เมื่อวาน (๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑) ดูข่าวจากสถานีโทรทัศน์ ThaiPBS รายงานว่า กรุงเทพมหานครแห่งไทยแลนด์ ได้รับการลงคะแนนจากผู้อ่านนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่งว่า เป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลก แต่ผู้ประกอบการบริษัททัวร์เป็นกังวลกับการที่คนไทยไม่นิยมเที่ยวเมืองไทย หันไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น เราเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่เป็นดั่งนี้ ใช่ว่าเมืองไทยจะไม่มีที่น่าเที่ยวเอาเสียเลย แต่เราก็มีเหตุผลของเราเอง ประมวลได้ดังนี้
๑. ต้องการเรียนรู้ ชื่นชม ดื่มด่ำและสัมผัสกับสิ่งที่เมืองไทยไม่มี เหมือนเป็นการสร้างกำไรให้ชีวิต หาใช่ว่าไม่รักเมืองไทยอย่างที่ชอบเหมาว่ากัน
๒. ค่าทัวร์เมืองไทยกับต่างประเทศเมื่อเอาคุณภาพและปริมาณมาเปรียบเทียบดูแล้ว ราคาไม่ต่างกันมากนัก แถมบางแห่งทัวร์ในเมืองไทยยังแพงกว่าต่างประเทศเสียอีก
๓. ข้อนี้สำคัญมากสำหรับเรา เหตุเพราะผู้ประกอบการทัวร์ โดยเฉพาะโรงแรมของคนไทยที่พอมีระดับอยู่บ้าง ดูถูกและทำเป็นไม่เห็นหัวนักท่องเที่ยวไทย เรามีเหตุผลมาสนับสนุน คือ ที่จังหวัดกระบี่เคยไปพักโรงแรม
ที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในตัวเมืองกระบี่แถว ๆ เขาขนาบน้ำ ตัวอาคารโรงแรมอยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ ๑ กม.เมื่อไปถึง เราได้ติดต่อยามของโรงแรมที่
ตู้ยามประตูทางเข้า ให้ทางโรงแรมเอารถของโรงแรม เป็นรถอย่างที่ใช้กันในสนามกอล์ฟ ซึ่งโรงแรมมีไว้บริการแขกที่มาพัก ให้มารับหน่อย เนื่องจากเรามีคุณแม่ซึ่งอายุกว่า ๘๐ ปีมาด้วย ยามคนนั้นก็ได้วิทยุแจ้งไปยังโรงแรม และเราก็ได้ยินเสียงทางวิทยุถามกลับมาว่า คนไทยหรือฝรั่ง ยามก็ตอบกลับไปว่าคนไทย หลังจากนั้นเราก็นั่งรอเป็นครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีคนของโรงแรมเอารถมารับ จึงจำต้องเดินเข้าไปเองอย่างทุลักทุเล ที่จังหวัดสกลนคร ไปเที่ยวงานแห่ประสาทผึ้งไปพักที่โรงแรมที่ถือว่าดีที่สุดในตัวเมืองของจังหวัด อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองไกลหลายเหมือนกัน ขาไปโรงแรมส่งรถของโรงแรมมารับที่สถานีขนส่งฟรี แต่ขากลับถ้าจะให้รถโรงแรมไปส่งต้องเสียค่ารถ ซึ่งแพงกว่ารถประจำทางที่วิ่งผ่านหน้าโรงแรมอยู่หลาย ที่จังหวัดอุบลราชธานี ไปเที่ยวงานแห่เทียนเข้าพรรษา พักโรงแรมที่ได้ชื่อว่าเคยดีที่สุดและเก่าแก่ที่สุดของจังหวัด ที่มีชื่อแปลว่าดอกบัวอยู่ด้วย (ไม่ใช่โรงแรมอุบลโฮเต็ลหรอกนะ)โดยก่อนหน้านั้นได้โทรศัพท์ไปจองก่อนล่วงหน้าเป็นหลาย ๆ เดือน โรงแรมบอกว่าห้องธรรมดาเต็มแล้ว มีแต่ห้อง Deluxe ราคา ๑,๙๐๐ บาท (ราคาเมื่อปี ๒๕๔๖)เราก็เข้าใจ เพราะช่วงนี้เป็นงานเทศกาลค่าโรงแรมย่อมแพงกว่าปกติธรรมดา จึงได้โอนค่าห้องทั้งหมดไปให้ก่อนล่วงหน้า แต่เมื่อเข้าพักกลับเป็นห้องพักธรรมดา ๆ มีสภาพเก่าสกปรก ไม่มีคุณลักษณะห้อง Deluxe เลย ถือว่าเป็นการเอาเปรียบและดูถูกกันมาก สภาพห้องอย่างนี้ ถ้าในภาวะปกติราคาไม่น่าจะเกิน ๕๐๐ บาท แต่ในหน้างานเทศกาลอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะเกิน ๑,๐๐๐ บาท หากสภาพห้องเป็นดังโรงแรมลายทอง หรือโรงแรมอุบลบุรีรีสอร์ทที่เคยไปพักมา แม้ราคา ๑,๙๐๐ บาท ก็รับได้ไม่ติดใจอะไร และจากการที่ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อจะจองโรงแรมในจังหวัดต่าง ๆ (ตามปกติเมื่อจะไปเที่ยวตามจังหวัดต่าง ๆ มักจะหาโรงแรมที่ดูดีหน่อย ในระดับ ๓- ๔ ดาว แต่ก็ไม่ถึงกับเริดหรูอะไรนักหรอก) คำถามแรกที่ได้รับตอบจากโรงแรม นั้น ๆ คือ คนไทยหรือฝรั่ง หรือก็ได้รับคำตอบว่าห้องพักเต็ม หรือห้องธรรมดาเต็ม มีแต่ห้อง Deluxe ซึ่งแพงกว่า ในกรณีอยางนี้เราเคยจับเท็จโรงแรมได้ มีอยู่ครั้งหนึ่งต้องการมาพักที่โรงแรมที่อยู่คนละฝากถนนเยื้อง ๆ กับสถานีรถไฟหัวลำโพง เพราะดูดีหน่อยเป็นตึกสูงหลายสิบชั้น ได้โทรศัพท์มาสอบถามก่อน ก็ได้รับคำตอบว่าห้องธรรมดาเต็ม แต่เมื่อถึงวันจริง เข้าไปติดต่อห้องพักเองเลย ก็ปรากฏว่าห้องธรรมดามีว่างเพียบ
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า เหตุใดเราจึงไม่อยากจะเที่ยวเมืองไทย ผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ดี ททท.ก็ดี ก็น่าจะรู้ และควรจะหาทางแก้ไข ปัญหาที่ต้นเหตุนี้เสีย ไม่ใช่ดีแต่รณรงค์ให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยอย่างไม่ลืมหู ลืมตา
แล้วคุณล่ะ เห็นเป็นอยางไร
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 17:27:43
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 13:47:43
แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 51 13:44:25