจะไปถามเพื่อนให้ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากมุมเดิมเรามองลงไปข้างล่างก็จะเห็นท่าเรือของหมู่บ้านเอีย ซึ่งจริง ๆ แล้วเราก็สามารถไปถึงได้โดยรถยนต์ แต่เนื่องจากเราไม่มีรถ เราก็เลยต้องค่อย ๆ เดินลงไปตามทางค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:51:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พอเราเดินลงมาเรือย ๆ พอเรามองขึ้นไปด้านบน เราจะเห็นว่า มันมีส่วนที่แตกต่างกันอยู่สองส่วน คือ ส่วนที่เป็นบ้านสีขาว และส่วนที่เป็นซากปรักหักพังของบ้านเก่า ซึ่งแทบดูไม่ออกว่า แต่เดิมมันเคยมีลักษณะเป็นอย่างไร จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 18:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และด้วยความที่คุณ H เป็นคนที่ซุกซน ชอบออกนอกเส้นทาง ถ้าแกสงสัยอะไรแกต้องไปดู แกก็เลยยืมกล้อง G9 ของเราไปซูมดู เผื่อว่าแกจะพบ Track ที่เดินไปได้นอกจากไปตามทางบันได แล้วแกก็ไปตามเส้นทางใหม่ที่พบ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เดินไต่เขาไปเรื่อย ๆ เฉียดตกเขาก็หลายที จนกระทั่งไปเจอโบสถ์ร้างแห่งนี้ จริง ๆ มันก็ไม่สวยอะไร แต่เราว่ามันมีประวัติที่น่าสนใจนะ เราพยายามหาคนพื้นเมืองเพื่อถามแล้ว แต่เหมือนไม่มีใครตอบเราได้เลย สงสัยต้องไปอีกรอบ จะได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 และเราก็ได้วิวทะเลนี้ที่เราถ่ายจากโบสถ์ร้างมาฝาก จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาทักทายก่อน  ลงรูปเยอะๆ นะครับหึๆๆ Santorini  เดินเที่ยวยากมั๊ย  ที่สนามบินของกรีซมี Map เป็นภาษา Eng แจกรึเปล่าครับผม จากคุณ : bicycle_trend - [ 23 มิ.ย. 51 19:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ Bicycle_trend เดินเที่ยวไม่ยากค่ะ เราเองก็นั่งรถบัสไปตามหมู่บ้าน แล้วก็เดินเที่ยว เดินเล่นไปเรื่อย ๆ สนุกดี ส่วนเอกสารเป็นภาษาอังกฤษก็สามารถหาได้ตั้งแต่ที่ Airport ใน Santorini เลย ส่วนการเดินทางระหว่างเอเธนส์ กับซานโตรินี่ ถ้าคุณไม่อยากนั่งเครื่อง จะไปด้วยเรือเฟอร์รี่ก็ได้ค่ะ แล้วช่วงท้ายเราจะมาให้ข้อมูลเพิ่มค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพหมู่บ้านเอียจากจุดที่ต่ำกว่า (แต่ไม่ต่ำเท่ากับที่ท่าเรือนะคะ ถ้าถ่ายที่นั่น สงสัยต้องใช้เลนส์ซูมอย่างเริ่ด แทนกล้อง G9) จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เราเดินต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงท่าเรือ มีร้านขายของเล็ก ๆ ซึ่งคุณ H ไปขอซื้อรองเท้าแตะ บอกว่าอากาศร้อน ใส่ผ้าใบไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปเล็ง ๆ ร้านอาหารทันที ไม่รอแล้ว หิวจนจะกินคนได้ 3 คนแล้ววุ้ย สั่งอาหารเสร็จพนักงาน เอาน้ำแร่ที่เราสั่งมาเสิร์ฟ ถ่ายมาเพราะเห็นว่ามันคล้ายกับ  น้ำแร่ Pierre ที่คุณ H ชอบนักชอบหนา คุณ H เห็นขวดหัวเราะใหญ่บอกว่า ของเลียนแบบ แต่พอได้ดื่มเข้าไป ก็บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะอร่อยเหมือนกัน พร้อมยิ้มแช่งว่าจะซื้อมาฝากเพื่อนคนฝรั่งเศสที่เมืองไทย จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วันนี้ขอกินน้อยกว่าปรกติ เพราะตั้งแต่มากินไม่ได้หยุด แถมกินเยอะทุกมื้อ จนลำไส้เริ่มแสดงอาการว่าเหนือ่ย เราสั่ง สลัดบีทรูท สลัดซานโตรินี่ และพาสต้าทะเล มาแชร์กันสองคน อาหารก็คล้าย ๆ ที่อื่น แต่อร่อย ที่แปลกก็คือ สลัดซานโตรินี่ ซึ่งเหมือนสลัดกรีกทุกประการต่างกันก็แค่มะเขือเทศที่เป็นพันธุ์เฉพาะ ปลูกที่นี่เท่านั้น แล้วก็ใส่ใบอะไรไม่รู้มาด้วย ชิมแล้วไม่อร่อยเลยไม่อยากจำชื่อ มะเขือเทศที่ซานโตรินี่มีความพิเศษ คือ เค้าจะขุดเป็นหลุม ๆ เพื่อปลูกมะเชือเทศในหลุม (เหมือนกับการปลูกไวน์ในช่วงแรก) เพื่อนบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะเนื่องจาก ซานโตรินี่ไม่ค่อยมีน้ำหน้าดิน ก็เลยต้องขุดดิน เพื่อให้เกิด condensation ในเวลากลางคืน และเพื่อให้รากได้ดูดน้ำจากในดินลึก ๆ ซึ่งเป็นน้ำแร่จากภูเขา เราฟังก็ไม่ค่อยเข้าใจนะ เลยถ่ายทอดได้แค่นี้ หากมีท่านใดที่มีความสามารถด้านการเกษตร มาช่วยเฉลยก็จะเป็นพระคุณยิ่งค่ะ มาดูหน้ามะเขือเทศกันดีกว่า หน้าตาประหลาดเชียว แถมมีทุกขนาดด้วย แต่รับรอง อร่อยมาก ๆ จากคุณ : Travel Animal - [ 23 มิ.ย. 51 19:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขออนุญาตแปะลิ๊งค์ที่เคยโพสไว้ใน tkt นะคะ Santorini> http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=124745&topic_id=126246 Paros & Mykonos> http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=125508&topic_id=127021 Athens> http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=2&topic_no=126312&topic_id=127836 จากคุณ : nattys - [ 23 มิ.ย. 51 20:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวยได้ใจไปเลยค๊า ชอบ ชอบ จากคุณ : จิ้มลิ้ม - [ 23 มิ.ย. 51 21:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณ nattys : ไปไล่ ๆ กันเลยนะคะ เรานะไม่ได้ไปเกาะภูเขาไฟหรอกค่ะ เวลาไม่พอ เราไปแค่สองวันเองนะ คาดว่าถ้ามีโอกาสจะไปให้นานกว่านี้ แต่เราคงไป Crete แล้วหละ เพราะอยากเก็บไปเรื่อย ๆ ไว้เที่ยวจุใจ ค่อยไปซ้ำที่เดิม เราชอบห้องคุณมากเลยนะ ตอนแรกเราเกือบไป rimida villas ค่ะ ติดอยู่ที่เราไปพักคืนเดียว(แล้วเสียดายเงินนะ) เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ค่อยอยู่โรงแรม แถมเพื่อนบอกไปคืนเดียวอยู่ที่ FIRA ดีกว่า แต่ IA เนี่ยสวยได้ใจมาก ๆ เลย คุณจิ้มลิ้ม : ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 00:21:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 หลังจากที่เรากินอาหารจนอิ่มแล้ว เราก็สั่งน้ำส้มมากินกันคนละสองแก้ว และกาแฟเย็นอีกคนละหนึ่ง ก็อากาศมันร้อนต้องหาอะไรเย็น ๆ มาดับกระหายซักหน่อย นั่งดูคนเดินไปมาซักพัก แอบถามพนักงานเสิร์ฟว่าไปว่ายน้ำที่ไหนได้บ้าง เค้าบอกว่าให้เดินไปเรื่อย ๆ ทางซ้ายมือของร้าน จะมีหาดเล็ก ๆ อยู่ สวยใช้ได้ทีเดียว เราเดินไปจนสุดทางเดิน ไม่เห็นมีหาดอย่างที่เค้าบอกเลย (หรือว่านี่คือชายหาด สำหรับคนกรีก) จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 00:28:37 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่เป็นไร น้ำสะอาดน่าว่ายเล่นอยู่ แถมมีคุณป้าคุณลุงชาวสแกนฯ อยู่สองสามคู่ เราก็เลยไปขอจอยกับเค้าด้วย คุณ H เหมือนเดิม ว่ายน้ำไปซะไกลเชียว ว่ายจนไปถึงอีกเกาะที่อยู่ใกล้ ๆ คงเพราะว่ามันเป็นเวลาที่น้ำลงพอดี ถ้าคนว่ายน้ำเก่ง ๆ ก็ว่ายไปได้ ส่วนเรา ไม่เอาอะ แค่มาว่ายน้ำทะเลที่ไม่มีชายหาดก็เสียวจะแย่ ขอเม้าท์อยู่กับคุณป้าทั้งหลายดีกว่า เราเล่นน้ำกันจนพักใหญ่จนควรแก่เวลา เราก็เลยเดินกลับขึ้นไปที่จตุรัสกลางหมู่บ้าน เพื่อที่จะกลับไป Fira และอาจจะหารถไปเที่ยวที่อื่นต่อ เราชอบบ้านของคนที่นี่นะ เพราะมันดูเล็ก ๆ น่ารักดี บ้านเค้ามันตลก ๆ นะ เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบ้านได้หรือเปล่า แต่คงต้องเรียกว่ากลุ่มบ้าน เพราะบางครั้งเราจะเห็นว่า ระเบียงหน้าบ้านที่ไว้ชมวิวไม่ได้อยู่ติดกับตัวบ้าน แต่มีถนนกั้นกลางอยู่ หรือแม้ว่าบ้านจะเป็นสองชั้นก็ต้องขึ้นบันไดจากนอกบ้าน อย่างบ้านในรูปเนี่ยเราเห็นว่าน่ารักดีเลยถ่ายรูปมา พอเจ้าของบ้านเห็นก็มาส่งภาษาอะไรไม่รู้ ฟังไม่ออก (ตอนแรกนึกว่าเค้าไม่พอใจ) ที่ไหนได้ระหว่างที่ยืนเอ๋ออยู่ เค้าก็เอาน้ำมายื่นส่งให้ ซาบซึ้งมากเลย คุณ H ได้แต่บอกว่า อยากย้ายมาอยู่ที่กรีก ซะเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 00:42:48 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 00:41:00 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ร้านอาหารนี้ สีสันดูสดใสน่าเข้าไปกินจัง แต่เราสองคนก็ไม่ได้แวะ เพราะยังอิ่มอยู่ คุณ H เดาว่าที่นี่อาจเป็นเคยเป็นโบสถ์มาก่อน เพราะมีไม้กางเขนอยู่บนหลังคาบ้าน เราเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ ในใจก็ได้แต่คิดว่า อยากมาที่ IA อีกในวันพรุ่งนี้ คุณ H จะว่ายังไงน้า จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 00:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ลืมรูปอีกแล้วนะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 00:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เดิน เดิน เดิน แถมฝนก็เริ่มตกแล้ว แต่เม็ดเล็ก ๆ พอเดินได้ โชคดีนะเนี่ย ถ่ายรูปไปได้เยอะแล้ว ถ้าฝนตกตอนมาถึงหละก้อ หัวเด็ดตีนขาด ฉันไม่ไปไหนต่อแน่จนกว่าจะได้รูป พอเรามาถึงที่ป้ายรถเมล์ รถก็กำลังจะออกพอดี เราต้องวิ่งตามรถแทบไม่ทัน พอขึ้นมาบนรถได้ ฝรั่งคนอื่น ๆ ในรถปรบมือให้เรากันใหญ่ เราก็อะไรฟะ ตรูวิ่งตามรถเห็นเป็นเรื่องตลก ก็มีฝรั่งคนหนึ่งเค้าบอกว่า เห็นฝนตกแล้ว และคนขับก็แกล้งขับไปช้า ๆ เค้าก็ลุ้นอยู่ว่าเราจะได้ขึ้นรถมาหรือเปล่า เพราะถ้าเราพลาดเที่ยวนี้เราต้องรอไปอีก  1 ชั่วโมง อะไรฟะ มีงี้ด้วย แกล้งผู้โดยสาร แล้วเราก็กลับมาที่ท่ารถของเมือง FIRA เช่นเคย (ขอเรียกว่าท่ารถแล้วกัน เพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ให้จินตนาการถึงท่ารถต่างจังหวัดที่ไหนซักแห่งในเมืองไทย ที่จะมีรถบัสจอดรอคิวอยู่เป็นแถวเป็นแนวนะคะ) ที่ท่ารถจะมีบอร์ดสีดำซึ่งจะติดตารางการเดินรถไว้คอยบอกเวลารถออกจาก FIRA และออกจากสถานที่ปลายทาง ซึ่งมีประโยชน์มากเลยทำให้เราสามารถวางแผนการเดินทางได้ถูก ไม่ต้องมานั่งรอไปเรื่อยไร้จุดหมาย แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 01:03:54 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอนนี้สี่โมงแล้ว ทำอะไรดีหละ ไม่มีไอเดีย จำได้แค่ว่า เพื่อนแนะนำให้ไปกินอาหารกลางวันที่ Red Beach เพราะวิวดีอาหารอร่อย แต่อาหารก็กินแล้ว ไม่เป็นไร ถ้าวิวสวยเราไปว่ายน้ำเล่นอีกรอบก็ได้ รถจะออกตอนประมาณห้าโมงสิบห้า มีเวลาชั่วโมงนึง ไปเช็คเมล์ดีกว่า คราวนี้เราเสียค่ารถประมาณ 1.8 ยูโร แพงกว่าไปเอีย แต่ก็นับว่าราคาไม่แพง แถมค่อนข้างสะดวก นั่งไปซักพักก็มีคุณลุงมาสะกิดคุยด้วย ถามว่ามาจากไหน พอเราบอกไปแกก็ถามอีกว่าทำไมมาเล่นน้ำเอาป่านนี้ รถเที่ยวสุดท้ายหมดสองทุ่มนะ เราก็บอก โอ้ยชั่วโมงเดียวเหลือแหล่ ไม่อยู่จนดึกหรอกค่ะ คุยไปคุยมาลุงบอกว่าลุงเป็นเชฟที่ร้านอาหารที่ red beach ให้ไปแวะหา จะเลี้ยงกาแฟ แนะซะงั้น ทำไมคนกรีกนี่ใจดีเหลือหลาย เลี้ยงของคนแปลกหน้าตลอดเลย เราดีใจใหญ่ แต่คุณ H นะขำ บอกว่า เค้าเห็นเธอเป็นลาวนะสิ ถึงได้อยากเลี้ยงดูปูเสื่อ อะไรเนี่ย แทนที่จะชมว่า ฉันมนุษยสัมพันธ์ดี มาแซวว่าเป็นลาวซะนี่ เออ จริง ๆเราก็มีเชื้อสายลาวจากทางคุณพ่อนะเออ เรานั่งรถไปประมาณ 45 นาที เราก็มาถึง Red Beach แต่ไม่เข้าใจว่ามันสวยตรงไหนเนี่ย หาดมีแต่หินสีดำ แล้วตรูจะกล้าเล่นน้ำได้ไงหละ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จริง ๆ หาดนี้น่าจะชื่อ Black Beach มากกว่า เพราะมันเป็นสีดำ เดินย้อนกลับไปตรงที่เป็นใจกลางชุมชนก็เห็นป้าย Akritori Site เราก็เลยอยากไปดูรู้สึกว่า มันจะเกี่ยวกับบรรพบุรุษของคนบนเกาะนี้ แต่นะ Akritori Site ปิดตั้งแต่บ่ายสอง มิวเซียมอะไรเนี่ยปิดแต่หัววันเชียว นี่ไม่ใช่หน้าหนาวนะ ในเมื่อไม่มีอะไร เราก็ต้องไปที่ชายหาด คุณ H บอกให้ลองเดินเลียบหาดไปเรื่อย ๆ โดยเราไปทางที่ไม่มีร้านอาหารตั้งอยู่ เผื่อจะมีที่ให้เราได้ลงเล่นน้ำได้ เราก็ว่าไงว่าตามกัน เดินไปเรื่อย ๆ ได้มาหยุดแถว ๆ นี้ แล้วก็วางของทิ้งไว้ พร้อมทั้งกระโจนลงน้ำ จริง ๆ มันก็ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด แถมเราชอบมากกว่าเล่นน้ำที่หาดทรายอีก เพราะว่าเราสามารถนั่งบนหินที่อยู่ในน้ำได้ และคลื่นก็ไม่ค่อยแรง เลยเหมือนเล่นน้ำอยู่ในจากุชชี่ขนาดใหญ่ คุณ H นั้น ก็ตามเคย ว่ายออกไปกลางทะเลเลย พอซักพักก็มานั่งเล่นกับเรา พร้อมทั้งเก็บหินมาดู หินที่นี่สีแปลกดีดูจากชายหาดเหมือนเป็นสีดำ แต่พอลงไปในน้ำแล้วหยิบมาดูกลับเป็นสีต่าง ๆ ทั้งสีเขียว สีฟ้า สีส้ม เราอยากเก็บมา แต่สุดท้ายก็ทิ้งไว้อย่างเดิม ไม่กล้าหยิบติดมือมานะ เสียดาย เดี๋ยวธรรมชาติมันจะหายไป จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เดินย้อนกลับมาเพื่อจะรอรถ เจอคุณลุงเชฟ เค้าก็เลยเลี้ยงกาแฟเรา แบบหนึ่งเป็นแบบปั่น และอีกแบบเป็นกาแฟเย็นใส่นม คนกรีกเรียกว่า frappe จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เราขอบคุณคุณลุง ด้วยการให้เงินบาทไปเป็นแบงค์ร้อย แล้วบอกให้คุณลุงเก็บมาใช้ที่เมืองไทย พอเรากินกาแฟเสร็จรถก็มาพอดี เราเดินทางกลับไปยังทางเดิม (ก็ถนนมันมีแค่ไม่กี่สาย สายหลักก็มีแค่สายเดียว) หน้าตาของถนนในเกาะ Santorini จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 49 พอเรามาถึงที่ท่ารถ เราก็ตั้งใจว่าจะลองเดินกลับโรงแรมดู นั่งรถมาสองรอบแล้ว เราน่าจะจำทางได้ เราเดินลงไปตามเขาด้านตะวันออกของเกาะเรื่อย ๆ ก็ชักงง เพราะถนนมันจะเล็ก ๆ และวนไปวนมา เริ่มไม่แน่ใจว่าจะไปยังไง แต่เพราะเรามองเห็นอาคารโรงแรมอยู่ไม่ไกล เราก็เลยเดินไปตามทางที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ใช้เวลาทั้งสิ้นไม่น่าจะเกินสิบนาที พอมาถึงน้องผู้จัดการ (ซึ่งชื่อ Nikos) ก็เข้ามาถามไถ่ ถึงเรื่องการผจญภัยของเรา เราคุยกับเค้าเล็กน้อย พร้อมกับให้เค้าแนะนำร้านอาหารซึ่ง Nikos ก็แนะนำให้เราไปกินที่ Dionysos ซึ่งอยู่ในย่าน Shopping Street คุณ H ชวนว่ายน้ำเล่นในสระ ก็ดีเหมือนกัน มีสระว่ายน้ำพร้อมวิวสวย ๆ ต้องใช้บริการซะหน่อย พอเสร็จอาบน้ำแต่งตัว ตายละหว่า นี่มันจะสองทุ่มครึ่งแล้ว จะไปทันดูพระอาทิตย์ไหมเนี่ย เรารีบเร่งคุณ H ให้ออกไปที่ในเมือง FIRA แม้ไม่ได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่ IA ที่เค้าว่าสวยนักหนา ฉันก็ขอดูพระอาทิตย์ตกที่ FIRA แล้วกัน เราเดินกันมาโดยมีจุดมุ่งหมายตรงที่เป็นหน้าผาที่สามารถมองเห็นวิว Caldora ได้ พอมาถึงก็เกือบจะไม่ได้เห็นแสงของพระอาทิตย์เสียแล้ว จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เดินเล่นแถวนั้นซักพัก ท้องร้องอีกแล้ว เราก็เลยต้องตามหาร้าน Dionysos แต่ Direction ที่น้อง Nikos ให้มามันไม่ค่อยเคลียร์กว่าเราจะหาร้านเจอก็เสียเวลาไปเป็นครึ่งชั่วโมง แถมต้องถามทางไปเรื่อย ๆ ดีว่าคนที่นี่นะอัธยาศัยดีมาก ๆ เรามาถึงร้าน หน้าตาดูดี แถมคนค่อนข้างแน่น เดินเข้ามายังไม่ทันได้ห้าก้าว ก็มีบริกรเข้ามาบริการ เค้าเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากและก็มี Service mind มาก ๆ ด้วย เราให้เค้าแนะนำทั้งอาหารและไวน์มาให้ ซึ่งที่นี่ทำให้เราค้นพบไวน์ Nikteri ซึ่งสุดท้ายเราก็ขนกลับมาฝากเพื่อนที่เอเธนส์และเมืองไทยเป็นครึ่งโหล อาหารที่เราสั่งในวันนี้ก็มีหลายอย่าง คือ มะเขือเทศสอดไส้ เห็ดอบเนย ปลาหมึกย่างใส่น้ำมันมะกอกกับมะนาว มีทบอลราดซอสมะเขือเทศ และ Dionysos salad ดีใจได้มา Santorini เกาะก็สวย คนก็น่ารัก แถมอาหารยังอร่อยอีกด้วย จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อาหารมาแล้ว จานแรกเป็นมะเขือเทศยัดไส้ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตามด้วย เห็ดอบเนย อันนี้คุณบริกรเค้าบอกว่าเด็ด เมนูแนะนำ เหมาะกับเราซึ่งต้องการลดอาหารและกินอะไรเบา ๆ ไม่หนัก จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 01:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จานถัดมาก็เป็นหนวดปลาหมึกย่างค่ะ ก็อร่อยมากเหมือนกัน จริง ๆ อาหารทะเลที่กรีซอร่อยทุกอย่าง คุณ H ผู้ซึ่งไม่ fancy กับการกินอาหารทะเล และเกลียดปลาหมึกเป็นชีวิตจิตใจ ยังชอบมากเลย บอกว่าถ้าเป็นที่กรีซหละก็กินได้ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 02:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 54 นอกจากอาหารและไวน์แล้ว เราประทับใจบริกรมาก ๆ เลย เรากับคุณ H พนันกันว่าเค้าเป็นคนชาติอะไร เราทายถูกว่าเค้าเป็นคนอิตาลี สอบถามได้ความว่าเค้าจะอยู่ที่ Santorini 6 เดือน แล้วก็จะไปอยู่ที่บ้านเกิดคือ Milan อีก 6 เดือน เพราะเค้าชอบ Santorini มาก เค้าบอกว่าไม่เคยมาเมืองไทย แต่ได้ยินว่ามีชายหาดที่สวยมาก ถ้ามีโอกาสเค้าก็อยากมาเที่ยว มื้อนี้เราจ่ายค่าอาหารไปประมาณ 60 ยูโร ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยเพราะมีไวน์ด้วย (ไวน์ Nikteri ที่เรากิน ถ้าเป็นร้านอื่น เค้าคิดขวดละ 25 - 30 ยูโรค่ะ แต่รู้สึกร้านนี้จะคิดแค่ 18 ยูโร แต่ถ้าไปซื้อในซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็เหลือขวดละ 8.75 ยูโรเท่านั้น เราก็เลยหอบมา 6 ขวด) จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 02:10:58 ]

ความคิดเห็นที่ 55 กินข้าวเสร็จ แวะดื่ม Mojito ที่ผับใกล้ ๆ ร้าน Dionysos นั่งดูดาวไปด้วย เฮ้อ มีความสุขจัง อยากให้นาฬิกาหยุดหมุนซะนาทีนั้น นั่งดื่มด่ำบรรยากาศพอสมควร เราก็เดินกลับโรงแรมที่พัก พูดถึงโรงแรมที่เราพักเนี่ยก็ดีเหมือนกัน เพราะมันอยู่ไม่ไกลจาก FIRA และก็เดินทางสะดวก แต่ขณะเดียวกันก็แยกออกมาซักหน่อย พอให้มีความรู้สึกเป็นส่วนตัวไม่แออัดจนเกินไป คุณ H นะชอบโรงแรมนี้มาก เพราะความที่เค้าไม่ชอบอยู่ในที่จอแจ วันนี้เราก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย (อีกเช่นเคย) จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 02:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 56 รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ จากคุณ : เด็กชายหัวตะปู - [ 24 มิ.ย. 51 15:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณเด็กชายหัวตะปู ขอบคุณที่ติดตามค่ะ และขอโทษด้วยที่เขียนไม่เสร็จซักที เพราะว่ามันเป็นวันธรรมดานะ ต้องทำงานไปด้วย (และตอนนี้นะ งานดองมาจากช่วงสองอาทิตย์ที่ไปเที่ยวเนี่ยแหละค่ะ งานก็เลยค่อนข้างล้นมือ ต้องรีบเคลียร์) จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 15:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 58 วันที่สิบห้า (14 Jun 08) ตื่นประมาณ สิบโมง เฮ้อ สระว่ายน้ำน่าว่ายจังเลย อยากโทรไปบอกนายที่กรุงเทพฯ ว่าขอลาต่อ ก็กลัวนายจะบอกว่า ให้ลาออกไปเลย (ถ้าลาออกไปเลย จะเอาเงินที่ไหนมาเที่ยวหละ) ชวนคุณ H ไปกินอาหารที่ห้องอาหารซึ่งเป็นเหมือนกับเต๊นที่มีผ้าใบแบบโปร่งกันลม ทำให้เราสามารถเห็นวิวทะเลได้รอบทิศ แล้วก็ยังให้ความรู้สึกสบาย ๆ อีกด้วย น้อง Nikos ผู้จัดการโรงแรมกุลีกุจอให้คุณแม่บ้านเตรียมอาหารเช้าให้เรา ซึ่งเป็นแบบง่าย ๆ คือมี ขนมปัง ครัวซอง เค้ก กาแฟ น้ำส้ม และผลไม้สด ซึ่งก็มีให้เลือก คือเชอร์รี่ และพีช อาหารเช้าจัดว่าโอเคนะ จริง ๆ เราว่า 70 ยูโรเนี่ย ถือว่าราคาโอเคเลย เพราะเราสามารถเช็คอินได้ตั้งแต่เช้า (ก็เมื่อวานนะมาถึงตั้งแต่ไก่โห่เลย) แถมวันนี้น้อง Nikos ใจดี อนุญาตให้เราเช็คเอ้าท์เลทได้ถึง หกโมงเย็น เอ๊ะ ! เราฟังผิดไปอะป่าว แต่ก็ไม่นะ แกบอกให้เราเช็คเอ้าท์เลทได้ แล้วแกก็จะขับรถไปส่งที่ท่าเรือด้วย แกบอกเราจะได้ไม่ต้องไปเบียดกับคนบนรถบัส โฮ นอกจากหน้าตาหล่อ เท่ห์ แถมยังใจดีอีกแฮะ พอกินข้าวเสร็จ เราก็ปรึกษากันว่าไปไหนดี คุณ H อิดออดบอกว่าเจ็บเท้า เพราะเนื่องจากรองเท้ากัด เป็นแผล ก็จะไม่ให้กัดได้ยังไงหละค่ะ อาเฮียใส่รองเท้าผ้าใบ แต่ไม่ใส่ถุงเท้า แล้วมันหน้าร้อน เดินเยอะ พอเท้าอับแล้วเสียดสีกับรองเท้า เท้ามันก็เป็นแผลนะสิ เราก็เอ๊ะ เธอ ทำให้ฉันเที่ยวไม่เต็มที่อีกแล้ว แต่คิดไปคิดมา มาเที่ยวกันสองคนมันก็ต้องหยวน ๆ ค่ะ สำหรับเรื่องบางเรื่อง อย่างถ้าเราไปตะลุยเที่ยวคนเดียว มันก็ไม่สนุกอีก อะไม่เป็นไร Santorini ไว้มาใหม่แก้ตัวก็ได้ วันนี้เราก็เที่ยวชิว ชิว เหนื่อยก็พัก แล้วกัน น้อง Nikos เสนอตัวขับรถไปส่งเราใน FIRA พอเค้าปล่อยเราที่จัตุรัสกลางหมู่บ้าน เราก็เลยเดินเที่ยวตรงทางเดินริมทะเล ที่สามารถเห็นวิว Caldera ได้ถนัด พร้อมทั้งสืบราคาของที่ระลึกด้วย จริง ๆ เพื่อนคนไทยที่เอเธนส์บอกให้เราหาซื้อสมุดโน๊ตที่หน้าปกเป็นรูปหมู่บ้าน IA ไปฝากเพื่อนที่เมืองไทย เพราะเห็นบอกว่า สวย น่ารัก และราคาไม่แพง เราก็เดิน เดิ้น เดินหา กี่ร้าน กี่ร้านก็ไม่มี คุณ H ก็ช่วยหาด้วย สุดท้าย ถอดใจ ไปเดินเที่ยวดีกว่า เรื่องอะไร จะมามัวเสียเวลาหาของฝากทั้ง ๆ ที่เวลาก็ไม่มี ไว้หาไม่ได้จริง ๆ ไปซื้อที่ เอเธนส์ก็ยังทัน เราว่า FIRA กับ IA ก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ความน่ารักของ IA ก็คือบ้านจะกระจุกตัวอยู่ด้วยกันหมด และเราก็ต้องเดิน และเดินเท่านั้น เป็นหมู่บ้านที่เล็กกว่า FIRA ทำให้โดยรวมมันดูประทับใจมากกว่า นี่เป็นรูปบ้านที่ FIRA ที่ถ่ายจากริมทะเล จะเห็นเกาะอีกเกาะอยู่ลาง ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็น Thirassia หรือ Kameni จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 16:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 59 และแนว Caldera ของ FIRA ก็สูงใหญ่ เห็นชัดเจนมากกว่า ที่ FIRA มีท่าเรือสองที่ คือ Old Port ซึ่งที่จอดเรือสำราญ พวก Cruise ล่องเรือทะเลเมติเตอเรเนี่ยน และเรือนำเที่ยวรอบเกาะ อะไรประมาณนี้ ในขณะที่ New Port จะเป็นท่าเรือสำหรับเรือโดยสาร เช่น Blue Star หรือ Hellenic Seaway การเดินทางไป Old Port ก็สามารถทำได้ 3 ทาง คือ แบบแรกเดินลงไปตามขั้นบันได (ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปชม) แบบสองคือการขี่ลา หรือม้า หรือล่อ ซึ่งก็จะลงไปทางเดียวกัน หรือแบบที่สาม คือการนั่ง Cable Car ซึ่งราคาตั๋วคนละ 4 ยูโร สำหรับการเดินทางไป New Port ต้องไปโดยรถท่านั้นค่ะ ซึ่งสามารถนั่งรถโดยสารได้จากท่ารถ มีรถออกทุก ๆ 1 1/2 ชั่วโมงค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 16:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เราเดินเล่นดูของและเล็ง ของที่เราอยากได้ไว้แล้ว เราก็ไปแวะที่บริษัททัวร์ เพื่อไปรับตั๋วเรือ Ferry ที่จะกลับเอเธนส์เย็นนี้ จริง ๆ ตอนแรกเราจองผ่านทางอินเตอร์เน็ท ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปจองและหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Routing ต่าง ๆ ของเรือได้ที่ http://www.greek-islands-ferries.gr/ จริง ๆ เว็บไซด์อื่นก็มีแต่เพื่อนเราแนะนำอันนี้ค่ะ พอเราเข้าไปเราจะเห็นเที่ยวเรือเวลาต่าง ๆ กัน ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถนั่ง Speed Boat (แต่เป็นเรือขนาดใหญ่นะค่ะ ที่บรรทุกคนประมาณ 800 คน) จาก Piraeus (ท่าเรือที่ใกล้ ๆ กับเอเธนส์) ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจะเลือกนั่ง Ferry ที่ใหญ่เหมือนเรือสำราญก็ได้ แต่เรือแบบนี้จะวิ่งช้ากว่า และมีที่นั่งให้เลือกหลากหลาย ทั้งเป็นแบบห้องนอน LUX มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัว หรือเป็น Cabin แบบ 2 เตียง หรือ 4 เตียงค่ะ เราสองคนเลือก Ferry ของ Blue Star ซึ่งจะออกจาก Santorini ตอน 19.30 น. (เวลาเรือ ต้องเช็คในเว็บอีกทีนะคะ ซึ่งแต่ละเดือน ตารางเดินเรือ อาจแตกต่างกัน) และจะไปถึง Piraeus ตอนประมาณ 5.00 น. ของอีกวันหนึ่งค่ะ ราคาตั๋วคนละ 86 ยูโร สำหรับห้องที่ดีรองมาจาก ห้อง LUX (จริง ๆ อยากได้ห้อง LUX แต่จองไม่ทันค่ะ ห้อง LUX จะราคาที่ 95 ยูโร) วิธีการจองเราใส่ข้อมูลเข้าไป ให้ข้อมูลบัตรเครดิต ทางเว็บจะยังไม่คอนเฟิร์มทันที ซึ่งตอนแรกเราก็กลัวเหมือนกัน ว่าจะไว้ใจได้หรือเปล่า แต่พอผ่านไปแค่คืนเดียว เจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับมาค่ะ พร้อมถามว่า เราจะไปรับตั๋วเอง หรือให้เค้ามาส่ง เราก็เลือกไปรับเอง (ซึ่งทำให้เราต้องมาแวะที่ออฟฟิศของบริษัททัวร์นี้) แต่ตอนที่เอาตั๋วก็ไม่ยุ่งยากค่ะ แค่ยื่นอีเมล์ที่เค้าคอนเฟิร์มกลับมา เจ้าหน้าที่ก็พิมพ์ตั๋วให้เรา เป็นอันเรียบร้อย สามารถเดินทางได้ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 17:57:12 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 17:08:31 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ^ เรือ speed boat ที่พูดถึงจาก santorini ไป piraeus จะเป็น High Speed 5 หรือ Flyingcat 3 ของ Hellenic Seaways จุคนได้ 800 คนและ 360 คน ตามลำดับ ไม่ใช่ 100 คนค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 17:47:39 จากคุณ : nattys - [ 24 มิ.ย. 51 17:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ Nattys ขอบคุณค่ะ แก้ไขแล้วค่ะ พอดีเรารีบเลยพิมพ์ผิดไป ตอนเราเช็ค เราเช็คแต่ High Speed 5 นะคะ แต่สุดท้าย ก็เลือก Blue Star จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 18:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 หลังจากได้ตั๋วแล้ว และคุณ H ส่อแววไม่อยากไปไหน เราก็เลยตกลงกันว่า เราเดินชมเมือง FIRA กันดีกว่า แล้วค่อยหาร้านอาหารอร่อย ๆ กินกันตอนเที่ยง พอเดินมาที่ทางเดินริมทะเล ด้วยความที่เราอยากเดินลงไปที่ Old Port (คือ จริง ๆ เป็นคน ไฮเปอร์ และชอบเดินมาก มาเที่ยวทั้งทีก็เลยขอเดินเล่นให้ฉ่ำปอด เพราะโอกาสเดินสูดอากาศดี ๆ แบบนี้ที่กรุงเทพฯ คงไม่มี) ตอนแรกเราเสนอให้คุณ H ไปหาร้านกาแฟนั่งรอ หรือไปรอที่โรงแรมก็ได้ แต่อาเฮียไม่ยอมบอกว่าจะไปด้วย เพื่อให้คุณ H สามารถเดินได้แบบไม่ทรมานมาก เราก็ไปแวะซื้อปลาสเตอร์ยา และผ้าพันแผลมาปิดแผลที่โดนรองเท้ากัด ซึ่งคุณ H บอกว่า โอเค ทางเดินลงไป เท่าที่เราเห็นจะมีบันไดอันเดียว ระหว่างทางเดินลง เราจะเห็นม้า ลา ล่อ และเจ้าของของพวกมัน นั่งรอให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการ และดูเหมือนว่าในกลุ่ม จะมีเหมือนเป็นหัวหน้า ทำหน้าที่เรียกแขกด้วย เวลามีใครมาถาม เราก็ได้แต่ say no ลูกเดียว เพราะเราสงสารมันนะ เดินขึ้นเดินลง ท่าทางเมื่อยแย่เลย จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 18:09:30 ]

ความคิดเห็นที่ 64 บันไดที่ FIRA สูงและก็เดินลำบากกว่าที่ IA สาเหตุก็เพราะว่า ไม่ได้มีแต่คนเดิน เวลาที่เราเดิน เราต้องระวังพวกม้า ลา ล่อ ทั้งหลายไม่ให้มันเดินมาขวิดเราได้ นอกจากนี้สิ่งที่เราต้องระวังเป็นพิเศษก็คือบรรดากองอุจจาระ ที่พวกมันขับถ่ายไว้ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนต้องคอยเดินหนีกับระเบิด แถมไม่ใช่ที่ราบ แต่เป็นบันไดที่สุดแสนจะชันอีกต่างหาก   จากรูปจะเห็นได้ว่า เหมือนกำลังเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อยู่ ไปทางซ้ายเจอม้า ไปทางขวาเจอกองอึ 555555 ที่เห็นเนี่ย ยังน้อยนะคะ บางช่วงนะ เราคิดไม่ออกเลยว่าจะเดินหลบยังไง แถมยังมีกลิ่นตุ ๆ ลอยมาประกอบการเดินทางตลอด ทำให้เราไม่ค่อยได้มีเวลาสนใจวิวทิวทัศน์เท่าที่ควรค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 18:47:28 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 18:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เราเดินสวนกับคาราวานนักท่องเที่ยวจากสเปน (ฟังจากภาษาที่เค้าพูดกันนะคะ) นักท่องเที่ยวพวกนี้มากับเรือสำราญที่แวะจอดเรือที่ Old Port ซึ่งที่ Old Port นะไม่มีอะไรเท่าไหร (คล้าย ๆ กับท่าเรือที่ Ammoudi ใกล้ ๆ หมู่บ้าน IA เท่าที่ถามน้อง Nikos เค้าบอกว่าธุรกิจให้นั่งลาเนี่ย เป็นธุรกิจที่ทำเงินมากเลยค่ะ เพราะรู้สึกว่า เที่ยวละ 15-25 ยูโร แล้วแต่การต่อรอง (ไม่แน่ใจเรื่องราคานะคะ) ซึ่งวัน ๆ นึง ลาพวกนี้เดินไม่รู้กี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว เพราะแทบทุกวันจะมีเรือสำราญมาแวะจอดที่ FIRA ค่ะ บางวันก็มีเรือมาจอดทีเดียว 5-6 ลำ และแต่ละลำก็มีผู้โดยสารเยอะมาก ก็คำนวณกันเอาค่ะ ว่า คุณคนขี่ม้าจะรวยกันขนาดไหน จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 18:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณลุงกำลังนั่งพักหย่อนใจ ชมวิว ในขณะที่แกก็ปล่อยให้ม้าของแกพักเล็มหญ้าอยู๋ตามขั้นบันได จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 18:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เรือที่มาแวะจอดที่ FIRA ซึ่งวันนี้ถือว่าไม่เยอะเลยค่ะ ตอนขาขึ้นจาก Old Port กลับไปยัง FIRA ที่อยู่ด้านบน เราเลือกนั่ง Cable Car แทน ซึ่งทำให้เราได้รู้จักกับสองสามีภรรยาซึ่งเป็นนักร้อง และนักดนตรีอยู่บนเรือสำราญ เค้าเล่าให้เราฟังว่าเรือของเค้าจะจอดแวะตามเกาะต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ในเขต Cyclades Islands ประมาณ 4-5 เกาะ โดยมีปลายทางอยู่ที่ Istanbul (แต่เราก็ไม่รูว่า Routing เค้าเป็นอย่างไรบ้าง) ซึ่งเค้าทั้งคู่บอกว่ารู้สึกสนุกมากและชอบงานนี้เพราะได้เที่ยวไปเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้เค้าก็ทำงานในเรือสำราญแถบแคริบเบียน แต่เค้าบอกว่าไม่เคยมาเที่ยวเมืองไทยเลย รู้แต่ว่า เมืองไทยมีหาดสวยมาก (เค้าดูจากเรื่อง The Beach นะคะ) เราก็แหม ปลื้มเชียว เวลามีคนมาชมประเทศเรา จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 วิวหมู่บ้าน FIRA จาก cable car จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ค่อนข้างแออัดกว่าที่หมู่บ้านเอีย จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เราขึ้นมาจาก Old Port ก็ท้องร้องอีกแล้ว แต่เราอยากเปลี่ยนบรรยากาศนะ เพราะเห็น Caldera มากเกินไปแล้ว ควรจะเปลี่ยนไปมุมมองอื่น ๆ บ้าง แต่ปัญหาคือจะไปไหนดี ตัวเราอยากไปดู Akritori Site ที่อยู่ไม่ไกลจาก Red Beach แต่คุณ H ก็บอกว่า เค้าไม่อยากไปเพราะไม่อยากเดินให้มันเจ็บขา แค่ยอมเดินลงบันไดไปที่ Old POrt ก็แย่พอแล้ว จำได้ว่า คืนที่แล้ว บริกรที่ร้าน Dionysos แนะนำให้ไป Kamari (อีกแล้ว เราไม่ได้คิดเองเลย ไปตามชาวบ้านบอกตลอด ต้องออกตัวว่า จริง ๆ แล้วเราไม่ได้หาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับกรีซมาก่อนเลย แค่รู้งู ๆ ปลา ๆ เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เพราะเราค่อนข้างสนใจเรื่องนี้ แต่จะไปไหน ยังไง ไม่ได้คิดมาล่วงหน้า เพราะตั้งใจว่าจะไปเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ และอีกอย่างก็หวังเกาะเพื่อนเติมที่ คือให้เพื่อนคิดให้ เพราะคิดว่าคน Local เค้าต้องแนะนำอะไรน่าสนใจให้เราอยู่แล้ว ก็เลยไม่มีการเตรียมตัวใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่าง เราก็เลือกเอาเฉพาะหน้า นาทีสุดท้ายตลอด ที่บอกอย่างนี้ไม่ใช่อะไรค่ะ อยากบอกว่า การไปเที่ยวกรีซไม่ยากเลย และก็สนุกมากด้วย เพราะคนที่นี่เค้ามนุษยสัมพันธ์ดี และมีความเป็นมิตร อีกทั้งยังเฮฮา ครื้นเครง เหมือนคนไทยด้วย ดังนั้นหากใครคิดอยากมา ก็อย่ารอช้าเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 19:25:35 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 71 การเดินทางก็เหมือนเดิม มาเริ่มต้นที่ท่ารถ ค่ารถไป Kamari คนละ 1.4 ยูโร และเราก็เจอคุณลุงคนขับคนเดิม ซึ่งเค้าก็ถามว่าจะไป Kamari ทำไม เราก็บอกว่า ไปหาข้าวกิน เค้าก็มองอย่าง งง ๆ แล้วบอกว่าให้กลับโรงแรมไปเอาชุดว่ายน้ำมาก่อนค่อยไปก็ได้ (คือเราแต่งตัวธรรมดา ไม่มีกระเป๋าอะไรเลย เพราะวันนี้ไม่ได้คิดจะเล่นน้ำแล้วค่ะ) แต่เราก็บอกว่า เล่นน้ำเบื่อแล้ว ซักประมาณ 20 นาที รถบัสก็พาเรามาถึง Kamari ซึ่งตอนแรกเรามีความรู้สึกว่า มันเหมือนกับ บริเวณหาดกะตะ กะรนที่ภูเก็ตนะ คือจะมีร้านขายของ ขายเสื้อผ้า ร้านสะดวกซื้อ บาร์ และร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด คุณ H บ่นฮึดฮัดตอนแรก ว่าทำไมมันดูคนเยอะแยะจอแจ แถมเหมือนพัทยาเลย เราก็เอานะ เอานะ มาแล้วนี่ เดินไปที่ชายทะเลกันดีกว่า พอเห็นทะเลเท่านั้นแหละ อาเฮีย บอกว่าจะไปซื้อกางเกงว่ายน้ำ เพราะว่า หาดมันน่าเล่นน้ำมาก ซึ่งเราก็เห็นด้วย (พร้อมคิดในใจว่า ทำไมตูไม่มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานนะ วันนี้จะได้ไปที่อื่นแทน เพราะหาดที่นี่ดูดีกว่า red beach เป็นไหน ๆ แถมเราก็อยากไปเที่ยวภูเขาไฟมาก แต่คุณ H บอก ภูเขาไฟที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน ยูไปฟูจิมาแล้ว จะไปทำไมอีก..... บ๊ะ ไม่เข้าใจคนมีหัวใจเป็นนักเดินทางเลยวุ้ย มาทั้งที มันก็ต้องไปดู ไปเห็นหลาย ๆ อย่างซิ) แต่อย่าทะเลาะกันเลย ไหน ๆ ก็ไหน แล้ว ไปซื้อกางเกงว่ายน้ำดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณ H เดินเลือกกางเกงว่ายน้ำมาได้หนึ่งตัว ส่วนเราไม่เอาดีกว่า เสียดายเงิน เรื่องอะไรฉันต้องมาซื้อบิกินี่โนเนมที่ราคาแสนแพง Bangkok เมืองแฟชั่น มีแบบให้เลือกเยอะแยะ แถมถูกกว่าเป็นไหน ๆ (คืออันนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลนะคะ เพื่อนคนกรีก เค้าชอบแซวว่าเรานะคิดคำนวณ เรื่องค่าเงินมากเกินไป ซื้อ ๆ ไปเถอะ อย่างน้อยกลับไปบอกคนอื่นได้ว่า ซื้อมาจากกรีซ) จริง ๆ เราก็ซื้อของเยอะนะ แถมทริปนี้ขนมาเต็มเลย แต่เราไม่อยากซื้ออะไรที่เมืองไทยก็มีขาย และที่สำคัญยิ่งเศรษฐกิจโลกเป็นแบบนี้ ของบางอย่างมีแล้ว ก็ไม่ควรซื้อเพียงเพราะอยากซื้อ ตอนนี้เราก็กำลังพาตัวให้อยู่ในการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงอยู่นะคะ (โดยเฉพาะกลับมาจากเที่ยวครั้งนี้..... ) ไม่รู้ว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ แล้วเราก็แอบเลียบเคียง ถามคนขายกางเกงว่ายน้ำว่า คุณพี่คนสวยค่ะ อยากกินอาหารอร่อยค่ะ ไปกินร้านไหนดีค่ะ ซึ่งคุณพี่เธอก็ใจดีแนะนำให้เราไปกินร้านซึ่งอาหารอร่อย (อีกแล้ว มาเที่ยวคราวนี้ กิน และ กิน และกิน) และบรรยากาศร้านก็น่านั่งมาก ๆ เลยค่ะ ชื่อว่าร้าน Nichteri จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เราสั่ง สลัด Nichteri, กุ้งราดซอสมะเขือเทศ, ผักย่างรวมมิตร และสลัดบีทรูท (คือว่า ตั้งแต่แยกกับเพื่อน เพื่อมาจู๋จี๋กันสองคนที่ Santorini เราก็ตั้งใจว่าจะต้องควบคุมอาหาร เพราะกินเยอะตลอดตั้งแต่ที่สเปนและฝรั่งเศสแล้ว) อาหารน่ากินทุกอย่าง และไวน์ ซึ่งเป็น house wines ก็อร่อยมาก ๆ เราไม่ได้ถ่ายรูปอาหาร (อย่างที่ทำประจำ) เพราะหิวจนตายลาย อาหารมาปั๊บกินเลย มารู้สึกตัวอีกที ก็โน่น เหลือแต่จานเปล่า ก็ดูรูปขนมปังแล้วกันนะคะ เป็นออร์เดิร์ฟที่เค้าเอามาให้ก่อนอาหารมา ที่เห็นในรูปเป็นดิปที่ทำจากมะเขือเทศและแอนโชวี่ รสชาดออกเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ กินแล้วอร่อยใช้ได้ เราเลยซื้อแบบที่เค้าขายเป็นกระปุกมาฝากเพื่อนฝรั่งที่ออฟฟิศค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 19:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ตามมาชมต่อจากกระทู้ที่แล้วครับ เกาะอาไรช่างน่าอยู่ คนก็น่ารักมากมาย รูปเยอะและสวยมาก อีกทั้งเพียบด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์ ขอบคุณมากนะครับ จากคุณ : นาถาพร (เจ้าเก่า) - [ 24 มิ.ย. 51 21:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คุณน้าถาพร (เจ้าเก่า) ขอบคุณที่มาตามชมกระทู้อย่างต่อเนื่องเลยค่ะ เรื่องก็ใกล้จบแล้วละค่ะ ยินดีนะคะ ถ้าคนอ่านได้สาระ และความบันเทิง ไปพร้อม ๆ กัน จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 22:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ผู้คนที่นี่น่ารัก และมีน้ำจิตรน้ำใจมากจริง ๆ ค่ะ บริกรที่ร้าน Nichteri เป็นคนแนะนำ Super Market ที่ขายไวน์ราคาถูกให้กับเราด้วยค่ะ เค้าบอกว่าเป็นที่ที่ร้านเค้าสั่งไวน์มา ซึ่งราคาก็ถูกกว่าร้านอื่นจริง ๆ พอเรากินกันอื่มหนำสำราญ คุณ H ไปว่ายน้ำ ระหว่างที่เดิน คุณ H ก็ไปเห็นคนเล่น wake board ซึ่งเป็นกิจกรรมที่คุณ H ชอบมาก ๆ ไปทะเลไหน ๆ อาเฮียแกต้องไปลอง ไม่พูดพร่ำทำเพลง แกก็เดินไปต่อรองราคา แล้วเดินมาบอกว่า ให้เราจ่ายเงินไป 25 ยูโร เพื่อ Wake Board 15 นาที (หนอย ทีฉันอยากไปภูเขาไฟ อยากไป Akritori ทำเป็นไม่มีแรง พอเห็น wake board เท่านั้น พลังกลับมาเหมือนป๊อบอายหลังกินผักโขมเลย) เราก็เลยชิว ๆ เดินเล่นที่หาดก็ได้ฟะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 22:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คนที่นี่ส่วนใหญ่ชอบอาบแดดค่ะ แบบว่าอยากมีผิวแทน เราซะอีกผิวแทนจนกลัวว่าจะเป็นข้าวนอกนาอยู่แล้ว เนื่องจากตอนที่มาจากเมืองไทย ไม่ได้เอา sun block ติดมาด้วย ก็เลยต้องมาซื้อเอาที่นี่ ซึ่งมันก็มีหลายยี่ห้อมาก แล้วเราก็เลือกไม่ถูกเนื่องจาก อยู่เมืองไทยไม่เคยใช้เลย แม้เวลาไปชายทะเลก็ตาม ฝ่ายคุณ H เฮียแกบอกอะไรก็ได้ แกไม่รู้ เราก็เลยไปได้ Nivea Sun Baby Lotion ultra 50+ ตอนนั้นเพื่อนถามว่าทำไมซื้อของเบบี้มา ไม่เอาแบบธรรมดา เราก็บอกว่า เราคิดว่าของที่ทำให้เบบี้มันต้องพิถีพิถันกว่า เพราะว่าผิวของเด็กมันบอบบาง ซึ่งเราไม่ผิดหวังจริง ๆ คุณ H บอกว่าใช้ Sun Block มาตั้งหลายแบบแล้ว ไม่มีอันไหนดีเท่าอันนี้มาก่อน เพราะใช้ sun block อันนี้แล้วแกไม่แสบ ไม่แพ้ และไม่เป็นไก่ย่างโดนแดดเลย ถ้าเป็นอันอื่นแม้จะเป็นยี่ห้อเดียวกันแกก็แพ้ ก็บอกไว้เผื่อใครต้องไปหาซื้อ ก็มีตัวเลือกมาให้ลองกันดูค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 22:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 78 พอซักสามโมง เราก็กลับมาที่ FIRA แล้วเดินซื้อไวน์ อาหารกรีกที่เราจะเอามาฝากเพื่อน เดินกลับมาโรงแรม ได้โดดน้ำสระอีกซักรอบ ก่อนอาบน้ำแต่งตัวและเช็คเอาท์ เพื่อเดินทางไปยังท่าเรือ น้อง Nikos เตรียมเอกสารการเช็คเอาท์เรียบร้อย พอเราออกมาเซ็นต์ชื่อในใบสลิปบัตรเครดิต แล้วเค้าก็ขับรถพาเราไปส่งที่ท่าเรือ ระหว่างทาง เราได้ทราบว่าน้อง Nikos นะมีพื้นเพอยู่ที่เอเธนส์ (แต่แกบอกว่า แม่แกมาจากดินแดน Spata ....... มันอยู่ไหนหว่าต้องไปหา) น้องแกมาทำงานที่ซานโตรินี่เพราะค่าตอบแทนดีกว่ากันเป็นเท่าตัว ที่เอเธนส์แกบอกว่าทำงานบริษัทได้อย่างมากก็ 600-700 ยูโร มาทำงานที่ซานโตรินี่อาจได้ถึง 1,500 ยูโรต่อเดือน เราก็เอ เงินเดือนเค้าก็ไม่ค่อยเยอะเนอะ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ และแกก็บอกวา แกชอบพบปะนักท่องเที่ยว เนี่ยแกก็จะหาโอกาสมาเมืองไทย ซึ่งเราก็ให้ที่อยู่และเบอร์โทรไว้ เผื่อว่าแกจะมา เราจะได้ต้อนรับ คุณ H ทิปแกไป 20 ยูโร เนื่องจากว่าแกสุดแสนจะใจดีกับเรา ให้ทั้ง early check in และ late check out (เหมือนนอนโรงแรม 2 คืนเลยค่ะ) แถมมีปัญหาติดขัดอะไร แกก็ขับรถพาเราไปจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ในรูปเป็นถนนทางลงไป New Port ที่เราจะไปรอเรือเฟอร์รี่ของ Blue Star นะคะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 23:10:33 จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เรามาถึงที่ท่าเรือก่อนเวลาประมาณ 1 1/2 ชั่วโมง ซึ่งจากเดิมเราตั้งใจว่าจะมาหาน้ำส้มกินและก็นั่งดูทะเลและ Caldora แต่แล้วแผนของเราก็ล่ม เนื่องจากว่าวันที่เราไปนั้น เค้ามีการทำถนนบริเวณท่าเรือ มีการราดยางมะตอยส่งกลิ่นตลบอบอวล แถมกินพื้นที่ไปกว่า 80% ของบริเวณทั้งหมด เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ยืนและทางเดินเลย อีกทั้งก็มีรถจอดอยู่ระเกะระกะ จนเราอดคิดไม่ได้ว่า ดีนะที่รีบมา เพราะถ้าช้าเราอาจพลาดขึ้นเรือไม่ทันเนื่องจากรถติด เราเดินแกร่วไป แกร่วมา กำลังไม่อยากกลับบ้าน เราก็เลยชวนกันไปกินน้ำส้มคั้นดีกว่า เราเลือกเอาร้านที่อยู่ด้านใน เพราะเนื่องจากเราเห็นว่า เค้าได้รับผลกระทบจากการราดยางมะตอย ทำให้ไม่มีคนเดินไปที่ร้านเค้าเท่าไหร่ พอไปถึงเราสั่งน้ำส้ม 2 แก้ว พอพนักงานมาเสิร์ฟ เราก็ต้องผิดหวังอย่างแรง เพราะรสชาดน้ำส้มเปลี่ยนไปไม่อร่อยเหมือนที่เราเคยกินที่ร้านอื่น ๆ ซึ่งเรากินมาเป็นสิบ ๆ ร้านแล้ว เรากับคุณ H มองหน้าแบบรู้กันว่า นี่มันน้ำส้มซันควิสนี่หว่า ไม่ใช่น้ำส้มสด พอเค้าเอาบิลมาให้ เราก็เลือดขึ้นหน้า อะไรฟะ น้ำส้มห่วย ๆ แก้วละ 5 ยูโร ทำไมมันโขกอย่างนี้หละ เราก็เลยอดไม่ได้ที่จะบอกให้พนักงานไปว่า เราคิดว่า น้ำส้มนี่ไม่ใช่น้ำส้มสด เท่านั้นแหละค่ะ คุณเอ้ย พนักงานในร้านทุกคน (ประมาณ 3-4 คน) และเจ้าของร้าน ก็เข้ามาหาเราแล้วบอกว่าจะพาไปดูเครื่องคั้น เราบอกเราไม่สนหรอก แต่จากรสชาดแล้ว มันผิดไปจากที่เราเคยกิน เจ้าของก็เอะอะพักใหญ่ จนเราเดินหนีแทบไม่ทัน คุณ H ต้องหันไปบอกว่า ไม่เป็นไร เราไม่ติดใจอะไร เรานะเซ็งเลย ตอนแรกกะจะสั่ง take away ด้วยนะ พอรสชาดน้ำส้มไม่ได้เรื่อง เราก็เลย ไม่เอาดีกว่า ยอมไปเสี่ยงดวงกับอาหารบนเรือดีกว่า เรามาแวะที่ minimart แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากร้านน้ำส้ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปซื้อน้ำไว้กินบนเรืออย่างเดียว แต่พอเราเห็นสมุดโน้ตของซานโตรินี่ ที่เราพยายามควานหามาทั้งเมือง เราก็ดีใจมาก พร้อมหอบไปจ่ายตังค์ ประมาณ 15 อัน คนขายมองหน้าอยู่สองสามที พร้อมถามว่า "are you sure that you want all of these ???" "yes" ฉันจะไม่ชัวร์ได้ไง ฉันหาอยู่ "I want to bring to my friends as souvenir from santorini" เท่านั้นแหละพ่อเจ้าประคุณมองหน้า แล้วถามว่า "เป็นคนไทยหรือเปล่าครับ" ด้วยภาษาไทยสำเนียงฝรั่ง เฮ้ย ! อะไรเนี่ย คุยกันไปมาเค้าบอกว่า เค้าจะไปเมืองไทยทุกปี โดยอยู่ที่ภูเก็ต 4 เดือน และอีก 8 เดือน เค้าก็อยู่ที่ซานโตรินี่ เค้าบอกว่า ภูเก็ตคล้าย ๆ ซานโตรินี่ และเค้าก็บอกว่าเค้าชอบเกาะราชาใหญ่ เราจ่ายเงินเสร็จก็ถามเค้าว่าซื้ออาหารที่ไหนดี ซึ่งเค้าก็บอกตามจริงว่า มันห่วยทุกร้านนะ ไม่อร่อยเหมือนข้างบนหรอก แต่ที่พอกินได้จะอยู่ติดกับ ที่พักผู้โดยสาร ซึ่งอยู่กันคนละฝั่งกับร้านที่เราไปกินน้ำส้ม แถมเค้ายังบอกไม่ให้เราไปแหยมแถมร้านน้ำส้ม เพราะอาหารไม่ดี บริการไม่อร่อย (อ้าว ! ทำไมเพิ่งมาบอกหละพี่ น้องเจอมาเองแล้วกับตัวค่ะ) ไปซื้อแซนวิชก็แล้ว เดินไปเดินมาก็แล้ว เพิ่ง 18.45 น. เองนะ ยังอีกตั้งนานกว่าเรือจะมา ว่าแล้วเดินไปเม้าที่ร้านมินิมาร์ทดีกว่า แล้วเราก็ไปคุยกับคุณพี่มินิมาร์ท พร้อมอุดหนุนของเค้ามาเพิ่มเติม ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ระลึก ซึ่งตอนแรกกะว่าจะไปซื้อที่เอเธนส์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ไปอุดหนุนคนกันเองดีกว่า (ก็ไม่รู้จักเค้าหรอก แต่เพราะเค้าบอกอยู่เมืองไทย มันเลยรู้สึกคุ้นเคย) แล้วเค้าก็ใจดีลดให้เรา 15% ด้วยหละ โอ้โฮเฮะ คุณพี่นี่ สมแล้วที่มาอยู่เมืองไทย (ซะงั้น) จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พอตอนทุ่มนึง เจ้านาวาลำยักษ์ก็แล่นเข้าเทียบจอดเพื่อส่งผู้โดยสารก่อนที่จะรับผู้โดยสารล็อตใหม่จากซานโตรินี่ไปส่งยังท่าอื่น ๆ จุดหมายปลายทางของเรือนี้คือ Piraeus แต่รู้สึกว่า เรือนี้จะมีการจอดแวะรับผู้โดยสารเพิ่มจากเกาะต่าง ๆ ตามทาง จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เรือลำนี้มี 7 ชั้น ชั้น 1-3 มีไว้ทำอะไรไม่รู้ ชั้น 4 เป็น Reception ชั้น 5 เป็นห้องพักแบบเคบินเป็นส่วนใหญ่ และมีแบบ D ซึ่งเป็นเหมือนที่นั่งในรถทัวร์ ชั้น 6 เป็นร้านอาหาร บาร์ ร้านค้า ร้าน CD และเล้าจน์ ส่วนชั้น 7 เป็น Open-air bar และมีห้อง LUX จำนวน 12 ห้อง ส่วนด้านบนของชั้นเจ็ดจะเป็นดาดฟ้า ซึ่งจะปิดไม่ให้ผู้โดยสารขึ้นไป แต่ถ้าผู้โดยสารท่านใดมีสัตว์เลี้ยง เค้าก็จะเอาพวกสัตว์มาไว้บนนี้ค่ะ พอเราเข้ามาในเรือ เราก็ต้องมาเอากุญแจที่ Reception ก่อน แล้วจึงจะเข้าห้องพักได้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ห้องพักของเรา คือห้อง 5007 เป็นห้องที่อยู่ทางด้านหัวเรือ อยู่แถวหน้า และอยู่ตรงกลางพอดี ซึ่งเป็นห้องที่เห็นวิวดีมากเลยค่ะ แต่เราไม่สามารถเปิดม่านได้เลย (ยกเว้นว่าเราจะปิดไฟในห้อง) เพราะแสงไฟจากในห้องจะไปรบกวนการทำงานของกัปตันเรือ ซึ่งตอนแรกเราไม่ทราบค่ะ และเราก็ไม่ได้ปิด (ก็ตอนเข้ามามันเปิดไว้อยู่แล้ว และเราก็คิดว่ามันดีกว่า) จนกระทั่งเริ่มมืด ก็มีเจ้าหน้าที่มาบอกค่ะ ว่าให้เราปิดม่านเพราะกัปตันขับเรือไม่ได้ เราก็รีบปิดอย่างเร็ว เพราะยังไม่อยากมีประสบการณ์ Titanic มาดูห้องบนเรือดีกว่า ห้องเราเป็นแบบสองเตียงค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ที่ปลายของเตียงด้านหนึ่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ในขณะที่อีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:50:26 ]

ความคิดเห็นที่ 84 แล้วเสียงหวู๊ดก็ดังขึ้น พร้อมกับคำอำลา ..... ไว้เจอกันใหม่นะ Santorini ....... หมู่บ้านฟิร่าที่เรากำลังจะจากไป จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 85 santorini เรากำลังจะจากไป แต่ใครบางคนกำลังจะไปเยือน จากคุณ : Travel Animal - [ 24 มิ.ย. 51 23:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ส่งท้ายด้วยหมู่บ้านเอีย....... จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 00:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เรานั่งเรือมาเรื่อย ๆ จนประมาณสามทุ่ม เรือก็มาแวะจอดรับผู้โดยสารที่เกาะใดซักเกาะหนึ่ง ดูท่าทางหน้ามาเที่ยวเหมือนกัน ไม่รู้ชื่อแต่ถ่ายรูปมาก่อนไว้ถามผู้รู้อีกที จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 00:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน เราก็กลับห้องไปนอนเอาแรงดีกว่า พรุ่งนี้ถึงเอเธนส์แล้วยังมีโปรแกรมต้องทำอีกเพียบ เฮ้อ ! น่าจะลาพักร้อนซักเดือน จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 00:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 89 วันที่สิบหก (15 Jun 08) พนักงานบนเรือมาเคาะห้องปลุกเราตอนตีสี่ครึ่ง บอกว่าเรือจะถึง Piraeus ในอีก 30 นาทีข้างหน้า เรารีบตื่นมาอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน (แม้ว่ามันจะยังดึกอยู่ ก็ไม่อยากจะออกไปทั้ง ๆ ที่ตัวเหม็น พอเรือมาเทียบจอดที่ท่าเรือ ผู้โดยสารค่อย ๆ ทยอยเดินออกมา พร้อมกับรถที่จอดอยู่ที่ชั้นหนึ่งก็ค่อย ๆ ทยอยขับออกมาเช่นกัน เรารีบตรงไปที่ Taxi Stand ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตอนแรกตั้งใจว่า จะลองนั่งรถไฟใต้ดินจาก Piraeus เข้าเมืองเอเธนส์ แต่มันยังเช้าอยู่มาก ไม่แน่ใจว่ารถไฟใต้ดินจะมีบริการหรือยัง และก็ขี้เกียจแล้ว เลยไปขึ้นรถแท็กซี่ดีกว่า พอไปถึงเรายื่น ที่อยู่ของเพื่อนให้เค้าดู คุณลุงแท็กซี่เหมือนไม่อยากรับเราไปในตอนแรก ไม่แน่ใจว่า เพราะมันไกล หรือเพราะแกไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือเห็นเราเป็นต่างชาติ ไม่อยากพูดภาษอังกฤษ จะอย่างไรก็แล้วแต่ คนคุมคิดแท็กซี่ก็บังคับให้แกพาไปเรา Varkiza รถแท็กซี่วิ่งไปยังถนนเลียบทะเล ผ่านตัวเมืองเอเธนส์ เข้าสู่ถนน Poseidonio เป็นถนนหลัก สายหนึ่ง) แล้วก็มาถึงย่าน Varkiza คุณลุงก็บอกเราแล้วชี้โบ้ชี้เบ้ ประมาณว่า มาถึงแล้ว บ้านอยู่ที่ไหน โชคดีมากที่เราได้มาเดินเล่นแถวนี้ในช่วงแรก เลยพอจะจำทางคร่าว ๆ ได้ ส่วนคุณ H ไม่ต้องพูดถึง ได้แต่พูดว่า I am lost ! เราบอกทางคนขับให้ขึ้นรถไปตามถนนบนไหล่เขาเตี้ย ๆ จนในที่สุด ก็มาถึงบ้านเพื่อนได้อย่างปลอดภัย ดูท่าคนที่ดีใจที่สุดไม่ใช่เรา แต่เป็นคุณลุงแท็กซี่ เราจ่ายค่าแท็กซี่ไป 20 ยูโร (ค่าแท็กซี่ตามมิเตอร์ 14.5 ที่เหลือเป็นทิปค่ะ) จริง ๆ ไม่ต้องจ่ายทิปก็ได้ แต่คุณ H นะเค้าติดนิสัย ไปไหนต้องมีทิปตลอด ยกเว้นว่าบริการห่วยจริง ๆ ก็จะอดได้ทิปของคุณ H ไป ถึงบ้าน ไขกุญแจ ภายในบ้านดูเงียบมาก เพื่อนคงหลับอยู่ เราเข้าห้องไปนอนต่อดีกว่า จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 09:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เข้ามาดูอีกรอบครับ ชมรีวิวของคุณ Travel Animal แล้วมีความรู้สึกเหมือนได้ไปเดินเที่ยวด้วยตัวเองไม่มีผิด ได้สาระ/สนุก/ละเอียดแต่ไม่น่าเบื่อน่ะครับ ก้เลยคิดต่อว่าอยากให้คุณ Travel Animal มีโอกาสได้ออกเที่ยวบ่อยๆๆๆๆ เที่ยวให้ครบทุกประเทศ ทุกเมืองในยุโรปเลยนะครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : น้าถาพร (เจ้าเก่า) - [ 25 มิ.ย. 51 09:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ตื่นมาอีกทีสิบโมง เพื่อนบอกว่า วันนี้ไม่สามารถพาเราไป National Archaeological ได้ตามสัญญา เนื่องจากติดธุระด่วน ซึ่งเราเองก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราไปกันเองได้ (จริง ๆ นะ อยากไปเองอยู่แล้ว เพราะอยากไปเดินชมบ้านเมืองแบบชิว ชิว ถ้าไปกับเพื่อน ก็ขับรถไปมันไม่ค่อยได้อารมณ์ Backpacker เท่าไหร่...5555) เพื่อนเอาแผนที่มาให้พร้อมกับอธิบายทางกับคุณ H (เตือนแล้วไม่เชื่อว่า คุณ H นะขึ้นชื่อในเรื่องการหลงทาง แถมดูแผนที่ยังสู้เราไม่ได้เลย คู่ของเราเนี่ยเป็นตัวอย่างได้ว่า Men are not always from Mar and Women are not always from Venus.... ) เพื่อนพาเรามาขึ้นรถ Tramp ที่สถานีใกล้บ้าน จากสถานีนี้เรานั่ง Tramp ไปประมาณ 45 นาทีก็จะถึง Syntagma Square ซึ่งค่ารถก็แค่ 0.80 ยูโรเท่านั้น ในรูปเป็นหน้าตาของสถานีรถ Tramp ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 09:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ข้อมูลแน่นดีจังเลยค่ะ ขออนุญาตเก็บไว้เป็นข้อมูล ขอบคุณมากนะคะที่มารีวิวไว้ให้ จากคุณ : Stay alivE - [ 25 มิ.ย. 51 09:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 93 จาก Syntagma Square คุณ H บอกว่าเราสามารถนั่ง metro เพื่อไปที่ Viktorias หรือเดินไป ซึ่งเราเลือกอย่างหลัง เพราะเราอยากไปเดินดูบ้านเมืองเค้า คุณ H ศึกษาเส้นทางอยู่พักหนึ่ง ก็บอกว่า ให้เราเดินไปตาม ถนนหลัก ซึ่งก็คือ ถนน Panepisimiou (El Venizelou) ซึ่งทอดตัวไปยังชุมชนใหญ่อีกแห่งที่เรียกว่า Omonia แล้วค่อยไปหาข้าวกินกันที่นั่น เราก็โอเคงะ อะไรก็ได้ วันอาทิตย์อย่างนี้ รถในเอเธนส์วิ่งน้อยมาก ไม่จอแจเหมือนวันธรรมดา แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 10:18:24 จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 09:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณน้าถาพร : ขอบคุณค่ะ ถ้ามีโอกาสไปที่ไหนก็จะพยายามมาเขียนให้นะคะ เพราะปรกติเป็นคนชอบเล่าอยู่แล้วค่ะ แต่ แต่ก่อน (ก่อนมาเป็นสมาชิก BP ก็ไม่ค่อยให้ใครอ่าน เพราะเขียนแต่บันทึกเข้าใจคนเดียว) แต่ตอนนี้มีที่เขียนแล้ว..... ทริปหน้า อาจจะเป็นอินเดียค่ะ (เพราะเกาะคุณ H ตอนที่เค้าไปทำงานนะคะ) ส่วนยุโรป น่าจะไปอีกทีตอนคริสมาสต์ แต่ก็ยังไม่ได้วางแผนว่าจะไปไหนบ้าง เพราะต้องดูว่านายจะให้ลากี่วัน 5555 ลูกจ้างก็เงี่ยค่ะ ต้องแล้วแต่นาย คุณ Stay aLivE : ขอบคุณค่ะ ถ้ามีอะไรสงสัย อยากถามเพิ่มก็ได้เลยนะคะ ถึงบางอย่างเราไม่รู้ เราจะไปถามเพื่อนมาให้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 10:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เดินผ่านตึกและสถานที่ราชการหลายแห่ง ตึกที่นี่ส่วนใหญ่ ต้องมีเสาค่ะ เพื่อแสดงถึงความเป็นกรีก และส่วนใหญ่เป็นสีขาวเสียด้วยซิ (ยกเว้น พิพิธภัณฑ์ Acropolis ที่สร้างใหม่ เป็นตึกกระจกสีดำ ไม่รู้คิดยังไง เราว่ามันไรค่อยเข้ากัน แต่คนคิดเค้าอาจอยากให้ดูสมัยใหม่ก็ได้ค่ะ) จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 10:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อีกตึกนึง เป็นอะไรไม่ทราบค่ะ แต่อยู่ระหว่างทางไป Omonia จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 10:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เรามาถึง Omonia แล้วอย่างแรกคือหาของกิน มีร้านคาเฟ่อยู่ข้างทาง หลายร้าน สุดท้ายเลือกได้ร้านหนึ่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะมีแต่ คนโลคอล (ต่างชาติมีแค่ 3 โต๊ะ จากทั้งหมด 30 โต๊ะ และหนึ่งในสามนั้นเป็นโต๊ะของเรา) คุณ H บอกเราต้องกินร้านที่คน โลคอลกินเยอะ ๆ เพราะแสดงว่าอาหารมันน่าจะเป็นอาหารกรีกแท้ ๆ วันนี้ขึ้เกียจกินอาหารอีกแล้ว ก็เลยสั่งมาสามสี่อย่าง ได้แก่ หมูย่างเป็นไม้ (หมูมีการหมักเครื่องเทศ ก็อร่อยนะ แต่หมูย่างบ้านเราเริ่ดกว่า) สปาเก๊ตตี้ซอสมะเขือเทศ สลัดบีทรูท และเฟตต้าชีสอบ (baked Fetta cheese) หน้าตาโอเค ดูบ้าน ๆ รสชาดใช้ได้ทีเดียว คุณ H บอกว่า เหมือนกินอาหารตามรถเข็นหน้าหมู่บ้านที่เมืองไทยเลย คือว่า รสชาดมันโลคอลมาก ไม่มีอะไรแต่งเติมเป็นพิเศษ และอาหารมื้อนี้ก็ถูกที่สุดตั้งแต่เรากินมา คือแค่ 20 ยูโร ซึ่งรวมค่าน้ำแร่ ค่าไวน์ 1 แก้ว และน้ำส้ม 1 แล้ว จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 10:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 98 หลังจากกินอาหารเสร็จ เราก็เดินทางกันต่อโดยใช้ ถนน 3is Septemvriou แล้วตัดเข้าอีกถนนหนึ่ง เราก็มาถึงหน้าพิพิธภัณฑ์พอดี ที่นี่จัดได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ทางโบราณคดีที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ภายในอาคารแบ่งส่วนแสดงออกเป็น 3 ชั้น และแบ่งย่อยเป็นห้องต่าง ๆ มากมาย มีวัตถุโบราณที่น่าสนใจหลายชิ้น หากใครอ่านหนังสือท่องเที่ยว เค้าก็จะแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เป็นอันดับสอง ถัดจาก Acropolis เราเองก็ชอบหลายชิ้นในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่ะ เช่นในรูป เราชอบเพราะมันเหมือนหมวกชาวเขาบ้านเรา ต่างกันแค่วัสดุที่ใช้ทำขึ้นนะคะ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 10:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 99 แต่คุณ H บอกว่า ชอบรูปปั้นนี้ ซึ่งเหมือนในคัมภีร์ ไบเบิ้ลของคาธอลิค ที่เป็นเรื่องราวพูดถึง Devil และ เซนต์ รายละเอียดไม่แน่ใจ แต่รูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่กว่า 100 ปีก่อนศาสนาคริสต์จะถือกำเนิด คุณ H ก็เลยให้ถ่ายรูปมาเพราะแกจะไปศึกษาดูว่าจริง ๆ แล้ว เรื่องราวในไบเบิ้ล ลอกมาจากประวัติของชาวกรีกหรือเปล่า คือต้องอธิบายก่อนว่า คุณ H นะแกเป็นคาธอลิกโดยกำเนิด แต่แกเป็นคนที่มีลักษณะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกสงสัย แกต้องพยายามหาคำตอบ และถ้าคำตอบมันไม่มีน้ำหนักมากพอแกก็จะไม่เชื่อถือ (ซึ่งแกจะเป็นอย่างนี้ในทุก ๆ เรื่อง) ทีนี่รูปนี้มันคล้ายกับในไบเบิ้ลมาก (ตามคำบอกเล่าของคุณ H)  แกก็เลยอยากรู้ให้ได้ว่าเรื่องราวเป็นมายังไง เนี่ยตั้งแต่กลับมางานการไม่เป็นอันทำ แกก็เอาเปิดแต่ website กับวางแผนจะไปห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม (ไม่รู้ว่าตกลง แกทำงานอะไรกันแน่ซิ) ในรูปนี้ ตามตำนานกรีก เป็นรูปของเทพเจ้า Pan (ซึ่งมีเท้าเหมือนเท้าแพะ) กำลังคุกคาม ลวนลาม เทพเจ้า Aphrodite โดยที่เธอก็พยายามต่อสู้โดยใช้รองเท้าขู่ (ซึ่งจะเห็นได้ว่า เธอถือรองเท้าอยู่ที่มือขวา) และยังมีเทพเจ้า Eros (ที่เหมือน Cupid นะคะ) เข้ามาช่วย รูปปั้นนี้ค้นพบที่ House of the Poseidoniastai of Beryttos (Beirut) จากข้อความที่สลักไว้ใต้รูปปั้นนี้ ทำให้เราทราบว่า รูปปั้นถูกสร้างขึ้น โดย Dionysos of Beryttos เพื่ออุทิศให้กับบรรพบุรุษที่เป็นเทพของเขา เมื่อประมาณปี 100 BC   แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 11:22:50 จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 11:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ส่วนอันนี้เป็นโลงศพ (ของใครจำไม่ได้แล้ว) ความพิเศษก็ตือว่า โลงอันนี้มีการใช้ถึงสองครั้ง (ซึ่งปรกติเค้าจะใช้แค่ครั้งเดียว) และก็เป็นสองครั้งสำหรับคนที่มีเพศต่างกันสองคน คนแรกเป็นหญิง และคนที่สองเป็นชาย โดยที่ได้มีการตัดหัวของรูปปั้น แล้วเปลี่ยนเป็นหัวใหม่ เมื่อมีการใช้งานครั้งที่สอง จากคำอธิบาย เค้าบอกว่าที่ต้องทำอย่างนี้เพราะรู้สึกว่าในสมัยนั้น เค้าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินสร้างใหม่ ก็เลยเอาของเก่ามาดัดแปลงนะคะ ซึ่งเราก็ว่าเป็นความคิดที่เข้าท่านะเนี่ย โบราณวัตถุส่วนใหญ่ที่เราพบ มักจะเกี่ยวกับความตาย คือไม่เป็นโลงศพ ก็เป็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกหลังการตาย คุณ H เดาว่า น่าจะเนื่องมาจาก นักโบราณคดี ยังไม่สามารถขุดค้น หรือได้ข้อมูลที่เก่ากว่านี้ (คือตอนสมัยที่เค้ามีชีวิตกันนะคะ) หรือเค้าอาจจะไม่ค่อยให้ความสำคัญก็ได้ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 11:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ที่เห็นเป็นรูปหล่อบราส หรือบรอนซ์ ไม่แน่ใจจำไม่ได้ค่ะ แต่เรารู้สึกทึ่งมากว่า มนุษย์โบราณ เค้าสามารถสร้างอะไรแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อ หลายพันปีก่อน บางทีเมื่อหลายพันปีก่อน สังคมมนุษย์อาจจะเจริญมากกว่า สมัยปัจจุบันนี้ และอาจจะมีอะไรที่ล้ำหน้า ไฮเทคยิ่ง ๆ กว่าสมัยนี้ก็เป็นได้ ความจริงนี้ยังต้องรอพิสูจน์กันต่อไป และจะเห็นว่า รูปหล่อนี้มีลักษณะสมบูรณ์มากจนไม่อยากจะเชื่อว่ามันถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว สาเหตุก็คือว่า รูปหล่อนี้จมอยู่ใต้ทะเล นักโบราณคดี ค้นพบในภายหลัง แถวทะเลแถบ Cyclades ซึ่งเป็นบริเวณ แถว ๆ Crete และซานโตรินี่ สันนิษฐานว่า มากับเรือที่หนีการตามล่า ของศัตรูในสมัยนั้นที่มาบุกรุกเอเธนส์ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 11:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 102 พาชมพิพิธภัณฑ์พอหอมปากหอมคอนะคะ ถ้าอยากเห็นมากกว่านี้ ต้องไปดูเองค่ะ น่าสนใจจริง ๆ เราเดินเล่นกันประมาณ ซักสองชั่วโมง เห็นควรแก่เวลาก็เดินย้อนกลับมา เพื่อมาเจอเพื่อนยังจุดนัดพบ ก่อนที่เราจะเดินทางต่อไปดูคอนเสิร์ตของ คุณลุง Mark Knopfler ที่ Lykavittos Hill เราเดินไปถึง Omonia คุณ H ก็บอกว่า เรานัดเจอกับเพื่อนที่ ร้านแมคที่นี่แหละ เราก็ถามหลายครั้งจนแน่ใจ เพราะแถว Omonia มันดูทะ:-) ทะ:-) แหะ เพราะทำไมมันดูเหมือนแหล่งเสื่อมโทรม แถมมีแต่คนดำ คนแขก คนอาหรับ แล้วก็หน้าตาแต่ละคนไม่ได้ดูดีเหมือนพระเอกในหนังแขก เราก็ชักไม่แน่ใจทำไมเพื่อนนัดเจอที่นี่หละ คุณ H ยังบอกต่ออีกว่า อันนี้น่าจะเป็นใจกลางเมืองของเอเธนส์นะ เพราะอยู่ไม่ไกลจาก Acropolis เราก็ รอ ร้อ รอ ไม่เห็นเงาของเพื่อน กำลังจะโทรไปตามเพื่อนก็โทรมาถามว่า อยู่ไหน อ้าวก็ฉันก็รออยู่ไง ที่ร้านแมค ปรากฎว่าเป็นคนละร้านกัน เพราะเพื่อนหมายถึงร้านแมคที่ Syntagma อ้าว มิน่าหละ พอเพื่อนรู้ว่า เราอยู่ไหน ก็บอกให้ยืนอยู่ตรงนั้น ห้ามไปไหน จะรีบไปรับ พอเราขึ้นรถได้ เพื่อนก็ถามอย่างโมโหว่า ไปอยู่ที่ Omonia ทำไม เราก็อะไรฟะ ก็แกนัดกับอีตาคุณ H ไม่ใช่เหรอ จะมาถามอะไรตรูเนี่ย เพื่อนบอกว่า ย่าน Omonia เนี่ย จัดได้ว่า เป็นย่านอันตรายมาก เป็นแหล่งรวมจารชน และอาชาญกรรมทุกแบบ ตั้งแต่ค้ายา ค้าอาวุธ ค้าประเวณี ดีนะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราสองคน แหม แหม แหม มิน่า เราก็ว่ามันแปลก ๆ ใจกลางเมืองของเมืองหลวงประเทศไหนมันจะเสื่อมโทรมได้ขนาดนี้ ขนาดไปประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก มันยังดูดีกว่านี้ตั้งเยอะ เรื่องนี้ก็เลยกลายเป็นเรื่องโจ๊กของเรา และเพื่อนก็บอกว่า ต่อไปจะไม่คุยกับคุณ H เรื่องถนนหนทางอีกแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 13:14:08 แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 12:08:20 จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 11:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ตอนที่เราไปถึง Lykavittos Hill เค้ายังไม่เปิดให้เข้าไปในบริเวณฮอลกลางแจ้ง เราก็เลยเก็บภาพจากภายนอกค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 13:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ประตูเปิดตอน 19.30 แต่คอนเสิร์ตแสดงตอน 21.30 น. ก่อนหน้านั้นเป็น Meet & Greet กับ คุณลุง Mark Knopfler กับนักดนตรีในวง ซึ่งเราก็ได้เข้าไปร่วมด้วย สถานที่คือภายในบริเวณห้องแต่งตัว ซึ่งอยู่ใต้อัฐจรรย์ที่ผู้ชมนั่งชมคอนเสิร์ต ถ้าเห็นจากรูปจะไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีห้องหับอะไรมากมาย ขนาดว่าตอนยืนเรายังห่วงเรื่องห้องน้ำเลย ปรากฎว่า เขามีการเจาะภูเขา ทำเป็นห้องหับต่าง ๆ เหมือนห้องนักแสดงในโรงละครบ้านเรา และก็มีห้องน้ำที่สร้างไว้อย่างถาวรและสะอาดอีกด้วย ขอเล่าประวัติลุง Mark Knopfler นิดนึง คือรู้สึกว่าแกจะเป็นนักกีต้าร์ที่เก่งมาก ๆ ในช่วงยุค ปลาย 1970-1980 และแกก็ยังแต่งเพลงให้ศิลปินดัง ๆ หลายท่าน และเคยร่วมงานกับศิลปินชั้นนำหลายคน เช่น Tina Turner, Bob Dylan, Eric Clapton..... ใครอยากรู้เรื่องลุง Mark เพิ่มก็หาได้ที่   http://www.markknopfler.com/ ส่วนตัวเราไม่รู้จักลุง Mark เลยค่ะ แต่ตอนที่มาชมการแสดงก็ประทับใจมาก เพราะแกเก่งจริง ๆ ยิ่งตอนแสดงคอนเสิร์ตนะ คนดูชอบมาก ปรบมือ BRAVO BRAVO..... และ MONEY IS NOT ENOUGH ตลอดเลย เห็นเค้าว่าปีนี้ลุงมาร์กเค้าจะมีทัวร์คอนเสิร์ตประมาณ 65 รอบค่ะ และที่เอเธนส์จะเป็นที่สุดท้ายในยุโรป ก่อนที่แกจะกลับไปพักที่อังกฤษ ก่อนจะเริ่มรอบใหม่อีกทีที่อเมริกามั้ง ก่อนไปดูคอนเสิร์ตคุณลุง Mark ขอโชว์รูป บริเวณภายใน จากรูปจะเห็นว่ามีคนแอบปีนไปนั่งชมบนเขานะคะ เนื่องจากเค้าไม่สามารถหาซื้อตั๋วได้แล้ว (หรืออาจจะประหยัดเงินก็ได้) เค้าก็เลยต้องใช้วิธีนี้ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 13:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ลุงมาร์ก กับเพลงของลุง จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 13:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ตั๋วคอนเสิร์ตของลุงมาร์ก พร้อมลายเซ็นต์ที่ได้จากตอน Meet & Greet จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 13:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คอนเสิร์ตจบแล้ว คนที่มาดูก็ทยอยกันกลับ คนเยอะล้นหลามมาก ส่วนกลุ่มของเราก็ไปหาข้าวดึกกินกันก่อนกลับไปนอน จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 13:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 108 วันสุดท้ายแล้วจ้า (16 Jun 08) ตื่นมาเที่ยง จัดกระเป๋าอีกแล้ว คราวนี้เราขนของเกือบหมดทั้งของเราและของคุณ H กลับเมืองไทย ส่วนคุณ H ก็จัดเสื้อผ้าไปสองสามชุด เพื่อเดินทางต่อไปยัง ลอนดอน บรัสเซล และปารีส ก่อนกลับเมืองไทยวันศุกร์ (20 jun 08) จริง ๆ เราต้องกลับพร้อมกัน แต่เพราะเราเป็นลูกจ้าง นายคุณ H สั่งให้คุณ H ไปประชุมด้วยที่ลอนดอน และเมืองอื่น ๆ ก่อนกลับเมืองไทย เราก็เลยสุดเซ็ง อะไรเนี่ย ฉันต้องขนของเยอะแยะ กลับบ้านคนเดียว เพื่อนไปส่งคุณ H ที่สนามบิน ในขณะที่ไปทิ้งเรา และเพื่อนอีกคนที่ Outlet (ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่เอาผู้หญิงสองคนมาเดิน Outlet งานนี้หละบัตรเครดิต แบนแต๊ดแต๋แน่นอน.....555555) Outlet แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน จริง ๆ ถ้ามาจากเอเธนส์มันจะถึงก่อนถึงอาคารสนามบิน และอยู่คนละฝั่ง บริเวณเดียวกันก็จะมีห้าง IKEA ด้วย เราไม่สนใจห้างไหนเลย นอกจากตรงไปที่ Outlet Mall ซึ่งมีของให้ซื้อเยอะแยะ ถ้าเป็นพวกรองเท้า และเสื้อโค้ต ของสินค้าแบรนด์ดัง ๆ จะถูกกว่าเมืองไทยมากพอสมควร เราก็ซื้อรองเท้ามาได้ 1 คู่ ราคาแค่ 39 ยูโร (ซึ่งถ้าเป็นเมืองไทย อย่างต่ำคง 5,000-6,000 บาท) จริง ๆ อยากได้อีกหลายอย่าง แต่.... นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง และนึกถึงพระพักตร์ของในหลวงแล้วซื้อไม่ลง เพราะขนาดท่านมีมากกว่าเรา ท่านยังไม่ฟุ่มเฟือยเลย เราเป็นลูกของท่าน เราต้องเอาเยี่ยงย่าง ก็เลยตัดใจ ตอนที่เรามารอเครื่อง เราก็ได้เจอเด็กสาวคนหนึ่ง มายืนลุกลี้ลุกลน และถาม "Bangkok ???" พร้อมกับชี้ไปที่เครื่องบิน เราก็บอกเยส เท่านั้นแหละน้องนางก็ทำท่าโล่งใจพร้อมต่อโทรศัพท์มือถือ หาใครไม่รู้ ซักพักแกก็มาชวนเราคุย แต่เริ่มประโยคว่า "I don't speak English" อ้าวแล้วจะสื่อสารกันไงหละ เราก็เลยต้องโกยวิทยายุทธทุกอย่างตั้งแต่ภาษามือ ภาษาเขียน เปิด Dic จนได้ความว่า แกจะไปเวียดนาม เราก็บอก อ้าวไปเวียดนาม ภาษาอะไรก็พูดไม่ได้ นอกจากภาษากรีก แล้วจะไปเที่ยวได้ยังไง เธอคนนั้นก็หันมายิ้ม พร้อมถามว่า "Do you know Miss Universe??" เอ้อ ไอ้รู้นะรู้ แต่ไม่รู้จักใครที่เป็นมิสยูนิเวอร์สเป็นการส่วนตัว แล้วเธอคนนั้นก็บอกว่า เธอเป็นนางงามกรีกจะไปประกวดที่เวียดนาม เราก็งง อะร้าย.... ไปประกวดตั้งไกล ไปคนเดียวงะ แถมภาษาก็ไม่ได้เรื่อง อย่ากระนั้นเลย เราโทรหาเพื่อนคนกรีกทันที แล้วให้เค้าส่งภาษากัน และบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไร เราจะช่วยติดต่อเพื่อนที่อยู่ที่เวียดนามให้ช่วยดูแล ท่าทางเค้าดีใจมากเลย แต่เค้าก็บอกอย่างเกรงใจว่าไม่ต้อง เพราะกองประกวดคงมีคนดูแล พอขึ้นเครื่อง คุณน้องเซียร์ (ชื่อของเค้า) ก็ขอมานั่งกับเราด้วย เพราะจะได้มีเพื่อนคุย (ก็ไม่รู้จะคุยกันรู้เรื่องอะป่าวน้า.....) แต่ก็ดีเหมือนกัน นั่งกับนางงามก็ยังดีกว่านั่งกับฝรั่งตัวโต คุณสจ๊วตและคุณแอร์เค้าก็บริการดีแถมจัดที่ที่นั่งว่าง ๆ ให้เราด้วย พอมาถึงดอนเมืองเจ้าหน้าที่การบินไทยมาถือป้ายรอน้องเค้าอยู่แล้ว ซึ่งเธอก็ตื่นเต้นมากแล้วก็บอกว่า ยินดีที่ได้รู้จัก เราก็อวยพรให้น้องเค้าโชคดีกับการประกวด ส่วนเรา ไปเข็นกระเป๋ากลับบ้านดีกว่า เพราะวันนี้ต้องไปทำงานเลย ไม่ได้พักต่อ ....... เฮ้อ ชีวิตต้องกลับสู่ความเป็นจริงอีกครั้งแล้ว แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 51 15:56:29 จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 14:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 109 O tsukare sama ....  จ้า  เที่ยวเหนื่อย  แต่สนุกใช่มะ   ขอบคุณที่พาเที่ยวนะจ๊า  ... งดทริปในประเทศ(ญี่ปุ่น)  หนึ่งปี  เก็บตังค์ไปตามรอยมั่งดีกว่าเนอะ  Patj  ว่างายยจ๊า   ไปกันสองคนเนอะ  เนอะ จากคุณ : หมูน้อยสีชมพู - [ 25 มิ.ย. 51 16:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณพี่อ้อค่ะ...... น้องเป้จะไปเป็นไกด์นำเที่ยวให้นะคะ ถ้าคุณพี่ไปกันจริง ๆ รับรองสนุกเฮฮาแน่ เป้ยังค้างเป็นหนี้พี่อยู๋ตั้งแต่ตอนไปญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสไปยุโรปนะคะ จะพาคุณพี่ไปตลุยไม่ให้หยุดเลยค่ะ เนี่ยเพิ่งกลับจาก B2S ไปตามหาหนังสือนิยายของคุณ Patj แต่ไม่มีงะ ก็เลยว่าจะมาสั่งซื้อทางเน็ทดีกว่า ..... อยากรู้ว่าพระเอกของคุณ Patj หน้าตาเป็นยังไง...ฮิฮิ จากคุณ : Travel Animal - [ 25 มิ.ย. 51 18:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 111 กรี๊ด พัทก็ไปดูคอนเสิร์ตเดียวกันกับขจกทเลยค่ะ (ไปดูแบบมึนๆเล็กน้อย เพราะว่าแฟนพี่มาร์คตัวจริงคือสามี ส่วนพัทเป็นพวกติดสอยห้อยตามไปเฉยๆ ฮ่า) แต่ของพัทกว่าจะเดินขึ้นเขาไปถึงที่เล่นคอนเสิร์ตก็จะสามทุ่มแล้ว เลยนั่งไกลลิบๆเลยค่ะ (รู้สึกว่าเพลงที่คนดูของให้อังกอร์รอบสุดท้ายคือ money for nothing น่ะค่ะ) รูปที่ 96 คิดว่าเป็น National Library นะคะ อยู่ติดกับ University of Athens ค่ะ ดีใจที่จขกท.มีประสบการณ์ดีๆกับคนกรีกนะคะ รู้สึกว่าคนกรีกตามเกาะนี่จะดีกว่าในเอเธนส์มากๆเลยค่ะ :) จากคุณ : Il Maze - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 13:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 112 คุณ II Maze อยู่ที่เอเธนส์หรือค่ะ ??? เราไม่ค่อยได้เที่ยวนะ และเราก็ไม่ค่อยประทับใจ (ตอนที่ไป Omonia นะ กลัวมาก) แต่พอไปเกาะต่าง ๆ เราชอบทุกเกาะเลยค่ะ แม้ว่าจะไม่ค่อยประทับใจกับ Santorini ที่มันวุ่นวายมาก เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเท่านั้นเอง และขอบคุณมากนะคะ ที่มาเฉลย เป้นะเดินไปเรื่อย ๆ พยายามหาป้ายแล้วมันไม่เห็นเจอ ก็เลยถ่ายมาแต่รูปไม่มีความรู้อะไรเลย 555555.... Money for nothing.... สงสัยจำผิด (ตามเคย) เป้นะไม่รู้จักเพลงของลุงแกเลย แต่แอบประทับใจคุณพี่สีไวโอลินค่ะ พี่แกเริ่ดมาก เล่นดนตรีได้ทุกอย่างเลย เหมือนมีนักดนตรีทั้งวงในคนเดียวกันเลยค่ะ และก็ชอบคนที่แก่ที่สุด ที่เค้าเล่นกีต้าร์โบราณ จากคุณ : Travel Animal - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 15:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ดีจังเลยค่ะ  ได้ไปดูคอนเสิร์ตด้วย  ตอนที่ไปเมื่อพ.ค. ปีที่แล้ว คนข้างๆ เค้าก็เตรียมตัวไปว่ายน้ำที่ชายหาด Kamari เหมือนกันค่ะ  แต่ลงไปได้ไม่ถึงนาทีก็ต้องรีบวิ่งขึ้นมา เพราะว่าน้ำทะเลเย็นมากๆ  เราเองก็เตรียมชุดไปเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าหรอกค่ะ  ถึงแดดจะแรง  อากาศก็ยังหนาวอยู่ กลัวลงไปแล้วช็อคน่ะคะ   รอติดตามทริปต่อไปของคุณเป้น่ะคะ จากคุณ : Aorora - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 21:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เกาะ Santorini สวยสดใสมากเลยครับ จนชักอยากรู้ว่าเค้าใช้สีอะไรทาผนังบ้าน มันถึงได้ขาวจัง แล้วไม่รู้ต้องทากันกี่ปีครั้งนะครับ ถ้ามีโอกาสคงต้องไปเยือนบ้างครับ ขอบคุณที่นำรูปสวยๆมาฝากครับ จากคุณ : CoBraGolD - [ 28 มิ.ย. 51 11:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เกาะ santorini เป็นเกาะในฝันของเราเลยค่ะ ชอบกระทู้มากๆ  ติดตามเกาะขอบกระทู้เลย   ขอบคุณ คุณTravel Animal  มากนะคะ ที่บรรยายรายละเอียดได้เหมือนเราเดินทางไปด้วยเลย  ชอบจริงๆ คะ จากคุณ : ริ้วทรายภายใต้แสงจันทร์ - [ 28 มิ.ย. 51 14:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คุณริ้วทรายภายใต้แสงจันทร์ ขอบคุณนะคะที่มาแวะเยี่ยมชมกระทู้ของเราค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 18:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 117 stunning pics, nice story , tasty food, good information  !!!! Thank you so much. จากคุณ : Fortunism - [ 31 ส.ค. 51 22:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 118 sobeautiful krab ...wonderful ... จากคุณ : DEKCGN - [ 20 ก.ย. 51 03:44:44 ]