ความคิดเห็นที่ 1 เรานั่งเครื่องของ BA จากสนามบินปิซาไปลงที่ London gatewick ค่าตั๋วไม่แพงเท่าไหร่ เพราะเราจองผ่านทางอินเตอร์เน็ทไว้ล่วงหน้า รู้สึกว่าจะแค่ 5000-6000 บาท และเป็นตั๋วไปกลับด้วย (แต่เราใช้เที่ยวเดียว) สาเหตุที่ต้องจองไป-กลับก็เพราะมันราคาถูกกว่าซื้อเที่ยวเดียว ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เช็คแล้วเป็นแบบนี้ก็เลยต้องเลยตามเลย ไปเช็คอิน ทุกอย่างเรียบร้อยดี คราวนี้เดินทางไฟล์ทเย็นอีกแล้ว พอไปถึงอังกฤษก็ต้องผ่าน ตม. (เพราะเราออกนอกเขต EU แล้ว) แต่ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เจ้าหน้าที่ Stamp ให้โดยไม่ถามอะไรเลย แต่มายืนรอกระเป๋านี่สินานมาก ประมาณชั่วโมงครึ่ง จริง ๆ ถ้าใครที่ชอบบ่นเกี่ยวกับสุวรรณภูมิ อยากให้มีโอกาสมาลงเครื่องที่อังกฤษค่ะ จะได้รู้ว่าที่มันช้าและแย่กว่านั้นยังมี ตอนที่เรารอเจ้าหน้าที่เค้าก็ประกาศให้รอ เพราะไม่มีคนยกกระเป๋า (อะไรเนี่ย เว้ากันซื่อ ๆ แต่ไม่หาทางแก้ไข ให้ผู้โดยสาร รอไป......) มาถึงก็ประเดิมความหนาวเย็นและฝนตกตั้งแต่เหยียบอังกฤษกันเลย (จริงๆ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าอากาศจะดีหรอก) คุณลุงทิม (เพื่อนที่ออฟฟิศที่ Birmingham แต่ขอเรียกคุณลุงค่ะ เพราะแกอายุมากกว่าแม่หนูอีกงะ) มารอรับอยู่แล้ว แกบอกว่า แกกำลังจะไปเช็คกับสายการบิน ว่าเราบินมาด้วยหรือเปล่า พอเราบอกว่า รอกระเป๋า คุณทิมก็บ่นว่า คนอังกฤษขี้เกียจ (อ้าว...... ซะงั้น แล้วลุงนะสัญชาติอะไรค้า...) คืนแรกเราพักที่ Holiday Inns Gatewick เพราะลุงทิมจะพาไปหาลูกค้าแถว ๆ นั้นในวันรุ่งขึ้น จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันจันทร์ที่สองที่เรามาทำงานที่ยุโรป วันนี้ตะลอนไปหาลูกค้ารอบ ๆ เมืองลอนดอนค่ะ จากการที่เราขับรถไปหาลูกค้าทำให้รู้ว่าไอ้ มหานครลอนดอนเนี่ยมันใหญ่จริง ๆ แล้วก็มีสนามบินตั้งหลายแห่ง (ตอนเราจองตั๋วเรายังงง ๆ เลยว่ามันต่างกันยังไงฟะ) ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน แต่พอสาย ๆ ฝนก็หยุด และเราก็ได้เห็นแสงอาทิตย์จัดจ้าในฤดูใบไม้ร่วงแบบนี้ ลุงทิมบอกว่า มันคงเป็นสัญญาณที่ดี ว่า ธุรกิจของเรากับลูกค้าที่อังกฤษจะไปได้ดี (ก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ) จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากหาลูกค้าแถวลอนดอนแล้ว เราก็มุ่งหน้าต่อไปเพื่อไปหาลูกค้าแถว Birmingham ลุงทิมพาลอดใต้อุโมงค์ของแม่น้ำเทมส์ เห็นแกว่าสะพานที่นี่มีเทคโนโลยีการเปิดปิดสะพานให้เรือขนส่งสินค้าข้ามผ่านได้ ที่น่าสนใจ แต่เราอยู่ข้างใต้ ไม่เห็นอะไรเลย (และถ้าทางฝนจะตกอีกแล้วซิ) จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คืนนี้เราไปพักที่เมือง Stratford Upon Avon ซึ่งเราก็พัก Holiday Inns เหมือนเดิม โดยลุงทิมจองให้ที่เรท 80 ปอนด์ รวมอาหารเช้าค่ะ คืนนี้เราไปเดินหาร้านอาหารกันในเมือง ซึ่งเราเข้าไปในร้าน ๆ หนึ่ง ดูแล้วมีคนเยอะสุดในวันจันทร์เหงา ๆ อย่างนี้ จากรูปเป็นบริเวณด้านหน้า โรงแรม Shakespeare ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมือง Startford Upon Avon เป็นเมืองบ้านเกิดของนักประพันธ์ชื่อก้อง William Shakespeare ค่ะ ซึ่งถ้าใครได้เดินเล่นในเมืองนี้ก็จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ คุณปู่ทวด Shakespeare ค่ะ ส่วนเรามาทำงาน ไม่ได้ดูอะไรนอกจากไปเดินถ่ายรูปตอนเจ็ดโมงเช้า ก่อนที่จะจากเมืองนี้ไป จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลุงทิมบอกว่า เมืองนี้มีนักท่องเที่ยวมาแวะชมกันเยอะ เพราะนอกจากคุณ Shakespeare แล้ว เมืองนี้ยังมีความน่ารักเฉพาะตัวค่ะ (ท่าทางต้องชวนแฟนไป Explore ดีกว่า) จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แม่น้ำ Avon ที่พาดผ่านเมืองนี้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วเราก็ต้องเดินทางต่อเพื่อไปหาลูกค้า แถว ๆ Birmingham และ Manchester ค่ะ โปรแกรมของเรายุ่งมากทั้งวัน แทบไม่มีเวลาพักกินข้าว (ขนาดบอกลุงทิมว่า หนูเป้ ต้องกินข้าว สามเวลานะคะ) และคืนสุดท้ายที่ค้างที่อังกฤษ ลุงทิมพาเราไปลองบรรยากาศ B&B ที่เมือง Much Wenlock ซึ่งอยู่ห่างจาก Birmingham ไปประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ B&B แห่งนี้ชื่อ The Fox ค่ะ คุณลุงเจ้า (คุณ John) ของเคยเป็นเชฟที่ร้านอาหารดัง ๆ หลายแห่งในลอนดอน แต่แกเบื่อแล้ว แกเลยกลับบ้านเกิดมาเปิด B&B ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ห้องนอนทุกห้องออกแบบโดยภรรยาของแก ที่ชื่อคุณ ฮันน่าค่ะ สวยทุกห้องเลย และค่าห้องก็ไม่แพง แค่ 50 ปอนด์ค่ะ (รวมอาหารเช้าแสนอร่อยฝีมือ คุณจอห์น) จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 17:59:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คืนนี้เรากินอาหารที่นี่ พร้อมกับภรรยาของลุงทิม (เพราะบ้านแกก็อยู่เมืองใกล้ ๆ ซึ่งขับรถไปประมาณ 20 นาที) แกบอกว่าคนอังกฤษแท้ ๆ นะไม่อยู่ที่ลอนดอนหรอก ส่วนใหญ่จะอยู่เมืองนอก ๆ เช่น Birmingham, Manchester อะไรเทือกนั้น Appetizer ระหว่างรอโต๊ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 และพอเราได้โต๊ะแล้ว เราก็ต้องสั่งซุปร้อน ๆ มาทานช่วยคลายความหนาวค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลุงจอห์นเห็นว่าเราจากเมืองไทยมานาน  (แค่หนึ่งอาทิตย์) คงคิดถึงข้าว คุณลุงเลยรังสรรค์เมนูใหม่มาให้เราลอง อร่อยมากกกกก.... สมแล้วที่เค้าเคยเป็นเชฟใหญ่... แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 51 18:15:18 จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็ไปพัก เพราะวันรุ่งขึ้น ลุงทิมจะมารับเราตอนเจ็ดโมงเช้า ....... เฮ้อ ไม่ค่อยมีเวลาหลับนอนเลย วันรุ่งขึ้น คุณจอห์นตื่นมาทำอาหารให้แขกที่มาพักแต่เช้า เราได้พบกับแขกคนอื่น ๆ อีก 5-6 คน ส่วนใหญ่ก็มาทำธุระที่นี่กันทั้งนั้น และเคยมาพักกับลุงจอห์นหลายครั้งแล้ว เราเหลือบไปเห็นอาหารของคุณผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ พอคุณจอห์นมาถามว่าเราอยากกินอะไรเช้านี้ เราก็ได้แต่บอกว่า อะไรก็ได้ แต่ขอแค่ครึ่งเดียวของคุณผู้ชายคนนั้น (ก็กลัวกินไม่หมดนะ เช้า ๆ อย่างนี้ใครจะไปกินไหว) แล้วอาหารเช้าของเราก็ถูกนำมาเสิร์ฟ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มารู้จักคุณจอห์นดีกว่าค่ะ และถ้าใครได้มีโอกาสผ่านไปแถวนั้น และสนใจใน B&B ของคุณจอห์น ก็ลองไปเช็คได้ที่ http://www.the-fox-inn.co.uk/ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลืมโพสต์รูปนะ แบบว่าโพสต์ไป ดูละครเกาหลีไปด้วย โหะ โหะ .... จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พูดถึงเมือง Much Wenlock นิดนึงดีกว่า ว่าเมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับตัวเมืองและอาคารที่ยังคงรักษารูปแบบเดิม แบบอังกฤษแท้ ๆ เอาไว้ นอกจากนี้ยังมี ปราสาท และ ยังมีสะพานเหล็กแห่งแรกของโลกด้วยนะคะ ซึ่งสะพานนี้มีชื่อว่า Ironbridge George ซึ่งสร้างประมาณปลายศตวรรษที่ 18 ค่ะ ใครสนใจอยากไปเที่ยวชม ก็หาข้อมูลเพิ่มได้ที่ http://www.muchwenlockguide.info/ และรูปนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสะพานนี้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 18:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วบ่ายนี้เราก็ต้องเดินทางไป Amsterdam เพื่อไปหาลูกค้าเจ้าใหญ่ ซึ่งคราวนี้เรานัดกินดินเนอร์กับลูกค้าที่ Amsterdam ค่ะ เราบินด้วยสายการบิน BA จาก Birmingham Airport เพื่อไปยัง Schiphol Airport ที่ Amsterdam ขอบอกว่าเจ้าหน้าที่ในสนามบินที่อังกฤษเนี่ย ไม่ว่าที่ไหน ดุมากกก และก็ข่มขู่น่าดู อย่างเราตอนแรกเข้าใจว่า ผู้หญิงสามารถถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์ได้หนึ่งใบ และกระเป๋าถือสตรี ซึ่งเล็ก ๆ และที่อื่น เค้าจะไม่นับรวม พอมาที่ Birmingham เค้าก็บอกให้เราเอาได้แค่กระเป๋าเดียว แล้วกระเป๋าถือเราก็ใหญ่พอ ๆ กับกระเป๋า Notebook เดือดร้อน ต้องพยายามยัดกระเป๋า Notebook Samsonite ให้เข้าไปอยู่ในกระเป๋าถือ โอ้ยทุลักทุเลน่าดู แต่ที่ตลกมากคือ ทุกคนเจอปัญหาเดียวกัน แถมพอเราผ่านตรง security ได้แล้ว ทุกคนก็พร้อมใจกันรื้อของ แตกกระเป๋าเป็น สอง สาม สี่ ห้าใบ เหมือนเดิม (แล้วไม่รู้ว่าจะเข้มงวดกันทำไมเนี่ย) คืนนี้พักที่ NH Schiphol ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน (และอยู่แค่คืนเดียว เพราะพรุ่งนี้ต้องจับรถไฟเพื่อไปยัง Rotterdam) เมื่อเช็คอินเรียบร้อย เราก็ไปหาลูกค้าตามที่อยู่ที่ได้มา โดยนั่งแท็กซี่ไปกับลุงทิม เรานั่งรถไปประมาณ 20 นาที พอถึงที่หมายลงจากรถ แทบตกใจ อะไรกันค่าแท็กซี่ปาเข้าไปตั้ง 70 ยูโร...... โอ้ย จะเป็นลม จากคุณ : Travel Animal - [ 29 มิ.ย. 51 19:07:20 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แม้งานแบบนี้มันน่าสนใจจริงๆ ได้ไปต่างประเทศตั้ง สิบหกวัน สนุกดีครับ รีวิว ยังมีต่อใช่ไหมครับ อ้อ ติดใจ ชื่อ log in ด้วย จากคุณ : parad - [ 29 มิ.ย. 51 19:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : adial - [ 29 มิ.ย. 51 20:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่อังกฤษ แต่ละที่นี่สวย น่ารักจังค่ะ  ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง ตามเที่ยวต่อนะคะ จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 29 มิ.ย. 51 20:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาต่อคะ จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 30 มิ.ย. 51 02:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ Parad : ไอ้ได้เที่ยวก็จริงค่ะแต่เป็นแบบไปเหยียบมากกว่าคะ คือรูปไม่สามารถถ่ายทอดได้ว่าเราเหนื่อยยังไง แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่น่าสนใจและเจอคนหลากหลายค่ะ และยังมีต่อค่ะ จะพยายามให้จบเร็ว ๆ นี้ คุณ adial : ไม่เป็นไรค่ะ หวังว่าคุณคงชอบกระทู้ของเราค่ะ คุณ Red-Rose-14Feb : ขอบคุณค่ะ ที่ติดตามตลอดเลย คุณ marzo : เราก็ส่วนใหญ่เน้นเรื่องกินเหมือนกันค่ะ (คงไม่ต้องบอก เพราะกระทู้ของเรามีรูปอาหารเยอะมาก 55555...... แบบว่า เรากินอาหารได้ทุกชาตินะ แล้วก็ชอบลองกินของใหม่ ๆ ด้วยหละ...) จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 08:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาต่อกันดีกว่าค่ะ พอเราทานอาหารเสร็จแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ผับใน Amsterdam ซึ่งช่วงนั้นเค้ามีแข่งบอลกันด้วยค่ะ เราไม่แน่ใจในรายละเอียด เพราะไม่ได้ติดตาม อยู่กินดื่มกับลูกค้าจนเกือบเที่ยงคืน เราก็กลับไปนอนโรงแรม โฮ คืนนี้ต้องจัดกระเป๋าด้วยซิ บรรยากาศภายในร้านค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 15:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี ซึ่งลุงทิมจะบินกลับ Brmingham ในขณะที่เราต้องนั่งรถไฟต่อไป Rotterdam จริง ๆ Schiphol Airport ไป Rotterdam ถ้าขับรถก็แค่ 40 นาที แต่เพื่อนร่วมงานไม่ยอมมารับแหะ บอกให้เรานั่งรถไฟไปหาเฉยเลย ทั้ง ๆ ที่ฉันก็มีกระเป๋าตั้งสองใบ สุดท้ายเราเลยตัดสินใจฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ เค้าคิดค่าบริการ 8 ยูโร ต่อ 24 ชั่วโมง (ไม่เป็นไร บริษัทฯ จ่าย) ฝากกระเป๋าแล้ว ศึกษาเส้นทางสำหรับเช็คอินกับสายการบิน BMI เผื่อสำหรับพรุ่งนี้เลย เผื่อมีปัญหาเราจะได้รู้ทางไป ไม่ฉุกละหุก ค่ารถไฟ Schiphol ไป Rotterdam ปาเข้าไปตั้ง 16 ยูโรมั้ง นั่งแค่ 45 นาทีเอง ถึงสถานีเพื่อนมารอรับแล้วก็พาไปหาลูกค้าเลย วันนี้ไปแถวท่าเรือ เพื่อไปดู warehouse และห้องเย็น จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 15:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยู่ Rotterdam 2 วันไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากหาลูกค้า และไปทำงานที่ออฟฟิศ จริง ๆ แล้วเราเคยมาอยู่ที่ Rotterdam เกือบปีค่ะ มาทำงาน ถามว่า คิดถึงมั๊ย ก็นิดนึง แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ค่อยชอบ Rotterdam เท่าไหร่ เราว่ามันน่าเบื่อ จำได้ว่าตอนมาทำงานจะมีทัวร์จาก สเปน อิตาลี นักท่องเที่ยว ล้วนอยากมาดูท่าเรือของ Rotterdam ว่ามันเริ่ดขนาดไหน แต่เราซึ่งออฟฟิศมองเห็นท่าเรืออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น สุดแสนจะเซ็ง แถมอากาศที่นี่สามารถเปลี่ยนได้เป็น 4 ฤดู ภายในหนึ่งวัน อย่างวันนี้ตอนที่เรามาถึงแดดเปรี้ยง........ ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าหนาว จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 15:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แต่พอตอนบ่าย ฟ้าเงี่ยมืดเชียว   แต่ก่อน เคยอยากมาอยู่เนเธอร์แลนด์มากเลยค่ะ แต่พอมาอยู่เราก็เบื่อ เพราะทั้งประเทศมีแค่ กังหัน (wind mill) น้ำ (เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ดังนั้นมองไปทางไหนก็มีแต่คลอง และน้ำ) ทุ่งนา และวัว (มีวัวเยอะจริง ๆ คะ จนเราไม่แน่ใจว่า ประชากรวัว กับประชากรคน อย่างไหนจะมากกว่ากัน) จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 15:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เราอยู่ที่นี่แค่คืนเดียวค่ะ พัก NH Rotterdam (แต่ก่อนสมัยเรามาทำงานประจำอยู่ที่นี่ เค้ามีชื่อว่า Golden Tulip Hotel ค่ะ) แล้วตอนกลางคืนคงไม่มีอะไรดีไปกว่า ไปเฮฮากับเพื่อนร่วมงานดีกว่า คนที่นี่สูบบุหรี่เยอะมาก..... กลับมาโรงแรม ต้องเอาโอเวอร์โค๊ทไปทำลายกลิ่นที่ติดมาแทบไม่ทันแนะค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 15:48:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เย้ ....... ทำงานวันสุดท้ายแล้ว แล้วเราก็จะบินไปฉลอง weekend กับเพื่อน ๆ ที่ ลอนดอน ดีใจมาก วันนี้มีนัดลูกค้าเจ้าเดียวตอนเช้าเห็น เพื่อนร่วมงาน (คุณ Johan) บอกว่า เมืองที่จะไปอยู่ทางตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ นั่งรถไปประมาณ 1 1/2 ชั่วโมง พอหาลูกค้าเสร็จ หว่านล้อมให้อาเฮียไปส่งที่สถานีรถไฟใกล้ ๆ แต่เค้าไม่ยอมนะ He จะกลับ Rotterdam ท่าเดียว อะไรฟะ ก็ตูเห็น ๆ อยู่ในแผนที่นี่ว่ามันไม่ไกล ฉันไม่อยากนั่งรถย้อนไปมาเสียเวลา แต่ไม่เป็นผล ต้องเลยตามเลย Johan มาส่งที่สถานีรถไฟ ประมาณ บ่ายสอง เอานะนั่งรถไฟไปถึง Schiphol บ่ายสาม เครื่องออกหกโมงเย็น ก็โอเค้....... (แม้ว่าในใจจะงงอยู่ว่า ฉันขับรถอ้อมไปมาทำไม) เราซื้อตั๋วได้เสร็จสรรพ รอรถไฟจนกระทั่งเลยเวลาที่บอกในตั๋ว มองไปรอบ ๆ ชานชาลา ไม่มีใคร อ้าว คนไปไหนกันหมดหละ...... ไปสอบถามได้เรื่องว่า การรถไฟ strike ไม่มีรถไป Schiphol ถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ อ้าว แล้วตรู ทำไงดีหละ แถมสถานีที่ Rotterdam ก็พูดแต่ภาษาดัช ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว (คืนเจ้าของภาษาไปหมดแล้ว) ทำไงดี ทำไงดี....... คิด คิด คิด ไปสอบถามราคาแท็กซี่ โอ้พระเจ้าจอร์ช ราคา 200 ยูโร จะบ้าตาย ราคานั้น ฉันไปเช่าโรงแรมนอนเล่นดีกว่า ตัดสินใจโทรไปหา Johan ผลปรากฎ ไอ้เพื่อนตัวดี บอกให้นั่งแท็กซี่ไปสนามบินเอง เออ..... อย่าได้มาเมืองไทยนะ ฉันจะปล่อยให้นั่งรถไฟไปสงขลาเองเลย เมื่อโดนตัดหางปล่อยวัดแล้ว เราต้องช่วยตัวเอง เหลียวซ้ายแลขวา เห็นผู้หญิงท่าทางเป็นชาวต่างชาติ และเค้าก็มีกระเป๋าเดินทาง สงสัยไปสนามบินชัวร์ ไปเกาะเค้าดีกว่า เผื่อรอด และเราก็คิดถูก เพราะเธอคนนี้เป็นลูกครี่ง ดัช-สเปน ซึ่งแม้จะพูดดัชไม่ได้มาก ภาษาดัชของเธอก็ดีกว่าเราแน่นอน ..... เราได้รับความช่วยเหลือจาก Nicole (เธอคนนี้แหละ) ต่อรถไฟไปประมาณ 5 สถานี ในที่สุดเราก็มาถึงแอร์พอร์ตได้อย่างปลอดภัย แต่ Nicole นะสิ ไม่ทันเครื่องแล้ว เธอก็เลยต้องโทรให้ญาติมารับกลับบ้าน ........ โธ่ น่าสงสาร ส่วนเราตรงรี่ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ จ่ายเงินเพิ่ม แล้วก็ไปเช็คอินที่ BMI ทันที ดีนะว่าเครื่องดีเลย์ ไม่งั้นเราก็คงต้องหาโรงแรมนอนเหมือนกัน จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 16:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถึงลอนดอนเกือบสามทุ่ม รอกระเป๋าอีกชั่วโมงกว่า (ไอ้ประเทศนี้ให้ตายซิ มาทีไร กระเป๋าช้าตลอด) พอได้กระเป๋า เราก็ไปที่ Terminal 3 ซึ่งเป็น Terminal ที่เครื่องการบินไทยจะออก เราเอากระเป๋าไปฝาก ค่าฝากกระเป๋าน่าจะประมาณ 3 ปอนด์ (จำไม่ค่อยได้แล้ว) ไอ้เด็กรับฝากกระเป๋า ท่าทางทะเล้น ดูก็รู้ว่าไม่น่าใช่คนอังกฤษ แล้วก็จริง ๆ เพราะน้องเค้าเป็นคนโปแลนด์ (ต๊าย ตาย ใครมากจ้างฉันไปเป็น ตม. ก็ได้นะคะ แยกสัญชาติคนได้ ....55555) แถมรูภาษาไทยด้วย แต่รู้คำว่า "จุ๊บ จุ๊บ รักนะ" พอน้องเค้าบอกว่ามาอย่างนั้น เราก็ได้แต่อึ้ง โฮ.... รับรองน้องคนนี้ตามจีบเด็กไทยในลอนดอนชัวร์ รู้คำอะไรไม่รู้ ดั้น..... รู้คำมีประโยชน์ 5555 เรานั่งรถไฟใต้ดินไปหาเพื่อนอีก เกือบชั่วโมง ไม่ได้ซื้อตั๋ววัน เพราะมันคงไม่ได้ใช้ เนื่องจากพรุ่งนี้ ฉันขอนอนตื่นซักบ่ายสาม (ก็มันเหนื่อยจากงานนี่ค่ะ) จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 16:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 วันเสาร์ที่ 24 Nov 07 วันนี้ตื่นมาสายจริง ๆ คะ เพื่อนเราก็ตื่นสายด้วย เพราะเมื่อคืนเค้าเลิกงานจากร้านอาหารไทยค่อนข้างดึก พวกเรากว่าจะตื่นก็โน่น ปาไปบ่ายโมง กว่าจะกินข้าว ได้ฤกษ์ออกจากบ้านก็เกือบบ่ายสาม วันนี้เรามุ่งหน้าไปที่ St Paul เพราะเนื่องจากฝนตก ไปเที่ยวที่ไหน ๆ ที่ไหน ก็ไม่สนุก ไป Museum มันนี่แหละ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ โชคดีที่เรามาถึง St Paul ยังไม่ปิดค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 16:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ค่าเข้าชมน่าจะคนละ 10 ปอนด์ ซึ่งก็แพงอยู่ แต่มันคุ้มมากเลยค่ะ ภายในโบสถ์มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามและอลังการมาก ๆ   โบสถ์ St Paul Cathedral ตึกปัจจุบันคาดว่าสร้างในราวศตวรรษที่ 17 และถือเป็นโบสถ์ St Paul ลำดับที่ห้า St Paul's Cathedral หลังแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี AD 604 ประวัติการก่อสร้าง ถูกทำลาย ซ่อมแซม มีเยอะมาก หากใครอยากทราบรายละเอียดต้องไปเที่ยวชมเองนะคะ ในรูปเป็นวิวจากยอดโดม ของ St Paul ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 16:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 กระทู้นี้คนตอบเยอะดีนะครับ... ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 30 มิ.ย. 51 19:53:16 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตามมาชมต่อครับ ชุดนี้ชอบที่พักนอกเมือง อาหารและเชฟ เผื่อมีโอกาสตามรอย ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : น้าถาพร (เจ้าเก่า) - [ 30 มิ.ย. 51 20:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นอย่างหนึ่งที่เสียความรู้สึกที่ Holland มากคือเรื่องไม่มีเขตบุหรี่ในร้านอาหารเนี่ยแหละคะ โชคดีที่ไม่ได้ไปหน้าหนาว ยังพอหาร้านที่เปิด หรือโต๊ะด้านนอก ไม่งั้นเป็นหมูลมควันกลับมาแน่ๆ   จากคุณ : marzo คนชอบเที่ยว (marzo) - [ 1 ก.ค. 51 02:00:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณชายยอดนักทดลอง : ยินดีต้อนรับค่ะ คุณน้าถาพร : สวัสดีค่ะ ทั้งทริป เป้ก็ชอบช่วงที่อยู่อังกฤษ (นอกลอนดอน) กับ ที่ Tuscany ค่ะ ยังคิดว่าจะหาเวลาไปเที่ยวแถว ๆ นั้นอีก เพราะมีเมืองเล็ก ๆ ที่มีคนอยู่แค่ 4000-5000 คนเอง แล้วคนก็นิสัยดี น่ารัก คุณทิมบอกว่า แถวนั้นนะ เป็นแบบผู้ดีอังกฤษแท้ ๆ คือเป็นคนมีมารยาทและมีน้ำใจค่ะ (ต้องไปลองเที่ยว ดูซิว่าที่ คุณทิมโม้ไว้เป็นจริงหรือเปล่า) คุณ Marzo : ขอบคุณที่ติดตามอย่างเหนียวแน่น นอกจากเราจะไม่ชอบที่คนดัชสูบบุหรี่แล้ว เรายังไม่ชอบอีกหลาย ๆ อย่าง ถ้าเขียนเป็นกระทู้ก็คงยาวเหมือนกันค่ะ 55555 จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 11:08:45 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ว่าจะรีบเขียนให้เสร็จก็ดั้นมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ต้องไปแก้ปัญหาให้ลูกค้าจ้าละหวั่น เรื่องเลยไม่ค่อยปะติดปะต่อเลย หลังจากที่เราเดินชมวิหาร St Paul จนเต็มอิ่ม เราก็ไปเดินเที่ยว รอบ ๆ ตามแพลนคือ เราจะเดินไปที่ Millenium Bridge ซึ่งอยู่หน้า St Paul เพื่อนบอกว่าไม่เคยมาเหมือนกัน (คือเพื่อนเพิ่งมาอยู่ลอนดอนได้ไม่นานค่ะ ประมาณ 3-4 เดือน) แต่เดินไปเรื่อย ๆ คงเจอ บรรยากาศถนนในลอนดอน ตอนประมาณ เกือบห้าโมง ไม่น่าเชื่อว่า มันจะมืดมนขนาดนี้ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 11:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราเดิน แล้วก็เดิน แล้วก็เดิน ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอ Millennium Bridge ที่คยเดินได้บนสะพาน เจอแต่สะพานอะไรไม่รู้ แถมลมเย็น ๆ ก็พัดมาไม่ขาดสาย ขนาดว่าเราก็ใส่เสื้อผ้ามาหลายชั้น แถมห่อตัวด้วยโอเว่อร์โค้ท ความหนาวก็ยังลอดเข้ามาได้อยู่ดี ......... เอาไงดี ในเมื่อไม่สามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้ เราก็เดินกลับไปขึ้น Metro ที่ St paul ดีกว่า เพื่อน ๆ ของฉัน ไม่สามารถเป็นไกด์ที่พึ่งได้เลยและท่าทางว่าฉันจะเป็นที่พึ่งของพวกเค้าซะมากกว่า สอบถามแล้วเพื่อนบอกว่า อยู่ลอนดอนไม่มีเวลาเที่ยวเลย เพราะต้องไปเรียนและหลังจากนั้นต้องไปทำงานเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในค่าครองชีพที่มหาโหดของลอนดอน เฮ้อ เป็นนักเรียนไทยในต่างแดนไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะถ้าพ่อแม่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมาสนับสนุนค่าใช้จ่าย ระหว่างเดินคุยกับเพื่อน ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ที่เราเจอคนไทย แอบหนีเข้ามาทำงานผิดกฎหมายที่ Amsterdam เมื่อหลายปีก่อน การเป็นพลเมืองชั้นสองนั้นมันช่างแสนลำบาก และหลายคนอยากกลับเมืองไทย แต่ไม่สามารถทำได้ (อาจเพราะต้องหาเงินไปใช้หนี้ที่ยืมมาจ่ายให้นายหน้า หรือแม้ว่าไม่กล้ากลับบ้านมามือเปล่า) เราเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ และนับแต่นั้นเราก็ตั้งปณิธานไว้ว่า เราจะไม่มาทำงานแบบผิดกฎหมายที่ยุโรปหรืออเมริกาเด็ดขาด ถ้าฉันจะมาไอ้บริษัทฝรั่งนั่นแหละ ต้องจ่ายค่าจ้างให้สมน้ำสมเนื้อ บางทีคนเราก็ได้รับข่าวสารด้านเดียว ทำให้คิดแต่ว่า การอยู่เมืองนอก (โดยเฉพาะยุโรป) มันช่างเป็นโชคมหาศาล และทำงานได้เงินมากมาย แต่หากใครเรียนเศรษฐศาสตร์มา คงเคยได้ยินทฤษฎี Real Value (ไอ้ชื่อทฤษฎีจริง ๆ นะจำไม่ค่อยได้แล้ว) ว่าเมื่อเปรียบเทียบแล้ว การมาทำงานที่ยุโรป หรืออเมริกา อาจไม่ดีไปกว่าเมืองไทย เพราะอะไร อะไรที่นี่มันก็เป็นเงินเป็นทอง และไม่ใช่ราคาบาทสองบาท เราก็ได้แต่เป็นกำลังใจ ให้เพื่อน ๆ ของเราฝ่าฟันอุปสรรค และกลับเมืองไทยไปพร้อมกับใบปริญญา สิ่งที่ทำให้พวกเค้าอุตส่าห์ดั้นด้นจากเมืองไทยมา จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 11:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เราเดินย้อนกลับมา เจอ St Paul อาคารสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลาง ท้องผ้ามืดดำ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 11:50:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เพื่อนหนึ่งในสองของเรา ขอตัวไปทำงานที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งในลอนดอน ในขณะที่อีกคนจะไปกินข้าวกับเราที่ร้าน Blue Elephant ซึ่งมื้อนี้เราขอเป็นเจ้ามือ เรานั่งรถไปที่สถานี Fulam เดินออกมาไม่ไกลก็เห็นตึกแถวบอกป้าย ร้าน Blue Elephant (จริง ๆ ที่มากินที่นี่ เพราะมีเพื่อนเราจองไว้ให้ และให้บัตรลดมาด้วย ไม่อย่างงั้นเราคงไปกิน Fish & Chips ดีกว่า) แต่พูดถึง มาลองลิ้มชิมรสร้านอาหารไทยสุดไฮโซชื่อก้องโลกก็ดีเหมือนกันแหะ พนักงานที่นี่ใส่ชุดไทยและบริการดีมาก ๆ คนแน่นร้านเลย ขนาดว่ามันเป็นเวบาเกือบสองทุ่มครึ่งแล้ว คุณผู้จัดการบอกกับเราว่า คนแน่นตั้งแต่ประมาณหนึ่งทุ่มแล้ว และคงแน่นไปถึงสามสี่ทุ่ม (โฮ อะไรมันจะขายดีปานนั้น) เราติดใจบรรยากาศภายในร้านค่ะ เพราะถ้ามองจากข้างนอกซึ่งเป็นตึกแถวประมาณ 4-5 คูหา ก็คงเดาไม่ถูกว่า ภายในร้านเค้าตกแต่งเช่นไร และจากประสบการณ์ที่เราไปร้านอาหารไทยมาหลายประเทศแล้ว เราว่าอย่างมากก็คงตกแต่งบรรยากาศเป็นแบบคล้าย ๆ วัง มีอะไรไทย ๆ และ ทอง ๆ ประดับ  แต่เราก็ต้องแปลกใจที่เห็นภายในร้าน Blue Elephant เป็นแบบนี้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 11:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ภายในร้านถูกเนรมิตให้เป็นสวนแบบ tropical มีน้ำตก และคลองอยู่ภายในตึก (ถ้าดูภายนอก เราไม่เชื่อจริง ๆ นะนั่น ว่ามันเป็นไปได้) มีโต๊ะที่นั่ง เยอะมาก (รู้สึกว่าจุได้ ประมาณ 350 คน) เมนูที่เราสั่งก็ไม่มีอะไรมาก แล้วแต่เพื่อนอยากกิน (เพราะฉันยังไงก็จะกลับไปกินอาหารไทยในวันพรุ่งนี้แล้ว) เพราะเค้ายังต้องอยู่อีกนาน สั่งอาหารได้มา 5-6 อย่าง กำลังคำนวณว่า ค่าเสียหายประมาณเท่าไหร่ ปรากฎตอนเช็คบิล ราคาแค่ 60 ปอนด์ (สงสัยเป็นเพราะมีส่วนลด 30%) ก็ถ้าราคานี้ กับอาหารอร่อย ๆ ที่นำมาเสิร์ฟ เราว่าไม่แพงเลยค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 13:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41 วันนี้วันสุดท้ายที่จะอยู่ยุโรปแล้วหละ ถูกปลุกมาแต่เช้า เพราะมีพี่คนไทยที่มาอยู่ได้ 5-6 ปีแล้ว และรู้จักกับเพื่อนเรา มาเสนอตัวพาไปเที่ยว (หลังจากรู้ว่า เมื่อวานเพื่อนพาฉันหลงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย และไม่ได้เที่ยวอะไรเลย) ซึ้งในน้ำใจจริง ๆ ค่ะ แต่ไม่เที่ยวก็ได้นะ อยากนอนต่อ เห็นแก่น้ำใจของพี่เค้า เราก็เลยต้องตื่นมาแต่เช้าและออกจากบ้าน เรานัดเจอกันที่ถนนใกล้ ๆ กับ  St. Jame's Park และเราก็ต้องรู้สึกผิดมาก ๆ เมื่อรู้ว่า คุณพี่คนนี้เธอต้องตื่นมาตั้งแต่หกโมง เพื่อใช้เวลาไปกับการทาครีมหน้าเด้งซะ 3 ชั่วโมงก่อนออกจากบ้านมาเจอเรา ......... เอ้อ เห็นหน้าเค้าแล้วอึ้งเพราะหน้าละอ่อนมาก มันก็คุ้มนะกับการใช้ครีม La Mer และอื่น ๆ อีกมากมาย (เค้าบอกแล้วแต่จำไม่ได้) แต่ถ้าเป็นเรา ขอให้มันร่วงโรยไปตามวัยดีกว่า คงไม่มีเวลา 3 ชั่วโมงมานั่งทาครีมหรอก เจอกันปุ๊บก็เริ่ม ปฏิบัติการทัวร์ โดยเดินไปตามถนนรอบ ๆ ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 13:58:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เดินมาถึง Buckingham Palace ก็ปาไป 11 โมงกว่า เหล่าทหารก็หลับบ้านกันแล้ว มาดูไม่ทันงะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 13:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อากาศไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ลอนดอนก็เงี้ย ไม่เป็นไร เก็บรูปลอนดอนเหงา ๆ เทา ๆ ก็ได้ค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วเราก็เข้าไปเดินเล่นใน St Jame's Park วันนี้ก็ไม่มีแผนอะไร นอกจากเดินและเดิน คุณพี่ La Mer บอกว่า การเที่ยวแบบเข้าถึงลอนดอน ก็ต้องใช้การเดินเท่านั้น (แปลกใจที่มาเจอคนที่บ้าเดินมาก ๆ ขนาดว่า เราก็ชอบเดินนะ เจอคุณพี่คนนี้แล้ว เราขอสละตำแหน่งให้เลยหละ) จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จาก St Jame's Park เราก็เดินต่อไปยัง The House of Parliament and Big Ben และโบสถ์แห่งนี้ พร้อมกับท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นแล้วค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เราเดินไปเรื่อย ๆ ช้ามสะพานไปยังอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อถ่ายรูป Parliament และ London Eyes แล้วเราก็เดินตามริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ไปเรื่อย ๆ พอแดดออก คนก็เริ่มออกมาเดินเที่ยวกันค่ะ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เดินไปจนถึง London Bridge เหนื่อยมาก ๆ โดยเฉพาะเวลานี้ ตอนที่เท้าอยู่บนรองเท้าบู๊ทส้นแหลมเปี้ยว จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เราข้ามสะพานไปอีกฝั่ง จุดหมายคือร้านอาหารอิตาเลียนที่อยู่ริมแม่น้ำ เราสั่งพาสต้ากับพิซซ่ามาแบ่งกันกิน หลังจากนั้นก็เดินต่อไปอีกโดยมีจุดมุ่งหมาย เพื่อไปขึ้น Metro แล้วไป Museum of London เดิน ๆ ไปเจอตึกนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็น โบสถ์เก่า หรือสถานที่ราชการ ที่ลอนดอนนี่ เราประทับใจก็พวกตึกโบราณต่าง ๆ แม้ว่าถนนมันจะดูจอแจ และ บางช่วงของลอนดอนก็ดูรก ๆ และระเกะระกะ แต่เราก็ยังอดชื่นชมที่เค้ารักษาตึกโบราณเหล่านี้ได้ ทั้ง ๆ ที่เวลามันผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เราเดินทางไปไม่ถึง Museum of London ก็ต้องเปลี่ยนแผน เพราะท่าทางเพื่อน จะเดินไม่ไหวแหะ คุณพี่ La Mer (เราเรียก เนื่องจากเค้าชอบใช้ครีม La Mer) ก็เลยบอกว่าจะพาไปเดินบน Millennium Bridge ที่เราพลาดไปเมื่อคืนนี้ แล้วเราก็เลยได้ภาพ St Paul ตอนที่ฟ้ายังสว่างอยู่ จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 14:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แล้วเราก็มาแยกกับคุณพี่ La Mer ที่ถนนย่ายช็อปปิ้ง ก่อนที่เราจะมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อนเพื่อไปเอา กระเป๋า และนั่งรถไฟไปสนามบิน Heathrow เพื่อนั่งเครื่อง กลับบ้าน ตอนนั่งรถไฟไปสนามบิน เราสามารถใช้ One Day Card ที่เราซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า ซึ่งครอบคลุมการเดินทางไปยัง Heathow ด้วย ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม พอไปถึง เราก็รีบไปติดต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับ การคืนภาษีสำหรับของทุกอย่างที่เราซื้อมาช่วงที่อยู่ยุโรป 2 อาทิตย์ พอได้เงินแล้วเช็คอิน ปรากฎว่า วันนี้คนไม่แน่น (ก็แหงหละ หน้านี้ใครเค้าจะไปยุโรปกัน หนาวจะตาย) เราก็เลยได้โอกาสให้คุณ ground หาที่นั่งว่าง ๆ ให้เราซักหน่อย (เดี๋ยวต้องไปลุ้นบนเครื่องอีกที) ร่ำลาเพื่อนเสร็จสรรพ เราก็เดินเข้า Gate แต่พระเจ้าไม่อยากเชื่อ คนเยอะมากโดยเฉพาะคนแขก สืบได้มาว่า จะมีเครืองของ Air India ออกไล่ ๆ กันกับการบินไทยพอดี เรางี้เซ็งเลย แถมยังลุ้นว่าเราจะไปขึ้นเครื่องทันมั๊ย โชคดีว่า ระหว่างรอเราเจอกับเจ้าหน้าที่ของสนามบินที่เราเจอเมื่อวาน ตอนเข้าห้องน้ำ และเค้าก็จำเราได้ด้วย (โฮ...... ดีใจจัง) เค้าเข้ามาทัก พร้อมถามรายละเอียดเกี่ยวกับไฟล์ทของเรา พอเราแจ้งเค้าไป เค้าก็ให้เราลัดคิวได้เลย พร้อมทั้งบอกกับเจ้าหน้าที่ ที่เครื่องเอ็กซเรย์ด้วยว่า เครื่องของเราจะออกแล้ว พอผ่านมา เราก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้น พร้อมทั้งให้นามบัตร เผื่อว่า เค้าจะมาเมืองไทย เราจะได้แนะนำ ขึ้นเครื่อง เราก็นอนหลับตลอด (อาหารก็ไม่กิน เพราะมันไม่ค่อยอร่อย) ได้แต่ขอน้ำเปล่า มา 2-3 ขวด ไว้ดื่มเวลาหิวน้ำ .......... ถึงเมืองไทย ก็ต้องไปออฟฟิศเลยเหมือนเดิม ไม่มีเวลาพัก จากคุณ : Travel Animal - [ 1 ก.ค. 51 15:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตามมาเที่ยวยุโรปด้วยค่ะ ตาร้อนมากเลยค่ะ แบบว่าอยากไปยุโรปสักครั้ง อยากเป็นเก็บภาพบรรยากาศของความคลาสิกแบบยุโรปจังค่ะ....... จากคุณ : Red Leaves - [ 2 ก.ค. 51 03:40:23 ]