ความคิดเห็นที่ 1 ปฐมบท   ญี่ปุ่นประเทศในความฝันที่หลายๆคนอยากไปสัมผัสรวมทั้งตัวผมเองก็ด้วย ทั้งจากการอ่าน  การฟัง และการดู ใครต่อใครก็บอกว่าญี่ปุ่นนั้นไปเที่ยวได้ทุกฤดูไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และ ฤดูหนาว โดยในแต่ละฤดูก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่าด้วยหน้าที่การงานของมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆท่านๆการลางานยาวๆนั้นจะต้องมีการวางแผนก่อนล่วงหน้าพอควร ดังนั้นผมจึงมีทางเลือกไม่มากนัก เหลืออีกไม่กี่เดือนก็สิ้นปีแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงซึ่งมีใบไม้เปลี่ยนสีนั้นน่าจะเหมาะ  ว่าแล้วจึงถามหาสมาชิกร่วมทริปได้ทั้งหมด 5 คน ซึ่งก็ถือว่าพอดีพอดีสำหรับทริปแบบเดินทางไปกันเอง จากนั้นก็จองตั๋ว โชคดีเป็นของเราเมื่อสิงคโปร์แอร์ไลน์มีโปรโมชันตั๋วราคาถูกแค่ 15,300 บาทเท่านั้น จองตั๋วเสร็จก็ได้เวลาไปขอวีซ่า ซึ่งไม่ได้ยากเย็นนัก เพียงแค่เตรียมเอกสารให้ครบตามที่ทางสถานทูตต้องการแค่นั้นเอง ค่าวีซ่าก็แค่ 980 บาท ถูกกว่าประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาเป็นไหนๆ แถมรวดเร็วทันใจขอวันนี้มะรืนก็มารับได้แล้ว หลังจากได้วีซ่ามาแล้วก็ไปออกตั๋วเครื่องบิน และ ซื้อ Japan RailPass แบบ 7 วันราคา8300 บาท  ซึ่งตั๋วนี้มีประโยชน์มากๆกับการเดินทางทริปนี้เพราะเราเดินทางกันไกลมาก อ้อลืมบอกไปว่าแผนการเดินทางของทริปนี้ก็คือ โตเกียว 2 วันแรก คาวากูชิโกะ 1 วัน เกียวโต 2 วันครึ่ง ฮิโรชิม่า 1 วัน นาโงย่าครึ่งวัน แล้วกลับมาเกียวโต ก่อนที่สองวันสุดท้ายจะกลับไปที่โตเกียวอีกครั้ง ทุกอย่างเรียบร้อยแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือที่พักเรายังไม่ได้หาเลย ในโตเกียวนั้นเราก็จัดการจองที่ข้าวสารสไมล์ ซึ่งอยู่แถวๆ Asakusa ซึ่งดูเหมือนจะไกลจากที่เที่ยวพอควรแต่ราคานั้นได้ต่ำกว่างบที่ตั้งไว้ที่คืนละ 1000 บาท ราคาต่อคนต่อคืนอยู่ทประมาณี่ 700 บาท มีดีก็ตรงนี้แหละ ที่พักต่อมาที่คาวากููชิโกะ หลายๆคนอาจจะงงว่าคาวากููชิโกะมีอะไรดี อธิบายง่ายๆก็คือเมืองนี้อยู่ริมทะเลสาบเชิงภูเขาไฟฟูจิ สวยหรือเปล่าอันนี้ต้องติดตามต่อไป ซึ่งก็ได้ที่ K's house ต่อไปก็คือ เกียวโต ที่นี่หาโฮสเทล ยากสุดๆ เพราะมีน้อย และ ราคาก็แพงพอตัวเลย แต่เราก็จบลงที่ Budget Inn เป็นห้องปูเสื่อตาตามิขนาดประมาณ 25 ตารางเมตรนอนกัน 5 คนก็น่าจะโอ ราคาเหรอ ก็ 14990 เยนหรือประมาณ 4500 บาท หารห้าก็ เก้าร้อยบาท ส่วนสองวันสุดท้ายที่โตเกียวนั้นตอนแรกเลือกไว้ที่ Tokyo International แต่สาวๆไม่เอาด้วยเพราะห้องน้ำเป็นแบบ Public Bath แบบแยกชายหญิง เลยเปลี่ยนไปลงที่ Aizuya Inn แทนซึ่งในเน็ตบอกว่าอยู่ใกล้ๆกับสถานี JR ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเลือกที่พักของเราในช่วงสุดท้ายเพื่อความสะดวกในการไปสนามบิน อาจจะฟังดูแปลกๆที่ ที่นี่ เวลาอาบน้ำต้องหยอดตังค์ด้วย แต่จริงๆแล้วก็ดีเหมือนกันนะ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 10:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เดินทาง    และแล้วเวลาก็ผ่านมาถึงวันที่ 23 พฤจิกายน เวลา 5 ทุ่ม เครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เที่ยวบิน SQ 632 ก็ทะยานออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ความภูมิใจของใครก็ไม่รู้ (จะโดนแบนหรือเปล่าเนี่ย)  หลังจากเครื่องขึ้นแล้วก็กะว่าจะนอนซะหน่อยแต่เพราะนึกว่าจะได้กินอาหารเช้าก่อนเครื่องถึงที่นาริตะ แต่กลับกลายเป็นเสิร์ฟมื้อซัพเพอร์ซะนี่ กว่าจะกินเสร็จ แอร์เดินมาเก็บก็ล่อไปตีหนึ่งครึ่งกว่าๆ กว่าจะนอนหลับก็ซัดไปจะตีสอง ซักตีห้ากว่าๆ ไฟบนเครื่องก็ถูกเปิดอีกครั้ง มองไปข้างนอกหน้าต่างเครื่องบินเห็นแสงเงินแสงทองอยู่ขอบฟ้ารำไร ราวๆ 6 โมงกว่าๆ ก็เห็นแผ่นดินญี่ปุ่นอยู่ข้างหน้าแล้ว  ซัก 7 โมงล้อเครื่องบินก็แตะพื้นสนามบินนาริตะ เสียงกัปตันประกาศว่าอุณหภูมิอยู่ที่ 1 องศา พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ฟังกันไม่ผิดใช่มั้ย 1 องศา พวกเราก็เตรียมมาเจออากาศหนาวอยู่เหมือนกันแต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้  กัปตันพาเครื่องแท็กซี่ไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะเทียบหลุมจอด หลังจากนั้นก็เดินๆๆๆ กว่าจะถึง ตม ไกลมากทีเดียว แถมคิวยาวเหยียด เสียเวลาตรงนี้ไปอีกน่าจะซักครึ่งชั่วโมงได้ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องสแกนนิ้วชี้ทั้งสองข้างและถ่ายรูป ซึ่งมันไฮเทคมากๆ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ ตม สแกนพาสพอร์ต ภาษาที่อยู่หน้าจอก็เปลี่ยนเป็นภาษาไทยทันที  ผ่าน ตม ออกมาปั๊ปกระเป๋ามันก็มารอเราอยู่แล้ว หลังจากได้กระเป๋าครบ ก็ไปหาห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวกัน เข้าไปก็เจอกับผู้ชายคนหนึ่งยืนรอเข้าห้องน้ำ ก็สงสัยว่ามันว่างห้องนึงทำไมไม่เข้าไป หรือมารอญาติ แต่ไม่น่าใช่ ซักพักก็มีคนออกมาจากอีกห้องหนึ่ง เค้าก็เดินเข้าไป พอแปรงฟันเสร็จเลยเดินไปดูห้องนั้น ก็เลยรู้ว่าห้องที่ว่างนั้นเอาไว้สำหรับผู้ชายที่มีเด็กเล็กมาด้วย คือจะมีที่ให้เด็กนั่งแล้วเอาสายคาดไว้ ระหว่างนี้ก็สามารถทำธุระส่วนตัวได้อย่างสบายใจ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็เลยเข้าใจว่าที่ผู้ชายคนนั้นไม่เข้าเพราะห้องนี้เอาสำรองไว้เพื่อกรณีนี้นี่เอง พี่ยุ่นเรานี่มีวินัยจริงๆ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 10:56:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากนั้นเราก็ต้องไปหารถไฟเข้าเมืองกันเพราะเราจะเริ่มใช้ JR Rail Pass ในวันที่สาม รถที่เราจะนั่งก็คือ Keisei Line ราคา 1000 เยน โดยเราจะลอกการเดินทางไป Asakusa ที่ ข้าวสารสไมล์ ตามหนังสือเล่มหนึ่ง พอลงมาถึงชานชาลาก็งงครับ เพราะมันมีรถ Sky Liner จอดอยู่ แถมที่พื้นก็แปะว่า Sky Liner ด้วย มาถูกทางหรือเปล่านะเนี่ย ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ และ ป้าที่ร้าน Kiosk ได้คำตอบเดียวกันว่าให้รอตรงนี้แหละ เดี๋ยว Sky liner ออกไป Keisei ก็จะมาแทนที่เอง เป็นไปอย่างที่บอกจริงๆด้วย จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 10:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมงมาถึงสถานี Ueno ซึ่งมันไม่ใช่เส้นทางในหนังสือเล่มนั้นซะแล้ว โชคดีที่เดินออกมาปั๊ปก็เจอ Tourist Information ก็เลยถามทาง คำตอบที่ได้คือให้เปลี่ยนรถ subway สายกินซ่า ไปสถานี Asakusa  เราตัดสินใจที่จะซื้อตั๋ววันของ Sub-way เพราะต้องเดินทางด้วย subway ทั้งวันอยู่แล้ว สนนราคาก็อยู่ที่ 1000 เยน แล้วก็เดินไปที่พักอีกราวๆ 15 นาที ถึงตอนนี้ก็ซัดเข้าไป 11 โมงแล้ว ฝากกระเป๋าเสร็จก็ถามหาร้านแนะนำจากที่พัก (ข้าวสาร สไมล์) ก่อน ได้คำแนะนำว่าให้ไปร้าน เทนย่า เป็นร้านเทมปุระ  ก็เดินๆๆ ผ่านหน้า Sensoji ไปนานพอควรร้านจะอยู่ฝั่งเดียวกับ Sensoji จริงๆร้านเป็นร้านแบบมีหลายๆสาขาถ้าเจอที่อื่นๆก็ลองกินได้ สั่งเทมปุระด้ง ที่มีกุ้ง หอยนางรม และ ผัก อีกสองอย่าง มากิน อร่อยมากมาย หลังจากนั้นก็ไปที่ Sensoji Temple ถ้านึกไม่ออกว่ามันคือวัดไหน ลองนึกถึงวัดญี่ปุ่นที่มีโคมสีแดงใหญ่ๆ แขวนไว้หน้าประตู อันนั้นแหละใช่เลย จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 10:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 วันนี้คนเยอะมาก เพราะอยู่ในช่วงวันหยุดยาว 3 วันรวดของญี่ปุ่น ข้างในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม หลังจากสักการะเสร็จ เดินออกมาเจอเด็กญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนน่ารักดี ได้ถ่ายรูปด้วย ขาเดินออกเราเลี้ยวออกซอยอื่น ไปเจอร้านขายไอติม มีรสแปลกๆด้วย เลยสั่ง ไอติมรสวาซาบิมากิน รสชาติมันซ่ามากๆ  เสร็จแล้วเราก็เดินไปที่สถานี Asakusa เพื่อที่จะไป Imperial Palace แต่ทว่าไม่มีรถที่วิ่งตรงไปโตเกียวเราต้องไปเปลี่ยนรถหลายทีเหมือนกันกว่าจะไปถึง  ระหว่างทางเดินนั้นแวะถ่ายรูปกับต้นแป๊ะก๊วยใบเหลืองอยู่นานมากทีเดียว จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:00:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พยายามเดินหาสะพานNijubashi อยู่เหมือนกันแต่หาไม่เจอ หลังจากนั้นก็กลับไปที่พักเพื่อเอาขาตั้งกล้องพร้อมกับเช็กอิน จากนั้นก็นั่งรถสาย Asakusa ไปลงที่ Shimbashi เพื่อเปลี่ยนรถไฟลอยฟ้าที่ชื่อ Yurikamome  เพื่อไป ไปโอไดบะ โดยเราซื้อตั๋วแบบ oneday ราคา 800 เยน โอไดบะเป็นแผ่นดินที่ถมขึ้นมาจากทะเล  รถไฟพาเราข้ามไปโอไดบะโดยใช้ Rainbow bridge ด้วย พอไปถึงก็สงสัยว่าทำไมคนเยอะจัง ซักพักประมาณ 1 ทุ่มก็มีการจุดพลุเลยได้อยู่ดูและถ่ายรูป  หลังจากนั้นก็ไปหาอะไรใส่ท้องกันโดยได้ร้านราเมงที่หาได้แถวๆนั้น ซึ่งอร่อยมากๆๆๆๆ เสร็จแล้วก็เดินไปชิงช้าสวรรค์ต่อ แล้วก็นั่งรถไปสุดสาย ด้วยความที่นั่งอยู่ตู้ท้ายพอไปสุดสายทำให้ขากลับนั้นกลายเป็นตู้แรก นี่เองที่ทำให้รู้ว่ารถไฟสายนี้ไม่มีคนขับแต่อย่างใด รถย้อนกลับมาที่ Shimbashi ก่อนที่จะเปลี่ยนรถ subway เพื่อกลับที่พัก จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 วันที่สอง: ตะลุยเอโดะ           เช้านี้เราไปที่ Meiji Shrine กัน เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ในโตเกียว  โดยลงที่สถานี Subway ชื่อ Meiji Jing Umaeแถวๆ Harajuku ไม่น่าเชื่อว่าแค่ผ่านโทริอิเข้าไปนั้น ด้วยความเงียบสงบ ต้นไม้ร่มรื่นจนคล้ายป่ามากกว่าสวนธรรมดา เมื่อเทียบกับความพลุกพล่านข้างนอกนั้นก็จะพบความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไปถึงศาลเจ้าก็เจอพิธีแต่งงานถึงสองคู่ชู้ชื่นด้วยกัน ที่นี่เราเจอเด็กๆ แต่งตัวชุดกิโมโนน่ารัก หลายคนเลย ศาลเจ้าที่นี่สร้างถวายพระจักรพรรดิและจักรพรรดินีเมจิ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพงานแต่งในศาลเจ้าเมจิ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พอดีเรามาตรงกับเทศกาล 3-5-7 เลยเจอเด็กๆ ที่พ่อแม่พามาขอพรกันเยอะมาก จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลังจากออกจากที่นี้แล้ว เราก็หาทางไป Jingu Gaien ซึ่งถามแล้วก็งงๆได้คำตอบที่ไม่เคลีย เลยได้ซัด ทาโกะยากิ กับ โอโคโนมิยากิ กันหน้าสวน Yoyogi แล้วก็เลยถามร้านขายของว่าไปยังไง ปรากฎว่าพบทางสว่าง ปิ๊ง แต่ก่อนไปเราก็รอคิวกิน จังการะ ราเมง             ร้านอันดับสองจากทีวีแชมเปี้ยน แต่กินแล้วรู้สึกสู้ร้านเมื่อวานไม่ได้ อ้อใครมาแล้วเห็นเต็มอย่าเพิ่งเดินหนีไป ร้านมันมีซ่อนอยู่ที่ชั้นสองอีกส่วนหนึ่งด้วย         เสร็จแล้วก็เดินไปตามถนน Omotesando  ถนนนี้รวมแบรนด์เนมช็อปชื่อดังไว้ครบครันว่ากันว่าคนญี่ปุ่นนั้นบ้าแบรนด์เนมไม่แพ้ชาติใดในโลก ใบไม้ที่นี่เพิ่งเริ่มเปลี่ยนสีเอง เดินไปจนถึงแยก Omotesando เลยตัดสินใจลง Subway ตามที่ป้าร้านขายของใน Yoyogi แนะนำดีกว่า เพราะไม่รู้จะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี โชคดีที่พอถึงสถานี Gaiemmei แล้วออก Exit ปั๊บก็มาถูกทางเลย แต่น่าเสียดายที่ใบไม้ยังเขียวอยู่เลย ก็เลยงัดแผนไปชินจูกุ เพื่อไปชมวิวโตเกียวมุมสูงกันบ้าง ไปถึงตึก TMG พบว่าตึกปิด รู้สึกเสียดายทีเดียวที่เดินจากชินจูกุมาตั้งไกล แต่โชคยังดีที่เดินเลาะๆมาแล้วเจอป้าย Information เห็นมีรูปลิฟต์อยู่ข้างตึก เลยลองเดินไปดู เย้ มันเปิดจริงๆด้วยแต่ขึ้นไปชมวิวมุมสูงแล้วก็รู้สึกพลาดเล็กน้อยที่ไม่เห็นฟูจิ เพราะถึงฟ้าจะเปิดโล่งโจ้งไม่มีเมฆแม้แต่ก้อนเดียว แต่หมอกแดดแรงมาก ทำให้มองไม่เห็น แต่ก็โอเคที่ได้เห็นโตเกียวในมุมสูง อ้อตึกนี้ดูฟรีนะครับ ไม่เสียค่าเข้าชมแต่อย่างใด จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หลังจากนั้นเราก็ไปออกตั๋ว JR Rail Pass ซึ่งขอแนะนำว่าถ้าไม่จำเป็นอย่าได้มาที่ชินจูกุเด็ดขาดเพราะสถานีซับซ้อนมากๆ ที่สถานีโตเกียวว่าใหญ่แล้วยังหาอะไรๆ ง่ายกว่า เสียเวลาหาออฟฟิศออกตั๋ว Rail Pass อยู่นานมากทีเดียวในที่สุดก็สำเร็จแต่ก็เย็นย่ำมากแล้วที่ชินจูกุได้กินทั้งเครปและชูครีม แล้วก็ได้เวลาย้ายเท้าไปเดินที่ชิบูย่า แยกที่มีคนเดินข้ามมากที่สุดในโลก มันเยอะจริงๆ ไม่รู้ผู้คนมาจากไหนกัน มื้อเย็นนี้เราฝากท้องไว้ที่ OOtoya ซึ่งรอคิวนานมาก ซึ่งรสชาติก็งั้นๆ เมืองไทยจะดีซะกว่าด้วยซ้ำ ยังวันนี้ยังไม่จบแค่นี้ หลังจากนั้นก็ไปต่อที่ Roppongi โดยนั่งรถสาย Ginza ไปเปลี่ยนรถที่ Aoyama Itchome เปลี่ยนเป็นสาย Oedo ไปลงที่รปปงงิ เพื่อชมโตเกียวยามค่ำคืนจากมุมสูง ค่าบัตรนั้นไม่แพง(ซะที่ไหน) 1500 เยน  แต่ก็ถือว่าได้มาเปิดหูเปิดตาดูโตเกียวยามค่ำคืน มองเห็นโตเกียวทาวเวอร์อยู่ไม่ไกลโดยมีตัวเลข 2016 ติดไว้ด้วย สมาชิกทริปบอกว่าเป็นการโปรโมตกีฬาโอลิมปิกที่โตเกียวจะขอ bid เป็นเจ้าภาพ  ได้ลองนั่งเก้าอี้เปลี่ยนสีด้วยคือตอนแรกมันจะเป็นสีขาวแต่พอเราไปนั่งมันจะเปลี่ยนสีทันที  หลังจากนั้นก็ได้เวลากลับที่พักด้วยสาย Oedo ไปลง Kuramae เพื่อจะเปลี่ยนรถไปเป็นสาย Asakusa แต่สถานี Kuramae ของสาย Oedo กับ Asakusa นั้นอยู่ไกลกันแบบต้องออกมาเดินข้างนอกก่อน ราวๆ 5ทุ่มกว่าๆก็ถึงที่พัก ด้วยความที่วันนี้เดินเยอะมากและเมื่อคืนก่อนบนเครื่องก็ไม่ได้นอนเต็มอิ่ม ทำให้เราต้องดูแผนที่จะไป คาวากููชิโกะ ใหม่เพราะวันถัดไปเราต้องไปเกียวโต ซึ่งการไปคาวางูชิโกะนั้นต้องเปลี่ยนรถหลายที และใช้เวลาเดินทางมากทีเดียว สรุปสุดท้ายเราเลยเปลี่ยนไปเป็น 1 day ทริปแทน ที่พักที่ ข้าวสารก็ยังว่างเลย โชคดีไป จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โตเกียวมุมสูงจาก รปปงงิ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เดี๋ยวคืนนี้มาต่อนะครับ ^^ จากคุณ : M78planet - [ 30 มิ.ย. 51 11:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รอติดตามชมต่อนะครับ จากคุณ : Draught Beer - [ 30 มิ.ย. 51 11:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทริปน่าสนุกจังเลยนะคะ รอติดตามตอนต่อเด้อ.... จากคุณ : Travel Animal - [ 30 มิ.ย. 51 11:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามไปด้วยค่ะ รูปเจ้าของกระทู้ ถ้าใหญ่กว่านี้คงสวยน่าดู ขนาดเล็กๆ ยังรู้เลยว่าสวย จากคุณ : umeboshi - [ 30 มิ.ย. 51 12:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่แล้ว เราว่ากระทู้จะดึงดูดใจให้เข้ามาชม ส่วนหนึ่งมาจากภาพค่ะ ภาพสวย ขนาดกำลังดี 640x480 หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย เพื่อไม่ให้โหลดนาน จากคุณ : บัวนลิน - [ 30 มิ.ย. 51 13:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รอชมต่อค่ะ..อยากๆไปช่วงนี้พอดี.. จากคุณ : ว่าน - [ 30 มิ.ย. 51 13:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตามเที่ยวต่อค่ะ สนุกดี จากคุณ : Red-Rose-14Feb - [ 30 มิ.ย. 51 15:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผ่านมาอ่าน... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 30 มิ.ย. 51 19:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาปูเสื่อทาทามิรอครับ จากคุณ : Leopaul - [ 1 ก.ค. 51 08:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตามมาเที่ยวด้วยครับ จากคุณ : fqmm1974 - [ 1 ก.ค. 51 11:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมาเที่ยวด้วยคร้าบ... อยากไป อยากไป จากคุณ : P.S. i love you - [ 1 ก.ค. 51 16:55:53 ]