ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2336 วันที่ 3 - 5 ก.ค. 2551
'พาที' เปิดใจโต้เดือด สางปมขัดแย้ง'นกแอร์-บินไทย'
วิกฤติเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากราคาน้ำมัน ทำให้"นกแอร์"ต้องเผชิญกับผลประกอบการขาดทุนปาเข้าไป 100 กว่าล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างฟื้นฟูสถานภาพทางการเงิน และกำลังได้รับแรงกดดันจากการบินไทยผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เพิ่มดีกรีความเป็นลูกรักลูกชังมากขึ้นทุกที จนถึงขนาดจะถอนหุ้นออกจากนกแอร์ หรือความพยายามจะเข้าไปกินรวบการบริหารในนกแอร์ อีกต่างหาก
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอะไร ทำไมนกแอร์จึงถูกมองว่าเป็นเด็กดื้อ นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นกแอร์ จำกัด เปิดใจกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ดังนี้
+++ นกแอร์รวนเพราะบินไทยเปลี่ยนหัวบ่อย
"ซีอีโอนกแอร์" เปิดใจยอมรับว่าประเด็นที่ถูกการบินไทยมองว่าเป็นคู่แข่งนั้น แท้จริงแล้วเป็นไฟติ้งแบรนด์ของการบินไทย ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับโลว์คอสต์ แอร์ไลน์สายอื่นๆ แต่ที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารและบอร์ดการบินไทยบ่อย ตั้งแต่ปี 2004-2008 ที่นกแอร์เปิดให้บริการ ประธานบอร์ดการบินไทยเปลี่ยนมาแล้ว 4 คน ตั้งแต่ ดร.ทนง พิทยะ ,สมใจนึก เองตระกูล, พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก และชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ส่วนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย เปลี่ยนมาแล้ว 3 คน ไล่ตั้งแต่ กนก อภิรดี, สมใจนึก เองตระกูล, ร.ท.อภินันทน์ สุมนะเศรณี
การเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารที่เกิดขึ้น ก็มักจะเปลี่ยนแปลงนโยบายของการบินไทยในนกแอร์ด้วย อย่างที่ผ่านมาก็มีข่าวการบินไทยจะไปตั้ง เอื้อหลวงแอร์ไลน์ส เป็นต้น จากสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนย่อมทำให้คนในการบินไทย ความเข้าใจความเป็นมาเป็นไปของนกแอร์เริ่มหลุดหายไป ทำให้นกแอร์กลายเป็นคู่แข่งไปโดยปริยาย ซึ่งบางคนก็มีอคติบ้าง แต่สำหรับคนการบินไทยที่ทำงานใกล้ชิดนกแอร์จะเข้าใจเราดี ซึ่งนกแอร์ได้ทำตามนโยบายการบินไทยมาตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ
+++ ย้ำชัดนกแอร์ทำตามนโยบายที่ก่อตั้ง
อยากย้อนให้เห็นถึงการก่อตั้งนกแอร์ ขึ้นมาเพื่อให้การบินไทยสามารถลดการขาดทุนเส้นทางบินในประเทศ และป้องกันไม่ให้คู่แข่งมาแย่งตลาด ซึ่งการเกิดของนกแอร์ ในช่วงดร.ทนง พิทยะ เป็นประธานบอร์ดการบินไทย ที่ระบุไว้ในแผนเลยว่าให้การบินไทยถือหุ้นไม่เกิน 50% เพื่อให้มีการบริหารโดยปราศจากการเมือง คล่องตัวในการตัดสินใจ และสามารถปฏิบัติการบินโดยมีกำไรต่อผู้ถือหุ้น และมีการไปเชิญนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาเป็นประธานนกแอร์ และหุ้นอีก 51% ก็เชิญบริษัทต่างๆเข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อทำให้นกแอร์เกิด
ขณะที่ตัวผมเอง ท่านทนง พิทยะ ก็เป็นคนไปขอกับ ท่านอาสา สารสิน(คุณพ่อ)ให้ผมเข้ามาช่วยบริหารนกแอร์ ทั้งๆที่ตอนนั้นผมนั่งทำงานบริหารอยู่ที่บริษัท เบทส์ แอดเวอร์ไทซิ่งฯ ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณา ตอนนั้นก็มีความสุขดี มีรายได้อยู่เดือนละ 1 ล้านบาท แต่เมื่อถูกขอให้มาทำเพื่อช่วยชาติ ก็ยอมรับเงินเดือน 5 แสนบาท หักภาษีแล้วเหลือ 3 แสนกว่าบาท และที่การบินไทยรู้จักผม ก็เพราะผมเข้าไปพรีเซนต์งานโฆษณา ประกอบกับช่วงนั้นจะเห็นว่าซีอีโอโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ก็เป็นคนนอกวงการการบิน จึงมองว่าน่าจะเข้ามาสนับสนุนการทำงานได้ เขาก็เลือกผมก็เท่านั้นเอง
กรอบของเส้นทางบินก็หารือไว้แต่แรกว่า นกแอร์จะเริ่มต้นด้วยการเปิดบินเส้นทางบินในประเทศที่ไม่ใช่เส้นทางบินหลักของการบินไทย และเส้นทางในภูมิภาคนี้บางเส้นทางที่โลว์คอสต์ แอร์ไลน์สายอื่นเข้าไปเปิดบิน เพื่อให้การบินไทยไปมุ่งเส้นทางระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมานกแอร์ก็ช่วยการบินไทยลดภาระเส้นทางบินในประเทศที่ขาดทุน แต่การบินไทยก็ไม่ได้ถอนเส้นทางบินในประเทศออกตามแผนที่วางไว้ เพราะนโยบายเปลี่ยน จากการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร ส่วนที่นกแอร์ตัดสินใจบินบังกะลอร์ ก็เพราะเห็นว่ากลางคืนเครื่องบินไม่ได้ใช้ก็นำมาเพิ่มรายได้
จุดเปลี่ยนนี้ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ พอนกแอร์โตขึ้น คนก็มองว่านกแอร์ยิ่งมาแย่งตลาดเส้นทางบินในประเทศของการบินไทย แต่แทนที่การบินไทยจะวางตำแหน่งของความเป็นพรีเมียม แอร์ไลน์ ก็หันมาลดราคาเส้นทางบินในประเทศแข่งกับนกแอร์ และปัญหาเรื่องการบินไทยย้ายเที่ยวบินในประเทศมาอยู่ดอนเมือง พร้อมๆกับสายการบินในประเทศสายอื่นรวมถึงนกแอร์ด้วย ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นปัญหาหนักว่านกแอร์ไปบินแข่งในเส้นทางเดียวกัน ทั้งๆที่จุดที่ถูกต้องการบินไทยควรเปิดให้บริการอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
+++ โต้บินไทยไม่ได้แบกรับภาระนกแอร์
ส่วนประเด็นที่คนมองว่านกแอร์เป็นภาระของการบินไทยนั้น ขอยืนยันว่าไม่เคยเป็นภาระเลย เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาการบินไทยลงทุนในนกแอร์ 195 ล้านบาท แต่นกแอร์ ก็ได้ซื้อบริการต่างๆของการบินไทยรวมแล้วกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปี เช่น ค่าเช่าเครื่องบิน , ค่าบำรุงรักษาเครื่องบิน ค่าบริการภาคพื้น โดยจ่ายในอัตราเท่ากับที่การบินไทยคิดกับสายการบินอื่นๆไม่ได้มีอะไรที่พิเศษรวมไปถึงการให้การบินไทยเป็นผู้จัดซื้อน้ำมันให้ ซึ่งคิดค่าเปอร์เซ็นต์จัดหาน้ำมันให้นกแอร์อยู่ที่ 2%
ข้อมูลเหล่านี้ผู้คนทำงานใกล้ชิดนกแอร์จะทราบดี มีเพียงช่วงแรกๆเท่านั้นที่การบินไทยสนับสนุนโดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการให้นกแอร์เช่าเครื่องบินในราคาบุก แวลู (ราคาท้องตลาดหักค่าเสื่อม)ก็เฉพาะ 4 ลำแรกเท่านั้น
ส่วนที่การบินไทยบอกว่าลงทุนในนกแอร์ขาดทุนตลอดไม่ได้ปันผล จริงๆ นกแอร์เพิ่งจะเริ่มขาดทุนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2550 จนถึงปัจจุบัน รวมประมาณ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการขาดทุนจากการขายตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า เนื่องจากลูกค้าซื้อตั๋วผ่านอินเตอร์เน็ตไปในราคาน้ำมันช่วงนั้นอยู่ที่ 75-80 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล(ธันวาคม 2550) แต่พอถึงวันเดินทางราคาน้ำมันขยับขึ้นมาเป็น 139 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ดังนั้นเมื่อขายตั๋วออกไปแล้ว ไม่สามารถชาร์ตกับลูกค้าเพิ่มได้ ทำให้สายการบินต้องแบกรับภาระไว้
ทั้งนี้ที่ผ่านมานกแอร์ไม่ได้มีหนี้สินสะสมมาก่อน (ตารางประกอบ)เพียงแต่ไม่ได้จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น เพราะผู้ถือหุ้นบอกว่ากำไรยังน้อยแบ่งกันแล้วก็ได้กันคนละนิด ยังไม่คุ้มทุน 500 ล้านบาทที่ลงไว้ ก็เลยมีมติยังไม่รับปันผล
+++ยันไม่เคยใช้อภิสิทธิ์พ่อเอื้อธุรกิจ
สำหรับประเด็นที่พูดกันในการบินไทยว่ามีการใช้บารมีของท่านอาสา สารสิน (บิดา)ซึ่งเป็นราชเลขาฯ มาบีบให้นกแอร์ได้สิทธิพิเศษต่างๆของการบินไทย และเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของนกแอร์นั้น ก็ไม่เป็นความจริง ไม่มีการแทรกแซงแน่นอน ทำอย่างนั้นก็เสียสถาบัน ท่านมีแต่ให้กำลังใจผมเท่านั้น แม้กระทั่งเดินทางกับนกแอร์ ท่านยังไม่เคยบินฟรีเลย ต้องจ่ายเงินทุกครั้ง ที่นี่เราตั้งใจทำงานไม่มีปัญหาเรื่องโกงกิน เราถึงอยู่ได้
ผมมองว่าปัญหาความไม่เข้าใจของการบินไทยที่มีต่อนกแอร์ เป็นเรื่องความขัดแย้งที่เป็นรายบุคคลมากกว่าไม่เกี่ยวกับองค์กร เพราะผู้บริหารการบินไทยที่มานั่งในบอร์ดนกแอร์ ก็ร่วมกับนกแอร์ทำแผนฝ่าวิกฤติการขาดทุนจากปัญหาน้ำมัน ซึ่งก็อยากให้คนเข้าใจนกแอร์ เพราะปัญหา ความแตกแยกเป็นเรื่องไม่ควรเกิด เพราะไม่มีใครชนะ และคนที่การบินไทยต้องแข่งคือสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส คาเธ่ย์ แปซิฟิก ที่เหมาะสมอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ใช่นกแอร์
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=R4023361&issue=2336
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 51 13:56:07
News Update 'พาที' เปิดใจโต้เดือด สางปมขัดแย้ง'นกแอร์-บินไทย'
... เข้ามาดู