ความคิดเห็นที่ 1 วันก่อนไปมาตอนสิ้นเดือนก็รู้สึกไม่ดีค่ะ เรือบางลำ(ส่วนใหญ่เป็นเรือที่เค้าจองเป็นกลุ่ม) ถึงขั้นเอาไฟลำแสงสูงฉายไปทั่ว บนผืนน้ำต้นไม้(แต่พอมีหิ่งห้อยจะดับไฟ) ลูกค้าหลายๆ คนอยากได้รูปหิ่งห้อย ถ่ายรูปแบบใช้ flash กันซะ เข้าใจว่าอยากได้รูปหิ่งห้อย แต่ก็นะ เปิดแฟลชแล้วยิ่งไม่เห็นน่ะสิ - -'' ส่วนคนขับเรือแซงกันอย่างหนุกหนาน แข่งแรลลี่กันมากๆ กลัวว่าทำรอบไม่ทันแบบรถเมล์หรือยังไงก็ไม่รู้ เพราะเรานั่งรอบแรกด้วยแหละ แต่เรือดีๆ ก็เยอะ วันที่เราไปบรรยากาศดี หิ่งห้อยเยอะ มีบินหลงเข้ามาในเรือด้วย  ตื่นเต้น >< ป.ล. เรือลำที่เราลงมีเกือบมีหนังสดด้วยแหละ - -'' อารมณ์เสียมากมาย โทษฐานที่ทำให้ไม่รู้จะดูหิ่งห้อยหรือดูคนล้วงกัน - -''... แล้วคนคู่นั้นเจือกนั่งหัวเรือเลย  เห็นกันเกือบทั้งลำ จากคุณ : MoonClock~* - [ 7 ก.ค. 51 21:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น้ำใสน้ำดำ เราทำทั้งหมด จากคุณ : impact - [ 7 ก.ค. 51 21:42:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้ที่ชุมชนบ้านลมทวน มีการนำชมหิ่งห้อยด้วยเรือพายครับ ติดต่อได้ที่วัดช่องลมครับ ซึ่งปัญหานี้ใหญ่เลยครับ เพราะคนไปหลายคนไม่รู้ว่าตนเองทำลายธรรมชาติและรบกวนผู้อื่นมากเกินไปเช่นกัน แรก ๆ ไม่เท่าไหร่ ตอนนี้หนักแล้วครับ เป็นบาปบริสุทธิ์อีกอย่างหนึ่งเช่นกัน (ได้คุบกับผู่ริเริ่มและได้ฟังจากน้า สว แม่กลอง) เพราะตอนแรกก็ตั้งใจให้เป็นรายได้เสริมและส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์  ซึ่งถ้าเชิงอนุรักษ์จริง ต้องจำกัดปริมาณและหลายอย่าง ตอนนี้เป็น Mass ไปแล้ว ชาวบ้านถึงขนาดทำป้ายบอกว่า สงสารพวกเราเถอะ หรือ ตัดต้นลำพู แต่ไม่ได้ตัดทิ้งนะครับ เขามีภูมิปัญญาครับ ตัดเหลือโคนพอให้แตกใหม่ เขาก็รักต้นลำพูกันทั้งนั้นล่ะครับ ใน BP ข่าวสารแพร่ได้ในวงกว้าง เมื่อเริ่มแพร่ไปเรื่อย ๆ อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกครั้ง เช่น การเปลี่ยนจากเรือยนต์เป็นเรือพาย หรือเรือเครื่องยนต์เล็ก และเมื่อถึงแม่น้ำกใช้พายเป็นหลัก เป็นต้น ผมไปที่ฟิลิปปินส์มา หิ่งห้อยในแม่น้ำมากว่าบ้านเรา 5 เท่า แล้วไม่มีคนอยู่ริมน้ำ แต่เขาก็ใช้การพาย และเครื่องยนต์เล็ก พอให้เรือเคลื่อนไปได้เท่านั้นครับ เวลาชม รู้สึกกันเองเลยว่า มันเงียบกริ๊บ แล้วหิ่งห้อยจะสาดแสงแบบสว่างมากเป็นเหมือนดวงไฟเลย ซึ่งตอนสัก 2 ปีก่อน ยังพอได้เห็นที่อัมพวาช่วงพีค ๆ ของหิ่งห้อยในหน้าฝนครับ จากคุณ : Mr.OB1 - [ 7 ก.ค. 51 22:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "อยากจะให้การท่องเที่ยวอัมพวายั่งยืนก็ต้องช่วยกันดูแล แต่ก็ถูกพวกที่มีผลประโยชน์กับอัมพวา ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่คนอัมพวาด่าตลอดหาว่าไม่อยากให้อัมพวาเจริญ แต่ถ้าเจริญแล้วต้องเสียวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเรา เราคงไม่เอา ชาวบ้านก็ไม่เอาด้วยเพราะถึงไม่มีการท่องเที่ยวพวกเขาก็มีกิน ยิ่งมาทำเสียงดังรบกวน เขาก็บอกว่าจะสู้แบบชาวบ้านๆ อย่างใช้หนังสติ๊กยิง คนขับเรืออาจจะต้องใส่หมวกกันน็อก แต่เราก็พยายามช่วยกันหาทางออกที่ดีกว่านั้น เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วทุกฝ่ายควรจะลงมาช่วยกัน ไม่อย่างนั้นอีกไม่กี่ปีนี้หิ่งห้อยต้องหมดไปแน่ๆ" นายปรีชา กล่าว นอกจากนี้ตอนนี้ยังมีกรณี การล่อไฟ เพื่อให้หิ่งห้อยบินมาให้นักท่องเที่ยวชมใกล้ ๆ และมีการต่อเรือใหญ่จำนวนมาก เตรียมรับนักท่องเที่ยวกันอีกแบบไม่จำกัดจำนวน         กรณีนี้อาจเกิดขึ้นกับที่อื่น ๆ และโครงการอื่น ๆ ก็ได้ หาก ไม่ได้ป้องกันหรือ วางแผนอย่างรอบคอบ หรือมุ่งเน้นด้านท่องเที่ยวในมิติของจำนวนและปริมาณเงินที่จะได้มากเกินไป ผู้ริเริ่มเองก็จิตใจดีและอยากให้ชาวบ้านมีรายได้ แต่เมื่อไม่ได้เตรียมการจำกัดหรือควบคุมตั้งแต่ต้น การแก้ปัญหา ณ บัดนี้ยากขึ้นมาก เพราะเมื่อจะยกเลิกก็จะมีการประท้วงของผู้สูญเสียรายได้ เพราะมีการลงทุนซื้อเรือหางยาวเพิ่ม ต่อเรือใหม่แล้ว มีการย้ายถิ่นเข้ามาเพื่อขายของ เพื่อ ทำธุรกิจเรือแบบไม่พอเพียงแล้ว คือเที่ยวให้มากรอบเข้าไว้ ซึ่วความเดือดร้อนของชาวบ้านก็ยังคงอยู่ต่อไป จนหิ่งห้อยลดน้อยลง จากภาวะที่สะสมมานี้ครับ พื้นที่ที่หิ่งห้อยอยู่ ต้องมีคันดินมีไม้น้ำกันเป็นพุ่ม เพราะเขาอยู่ในน้ำกว่า 97% ของช่วงชีวิต และขึ้นมาแค่ไม่นานนักเพื่อสืบพันธุ์     หากภาวะ บูม หรือ บ้าเห่อ ของคนกทม จะลดลงไปก็ยากพอกับการจำกัดการชมหิ่งห้อยแบบเรือยนต์ใหญ่ในตอนนี้ ครับ   คนกทม หลายท่านก็มีจิตใจดี อยากอุดหนุนชาวบ้าน อยากชมหิ่งห้อยน่ารัก ๆ แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สิ่งเหล่านี้คือ การสร้างปัญหาโดยไม่ตั้งใจและเจตนาที่เกิดขึ้นตลอดมาในหลากหลายกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวครับ ดังนั้น หากจะส่งเสริมหรือทำอะไรกับธรรมชาติเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ต้องคำนึงถึงผลกระทบให้รอบด้าน ถ้ามองแค่ 6เดือน - 1 ปี หรือช่วงสั้น ๆ เราก็อาจจะเฮกันไป ดีใจว่า สำเร็จแล้ว ได้ทำสิ่งที่ดีแล้ว แต่จะมาเสียใจในภายหลัง แบบกรณีนี้ครับ ... จากคุณ : Mr.OB1 - [ 7 ก.ค. 51 22:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เศร้าใจ + เสียใจ มาก ๆ ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับอัมพวาเลย น่าจะมีมาตราการในการท่องเที่ยว ไม่นานคงไม่ได้เห็นหิ่งห้อยกันอีกแล้ว มนุษย์นั้นแหละที่ทำลายธรรมชาติ ความคิดเรา (ส่วนตัวนะ) น่าจะจำกัดในการชมหิ่งห้อย ต่อไปธรรมชาติคงไม่เหลือให้ดู เพราะมนุษย์ จากคุณ : ไม่รู้จะคิดยังไง - [ 7 ก.ค. 51 22:43:43 A:58.64.75.136 X: TicketID:179711 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริง ๆ เมื่อสองปีก่อนก็มีการเตือนเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น แต่ไม่มีใครฟัง มองเห็นแต่ด้านบวกแต่ไม่ได้คำนวณผลกระทบและขีดความสามารถไว้ด้วย ในวันนี้จึงต้องเป็นอย่างนี้ ต้องมาเรียกร้องแก้ปัญหาที่แก้ยากเสียแล้ว เพราะไม่ได้ป้องกันมาก่อน        ตอนนี้ในบ้านเรา มีหลายกิจกรรมเหลือเกิน ที่ทำเพื่อ ลดโลกร้อนบ้าง CSR บ้าง ทำกิจกรรมอาสาบ้าง ที่ระยะสั้นอาจดูเป็นเรื่องดีและน่าชื่นชมแต่บาปบริสุทธิ์ที่อาจเกิดขึ้น (ทั้งที่คนทำมีจิตใจดีงามาก ๆ)  ที่อาจสร้างผลกระทบระยะยาวก็เกิดได้ทั้งสิ้นหากว่าไม่ได้คำนึงหรือป้องกันไว้ก่อน  วันหน้าเราก็จะมีเรื่องให้เสียใจอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกครับ  อย่างอีกอันที่กำลังจะมีก็คือการสร้างเขื่อนกันคลื่น ซึ่งสาเหตุจากตะกอนดินในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่มี(เขื่อนเจ้าพระยากั้นไว้หมด) ช่วง 20 ปีหลัง การกัดเซาะทวีความรุนแรง การกั้นคลื่นก็เชื่อว่าจะดักตะกอนจากทะเลได้อีกและลดความรุนแรงลง แต่แท้จริง ก็จะมีผลต่อเนื่องไปที่อย่างอื่นเช่นกัน ทุกอย่างเกี่ยวพันกันหมด  และจะเป็นข่าวในอีก 10 ปีหลังเขื่อนเสร็จ (ถ้ามีเกิดขึ้นครับ) ซึ่งผลกระทบนี้ แม้คนที่ไม่ได้ทำงานวิจัยก็ทราบได้ เพราะแท้จริงแทบทุกอย่างมี คนวิจัย ไว้แล้ว อยู่ที่จะดึงอันใดมาใช้ ด้วยเหตุผลเฉพาะหน้าอย่างไรเท่านั้นเอง ฝากชาว BP ไว้ให้ระวังการทำบาปบริสุทธิ์ด้วยนะครับ (ตัวผมเองก็เคยทำครับ และพยายามปรับแก้อยู่เช่นกัน) จากคุณ : Mr.OB1 - [ 7 ก.ค. 51 23:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เศร้าจัง... จากคุณ : ทำดีได้ดี - [ 8 ก.ค. 51 00:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยไปเที่ยวมาแล้ว อยากจะต่อยกับไกค์เลยด้วยซ้ำ ก่อนลงเรืออธิบายซะดิบดีอย่าถ่ายรูป ให้ใช้ความสงบ พอเรือ ออกเฮียแกสาดไฟตลอด สาดเข้าบ้านคนด้วย แล้วบอกว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยชอบ เคยยิงปืนขู่ด้วย (สมควรโดน) เรือบางลำก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดตลอด เรืออื่นๆ ก็เฉยๆ ไม่ว่าอะไร คนท้องถิ่น หากินแบบฉาบฉวย ไม่รักษาไว้ ก็คงหากินได้ไม่นาน จากคุณ : รังสี-X - [ 8 ก.ค. 51 01:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คห.ที่ 1 คะ  อ่านแล้วขำดีอ่ะ ดันไปล้วงกันที่หัวเรื่อ  เสียมารยาทมากเลยนะ ทำไมไม่มาล้วงกันหน้าแถวที่คุณนั่งนะ จะได้ดูแบบลิงไซด์ อิอิ อ้อ..เราว่าล้วงกันตรงหัวเรื่อ แล้วให้เค้าสาดไฟไปเลยก็คงดี  ได้ดูโชว์พร้อมทัวร์ฟรี จากคุณ : October2007 - [ 8 ก.ค. 51 02:50:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราว่าน่าจะมีมาตรการนะ  ก่อนที่จะสายไป อยากให้เขาระดมสมองกันในชุมชน  คุยกันให้ได้ข้อสรุปกันไปเลย จากคุณ : ไทยเจริญ - [ 8 ก.ค. 51 05:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่ผมทราบเขามีระดมสมองกันแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนทำ และหลังทำไประยะหนึ่ง และมีคนค้านและติงไว้แล้ว หัวข้อเดียวกันนี้เลย   แต่ไม่มีมาตรการอะไร แต่ทางด้านที่ประชุม และการเลือกของคนส่วนใหญ่ ณ ตอนนั้น  (ที่จริง ๆ เขามีจิตใจดีและหวังดีนะครับ มองที่มิติเดียว ส่วนเดียว คือ ความเจริญและการฟื้นชีวิตตลาด) ซึ่งก็มีคนที่ทำงานวิจัยอยู่ด้วย แต่งานวิจัยมีหลายแง่มุม  สุดท้ายผมไม่ได้ตามแต่เข้าใจว่าเสียงส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกทางเดินที่ดูดีในระยะแรก และดำเนินการตามนั้น  และเข้าสู่กระบวนการ  โปรโมต  ต่อไป          ทั้งนี้มีงานวิจัยคู่ขนานที่ทำแล้ว มีกรณีให้ศึกษาแล้ว มาเปรียบเทียบ ถ้าตอนนั้น ตัดสินใจฟังงานวิจัย โมเดล แม่ฮ่องสอน กรณีการจัดนำเที่ยวทัวร์ป่าชมชนเผ่ามาประกอบ ซึ่งกล่าวถึงการต้องทำ 1 2 3 เพื่อป้องกันผลกระทบ จากการโปรโมตพื้นถิ่น ชนเผ่า อัตตลักษณ์ท้องถิ่น มาเป็นเป้าการท่องเที่ยว  ก็จะนำมาใช้ได้ เช่น ถ้ากำหนด เรือต้องใช้การพาย หรือเครื่องยนต์ขนาดไม่เกินเท่าไหร่ กติกาการชม และ จำนวนสูงสุดของเรือ ก็จะทำให้มีมูลค่าเพิ่มและมีคุณค่ายิ่งขึ้น  คือยิ่งทำ หิ่งห้อยอาจจะยิ่งมาก คนต้องไปรอก็จริง แต่มีคุณค่า + หากมีการจัดการผลประโยชน์ให้คนริมฝั่ง และทุกฝ่ายมีส่วนร่วมป้องกัน  หากทำแต่ต้นจะแก้ปัญหาง่ายกว่านี้มาก                  การชูหิ่งห้อยมาเป็นตัวดึงนักท่องเที่ยวแบบ Mass เพียว ๆ มันขาดข้อสำคัญของการทำกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศไปชัดเจนคือ การคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับได้ และ การแบ่งปันผลประโยชน์กับทุกฝ่ายเพื่อสร้างความยั่งยืน     ซึ่งการทำแบบ Mass เน้น จำนวน นักท่องเที่ยวเน้นความดัง ซึ่งก็ทำให้ต้องเพิ่มจำนวนเรือให้มาก ต่อไปเมื่อหิ่งห้อยน้อย คนพูดต่อ ๆ กันไป ก็จะต้องมีการประท้วง หรือเรียกร้องให้รัฐช่วยอีก หรือ ปรับไปหาแหล่งหิ่งห้อยใหม่ อีกหลายคลองย่อย (ซึ่งจริง ๆ ยังมีครับ ) ทุกอย่างเกี่ยวพันกันหมด ...            และเมื่อป้องกันหรือคิดให้รอบคอบไว้ก่อน ก็ไม่ต้องมาแก้ปัญหาทีหลัง มาเสียใจกันทีหลัง เพราะมองในมิติเดียวแบบนี้อีก  การแก้ตอนนี้ ผมว่ายากกว่าเดิมมาก ยิ่งมีคนต่างถิ่น มีผลประโยชน์จำนวนไม่น้อย มีการลงทุนจำนวนมากไปแล้วด้วย       นี่แหล่ะครับที่เรียกว่า บาปบริสุทธิ์ คือ คนทำตั้งใจทำดีนะครับ แต่ไม่ได้เตรียมรับผลกระทบในระยะยาวไว้ก่อน    "การคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับได้ และการแบ่งปันผลประโยชน์กับทุกฝ่ายเพื่อสร้างความยั่งยืน" สามารถนำไปใช้ได้กับทุกโมเดลครับ  เรื่องแบบนี้ เมื่อ 4-5 ปีก่อน ผมเองคลุกคลีกับการท่องเที่ยวแนวนี้ เคยทำผิดมาด้วย และเคยเห็นหลายกรณี แต่ก่อนเราเห็นแต่ผมไม่พูดหรือพูดน้อยมากในประเด็นอย่างนี้ แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าต้องพูดให้ดังกว่าเดิม เท่าที่ทำได้ เพราะไม่อยากเห็นกรณีคล้ายกัน ซ้ำแล้วซ้ำอีกครับซึ่งผมเองก็เสียใจเหมือนกัน หวังว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นนะครับ จากคุณ : Mr.OB1 - [ 8 ก.ค. 51 07:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จริง ๆ เรากำลังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในยุค กระแส เห่อ อะไรก็ตามที่ โลกร้อน มีกิจกรรม ปลูกต้นไม้ ใช้ถุงผ้า แยกขยะ ประหยัดไฟ ทำฝาย ทำโป่ง ทำการท่องเที่ยวใหม่ ช่วยเหลือชนพื้นถิ่น โปรโมตจุดท่องเที่ยวใหม่ ตัวเจตนานั้นดีแน่นอน คนทำก็ดีด้วยครับ แต่จุดอ่อนที่เป็นคือ ผลกระทบนั้นส่วนใหญ่นั้นเราอาจจะยังไม่ค่อยคิด หรือถ้ามีคิดก็เลือกที่จะมองผ่านเพราะการเสพหรือสัมผัสความสุข จากการได้ให้ในช่วงต้น หรือ การโปรโมทในช่วงต้นมันเห็นชัด มองง่ายกว่า สิ่งที่ยังไม่เกิดมาก  ส่วนใหญ่จะเลือกมองแง่บวกช่วงสั้น ๆ เท่านั้นเอง ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้อยู่พักใหญ่นะครับ จนได้เริ่มเห็นและรับรู้ว่า เราควรต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนทำอะไร     จนไม่ละเลยสิ่งที่จะอาจจะเป็นผลร้ายไป และป้องกันไว้ก่อน เพียงแต่แก้ไขก่อนก็ไม่ทำให้เกิดปัญหาแล้ว มันเป็นเรื่องรายละเอียด เช่น ถ้าเราถามว่า ปลูกต้นไม้ดีไหม ตอบ อาจดีหรือไม่ดีก็ได้  (ตรงนี้แค่นี้ส่วนใหญ่ก็ตอบว่าดีแล้ว ยังไงก็ให้ปลูกเถอะ มากน้อยปลุกไปก่อน ดีแน่นอน) ปลูกต้นไม้ที่เชียงใหม่ดีหรือไม่ ตอบ อาจดีหรือไม่ดีก็ได้ ปลูกต้นไม้ที่เชียงใหม่บริเวณดอยหลวงเชียงดาวดีหรือไม่ ตอบ อาจดีหรือไม่ดีก็ได้ ขึ้นกับไม้และวิธีที่ปลูก ปลูกต้นไม้บริเวณดอยหลวงเชียงดาวด้วยวิธีการฟื้นฟูสภาพเดิมดีหรือไม่   ตอบ ดีหรือไม่ดีก็ได้ ต้องมีผลการวิจัยรองรับก่อน หลายคนบอกว่า โห ทำอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้ปลูกต้นไม้ล่ะ ลองเปลี่ยน ปรับใหม่นิดเดียว ปลูกต้นไม้สวนครัวในกระถางข้างบ้านคุณดีหรือไม่ ตอบ ดี เพราะ 1 2 3 4 ข้อเสีย หายาก ผลกระทบต่อสรรพชีวิต  น้อย จะเห็นว่าทุกอย่างมีรายละเอียด หากตั้งคำถามด้านผลกระทบก็จะรอบด้านขึ้น กิจกรรมทุกอย่างไม่ได้เหมาะสำหรับจะทำในทุกที่และในเนื้อที่เดียวกันก็ไม่ได้เหมาะในทุกจุด แต่ป้องกันได้หากทำอย่างรอบคอบ หวังว่ากรณีของอัมพวาเมื่อแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว จะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับจุดอื่น ๆ ต่อไปด้วย  ชุมชนที่นั่นเข้มแข็งนะครับ ผมคิดว่าจะแก้ปัญหาได้แน่นอน จากคุณ : Mr.OB1 - [ 8 ก.ค. 51 08:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตะกี้ก้อฟัง สินเจริญที่ 103.5 มาได้ข่าวมาเหมือนกัน น่าจะเปลี่ยนมาเป็นเรือฟายนะคะ ไม่มีเสียงเครื่อง ไม่มีมลภาวะ และให้นักท่องเที่ยวช่วยกันพาย คงสนุกไปอีกแบบ ^^ กว่าจะมีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้ ชาวอัมพวาคงไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้หรอกคะ หวังเหมือนกันค่ะ ว่าทุกคนทั้งชาวอัมพวาและนักท่องเทมี่ยวจะร่วมมือกัน ^^ Ps. คุณ MoonClock~* เจอแบบนั้นคงรู้สึกแย่เนอะ Ps2. คุณ Mr.OB1 ชัดเจน มากค่ะ ^^ *** รัก - อัมพวา - เจ้าค่ะ !! แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 51 08:14:18 จากคุณ : GunOey - [ 8 ก.ค. 51 08:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 8 ก.ค. 51 08:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราไปมาปีที่เเล้ว พักโฮมเสตย์แห่งนึง ซึ่งเค้ามีบริการชมหิ่งห้อยด้วยเรือพาย ซึ่งคุณลุงเจ้าของที่พักพาไปด้วยเรือพาย เเละไฟฉาย 1 กระบอก พอถึงจุดที่มีหิ่งห้อยเยอะๆก็โดนพวกเรือทัวร์ขับเเบบเบียดๆอ่ะ ว่าประมาณว่าพายช้าก็หลบๆไปหน่อย เราก็เลยบอกว่าถ้าขับเร็วอย่างคุณกลัวจะไปตายข้างหน้า เกือบโดนชกปากเเนะ สงสารคุณลุงอ่ะ จากคุณ : Volky - [ 8 ก.ค. 51 09:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จัดให้มีชมหิ่งห้อย ปีละครั้งก็พอแล้ว ส่วนเรื่องตลาดน้ำ ไปเที่ยวได้ตามปกติ เหมือนไปชมทุ่งดอกกระเจียวอะไรเงี้ยะ ปีละครั้งก็พอ มันจะอะไรกันนักหนาถ้าไม่ได้ดูหิ่งห้อย เบื่อไอพวกเสียผลประโยชน์เรื่องนี้ จากคุณ : เหอ - [ 8 ก.ค. 51 10:33:03 A:58.64.74.99 X: TicketID:179711 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เคยpostไปแล้วซักประมาณปลายปีก่อน ว่าคนแถวนั้นเค้าตัดต้นลำพูที่บ้านกันหมดแล้ว ไม่ไหวครับนอนกันไม่ได้เลยดึกๆมีคนมาส่องไฟทุกคืนๆ เสียงดังด้วย ถ้าทนได้ก็คงไม่อยากตัดกันหรอกครับ จากคุณ : Losatan - [ 8 ก.ค. 51 12:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ที่เกาะช้างเค้าใช้เรือพายกันนะคะ จากคุณ : เชอรี่ (richy richy) - [ 8 ก.ค. 51 13:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กำลังจะตามประสาทเขาพระวิหารไปอีกทีแหละครับ ถ้าไม่ช่วยกันนึกแต่ผลประโยชน์ คงเร็ววันนี้แหละ จากคุณ : chilired - [ 8 ก.ค. 51 19:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ธรรมชาติลงโทษ จากคุณ : จิ้งจอกเงิน - [ 9 ก.ค. 51 16:54:39 ]